Tsurune. One-Shot.Fic [Masaki x Minato] Fuwafuwa : END


Tsurune. One-Shot.Fic [Masaki x Minato]   Fuwafuwa : END

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 
: Takigawa Masaki x Narumiya Minato
: Warmhearted
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    
         





เหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะเห็นเด็กหนุ่มร่างบางอย่างนารุมิยะ มินาโตะอยู่ที่โรงฝึกธนูของศาลเจ้าทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด

เขามักจะมาที่นี่...ในวันที่ไม่มีการเรียนการสอน ไม่มีซ้อม และมีคนใช้งานอยู่แค่คนเดียวนั่นก็คือร่างสง่างามที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางห้องเรียบโล่งคนนั้น

ทาคิกาว่า มาซากิหันมายิ้มให้เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไป คันธนูในมือถูกลดระดับลงเล็กน้อย ท่วงท่าที่งดงามเสมอยามเมื่อมีธนูอยู่ในมือคือสิ่งที่ทำให้เขาหันมาเข้าๆออกๆโรงฝึกแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว จนนี่ก็ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน

“มาแข่งกันไหมมินาโตะ”   จู่ๆเสียงทุ้มก็ดังออกมาจากคนที่ยังยืนอยู่หน้าเป้ายิงธนู ร่างที่อยู่ในชุดฮากามะเอ่ยกับเขาทั้งๆที่สายตายังมองตรงไปข้างหน้า

“ใครแพ้วันนี้ต้องรับใช้อีกฝ่ายทั้งวันดีไหม?”  จะมีก็แต่ประโยคหยอกเย้าแบบนี้แหละที่มาสะซังพูดจบแล้วมักจะหันมาหาเขาด้วยท่าทางขี้เล่น

“เห๋~ ไม่เอาหรอกครับ มาสะซังก็รู้ว่าผมยังไม่หาย แล้วจะเอาอะไรไปสู้มาสะซังได้ล่ะครับ”  เขาเอ่ยออกไปอย่างยอมรับความจริง นารุมิยะ มินาโตะนั้นเคยเป็นนักธนูฝีมือดีที่น่าจะมีอนาคตไกล...ถ้าไม่ป่วยด้วยโรคที่จากสภาวะจิตใจเข้าเสียก่อน เขามีอาการตื่นกลัวเป้ายิงธนู ทำให้ไม่สามารถจะยิงธนูได้เหมือนเดิม และตอนนี้ก็กำลังค่อยๆรักษา โดยมีมาสะซังคอยช่วยเหลืออยู่

“ฉันต่อให้ก็ได้น่า...อืม...นี่เป็นไง?”  ร่างสง่างามเดินกลับไปที่ชั้นเก็บของก่อนที่มือใหญ่จะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก นัยน์ตาสีมรกตจึงเหลือบลงไปมองแถบผ้าสีน้ำเงินเข้มที่วางอยู่บนมือของมาสะซังอย่างสงสัย

“อะไรครับ?”

“ผ้าปิดตาไง  นายยิงของนายตามปกติ ส่วนฉัน...จะปิดตาเอาไว้”   นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองอย่างไม่วางใจ แต่กระนั้นก็คิดว่าต่อให้เก่งอย่างมาสะซังก็เถอะ ถ้ามองไม่เห็นก็ไม่น่าจะยิงเข้าเป้ามากกว่าเขาที่ใช้สองตามองหรอก ริมฝีปากสีระเรื่อจึงรับคำท้าทายนั่นไป

“ก็ได้ครับ ถ้าแพ้แล้วก็อย่ามาโอดครวญนะครับ”

“จะยินดีรับใช้นายทุกอย่างเลย”   เขาละเกลียดใบหน้าที่หยอกเย้าเขาอย่างอ่อนโยนนั่นจริงๆ เพราะมันทำให้หัวใจที่เคยสงบนิ่งค่อยๆสั่นไหว

“ให้มันจริง”








ถุงมือสำหรับใช้ยิงธนูที่เขามักจะพกติดตัวตลอดเวลาถูกสวมใส่ เขาไม่ได้เปลี่ยนชุดเพราะยังไงก็คงตัดสินแพ้ชนะภายใน 4 ดอก

นารุมิยะ มินาโตะเป็นคนเริ่มยิงก่อน


รับใช้เร๊อะ...รับใช้เนี่ยนะ....


ประโยคเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวบ่งบอกว่าเขามีความดื้อรั้นอยู่ในตัว ถึงจะเผลอรับปากไปแต่เขาก็ไม่อยากแพ้ ไม่อยากจะต้องไปรับใช้หรือทำตามคำสั่งใคร ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นมาสะซังก็เถอะ...ไม่สิ เพราะเป็นมาสะซังนี่แหละถึงไม่อยากจะแพ้ อีกฝ่ายจะสั่งให้เขาทำอะไรบ้างก็ไม่รู้


รับใช้เร๊อะ...รับใช้เนี่ยนะ!!!


ลูกธนูพุ่งตรงออกไป ถึงจะยังไม่หายดีแต่อย่างน้อยสามในสี่ก็เข้าเป้าให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

มาสะซังยืนมองเขาอยู่ข้างหลัง ใบหน้าหล่อเหลานั่นมักจะยิ้มบางๆทุกครั้งที่ดูเขายิงธนู


“ตาคุณแล้วครับ”

มาสะซังขยับไปยืนแทนที่เขาก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั่นจะนั่งลงด้วยท่วงท่าสง่างาม

“ผูกให้หน่อยสิ มินาโตะ”  ฝ่ามือข้างที่ไม่ได้ใส่ถุงมือสำหรับยิงธนูยื่นผ้าปิดตามาให้เขา มือบางรับมันมาก่อนจะพาดไว้บนข้อมือ

สองมือรวบเส้นผมสีน้ำเงินออกจากใบหน้าของมาสะซังอย่างนุ่มนวล ยามเย็นของฤดูใบไม้ร่วงนั้นมืดเร็วเพราะฉะนั้นรอบกายของพวกเขาในตอนนี้จึงมีเพียงความเงียบงัน แสงจันทร์สาดกระทบฝ่ามือที่ทาบผืนผ้าลงบนใบหน้าได้รูปก่อนจะมัดปมเอาไว้ด้านหลัง ภาพของคนสองคนที่ยืนและนั่งอยู่เคียงข้างกันในโถงยิงธนูกว้างๆนั้นช่างสวยงามละมุนละไมอย่างบอกไม่ถูก

มินาโตะขยับออกมานั่งอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้มาสะซังค่อยๆยืนขึ้นพร้อมกับคันธนูในมือ เขาไม่เคยเบื่อที่จะมองอีกฝ่ายเลย เขายังจำความรู้สึกแรกที่เห็นมาสะซังยิงธนูได้ ถึงเขาจะมาพบอีกฝ่ายเข้าด้วยความบังเอิญแต่ท่วงท่าการขึ้นธนูเตรียมยิงที่สวยงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมันก็ยังตราตรึงอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้

ขนาดปิดตา...มาสะซังก็ยังสง่างามไม่เปลี่ยนเลย...

หากถามเขาว่าจะตกหลุมรักใครสักคนได้ยังไง...นี่แหละคือคำตอบ


เสียงทสึรุเนะก้องกังวานเมื่อลูกธนูในมือมาสะซังแหวกอากาศออกไป มันทำให้เขาตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า


และขนาดปิดตา....มาสะซังก็ยังยิงเข้าเป้าทุกดอก...

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่จะชนะคือใคร









“แล้วนี่ต้องใส่เสื้อยืด “คนรับใช้” นั่นด้วยรึเปล่าครับ”  นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองมาสะซังอย่างคลางแคลงใจในความพ่ายแพ้ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าคนคนนี้จะรู้อยู่แล้วหรอกนะว่าตัวเองยิงธนูทั้งๆที่ปิดตาได้ อย่างมาสะซังทำได้แน่ๆน่ะ เขาไม่น่าหลงกลอีกฝ่ายเลยให้ตายสิ

“อะฮ่าๆๆๆ อ่านั่นสินะ...”   ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะร่าก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นๆที่ดูไม่น่าไว้ใจ ร่างสูงใหญ่ลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นิดหน่อยก็เดินเข้าไปหยิบผ้าพับหนึ่งออกมา

