: KW Original
: Romantic??
: PG (คือ...ถ้าไปกับเอเลนอาจจะ NC // โดนตบ)
กลับมาพบกับรีวิวกันอีกแล้ว ก๊ากๆๆๆ// ได้ข่าวว่าทริปเก่าๆก็ยังเขียนไม่จบ ปักกิ่งที่ไปมาเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่ได้เขียนซักตอนถถถ
ปีนี้คุณกวางก็มีโอกาสได้กลับไปเยือนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มาอีกรอบค่ะ ก็ ครั้งที่4สำหรับประเทศจีน ก่อนหน้านี้เคยไปคุนหมิง เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งที่ไปเมื่อปีที่แล้ว เอาจริงๆไม่คิดว่าจะไปติดกันสองปีแบบนี้555 แต่มีเพื่อน(ชื่อพิช)ชวน ก็เลยตามเค้าไปแบบไม่มีความรู้อะไรเลยงวดนี้5555//ปกติก็ไม่มีความรู้ไปแบบข้อมูลแน่นมาก(?)ตลอด คราวนี้แม้แต่จะไปไหนบ้างยังจำได้ก่อนออกเดินทางไม่กี่วันถถถ
นั่นแหละค่ะ ก็ให้เพื่อนจัดการทุกสิ่งอย่างตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินยันที่พัก บอกเพื่อนตั้งแต่ตัดสินใจตามเค้าไปเลยว่าคุณกวางจะขอทำตัวเป็นด๋อยตัวนึง ฝากหิ้วไปด้วยน้า อะไรประมาณนั้น555
สำหรับรูทการเดินทางก็เริ่มจากที่เมืองเฉิงตู ไปอู่หลง แล้วก็จบที่ฉงชิ่งค่ะ ไปขาเดียวไม่วกกลับมาอีก คือตอนแรกอ่ะ ทริปนี้เมนมันอยู่ที่จิ่วไจ้โกวค่ะ ก็นะ หลังจากคุยกับเพื่อนดิบดี วางแผนคร่าวๆเกือบจะจองตั๋วเครื่องบินละ ปรากฏว่าเพิ่งรู้ข่าวค่ะว่าปีที่แล้วเกิดแผ่นดินไหวที่จิ่วไจ้โกว ทำให้ทะเลสาปกระจกที่สวยงามเกิดความเสียหายเค้าเลยปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ =[ ]= ช็อคสิคะจะรออัลไลถถถถ แต่ก็แอบเสียดายแผนที่วางกันไว้เลยตัดสินใจไปกันต่อตามแผนเดิมโดยตัดจิ่วไจ้โกวออกไป TvT โอกาสหน้าฟ้าใหม่จะไปเยือนให้ได้เลย โฮวววว // กัดผ้าเช็ดหน้า
และด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิด้วยกันทั้งคู่เลยตัดสินใจบินการบินไทยค่ะ ขาไปอ่ะการบินไทยเพราะไปลงสนามบินเฉิงตู ส่วนขากลับเป็นไทยสไมล์เพราะกลับจากฉงชิ่ง อืมนะ พอได้ตั๋วมาแล้วถึงเพิ่งนึกได้ ทำไมตรูไม่กลับทริปกันฟ๊ะ ไปฉงชิ่งก่อนด้วยไทยสไมล์และกลับจากเฉิงตูด้วยการบินไทย เพราะไทยสไมล์ให้น้ำหนักกระเป๋า 20กิโล ส่วนการบินไทยจะได้ 30กิโล จะได้ไม่ต้องมาลุ้นระทึกว่าน้ำหนักจะเกินไหมตอนขากลับ555 // ซึ่งกระเป๋าคุณกวางนี่ขาดไปอีกโลกว่าๆก็จะเกิน =v="
หลังจากจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักอะไรเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาก็คือวีซ่า ซึ่งวีซ่าจีนทำไม่ยากค่ะ เอกสารอะไรก็ไม่เยอะ ไม่ต้องมีหนังสือรับรองของที่ทำงาน ไม่ต้องแสดงบัญชีธนาคารด้วย แต่ที่ยากและเยอะกลับเป็นรูปถ่ายที่ต้องใช้ในการทำวีซ่า! คือไปถ่ายรูปทำวีซ่าจีนทีไรรู้สึกอเน็จอนาถมากกกกกกค่ะ เพราะต้องเปิดหูให้เห็นชัดเจน แล้วคนหูไม่กางอย่างเราแถมผมก็สั้นทัดหูทีไรก็หลุดรุ่ยตลอด ขนาดติดกิ๊บยังเอาไม่อยู่ คือใช้เวลาในการถ่ายรูปนานมาก จัดทรงผมจนเห็นหูชัดละ พอเดินไปตรงที่นั่งสำหรับถ่ายรูปผมมันก็หลุดเด้งออกมาบังหูอีก =[ ]= เดินกลับไปจัดใหม่อยู่หลายรอบจนคนถ่ายเพลีย555 มันจะต้องอะไรขนาดนี้เนี่ย~~ จะเอารูปไปทำวีซ่าหรือเอาไปดูโหงวเฮ้งฟร๊าาา
โอเค หลังจากใช้เวลาเก็บกระเป๋าเตรียมตัวชั่วข้ามคืน เราก็ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ก็ไปจัดการเรื่องซิมเรื่องอะไรให้เรียบร้อย คือคุณกวางซื้อซิมท่องเที่ยวของทรูไปใช้สำหรับทริปนี้ค่ะเพราะครอบคลุมประเทศในเอเชียอย่างจีนด้วย 5555 ก็อย่างที่รู้กันค่ะว่าจีนนั้นไม่เหมือนชาวบ้าน เวปที่เราใช้ๆกันอย่างกูเกิล ไลน์ เฟสบุค อะไรพวกนี้พี่จีนเค้าบลอคค่ะ เพราะฉะนั้นจะไปใช้ไวไฟของโรงแรมเหมือนทริปก่อนๆไม่ล่าย มันจะเข้าเวปเหล่านี้ไม่ได้นั่นเองค่ะ ก็เลยต้องซื้อซิมจากไทยไป ซึ่งสมัยนี้ก็สะดวกสบายราคาถูกกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ อย่างของทรูนี่ก็ 399บาท 4GB 8วัน คือใช้ไปเถอะ คุณกวางเปิดตลอด7วันยังใช้ไม่ถึงครึ่ง มัวแต่เที่ยว555 แล้วที่จีนนี่ 4G+ ตลอดค่ะแม้กระทั่งอยู่บนยอดเขา =[ ]= จำได้ว่ายังไลน์หาแม่ตอนอยู่บนยอดเขาชิงเฉิงได้เลย สุดยอด555 นั่นแหละค่ะ คุณกวางซื้อซิมไปจากที่ช็อปทรูข้างนอก พอไปถึงสนามบินค่อยไปที่บูทของทรูให้เค้าเปิดซิมให้ เติมเงินเผื่อโทรฉุกเฉินอะไรก็ว่าไป (ถ้าไม่คิดว่าจะใช้โทรก็ไม่ต้องเติมก็ได้นะคะ เพราะแค่ตอนเราซื้อซิมมาเราก็ได้โปรเนตใช้แล้น) แล้วก็ให้เค้าสอนค่ะว่าใช้อะไรยังไง เค้าจะแนะนำเราว่าให้ไปเปิดเครื่องใช้ซิมตอนถึงจีนแล้ว สิ่งที่ต้องเปิดในเครื่องเรานอกจากเนตตามปกติแล้วก็ยังมีโรมมิ่งด้วยค่ะ ซึ่งคุณกวางก็เก็บซิมไว้ไปเปลี่ยนบนเครื่องเอาค่ะ อ้อ อย่าลืมตรวจสอบรุ่นมือถือของเราก่อนล่วยนะคะ ถามพนักงานที่ช็อปก่อนซื้อซิมก็ได้ว่าโทรสับเราใช้ได้ไหม คือจีนมันจะมีความพิเศษอะไรซักอย่างที่เค้าจะดอกจันบอกเอาไว้น่ะค่ะ555 คุณกวางลืม แต่โทรสับ Sony ใช้ได้น่าจะทุกรุ่นนะ ขนาดเมื่อปีที่แล้วคุณกวางยังใช้ Xperia S รุ่นบุกเบิกอยู่มันก็ยังใช้ได้อ่ะแต่จะได้แค่ 2G มั้งนะ แล้วก็ต้องโทรกลับมาหาทรู(ฟรี)ให้เค้าบอกวิธีการตั้งค่าให้ค่ะ แต่ปีนี้ Xperia XZ1นี่เข้าประเทศจีนแค่เปิดเครื่อง เปิดโรมมิ่งก็ใช้ได้เลยค่ะ =v=b
โอเค หลังจากจัดการเรื่องซิมอะไรเรียบร้อยก็เข้าตม.ไป นั่งหลับบนเครื่องประมาณ3ชม.เราก็ถึงเฉิงตู ประเทศจีนกันแล้น~ คือแอร์ประกาศตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเลยค่ะว่าห้ามถ่ายรูปเหนือน่านฟ้าของจีนและในสนามบินโดยเด็ดขาด.....ชริ น่าเสียดาย ปีก่อนนี่จำได้ว่าสนามบินปักกิ่งสวยมากกกกกค่ะ ฝ้าอย่างอลังแต่มันถ่ายรูปไม่ด้ายยยยยย // ดิ้น
ค่ะ เพราะงั้นพอผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จเราก็เดินตามป้าย Metro หารถไฟใต้ดินเข้าเมืองเฉิงตูกันค่ะ จำได้ว่าต้องออกมานอกอาคารนิดนึงก่อนจะมีทางลงอยู่ใกล้ๆทางออกของสนามบินนั่นแหละค่ะ ก็ต่อรถไฟใต้ดินสามรอบดังนี้555
คุณกวางไปกลางเดือนพฤษภาคมปี 2018 ซึ่งตอนนี้เฉิงตูมีรถไฟใต้ดิน 6 สายแล้วนะคะ5555 คือถ้าคุณดูในกูเกิลแมพ จะเจอแค่ 2 สายเพราะมันไม่อัพเดทททททท คือหลังจากทำแผนเที่ยวไปซักพักก็เริ่มเอะใจเพราะเห็นในรีวิวบางอันว่ามันมีสถานีรถไฟใต้ดินแปลกๆอยู่ด้วย คือตรูเสิร์จกูเกิลหาที่ไหนในเฉิิงตูมันก็ให้ตรูเดินตลอด ละเดินเยอะด้วยถถถ ทั้งๆที่จริงแล้วตอนนี้มันมีสถานีรถไฟใต้ดินไปจ่ออยู่ใกล้ๆแล้วแต่ในกูเกิลมันยังไม่มีค่ะ TvT เพราะงั้นใครจะไปเฉิงตูแนะนำให้ลองดูแผนที่ในเวป Baidu maps ดูนะคะ มันก็คือกูเกิลแมพของคนจีนนั่นแหละค่ะ ใช้ได้แต่ภาษาจีน เพราะงั้นเราต้องก๊อปชื่อตัวอักษรจีนของสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปไปเสิร์จค่ะ มีความลำบากตอนเสิร์จเล็กน้อยแต่มันเป๊ะมากค่ะ ส่วนแอพแผนที่ที่โหลดไว้ใช้เดินตามในมือถือ คุณกวางใช้ Maps.Me ค่ะสำหรับเฉิงตู ก็จะอัพเดทกว่ากูเกิลนิดนึง อย่างน้อยก็มีรถไฟใต้ดิน 6 สายแล้ว 5555 // แต่ในฉงชิ่งใช้กูเกิลแมพได้ค่ะ ตรงอยู่ค่ะ
สำหรับที่พักที่เฉิงตูเลือกเป็น Air bnb ที่อยู่แถวๆ Tianfu Square ค่ะ ย่านใจกลางเมืองเดินทางสะดวก =v= มาดูรูปห้องพักกันค่ะ ภูมิใจนำเสนอมากที่นี่ สวยงามและเจ้าของก็สื่อสารกับเราได้ดีค่ะ
ปล.รูปไม่ได้แต่งเพราะขี้เกียจ อีกแล้ว555 มาจากมือถือไงก็แปะอย่างงั้นเลยนะคะ อย่าได้หาความสวยงาม555
Air bnb นี่ก็จะเป็นประมาณเจ้าของห้องเอาห้องพักตามอพาทเม้นหรือบ้านของตัวเองมาทำห้องพักให้นักท่องเที่ยวเช่าน่ะค่ะ เราก็จะได้อารมณ์แบบคนพื้นที่เค้าอยู่กันอะไรแบบนี้อ่ะ อย่างห้องนี้ก็อยู่ในคอนโดที่ชาวจีนเค้าอยู่กัน ในห้องก็กว้างขวางมีทุกสิ่งอย่างเลยค่ะ มี2ห้องนอน 1ห้องน้ำ มีห้องครัวด้วย >////< ละเค้าแต่งห้องสวยมากอ่ะ ชอบๆ
คุณกวางนอนห้องนี้ อิอิ ไปกับเพื่อนแค่สองคน ก็เลยแบ่งกันไปคนละห้องเลยค่ะ เป็นที่พักที่ไฮโซที่สุดในชีวิต555+ ราคาเหมือนจะถูกกว่าโรงแรมนิดหน่อยนะถ้าจำไม่ผิด =v=
โถงทางเดิน เห็นห้องครัวล่วย =////=
อันนี้เป็นลิ้งค์ค่ะ เผื่อใครสนใจ 【摄影师的家】天府广场|春熙路|宽窄巷子|人民公园|双地铁 位置超赞!
