Attack
on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 07
:
Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction Au
:
8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
:
Period Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เส้นผมสีเงินถูกลูบแผ่วเบาจนเจ้าของมันนั้นหลับปุ๋ยไปแล้ว
มือที่เคยกำชายกิโมโนสีดำแน่นค่อยๆคลายออกราวกับความหวาดกลัวในหัวใจกำลังค่อยๆสลายไปเพราะสัญญาที่เขาให้ไว้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองใบหน้าใสที่หลับอย่างสงบด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งคงไม่มีใครเคยรู้ว่าคนอย่างยามาโมโตะ
ทาเคชิก็มองใครสักคนด้วยสายตาแบบนี้เป็น มือใหญ่ยังคงลูบหัวสีเงินอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นของกระดาษและน้ำหมึกที่มีมากกว่าห้องของคนทั่วไปทำให้เขาละจากใบหน้าที่เฝ้ามองมาหลายชั่วยาม
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองไปรอบๆห้องอย่างไม่มีอะไรจะทำแล้วหนังสือมากมายบนโต๊ะเตี้ยที่ไหลลงมากองกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นเสื่อทาทามิก็ทำให้เขาถึงกับอมยิ้ม
“ยังขยันเหมือนเดิมเลยน้าเจ้าเนี่ย” เสียงพึมพำลอยออกมาจากใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งๆที่แค่อยู่เฉยๆให้เขารักก็พอ
ไม่จำเป็นต้องขวนขวายเรียนรู้อะไรก็สุขสบายไปทั้งชาติได้อยู่แล้วแท้ๆ
แล้วผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลยามาโมโตะก็นึกสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ร่างสูงใหญ่จึงค่อยๆละจากคนที่หลับสนิทอยู่บนฟูกไปที่หน้าโต๊ะเตี้ยตัวนั้นซึ่งมีสมุดผูก
พู่กัน และจานฝนหมึกวางอยู่
ก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าจะเขียนอะไรถึงข้าบ้างหรือเปล่าน้า
มือใหญ่แอบเปิดสมุดเล่มนั้นดู
แล้วแค่เปิดมาหน้าแรกใบหน้าคมก็ถึงกับหลุดขำพรืดเพราะโกคุเดระเขียนถึงเขาจริงๆ...แต่เป็นเขียนด่านะ
ไม่ใช่คิดถึงอะไรแบบนั้น เพราะทั้งหน้ากระดาษมีแต่ “เจ้าบ้ายามาโมโตะ!”
เต็มไปหมด
“ฮะฮะ”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองไปที่ลายมือหวัดๆนั่นอย่างอารมณ์ดี
ได้แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้วสำหรับเจ้าคนปากไม่ตรงกับใจนั่น
มือใหญ่ปิดหน้าสมุดลงอย่างตั้งใจจะหันกลับไปหาคนที่ยังหลับสนิทต่อ
ทว่า...
สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นด้านหลังๆของสมุดเล่มนั้น...ที่มีแต่ตัวหนังสือที่เขาไม่รู้จักอยู่เต็มไปหมด...
นี่มัน...ภาษาต่างประเทศ?
มือใหญ่พลิกหน้ากระดาษขึ้นมาดูให้ชัดๆ...มันเป็นลายมือที่เกิดจากการเขียนด้วยพู่กัน
แล้วมันก็อยู่ในสมุดเล่มนี้ แปลว่าโกคุเดระเป็นคนเขียนมันเอง?
จู่ๆอารมณ์ที่กำลังดีๆก็มืดมนลงทันที...
เพราะเขารู้ดีว่าทั่วทั้งเกาะเล็กๆแห่งนี้ไม่มีใครอ่านออกเขียนภาษาแบบนั้นได้...นอกจากคนที่มาใหม่อย่างนายช่าง...
สองมือกำแน่นพร้อมกับกัดฟันกรอด
จากที่ไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้วเลยยิ่งชิงชังเข้าไปใหญ่
แค่คิดว่าหมอนั่นอาจจะจับมือโกคุเดระแล้วสอนเขียนให้ก็แทบทนไม่ได้...ไม่ชอบให้โกคุเดระอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
ยิ่งเป็นมันด้วยแล้ว...
นัยน์ตามืดมนหันไปมองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง...
จะไม่ยกให้ใครทั้งนั้น....ไม่ว่าเจ้าจะรักเขาหรือไม่ก็ตาม...
ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยลอยเหนือยอดไม้ได้สักพัก
ร่างโปร่งบางที่หายตัวไปทั้งวันทั้งคืนถึงได้เปิดประตูไม้หน้าบ้านของตัวเองเข้าไป
“เรน?
กลับมาแล้วเหรอลูก?”
เสียงทักดังมาจากผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว
ใบหน้าสวยเหลือบมองลูกชายด้วยสายตาเป็นห่วง เพราะถึงนางจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโรงละครแล้วแต่เรื่องราวของสองดาวเด่นของคณะคาบุกิซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายของเธอก็มักจะโด่งดังจนมาเข้าหูเธอเองเสมอ
“ข้ากลับมาแล้ว...” เสียงหงอยๆเหมือนลูกหมาถูกทิ้งพูดออกมาเบาๆทำให้ผู้เป็นแม่ละจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ก่อนจะถลามาลูบหัวสีน้ำตาลนั่นอย่างนึกสงสารจับใจเมื่อได้เห็นสภาพของลูกชายชัดๆ
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?
รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน
ถึงนายช่างจะส่งคนมาบอกก็เถอะว่าเจ้าอยู่ที่เขตก่อสร้าง แต่ดูหัวดูหูเจ้าสิ
ทำไมถึงได้ยับเยินขนาดนี้...เจ้าเด็กพวกนั้นช่างร้ายกาจจริงๆ” ท่านแม่....ไอ้พวกที่ตัดผมข้ามันไม่ได้ร้ายกาจขนาดที่ท่านคิดหรอก...แต่ไอ้คนที่ทำให้หัวข้าเยินขนาดนี้น่ะมันนายช่างต่างหาก! จากนัยน์ตากลมโตที่ดูซึมเศร้ากลับรีขวางอย่างเคืองๆขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงปอยผมของตัวเองที่ถูกนายช่างตัดไป...เขาไม่น่าไว้ใจคนผิดเลยให้ตายเถอะ!
“ข้าไม่เป็นไรแล้วละท่านแม่
ท่านไม่ต้องห่วง” มือบางดันมือของผู้เป็นแม่ออกไป
ก็ยังดีที่ความขุ่นเคืองนี้ทำให้เขาลืมเรื่องทุกข์ใจไปได้ไม่น้อย
จนถึงตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองมีแรงพอที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงแล้วละ
“ถ้างั้นก็ดีแล้ว...ข้าค่อยเบาใจขึ้นหน่อย...เพราะเมื่อคืนที่โรงละครก็เกิดเรื่องใหญ่
ข้าละไม่สบายใจเอาเสียเลย...เจ้าช่วยไปดูฮายาโตะให้ทีได้ไหม?
ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง...”
แล้วชื่อของเพื่อนสนิทก็ทำให้ใบหน้ามนประหลาดใจ
เพราะเขาอยู่ที่เขตก่อสร้างซึ่งห่างไกลจากข่าวสารทำให้ไม่รู้เรื่องเลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง
“หื๋อ?...ฮายาโตะเป็นอะไรน่ะท่านแม่?” ถึงจะมีเรื่องบทนกกระสาแต่ทว่าความห่วงใยที่เขามีให้เพื่อนเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ลดลงเลย
“ก็.............”
แล้วริมฝีปากสีสดของผู้เป็นแม่ก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ตนรู้มาจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้ผู้เป็นลูกชายฟัง...
และยังไม่ทันที่เรื่องราวจะถูกเล่าจนจบดี
ร่างโปร่งบางก็ลุกพรวดพราดก่อนจะวิ่งออกจากบ้านอย่างเก็บความร้อนใจเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป!
แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....