“เสื้อยืดคนรับใช้นั่นมันของชมรมยิงธนูที่โรงเรียนนาย...แต่นี่ต่างหาก...ชุดคนรับใช้ของฉัน”  เขารับผ้าพับนั้นมาคลี่ออกดูก่อนจะรู้ว่ามันเป็น

“ฮากามะ?”   มันไม่ใช่ฮากามะสีทึมๆอย่างฮากามะที่ใช้ใส่ตอนยิงธนู แต่ฮากามะนี่ชวนให้รู้สึกราวกับเป็นฮากามะที่คนในศาลเจ้าใช้กัน แบบเดียวกับของมาสะซัง?

“ของคุณตาอีกแล้วเหรอครับ?”

“อันนี้ของนาย”

“หื๋อ? ของผม?”

มาสะซังไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่ช่วยเปลี่ยนกิโมโนชุดนั้นให้เขาด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหมายความว่ายังไง...ทำไมถึงเตรียมฮากามะชุดนี้เอาไว้ให้เขา...เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่แน่ใจ...










“แล้ว...จะให้ทำอะไรครับ?”  ใบหน้ามนหันมองรอบกาย ภายในศาลเจ้าเองก็ดูเรียบร้อยดีทุกอย่าง ไม่มีหญ้ารกๆให้เขาต้องถอน พื้นโรงฝึกยิงธนูก็สะอาดเป็นเงาวับ ข้าวของทุกอย่างก็ถูกเก็บเข้าที่เข้าทางเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เขามองไม่เห็นเลยว่าจะมีอะไรให้เขาต้องทำอีก

“อืม...งั้นก็เริ่มจาก...ทำอาหารเย็น”   มาสะซังชี้นิ้วขึ้นมา ส่วนเขาก็ได้แต่ผงะไป นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองอีกฝ่ายก่อนจำต้องทำตามคำสั่งที่คาดไม่ถึงนั่น

เจ้าของบ้านเดินนำเขาเข้าไปในครัว

“ทำหมูผัดขิงเป็นไหม?”

“ครับ”  อยู่ที่บ้านเขาก็ทำให้พ่อกินบ่อยๆ

“ถ้างั้นก็ทำให้ฉันกินหน่อย น่าจะมีวัตถุดิบอยู่ในตู้เย็นนะ”  เขาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเอาของที่ต้องใช้ออกมา ห้องครัวของมาสะซังสะอาดเรียบร้อยทำให้เขาหาของได้ไม่ยาก มือบางเริ่มจากหั่นหมูก่อน

“ทำไมถึงรู้ว่าผมทำกับข้าวเป็นล่ะครับ”  ริมฝีปากสีระเรื่อพูดกับคนที่ยืนพิงประตูดูเขาอยู่เพราะจะว่าไปเขาก็ไม่เคยบอกใคร นอกจากเซยะแล้วก็ไม่น่าจะมีใครรู้อีก

“เพราะฉันมักจะได้กลิ่นอาหารมาจากตัวนาย...แล้วบางครั้งมันก็ทำให้ฉันอยากกิน...”   เสียงทุ้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ โดยเฉพาะช่วงท้ายประโยค

“อยากกิน? อาหารฝีมือผมน่ะเหรอ? ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่าหรอกนะครับ”  แล้วก็เป็นอีกครั้งที่นารุมิยะ มินาโตะตอบกลับไปด้วยความไร้เดียงสา คนที่ยืนหั่นผักอยู่นั่นดูท่าจะไม่รู้จริงๆว่าร่างสูงใหญ่พูดออกไปด้วยความหมายยังไง

“อุ๊บ หึๆๆ”  คนที่ยืนพิงประตูถึงกับกุมท้องหัวเราะ แต่ก็เพราะแบบนี้แหละน้าถึงได้ทำให้เขาเข้าไปพัวพันด้วย ทาคิกาว่า มาซากิเหลือบมองใบหน้างงๆนั่นก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

“มาสะซัง?”

“ใช่...อาหารนั่นแหละ ใกล้เสร็จหรือยังล่ะ?”