สำหรับการจองที่พักแบบ air bnb ก็จองผ่านหน้าเวปตามลิ้งค์นั่นแหละค่ะ หลังจากจองแล้วเค้าจะตัดเงินเราผ่านบัตรเครดิตไปเลย แล้ววันใกล้ๆวันเดินทางเค้าก็จะส่งข้อความบอกวิธีการเดินทางไปยังที่พักรวมถึงวิธีการเข้าตึก(บางที่อาจต้องมีการใส่รหัสเปิดประตูไง) และรหัสเข้าห้องอะไรแบบนี้มาให้ ก็ อ่านให้ละเอียดๆนะคะ5555 เดี๋ยวจะเป็นแบบคุณกวางตอนไปพักที่อิตาลี คือเพราะไม่อ่านเมล์ที่เค้าส่งมาให้ดีไง กว่าจะหาทางเข้าห้องได้นี่แทบตายถถถ ทั้งๆที่เค้าก็บอกเอาไว้หมดแล้วววว
ส่วนห้องที่เฉิงตูนี่เค้าจะมีกล่องอยู่หน้าห้องค่ะ เราต้องใส่รหัสในกล่องตามที่เค้าส่งมา พอใส่ถูกต้องกล่องก็จะเปิด ก็จะมีกุญแจห้องอยู่ในนั้นค่ะ เราไม่ต้องเจอกับเจ้าของห้องแม้แต่น้อยก็เข้าพักได้เรย =v=
ห้องนั่งเล่น แต่งได้น่ารักมากอ่ะ >////< เดินทางก็สะดวกดีค่ะ อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ Tianfu Square นั่นแหละ ใช้ทางออก A หรือ Bก็ได้ค่ะ มันจะโผล่ออกมาในสแควร์รูปวงกลม ไปครั้งแรกก็ขึ้นไปอีกชั้นนึง ไปเดินบนดินก่อนก็ได้ค่ะจะได้ไม่หลง555 แต่จริงๆมันมีทางเชื่อมใต้ดินผ่านร้านค้าอยู่ค่ะ
คุณกวางไม่ได้ถ่ายรูปตึกมา แต่ทางเข้ามันจะเป็นประตูอลูมิเนียมแวววาวแล้วก็มีคำว่า บลอคAอยู่เหนือประตูอ่ะ อารมณ์เป็นทางเข้าที่แปะอยู่ข้างๆร้านอาหารน่ะค่ะ เป็นประตูบานเดียว
ก็หลังจากที่เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เย็นๆพอดี โปรแกรมวันแรกนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ก็ลงไปเดินเล่นกันใน Tianfu Square ซึ่งก็อารมณ์ห้างสรรพสินค้าบ้านเรานั่นแหละ ก็ดีค่ะ คือไปเที่ยวไหนแทบไม่ได้เดินห้างกับเค้าเลย555 แล้วก็ไปจีนฤดูนี้ค่อนข้างจะมืดช้าค่ะ 2ทุ่มนี่ยังสว่างอยู่เรย ตรูไปไหนนี่พระอาทิตย์ขยันตลอดดด 555
สำหรับอาหารเย็นนี้ แต๊นนนนน
อย่าถามค่ะว่ามันคืออะไร ตรูก็ไม่รู้ค่ะถถถถ คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เมนูก็ไม่มีภาษาอังกฤษ ดูรูปที่มีอยู่น้อยนิดละจิ้มเอา5555+ ยังคงเป็นปัญหาเดียวในการไปจีนค่ะ คือแต่ละวันนี่ไม่รู้ว่าแดกอะไรเข้าไปถถถถ แต่ส่วนใหญ่กินได้นะ กินๆไปก็อร่อยดี5555+
ก่อนกลับที่พักก็ไปสอยชานมมานิดหน่อย5555
ทั้งสี่ล้วนเป็นชานม5555 อร่อยทุกขวดค่ะ =q=
ข้ามไปวันรุ่งขึ้นเลยก็แล้วกัน อิอิ อาหารเช้าเป็นชานมบลูเบอร์รี่กับขนมปังอะไรซักอย่างที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อคืน ชานมอร่อยมากกกกก =q= เครื่องเยอะมากอ่ะ5555 นอกจากผงชานมแล้วยังมีนมข้นกับเยลลี่บลูเบอร์รี่มาให้ด้วยค่ะ =q= ดีงาม~
วันที่สองนี้ก็ยังอยู่ในเมืองเฉิงตูค่ะ ที่แรกที่จะไปคือ Wenshu Monastery ขอเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษนะคะเพราะอ่านไม่ออก เดี๋ยวผิดละหน้าแตก 5555+ การเดินทางก็ตามนี้ค่ะ
นั่งรถไฟใต้ดินไปไม่กี่สถานีก็ถึงแล้น รถไฟใต้ดินของเฉิงตูเรียกว่า Metro ค่ะ การใช้งานก็ง่ายมาก เหมือนๆของไทยนี่แหละ พอไปถึงตู้กดตั๋วก็จิ้มที่หน้าจอให้เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็จิ้มสถานีที่เราจะไปจากแผนที่ที่ตู้ขึ้นมาให้ มันก็จะขึ้นราคามาให้ เราก็กดจำนวน ไปสองคนก็กดเลข 2 แล้วก็กดว่าจะจ่ายเงินแบบไหน ถ้าเงินสดก็ Cash ค่ะ จากนั้นก็สอดเงินเข้าไป เหรียญก็ใช้ได้นะคะ เสร็จแล้วตั๋วก็จะร่วงลงมาในช่องด้านล่างพร้อมเงินทอน(เหรียญล้วนถถถ) ก็ประมาณนี้ค่ะ ค่ารถไฟในจีนถูกมากกกกกก ถ้ามาใกล้ๆก็ 2หยวน ราวๆ10บาทไทย ถูกอะไรได้ขนาดนี้ย์~~