เสียงหอบหายใจในเวลานี้ช่างฟังดูน่ารำคาญ
เช่นเดียวกับบันไดหินนับร้อยที่ไม่ว่าจะก้าวเท่าไหร่ก็มิอาจหลุดพ้นไปได้สักที
ทั้งๆที่มันก็ทอดยาวอยู่ตรงนี้มาไม่รู้กี่สิบปีแต่เขาเพิ่งจะรู้สึกเอาวันนี้แหละว่าระยะทางระหว่างบ้านของเขากับศาลเจ้าโคโตฮิระนั้นช่างห่างไกลกันเหลือเกิน
ร่างโปร่งบางก้าวขาวิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความร้อนลน...นี่เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นขึ้นกับฮายาโตะแต่เขากลับไม่รู้เรื่องเลย
ไม่ได้อยู่เคียงข้าง ไม่ได้คอยช่วยเหลือ ไม่ได้คอยจับมือเอาไว้
ไม่ได้คอยปกป้อง...เขานี่มันเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นอย่างเจ็บใจ
ยิ่งคิดถึงเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังฝ่ามือน้อยๆก็มีแต่จะยิ่งกำแน่น
รู้สึกเคียดแค้นชิงชังเจ้าผู้ชายคนนั้นที่บังอาจทำร้ายเพื่อนของเขาได้
ถ้าเขาเป็นพี่ชายก็คงจะฟันมันตายเช่นเดียวกัน!
“ฮึ่ม...”
ใบหน้ามนส่งเสียงขู่ไปตลอดทางจนในที่สุดก็ก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายมาจนได้
ร่างโปร่งเลี้ยวไปทางด้านหลังอย่างชำนาญด้วยรู้ตำแหน่งห้องของเพื่อนรักเป็นอย่างดี
“ฮายาโตะ!” เสียงใสตะโกนเรียกชื่อของคนที่เป็นห่วงจับใจตั้งแต่ยังไม่ทันจะถึงห้องๆนั้นดี
แต่แล้วท่ามกลางหมู่เรือนพักของศาลเจ้าที่แสนซับซ้อน
นัยน์ตาสีมรกตกลมโตก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ในฮากามะสีดำกำลังเดินสวนมาเข้าพอดี...ท่านพี่?...กำลังจะกลับแล้ว?
ร่างโปร่งบางหยุดวิ่งเหมือนคนบ้าแต่กลับหลบไปยืนสงบเสงี่ยมอย่างพยายามรักษามารยาทผู้ดีสุดขีดเมื่อยามาโมโตะ
ทาเคชิเดินใกล้เข้ามา
ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังคงนิ่งเฉยและมันก็แค่พยักให้เขาเบาๆเป็นเชิงบอกว่าให้เข้าไปสิ
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวขาผ่านไปมือใหญ่ของผู้เป็นพี่ชายกลับกระชากข้อมือของเขาเอาไว้ทำให้ใบหน้ามนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่าและมันก็งงหนักกว่าเดิมเมื่อเสียงทุ้มพูดออกมาให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า...
“เจ้าจงกันนายช่างให้ออกไปห่างๆจากโกคุเดระซะ” หื๋อ? กัน? กันอะไร? กันยังไง?
แล้วกันทำไม?...???....และเมื่อผู้เป็นพี่ชายมองเห็นเขายังอ้าปากค้างบวกเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า
ผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลยามาโมโตะเลยได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ
“ข้ารักโกคุเดระและจะไม่ไว้หน้าผู้ชายคนไหนที่กล้าเข้ามายุ่งกับโกคุเดระทั้งนั้น
ไม่ว่ามันจะเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาหรือว่านายช่างใหญ่มาจากไหน
ถ้าเจ้าไม่อยากให้มันตายเหมือนไอ้ผู้ชายเมื่อวาน
ก็จงกันมันให้ออกห่างจากคนของข้าซะ” เสียงทุ้มนั้นไม่ได้ดุดันหรือกระโชกโฮกฮากอะไรเลย
เพียงแต่ความเย็นเฉียบอันเป็นเอกลักษณ์ของสายฝนดำมืดที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้มันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่ชายจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
ร่างสูงใหญ่ในชุดฮากามะสีดำที่ปักตราของตระกูลยามาโมโตะเดินจากไปปล่อยให้ร่างโปร่งบางยืนอึ้งอยู่ตามลำพัง...อึ้งเรื่องที่พี่ชายชอบเพื่อนสนิทของเขาก็ว่ามากแล้วแต่กลับอึ้งเรื่องที่พี่ชายบอกให้คอยกันนายช่างกับฮายาโตะมากกว่า...สิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายบอกนั่นมันหมายความว่านายช่างชอบฮายาโตะงั้นเหรอ?
ถึงต้องกันให้ออกห่างจากกัน?
ทั้งอึ้งทั้งสับสนแล้วไหนจะหัวใจที่มันปวดหนึบๆนี่มันอะไรกันนะ?
ทั้งพี่ชาย
ทั้งนายช่าง...มีแต่คนรุมรักฮายาโตะแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ เด็กคนนั้นจะได้มีความสุขกับคนอื่นเขาบ้างสักที...
จะอิจฉา....ไม่ได้นะเรน....
ครืด....
เสียงประตูเลื่อนทำให้ใบหน้ามนของคนที่ยังสับสนหันไปมองหลังจากถือวิสาสะเข้ามานั่งรอเจ้าของห้องที่ออกไปอาบน้ำอยู่
“ฮายาโตะ!” ร่างโปร่งถลาไปกอดคนยังหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นสบู่
มือบางลูบหัวสีเงินไปมาราวกับว่ากำลังปลอบใจ แต่ใบหน้าสวยของโกคุเดระ
ฮายาโตะกลับทำแค่นิ่งเฉย
“เมื่อคืน...เจ้าไปอยู่ไหนมา?...ตอนที่ข้ากำลังลำบากเจ้าไปอยู่ที่ไหน?
ทำไมไม่อยู่ข้างกายข้า...”
เสียงเย็นชาเอ่ยออกมาและมันก็ทำให้มือบางที่กำลังลูบหัวสีเงินถึงกับชะงัก
ถึงจะไม่แน่ใจว่าตัวเองผิดหรือเปล่าแต่เรนก็กล่าวขอโทษออกไป
“ข้าขอโทษ...เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ
จะให้ข้าชดใช้ยังไงก็ได้...”
ใบหน้ามนก้มงุดอย่างไม่รู้จะทำยังไง
หากเพื่อนรักโกรธจนมองหน้ากันไม่ติดขึ้นมาเขาจะทำยังไง
แค่เรื่องผมกับบทนกกระสาเขาก็กลุ้มใจจะแย่แล้ว ในหัวสีน้ำตาลกำลังกังวลไปมากมายจนมันแสดงออกมาทางสีหน้า...และนั่นก็ทำให้คนที่แกล้งโกรธขึงถึงกับลอบยิ้ม...หลอกง่ายชะมัดเจ้าลูกหมานี่
“สำนึกผิดแล้วใช่ไหม?” ใบหน้าสวยยังตีสีหน้าเรียบเฉย
“อื้อ” หัวสีน้ำตาลก้มลงด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้
“คราวหลังห้ามไปไหนไม่บอกข้าอีก
เข้าใจไหม? ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรคนที่เจ้าต้องคุยด้วยเป็นคนแรกก็คือข้า
เข้าใจหรือเปล่า?”
“อื้อ!
ข้าจะบอกเจ้าทุกเรื่องเลย! จะบอกเจ้าคนแรกด้วย!”
ใบหน้าหงอยๆเงยขึ้นมาให้สัญญาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังโดนต้มอยู่
“ก็ได้
ข้าจะยกโทษให้เจ้า” ใบหน้าสวยแกล้งเชิดใส่
ในขณะที่คนถูกหลอกโถมเข้ามากอดด้วยความดีใจ
“ข้ารักเจ้าที่สุดเลยฮายาโตะ!” เจ้าของผมสีเงินลอบยิ้มอีกรอบกับวิธีการขอคืนดีในแบบของตนที่ดูจะได้ผลดีเพราะเจ้าลูกหมานี่มันไม่รู้เรื่องว่าอันที่จริงตัวเองก็ไม่ได้ผิดอะไร
แต่จะให้เขาไปง้อด้วยคำพูดหวานเลี่ยนมันก็ไม่ใช่วิถีของเขาเสียด้วย
“รู้แล้วน่าๆ....”
