Attack on Titan Au.S Fic [Levi xEren] ลีลาวดีสีชมพู : 01


Attack on Titan Au.S Fic [Levi xEren]  ลีลาวดีสีชมพู : 01

: Attack on Titan Fanfiction Au
: Levi x Eren
: Horror Mystery Period
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         




สายการบินแห่งชาติอินโดนีเซียทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากชีวิตหรูหราในลอสแองเจลิสมุ่งสู่เมืองเดนปาซาบนเกาะบาหลีที่แตกต่างจากอเมริกาที่จากมาโดยสิ้นเชิง

เกือบยี่สิบชั่วโมงที่นั่งอยู่บนเครื่องบินรวมถึงช่วงเวลาที่แวะเปลี่ยนเครื่องที่ซิดนีย์ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจจนอยากจะอาละวาดให้บ้านแตกลดลงเลย ใบหน้าราวกับอยากจะฆ่าคนเสียเต็มประดาที่สะท้อนกระจกหน้าต่างเครื่องบินมาทำให้แอร์โฮสเตสต่างหนาวๆร้อนๆที่จะต้องเข้ามาบริการเจ้าของเก้าอี้ชั้นเฟิร์สคลาสคนนี้

ทั้งๆที่ รีไว อัคเคอร์มัน นั้นเป็นคนที่ทั้งโลกต่างก็รู้จักดี

ด้วยที่หนึ่งของบิลบอร์ดชาร์ตที่กวาดมาได้ทุกครั้งที่ออกซิงเกิล เรียกว่าทุกเพลงฮิตติดหูของฝั่งอเมริกาจะต้องมีชื่อ “รีไว” นักร้องชื่อดังต่อท้ายเพลงเสมอ

แต่นอกจากเรื่องการทำเพลงที่เด็ดขาดไร้ที่ติแล้ว บุคลิกและนิสัยที่ออกไปทางแบดบอยของเจ้าตัวก็ชื่อกระฉ่อนเช่นเดียวกัน เรื่องเพลงเป็นที่หนึ่งก็จริงแต่เรื่องข่าวฉาวๆก็มีออกมาไม่เว้นแต่ละวัน เพราะทำอะไรไม่เคยสนใจใคร เอาอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ เลยมีทั้งคนหลงใหลแล้วก็มีทั้งคนที่คิดว่ามันเหลือจะรับได้แล้วจริงๆ

แล้วที่ต้องระเห็จมาจนถึงหมู่เกาะอันไกลโพ้นแบบนี้ก็เพราะเรื่องแย่ๆที่เจ้าตัวไปก่อเอาไว้นั่นแหละ

“ใกล้จะถึงแล้วนะรีไว จะเข้าห้องน้ำก่อนไหม?”   เอลวิน สมิธถามออกมาจากที่นั่งข้างๆ ที่เจ้าราชาเพลงร็อคชื่อก้องโลกนี่ยังไม่พังเครื่องบินทิ้งก็เป็นเพราะมีผู้จัดการส่วนตัวอย่างเขานั่งประกบอยู่นี่แหละ

“......”   ใบหน้าทะมึนไม่ตอบอะไรกลับมาตามที่คาดเอาไว้ จะอารมณ์บูดขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกในเมื่อรีไวไม่ได้อยากจะมาแต่ถูกเขาบังคับให้มาต่างหาก

ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้กรอบผมสีทองหันกลับมาพักสายตาด้วยการปิดเปลือกตาช้าๆ คิดว่าเขาต้องหัวหมุนขนาดไหนกับการต้องดูแลเจ้าศิลปินเอาแต่ใจแถมก่อแต่เรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวันคนนี้ เพราะมันไม่ได้มีแต่เรื่องงานที่เขาต้องคอยเคลียร์ให้แต่เรื่องส่วนตัวเองก็ไม่ละเว้น