“อ่ะ รอผัดก่อนนะครับ”   มินาโตะหันไปกุลีกุจอทำอาหารต่อ ร่างสูงใหญ่จึงยืนมองท่าทางคล่องแคล่วนั่นด้วยความเพลิดเพลิน

เขาพบกับมินาโตะในค่ำคืนวันหนึ่ง เขากำลังยิงธนูดอกที่เก้าพันเจ็ดร้อยแต่กลับมีเด็กผู้ชายแปลกหน้ามาแอบดูและถูกจับได้โดยฟู นกฮูกของเขา เด็กคนนั้นเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจและปฏิเสธการยิงธนูอย่างแข็งกร้าวทั้งๆที่น่าจะชอบธนูมากและที่แอบมาดูก็เพราะได้ยินเสียงทสึรุเนะของเขา สายตาที่ปวดร้าวของเด็กคนนั้นทำให้เขาติดใจ วันถัดไปเด็กคนนั้นก็ยังแอบย่องมาดูเขาอีก วันนั้นเขาจึงได้รู้ว่าเพราะอะไรมินาโตะถึงปฏิเสธที่จะยิงธนูอีก...เด็กคนนั้นป่วย...เป็นโรคเดียวกับที่เขาเคยเป็น และเขาก็เข้าใจความเจ็บปวดนั้นดี ความสัมพันธ์ของเรามันคงเริ่มมาจากจุดนั้น

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาตกหลุมรักเด็กนั่น ในคืนธนูหมื่นดอกของเขาต่างหากที่ความรักเริ่มก่อตัวขึ้นมา

มินาโตะเข้าใจผิดว่าเขาตายไปแล้วเพราะไปฟังโอตะซังที่จำชื่อเขาสลับกับทาคิซาว่าซังที่เสียไปเมื่อปีก่อน เด็กนั่นคิดว่าเขาคือวิญญาณและเมื่อเขายิงธนูครบหนึ่งหมื่นดอก วิญญาณของเขาก็จะหายไป

ในขณะที่กำลังจะยิงธนูดอกสุดท้าย มินาโตะก็วิ่งเข้ามากอดเขาเอาไว้



“อย่าหายไปนะ! ผมชอบการยิงธนูของมาสะซัง อยากเห็นมากกว่านี้ ทั้งที่ได้เจอกันแล้ว ขอร้องล่ะ...อย่าหายไปเลยนะ”



ประโยคเหล่านั้นถูกตะโกนออกมาและมันยังก้องอยู่ในหัวใจของเขา ความจริงเขาตั้งใจจะเลิกยิงธนูแล้วจริงๆ แต่เพราะมินาโตะ เพราะเด็กคนนั้นตะโกนออกมาจากหัวใจ...ว่าชอบการยิงธนูของเขา ชอบจิตวิญญาณของเขา...

มีหลายพันหลายหมื่นคนชื่นชมเขา แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกเขาอย่างห้าวหาญราวกับลูกศรที่พุ่งตรงมาปักเข้ากลางหัวใจขนาดนี้มาก่อนเลย...

ถึงจะเข้าใจผิดเหมือนเด็กๆ แต่มินาโตะก็ช่วยเขาเอาไว้จริงๆ...ธนูดอกสุดท้าย ธนูดอกที่หนึ่งหมื่น เขาจึงยกให้มินาโตะเป็นคนยิง...เพื่อให้เขาทิ้งวังวนเดิมๆแล้วเริ่มต้นใหม่ เพื่อให้มินาโตะกลับมาสู้กับโรคร้ายที่คุกคามจิตใจแล้วยิงธนูได้อีกครั้ง

เขาจะสู้ไปพร้อมๆกับเด็กคนนี้


แต่ตอนนี้...กลิ่นหมูผัดขิงหอมมากทีเดียว

มินาโตะทำกับข้าวเพิ่มให้อีกสองอย่างและตอนนี้เขาก็กำลังคีบเข้าปาก

“อร่อย”  เขาเอ่ยชมออกไปและแก้มใสของคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็ขึ้นสีระเรื่อน่ามอง เขาไม่ได้ชมไปอย่างงั้นแต่มันอร่อยจริงๆ