มือบางดันร่างโปร่งออกไปก่อนจะมองหัวสีน้ำตาลนั่นอย่างพินิจพิจารณา
จะว่ามันติดใจเขาตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นแล้วก็ว่าได้...ไอ้ทรงผมประหลาดๆนี่มันอะไร?
“เมื่อวานหัวเจ้ามันสารรูปดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?” เสียงห้วนถามออกไปและมันก็ทำให้เรนหัวเราะแหะๆก่อนจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขึ้นกับหัวของตน
“เฮ้อ...ก็แทนที่จะเอามาให้ข้าเล็มให้...มานี่สิ
ข้าจะตัดให้ใหม่” ใบหน้ามนพยักรับ
ถ้าถึงมือฮายาโตะแล้วก็ไม่ต้องห่วงเพราะส่วนใหญ่คนที่เล็มผมให้เขามาตลอดก็คือเพื่อนสนิทคนนี้นี่แหละ
คิดแล้วก็ยังเจ็บใจนายช่างไม่หาย ฮึ่ย!
เศษผมสีน้ำตาลปลิวตกลงมาบนผ้าสีขาวที่คลุมไหล่บางเอาไว้
จากตอนแรกที่พอจะปล่อยให้ยาวเคลียบ่าได้ ทว่า
ด้วยฝีมือนายช่างทำให้ตอนนี้ทำได้แค่ซอยให้ทุยๆเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป
มือบางวางกรรไกรลงไปบนถาดก่อนจะยื่นกระจกเงาให้เจ้าของผมสีน้ำตาล
เรนหันซ้ายหันขวามองหน้าตัวเองในกระจกก่อนจะพึมพำอย่างเหม่อลอย
“เหมือนเด็กผู้ชายเลยนี่นา...”
“เจ้าก็เป็นเด็กผู้ชายไม่ใช่รึไง?” เสียงขำๆตอบกลับไปทันที
มือบางรวบผ้าสีขาวออกจากไหล่ เสียงใสจึงตอบกลับด้วยความตื่นเต้นดีใจ?
“จริงสิ!
ข้าเป็นเด็กผู้ชาย! ถ้างั้นข้าก็จีบเจ้าได้สินะฮายาโตะ” นี่เพิ่งรู้ตัวหรือไง? แล้วเขาเองก็เป็นเด็กผู้ชายนะจะมาจีบได้ไง?
โกคุเดระ ฮายาโตะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาละเหี่ยใจก่อนจะยันหน้าที่กำลังถูไถตัวเองอย่างกับลูกหมาออกไป
“ไม่ต้องมาซุกเลยเจ้านกกระจิบ!” ร่างโปร่งบางชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำว่านกกระจิบ...เพราะมันทำให้นึกถึงเรื่องบทละครขึ้นมาได้
คนที่เพิ่งเผลอพูดออกไปก็เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างจึงเงียบงันไปพักใหญ่
ก่อนที่ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินจะตัดสินใจพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจให้อีกฝ่ายรู้
“นี่เรน”
“ข้าเจ็บใจสุดๆไปเลยฮายาโตะ!” แต่เรนกลับสวนขึ้นมาทำให้นัยน์ตาสีมรกตของโกคุเดระ
ฮายาโตะถึงกับเบิกกว้าง
“เจ็บใจ....ที่ข้าเก่งไม่เท่าเจ้า
คุณคัตสึระถึงได้ไม่เลือกข้า...แต่ว่านะ หากมีเรื่องหน้าอีกข้าไม่มีทางแพ้เจ้าแน่
เตรียมใจเอาไว้ได้เลย!” นิ้วเรียวของเพื่อนสนิทชี้มาที่ใบหน้าสวยแต่เจ้าของบทนกกระสากลับมองเรนด้วยนัยน์ตาสั่นพร่าก่อนจะดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอด...เรนไม่ได้โกรธเขา
ไม่ได้เกลียดเขาที่เขาแย่งบทนกกระสาไป
แต่คำว่าเจ็บใจของอีกฝ่ายก็คือเจ็บใจในฝีมือของตนเองมากกว่า...ความหนักอึ้งในใจถูกยกออกไป
คำแก้ตัวยืดยาวที่คิดเอาไว้ถูกกลืนลงคออย่างไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกเพราะเรนเข้าใจทุกอย่างดีอยู่แล้ว
เด็กคนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชายและพร้อมจะลุกขึ้นสู้ใหม่....บอกตามตรงว่าชีวิตนี้เขาคงจะหาเพื่อนที่ดีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ฮายาโตะ?” ใบหน้ามนที่ถูกกดให้เกยไว้ที่ไหล่เรียกชื่อเขาเบาๆด้วยความสงสัยว่าอ้อมกอดนี้มันคืออะไร
เพราะปกติแล้วเจ้าลูกหมานั่นจะเป็นฝ่ายเข้ามาคลอเคลียเขามากกว่า
มือบางจึงผลักเรนออกไปก่อนจะชักสีหน้าเชิดใส่ตามปกติ
“ว่าแต่เจ้า...ทำไมเมื่อคืนถึงไม่กลับมาห๋า?
รู้ไหมว่าข้าเหนื่อยแทบตายเลยนะที่ต้องแสดงแทนเจ้าด้วยน่ะ” ใบหน้าสวยแสร้งทำเป็นงอนสะบัดใส่อีกฝ่ายจนร่างโปร่งบางได้แต่โบกไม้โบกมือพัลวัน
“ง่า...ข้าขอโทษ...แต่ว่าข้าร้องไห้จนตาบวมปูดเลย
แถมนายช่างยังตัดผมข้าจนสารรูปดูไม่ได้ ข้าเลยอายจนไม่กล้ากลับมา.....” ใบหน้ามนสารภาพเสียงแผ่ว
“เฮ้อ....ข้าก็นึกว่าเจ้าโดนใครฉุดไปเสียอีก!”
“แหะแหะ...”
“นี่...เจ้าเองก็ต้องระวังตัวนะ...ถึงจะมีนายช่างเป็นคนอุปถัมภ์แล้วก็เถอะ
แต่พวกตาลุงหื่นกามนั่นมันก็ร้ายกาจและไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ!” โกคุเดระ
ฮายาโตะเอ่ยเตือนเพื่อนสนิท ในใจยังเจ็บแค้นไม่หายที่ถูกทำร้ายแบบนั้น ซ้ำเรนเองก็เชื่อคนง่าย
อาจจะโดนหลอกลวงจนเพลี่ยงพล้ำไปก็เป็นได้
นัยน์ตาสีมรกตจึงทอดมองเพื่อนรักอย่างนึกห่วง
“รู้แล้วน่า...แต่ข้าว่าเจ้าสิ
ปลอดภัยแล้วแน่ๆ ก็พี่
เอ่อ...คุณชายยามาโมโตะน่ะเล่นป่าวประกาศซะลั่นขนาดนั้น....โกคุเดระ
ฮายาโตะเป็นของข้า ใครหน้าไหนมันกล้ามายุ่งก็เตรียมตัวตายได้เลย!” ใบหน้าน่ารักทำขึงขังอย่างพยายามเลียนแบบเจ้าบ้ายามาโมโตะจนเขานึกขำ
เจ้าเด็กคนนี้...ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แท้ๆแต่ดันจินตนาการได้เป็นฉากๆค่อยสมกับที่เป็นนักแสดงคาบุกิขึ้นมาบ้างแล้วสินะ
ใบหน้าสวยหลุดหัวเราะก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เรน...เอ่อ...ข้าขอโทษนะ...คือ...เจ้าบ้ายามาโมโตะก็คงจะพูดไปงั้นแหละ
คือ...ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กใช่ไหมล่ะ เห็นข้าโดนรังแก
เจ้านั่นก็คงอยากปกป้องข้าในฐานะเพื่อนนั่นแหละ...เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ....” เพราะมัวแต่ดีใจที่คืนดีกับเรนได้เลยลืมไปว่าเรนกำลังคบหากับยามาโมโตะ
ทาเคชิอยู่...การที่เจ้าบ้านั่นมาปกป้องเขาแบบนี้อาจจะทำให้เรนเข้าใจผิดได้
ยังไงเขาก็จะไม่มีวันทรยศเพื่อนคนนี้ของเขาเด็ดขาด....ต่อให้รัก
ต่อให้ดีใจแค่ไหนที่ยามาโมโตะทำเพื่อเขาแบบนั้น
แต่เขาก็จะไม่มีวันแย่งคนรักของเพื่อนเด็ดขาด
ใบหน้าสวยก้มมองพื้นด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ
สองมือทำได้แค่กำแน่นเพื่อย้ำเตือนกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ายามาโมโตะเป็นของเรน...ไม่ใช่ของเขา...
