Touken Ranbu Au.Fic [Kashu x Yamato] ใกล้ : 05


Touken Ranbu Au.Fic [Kashu x Yamato]    ใกล้ : 05

: Touken Ranbu Fanfiction Au
: Kashu Kiyomitsu x Yamato no kami Yasusada
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
   
      



คิโยมิตสึ! ตั้งแต่วันที่ทะเลาะกับนาย ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่เหม่อจนบางทีเดินชนผนังหัวโนเลยก็มี เพราะงั้นเรามาคืนดีกันเถอะนะ!’

อ่า...ใช้ไม่ได้แหะ แบบนี้มันก็เหมือนกับที่ไปขอคืนดีเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวเองมากกว่าเลยแหะ...

ปากกาในมือบางขีดฆ่าประโยคที่เขียนอยู่ในสมุดทิ้งไปทั้งบรรทัด ด้วยความที่ครั้งนี้เขาตั้งใจจะขอโทษให้ได้ แต่จะให้พูดกับคิโยมิตสึสดๆเลยเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสื่อสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้หมดหรือเปล่า เพราะงั้นเขาถึงได้มานั่งคิดอยู่นี่ไง ว่าจะง้อคิโยมิตสึยังไงให้อีกฝ่ายยอมให้อภัยเขา



คิโยมิตสึ...ยกโทษให้ผมเถอะนะ ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าผมเป็นฝ่ายผิด แล้วก็รู้ตัวแล้วว่าผมอยู่โดยไม่มีนายไม่ได้...ได้โปรดให้อภัยผมแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเถอะนะ แต่ถ้านายยังยืนยันที่จะไป ยืนยันที่จะไม่ยกโทษให้ ผมก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าผมตายไปก็ช่วยคิดถึงผมสักนิดก็แล้วกัน...

……….นี่มันจะดราม่าน้ำตาท่วมโลกไปแล้ว! ไม่ผ่านๆๆ! นอกจากคิโยมิตสึจะไม่ยกโทษให้ยังจะขำก๊ากกับความน้ำเน่าในสิ่งที่เขาพูดออกไปแน่ๆ แถมถ้าเขาจะฆ่าตัวตายงี่เง่าๆแบบนั้น คิโยมิตสึคงยืนโบกมือส่งด้วยรอยยิ้มมากกว่าเสียละมั้ง

หน้ากระดาษถูกขีดฆ่าจนเต็มจนต้องขึ้นหน้าใหม่ เขานิ่งคิดนิดนึงก่อนจะลงมือเขียนประโยคใหม่



ว่าไงเจ้าแมวน้อย? ยกโทษให้ผมซะดีๆ แล้วจากนี้ไปก็จงออดอ้อนอยู่แต่ในอ้อมแขนของผมซะ

อ้า~~~~ ไปง้อขอคืนดีนะ ไม่ใช่ไปขู่กรรโชก!  คิโยมิตสึได้เผ่นแน่บทันทีแน่ถ้าเขาเผลอปล่อยความยันออกไป

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่มือของเขาต้องขีดฆ่าประโยคที่จดอยู่ในสมุด...ไม่ไหวๆ ไม่มีคำพูดอะไรดีๆเลยหรือไงนะ?  สองมือได้แต่ยกขึ้นมาเกาหัวจนเส้นผมสีดำเหลือบน้ำเงินที่มัดรวบเอาไว้เริ่มชี้โด่ชี้เด่ ก่อนที่นัยน์ตาสีไพลินจะเหลือบไปเห็นเข็มเวลาของนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้มันสายแล้วและถ้าเขายังไม่รีบพุ่งออกไปจากบ้านคงไม่ทันออดเข้าเรียนแน่นอน

หว๋า~~ สายป่านนี้แล้วเหรอนี่ มัวแต่นั่งคิดคำพูดขอโทษคิโยมิตสึจนแม้แต่ซ้อมรอบเช้าของชมรมเคนโด้เขายังโดด แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย

“เฮ้อ....ไว้ค่อยคิดต่อที่โรงเรียนแล้วกัน....”   ริมฝีปากสีระเรื่อบ่นงึมงำอย่างปลงตก เกรดวิชาภาษาญี่ปุ่นของเขาก็ไม่ได้แย่นะ ถือว่าดีเลยล่ะ แต่ว่าการเรียนกับการใช้งานจริงนี่มันคนละเรื่องเลย...ร่างบางปิดหน้าสมุดก่อนจะถือกระเป๋านักเรียนเดินคอตกออกจากบ้านไป








แต่จนแล้วจนรอด...วันนี้ทั้งวันเขาก็ยังคิดคำพูดดีๆไม่ออกเลย

ร่างบางเดินกลับบ้านด้วยสภาพลอยๆ อาทิตย์หน้าก็จะสอบกลางภาคแล้ว ชมรมเคนโด้จึงงดซ้อมรอบเย็นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทำให้เขากลับบ้านไวกว่าปกติ


ปึก...


หน้าแข้งรู้สึกเหมือนชนกับอะไรเข้าสักอย่างก่อนที่ร่างทั้งร่างจะซวนเซเล็กน้อย ใบหน้าหวานจึงหันไปมองแล้วก็เห็นถังขยะโยกไหวไปมา...ง่ะ...เอาแต่เหม่อจนเดินไปชนถังขยะอีกแล้ว

“เฮ้อ...”   เป็นแบบนี้ตลอดเลยหมู่นี้ ชอบเดินชนโน่นชนนี่ ยิ่งวันนี้เพราะใช้สมองมากเกินความจำเป็นทำให้รู้สึกล้ามากกว่าปกติ จะว่าไปเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนถึงได้เบลอๆชอบกล เอาเถอะ กลับถึงบ้านแล้วไว้นอนก่อนสักงีบก็แล้วกัน สองขาจึงเลี้ยวไปตามทางที่คุ้นเคยโดยไม่ได้เงยหน้ามองให้ดี


ปึก!!


ร่างทั้งร่างเซแท่ดๆไปอีกทางทันทีที่ชนกับอะไรบางอย่างเข้าแล้วคราวนี้เขาก็รู้ได้เลยว่ามันไม่ใช่ถึงขยะ เพราะว่ามันส่งเสียงได้ด้วย...

“เฮ้ย! เดินยังไงของแกวะ?! ชนเต็มแรงแบบนี้ถึงจะขอโทษก็ไม่หายหรอกนะโว้ย”    มือบางยกขึ้นยันกำแพงรั้วเอาไว้ก่อนที่ทั้งร่างกายจะเซไปชนมันเข้า แรงปะทะเล่นเอาคนที่กำลังเหนื่อยล้ามึนไปหลายวินาทีก่อนที่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเพื่อขอโทษแต่โดยดี

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”   แล้วกลุ่มคนที่ตั้งท่าจะหาเรื่องเต็มที่ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นหน้าของเขา?

“อ่า...โดนคนน่ารักแบบนี้ชนเข้า จะไม่ยกโทษให้ก็คงใจร้ายไปหน่อยเนอะพวกเรา~ ฮ่าๆๆ”   นัยน์ตาสีไพลินเหลือบมองใบหน้าและท่าทางกร่างๆของอีกฝ่าย...นี่มันตัวร้ายจำพวกอันธพาลเลยนี่? แถมประโยคที่พูดมานี่มันก็อย่างกับไปลอกตามละครน้ำเน่าอะไรสักเรื่องมาเลยไม่ใช่หรือไง? แล้วถ้าจะให้เดาประโยคต่อไปมันก็ต้อง...

“แต่ต้องไปเที่ยวเล่นกับพวกพี่ๆเป็นการแลกเปลี่ยนนะน้องสาว~ ถึงจะยอมยกโทษให้”      นั่นปะไร เขาเดาผิดเสียที่ไหน  ใบหน้าน่ารักจึงถอนหายใจก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่กลัวเกรง

“ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชาย แล้วก็ไม่ได้ว่างถึงขนาดจะไปกับพวกคุณได้ด้วย ขอตัวนะครับ”   นักเลงแบบนี้ถูกเขาจัดการด้วยตัวคนเดียวมานักต่อนักแล้ว เพราะงั้นเขาจึงเดินออกมาอย่างไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะตามหาเรื่อง

“เฮ้ย?! ผู้ชายเหรอวะ? งั้นไอ้ที่พูดไปเมื่อกี้ก็โมฆะ”   ดูสิ กลับกรอกได้อย่างน่ารังเกียจจริงๆ หัวสีดำเหลือบน้ำเงินส่ายน้อยๆโดยไม่คิดจะหันไปมองอีกฝ่าย เพราะเสียงฝีเท้าที่วิ่งกรูเข้ามามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาปลดกระเป๋าใส่ดาบไม้ไผ่ที่สะพายอยู่บนไหล่ กับนับว่ายังดีนะที่ดาบที่เขาเอากลับมาทำความสะอาดวันนี้เป็นดาบไม้ไผ่ ถ้าเป็นดาบไม้ละก็เจ้าพวกนี้คงได้ไปนอนหยอดข้าวต้มในโรงพยาบาลสักอาทิตย์สองอาทิตย์แน่ๆ

ร่างบอบบางหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าด้วยสายตาราวกับหมาป่า ดาบไม้ไผ่ถูกดึงออกจากกระเป๋าภายในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับที่มันตวัดไปฟาดตามจุดต่างๆบนร่างกายของคู่กรณีในชั่ววินาทีเช่นเดียวกัน

“โอ้ย!!”   เสียงร้องดังคละเคล้าไปกับเสียงฝีเท้าที่ยังวิ่งกรูกันเข้ามา เขาตั้งใจว่าจะสกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม เพราะงั้นจึงเตรียมตั้งดาบไม้ไผ่ในมือต่อ ทว่า

“อึก...”   จู่ๆภาพที่เคยคมชัดกลับพร่ามัวจนร่างทั้งร่างเซไปมา สองขาเกือบจะล้มลงดาบไม้ไผ่จึงต้องละจากคู่ต่อสู้เพื่อใช้ยันกายเอาไว้...เป็นอะไรน่ะ? จู่ๆก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา? หรือว่าจะเป็นอาการสะสมจากการที่เขาพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงนี้ แถมยังเครียดจัดอีกต่างหาก

“หนอย บังอาจฟัดไอ้ดาบนั่นมาได้นะแก!”   ใบหน้าน่ารักรีบสะบัดไปมาเมื่อได้ยินเสียงคู่กรณีกรรโชกออกมาอย่างดุร้าย  ไม่ได้การ  ขืนเป็นแบบนี้เขาต้องแย่แน่

“จับมันให้ได้! เดี๋ยวชั้นจะสั่งสอนมันเอง!”   ได้ยินเสียงเจ้าคนที่เป็นหัวโจกสั่งคนอื่นๆ แย่ละสิ...มือข้างที่ไม่ได้จับดาบไม้ไผ่ยกขึ้นมาบีบที่ขมับ...หัวของเขาปวดจี๊ดไปหมด แค่จะปรับโฟกัสให้สายตาก็ถือว่าลำบากแล้ว เพราะงั้นมือที่ถือดาบไม้ไผ่อยู่จึงตวัดขึ้นมาก่อนจะฟาดไปมั่วๆ หัวใจที่มักจะสงบเยือกเย็นเสมอเวลาต้องต่อสู้กลับร้อนลนขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งเสียงวืดของฝ่ามือฝ่าเท้าที่อยู่รอบกายชัดเจนขึ้นเท่าไหร่ เหงื่อกาฬของเขาก็มีแต่จะยิ่งไหลลงมามากขึ้นเท่านั้น ในหัวมีแต่คำว่าแย่แน่ๆ แย่แน่ๆซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งหลบหลีกมากเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งเหนื่อยล้ามากเท่านั้น แล้วในขณะที่สองขากำลังจะทรุดลงไปเสียให้ได้...