จากนั้นไปรถไฟสายไหนก็ก้มมองที่พื้นได้เลยค่ะ มันจะมีลูกศรใหญ่ๆชี้ให้ตลอดทาง ไม่หลงแน่นอล และแต่ละสายนี่แยกสีชัดเจนมากค่ะ เวลาจะผ่านประตูเข้าก็เอาตั๋วแปะที่สแกนค่ะ ที่กั้นก็จะเปิดละเราก็เดินเข้าไป ส่วนขาออกให้เอาตั๋วสอดเข้าไปในช่อง ที่กั้นก็จะเปิดเราก็เดินตัวปลิวออกมา สำหรับรถไฟใต้ดินก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ได้ให้ตั๋วเรานะตอนออก เหมือนBTSบ้านเรานั่นเอง
และสถานีรถไฟของจีนรวมทั้งสถานที่สำคัญต่างๆจะมีเครื่องสแกนอยู่ที่ทางเข้าค่ะ เป็นเครื่องสแกนใหญ่ๆแบบที่ใช้ในสนามบินเลย เราต้องเอากระเป๋าวางลงไปบนสายพาน ส่วนตัวเราเดินผ่านเครื่องสแกนเหมือนกันค่ะ แนะนำว่าให้แยกขวดน้ำที่อยู่ในกระเป๋าออกมาถือไว้ค่ะ เพราะไม่งั้นนางจะขอค้นกระเป๋าคุณค่ะ เมื่อปีที่แล้วไปปักกิ่งนี่งงมาก ขอค้นแม่งทุกที่ พอผ่านไปซักระยะจึงเริ่มจับทางได้ว่าอ๋อ ที่นางขอค้นเพราะเจอขวดน้ำในกระเป๋านี่เองค่ะ ไม่ว่าจะขวดอะไร น้ำเปล่าหรือขวดที่พกไปเองหรือขวดชากาแฟอะไรทั้งหลายแหล่ที่เป็นน้ำอ่ะค่ะ ให้แยกออกมาถือ บางสถานีเก่าๆหน่อยถ้าเป็นขวดน้ำเปล่านางจะให้เราดื่มให้ดูค่ะ ส่วนสถานีใหม่ๆหน่อยนางจะมีเครื่องสแกนสำหรับขวดน้ำโดยเฉพาะ เราก็ยื่นขวดให้นางค่ะ นางก็จะเอาขวดน้ำเราไปวางสแกน =v= มาประเทศจีนจงทำใจที่จะต้องถูกสแกนจนแทบไม่เหลือความบริสุทธิ์อะไรแล้วค่ะ5555+ แต่ก็ดีนะคะ ปลอดภัยดี อย่างบนรถไฟก็จะมีตำรวจคอยเดินตรวจด้วยค่ะ เรียกว่าตำรวจเต็มบ้านเต็มเมืองมาก =v=
ก็เป็นอันว่ามาถึง Wenshu Monastery กันได้แล้วมั้ง5555+ พอออกจากสถานีรถไฟใต้ดินก็เดินตามถนนใหญ่ไปเรื่อยๆก็จะเจอประตูนี้
อันนี้ถ่ายย้อนกลับมาเห็นถนนใหญ่นาคะ เพราะทางเข้าจะเป็นกำแพงสีแดงแบบนี้
ก็เดินเลาะไปเรื่อยๆค่ะ คือที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าตรงไหนคือทางเข้ากันแน่ เจอประตูนี้เห็นมีแต่คนเดินออกเลยเดินต่อไปค่ะ
เดินไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอันไหนคือทางเข้ากันแน่ พอเจอทางเข้าอีกที่เลยตัดสินใจเดินเข้าไปแบบงงๆเลยค่ะ555
ข้างในก็เป็นวัดนั่นแหละนะ ก็จะมีอาคารและสวนใหญ่ทีเดียวค่ะ สงบและร่มรื่นมาก มีคุณลุงคุณป้ามารำไทเก็กบ้างรำอะไรก็ไม่รู้บ้าง แปะรูปรัวๆ
ต่อไปเป็นในสวนบ้าง ก็จะมีทั้งสระน้ำและศาลาเป็นหย่อมๆ และคนจีนเค้าก็ไปนั่งเล่นไปใช้งานกันจริงๆค่ะ
จากตรงนี้ก็จะไปต่อกันที่ People's Park ค่ะ ก็เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินเหมือนเดิม
People's Park ก็คือสวนสาธารณะนั่นเองค่ะ คนจีนเค้าก็ไปนั่งเล่นเดินเล่นกันเยอะทีเดียว บางกลุ่มก็ไปรวมตัวทำกิจกรรมกัน มีเต้น มีรำ มีร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุหน่อยหรือไม่ก็ครอบครัวพาเด็กๆไปวิ่งเล่นอ่ะนะ วัยรุ่นมีไม่มาก 5555
นอกจากไอติมเรายังได้เจอชานมรสช็อกโกแลตตตตตตตของคิริน โฮวววว อันนี้มันดีมากอ่ะค่ะ ชอบบบบ >////<
อีกครึ่งวันเดี๋ยวไว้ต่อเอนทรีหน้านาคะ เป็นถนนคนเดินสายโบราณทั้งสองที่ของเฉิงตูค่ะ สวยมากกกกขอบอก >////<
ขอบคุณที่เข้ามารับชมกันน้า แล้วเจอกันค่า
กลับมาพบกับรีวิวกันอีกแล้ว ก๊ากๆๆๆ
ปีนี้คุณกวางก็มีโอกาสได้กลับไปเยือนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มาอีกรอบค่ะ ก็ ครั้งที่4สำหรับประเทศจีน ก่อนหน้านี้เคยไปคุนหมิง เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งที่ไปเมื่อปีที่แล้ว เอาจริงๆไม่คิดว่าจะไปติดกันสองปีแบบนี้555 แต่มีเพื่อน(ชื่อพิช)ชวน ก็เลยตามเค้าไปแบบไม่มีความรู้อะไรเลยงวดนี้5555