“คิดมาก?
คิดมากเรื่องอะไรอ่ะ?” แต่แล้วใบหน้ามนที่เหมือนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ทำให้เขาลอบถอนหายใจ...อาจจะดีแล้วก็ได้ที่เรนเป็นพวกความรู้สึกช้า
ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้อาจจะทะเลาะกันไปแล้วก็ได้
“ก็....พวกเจ้าเป็นคนรักกันไม่ใช่หรือไง?
ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับยามาโมโตะหรอก....”
ริมฝีปากสีสดพยายามแก้ตัวและพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ ทว่า
แทนที่ได้ฟังแบบนั้นแล้วเรนจะยิ้มรับ เจ้านกกระจิบนั่นกลับแหกปากลั่นจนทำให้เขาพลอยตกใจไปด้วย
“เอ๋?!!
ไม่รู้สึกก็แย่สิ! เดี๋ยวข้าก็โดนดุเอาอีกหรอก! ไม่ได้นะ!พี่ข้า
เอ่อ...คุณชายยามาโมโตะชอบเจ้า เจ้าก็ควรจะมองเค้าให้ดีๆสิ! ส่วนนายช่างน่ะ ถึงจะเป็นคนดีก็เถอะแต่ไม่เหมาะกับเจ้าหรอก!” ริมฝีปากช่างเจรจาพ่นสิ่งที่อยู่ในใจออกไปอย่างไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย
ใบหน้ามนนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายพูดกับตนเอาไว้
ลงอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้นเชื่อเถอะว่าหากเขาไม่ตะล่อมจนฮายาโตะยอมตกลงปลงใจ
คงเป็นเขาเองนี่แหละที่จะถูกผู้นำคนต่อไปของตระกูลยามาโมโตะฆ่าตาย
เพราะรู้จักผู้เป็นพี่ชายดีว่าหากอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้
ต่อให้เขาเป็นน้องชายแต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เอาเขาไว้แน่....
นะ
นี่เขาแค่พูดออกไปเพื่อให้พี่ชายได้สมหวัง ไม่ได้คิดถึงนายช่าง
ไม่ได้อยากจะให้นายช่างหันมามองเขาแทนหรอกนะ!
“ห๊ะ?
แล้วนายช่างมาเกี่ยวอะไรด้วย? แล้วเจ้าบอกว่าเจ้าบ้ายามาโมโตะมันชอบใครนะ?” แล้วคำพูดที่ออกแนวสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกของเรนก็ทำให้ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ก็เจ้ากับนายช่างชอบพอกันอยู่ไม่ใช่หรือไง?
แล้วคุณชายยามาโมโตะก็ชอบเจ้าด้วย”
ริมฝีปากช่างเจรจายังคงพูดตามความคิดของตัวเองออกมาและมันก็ยิ่งทำให้คนที่ไม่เคยรู้ตัวถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“เดี๋ยวก่อนนะเรน...ข้างงไปหมดแล้ว...เรามาถกกันทีละประเด็น...เริ่มจากเจ้ากับเจ้าบ้ายามาโมโตะก่อนเลย...ตกลงพวกเจ้าเป็นอะไรกันกันแน่?
ไม่ได้เป็นคู่รักกันอยู่หรอกรึ?” ร่างบอบบางที่ฉลาดเฉลียวเป็นทุนเดิมเริ่มเอะใจในท่าทีของเพื่อนสนิทจึงคิดจะจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่อง
เพราะหากมันไม่มีมูลอะไรเลยอย่างเรนคงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูด
“เปล่า...ข้ากับคุณชายยามาโมโตะไม่มีทางเป็นคนรักกันได้หรอก” เจ้าของผมสีเงินถึงกับเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจกับคำปฏิเสธที่ออกมาจากปากของเรนง่ายๆราวกับอีกฝ่ายไม่ต้องคิดอะไรเลย...หมายความว่ายังไง?
จะบอกว่าที่เขาเอาแต่คิดว่าทั้งสองคนรักกันจนหัวใจเป็นแผลเหวอะหวะนี่เขาบ้าไปเองงั้นเหรอ?
นัยน์ตาสีมรกตของโกคุเดระ
ฮายาโตะมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่ยังเบิกค้าง ข้างในใจทั้งสับสนและยินดีปรีดาอย่างบอกไม่ถูก
แต่ว่า มันก็ยังมีจุดที่น่าสงสัย ริมฝีปากสีสดจึงเอ่ยถามออกไป
“แล้วถ้างั้นทำไมเจ้าบ้ายามาโมโตะถึงให้ปิ่นหยกกับเจ้าแถมยังจงใจให้คนอื่นๆรู้ด้วยว่าเค้าเลือกเจ้า” ตรงนี้แหละที่ทำให้เขาปักใจเชื่อว่ายามาโมโตะกับเรนรักกัน
เพราะในยุคสมัยนี้การมอบของมีค่าให้กันแบบนั้นหากไม่พึ่งใจรักใคร่ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอื่น?
“.......ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ฮายาโตะ...มันสำคัญต่อชีวิตของข้ากับแม่มาก...เจ้ารู้เพียงแค่ว่าคุณชายยามาโมโตะมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ข้าปลอดภัย...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าทำเป็นเพียงหน้าที่ที่ถูกมอบหมายมา
เจ้ารู้เท่านี้ก็พอ”
แต่แล้วคำตอบของเรนก็ทำให้ร่างทั้งร่างถึงกับชะงักค้าง...ในหัวสีเงินกำลังประมวลผลจากคำพูดไม่กี่ประโยคนั่นและเขาก็รู้ได้ในทันที....
ที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดเรื่องความรักในเชิงชู้สาวแต่กลับลืมไปว่าความรักในโลกนี้นั้นยังมีรูปแบบอื่นๆอยู่อีก...ไม่สิ...ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็คงคิดไม่ได้คาดไม่ถึงหรอกว่า...เรนกับยามาโมโตะจะเป็น.....
“นั่นเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเจ้าหรือเปล่าเรน?...พ่อของเจ้า....” เสียงลอยๆหลุดออกไปจากริมฝีปากของโกคุเดระ
ฮายาโตะ เมื่อไปล่วงรู้ความลับที่ถูกปกปิดไว้มานานของเรนและพวกยามาโมโตะเข้า...ใบหน้ามนของเพื่อนรักพยักรับและนั่นก็ทำให้เขาปิดริมฝีปากสนิทอย่างไม่คิดจะถามอะไรอีกเพราะพอจะจับต้นชนปลายอะไรได้บ้างตามประสาคนหัวไว....งั้นเองรึ...ที่แท้เจ้ากับยามาโมโตะก็เป็น...
ร่างของทั้งคู่ต่างนิ่งงันอยู่หลายนาทีก่อนที่โกคุเดระ
ฮายาโตะจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
“สรุปว่าเจ้ากับเจ้าบ้ายามาโมโตะไม่ใช่คนรักกัน?”