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ?”    เสียงๆหนึ่งก็ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวหยุดลง

เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา...ใครสักคนคงจะบังเอิญเดินผ่านแล้วก็กำลังยื่นขาเข้ามาช่วยเขาเอาไว้...ใครสักคนที่เขาจำน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี ในเมื่อใครสักคนคนนี้อยู่เคียงข้างเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก

“คิโย...มิตสึ?”   นัยน์ตาสีไพลินพยายามปรับโฟกัสจนภาพตรงหน้าเริ่มคมชัด หัวสีดำสะบัดไปมาจนความพร่าเลือนเหมือนจะหายไป แล้วร่างโปร่งบางที่ยืนขวางเขากับพวกอันธพาลนั่นเอาไว้ก็คือเงาร่างของคิโยมิตสึจริงๆด้วย

ใบหน้าสวยๆนั่นหันมามองเขาแว่บหนึ่งก่อนที่นัยน์ตาสีทับทิมจะตวัดกลับไปจ้องพวกอันธพาลอย่างเอาเรื่อง...เขารู้จักแววตาแบบนั้นของคิโยมิตสึดี...มันเป็นแววตาที่คิโยมิตสึจะไม่แสดงให้เห็นทั่วไป แต่จะมีแววตาแบบนี้เฉพาะเวลาที่จะเอาจริง และคิโยมิตสึจะไม่ปล่อยคู่กรณีไปไม่ว่าอีกฝ่ายจะปางตายขนาดไหนก็ตาม  

เขาเหลือบตาไปมองอันธพาลพวกนั้นอย่างหวาดหวั่นแทน...แบบนี้...สงสัยจะนองเลือดแน่ๆ...

“อ่ะ...คะชูซัง?! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ!   แต่แล้วเสียงทักทายอย่างนอบน้อมที่ออกมาจากปากของหัวโจกกลุ่มอันธพาลนั่นก็ทำให้เขาแทบจะล้มพรืด จากที่คิดว่ายังไงก็ต้องมีเรื่องกันแน่ๆกลับกลายเป็นอีกฝ่ายกำลังก้มหัวให้คิโยมิตสึอย่างพร้อมเพรียงซะงั้น?

“นานอะไรของพวกนาย เมื่อวานยังไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่หน้าโรงละครอยู่เลยไม่ใช่หรือไง? อย่าไปทำให้คนอื่นเค้ากลัวสิ”   คิโยมิตสึนี่ก็อีก...ทำไมถึงพูดกับคนน่ากลัวพวกนี้ราวกับรู้จักกันดีแบบนั้น? บทสนทนาของทั้งสองฝ่ายทำเอาเขาได้แต่อ้าปากค้างอย่างงงเป็นไก่ตาแตก

“ครับ!!”    พวกอันธพาลรับคำเป็นเสียงเดียวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ บรรยากาศอันตรายๆเมื่อครู่หายไปทันที...นี่มันอะไรกันเนี่ย?!

“แล้ว....นั่น...คนรู้จักของคะชูซังเหรอครับ?”   เจ้าหัวโจกบุ้ยใบ้มาทางเขาที่ยังทรุดนั่งอยู่ที่พื้น

“ไม่ใช่แค่คนรู้จักเฉยๆนะ แต่เป็นแฟนของชั้น ถ้ารู้แล้วก็อย่ามายุ่งอีก จะไปไหนก็ไปไป้”   คิโยมิตสึตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจแถมยังไล่เจ้าคนน่ากลัวพวกนั้นอย่างกับไล่หมาอีกต่างหาก

“โอ้ สมเป็นคะชูซังจริงๆ มีแฟนน่ารักมากเลยครับ ถ้างั้นขอตัวนะครับ!   ฝั่งนั้นเองก็รับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะก้มหัวให้เขาแล้วพากันเดินจากไป เขาได้แต่มองพวกนั้นอย่างมึนงง ทำไมเรื่องมันจบได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เนี่ย? ตามบทในละครน้ำเน่ามันจะต้องเป็นพระเอกเอาตัวเข้าปกป้องนางเอกจนสะบักสะบอมหรือไม่ก็ต่อสู้บู้ล้างผลาญกับพวกอันธพาลจนชนะแล้วค่อยปรับความเข้าใจกับนางเอกอะไรแบบนั้นสิ? แต่นี่พระเอกของเขาดันทำตัวเหมือนหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลซะเองแบบนั้น?

“กลับบ้านกัน”   มือที่ทาเล็บสีแดงยื่นมาให้เขาก่อนจะยิ้มบางๆด้วยสีหน้าและแววตาเป็นปกติ

“อะ อื้อ....”   เขายื่นมือไปจับมือของคิโยมิตสึเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังเหว๋อไม่หาย ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านซึ่งอยู่อีกไม่ไกล เขาก็เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่จนต้องถามออกไป

“นี่....นายไปรู้จักพวกนั้นได้ยังไงน่ะ?”   ทำไมดูเชื่องกับนายอย่างกับสุนัขเลี้ยงแบบนั้น? นั่นคือประโยคที่เขาคิดอยู่ในใจ

“ก็....เคยไปเป็นหัวหน้าแก๊งค์ให้พักนึง แต่เบื่อแล้วก็เลยเลิก แต่เจ้าพวกนั้นก็ยังพยายามตื้อให้ชั้นกลับไปเป็นหัวหน้าให้ไม่เลิก...ก็ประมาณนั้นแหละ....”   ห๋า?! มีเรื่องแบบนั้นด้วยเร๊อะ?! คราวนี้เขายิ่งอ้าปากค้างหนักกว่าเดิม เมื่อก่อนคิโยมิตสึเคยทำตัวเหลวไหลขนาดไหนทำไมเขาจะไม่รู้ แต่ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าเหลวไหลถึงขนาดเคยไปเป็นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลด้วย...ตายๆๆ คุณพ่อบนสวรรค์ครับ ให้อภัยผมเถอะครับที่เลี้ยงดูคิโยมิตสึไม่ดีจนกลายเป็นเด็กมีปัญหาแบบนี้

“เห๋....นายนี่มันมหัศจรรย์กว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลยนะ ยังมีอะไรที่แอบไปทำเอาไว้อีกหรือเปล่าเนี่ย? สารภาพมาให้หมดเลยนะ!   จะว่าปลงตกหรือยังไงดี...ถ้าถึงขนาดเคยไปเป็นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลแบบนั้นมาแล้ว ไอ้เรื่องที่แอบไปแสดงละครเวทีนี่ก็เด็กๆไปเลยล่ะ...

“เอาน่า....ก่อนหน้านั้นนะยาสึซาดะ...”    ใบหน้าสวยหันกลับมาในขณะที่ประตูบ้านถูกไขเปิดออกพอดี


ปึง!


และเขาก็ถูกดันไปจนติดข้างฝาด้านใน สองมือของคิโยมิตสึบีบต้นแขนของเขาเอาไว้ก่อนจะจ้องเขม็งมองมาที่เขา 

นัยน์ตาสีทับทิมที่ดุดันคู่นั้นไล่สำรวจไปตามร่างกายบอบบางที่ดูผอมลงไปถนัดตา ก็คิดมาตลอดว่ายาสึซาดะเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงดูเชื่องช้าชอบกล แต่ยิ่งได้มาเห็นสภาพของอีกฝ่ายชัดๆประกอบกับภาพที่ยาสึซาดะถูกพวกอดีตลูกน้องของเขาล้อมเอาไว้ทั้งๆที่ปกติแล้วน่าจะสู้ได้สบายๆก็ทำให้เขารู้แล้วว่ายาสึซาดะไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ

เป็นเพราะเรื่องที่ทะเลาะกับเขาสินะ? ที่ทำให้ยาสึซาดะเป็นแบบนี้? ใบหน้าใสดูเหนื่อยล้าราวกับคนคิดมากจนไม่ได้หลับได้นอน ร่างกายเองก็มีสภาพอิดโรยเหมือนพวกซอมบี้เดินได้ แล้วนี่ถ้าวันนี้เขาไม่มาเจอเข้าจะทำยังไง? จะถูกพวกอันธพาลทำอะไรเข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่คิด ฟันบนล่างก็เผลอกัดกันแน่นอย่างเจ็บใจ

“เฮ้อ....”   ใบหน้าสวยถอนหายใจก่อนจะยอมวางทิฐิลง เขาจะไม่หลบหน้ายาสึซาดะอีกแล้ว จะหันมาเผชิญหน้า หันมาคุยกันให้รู้เรื่อง เขาเองก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยยาสึซาดะ...ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ก็แย่สิ ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้ามันไม่น่ารักใช่ไหมล่ะ”     สองมือที่บีบต้นแขนของยาสึซาดะย้ายไปไว้ที่หัวซึ่งถูกมัดรวบเอาไว้...ก่อนจะดึงศีรษะของยาสึซาดะมาซบที่ไหล่ของเขา

นัยน์ตาสีไพลินเบิกกว้างอย่างกะทันหัน สิ่งที่มองเห็นมีเพียงเนื้อผ้าสีขาวของเสื้อเชิ้ตที่คิโยมิตสึใส่อยู่ กลิ่นน้ำหอมซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะกายของอีกฝ่ายถูกสูดเข้าไปเต็มปอดและมันก็เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเราอยู่ใกล้กันขนาดนี้

คิโยมิตสึ......

คิโยมิตสึ.......