นั่นแหละค่ะ ก็ให้เพื่อนจัดการทุกสิ่งอย่างตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินยันที่พัก บอกเพื่อนตั้งแต่ตัดสินใจตามเค้าไปเลยว่าคุณกวางจะขอทำตัวเป็นด๋อยตัวนึง ฝากหิ้วไปด้วยน้า อะไรประมาณนั้น555
สำหรับรูทการเดินทางก็เริ่มจากที่เมืองเฉิงตู ไปอู่หลง แล้วก็จบที่ฉงชิ่งค่ะ ไปขาเดียวไม่วกกลับมาอีก คือตอนแรกอ่ะ ทริปนี้เมนมันอยู่ที่จิ่วไจ้โกวค่ะ ก็นะ หลังจากคุยกับเพื่อนดิบดี วางแผนคร่าวๆเกือบจะจองตั๋วเครื่องบินละ ปรากฏว่าเพิ่งรู้ข่าวค่ะว่าปีที่แล้วเกิดแผ่นดินไหวที่จิ่วไจ้โกว ทำให้ทะเลสาปกระจกที่สวยงามเกิดความเสียหายเค้าเลยปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ =[ ]= ช็อคสิคะจะรออัลไลถถถถ แต่ก็แอบเสียดายแผนที่วางกันไว้เลยตัดสินใจไปกันต่อตามแผนเดิมโดยตัดจิ่วไจ้โกวออกไป TvT โอกาสหน้าฟ้าใหม่จะไปเยือนให้ได้เลย โฮวววว // กัดผ้าเช็ดหน้า
และด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิด้วยกันทั้งคู่เลยตัดสินใจบินการบินไทยค่ะ ขาไปอ่ะการบินไทยเพราะไปลงสนามบินเฉิงตู ส่วนขากลับเป็นไทยสไมล์เพราะกลับจากฉงชิ่ง อืมนะ พอได้ตั๋วมาแล้วถึงเพิ่งนึกได้ ทำไมตรูไม่กลับทริปกันฟ๊ะ ไปฉงชิ่งก่อนด้วยไทยสไมล์และกลับจากเฉิงตูด้วยการบินไทย เพราะไทยสไมล์ให้น้ำหนักกระเป๋า 20กิโล ส่วนการบินไทยจะได้ 30กิโล จะได้ไม่ต้องมาลุ้นระทึกว่าน้ำหนักจะเกินไหมตอนขากลับ555 // ซึ่งกระเป๋าคุณกวางนี่ขาดไปอีกโลกว่าๆก็จะเกิน =v="
หลังจากจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักอะไรเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาก็คือวีซ่า ซึ่งวีซ่าจีนทำไม่ยากค่ะ เอกสารอะไรก็ไม่เยอะ ไม่ต้องมีหนังสือรับรองของที่ทำงาน ไม่ต้องแสดงบัญชีธนาคารด้วย แต่ที่ยากและเยอะกลับเป็นรูปถ่ายที่ต้องใช้ในการทำวีซ่า! คือไปถ่ายรูปทำวีซ่าจีนทีไรรู้สึกอเน็จอนาถมากกกกกกค่ะ เพราะต้องเปิดหูให้เห็นชัดเจน แล้วคนหูไม่กางอย่างเราแถมผมก็สั้นทัดหูทีไรก็หลุดรุ่ยตลอด ขนาดติดกิ๊บยังเอาไม่อยู่ คือใช้เวลาในการถ่ายรูปนานมาก จัดทรงผมจนเห็นหูชัดละ พอเดินไปตรงที่นั่งสำหรับถ่ายรูปผมมันก็หลุดเด้งออกมาบังหูอีก =[ ]= เดินกลับไปจัดใหม่อยู่หลายรอบจนคนถ่ายเพลีย555 มันจะต้องอะไรขนาดนี้เนี่ย~~ จะเอารูปไปทำวีซ่าหรือเอาไปดูโหงวเฮ้งฟร๊าาา
โอเค หลังจากใช้เวลาเก็บกระเป๋าเตรียมตัวชั่วข้ามคืน เราก็ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ก็ไปจัดการเรื่องซิมเรื่องอะไรให้เรียบร้อย คือคุณกวางซื้อซิมท่องเที่ยวของทรูไปใช้สำหรับทริปนี้ค่ะเพราะครอบคลุมประเทศในเอเชียอย่างจีนด้วย 5555 ก็อย่างที่รู้กันค่ะว่าจีนนั้นไม่เหมือนชาวบ้าน เวปที่เราใช้ๆกันอย่างกูเกิล ไลน์ เฟสบุค อะไรพวกนี้พี่จีนเค้าบลอคค่ะ เพราะฉะนั้นจะไปใช้ไวไฟของโรงแรมเหมือนทริปก่อนๆไม่ล่าย มันจะเข้าเวปเหล่านี้ไม่ได้นั่นเองค่ะ ก็เลยต้องซื้อซิมจากไทยไป ซึ่งสมัยนี้ก็สะดวกสบายราคาถูกกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ อย่างของทรูนี่ก็ 399บาท 4GB 8วัน คือใช้ไปเถอะ คุณกวางเปิดตลอด7วันยังใช้ไม่ถึงครึ่ง มัวแต่เที่ยว555 แล้วที่จีนนี่ 4G+ ตลอดค่ะแม้กระทั่งอยู่บนยอดเขา =[ ]= จำได้ว่ายังไลน์หาแม่ตอนอยู่บนยอดเขาชิงเฉิงได้เลย สุดยอด555 นั่นแหละค่ะ คุณกวางซื้อซิมไปจากที่ช็อปทรูข้างนอก พอไปถึงสนามบินค่อยไปที่บูทของทรูให้เค้าเปิดซิมให้ เติมเงินเผื่อโทรฉุกเฉินอะไรก็ว่าไป (ถ้าไม่คิดว่าจะใช้โทรก็ไม่ต้องเติมก็ได้นะคะ เพราะแค่ตอนเราซื้อซิมมาเราก็ได้โปรเนตใช้แล้น) แล้วก็ให้เค้าสอนค่ะว่าใช้อะไรยังไง เค้าจะแนะนำเราว่าให้ไปเปิดเครื่องใช้ซิมตอนถึงจีนแล้ว สิ่งที่ต้องเปิดในเครื่องเรานอกจากเนตตามปกติแล้วก็ยังมีโรมมิ่งด้วยค่ะ ซึ่งคุณกวางก็เก็บซิมไว้ไปเปลี่ยนบนเครื่องเอาค่ะ อ้อ อย่าลืมตรวจสอบรุ่นมือถือของเราก่อนล่วยนะคะ ถามพนักงานที่ช็อปก่อนซื้อซิมก็ได้ว่าโทรสับเราใช้ได้ไหม คือจีนมันจะมีความพิเศษอะไรซักอย่างที่เค้าจะดอกจันบอกเอาไว้น่ะค่ะ555 คุณกวางลืม แต่โทรสับ Sony ใช้ได้น่าจะทุกรุ่นนะ ขนาดเมื่อปีที่แล้วคุณกวางยังใช้ Xperia S รุ่นบุกเบิกอยู่มันก็ยังใช้ได้อ่ะแต่จะได้แค่ 2G มั้งนะ แล้วก็ต้องโทรกลับมาหาทรู(ฟรี)ให้เค้าบอกวิธีการตั้งค่าให้ค่ะ แต่ปีนี้ Xperia XZ1นี่เข้าประเทศจีนแค่เปิดเครื่อง เปิดโรมมิ่งก็ใช้ได้เลยค่ะ =v=b
โอเค หลังจากจัดการเรื่องซิมอะไรเรียบร้อยก็เข้าตม.ไป นั่งหลับบนเครื่องประมาณ3ชม.เราก็ถึงเฉิงตู ประเทศจีนกันแล้น~ คือแอร์ประกาศตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเลยค่ะว่าห้ามถ่ายรูปเหนือน่านฟ้าของจีนและในสนามบินโดยเด็ดขาด.....ชริ น่าเสียดาย ปีก่อนนี่จำได้ว่าสนามบินปักกิ่งสวยมากกกกกค่ะ ฝ้าอย่างอลังแต่มันถ่ายรูปไม่ด้ายยยยยย // ดิ้น
ค่ะ เพราะงั้นพอผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จเราก็เดินตามป้าย Metro หารถไฟใต้ดินเข้าเมืองเฉิงตูกันค่ะ จำได้ว่าต้องออกมานอกอาคารนิดนึงก่อนจะมีทางลงอยู่ใกล้ๆทางออกของสนามบินนั่นแหละค่ะ ก็ต่อรถไฟใต้ดินสามรอบดังนี้555
คุณกวางไปกลางเดือนพฤษภาคมปี 2018 ซึ่งตอนนี้เฉิงตูมีรถไฟใต้ดิน 6 สายแล้วนะคะ5555 คือถ้าคุณดูในกูเกิลแมพ จะเจอแค่ 2 สายเพราะมันไม่อัพเดทททททท คือหลังจากทำแผนเที่ยวไปซักพักก็เริ่มเอะใจเพราะเห็นในรีวิวบางอันว่ามันมีสถานีรถไฟใต้ดินแปลกๆอยู่ด้วย คือตรูเสิร์จกูเกิลหาที่ไหนในเฉิิงตูมันก็ให้ตรูเดินตลอด ละเดินเยอะด้วยถถถ ทั้งๆที่จริงแล้วตอนนี้มันมีสถานีรถไฟใต้ดินไปจ่ออยู่ใกล้ๆแล้วแต่ในกูเกิลมันยังไม่มีค่ะ TvT เพราะงั้นใครจะไปเฉิงตูแนะนำให้ลองดูแผนที่ในเวป Baidu maps ดูนะคะ มันก็คือกูเกิลแมพของคนจีนนั่นแหละค่ะ ใช้ได้แต่ภาษาจีน เพราะงั้นเราต้องก๊อปชื่อตัวอักษรจีนของสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปไปเสิร์จค่ะ มีความลำบากตอนเสิร์จเล็กน้อยแต่มันเป๊ะมากค่ะ ส่วนแอพแผนที่ที่โหลดไว้ใช้เดินตามในมือถือ คุณกวางใช้ Maps.Me ค่ะสำหรับเฉิงตู ก็จะอัพเดทกว่ากูเกิลนิดนึง อย่างน้อยก็มีรถไฟใต้ดิน 6 สายแล้ว 5555 // แต่ในฉงชิ่งใช้กูเกิลแมพได้ค่ะ ตรงอยู่ค่ะ
สำหรับที่พักที่เฉิงตูเลือกเป็น Air bnb ที่อยู่แถวๆ Tianfu Square ค่ะ ย่านใจกลางเมืองเดินทางสะดวก =v= มาดูรูปห้องพักกันค่ะ ภูมิใจนำเสนอมากที่นี่ สวยงามและเจ้าของก็สื่อสารกับเราได้ดีค่ะ
ปล.รูปไม่ได้แต่ง
Air bnb นี่ก็จะเป็นประมาณเจ้าของห้องเอาห้องพักตามอพาทเม้นหรือบ้านของตัวเองมาทำห้องพักให้นักท่องเที่ยวเช่าน่ะค่ะ เราก็จะได้อารมณ์แบบคนพื้นที่เค้าอยู่กันอะไรแบบนี้อ่ะ อย่างห้องนี้ก็อยู่ในคอนโดที่ชาวจีนเค้าอยู่กัน ในห้องก็กว้างขวางมีทุกสิ่งอย่างเลยค่ะ มี2ห้องนอน 1ห้องน้ำ มีห้องครัวด้วย >////< ละเค้าแต่งห้องสวยมากอ่ะ ชอบๆ
คุณกวางนอนห้องนี้ อิอิ ไปกับเพื่อนแค่สองคน ก็เลยแบ่งกันไปคนละห้องเลยค่ะ เป็นที่พักที่ไฮโซที่สุดในชีวิต555+ ราคาเหมือนจะถูกกว่าโรงแรมนิดหน่อยนะถ้าจำไม่ผิด =v=
โถงทางเดิน เห็นห้องครัวล่วย =////=
อันนี้เป็นลิ้งค์ค่ะ เผื่อใครสนใจ 【摄影师的家】天府广场|春熙路|宽窄巷子|人民公园|双地铁 位置超赞!