“ไม่ใช่
แล้วก็ไม่มีวันเป็นไปได้ด้วย” เรนยังคงตอบกลับมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เพราะฉะนั้นร่างบอบบางจึงตั้งใจจะพูดเรื่องของตัวเองให้ชัดเจนเช่นกัน
“ถ้างั้นมาที่เรื่องของข้ากับนายช่าง...ในสายตาข้าไม่เคยเห็นนายช่างเป็นอย่างอื่นนอกจากผู้มีพระคุณและอาจารย์
และข้าก็เชื่อว่านายช่างเองก็คงมองข้าเป็นแค่ลูกศิษย์
ไม่ได้คิดอะไรต่อกันไปมากกว่านั้นหรอก”
ถึงจะไม่รู้ว่าเรนไปยกประเด็นของเขากับนายช่างมาได้ยังไงแต่ระหว่างเขากับนายช่างก็มีแค่นี้จริงๆ
“งะ
งั้นเหรอ....” แล้วคำปฏิเสธที่ชัดเจนของโกคุเดระ
ฮายาโตะก็ทำให้คนที่กำลังว้าวุ่นใจเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หัวใจดวงน้อยพองโตอย่างไม่มีสาเหตุ....อะไรกัน...ที่แท้ท่านพี่ก็คิดมากไปเองหรอกเหรอ ฮายาโตะกับนายช่างไม่ได้ชอบพอกันเสียหน่อย
“แล้วเจ้าจะหน้าแดงทำไม?” เจ้าของผมสีเงินเอ่ยถามพลางเหล่ตามองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่จู่ๆก็แดงระเรื่อทั้งๆที่ยังดูเหม่อๆเหมือนยังคิดอะไรไม่เป็นเรื่องอยู่
“สงสัยข้าจะเป็นลมแดด” ใบหน้ามนตอบกลับมาอย่างที่คิดว่าตนเป็นลมแดดจริงๆ
ทั่วทั้งใบหน้ามันถึงได้ร้อนผ่าวขนาดนี้
“ลมแดดบ้านเจ้าสิ
ยังไม่ทันจะโดนแดดสักวินาที”
“ช่างข้าเถอะน่า~~” ใบหน้ามนก้มงุด
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าตนเอาแต่คิดเรื่องของนายช่างอยู่ตลอดเวลา
โกคุเดระ
ฮายาโตะได้แต่ลอบยิ้มกับอาการของเจ้านกกระจิบตรงหน้า...อย่าบอกนะว่าเรนแอบชอบนายช่าง?...จะว่าไปเขาก็ไม่ทันสังเกตเลยเพราะที่ผ่านมามัวแต่คิดว่าเรนคบหากับยามาโมโตะอยู่...สงสัยจากนี้ไปต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดเสียแล้ว
หึๆ
“ทีนี้ก็เรื่องของข้ากับเจ้าบ้ายามาโมโตะ....เจ้าไปเอาความคิดที่ว่าหมอนั่นชอบข้ามาจากไหน?” ใบหน้าสวยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
อ้อมค้อมกับเรนไปก็ไม่มีประโยชน์
“ก็พี่...เอ่อ...คุณชายยามาโมโตะบอกกับข้าเองว่าเค้าชอบเจ้า”
แล้วเรนก็ตอบกลับมาได้ตรงเป้าตรงประเด็นอย่างที่ต้องการเลยจริงๆ
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นทำเอาใบหน้าสวยของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับแดงเถือกเป็นใบโมมิจิในฤดูใบไม้ร่วงในไม่กี่วินาที หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจากความสุขล้นปรี่
จากที่เคยเศร้าหมองเพราะไม่คิดว่าความรักของตนจะสมหวัง
ทั้งชีวิตนี้คงไม่อาจทำให้พญาเหยี่ยวตัวนั้นหันมามองได้...แต่จากความจริงที่ได้รู้จากปากของเรนก็ทำให้เขารู้สึกราวกับได้เข้าใกล้อีกฝ่ายเข้าไปอีกนิด
“งะ
งั้นเหรอ....” ริมฝีปากสีสดเอ่ยออกไปทั้งที่ยังอ้าพะงาบๆ
หัวใจเต็มตื้นจนสรรหาคำพูดใดออกมาไม่ได้เลย...แย่ละสิ
แล้วพรุ่งนี้...เขาจะมองหน้ายามาโมโตะยังไงดี....
“เจ้าก็เป็นลมแดดเหมือนกันเหรอ?” นัยน์ตาสีมรกตกลมโตของเรนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขาซึ่งคงจะแดงจัดอย่างเห็นได้ชัด
ขนาดตัวเองยังรู้สึกเลยว่ามันร้อนลามไปจนถึงใบหู ริมฝีปากสีสดจึงตอบงึมงำกลับไป
“อะ
อื้อ...สงสัย....”
ม้าสีดำสนิทวิ่งผ่านประตูไม้บานใหญ่ของคฤหาสน์ทาคามัตสึเข้าไปก่อนที่บรรดาข้ารับใช้จะวิ่งกรูเข้ามาเพื่อต้อนรับนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของบ้านที่หายตัวไปทั้งคืน...แน่นอนว่าเรื่องที่ผู้นำตระกูลยามาโมโตะคนต่อไปไปก่อเอาไว้ก็รู้มาถึงที่นี่แล้วเช่นกันและมันก็กำลังทำให้ทั้งบ้านตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก
“นายน้อย...นายท่านรอพบอยู่ที่ห้องขอรับ” หนึ่งในลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกคนที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้า
ร่างสูงใหญ่ก้าวขาลงมาโดยที่ใบหน้าคมนั่นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด...ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวต่อบทลงโทษเลยหรือไง
ทั้งๆที่คนทั้งบ้านหวาดหวั่นกันเสียขนาดนี้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้คมกล้าเหลือบมองบรรดาลูกน้องของตนที่ต่างหน้าถอดสีไปตามๆกัน...รอยยิ้มเย็นๆจึงเผยอยู่บนริมฝีปากก่อนจะก้าวขาตรงไปยังห้องที่พ่อของตนนั่งรออยู่
“นายน้อยมาแล้วขอรับ...” ข้ารับใช้ที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องตะโกนบอกคนข้างในก่อนจะกุลีกุจอเลื่อนบานประตูให้ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไป
แล้วยามาโมโตะ
ทาเคชิก็รับรู้ว่าความอึมครึมที่อยู่รอบตัวเขาเมื่อกี้มันเทียบไม่ได้เลยกับบรรยากาศหนักอึ้งที่อยู่ในห้องตอนนี้
นัยน์ตาดุดันของชายผู้ปกครองทั่วทั้งเกาะชิโกกุจ้องมองลูกชายเพียงคนเดียวอย่างพยายามระงับโทสะที่กำลังพุ่งพล่าน
เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งลงบนเบาะรองนั่งตรงหน้ายังมีทีท่าไม่ทุกข์ร้อนและมันก็ยิ่งทำให้เจ้าเมืองทาคามัตสึถึงกับเดือดดาลหนักกว่าเก่า...เพราะภาพตรงหน้ามันช่างซ้อนทับกับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน...ตอนนั้น...ชินสุเกะก็ทำหน้าแบบนี้เหมือนกัน...
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือลูกชายคู่ค้าคนสำคัญของเรา...คนที่เจ้าเพิ่งจะฆ่าตายคนนั้น!” สองมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยซึ่งวางอยู่บนหน้าตักกำแน่น
นัยน์ตาดุดันยังคงจ้องหน้าลูกชายเขม็ง...แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่น
ไม่ได้กลัวเกรงต่อโทษทัณฑ์และแรงโทสะของเขาเลยสักนิด ซ้ำใบหน้าคมคายนั่นยังยิ้มออกมาก่อนจะตอบให้เส้นเลือดที่ขมับของเขาแทบจะแตกด้วยความโมโหเสียให้ได้
“ข้ารู้”
“รู้แล้วเจ้ายังทำอีกงั้นรึทาเคชิ?!
เจ้ากำลังทำให้ตระกูลของเราเดือดร้อนเพราะความเอาแต่ใจของเจ้า!” นายเหนือหัวบ้านยามาโมโตะตะโกนใส่หน้าลูกชายอย่างเหลืออดเพราะไม่คิดเลยจริงๆว่าเด็กหนุ่มจะกล้าท้าทายอำนาจของเขาขนาดนี้
ที่ผ่านมาถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าลูกชายคนนี้ร้ายลึกไม่เหมือนใครแต่ทาเคชิก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
ไม่เคยขัดคำสั่งของเขา!