มีเพียงเสียงเดียวที่ร่ำร้องอยู่ข้างใน ใบหน้าใสซบลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ทั้งเจ็บปวด ทั้งตื้นตัน ทั้งดีใจจนไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงอยู่กันแน่ รู้เพียงแต่ว่าหัวใจดวงน้อยที่แห้งผากเหี่ยวเฉาจนเหมือนกำลังจะตายเสียให้ได้กลับค่อยๆเต้นอย่างแผ่วเบาจนกลายเป็นรัวกระหน่ำเมื่อน้ำใสบริสุทธิ์เหล่านี้หยดลงไป สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจพังทลายอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายอีก

“คิโย...มิตสึ....”   สองมือบางสั่นระริกจึงค่อยๆเอื้อมออกมาก่อนที่มันจะกอดคนตรงหน้าเอาไว้แล้วดึงเสื้อโค้ทสีดำบนแผ่นหลังโปร่งแน่น ไม่กี่วินาทีต่อมาที่ไหล่ของเขาก็รับรู้ถึงความเย็นและเปียกแฉะ...เพราะยาสึซาดะกำลังร้องไห้...

“.........”    ริมฝีปากสีสดไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปเพียงแค่ลูบหัวของยาสึซาดะเบาๆ ยิ่งความอบอุ่นแผ่ซ่านถึงกันมากเท่าไหร่ ยาสึซาดะก็ยิ่งร้องไห้ออกมาราวกับกำแพงแตก

เสียงสะอึกสะอื้นจากใบหน้าที่ยังซบอยู่ที่หัวไหล่ทำให้เขายิ่งกอดยาสึซาดะแน่นขึ้นไปอีก ใต้แผ่นอกซีกซ้ายวูบโหวงและเจ็บปวดจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง เขาทำให้ยาสึซาดะร้องไห้ เขาทำให้ยาสึซาดะทุกข์ใจ ต่างฝ่ายต่างก็ทำร้ายกันเองทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างก็มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ชัดเจนท่ามกลางพายุที่ถาโถมพวกนั้น....


นั่นก็คือความรัก....


เขาเองก็ทรมานมาก...ทรมานตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากัน เจ็บปวดจนต้องกัดริมฝีปากจนเลือดซิบเพื่อให้ตัวเองหลบหน้าอีกฝ่าย ไม่ได้มีความสุขเลยที่ทะเลาะกัน...ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขารักยาสึซาดะ และที่ยาสึซาดะมีสภาพไม่ได้ต่างไปจากเขาแบบนี้ก็เพราะยาสึซาดะเองก็รักเขาเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือไง?

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รักกันแล้วเขาจะฝืนไปทำไม...

“คิโยมิตสึ...ผมเหนื่อย...”    เสียงสั่นพร่าดังคละเคล้ามากับเสียงสะอื้นและเขาก็ยังกอดยาสึซาดะไม่ปล่อย

“ผมน่ะ...ทำมันคนเดียวไม่ไหวจริงๆด้วย ทั้งเรื่องโรงฝึก เรื่องที่โรงเรียน หรือแม้แต่เรื่องนาย...ทำคนเดียวไม่ไหว...อยู่คนเดียวก็ไม่ได้....”    เขาเกยปลายคางไว้ที่หัวไหล่ของยาสึซาดะบ้าง ในใจรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ยาสึซาดะต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่คนเดียวแบบนี้ 

“พอเถอะยาสึซาดะ...ชั้นเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้วเหมือนกัน”    ริมฝีปากสีสดตัดสินใจพูดออกไป ยาสึซาดะนิ่งค้างไปหลายวินาทีก่อนที่จะร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะคงจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเหนื่อยกับอีกฝ่าย แต่ที่จริงแล้ว...  

“ชั้นน่ะนะยาสึซาดะ...เหนื่อยมากๆเลยกับการที่ต้องห้ามตัวเองไม่ให้คุยกับนาย เหนื่อยที่ต้องทำเป็นไม่สนใจนาย เหนื่อยที่ต้องหลบหน้านาย ทั้งๆที่ในหัวใจของชั้นมันมีแต่เรื่องของนายอยู่เต็มไปหมด”   สองมือดันยาสึซาดะออกเล็กน้อยก่อนจะมองตากันตรงๆ


“เรากลับมาดีกันเถอะนะ”


นัยน์ตาสีไพลินเบิกกว้างอย่างดีใจไปกับคำพูดสั้นๆง่ายๆของเขา ใบหน้าน่ารักพยักรัวๆก่อนจะตอบออกมาสั้นๆแต่มันก็เป็นถ้อยคำที่ทำให้ความทุกข์ใจทั้งหมดของเขามลายหายไปเช่นกัน

“อื้อ...”  แล้วยาสึซาดะก็ปล่อยให้น้ำตาหยดแหมะลงมาอีก แต่คราวนี้ใบหน้าน่ารักนั่นกลับร้องไห้ไปยิ้มไปจนเขาอดที่จะใช้นิ้วปาดน้ำตาให้ด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“โธ่...อย่าร้องสิ เดี๋ยวไม่สวยนะ”  เขาดึงตัวยาสึซาดะมากอดเอาไว้อีกครั้งพลางลูบหัวสีดำเหลือบน้ำเงินอย่างตั้งใจจะปลอบโยน....มันง่ายแค่นี้เอง...การให้อภัยกัน การยกโทษให้กัน การหันหน้าคุยกัน...การยอมรับความรู้สึกของกันและกัน...


มันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลยจริงๆ


ใบหน้าน่ารักขยับไปเกยอยู่บนไหล่ของคิโยมิตสึ...เมื่อคืนนี้เขาพยายามจะเรียบเรียงคำพูดดีๆตั้งมากมาย แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่จำเป็นเลยจริงๆ...แค่พูดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากใจ...แค่นั้นก็พอแล้ว....

“คิโยมิตสึ...ผมขอโทษนะ...ที่พูดจาไม่ดีออกไป”   ถึงจะพูดด้วยเสียงอู้อี้แต่อยู่ใกล้กันแค่นี้ ทุกคำพูด ทุกลมหายใจ อีกฝ่ายจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

“อื้อ....ชั้นไม่โกรธนายหรอก”   มือที่ทาเล็บสีแดงยังคงลูบหัวที่มัดรวบไว้ต่อไป...เขาไม่ได้โกรธยาสึซาดะเลยจริงๆ แต่ที่หลบหนีมาตลอดก็เพราะกลัวที่จะได้ยินคำพูดแบบนั้นอีกก็แค่นั้น และในเมื่อตอนนี้ยาสึซาดะก็ขอโทษแล้ว เขาจึงไม่ติดใจอะไรอีก

“คือว่า...ที่จริงแล้ววันนั้น...ผมแค่พูดประชด...เพราะว่าผมงอน...ที่นายไม่ยอมชวนผมไปดูละครนั่นต่างหาก”   แต่แล้วคำสารภาพจากใจจริงของยาสึซาดะก็ทำให้เขาถึงกับผงะไป

“ห๊ะ?”   มือเรียวดันไหล่บางให้ยาสึซาดะขยับออกห่างเพราะต้องการมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ

“ผมงอน...ที่นายเลือกที่จะโกหก แทนที่จะมาบอกกับผมตรงๆ”

“งอน? แค่นั้นน่ะเหรอ?”

“อือ...”   ใบหน้าน่ารักที่กำลังพยักหงึกๆทำให้เขาแทบหมดแรง สองขาแทบจะทรุดลงไปตรงหน้าเสียให้ได้...นี่พวกเราทะเลาะกันตั้งเป็นเดือนๆก็เพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ? 

“โธ่~~ รู้ไหมว่าชั้นคิดมากกับคำพูดของนายแค่ไหน? ที่ชั้นหลบหน้าก็เพราะกลัวว่านายจะพูดแบบนั้นกับชั้นอีก กลัวว่านายจะผิดหวัง กลัวว่านายจะไม่ยอมรับกับเส้นทางที่ชั้นเลือก”    อ้า~~ เพิ่งรู้สึกว่าพวกเรามันงี่เง่าทั้งคู่ก็ตอนนี้แหละ~

“คิโยมิตสึจะทำอะไร ผมก็รับได้หมดนั่นแหละ เพียงแต่...ต้องบอกผมตรงๆ”   ยาสึซาดะพูดออกมาในขณะที่จ้องตาเขาตรงๆและนั่นก็ทำให้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เขาเฝ้ากังวลและคิดมากอยู่คนเดียวมาตลอดนั้นมันบ้าบอสิ้นดี...ถ้าเขาเชื่อมั่นในตัวยาสึซาดะมากกว่านี้ ถ้าเขาบอกกับอีกฝ่ายไปตรงๆ ก็คงไม่ต้องมาเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่แบบนี้หรอก

“ขอโทษน้า~   สองมือประคองใบหน้าของยาสึซาดะเอาไว้ก่อนจะเอ่ยขอโทษออกไปด้วยเสียงแผ่ว จากนี้ไปเขาสัญญาว่าจะไม่ปิดบังยาสึซาดะอีกแล้วไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทำอะไร จะบอกอีกฝ่ายออกไปตรงๆและจะพยายามทำให้ยาสึซาดะยอมรับมันให้ได้ จะไม่โกหก จะไม่หนีอีกแล้ว

“หื๋อ? อื้อ”   ยาสึซาดะยังมีสีหน้างงๆว่าเขาขอโทษเรื่องอะไรแต่ก็ตอบรับกลับมา

“เพราะงั้นจากนี้ไปก็อย่าประชดกันแบบนั้นอีกนะ...หัวใจของชั้นมันเจ็บปวดจนแทบจะแหลกสลายเลย”   เมื่อความทุกข์ใจถูกคลี่คลายไป ใบหน้าสวยก็เริ่มกลับเข้าสู่โหมดขี้เล่น ขี้อ้อนตามปกติ

“ฮึๆ น้ำเน่าน่า....”   ใบหน้าน่ารักหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยกสองมือออกมาประคองใบหน้าของคิโยมิตสึเอาไว้บ้าง เป็นเดือนๆแล้วที่ไม่ได้มองใบหน้าสวยใกล้ๆแบบนี้ สัมผัสที่แสนคิดถึงมันจึงล้นทะลักจนแทบห้ามตัวเองไม่ไหว

“จริงหรอก”   ยิ่งอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยเสียงเง้างอดก็ยิ่งรู้สึกโหยหา ใบหน้าของเขาจึงขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของคิโยมิตสึโดยไม่รู้ตัว

นัยน์ตาสีไพลินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีทับทิม  ดวงตาสีทับทิมเองก็จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีไพลิน


ในเงาสะท้อนของดวงตาคู่นั้นมีเพียงภาพของเขา...มีเพียงภาพของเขาเพียงหนึ่งเดียว...และก็มีเพียงภาพของเขามาตลอด


นั่นคือสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างคิดอยู่ข้างใน

ใบหน้าทั้งคู่ต่างขยับเข้าหากันราวกับโดนมนต์สะกด ความคิดถึงนั้นรุนแรงจนหัวใจทำได้แค่เต้นระรัวแต่ก็ไม่อาจถอนตัวออกไปได้อีก


จนกระทั่ง...ริมฝีปากแนบจุมพิตแผ่วเบา...