คิ้วสีทองกระตุกนิดๆเมื่อนึกถึงข่าวฉาวที่สะเทือนไปทั้งวงการอย่างจู่ๆก็มีนางแบบชื่อดังวิ่งโล่ไปฟ้องนักข่าวว่ารีไวทำเธอท้องแล้วก็ไม่รับผิดชอบ แล้วในขณะที่แม้แต่ตัวเขายังอึ้งอย่างไม่รู้จะโต้ข่าวกลับไปยังไงแต่เจ้ารีไวกลับประกาศออกสื่อเอาดื้อๆว่าไม่ยอมรับว่าเด็กนั่นเป็นลูกของตัวเองแถมมีท้าให้ไปตรวจดีเอ็นเออีกต่างหาก และเมื่อถูกกดดันมากๆฝ่ายผู้หญิงเลยยอมตรวจแล้วก็ปรากฏว่าไม่ใช่ลูกของรีไวจริงๆ


“ก็บอกแล้วว่าไม่เคยหลั่งข้างในถ้าไม่ได้ใส่ถุงยางที่พกไปเอง”


นั่นคือบทสัมภาษณ์ที่หมอนั่นประกาศต่อหน้าสื่อ...คำพูดหยาบๆและไม่เคยจะรักษาภาพพจน์ทำให้เขาปลงตกที่จะหาข้อแก้ตัวจนได้แต่ปล่อยๆไปมาได้พักใหญ่แล้ว อีกอย่างถึงรีไวจะมั่วผู้หญิงไปเรื่อยแต่ก็ระวังตัวอยู่ตลอดเพราะรู้ดีว่ามีแต่คนจ้องจะจับตน อามีเลีย...นางแบบคนนั้นก็เช่นกัน

จำได้ว่ากว่าจะเคลียร์เรื่องกับต้นสังกัด กับนักข่าว หรือแม้แต่กับศาลก็เล่นเอาเขาต้องวิ่งวุ่นจนหัวปั่น ส่วนเจ้าตัวขยันสร้างปัญหา...มันก็ยังก่อเรื่องต่อไป...

ก็นอกจากเรื่องผู้หญิงแล้วก็ยังมีเรื่องยาเสพติดที่เพิ่งจะกลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ของอเมริกามาสดๆร้อนๆเมื่อตำรวจบุกมาค้นห้องของรีไวแล้วดันเจอทั้งเฮโรอีน โคเคน กัญชาและสารพัดยาอีกอย่างละนิดละหน่อยเลยถูกตำรวจจับโทษฐานมียาเสพติดในครอบครอง แล้วทั้งๆที่เป็นข่าวครึกโครมขนาดนั้นแต่เจ้าตัวกลับไม่ปฏิเสธสักแอะ เขาที่อยู่กับหมอนั่นตลอดรู้ดีว่ารีไวไม่ได้ติดยา แต่ไอ้ท่าทางไม่สนใจไยดีอะไรนั่นมันก็น่าให้ตำรวจลากเข้าซังเตซักคืนสองคืนเลยจริงๆ

ก็นั่นแหละ เรื่องที่ทำเอาเขาสุดจะทนจนต้องให้รีไวพักงานก่อนจะพาหนีความวุ่นวายมาที่เกาะบาหลี รอเคลียร์คดีกับรอให้เรื่องเงียบโดยได้แต่หวังว่าวัฒนธรรมอันดีงามและความสงบของที่นี่จะช่วยขัดเกลาหัวใจที่บิดเบี้ยวของหมอนี่ได้บ้างซักนิดก็ยังดี เขาจะได้หายปวดหัวเสียที




เครื่องบินแลนดิ้งลงเหยียบผืนดินของเกาะที่สวยงามติดอันดับโลกโดยสวัสดิภาพ ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินอย่างไม่สนใจโลกลงมาจากเครื่องบิน ร่างกายได้รูปที่อยู่ในชุดแนวพังค์ร็อคสีดำกลับเด่นสะดุดตาถึงแม้ว่าจะพยายามปกปิดตัวตนด้วยการที่ใบหน้าคมนั้นมีแว่นดำปิดไปกว่าครึ่งซึ่งมันกลับดูรับกับเส้นผมสีรัตติกาลที่ไถเกรียนทั้งท้ายทอย ต่อให้ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์แค่ไหนก็ยังทำให้ผู้หญิงที่เดินผ่านถึงกลับเหลียวมองซ้ำสองได้ตลอดทาง