เจ้าเมืองทาคามัตสึจึงพยายามผ่อนลมหายใจ...ยังไงทาเคชิก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่
จะลงไม้ลงมือหนักไปก็ไม่ได้
“.......” เด็กหนุ่มไม่ตอบโต้อะไรและยังคงนิ่งเฉยด้วยใบหน้าเย็นชา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจึงเอ่ยออกไปเพราะเข้าใจว่าลูกชายคงพร้อมยืดยกรับโทษทัณฑ์จากผลแห่งการกระทำของตนแล้ว
“ข้าควรจะต้องลงโทษเจ้า
เพื่อไม่ให้คนอื่นๆเอาเยี่ยงอย่าง”
เสียงกดต่ำเอ่ยออกไป
ที่ผ่านมาหากคนในตระกูลทำผิดเขาก็ลงโทษอย่างไม่มีละเว้นและต่อให้เป็นลูกชายของเขาเองก็เช่นกัน...ทว่า...จากที่คิดว่าเรื่องมันคงจะจบลงโดยง่าย....เขากลับคิดผิดไปเมื่อจู่ๆเด็กหนุ่มที่เขาฟูมฟักมานับสิบปีกลับตอบเขาด้วยใบหน้าไม่แยแสต่อสิ่งใดว่า
“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านลงโทษข้า
เพราะข้าไม่ผิด”
“ทาเคชิ!!” เจ้าเมืองทาคามัตสึตะโกนลั่นอย่างลืมตัว
ร่างทั้งร่างลุกพรวดอย่างตั้งใจจะกระโจนเข้าไปกระชากลากคอเจ้าลูกชายตัวดีไปฆ่าให้ตายซะให้รู้แล้วรู้รอด
“นายท่าน
ใจเย็นๆก่อนขอรับ” ยามาโมโตะ ชิโนดะพุ่งเข้ามาห้ามจากหน้าประตู
สองมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยต้องออกแรงดึงเจ้าบ้านยามาโมโตะที่กำลังโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
ใบหน้าถมึงทึงทำเอาเหล่าลูกน้องที่นั่งลุ้นอยู่หน้าห้องถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง...พวกคนหนุ่มคงจะเพิ่งเคยเห็นใบหน้าโกรธจัดของเจ้าบ้านยามาโมโตะก็ครั้งนี้
แต่เหล่าคนเก่าคนแก่ที่อยู่ที่นี่มานานเริ่มหนาวๆร้อนๆเพราะต่างเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ของนายเหนือหัวมาแล้ว...และเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็บานปลายซ้ำยังจบลงไม่ดีอีกต่างหาก
ดวงตาแดงก่ำที่กำลังจ้องมองลูกชายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อต้องพยายามอย่างหนักที่จะปรับให้มันกลับมาเป็นปกติ
“เจ้ากำลังจะทำให้คู่ค้าคนสำคัญหายไป
การเดินเรือที่เป็นหัวใจของตระกูลยามาโมโตะจะลดลงไปกว่าครึ่ง แล้วเจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่ผิดอีกงั้นรึ?!
ข้านึกว่าเจ้าโตพอจะปกครองตระกูลได้
แต่ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต่างไปจากพี่ชายของเจ้าเลยสักนิด!
ข้าน่าจะปิดโรงละครนั่นไปซะตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว!” ผู้เป็นพ่อตะโกนออกมาด้วยความฉุนเฉียว
ก่อนจะนั่งหอบด้วยความโมโห...ในใจได้แต่กล่าวโทษต่อคณะละครคาบุกิสกปรกๆนั่นที่ล่อลวงลูกชายของเขาถึงสองคน...ไม่สิ
ถ้ารวมเรนด้วยก็สามคนเข้าไปแล้ว!
“ถ้าเช่นนั้นท่านคงจะต้องสั่งปิดศาลเจ้าด้วย
เพราะโกคุเดระก็เป็นเด็กของศาลเจ้าโคโตฮิระ”
แต่เจ้าลูกชายกลับไม่ได้สำนึกผิดซ้ำยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้านและนั่นมันก็ยิ่งทำให้โทสะที่ขึ้นๆลงๆเพราะเขาพยายามระงับมันเอาไว้พุ่งทะลุขีดจำกัด
“เจ้า! อย่าคิดว่าข้าไม่กล้านะ! ข้าอาจจะไม่สั่งปิดศาลเจ้า แต่กับแค่เด็กตัวเล็กๆอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะ
ถ้าข้าจะสั่งฆ่าละก็มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก!” มือสั่นระริกชี้หน้าลูกชายที่ยังคงนิ่งเฉย
ไม่เคยคิดเลยว่าทาเคชิจะเป็นได้ถึงขนาดนี้...เพราะเจ้าเด็กจากคณะละครคาบุกินั่นคนเดียว!
ในใจของเจ้าเมืองทาคามัตสึร่ำๆจะหยิบดาบพุ่งไปตัดหัวสีเงินนั่นเสียให้ได้
ต่อให้ตายเขาก็ไม่มีวันยอมรับเรื่องแบบนี้เด็ดขาด คราวนี้เขาคงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
รีบสั่งคนไปจัดการเด็กนั่นซะก่อนที่มันจะทำให้ลูกชายของเขาเสียคน!
“ชิโนะดะ!”
ใบหน้าถมึงทึงของเจ้าบ้านยามาโมโตะหันไปหามือขวาคนสนิท
ถ้าเป็นชิโนดะที่เคยจัดการเรื่องแบบนี้มา ต่อให้เขาไม่สั่งอะไรชายผมสีดอกเลาผู้นี้ก็ย่อมต้องขจัดเสี้ยนหนามให้พญาเหยี่ยวของเขาโผบินอยู่บนฟ้าได้อย่างสง่างามแน่ๆ
แต่ก่อนที่เจ้าเมืองทาคามัตสึจะได้สั่งอะไร
ใบหน้าคมคายที่นิ่งเฉยมาตลอดก็ยอมปริปากพูดออกมาจนได้...
ทว่า...
มันกลับไม่ใช่ถ้อยคำยอมจำนนอย่างที่คนทั้งบ้านต้องการ...
ไม่ใช่คำพูดที่จะยอมเลิกราจากคนของคณะคาบุกิเพื่อให้ไว้ชีวิตเด็กคนนั้น
ไม่ใช่คำขอโทษและสำนึกผิดในเรื่องที่ทำลงไป ไม่ใช่คำขอกลับตัวใหม่ ไม่ใช่...ไม่ใช่คำพูดที่ผู้เป็นพ่อคาดคิดว่าจะได้ยินแม้แต่นิดเดียว....
“ท่านพ่อ...ข้าขอให้ท่านไตร่ตรองให้ดีหากจะทำเช่นนั้น...ข้าไม่ได้ขู่ท่านนะท่านพ่อ...ข้าจะไม่ทิ้งที่นี่ไป
จะไม่ทิ้งตระกูลยามาโมโตะไปเหมือนชินสุเกะแน่
และข้าก็จะไม่ปล่อยให้ท่านทำร้ายโกคุเดระเหมือนที่ท่านทำกับคัตสึระ โคทาโร่เช่นกัน”
สิ้นถ้อยคำอวดดีก็มีแต่จะทำให้นายเหนือหัวของบ้านเต้นเป็นเจ้าเข้า
มือสั่นเทิ้มชี้หน้าลูกชายก่อนจะตะโกนราวกับกำลังบ้าคลั่ง
“เจ้า!! เจ้า...คิดจะสู้กับข้างั้นรึ?! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครทาเคชิ!”
“ข้าเป็นลูกชายของท่าน...เป็นคนที่ท่านสอนทุกสิ่งทุกอย่างมากับมือ...คิดว่าข้าควรจะแพ้ท่านไหมล่ะ?
ท่านพ่อ...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากใบหน้าที่กำลังยิ้มเย็นๆ
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผู้เป็นพ่อราวกับพญาเหยี่ยวที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
“เจ้า!!” เจ้าเมืองทาคามัตสึสรรหาคำพูดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้เพราะในหัวเต็มไปด้วยไฟโทสะที่กำลังพุ่งพล่าน...เขาไม่น่าเลี้ยงมันมาเลย
เขาไม่น่าเลี้ยงไอ้ลูกทรพีแบบนี้มาเลย!