ทั้งๆที่ไม่เคยบอกกันว่ารัก ไม่เคยรู้จักหรือเข้าใจเลยว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร

แต่สิ่งเดียวที่รู้อยู่เต็มหัวใจ

คือชั้นขาดนายไม่ได้

...คิโยมิตสึ
...ยาสึซาดะ



เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันจนเกิดเสียงจุ๊บๆให้น่าอาย แต่ถึงสองแก้มจะร้อนผ่าวก็ไม่อาจละจากจูบที่หอมหวานนี้ได้  ลมหายใจแทบจะขาดช่วงไป ใบหน้าสวยถึงจะยอมปล่อยริมฝีปากของเขาออกชั่ววินาทีก่อนที่ริมฝีปากรสราสเบอร์รี่นั้นจะแนบแน่นเข้ามาอีก

กลิ่นของลิปสติกเต็มแน่นอยู่ในโพรงจมูกเช่นเดียวกับความรู้สึกดีที่กระจายอยู่ทั่วปาก จากแค่จูบแผ่วเบากลับร้อนแรงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาจึงมึนเมาจนไม่รู้แล้วว่าที่ละออกจากกันก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิดอีกครั้งนั้นมันรอบที่เท่าไหร่กันแล้ว

สองหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงหัวใจของใคร ต่อให้หมดอากาศจะหายใจก็ไม่อยากจะแยกจากกันเลยแม้เสี้ยววินาที อยากจะจูบกันไปชั่วกาลนานแบบนี้ อยากจะสอดลิ้นเข้าไปให้น้ำลายมันผสมปนเปจนแยกไม่ออก อยากจะเชื่อมต่อ อยากจะสัมผัสกันและกันแบบนี้ตลอดไป ข้างในกายมันเรียกร้องซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งเรียวลิ้นกวาดต้อนกันหนักหน่วงขึ้นเท่าไหร่ ความปรารถนาในใจก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น...อยากได้มากกว่านี้...มากกว่านี้....มากกว่านี้อีก!

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก.....”   ร่างทั้งสองต่างหอบจนตัวโยนเมื่อละออกจากกัน แต่นัยน์ตาของทั้งคู่ยังจับจ้องที่ริมฝีปากของกันและกันอย่างไม่ลดละ และนั่นจึงทำให้รู้ว่าริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบวมแดงจากการใช้งานที่หนักหน่วง

“อยากทำมากกว่านี้จัง~   ร่างโปร่งเป็นฝ่ายครางออกมาแผ่วเบาก่อนจะซบใบหน้าสวยไปที่ไหล่บางของยาสึซาดะอย่างออดอ้อน...เขารู้ดีว่าอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านนี้มันจะทำให้เกิดอะไรต่อไป...แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดมันไว้แค่นี้อีกแล้ว ทุกๆครั้งมักจะเป็นเขาเองที่วิ่งหนีไปด้วยความเขินอายบวกกับกลัวว่ายาสึซาดะจะปฏิเสธ แต่หลังจากที่จูบกันมาหลายครั้ง เขาก็พอจะรู้ว่าถ้าเขาอ้อนต่อไป ยาสึซาดะก็น่าจะอนุญาต

“..........ก็ได้อยู่หรอก”   นัยน์ตาสีทับทิมเบิกขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบรับของอีกฝ่าย...ยาสึซาดะไม่ปฏิเสธจริงๆด้วย...แล้วเขาก็เชื่อว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร   

“แต่ต้องเป็นที่ห้องนอนนะ”   คิก~ ใบหน้าสวยถึงกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี...นี่ยังเคืองอยู่สินะ? ที่เขาไปป่าวประกาศต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนเอาไว้แบบนั้น

“คร้าบ~~”   ร่างโปร่งลุกพรวดก่อนจะรีบดึงร่างบางให้ก้าวขาตามขึ้นบันไดไป แน่นอนว่าเขาเดินผ่านห้องของยาสึซาดะอย่างไม่ไยดี จะให้ไปทำในห้องที่มีแต่สายตาของเจ้าโอคิตะ โซจิแบบนั้นมันก็ไม่ไหว


ตุ้บ...


เพราะงั้นร่างบางๆของยาสึซาดะจึงถูกโยนลงไปบนเตียงของเขาแทน

ร่างโปร่งก้าวขาไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าท้องของคนที่ยังมีท่าทางเลิกลั่กกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ปลายนิ้วสีแดงแตะลงที่กลางไหปลาร้าของคนข้างใต้ก่อนจะไล่ลงไปตามกระดุมเสื้อเชิ้ตแผ่วเบา สายตาที่เย้ายวนทำเอาเจ้าของใบหน้าน่ารักถึงกับลอบกลืนน้ำลาย...ก็รู้อยู่หรอกว่าคิโยมิตสึเซ็กซี่ขนาดไหน แต่นี่มันยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการไว้ไม่รู้กี่เท่า

แย่แน่ๆ  เขา...คงจะตกหลุมพรางของปีศาจเจ้าเสน่ห์ตนนี้เข้าให้เสียแล้ว

ใบหน้าสวยยิ้มซุกซนก่อนที่ปลายนิ้วสีแดงนั่นจะลากผ่านกระดุมเสื้อของเขาไปโดยที่ไม่ได้แกะมันออกเลยสักเม็ด มือเรียวกลับไปเกี่ยวเสื้อโค้ทที่ตนสวมอยู่แล้วค่อยๆปลดมันลงไปกองที่พื้นเตียงแทน  กระดุมสีขาวค่อยๆถูกปลดออกจากรังดุมด้วยเล็บสีเชอร์รี่...เริ่มจากเม็ดที่อยู่กึ่งกลางหน้าท้องแบนเรียบของคิโยมิตสึ.....ตามมาด้วยเม็ดที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อน้อยๆที่ไม่ได้เป็นซิกแพ็คชัดเจนแบบผู้ชายทั่วไปแต่มันกลับได้รูปกระชับดูกึ่งๆระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง...

นัยน์ตาสีไพลินมองตามปลายนิ้วสีแดงนั่นราวกับถูกมนต์สะกด มันค่อยๆคืบคลานขึ้นไปหากระดุมเม็ดสุดท้ายซึ่งอยู่บนแผงอกที่ไม่ได้กว้างใหญ่แต่แข็งแรงและขาวนวลเนียนน่าสัมผัส...ไม่ไหว...ลมหายใจของเขาเริ่มปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก...แค่มองอย่างเดียวยังไม่ต้องทำอะไร...ร่างทั้งร่างของเขาก็ร้อนแทบเป็นไฟ...แล้วในขณะที่มือเรียวดึงคอเสื้อเชิ้ตออกจากไหล่ของตัวเอง  จู่ๆเจ้าคนที่ตั้งใจยั่วเขาอย่างเชื่องช้าก็จู่โจมเข้ามากะทันหัน

ริมฝีปากสีสดบดเบียดมาที่ริมฝีปากของเขาก่อนที่ลิ้นร้อนจะแลบเลียราวกับกำลังขออนุญาต แล้วต้นขาหรือหัวเข่าสักอย่างของคิโยมิตสึที่กดลงยังแกนกลางลำตัวของเขาผ่านเนื้อผ้ากางเกงก็ทำเอาริมฝีปากที่เผลอครางเบาๆของเขาต้องยอมให้ปลายลิ้นเจ้าเล่ห์นั่นกล้ำกลายเข้ามา

“อื้ม~”   เขาส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆแต่ลิ้นชื้นแฉะที่สอดใส่ก็กลบเสียงของเขาด้วยเสียงน้ำลายที่คละเคล้ากันจนแยกไม่ออก จูบที่ร้อนแรงกำลังสูบเอาสติของเขาไปก่อนจะส่งความมัวเมาเข้ามาแทนที่ สองมือสอดเข้าไปในกลุ่มผมนิ่มบริเวณท้ายทอยของคิโยมิตสึก่อนจะกดกอดมันไว้ด้วยความเผลอไผล จุมพิตอันรัญจวนใจทำเอาร่างกายบิดเร่าน้อยๆ และเมื่อแผ่นอกเปลือยเปล่าสัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มและไออุ่นจากแผงอกของคิโยมิตสึนั่นแหละ...เขาถึงได้รู้ว่าเจ้าเล็บสีแดงนั่นมันริบเสื้อเชิ้ตของเขาไปแล้ว

“อื้ม...ฮ้า...ฮ้า.....”   ใบหน้าน่ารักหอบหายใจหนักหน่วงเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ นัยน์ตาสีไพลินทอดมองเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่ถูกคิโยมิตสึหย่อนลงไปข้างเตียง ได้ยินเสียงปลดเข็มขัดแต่เขาก็ทำได้แต่นอนหอบมองมือเรียวนั่นรูดกางเกงสเลคออกไปจากขาของเขาช้าๆอย่างไร้ทางต่อต้าน...แหงละ...ใครจะไปต่อกรกับความเซ็กซี่อย่างร้ายกาจของคิโยมิตสึไหว ทั้งยั่วเย้า ทั้งอ่อนโยน ทั้งหมดนี้มันกำลังล่อลวงเขาให้ตกบ่วงทั้งตัวและหัวใจ

“คิโยมิตสึ...นี่ครั้งแรก...จริงๆน่ะเหรอ? สารภาพมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”   นัยน์ตาสีไพลินหรี่มองใบหน้าสวยอย่างไม่ไว้ใจ ก็เจ้าเหมียวเจ้าเล่ห์นี่ดูช่ำชองเชี่ยวชาญเสียจนไม่ชวนให้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง!