“เค้าเรียกว่าอะไรนะ...รสมือแม่?”  ทำไมเขาถึงชอบเย้าแหย่มินาโตะนักก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะคิ้วที่ย่นเข้าหากันกับดวงตาสีมรกตกลมโตที่เปลี่ยนเป็นรีขวางนั่นมันน่ารักดีก็เป็นได้

“ทานๆไปเถอะครับ” 








มื้ออาหารผ่านไปแต่เขาก็ยังยึดตัวมินาโตะไว้ไม่ให้กลับบ้าน ชานเรือนยาวตลอดแนวอาคารถูกใช้เป็นที่นั่งจิบชาชมจันทร์ของพวกเขาอยู่ในขณะนี้

“ผมเห็นมีขนมอยู่ในครัว เดี๋ยวไปเอามาให้นะครับ”  เขามองตามแผ่นหลังของมินาโตะไป ร่างโปร่งบางเหมาะกับฮากามะสีอ่อนของศาลเจ้าจริงๆ มือใหญ่ยกชาขึ้นจิบก่อนจะหันมาทอดสายตามองดวงจันทรา...และเมื่อมินาโตะกลับมา...


ตุบ...


เขาดึงมินาโตะให้นั่งลงมาบนหน้าตักก่อนจะกอดกระชับแผ่นหลังโปร่งบางนั่นเอาไว้ มินาโตะยังคงถือจานขนมด้วยใบหน้ามึนงงทำเอาเขาเผลอหัวเราะในลำคอ

“ช่วยเป็น...ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ฉันกอดหน่อย”  มือบางค่อยๆวางจานขนมลงอย่างระมัดระวัง

“อะไรละครับนั่น...”  ใบหน้ายุ่งที่ขึ้นสีระเรื่อบนโหนกแก้มหันมามองเขาก่อนจะต้องหันกลับไปเมื่อเขาขยับใบหน้าไปเกยไหล่บางนั่นเอาไว้

“เถอะน่า...ขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะมินาโตะ”  อ้อมแขนกอดกระชับเอวบางที่อยู่ในกางเกงฮากามะให้แผ่นหลังของมินาโตะแนบชิดกับแผงอกของเขาจนแทบจะจมหายไปในอ้อมกอด

“.....ครับ”  มินาโตะรับคำเบาๆก่อนจะยอมให้เขากอดต่อไป ใบหน้าของเขาซบอยู่ที่ลาดไหล่บอบบาง  มินาโตะน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขารู้สึกยังไง เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนยอมให้ผู้ชายด้วยกันกอดในลักษณะนี้...แต่บางทีเขาก็คิดว่าเขาควรจะทำให้มันชัดเจน

“มินาโตะ...”   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกทั้งๆที่ยังไม่ยอมละใบหน้าจากไหล่บาง

“หื๋ม?”  มินาโตะตอบกลับมาเขาจึงขยับใบหน้าไปใกล้ๆใบหูของมินาโตะ


SUKI 


เสียงที่กระซิบออกไปนั้นมันก้องกังวานยิ่งกว่าเสียงทสึรุเนะเสียอีก ก้องกังวานและชัดเจนท่ามกลางความเงียบงันที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นอีกหลายวินาที

“....ช่วยบอกความหมายคำว่าชอบของมาสะซังด้วยครับ ผมจะได้ไม่เข้าใจผิดไปเอง”  มินาโตะค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับเขาก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา มินาโตะเป็นคนที่ยอมรับกับความอ่อนแอของตัวเองและมันทำให้เขาอยากจะปกป้อง แต่ทุกครั้งความตรงไปตรงมาที่กล้ายอมรับทุกอย่างที่ตัวเองเป็นนั้นมันกลับเป็นความเข้มแข็งของมินาโตะที่ทำให้เขาหลงใหลเช่นกัน เขายิ้มให้นัยน์ตาสีมรกตที่ช้อนมองขึ้นมาอย่างรอคำตอบก่อนจะพูดออกไปตรงๆเช่นกัน

“อยากกินอาหารฝีมือมินาโตะทุกวัน อยากอยู่ด้วยกัน อยากกอด อยากจูบ อยากมีอะไรด้วย”   เขาดึงคนที่พลิกกายมานั่งเผชิญหน้าเข้ามากอดอีกครั้ง ท่อนแขนแข็งแรงกอดลำคอเล็กเอาไว้ก่อนจะแนบหน้าลงไปกับกลุ่มผมสีดำสนิท