นัยน์ตาแดงก่ำของเจ้าเมืองทาคามัตสึจ้องลูกชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่นั่นเขม็ง...เขาคิดผิดไปจริงๆที่ตั้งใจจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ทาเคชิ
เด็กคนนี้ไม่เหมือนชินสุเกะ ไม่ได้คิดจะยอมเขาง่ายๆแล้วจากไปแบบพี่ชาย ซ้ำร้ายยังคิดจะยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นของตัวเองหน้าตาเฉย...แล้วเขาก็รู้ว่าทาเคชิมีกำลังพอที่จะทำได้อย่างที่พูด
เพราะพวกลูกน้องที่เป็นคนหนุ่มเกือบทั้งหมดของตระกูลเขาก็รับเข้ามาเพื่อให้รับใช้ทาเคชิทั้งนั้น
แน่นอนว่าเจ้าพวกนั้นย่อมต้องฟังคำสั่งของทาเคชิที่ร่วมเป็นร่วมตายร่วมทำงานด้วยกันมามากกว่าเขาแน่ๆ
กว่าจะรู้ตัวว่าเขาเลี้ยงปีศาจร้ายเอาไว้...มันก็คงสายเกินไปเสียแล้ว...
“....ปล่อยเรื่องของข้ากับโกคุเดระไป...แล้วท่านจะได้ข้าไปอยู่ในโอวาทอีกครั้ง...ว่าไงล่ะท่านพ่อ?” ใบหน้าคมคายของผู้เป็นลูกชายเอ่ยต่อรองกับเขาทั้งๆที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้นั่นแสดงความเหนือกว่าออกมาให้เห็น...ถ้าเขาอยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายต่อไปอย่างสงบก็จงยอมฟังคำสั่งของตนงั้นสิที่เด็กนั่นต้องการจะบอกเขา?
“เจ้า......” มือใหญ่กำแน่นอย่างระงับความโกรธ
“ออกไป!
ไปให้พ้นหน้าข้า!”
เสียงตวาดดังลั่นเพราะรู้ว่าทำอะไรผู้เป็นลูกชายไม่ได้
แต่จะให้ยินยอมในทันทีเขาก็ยังมีศักดิ์ศรีของคนเป็นพ่อเหลืออยู่
ร่างสูงใหญ่ในฮากามะสีดำจึงลุกออกมาด้วยใบหน้าที่ยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเย็นๆ
และเพียงนายน้อยของบ้านก้าวขาออกมาจากห้อง
เหล่าลูกน้องคนหนุ่มก็พร้อมใจกันเดินตามไปไม่เหลือหลอ...
พ่อน่ะ...คงไม่กล้าทำอะไรโกคุเดระไปอีกพักใหญ่...แต่ที่น่ากังวลกลับเป็นอีกคนมากกว่า...ร่างสูงใหญ่จึงหยุดยืนอยู่ตรงหน้ายามาโมโตะ
ชิโนดะ...คนที่เลี้ยงดูตนมาแต่เล็กแต่น้อยคนนั้น
“ชิโนดะ...ข้าขอเตือนเจ้านะ...อย่ายุ่งกับโกคุเดระ
ฮายาโตะ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายตระกูลยามาโมโตะซะ” แล้วคำพูดของเด็กหนุ่มก็ทำเอาเจ้าของผมสีดอกเลาเบิกตาค้างไปวูบหนึ่งก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วก้มหน้ารับคำ
นัยน์ตาที่ผ่านโลกมามากทอดมองแผ่นหลังสง่างามที่เดินจากไป...หากเด็กหนุ่มบอกว่าจะฆ่าเขาเสียหากขัดคำสั่งเรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้
เพราะต่อให้เขาต้องตายไปแต่หากสามารถแยกเจ้าเด็กชั้นต่ำจากคณะละครนั่นออกไปจากนายน้อยได้
เขาก็ยินดีจะยกชีวิตให้ แต่นายน้อยกลับพูดว่าจะไม่ฆ่าเขาแต่จะทำลายตระกูลแทนเพราะนายน้อยรู้...ว่าตระกูลยามาโมโตะเป็นสิ่งที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต
บางทีเขาก็คิดนะว่า...ทำไมเด็กหนุ่มที่ไม่เคยเห็นอะไรอยู่ในสายตาคนนี้
ถึงได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้โกคุเดระ ฮายาโตะ
ทำไมถึงได้รักมากมายทั้งๆที่ไม่เคยมีหัวใจให้กับอะไรสักอย่าง
ขนาดพ่อแม่หรือแม้แต่เขาที่เลี้ยงดูมา ยามาโมโตะ
ทาเคชิยังไม่เคยคิดว่าเป็นผู้มีพระคุณ
ทำไมกัน?
ยอดหญ้าที่ถูกคาบอยู่ในปากแทนบุหรี่โยกไหวไปมาตามแรงลมที่พัดพาเอากลิ่นของทะเลมาด้วย
ร่างสูงใหญ่ในชุดทหารแค่ครึ่งท่อนนอนเอกเขนกอยู่บนพื้นหญ้าหนานุ่มบนเนินริมทะเลที่เคยเจอกับกิโนสะ
โนบุจิกะเป็นครั้งแรก
นัยน์ตาสีดำทอดมองท้องฟ้าด้วยสายตาเหม่อลอย...
หลังจากวันนั้น...เขาก็กลับไปดูที่บ้านร้างหลังนั่นอีกหลายครั้ง...และมันก็มีร่องรอยว่ากิโนะเคยมีชีวิตอยู่ที่นั่นจริงๆ
แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง
จะถามความจริงจากกิโนะก็ไม่ได้เพราะตั้งแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ไม่มาให้เห็นอีกเลยและไม่ว่าเขาจะไปตามหาที่ไหนก็ไม่เคยเจอ...เขาจึงทำได้แค่มารออยู่ที่นี่...ที่ที่เราพบกันเป็นครั้งแรก...
หรือว่าเขาไม่ควรจะเปิดประตูบานนั้น
ไม่ควรจะไปอยากรู้อยากเห็นว่ากิโนะเป็นใคร
บ้านอยู่ไหน แล้วตอนนี้เขาจะไปตามหาอีกฝ่ายได้จากที่ไหน แค่คิดก็มืดแปดด้าน…
แต่จะให้ปล่อยไปแล้วทำเหมือนไม่เคยพบกันมันก็ทำไม่ได้...เขาไม่รู้จริงๆว่าจะลืมกิโนะได้อย่างไร
ในเมื่อไม่เคยมีใครก้าวเข้ามาอยู่ในใจของเขาแบบกิโนะมาก่อน...
“เฮ้อ....”
แล้วใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำยุ่งเหยิงก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
ตู้ม!!!
สองหูได้ยินเสียงระเบิดดังแว่วมาจากแถวๆเขตก่อสร้าง...เจ้าพวกนายช่างคงกำลังทดลองระเบิดที่จะใช้ระเบิดชั้นหินใต้น้ำที่จะไม่ทำให้ปลาตายอยู่สินะ?
ร่างสูงใหญ่เลยลุกขึ้นก่อนจะปัดเศษหญ้าที่ติดตามเสื้อทหารสีกรมท่าของตน...ยังไงก็เดินกลับไปดูเสียหน่อยดีกว่า
เผื่อจะมีปัญหาอะไรอีก...เพราะถึงเขาจะนอนรออยู่ตรงนี้ไปอีกกี่ชั่วโมง
กิโนะก็คงไม่ยอมโผล่มาให้เห็น ไม่งั้นก็คงได้เจอกันบ้างแล้วละเพราะว่าเขามาเฝ้ารออยู่ที่นี่ไม่รู้กี่วันมาแล้ว
ร่างสูงใหญ่เดินเลยสะพานปลาหน้าเขตก่อสร้างที่พวกลูกน้องของเจ้านายช่างกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวายแหวกเสียงระเบิดที่ยังดังกึกก้องไปยังห้องทำงานเมื่อกวาดสายตามองแล้วไม่พบว่าร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น
และเมื่อโคงามิ
ชินยะก้าวขาเข้าไปในห้องทำงานของนายช่างหนุ่มก็พบเจ้าตัวนั่งอยู่หลังกองพิมพ์เขียวแบบโครงสร้างสะพานอย่างที่คิดจริงๆ
ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำไถท้ายทอยเกรียนยังคงง่วนกับการเขียนแบบของตนต่อไป
โดยมีเจ้าเด็กสองคนจากคณะละครคาบุกิอยู่ในห้องนี้ด้วย โกคุเดระ ฮายาโตะกำลังฝึกเขียนประโยคภาษาอังกฤษอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ส่วนเรน...กำลังเล่น?