“เห๋~ นายไม่เชื่อชั้นเหรอ? น่าน้อยใจจัง~ ชั้นไม่เคยมีเซ็กส์กับใครจริงๆนะ ที่ทำไปเนี่ย~ ก็แค่เคยคิดเอาไว้ว่าอยากทำแบบนี้แบบนั้นกับนาย มันเป็นสัญชาตญาณของชั้นเวลาที่อยู่ใกล้ๆนายไง ยาสึซาดะ~  จุ๊บ~”   ร่างโปร่งโถมลงมานอนทาบทับก่อนจะส่งเสียงจุ๊บหยอกเย้าเขาที่ริมฝีปาก ใบหน้าสวยกรุ้มกริ่มนั่นมันห่างไกลจากคำว่า ~น้อยใจ~ อย่างที่ปากว่านัก

ใบหน้าสวยซุกไซร้คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอและลาดไหล่ทำเอาลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมาอีกระลอก กางเกงของคิโยมิตสึเองก็ถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้บนร่างกายของเราทั้งคู่จึงมีเพียงคิโยมิตสึเท่านั้นที่ยังเหลือเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยติดตัวอยู่ เพราะงั้นต้นขาที่โผล่พ้นชายเสื้อเชิ้ตนั่นมามันจึงสัมผัสแนบชิดกับโคนขาของเขาตรงๆ  ใกล้...จะสัมผัสส่วนอ่อนไหวแต่ก็ไม่ยอมสัมผัสมันให้เขาสักที ยิ่งคิโยมิตสึจงใจหยอกเย้าเขาอยู่แบบนี้ก็มีแต่จะยิ่งทำให้ความปรารถนาจากส่วนลึกในใจพุ่งพล่านทบทวี สองแขนจึงเผลอกอดรัดร่างที่ทาบทับอยู่ข้างบนให้แนบแน่นลงมาจนหาที่ว่างแทบไม่ได้มากกว่าเดิม

“อ้ะ...อื้ม~”   หัวคิ้วถึงกับขมวดมุ่นเมื่อต้นขาของคิโยมิตสึในที่สุดก็สัมผัสเสียดสีกับส่วนอ่อนไหวของเขาสักที ถึงจะแค่นิดเดียวแต่มันกลับรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“อึก...”   คราวนี้เป็นเสียงกัดฟันของคิโยมิตสึบ้างเมื่อเขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายแกล้งเขาอยู่ข้างเดียว เมื่อเขาขยับโคนขาไปเสียดสีความเป็นชายของคิโยมิตสึบ้าง

“อื้อ~~ อย่าสิ~ ชั้นจะเป็นฝ่ายกดนายนะยาสึซาดะ”   ใบหน้าสวยครางออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อเขาจงใจใช้ต้นขาคลึงแกนกลางของคิโยมิตสึอย่างหยอกเย้าบ้าง ก็อยากแกล้งกันดีนักนี่นา~

ริมฝีปากสีสดละจากลำคอของเขาก่อนจะกดจูบไปที่ลาดไหล่ ทุกครั้งที่ถูกคิโยมิตสึสัมผัสมันทั้งนุ่มนวล อ้อยอิ่ง เชื่องช้า แต่ก็เต็มไปด้วยความเย้ายวนหอมหวานจนยิ่งต้องการสัมผัสพวกนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

“นี่คิโยมิตสึ...”   เขาพูดออกไปในขณะที่สติกำลังเลื่อนลอยเต็มที

“หื๋ม?”   ใบหน้าสวยเองก็ไม่ได้ละออกมาจากซอกคอของเขาแต่มันยังคงพรมจูบอย่างแผ่วเบาไปทั่ว

“ผมน่ะ...คิดมาตลอดเลยนะว่าการมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันคงจะน่ากลัวมาก อื้อ~   แรงขบเม้มเบาๆทำเอาร่างทั้งร่างถึงกับสั่นเกร็ง เขาพยายามผ่อนลมหายใจก่อนจะพูดต่อไป

“....ฮาห์...แต่ตอนนี้...ผมไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด...ก็เพราะว่านายน่ะ...ทั้งนิ่ม ทั้งหอม”   เขาฝังจมูกไปที่ต้นแขนที่มีกล้ามเนื้อน้อยๆ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นโลชั่น กลิ่นเครื่องสำอาง เขาชอบทุกสิ่งทุกอย่างของคิโยมิตสึ เพราะเป็นคิโยมิตสึ เขาถึงไม่รู้สึกกลัว

“คิก~”   ใบหน้าสวยละออกมาหัวเราะคิกคักชอบใจ ก่อนที่นัยน์ตาสีทับทิมเจ้าเล่ห์คู่นั้นจะเหลือบมองเขาพลางเลียริมฝีปาก

“ถ้างั้น.......ชั้นจะใช้ส่วนที่นิ่มที่สุดในตัวชั้นสัมผัสนายให้ก็แล้วกันยาสึซาดะ...เริ่มจาก....”   

“อื้อ~”   แล้วริมฝีปากที่นุ่มนิ่มของคิโยมิตสึก็จูบปิดมาที่ปากของเขา มันหยอกล้อกลีบปากของเขาเบาๆก่อนจะพรมจูบไล่จากปลายคางลงไปที่ซอกคอ จากซอกคอลงไปลาดไหล่ จากลาดไหล่ไปหยุดวนไล้อยู่ที่ยอดอกที่เริ่มจะตั้งชูชันอย่างน่าอายมากขึ้นเรื่อยๆ

“คิโย...อ๊ะ?”   เสียงครางแปลกประหลาดหลุดออกมาจากลำคอจนเขาต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก อะไรน่ะ? เสียงนั่นยังไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ความรู้สึกเสียววูบที่หน้าท้องยามเมื่อคิโยมิตสึแลบลิ้นเลียยอดอกของเขานั่นต่างหากอะไร?

“เห๋~ ตรงนี้ก็รู้สึกสินะ?”   คราวนี้เจ้าเหมียวตัวแสบเหลือบมองมาที่เขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พลางยิ้มไม่น่าไว้ใจ ลิ้นร้อนแลบเลียหัวนมของเขาอีกอย่างไม่บอกไม่กล่าว

“อ้า~”   ทำเอาร่างทั้งร่างถึงกับบิดเร่าอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าถ้าถูกคนอื่นสัมผัสมันจะมีความรู้สึกแบบนี้ด้วย แล้วคิโยมิตสึก็ไม่ได้สัมผัสแค่ข้างเดียว แต่ปลายนิ้วสีแดงนั่นก็กำลังเค้นคลึงยอดอกอีกข้างของเขาอยู่เช่นกัน ทั่วสรรพางค์กายถึงกับสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ เขาส่งเสียงครวญครางยังไงออกไปบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าที่หน้าท้องของเขากำลังปวดหน่วงๆ

“คิโย อื้อ~~”    ริมฝีปากนุ่มนิ่มของคิโยมิตสึละจากยอดอกของเขาไปทิ้งให้สองมือบีบเคล้นต่อ แรงกดเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบานั่นทำเอาแทบคลั่ง ยิ่งผนวกกับแรงกดจูบจากริมฝีปากรสราสเบอร์รี่ที่กำลังไล่ลงไปตามหน้าท้องของเขาเรื่อยๆก็มีแต่จะยิ่งทำให้ไม่เหลือสติสัมปชัญญะอีกต่อไป ความต้องการ ความปรารถนาในตัวคิโยมิตสึมันกำลังทำให้ส่วนอ่อนไหวของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะน่าอายที่ถูกอีกฝ่ายปลุกเร้าควบคุมเอาตามใจชอบ แต่ถ้าคนคนนั้นคือคิโยมิตสึ เขาก็ยินยอมพร้อมใจ

“อย่าเพิ่งนะ ยาสึซาดะ”   เสียงของคิโยมิตสึดังมาจากที่ไหนสักแห่งและมันก็ทำให้เปลือกตาที่ปิดลงค่อยๆปรือปรอยขึ้นมองใบหน้าสวยที่อยู่แค่คืบ

“อึก...”   คิโยมิตสึเองก็หอบหายใจน้อยๆ ใบหน้าสวยๆที่เขามองเห็นนั่นแดงระเรื่อแถมมันยังเซ็กซี่ยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกล้านเท่า แต่แล้วนัยน์ตาที่กำลังมองอีกฝ่ายอย่างหลงใหลก็ถึงกับเบิกกว้างเมื่อจู่ๆที่แกนกายก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ร้อนราวกับไฟนาบเข้ามาชิดใกล้

“อื้อ~”   เขาซุกใบหน้าไว้ที่หัวไหล่ของคิโยมิตสึเพราะมันทั้งทรมานและรู้สึกดีจนแทบขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆกัน นัยน์ตาสีไพลินเหลือบมองว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่แล้วก็ต้องหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่แนบชิดแกนกายของเขาอยู่ก็คือความเป็นชายของคิโยมิตสึ!

“ไปพร้อมกันนะ”   เสียงสั่นพร่าของคิโยมิตสึกระซิบอยู่ข้างหู...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทั้งๆที่เอาแต่ปลุกเร้าเขา แล้วคิโยมิตสึถึงได้....นัยน์ตาสีไพลินเหลือบมองแกนกายทั้งคู่ที่อยู่ในมือของคิโยมิตสึ ขนาดมันแทบไม่ต่างกัน นั่นแสดงว่าคิโยมิตสึเองก็ปรารถนาในตัวเขา ต้องการเขาไม่ได้ต่างจากที่เขาต้องการคิโยมิตสึเลยสินะ?

“อึก....”   เขาพยายามกัดฟันข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังพุ่งพล่านก่อนจะค่อยๆบังคับมือที่สั่นระริกเข้าไปหามือของคิโยมิตสึ...จากนั้นก็กอบกุมมันไว้...แกนกายของพวกเราทั้งคู่

“ยาสึ....ซาดะ....ฮ้า~”   เสียงครางเซ็กซี่ของคิโยมิตสึดังอยู่ข้างหู ดูเหมือนต่างฝ่ายต่างอดทนต่อความต้องการนี้ไม่ไหวอีกต่อไป  คิโยมิตสึซุกหน้าเอาไว้ที่ซอกคอของเขาก่อนจะเป่าลมหายใจอุ่นๆออกมาทุกครั้งที่มือของพวกเราขยับรูดขึ้นลงไปตามความยาวของแกนกายที่แนบชิด

“คิโย มิตสึ อะ อื้อ~ อ้า~ อะ”  เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รู้แล้วว่าเขาครางออกไปยังไง ฝ่ามือสอดประสานปลายนิ้วซึ่งกันและกันแล้วขยับเข้าออกถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยรู้สึกดีจนแทบคลั่งขนาดนี้มาก่อน เขาจึงได้แต่ปล่อยเพลิงร้อนให้พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะหยุดยั้งมันเอาไว้อีก

มากขึ้น มากขึ้น แรง และเร็วให้มากขึ้นกว่านี้อีก!

ต้องการ ต้องการ คิโยมิตสึผมต้องการนาย ต้องการมากกว่านี้อีก!