“รัก...”  เขากระซิบบอกคนในอ้อมแขนอีกครั้งก่อนต่างฝ่ายจะจมหายไปในร่างกายของกันและกัน

“แล้วคำตอบของมินาโตะล่ะ”  นัยน์ตาสีน้ำเงินเหลือบมองใบหน้าที่ซบอยู่ที่แผงอก มินาโตะเงยมองเขานิ่งๆอยู่พักหนึ่งก่อนจะผลักตัวเองออกไป

“นี่ครับ”   มือบางยื่นผ้าที่เคยใช้ปิดตาเขาตอนยิงธนูมาให้ เขาจึงมองกลับไปที่มินาโตะด้วยสีหน้าสงสัย

ร่างโปร่งบางยืดตัวคุกเข่าในขณะที่ขยับมาใกล้ๆเขา ฝ่ามือบางรวบเส้นผมของเขาขึ้นก่อนจะใช้ผ้าผืนนั้นปิดตาของเขาเอาไว้ ปลายผ้าที่ถูกมัดอยู่หลังศีรษะขยับนิดๆเมื่อลมพัดมา

สายลมวูบไหวต้องใบหน้า ท่ามกลางสองหูที่ไม่ได้ยิน แต่กลับมีกลิ่นของมินาโตะอยู่ใกล้ๆ

ท่ามกลางดวงตาที่มองไม่เห็นอะไร สัมผัสหนึ่งกลับชัดเจน

สัมผัสนุ่มนิ่มราวกับปุยนุ่นที่ประทับลงบนกลีบปากของเขา


มินาโตะ...กำลังจูบเขาอยู่...


“นี่คือคำตอบของผม”   มือใหญ่ขยับดึงผ้าปิดตาออกด้วยอาการเหม่อลอย และสิ่งแรกที่มองเห็นก็คือใบหน้าของมินาโตะที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่

รอยยิ้มของเขาเองก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเช่นกัน เขายิ้มออกมาจากหัวใจที่มันกำลังอบอุ่นและมีความสุขมากในตอนนี้


“ฮู้ว แมนจังน้า แฟนชั้นเนี่ย”  เขาหยอกเย้ามินาโตะแก้เขิน แล้วก็ไม่ได้มีแต่เขาที่เขิน มินาโตะเองก็หน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่เลยเหมือนกัน

“ฟะ แฟนอะไร...”  มือใหญ่ดึงร่างโปร่งบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง และคราวนี้เขาเป็นคนจูบมินาโตะบ้าง


แค่สัมผัสแผ่วเบาแต่กลับกรุ่นไปด้วยไอรักอบอวล


เขาละใบหน้าออกมาก่อนจะยิ้มให้กัน ก่อนจะเอ่ยประโยคนั้นออกไป



“จูบกันแล้ว ก็ต้องเป็นแฟนกันสิ จริงไหม มินาโตะ?”








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End




ลงไปดิ้นปิดหน้าอยู่กับพื้นด้วยความเขิล >/////< ตรูจะไม่ทนกับอนิเมะกีฬา(?)เรื่องนี้อีกต่อไปยยยยยยยยฟฟฟฟ

ค่ะ Tsurune kazemai koukou kyudou-bu ค่ะ อนิเมะงานดีจากเกียวอนิที่เพิ่งฉายตอนที่ 4 ไปนี่เองค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะแอบๆดูเหมือนหลายๆเรื่องในช่วงนี้ แต่หลายๆฉากทำคุณกวางไม่ทนจริงๆค่ะ อร๊ากกกกกก

คือตกหลุมพรางตั้งแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชมรมยิงธนูแล้วค่ะ ละยังจะชุดฮากามะอีก =q= แถมมาสะซังนี่งานดีมากกกกกกกก ฟีโรโมนกระจุยกระจายมากผู้ชายอัลไล อร๊ายยยย ชอบท่ายิงธนูของมาสะซังจริงๆค่ะ เป็นเด็กก็หลงอ่ะ =q=