สำหรับการจองที่พักแบบ air bnb ก็จองผ่านหน้าเวปตามลิ้งค์นั่นแหละค่ะ หลังจากจองแล้วเค้าจะตัดเงินเราผ่านบัตรเครดิตไปเลย แล้ววันใกล้ๆวันเดินทางเค้าก็จะส่งข้อความบอกวิธีการเดินทางไปยังที่พักรวมถึงวิธีการเข้าตึก(บางที่อาจต้องมีการใส่รหัสเปิดประตูไง) และรหัสเข้าห้องอะไรแบบนี้มาให้ ก็ อ่านให้ละเอียดๆนะคะ5555 เดี๋ยวจะเป็นแบบคุณกวางตอนไปพักที่อิตาลี คือเพราะไม่อ่านเมล์ที่เค้าส่งมาให้ดีไง กว่าจะหาทางเข้าห้องได้นี่แทบตายถถถ ทั้งๆที่เค้าก็บอกเอาไว้หมดแล้วววว
ส่วนห้องที่เฉิงตูนี่เค้าจะมีกล่องอยู่หน้าห้องค่ะ เราต้องใส่รหัสในกล่องตามที่เค้าส่งมา พอใส่ถูกต้องกล่องก็จะเปิด ก็จะมีกุญแจห้องอยู่ในนั้นค่ะ เราไม่ต้องเจอกับเจ้าของห้องแม้แต่น้อยก็เข้าพักได้เรย =v=
ห้องนั่งเล่น แต่งได้น่ารักมากอ่ะ >////< เดินทางก็สะดวกดีค่ะ อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ Tianfu Square นั่นแหละ ใช้ทางออก A หรือ Bก็ได้ค่ะ มันจะโผล่ออกมาในสแควร์รูปวงกลม ไปครั้งแรกก็ขึ้นไปอีกชั้นนึง ไปเดินบนดินก่อนก็ได้ค่ะจะได้ไม่หลง555 แต่จริงๆมันมีทางเชื่อมใต้ดินผ่านร้านค้าอยู่ค่ะ
คุณกวางไม่ได้ถ่ายรูปตึกมา แต่ทางเข้ามันจะเป็นประตูอลูมิเนียมแวววาวแล้วก็มีคำว่า บลอคAอยู่เหนือประตูอ่ะ อารมณ์เป็นทางเข้าที่แปะอยู่ข้างๆร้านอาหารน่ะค่ะ เป็นประตูบานเดียว
ก็หลังจากที่เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เย็นๆพอดี โปรแกรมวันแรกนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ก็ลงไปเดินเล่นกันใน Tianfu Square ซึ่งก็อารมณ์ห้างสรรพสินค้าบ้านเรานั่นแหละ ก็ดีค่ะ คือไปเที่ยวไหนแทบไม่ได้เดินห้างกับเค้าเลย555 แล้วก็ไปจีนฤดูนี้ค่อนข้างจะมืดช้าค่ะ 2ทุ่มนี่ยังสว่างอยู่เรย ตรูไปไหนนี่พระอาทิตย์ขยันตลอดดด 555
สำหรับอาหารเย็นนี้ แต๊นนนนน
อย่าถามค่ะว่ามันคืออะไร ตรูก็ไม่รู้ค่ะถถถถ คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เมนูก็ไม่มีภาษาอังกฤษ ดูรูปที่มีอยู่น้อยนิดละจิ้มเอา5555+ ยังคงเป็นปัญหาเดียวในการไปจีนค่ะ คือแต่ละวันนี่ไม่รู้ว่าแดกอะไรเข้าไปถถถถ แต่ส่วนใหญ่กินได้นะ กินๆไปก็อร่อยดี5555+
ก่อนกลับที่พักก็ไปสอยชานมมานิดหน่อย5555
ทั้งสี่ล้วนเป็นชานม5555 อร่อยทุกขวดค่ะ =q=
ข้ามไปวันรุ่งขึ้นเลยก็แล้วกัน อิอิ อาหารเช้าเป็นชานมบลูเบอร์รี่กับขนมปังอะไรซักอย่างที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อคืน ชานมอร่อยมากกกกก =q= เครื่องเยอะมากอ่ะ5555 นอกจากผงชานมแล้วยังมีนมข้นกับเยลลี่บลูเบอร์รี่มาให้ด้วยค่ะ =q= ดีงาม~
วันที่สองนี้ก็ยังอยู่ในเมืองเฉิงตูค่ะ ที่แรกที่จะไปคือ Wenshu Monastery ขอเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษนะคะเพราะอ่านไม่ออก เดี๋ยวผิดละหน้าแตก 5555+ การเดินทางก็ตามนี้ค่ะ
นั่งรถไฟใต้ดินไปไม่กี่สถานีก็ถึงแล้น รถไฟใต้ดินของเฉิงตูเรียกว่า Metro ค่ะ การใช้งานก็ง่ายมาก เหมือนๆของไทยนี่แหละ พอไปถึงตู้กดตั๋วก็จิ้มที่หน้าจอให้เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็จิ้มสถานีที่เราจะไปจากแผนที่ที่ตู้ขึ้นมาให้ มันก็จะขึ้นราคามาให้ เราก็กดจำนวน ไปสองคนก็กดเลข 2 แล้วก็กดว่าจะจ่ายเงินแบบไหน ถ้าเงินสดก็ Cash ค่ะ จากนั้นก็สอดเงินเข้าไป เหรียญก็ใช้ได้นะคะ เสร็จแล้วตั๋วก็จะร่วงลงมาในช่องด้านล่างพร้อมเงินทอน(เหรียญล้วนถถถ) ก็ประมาณนี้ค่ะ ค่ารถไฟในจีนถูกมากกกกกก ถ้ามาใกล้ๆก็ 2หยวน ราวๆ10บาทไทย ถูกอะไรได้ขนาดนี้ย์~~
จากนั้นไปรถไฟสายไหนก็ก้มมองที่พื้นได้เลยค่ะ มันจะมีลูกศรใหญ่ๆชี้ให้ตลอดทาง ไม่หลงแน่นอล และแต่ละสายนี่แยกสีชัดเจนมากค่ะ เวลาจะผ่านประตูเข้าก็เอาตั๋วแปะที่สแกนค่ะ ที่กั้นก็จะเปิดละเราก็เดินเข้าไป ส่วนขาออกให้เอาตั๋วสอดเข้าไปในช่อง ที่กั้นก็จะเปิดเราก็เดินตัวปลิวออกมา สำหรับรถไฟใต้ดินก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ได้ให้ตั๋วเรานะตอนออก เหมือนBTSบ้านเรานั่นเอง