“ยาสึซาดะ...ชั้นไม่ไหวแล้ว”   เสียงแหบพร่าระคนหอบหายใจกระซิบด้วยเสียงกระเส่าอยู่ที่ข้างหูเขา เขาเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“ผมก็จะ...”    ความต้องการมันกำลังจะพุ่งถึงเพดานสูงสุด ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว

“พร้อมกันนะ”   และพอคิโยมิตสึกระซิบบอกแบบนั้น

“อื้อ อะ อ๊า~~”   เขาก็รับคำพร้อมกับปลดปล่อยออกไปทันที น้ำรักสีขาวขุ่นสาดกระเซ็นเต็มหน้าท้องของเขาและคิโยมิตสึ มันผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร มันมากมายจนไหลย้อยเลอะฝ่ามือก่อนจะหยาดหยดรดผ้าปูที่นอนสีแดงเลือดนกของคิโยมิตสึ

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....”   ใบหน้าสวยละจากซอกคอของเขาก่อนจะจรดหน้าผากจนสันจมูกแทบจะชนกัน ลมหายใจหนักหน่วงถูกเป่ารดกันและกัน แต่กระนั้นนัยน์ตาสีทับทิมของคิโยมิตสึกลับบ่งบอกว่ามันยังไม่พอ

“ขอมากกว่านี้อีกได้ไหม...ยาสึซาดะ...”   เสียงสั่นพร่านั่นพูดออกมาทั้งๆที่ยังจ้องตาเขาไม่กระพริบ ลมหายใจยังไม่มีของใครเข้าที่...ยอมรับว่าใจหนึ่งเขาก็กลัว แต่มาจนถึงนี่แล้วเขาก็ไม่คิดจะถอยเช่นกัน

เพราะงั้นใบหน้าน่ารักจึงพยักรับเบาๆ

“หึ...ถ้างั้นก็....”   ใบหน้าสวยละออกไปก่อนจะยิ้มให้เขาแล้วขยับเข้ามากระซิบที่ใบหูใหม่ เป็นถ้อยคำที่ทำเอาเขาชักจะเริ่มคิดแล้วว่า ไม่น่าไปตามใจเจ้าปีศาจร้ายนี่เล้ย~

“จะทานละนะคร้าบ~

ฝ่ามือเรียวกวาดหยาดหยดที่รินรดอยู่เต็มหน้าท้องของพวกเราทั้งคู่ออกไปไว้ในมือของตัวเองก่อนจะใช้สายตาคาดคะเน

“เห็นเค้าว่า...ครั้งแรกให้หล่อลื่นเยอะๆหน่อย แค่นี้สงสัยจะไม่พอ?”   ใบหน้าสวยๆนั่นพูดออกมาหน้าตาเฉย ปกติต้องอายม้วนแล้วรีบวิ่งหนีไปไม่ใช่รึไงคิโยมิตสึน่ะ? นัยน์ตาสีไพลินได้แต่เหล่มอง แล้วก็นี่นะ อย่ามานั่งจ้องไอ้ของแบบนั้นนานนักสิ หน้าไม่อายจริงๆเลย!

“งั้น...ใช้นี่แทนไปก่อนนะยาสึซาดะ”   ว่าแล้วมือเรียวก็คว้าเอาขวดโลชั่นกลิ่นกุหลาบที่ใช้ทาผิวตัวเองอยู่ทุกวันนั่นมาจากโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเทโลชั่นลงไปผสมกับน้ำสีขาวขุ่นที่อยู่ในมือ....ง่ะ....

“เดี๋ยวก่อนๆ นี่มันใช้ได้แน่นะ?”   เขารีบถอยครูดไปชิดผนังหัวเตียง ถึงจะพอรู้มาบ้างว่าผู้ชายกับผู้ชายเค้าทำกันยังไง แต่ก็ทำใจกับไอ้ของที่ดูท่าทางอันตรายในมือของคิโยมิตสึไม่ได้

“อื้อ เอาน่า~    เอาน่า~ อะไรเล่า! ตอบส่งเดชส่งดะมาชัดๆ!

“เดี๋ยว”   เขายกมือขึ้นห้ามคนที่คุกเข่าคลานเข้ามาหา แต่คิโยมิตสึกลับจ้องแต่จะกินเขาอย่างเดียว

“อ้าขาออก”   ริมฝีปากสีสดสั่งอย่างเอาแต่ใจ

“เดี๋ยว ผมว่าไม่ดีกว่า”   แน่นอนว่าเขาเองก็ปฏิเสธเสียงแข็ง

“ยาสึซาดะ”

“ไม่”

“นอนลงมา”

“ไม่....”

“บอกให้นอนลงมาไง”   แล้วร่างโปร่งก็กระโจนเข้ามาหมายจะจับตัวเขากดลงกับเตียงให้ได้  ไม่มีทางซะหรอกที่เขาจะยอม

“เหวอ~ ไม่ๆๆ!”   มือบางปัดป่ายไปทั่วก่อนที่ข้างหนึ่งมันจะปัดมั่วๆไปโดนมือของคิโยมิตสึเข้าพอดี...และแล้วไอ้ของเหลวดูอันตรายนั่นก็แปะลงไปที่ผ้าปูที่นอนจนหมด!

เย้~ เขาไม่ได้มัวแต่ดีใจอย่างไร้สติ มือรีบตวัดทิชชูเช็ดมันออกไปจากผ้าปูเตียงก่อนจะรีบโยนลงถังขยะในขณะที่คิโยมิตสึยังนั่งกรี๊ดอ้าปากค้าง

ใบหน้าน่ารักถอนหายใจเฮือกใหญ่...อารมณ์จะทำหายหมดแบบนี้ เอาไว้วันหลังค่อยต่อแล้วกัน อย่างน้อยก็ควรจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้?

แต่...ใบหน้าสวยกลับหันมามองเคืองๆก่อนจะรีบตะครุบตัวเขาเอาไว้ สองแขนผอมบางแต่ก็ล้วนเป็นกล้ามเนื้อกระชับแน่นของคิโยมิตสึกดเขาไว้กับเตียงก่อนจะปรายตามองลงมาจากข้างบนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอกน่า~ ถึงนั่นจะหกหมดแล้ว แต่ชั้นเอามันออกมาจากตัวนายใหม่ก็ได้ หึๆ”

“เดี๋ยวคิโยมิตสึ”   ยังไม่ทันจะได้ห้ามริมฝีปากสีสดก็ประกบปิดทุกคำพูดให้กลืนลงคอ เรียวลิ้นอ่อนนุ่มสอดใส่เข้ามาในโพรงปากของเขาทันทีแล้วมันก็ทำให้อารมณ์ที่คิดว่ามอดดับไปแล้วกลับคุกรุ่นขึ้นได้ไม่ยาก ต้องยอมรับว่าริมฝีปากของคิโยมิตสึนั้นนุ่มจริงๆ แล้วไหนยังจะกลิ่นหอมๆของลิปกลอสนี่ก็อีก ขนาดบดเบียดมอบจุมพิตให้เขามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่กลิ่นของมันก็ยังติดจมูกของเขาอยู่เลย

“อื้ม~”   เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันตอบโต้คิโยมิตสึไปบ้าง ริมฝีปากดูดกลืนซึ่งกันและกันอย่างไม่ลดละ ชั่ววินาทีที่ถอนออกจากกันเพื่อหายใจ ใบหน้าสวยก็เปลี่ยนมุมแล้วประกบจูบลงมาใหม่ เรียวลิ้นยังคงกวาดไล้ไปทั่ว ทั้งหอมหวานปานจะทำให้ลุ่มหลง ทั้งเร่าร้อนเรียกร้องจนท้องน้อยปวดหนึบไปหมด ความต้องการระลอกใหม่ถูกโหมกระพือด้วยจูบเพียงจูบเดียว ไม่สิ...จะว่าแค่จูบอย่างเดียวก็คงไม่ถูก เพราะตอนนี้ฝ่ามือที่มีเล็บสีแดงสดกำลังลากไล้สร้างความรัญจวนใจอยู่แถวๆต้นขาของเขา แผ่นอกเปลือยเปล่าเองก็จงใจกดทับยอดอกของเขาให้ต้องบิดเร่า คิโยมิตสึกำลังปลุกเร้าทุกส่วนของร่างกาย แม้แต่หัวใจก็ตะเลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

“อ้า~ คิโย...”   เสียงครางน่าอายหลุดออกไปอย่างห้ามไม่ไหวจริงๆ เขาทำได้แค่บิดกายไปมาอย่างเชื่องช้าอยู่บนเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา กำลังถูกคิโยมิตสึควบคุมเอาไว้อีกครั้ง...ด้วยริมฝีปากนุ่มนิ่ม ด้วยมือขาวๆตัดกับเล็บสีแดง ด้วยยอดอกสีชมพูที่ทาบทับลงมา...เขาคิดไม่ออกเลยว่าความป่าเถื่อนกับสัญชาตญาณดิบของผู้ชายนั้นมันเป็นยังไง เพราะคิโยมิตสึไม่ใช้มันกับเขาเลยสักนิด ทั้งอ่อนโยน ทั้งนุ่มนวล มันทำให้เขาอุ่นใจ มันทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักที่คิโยมิตสึมอบให้ ลุ่มหลงมัวเมาไปกับเสน่ห์อันเย้ายวนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่อไป

ใบหน้าสวยขยับเข้ามาคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของเขา ลมหายใจอุ่นๆถูกเป่ารดเส้นประสาทเบาๆส่งให้เขาเกร็งน้อยๆไปทั่วร่าง  ได้ยินเสียงคิโยมิตสึหัวเราะคิกคักชอบใจเพราะค้นพบจุดไวสัมผัสของเขาเข้าอีกจุด...หนอย...อย่าให้ถึงตาเขาบ้างก็แล้วกัน จะจับมัดเอาไว้แล้วทำให้ร้องครางไม่หยุดเลยคอยดู!