“โรงแรมที่เราจะพักอยู่ในตัวเมืองอูบุด ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบละนะ”   ใบหน้าคมแค่ฟังผ่านๆอย่างไม่คิดจะสนใจนัก นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองสองข้างทางผ่านบานกระจกรถตู้วีไอพีที่มารับถึงสนามบิน ข้างนอกนั่นมีแค่อาคารเตี้ยๆสองสามชั้นกับแบรนด์ร้านค้าของทางฝั่งเอเชียที่ไม่คุ้นตา ไม่มีตึกสูงระฟ้า ถนนหนทางก็เล็กๆแคบๆและไม่มีทางต่างระดับเลยแม้แต่เส้นเดียว แล้วยิ่งห่างออกมาจากสนามบินมากเท่าไหร่ รูปแบบสถาปัตยกรรมก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นแบบพื้นเมือง ซุ้มประตูที่เหมือนศาสนสถานอีกทั้งรั้วเตี้ยๆที่ถูกประดับประดาไปด้วยลายปูนปั้นหยุบยับยาวพรืดขนานไปกับถนน ไหนจะหลังคาปั้นหยาที่เป็นกระเบื้องตะไคร่ขึ้นบ้าง เป็นหญ้าซ้อนกันหนาๆบ้าง ทุกๆอย่างดูเก่าแก่และหลอนจนคนที่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองอันศิวิไลซ์อย่าง LA อย่างเขาถึงกับเบือนหน้าหนี...จะให้อยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ? ที่ๆเหมือนกับหลุดมาอยู่ในยุคหินแบบนี้เนี่ยนะ? เจ้าเอลวินบ้ามันคิดอะไรของมันอยู่?!

“นายต้องอยู่ที่นี่อีกนานเพราะงั้นก็ทำตัวดีๆ ระหว่างนี้ก็แต่งเพลงไปซะ อย่าออกไปก่อเรื่องที่ไหนล่ะ”   เสียงทุ้มที่เหมือนออกคำสั่งดังมาจากเจ้าผู้จัดการตัวดีที่นั่งอยู่หน้ารถข้างๆคนขับเอ่ยบอก...อย่าว่าแต่จะให้อยู่นานเลย แค่สองวันจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้กับเมืองที่ไม่มีอะไรเลย บ้านนอกคอกนาแถมยังหลอนราวกับอยู่ในป่าช้าแบบนี้! ดูสายตาของปูนปั้นรูปสิงสาราสัตว์ที่อยู่รอบๆตัวเขาสิ มันมองมาอย่างกับกำลังจับตาดูเขาอยู่ยังไงอย่างงั้น

รถตู้เลี้ยวเข้าไปในตัวเมืองอูบุดที่เจ้าเอลวินบอกว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรนอกจากร้านเล็กๆแบบแฮนด์เมดที่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างถนน ร้านอาหารพื้นเมืองที่ผสมผสานไปกับร้านจากฝั่งอเมริกาที่มาตั้งในสไตล์บาหลี? ถนนหนทางก็คับแคบแถมรถยังติดจนน่าเอือมระอา หันไปทางไหนก็มีแต่คนพื้นเมืองที่ดูไม่น่าไว้ใจ ถึงที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะกว่าทุกที่ที่ผ่านมาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าอยู่เลยสักนิด ทำไมเขาจะต้องมาอุดอู้อยู่ในเมืองคับแคบแบบนี้ด้วย?!