และสถานีรถไฟของจีนรวมทั้งสถานที่สำคัญต่างๆจะมีเครื่องสแกนอยู่ที่ทางเข้าค่ะ เป็นเครื่องสแกนใหญ่ๆแบบที่ใช้ในสนามบินเลย เราต้องเอากระเป๋าวางลงไปบนสายพาน ส่วนตัวเราเดินผ่านเครื่องสแกนเหมือนกันค่ะ แนะนำว่าให้แยกขวดน้ำที่อยู่ในกระเป๋าออกมาถือไว้ค่ะ เพราะไม่งั้นนางจะขอค้นกระเป๋าคุณค่ะ เมื่อปีที่แล้วไปปักกิ่งนี่งงมาก ขอค้นแม่งทุกที่ พอผ่านไปซักระยะจึงเริ่มจับทางได้ว่าอ๋อ ที่นางขอค้นเพราะเจอขวดน้ำในกระเป๋านี่เองค่ะ ไม่ว่าจะขวดอะไร น้ำเปล่าหรือขวดที่พกไปเองหรือขวดชากาแฟอะไรทั้งหลายแหล่ที่เป็นน้ำอ่ะค่ะ ให้แยกออกมาถือ บางสถานีเก่าๆหน่อยถ้าเป็นขวดน้ำเปล่านางจะให้เราดื่มให้ดูค่ะ ส่วนสถานีใหม่ๆหน่อยนางจะมีเครื่องสแกนสำหรับขวดน้ำโดยเฉพาะ เราก็ยื่นขวดให้นางค่ะ นางก็จะเอาขวดน้ำเราไปวางสแกน =v= มาประเทศจีนจงทำใจที่จะต้องถูกสแกนจนแทบไม่เหลือความบริสุทธิ์อะไรแล้วค่ะ5555+ แต่ก็ดีนะคะ ปลอดภัยดี อย่างบนรถไฟก็จะมีตำรวจคอยเดินตรวจด้วยค่ะ เรียกว่าตำรวจเต็มบ้านเต็มเมืองมาก =v=
ก็เป็นอันว่ามาถึง Wenshu Monastery กันได้แล้วมั้ง5555+ พอออกจากสถานีรถไฟใต้ดินก็เดินตามถนนใหญ่ไปเรื่อยๆก็จะเจอประตูนี้
อันนี้ถ่ายย้อนกลับมาเห็นถนนใหญ่นาคะ เพราะทางเข้าจะเป็นกำแพงสีแดงแบบนี้
ก็เดินเลาะไปเรื่อยๆค่ะ คือที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าตรงไหนคือทางเข้ากันแน่ เจอประตูนี้เห็นมีแต่คนเดินออกเลยเดินต่อไปค่ะ
เดินไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอันไหนคือทางเข้ากันแน่ พอเจอทางเข้าอีกที่เลยตัดสินใจเดินเข้าไปแบบงงๆเลยค่ะ555
ข้างในก็เป็นวัดนั่นแหละนะ ก็จะมีอาคารและสวนใหญ่ทีเดียวค่ะ สงบและร่มรื่นมาก มีคุณลุงคุณป้ามารำไทเก็กบ้างรำอะไรก็ไม่รู้บ้าง แปะรูปรัวๆ
ไหอะไรก็ไม่รู้แต่เหมือนพวกนางใส่หมวกอยู่เลยค่ะ 5555 น่ารักกกก >////<
มีความพยายามจะดัดต้นไม้เป็นเก๋งจีน น่ารักอีกแล้ว >////<
แปะก๊วยยยยยยย >/////< เมเดนแฮร์ เจ้านี่แหละที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองงงงง
ถ้าอยากดูเป็นรูปใหญ่ก็จิ้มที่รูปเอาเด้อ
ต่อไปเป็นในสวนบ้าง ก็จะมีทั้งสระน้ำและศาลาเป็นหย่อมๆ และคนจีนเค้าก็ไปนั่งเล่นไปใช้งานกันจริงๆค่ะ
เต่าที่อยู่ในสระ ยืนมองมันตั้งแต่ยังว่ายอยู่จนกระทั่งปีนขึ้นไปบนโขดหิน เก่งอ่ะะะ
ศาลาแบบจีนๆ
และโครงสร้างหลังคาแบบจีนๆ =w=
ก้อนๆนั่นล้วนเป็นเต่าขึ้นมาอาบแดดนาคะไม่ใช่หิน 55555 เต่าเยอะมากอ่ะที่นี่
เดินๆไปอีกหน่อยก็เริ่มกลับมาเจอหมู่อาคารอีกครั้ง พร้อมคนที่มาไหว้พระ
ตู้ดับเพลิงค่ะ คือปกติจะเห็นติดกันแค่ถังเดียว แต่นี่.....มีเป็นตับ สมเป็นพี่จีนจริงๆ ^ ^
จากตรงนี้ก็จะไปต่อกันที่ People's Park ค่ะ ก็เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินเหมือนเดิม
People's Park ก็คือสวนสาธารณะนั่นเองค่ะ คนจีนเค้าก็ไปนั่งเล่นเดินเล่นกันเยอะทีเดียว บางกลุ่มก็ไปรวมตัวทำกิจกรรมกัน มีเต้น มีรำ มีร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุหน่อยหรือไม่ก็ครอบครัวพาเด็กๆไปวิ่งเล่นอ่ะนะ วัยรุ่นมีไม่มาก 5555
ราวสะพาน สวยอ่าาาาา >/////<
สระบัว ต้นสน โขดหิน....อย่างกะอยู่ในหนังจีน 5555 >////<
ถ่ายมาอย่างกับไม่มีคน แต่ที่จริงคนเยอะมากกกกกกค่ะ 5555
กิ่งไม้นี่ก็ช่างเอียงได้เป๊ะมาก โอ๊ย สวยยยยย คือสวนจีนนี่ส่วนใหญ่น้ำจะไม่ค่อยใส แต่พวกกิ่งไม้นี่จัดวางกันไว้สวยมากค่ะ เหมือนกับต้องมีคนคอยดูแลตลอดมันถึงได้เป๊ะขนาดนี้ บางมุมนี่แบบรูปวาดชัดๆอ่ะ
ดอกไม้เค้าก็มีนะเออ
มีอนุสาวรีย์ด้วยค่ะ
เหนื่อยแระ เดินจนขาลากในที่สุดก็ได้เกือบรอบสวน5555 เลยนั่งพักกินไอติมซักหน่อย =q=
อร่อยนะเนี่ยยยย เป็นรสนมๆผสมโยเกิร์ตมั้งนะถ้าจำไม่ผิด แต่อร่อยเลยอ่ะค่ะ ชอบๆ
นอกจากไอติมเรายังได้เจอชานมรสช็อกโกแลตตตตตตตของคิริน โฮวววว อันนี้มันดีมากอ่ะค่ะ ชอบบบบ >////<
อีกครึ่งวันเดี๋ยวไว้ต่อเอนทรีหน้านาคะ เป็นถนนคนเดินสายโบราณทั้งสองที่ของเฉิงตูค่ะ สวยมากกกกขอบอก >////<
ขอบคุณที่เข้ามารับชมกันน้า แล้วเจอกันค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น