“อะ อื้อ~”   แต่ตอนนี้เป็นเขาเองที่จำต้องปล่อยเสียงครางออกไป เมื่อจู่ๆฝ่ามือที่วนไล้อยู่ที่ต้นขาก็ขยับมาจับแกนกายของเขาเอาไว้ ไม่ต้องบอกเลยว่ามือของคิโยมิตสึทำให้เขารู้สึกดีขนาดไหน ส่วนอ่อนไหวจึงขยายตัวพรวดพราดอย่างน่าอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

คิโยมิตสึรูดรั้งฝ่ามือขึ้นลงแผ่วเบา และทุกครั้งที่มันสัมผัสแกนกายของเขาก็ทำเอาต้องปิดตาแน่นพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ยิ่งบวกกับลิ้นร้อนที่กำลังโลมเลียยอดอกของเขาอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านที่เกิดจากการปลุกเร้าพร้อมๆกันมันจึงทำให้เขาแทบคลั่ง ร่างทั้งร่างบิดเร่าไปมาจนผ้าปูที่นอนยับย่น มือบางทำได้แค่ขยี้ขย๋ำปลอกหมอนเพื่อระบายความรู้สึกดีจนแทบขาดใจนี้ออกไป

“อื้อ~~”   ได้ยินเสียงเปิดฝาขวดโลชั่นแต่เขาก็ไม่มีสติพอที่จะรับรู้เรื่องของมัน เมื่อมือของคิโยมิตสึยังคงขยับถี่กระชั้นอยู่ที่แกนกายของเขา สองขาถูกจับแยกออกจากกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนกระทั่งสิ่งแปลกปลอมบางอย่างสอดแทรกเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังซึ่งไม่เคยเปิดรับใครนั่นแหละ สติของเขาถึงได้ถูกดึงกลับมาวูบหนึ่ง

“อะ อ้า~ คิโยมิตสึ~”   เขาครางออกมาเสียงหลงเมื่อเจ้าสิ่งแปลกปลอมชวนอึดอัดนั่นกำลังฝืนฝ่าผ่านแรงบีบรัดตามสัญชาติญาณของเขา  

“อะ อะไร อื้อ~ คิโยมิตสึ นั่นอะไรน่ะ~”   สะโพกเผลอขยับถอยหนีโดยอัตโนมัติ แต่ก็ติดฝ่ามือที่จำต้องละจากแกนกายไปจับยึดบั้นท้ายของเขาแทน

“ไม่ต้องกลัว...นิ้วของชั้นเอง...ฮาห์...”   ใบหน้าสวยกระซิบอยู่ที่ข้างหูด้วยเสียงสั่นน้อยๆ คิโยมิตสึกำลังผ่อนลมหายใจซึ่งมันก็ทำให้เขารู้ว่าคิโยมิตสึเองก็กำลังสะกดกลั้นความต้องการในตัวเขาขนาดหนักอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าช้าๆก่อนจะพยายามไม่เกร็งแล้วปล่อยให้ปลายนิ้วสีแดงนั่นสอดใส่เข้ามาจนได้

“ยาสึซาดะ...”   คิโยมิตสึกระซิบเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ อีกฝ่ายคงจะรับรู้ว่าเขากำลังทรมานจากการถูกความอึดอัดคับแน่นที่ช่วงล่างเล่นงาน แกนกายร้อนเป็นไฟของคิโยมิตสึจึงจงใจแนบเข้ามาชิดติดแกนกายของเขาก่อนจะถูไถเสียดสีช้าๆ

“อ้า~…”   เสียงครางหลุดออกไปจากลำคอเพราะรู้สึกดี ความรัญจวนใจเล็กๆนี้กำลังทำให้เขาลืมเลือนเรียวนิ้วที่เริ่มขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้านั่นไป

“อื้ม~”   เปลือกตาที่ปิดลงอย่างเคลิบเคลิ้มไม่ได้รับรู้อะไรนอกจากความเย้ายวนจากกายแกนที่เสียดสีกันไปมา จนกระทั่งกลิ่นกุหลาบชักจะคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง นัยน์ตาสีไพลินจึงปรือปรอยขึ้นมาเล็กน้อย ความลื่นไหลทำให้เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าคิโยมิตสึสอดนิ้วเข้ามาเพิ่ม จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว แล้วก็จากสองนิ้วเป็นสามนิ้วแล้วในตอนนี้

และพอสนใจมันเข้า เขาจึงเริ่มจะรู้ว่าเรียวนิ้วที่ขยับเข้าออกอยู่นั้นมันก็ทำให้รู้สึกดีเช่นกัน...ไม่สิ...นี่มันดีมากเลยต่างหาก...

 ปลายนิ้วทั้งสามที่กำลังกวาดวนไปมาอยู่ข้างในตัวเขาเพื่อขยายช่องทางที่เคยคับแน่นนั้นทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งเขารับรู้ว่ามันขยับเข้าออกได้ลื่นไหลแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงของเหลวที่น่าจะเป็นโลชั่นดังอยู่ข้างในกาย ลมหายใจก็ยิ่งติดขัดหนักกว่าเดิม...ร้อน...ร้อนไปหมดแล้ว....

“คิโยมิตสึ....”   เขาช้อนสายตามองใบหน้าสวยด้วยน้ำตาคลอ ความต้องการมันกำลังล้นทะลักจนแม้แต่ที่แกนกายของเขาก็มีน้ำสีขาวไหลปริ่ม

“คิโย มิตสึ...ปลดปล่อย ผมที...ฮ่าห์...ฮ่าห์....”    ใบหน้าหวานหอบหายใจ ไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากทั้งร่างกายและใบหน้า เขาส่งสายตาเว้าวอนไปยังคิโยมิตสึที่มองลงมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาเช่นกัน...เขาไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนี้ของคิโยมิตสึมาก่อนเลย มันเซ็กซี่มากจนเขาสาบานเอาไว้เลยว่าจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของคิโยมิตสึเป็นอันขาด

“ยาสึซาดะ....ชั้น...จะเข้าไปแล้วนะ”   คิโยมิตสึบอกเขาด้วยสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการ และเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ ใบหน้ามนจึงพยักให้อย่างเขินๆ

หัวใจเต้นระรัวยามเมื่อสายตามองตามฝ่ามือของคิโยมิตสึที่กำลังจับขาของเขาอ้าออกให้กว้างขึ้น นิ้วทั้งสามที่เคยถูกร่างกายของเขาโอบกอดไว้ค่อยๆถูกถอนออกมาช้าๆ โลชั่นที่เหลวเป็นน้ำย้อยเชื่อมต่อจากปลายนิ้วสีแดงมายังปากทางเข้า ถึงภาพตรงหน้าจะดูน่าอายแต่หัวใจของเขากลับเต้นกระหน่ำ ทั้งตื่นเต้น ทั้งขวยเขิน ทั้งหวาดหวั่น ยิ่งสองขาถูกชันขึ้นมาความตื่นเต้นก็เปลี่ยนลมหายใจให้ยิ่งติดขัด เขาละอยากจะเสหน้าหนีเสียให้ได้ อายจนทั้งแก้มทั้งใบหูร้อนจนควันจะขึ้นอยู่แล้ว

“ดูสิ ยาสึซาดะ...”   ทว่า คิโยมิตสึกลับเรียกให้เขาหันไปมองเสียแบบนั้น ใบหน้าสวยส่งสายตายั่วเย้ามาให้ก่อนจะหลุบนัยน์ตาสีทับทิมนั่นลงไปมองความเป็นชายของตัวเองที่กำลังจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าของเขา

“อึก! อื้อ~~!!”   และแค่ส่วนหัวมันแทรกเข้ามา เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างถูกฉีกกระชากออกจากกัน สองขาที่คิโยมิตสึจับไว้ต่อต้านทันที

“เจ็บ~~”   เพราะของของคิโยมิตสึใหญ่กว่านิ้วหลายเท่า เขาเลยดิ้นพล่านจากความเจ็บปวด ร่างกายกระตุกอยู่หลายทีก่อนที่ลมหายใจจะหอบหนักหน่วง...ไม่ไหว...นี่มันเจ็บมากกว่าที่เคยคิดเอาไว้ตั้งเยอะนะ

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ ยาสึซาดะ”   คิโยมิตสึหยุดการเคลื่อนไหวที่เบื้องล่างแต่ก็ยังไม่ได้ดึงมันออกไป ริมฝีปากนุ่มนิ่มจูบซับน้ำตาที่ไหลปริ่มของเขาออกให้ก่อนจะกดจูบไปทั่วใบหน้าด้วยเสียงดังจุ๊บๆ ฝ่ามือที่ทาเล็บสีแดงเองก็ตรงเข้าปลุกปั่นแกนกายที่ชูชันของเขาเพื่อให้ลืมความเจ็บที่ด้านหลัง แต่ยิ่งค้างๆคาๆไว้แบบนี้มันก็มีแต่จะยิ่งทรมาน

“คิโย...มิตสึ...ใส่เข้ามาเลย”   เขากัดฟันพูดออกไปด้วยลมหายใจแทบจะขาดรอนๆ เขารู้ว่าคิโยมิตสึเองก็กำลังทรมานจากการสะกดดลั้นอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านเช่นกัน ถึงได้หายใจหนักๆแบบนั้น

“ขอโทษนะยาสึซาดะ”   ใบหน้าสวยเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจจู่โจมเขากะทันหัน

“อึ๊ก! อือ~~~”   สองมือขย๋ำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อแกนกายของคิโยมิตสึสอดใส่เข้ามารวดเดียว ทั่วช่องท้องเสียววูบไปหมดและความเจ็บแปลบก็ตรงเข้าเล่นงานเขาจนน้ำตาไหล สัมผัสแข็งขืนคับแน่นอยู่เต็มร่างกายจนรู้สึกได้ อึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว ร้อนราวกับถูกเหล็กแดงๆเสียบเข้ามา

“อ้า...ฮ้า...ฮ้า.....”    ริมฝีปากเผยอออกเพื่อผ่อนลมหายใจโดยอัตโนมัติ ร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้านไปทั่ว คิโยมิตสึหยุดนิ่งให้เขาปรับตัว เขาช้อนสายตามองอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าใบหน้าของคิโยมิตสึยามนี้นั้นเกินจะทนจริงๆ

สองแขนจึงตวัดโอบรอบลำคอระหงก่อนจะดึงคิโยมิตสึลงมา ริมฝีปากของเขาประกบจูบริมฝีปากกลิ่นราสเบอร์รี่ของคิโยมิตสึอย่างหิวกระหาย เขาเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของคิโยมิตสึเอง เกี่ยวกระหวัดรัดพันอย่างเอาแต่ใจ อยากจะผูกมัดคิโยมิตสึไว้ให้เป็นของเขาคนเดียว อยากให้ใบหน้าเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยความต้องการของคิโยมิตสึเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

“ฮ้า...ฮ้า...ฮ้า....”   ริมฝีปากละออกจากกันหลังจากแทบจะหมดลมหายใจ ข้างในกายดูเหมือนจะผ่อนคลายจนแทบไม่รู้สึกเจ็บอีก เขาจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังมองลงมาเช่นกัน คิโยมิตสึยิ้มให้เขาก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นอมยิ้มเจ้าเล่ห์

“อึก....ตัวนายเอง...ก็นิ่มสุดๆไปเลยเหมือนกันนี่นา~”   ริมฝีปากสีสดเอ่ยคำพูดหยอกเย้า นี่ตั้งใจจะแซวเขาละสิ ที่เคยบอกว่าตัวคิโยมิตสึทั้งนิ่มทั้งหอม....ใบหน้าน่ารักเลยทำแก้มป่องก่อนจะเผลอรัดคิโยมิตสึโดยไม่รู้ตัว

“อะ...อย่ายั่วกันสิ...ยาสึ...ซาดะ...”   คิโยมิตสึกัดฟันก่อนจะโน้มตัวลงมาซุกไซร้ใบหน้าที่ซอกคอของเขา สัมผัสแผ่วเบานั่นทำให้รู้ล่องลอยทั้งๆที่ยังร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม ฝ่ามือที่กอบกุมแกนกายของเขาอยู่ก็กำลังขยับรูดขึ้นลงช้าๆ...พร้อมๆกับความเป็นชายที่อยู่ในร่างกายของเขาที่เริ่มขยับในจังหวะที่เข้ากัน

“อะ อ้า~”   ใบหน้าสะบัดเงยก่อนจะปล่อยเสียงครางออกไปอย่างห้ามไม่ไหว จากที่เคยเจ็บปวดทุรนทุรายแต่ตอนนี้ในช่องทางคับแน่นนั่นกลับกำลังรู้สึกดีสุดๆ รู้สึกดีอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ในโลกด้วย

นัยน์ตาสีไพลินเชื่อมปรอยทอดมองหัวสีดำเหลือบแดงที่ซุกอยู่บนแผงอกเขา ริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นมันกำลังหยอกเล่นอยู่กับยอดอกของเขา ความสุขสมที่รุมเร้าเขาอยู่ทั้งสามที่กำลังทำให้รู้สึกดีจนแทบคลั่ง

“อะ อื้อ...คิโย...มิตสึ...”    ริมฝีปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย...รู้สึกได้...ถึงร่างกายของคิโยมิตสึที่กำลังขยับอย่างเชื่องช้าอยู่ในตัวเขา...แล้วทุกสัมผัสที่แนบแน่นนั้นมันก็กำลังทำให้เขินอายผสมผสานไปกับความรัญจวนใจแปลกๆจนร่างทั้งร่างอ่อนระทวยไปหมด

“ยาสึ...ซาดะ...”   ชื่อของเขาเองก็ถูกกระซิบอยู่ที่ใบหู ตอนนี้ในหัวของเขามันกำลังขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว สิ่งที่ชัดเจนมีเพียงความสุขที่ถูกปรนเปรอให้ไม่หยุดหย่อน

สะโพกและต้นขาถูกลูบไล้ด้วยฝ่ามือขาวๆตัดกับเล็บสีแดงก่อนที่ฝ่ามือคู่นั้นจะโอบกอดมาที่แผ่นหลังของเขาแล้วรั้งตัวเขาขึ้นไปกอดไว้แน่น แกนกายของคิโยมิตสึเริ่มสอดใส่เข้ามาในจังหวะที่ถี่กระชั้นขึ้น เร็วขึ้น แรงขึ้น ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นจนแทบจะควบคุมไม่อยู่

“อะ อ้า~ คิโย อื้อ~”   ช่องทางคับแน่นถูกกระแทกใส่จนร่างทั้งร่างสั่นคลอน เสียงครางดังระงมไปทั่วห้องเช่นเดียวกับเสียงหอบหายใจที่ผสมปนเปจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร หยาดเหงื่อรินไหลพร้อมๆกับไอร้อนระอุ คิโยมิตสึยังคงขยับเข้าออกราวกับพายุที่กำลังคลั่ง นัยน์ตาที่ปรือปรอยของเขามองเห็นเพียงแค่เสี้ยวใบหน้าสวยที่กำลังรู้สึกดีสุดๆ แค่นั้นหัวใจดวงน้อยก็รู้สึกราวกับถูกเติมเต็ม สองแขนตวัดไปโอบกอดคิโยมิตสึไว้เช่นกันจนระหว่างร่างกายของพวกเขานั้นแทบจะไม่มีที่ว่าง มันกำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เบื้องล่างที่โอบรัดคิโยมิตสึเอาไว้ก็เช่นกัน

“อะ อ้า...”   ปลายเล็บกดลงไปบนแผ่นหลังขาวๆของคิโยมิตสึจนเป็นทางยาวเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังทบทวี ความเป็นชายที่กระแทกกายเข้ามานั้นมันถี่กระชั้นและหนักหน่วงจนสะโพกแทบจะรับไม่ไหว ยังดีที่ได้อ้อมแขนที่ต่างกอดกันเอาไว้แน่นนี่ช่วยพยุงร่างกาย

“อ๊ะ?! คิโย! อ๊า!!   แล้วจู่ๆแกนกายของคิโยมิตสึก็สอดใส่ไปถูกจุดๆหนึ่งในร่างกายของเขา มันเป็นจุดที่ทำเอาจวนเจียนจะขึ้นสวรรค์เสียให้ได้ เขาจึงร้องครางเสียงสูงออกไปอย่างน่าอาย...ตรงนั้นมันอะไรน่ะ?

“ตรงนี้รู้สึกดีเหรอ?”   แล้วคิโยมิตสึก็จงใจเสียดสีที่จุดนั้นซ้ำๆจนเขาได้แต่บิดเร่าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ปลายเล็บข่วนหลังของคิโยมิตสึจนน่าจะขึ้นรอยอีกไม่ใช่น้อย ใบหน้าสะบัดเงยบนหมอนก่อนจะส่งเสียงครางแทบไม่เป็นภาษา

“อื้อ~~ ดี ดีมากๆ!   เสียงของเขาเร่งเร้าให้จังหวะสอดใส่รัวเร็วยิ่งกว่าเดิม เหมือนต่างฝ่ายต่างลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในรสคาวโลกีย์ที่มอบให้แก่กัน อ้อมแขนกอดรัดนัวเนีย ในหัวมีเพียงความวูบโหวงขาวโพลนไปหมด...คิดอะไรไม่ออกแล้ว...รู้แค่ว่าเขาต้องการคิโยมิตสึ ต้องการมากกว่านี้ มากกว่านี้!

“อะ อา~~ จะ จะออกแล้ว คิโย มิตสึ~”   ความปรารถนาอันแรงกล้าพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด เขาจึงครวญครางบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงกระเส่า ได้ยินเสียงคิโยมิตสึกัดฟันก่อนจะกดจูบลงมาที่ขมับของเขาเบาๆ

“พร้อมกันนะ ยาสึซาดะ อึก!   สิ้นสุดคำพูดของคิโยมิตสึความต้องการที่ทะยานสูงก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที

“อ๊า!~~”   เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของคิโยมิตสึ แกนกายร้อนเป็นไฟกระแทกลึกเข้ามาข้างในก่อนที่ความอุ่นวาบจะฉีดพุ่งฉาบไล้กระจายเต็มช่องทางด้านหลังเช่นเดียวกับของของเขาที่ล้นทะลักเลอะหน้าท้องของคิโยมิตสึเต็มไปหมดแล้วไม่นานมันก็หยาดหยดลงมารดบนตัวเขา

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....”   ร่างทั้งร่างหอบจนตัวโยน ความรู้สึกสุขสมทำให้ทุกอย่างขาวโล่งไปหมด ใบหน้าเหม่อลอยของเขาอมยิ้มให้คิโยมิตสึน้อยๆ

“แฮ่ก....แฮ่ก....”   ร่างโปร่งทิ้งตัวทาบทับลงมาบนตัวเขาก่อนจะหอบหายใจรุนแรงไม่แพ้กัน ใบหน้าสวยซุกไซร้อยู่ที่ข้างแก้มราวกับกำลังออดอ้อน  สองแขนของเขาจึงกอดร่างเปลือยเปล่าของคิโยมิตสึเอาไว้  ข้างล่างเอง...ก็ยังโอบกอดคิโยมิตสึอยู่เช่นกัน...

“ขอนอนทั้งแบบนี้เลยได้ไหม~”   เจ้าแมวจอมขี้เกียจที่ไม่คิดจะลุกไปไหนเอ่ยขออ้อนๆอยู่ข้างหู เขาเองก็ใช้พลังไปจนหมดจนไม่อยากลุกแล้วเช่นกัน เปลือกตาหนักๆเลยปิดลงก่อนจะงึมงำตอบอีกฝ่ายไป

“อื้ม...”   ความรู้สึกสุดท้ายที่รับรู้ได้คืออ้อมแขนแสนอบอุ่นที่กอดกระชับร่างกายเขาแน่น...กับอีกหนึ่งคำพูดที่ทำให้เขาอมยิ้มถึงแม้จะหลับไปแล้วก็ตาม


“ชั้นรักนายนะ...ยาสึซาดะ...”






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





อูยยยยย

เป็นการแต่งฉากNCที่เมาที่สุดตั้งแต่เคยแต่งมาแบ้วค่ะ5555 คือเมะที่ผ่านๆมาจะออกแนว ไม่ดาร์กก็เนียน ไม่เถื่อนก็ซาดิสถ์ เพิ่งเคยแต่งเมะแบบที่พร้อมจะเป็นเคะได้ทุกเมื่อแบบนี้นี่แหละ กร๊ากกกก อ่อยเค้าไป จ้องจะกดเค้าไปนี่มันยังง๊ายยยย >////< มั่นใจว่านางต้องเซ็กซี่มากๆแน่นอน งื้ออออออ >////<

แล้วก็ ยังไม่จบนะคะเรื่องนี้5555 ที่เหลือก็จะเป็นเนื้อเรื่องแบบอ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ Love Story กันไป เคี๊ยกๆๆๆ >////<

ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆเลยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >3<





14 ความคิดเห็น:

  1. ว๊ากกก สุดยอดดดด 😍

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ17 เมษายน 2560 เวลา 01:09

    รอค่าาา ชอบที่ไรท์แต่งคู่นี้มากๆเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ><

    ตอบลบ
  6. เมื่อไหร่ตอนต่อไปจะคลอดคะไรตตตต์!!!!!! *แยกเขี้ยวขู่*

    ตอบลบ
  7. งานนี้ต้องถือมีดรอ! (.......)

    5555 รออยู่นะคะไรต์!!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถืดมีดรอเลยหรอคะ5555

      ลบ
    2. เห็นฟิคโทวรันหลายๆฟิคเขาถือมีดรอกัน เอาบ้างสิคะ! 55555

      ลบ
  8. ยังคงตั้งมั่นในการรอพร้อมมีดนะคะไรต์--

    แฮร่!

    ตอบลบ
  9. ไรต์คะ ต่อเถอะ.. please..

    ตอบลบ
  10. รักผัว(ยามะตัน😍💕💅)30 มกราคม 2562 เวลา 07:31

    ไรต์คะะะะะะะ มาต่อทีเถอะค่ะ!.ได้โปรดดดดดดดY-Y
    สนองนีทข้าน้อยต่อที pleasesssss

    ตอบลบ