ส่วนฟิคนี่มันเริ่มมาจากตอนที่ 4 นี่แหละค่ะ ตอนที่เค้าแบ่งฝ่ายแข่งกัน ใครแพ้ต้องรับใช้ฝ่ายชนะนั่นแหละ ละขำมินาโตะมากกกกกก คือในขณะที่กำลังจะยิงธนู ก็จะมีแบบความคิดของแต่ละคนในตอนนั้น อย่างนานาโอะก็ไม่อยากให้คัจจังเด่นคนเดียว ไคโตะก็จะแพ้ไม่ได้เพราะมาสะซังดูอยู่ เรียวเฮก็ตื่นเต้นไปหมดแล้วเหงื่อออกเต็มมือ เซยะก็นี่เป็นแผนการของทาคิกาว่าซังสินะ คือทุกคนสมเป็นตัวเองมากอ่ะ5555 แต่ที่ชอบสุดก็ของมินาโตะนี่แหละ   “รับใช้เร๊อะ...รับใช้เนี่ยนะ....”  55555+ คือหน้านิ่งๆดูเหมือนจะเชื่อฟังเหมือนจะว่านอนสอนง่ายแต่จริงๆแล้วแอบดื้ออ่ะ 5555+ น่าร้าก ไม่ยอมแพ้กับเรื่องอะไรเนี่ยลูก 5555

ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ เป็นวันช็อตฟิคสนองนี้ดตัวเองแท้ๆ5555+ ก็ภาพก็ฉากในเรื่องอยากสวยทำไมยยยย >/////<




4 ความคิดเห็น:

  1. ดีงามมมมมมม จังเลยค่ะ♡♡♡
    #เดี๋ยวนะคะ ไหดองเรื่องอื่นล่ะคะ5555

    ตอบลบ
  2. มาสะซังคะะะ​ ใจเย็นค่ะ​ นักบวชนะคะ​ ศาลเจ้านะคะ​ จะบุ่มบ่ามไม่ได้​ กรี๊ดดดด​ อ่านไปคืออยากสำลักความเนียนกาม(?)​ของคุณเขา​ ให้ตายสิ​ มาสะซังอยู่เฉยๆ​ มินาโตะก็รักแล้ว​ จะขยันหยอดอะไรนักหนา​ คนแถวนี้เขินนะ​ กรี๊ด​ มินาโตะแมนจริงๆ​ แหละค่ะ​ เผลอๆ​ จะแมนกว่าใครซะอีก​ ติดที่ออร่ามันไม่ได้(...)​ ดีนะที่ให้ทำอาหารเฉยๆ​ ในใจน้องนี่คิดอย่างอื่นไปแล้ว​ ฟฟฟฟฟฟฟ​ มาสะซังเอย​ ในศาลเจ้าต้องใจเย็นไว้นะคะ!! อฟช.​ เปิดตัวมาสะซังมาเป็นผู้ชนะมากค่ะ​ /ซับ​ งานดี​ เก่ง​ นุ่มนวล​ มินาโตัหลงรักเต็มเปาก็ไม่แปลกเลย​ ฮรือออ

    ตอบลบ
  3. ถึงเราจะมาช้าไป 4 ปี แต่ดีใจมากที่หาเรื่องนี้เจอ แต่งดีมากเลยค่ะ น่ารักมากเลย นึกภาพตามเป็นฉากๆได้เลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งออกมานะคะ เราพึ่งมาตามดูเรื่องนี้ จริงๆรู้จักตั้งแต่สมัยออกแรกๆแล้ว แต่เพราะยุ่งๆเลยลืมดู จนเห็นประกาศซีซั่น 2 แล้วเลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ดู เลยมาตามดูน่ะค่ะ5555

    ตอบลบ
  4. ถึงจะเป็นสถานะเดียวกันกับเม้นก่อนหน้านี้คือมาช้าไป5ปีเพราะพึ่งมาดูอนิเมะเรื่องนี้ รู้จักเรื่องนี้มานานแล้วแต่พึ่งมีโอกาสได้ดูมั้งสองซีซั่นจึงหาเรือนี้อยู่และชอบในการเขียนเล่าเรื่องมากเบยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรือนี้มาค่ะ 🥹💖

    ตอบลบ