จากที่ไม่สบอารมณ์เพราะถูกบังคับให้มาอยู่ในประเทศที่ไม่เคยอยู่ในสายตาแบบนี้อยู่แล้วเลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ จะให้เขาอยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ...จะให้เขาอยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ...จะให้เขาอยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ!!!

ฝันไปเถอะ!!

เพราะงั้นในขณะที่เจ้าเอลวินมัวแต่หันไปติดต่อที่เคาน์เตอร์โรงแรม เขาจึงเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

แล้วแค่โผล่ออกมาที่ปากทางเข้าโรงแรม ป้ายร้านให้เช่ารถเอย ขายทัวร์เอยก็แขวนอยู่เต็มสองข้างทางไปหมด เป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวของเมืองท่องเที่ยวนี่ที่เขาเห็น สองขาจึงเดินตรงดิ่งเข้าไปหนึ่งในร้านพวกนั้นแล้วเช่ารถคันหนึ่งโดยไม่ต่อราคาสักคำ

ยังไงก็ขอไปหาผับหาเหล้าทำให้หัวมันเบาลงหน่อยเถอะ จะให้จำศีลอยู่แบบสงบๆในเมืองที่มีแต่ศาสนสถานแบบนี้มันใช่เขาเสียที่ไหน?!

รถเก๋งสีดำธรรมดาๆทะยานออกไปจากที่จอด สายตาพยายามสอดส่องมองหาผับบาร์ที่น่าจะเปิดกันแล้วเพราะนี่มันก็เย็นพอสมควรแต่เขาก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตลาดขายของพื้นเมืองอย่างผ้าทอ ของที่ระลึกและทัวร์จีนที่กำลังต่อราคากับแม่ค้ากันโล้งเล้ง

บรี๊นนนน!!

มือกดแตรยาวเหยียดเมื่อจู่ๆก็มีเด็กผิวเหลืองออกคล้ำที่น่าจะเป็นคนพื้นถิ่นวิ่งข้ามถนนตัดหน้า “อยากตายหรือไงวะ?!”  ริมฝีปากตะโกนด่าอยู่ในรถ ให้ตายเถอะเมืองนี้มันอะไรกัน ถนนก็แคบจะตายอยู่แล้วแล้วยังเต็มไปด้วยเศษดอกไม้ที่คนเอามาบูชาอะไรสักอย่าง แรกๆมันก็คงสวยดีแต่ในเวลาที่ฝนกำลังตกพรำๆลงมาแบบนี้มันก็มีแต่จะทำให้ดูสกปรกรกหูรกตาเท่านั้นแหละ

ไม่ไหว...เขาทนอยู่ในที่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ

ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งต่อไปด้วยความหงุดหงิดเสียเต็มประดา เพราะว่าไม่มีแผนที่หรืออะไรเกี่ยวกับบาหลีในหัวเลยทำให้เขาหาผับหรือบาร์ไม่เจอแถมยังต้องขับรถวนไปวนมาเพราะว่าปริมาณรถที่แน่นขนัดนี่อีก

โธ่โว้ย!

และเพราะไม่ใช่รถซุปเปอร์คาร์เหมือนรถของเขาที่ใช้อยู่ใน LA บวกกับถนนหนทางที่แคบจนแทบจะสวนกันไม่ได้ แล้วไหนจะคนพื้นถิ่นที่ขับรถกันแบบไม่สนใจใครเพราะงั้นมันเลยทำให้...


โครม!!


ร่างทั้งร่างนิ่งงันก่อนจะทอดสายตามองกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ...เอาจริงดิ...

นี่เขาขับรถอยู่ในอเมริกามาเกือบยี่สิบปีไม่เคยชนเลยสักครั้ง แต่มาขับในบาหลีไม่ถึงยี่สิบนาทีกลับชนจนหน้ารถเละแบบนี้เนี่ยนะ? นี่มันเมืองบ้าอะไรกัน?!


ตรู้ด...ตรู้ด.....


นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาอย่างรู้จังหวะ...เจ้าเอลวินโทรมาพอดี ดีละ

“รีไวนี่นายหายไปไหนเนี่ย?”    เสียงจากปลายสายฟังดูกังวลระคนเอือมระอา ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า หมอนั่นอยากบังคับให้เขามาที่นี่เอง เพราะงั้นก็ต้องรับผิดชอบ!

“ขับรถอยู่ แล้วก็...รถเพิ่งชนเมื่อกี้ ตอนนี้รถข้างหลังติดยาวเลย”   เขาพูดออกไปอย่างไม่ยี่หระว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน

“ก็แล้วใครใช้ให้นายออกไปขับรถเองเล่า! ถนนของที่นี่น่ะแม้แต่คนพื้นถิ่นยังขับไม่ค่อยจะได้เลย! รออยู่ตรงนั้นเฉยๆเลยนะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวชั้นไป!”   มือกดวางสายก่อนจะยักไหล่ แผ่นหลังเอนพิงเบาะอย่างช่วยไม่ได้ เสียงแตรดังลั่นถนนไม่ได้ทำให้เขาหันไปสนใจ แน่นอนว่าต่อให้คืนนั้นเขาจะกลายเป็นต้นเหตุของรถที่ติดยาวไปทั่วอูบุด เขาก็ไม่ได้สำนึกว่าตัวเองผิด





“จริงๆเลยนะนายนี่ อยู่ที่ไหนก็มีแต่เรื่อง คราวนี้ชั้นจะย้ายนายไปพักในรีสอร์ทที่อยู่กลางป่ากลางเขามันซะเลย ดูซิว่าจะยังไปก่อเรื่องอะไรได้อีกไหม?!”   เจ้าเอลวินบ่นยาวในขณะที่เข็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้เขา  เมื่อคืนเขาถูกกันให้กลับมาที่โรงแรมก่อนแต่หมอนั่นต้องอยู่เคลียร์กับตำรวจให้ ไม่รู้เหมือนกันว่ากลับมากี่โมงกี่ยามแต่ดูจากความหงุดหงิดและตัดสินใจย้ายเขาไปอยู่ที่อื่นในทันทีก็พอจะเดาได้ว่าคงไม่ง่ายนักหรอกสำหรับการเคลียร์เรื่องต่างๆในบ้านในเมืองที่ไม่ใช่ถิ่นของพวกเขาแบบนี้

หรือเขาควรจะก่อเรื่องอะไรอีกดี? หมอนี่จะได้พาเขากลับอเมริกา?

แต่แล้วความตั้งใจของเขาก็ดูจะลีบเล็กลงเรื่อยๆเช่นเดียวกับใบหน้าที่ค่อยๆอ้าปากค้างมากขึ้นๆเมื่อรถตู้วีไอพีที่เช่ามามันวิ่งผ่านทุ่งนาที่มีแต่ต้นข้าวสุดลูกหูลูกตาก่อนจะตรงเข้าไปในป่าที่ต้นไม่สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ...อีแบบนี้อย่าว่าแต่จะสร้างปัญหาให้ใครเดือดร้อนได้เลย เข้าไปแล้วจะเจอใครสักคนหรือเปล่าก็ไม่รู้!

“โฮ่ยเอลวิน...แกแน่ใจนะว่ารถนี่มันพาเรามาถูกที่แล้วน่ะ?”   เพราะยิ่งวิ่งนานไปๆรอบกายก็ยิ่งมองไม่เห็นอะไรนอกจากป่าและป่า นานๆทีก็จะมีศาสนสถานที่ถูกทิ้งร้างผ่านตามาบ้างสักที่สองที่ ยิ่งฟ้าฝนกำลังมืดครึมอึมครึมแบบนี้ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวงราวกับหลุดเข้าไปในหนังผียังไงอย่างงั้น

“ถูกแล้ว...โรงแรมที่เรากำลังจะไปพักคือ อะมันดารี อยู่ในป่าแบบนี้แหละ ราคาแพงหูฉี่ เพราะงั้นคนส่วนใหญ่ที่ไปพักก็มักจะเป็นมหาเศรษฐีที่ต้องการพักผ่อนอย่างสงบๆทั้งนั้นแหละ อีกอย่าง ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้นายจะได้หนีไปก่อเรื่องที่ไหนไม่ได้ด้วย”   เขาได้แต่กัดฟันมองเอลวินกรอดๆ...ไอ้บ้านี่มันตั้งใจจะจับเขามาขังเอาไว้เลยนี่? ห่วยแตกชะมัด!