“ฮึ....” โคงามิ ชินยะส่ายหน้าพลางยิ้มน้อยๆกับความเด็กๆของเรนก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้าไปทัก
“ทำอะไรอยู่น่ะ?” นัยน์ตาสีดำจ้องมองแผ่นแป้งเล็กๆบางๆที่อยู่ในมือเรน ใบหน้ามนที่ดูจะมุ่งมั่นในการเล่นเหลือบตาขึ้นมามองเขาแว่บหนึ่งก่อนที่เข็มแหลมในมือบางจะค่อยๆจิ้มลงไปตามรอยบนแผ่นแป้งนั้นต่อไป
“กำลังเล่นคาตะนุคิอยู่น่ะ
ปู่ที่ติดเกวียนมาด้วยให้มาละ”
นายทหารหนุ่มทอดมองของเล่นกึ่งๆขนมที่ทำมาจากแป้งและน้ำตาลในมือเรน
ปกติจะเห็นคาตะนุคิได้ในร้านตามงานเทศกาลเพราะเป็นการละเล่นซึ่งเป็นที่นิยม
วิธีการเล่นก็ง่ายๆ แค่เอาเข็มจิ้มไปตามรอยปรุที่อยู่บนแผ่นแป้งซึ่งทำเป็นรูปสัตว์
ดอกไม้ หรือหัวใจเอาไว้ให้รูปเหล่านั้นมันออกมาครบสมบูรณ์ก็เป็นอันเสร็จ
แต่ก็อย่างที่ว่ามาแหละว่าเจ้าคาตะนุคินี่ทำมาจากแป้งเพราะงั้นการจะกะเทาะมันให้ออกมาเป็นรูปต่างๆโดยที่มันไม่แตกไปเสียก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ถ้าไปนั่งเล่นในร้านตามงานเทศกาล
หากทำรูปยากๆได้ก็อาจจะได้รางวัลจากทางร้านด้วยซ้ำ
“อ๋า~~
แตกอีกแล้ว!”
นั่นไง...ว่ายังไม่ทันขาดคำ เจ้าเด็กที่นั่งเล่นคาตะนุคิอยู่ก็ร้องครวญครางเมื่อรูปซากุระที่กะเทาะอยู่กลีบแหว่งไปหน่อยนึง
“อะไรกันเนี่ย~
ทำไมทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้เป็นตัวเต็มๆสักที~”
นัยน์ตาสีดำจึงกวาดมองกองแผ่นแป้งรูปสัตว์ที่ขาขาดบ้างละ หางขาดบ้างละพลางนึกขำ
เด็กนี่ก็ดูไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้สำเร็จอยู่แล้วด้วยนี่นะ
“ฮ่าๆๆ”
เขาเผลอหัวเราะออกไปอย่างลืมตัวทำให้เรนตวัดสายตาแง่งอนขึ้นมามองเขา
“ก็ยังดีกว่าของฮายาโตะแหละน่า...” นายทหารหนุ่มจึงเหลือบตาไปมองกองซากคาตะนุคิที่ขาดครึ่งซะส่วนใหญ่ตามที่นิ้วเรียวชี้ให้ดู
“หึๆๆ”
ใบหน้าคมกลั้นหัวเราะแทบแย่หลังจากที่เจ้าเด็กหัวเงินตวัดสายตามามองเขาอย่างเคืองๆจากหลังโต๊ะเขียนหนังสือ....ก็นะ...ดูท่าโกคุเดระ
ฮายาโตะจะเป็นพวกใจร้อนไม่ค่อยมีความอดทน
นั่นคงจะหนีไปนั่งเรียนภาษาอังกฤษแทนล่ะสิ
“ลองเล่นดูไหมครับ?
จริงๆมันก็มีเทคนิคง่ายๆอยู่นะ...ก็แค่ค่อยๆเจาะ ทีละน้อยๆ
ไม่ต้องแรงแต่เจาะทีละน้อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ขาด”
เรนชวนเขาเล่นด้วยกันแต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงใหญ่จะได้นั่งลงไป จู่ๆเจ้านายช่างที่เคยนั่งอยู่หลังกองพิมพ์เขียวก็พุ่งพรวดมาขวางระหว่างเขากับเรนเอาไว้
มือแข็งแรงคว้ามือของเรนที่กำลังจะยื่นแผ่นคาตะนุคิให้เขาก่อนที่ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำไถท้ายทอยเกรียนจะพูดพึมพำเหมือนคนกำลังใจลอยออกมาว่า
“ค่อยๆเจาะไปทีละน้อยๆ
ไม่ต้องแรง แต่เจาะอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ขาดเอง....ใช่....ค่อยๆระเบิดไปทีละน้อยๆ
ไม่ต้องแรง แต่ให้ระเบิดอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เดี๋ยวชั้นหินใต้น้ำก็จะทลายไปเอง
ปลาก็จะไม่ตายด้วย...ทำไมชั้นคิดไม่ได้เนี่ยเจ้าเด็กเหลือขอ!!”
แล้วนายช่างหนุ่มก็เขย่าไหล่บางไปมาด้วยรอยยิ้มดีใจจนคนทั้งห้องได้แต่งงว่าพูดถึงเรื่องอะไร
แต่ยังไม่ทันที่คนซึ่งถูกเขย่าจนตาลายจะได้เอ่ยถาม
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็พุ่งพรวดออกไปจากห้อง
“เรียกประชุมเดี๋ยวนี้!
เราหาวิธีระเบิดชั้นหินใต้น้ำได้แล้ว!!” ได้ยินเสียงทุ้มตะโกนอย่างตื่นเต้นอยู่ข้างนอกก่อนที่นายช่างหนุ่มจะเดินดุ่มๆไปยังห้องประชุมท่ามกลางลูกทีมวิศวกรที่วิ่งกันให้วุ่นตามคำสั่งด่วนนั่น
ทิ้งให้สามคนในห้องทำงานได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“.....?” เรนหันหน้าไปมองโกคุเดระ ฮายาโตะที่ส่ายหน้าตอบกลับมาทันที
ก่อนที่ใบหน้ามนจะหันมาหาโคงามิ ชินยะเผื่อว่าร่างสูงใหญ่จะรู้อะไรบ้าง
แต่คนที่เป็นแค่นายทหารก็ส่ายหน้าช้าๆตอบกลับมาอย่างจนปัญญา...ไม่เข้าใจที่เจ้านายช่างเพื่อนยากนั่นพูดเลยสักกะติ้ด
“สงสัยว่าเจ้าคงไปสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหญ่อะไรให้หมอนั่นละมั้ง....เจ้านายช่างถึงได้ยิ้มสยองขวัญอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนแบบนั้น” ร่างสูงใหญ่ตอบด้วยเสียงสบายๆก่อนจะเดินไปยืนพิงกรอบหน้าต่างมองกองช่างทหารประชุมกันด้วยท่าทางราวกับตัดขาดจากโลกอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม...คงจะเจอวิธีอะไรดีๆเข้าแล้วสินะ
จะดีใจขนาดนั้นคงไม่แปลกเพราะเจ้าพวกนั้นเฝ้าหาวิธีระเบิดชั้นหินนั่นอย่างเคร่งเครียดมานาน
ที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ก็เหมือนงมเข็มอยู่ในมหาสมุทร
ไม่ว่าจะทดลองมากี่ครั้งก็ล้มเหลวไปหมด...แล้วถ้าครั้งนี้มันได้ผล...สะพานก็จะสามารถสร้างต่อไปได้เสียที
ร่างโปร่งบางเองก็ขยับไปยืนข้างๆร่างสูงใหญ่ก่อนจะทอดสายตามองนายช่างผ่านบานหน้าต่าง...ถึงโคงามิ
ชินยะจะบอกว่ารอยยิ้มของนายช่างดูสยองขวัญแต่เขาลับไม่คิดแบบนั้น...สำหรับเขาแล้วรอยยิ้มที่ได้เห็นเพียงชั่วครู่นั่นมันช่างเป็นรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวามากเสียจนอยากจะเห็นมันอีก
แล้วก็ดีใจที่ตัวเองทำประโยชน์ได้ ดีใจที่นายช่างยิ้มให้
หัวใจที่กำลังพองโตนี้คืออะไรกันนะ...
นายช่าง...บอกข้าที...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น