ใบหน้าคมสะบัดหนีอย่างนึกเคืองก่อนที่รถตู้จะแล่นเข้าไปจอดที่หน้าล็อบบี้โรงแรมซึ่งตกแต่งเป็นเป็นสไตล์บาหลี ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาลงมาจากรถ ก็จริงอยู่หรอกที่ว่าธรรมชาติของที่นี่กับสีเขียวๆของป่าทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นมันสงบลงได้ แต่คนที่หลงอยู่ในแสงสียังไงก็รับไม่ได้กับความเงียบเชียบของที่นี่อยู่ดี

เขาก้าวขาเดินตามพนักงานต้อนรับไปยังห้องพักส่วนตัวด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ถึงมันจะเป็นห้องที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างแต่ความรู้สึกเหมือนถูกปล่อยเกาะก็ทำให้เขารู้สึกต่อต้านและเอาแต่เดินอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านวนไปวนมาอยู่ในห้อง


อารมณ์เสียอยู่ยังไงก็ยังอารมณ์เสียอยู่อย่างนั้นถึงแม้จะข้ามไปอีกวันแล้วก็ตาม...





ร่างแข็งแกร่งทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงอย่างไม่มีอะไรจะทำ เมื่อวานนี้หลังจากที่พาเขามาส่งที่นี่แล้วเจ้าเอลวินมันก็หายหัวไปพร้อมกับรถตู้นั่น พอถามเข้ามันก็บอกว่าต้องกลับไปเคลียร์เรื่องที่เขาขับรถชนจนรถติดไปทั่วเมืองแล้วดันไปทำให้ทัวร์จีนตกเครื่องบินทั้งทัวร์ ไหนจะต้องไปจ่ายค่าซ่อมให้ร้านเช่ารถกับค่าซ่อมรถที่เขาขับไปชนอีก

อะไรกันเล่า ที่เอาแต่โทษเขาก็เป็นเพราะเขาเป็นคนดังเท่านั้นไม่ใช่หรือไง ทั้งๆที่จริงแล้วคนผิดมันคือถนนหนทางกับคนของที่นี่ต่างหากที่ขับรถกันห่วยแตกแบบนั้น!

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด!!

มือเอื้อมไปหยิบกีต้ามาดีดรัวๆ ต่อให้เจ้าเอลวินจะบอกว่าให้เขาอยู่เฉยๆแล้วแต่งเพลงซะ แต่ถ้าต้องแต่งเพลงด้วยความรู้สึกแบบนี้ละก็ไม่พ้นออกมาเป็นเพลงบูชาซาตานหรอก!

กึง!

มือวางกีต้าลงอย่างที่จิตใจไม่ได้สงบลงเลย อันที่จริงก็ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้แต่เท่าที่ลองออกไปเดินดูรอบๆโรงแรมแล้วก็พบว่า...เขาไม่มีทางหนีออกไปตามลำพังได้เลย ป่าที่ล้อมอยู่นี่ก็วังเวงซะอย่างกับไม่ใช่ของที่มีอยู่บนโลกจนบางทีเขาก็เผลอคิดไปว่าตัวเองหลงเข้าไปอยู่ในต่างมิติหรือเปล่า!

“ชิ!”   ริมฝีปากสบถออกไป สายตาทอดมองข้ามสระว่ายน้ำที่ดีไซน์ให้ดูเหมือนมันหายกลืนไปกับป่าสูงใหญ่ จะว่าไปห้องของเขาก็น่าจะอยู่บนยอดเขา เพราะส่วนลำต้นของต้นไม้ที่ขนาบสระว่ายน้ำมันเหมือนเป็นส่วนปลายยอด?

ร่างแข็งแกร่งขยับลุกออกไปเดินดูที่ขอบสระว่ายน้ำ...จริงๆด้วย...ห้องพักของเขาอยู่บนเขา เพราะผืนดินที่ลาดลงไปนั่นลึกหลายสิบเมตรและมองเห็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ไกลลิบ...ก็ช่างสรรหาที่มาทำรีสอร์ทกันจริงๆเลยนะ


ก๊อกๆๆ


เสียงเคาะดังอยู่ที่ประตูไม้บานใหญ่ที่ซุ้มประตูด้านหน้า เขาเดินไปเปิดให้แต่แทนที่อีกฝ่ายจะเป็นเอลวินอย่างที่คิดไว้กลับไม่ใช่ แต่ร่างอวบๆนั่นเป็นของพนักงานต้อนรับของโรงแรมต่างหาก

“ขอโทษที่มารบกวนยามสายนะคะ พอดีคุณเอลวินฝากเอาไว้ ว่าถ้าหากคุณอยากจะออกไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ก็ให้พาไป พอดีวันนี้ที่หมู่บ้านจะมีพิธีบวงสรวงเทพธิดาลีลาวดี...อ่า...เผื่อคุณไปดูแล้วจะมีไอเดียใหม่ๆไว้แต่งเพลง...”

“ไป!”   เขาตอบตกลงทันที  เวลานี้จะอะไรก็ได้ขอแค่ให้ได้ออกไปจากห้องแคบๆนี่ได้ก็พอ  จะพาไปดูศิลปวัฒนธรรม ดูช้างดูม้าอะไรก็ไปทั้งนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้นับถือผีสางเทวดาแล้วก็ไม่ได้คิดจะซึมซับมันเข้ามาด้วยเพียงแต่เขาเบื่อ! เบื่อจนสุดจะทนแล้ว!

“ถ้างั้นก็เชิญทางนี้ค่ะ”   เขาถูกพาไปขึ้นรถของโรงแรมก่อนที่มันจะแล่นช้าๆไต่ถนนแคบๆบนไหล่เขาลงไปยังเบื้องล่าง ดีไม่ดีอาจจะเป็นหมู่บ้านที่เขามองเห็นจากห้องพักของตัวเองก็ได้?

หากไม่ได้อยู่ในตัวเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวบาหลีในพื้นถิ่นก็ยังแต่งกายด้วยชุดประจำชาติกันอยู่และในหมู่บ้านที่เขากำลังจะไปก็เช่นกัน

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนนิ่งค้างอยู่หน้าศาสนสถาน ชาวบ้านที่เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าล้วนแต่งกายด้วยผ้าโสร่งและเสื้อแขนกระบอกเข้ารูปสีสันสดใส ทั้งเสียงดนตรีพื้นเมืองและกลิ่นดอกไม้ผสมผสานกับกลิ่นธูปทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังจะก้าวขาเข้าสู่ประตูแห่งอดีตกาลยังไงก็ไม่รู้  แล้วก็เพราะแบบนั้นคนที่สวมเสื้อยืดสีดำมีเข็มกลัดและรอยขาดในสไตล์พังค์ร็อคอย่างเขาเลยกลายเป็นตัวประหลาดไปเลย

เขาก้าวขาผ่านซุ้มประตูแหวกสถาปัตยกรรมบาหลีอย่างไม่ยี่หระ กับอีแค่เป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างเขาโดนมาจนชินชาแล้ว

ข้างในรั้วสูงแค่อกนี้ยังมีอาคารเล็กใหญ่อีกหลายหลัง ซึ่งแต่ละหลังล้วนมุงด้วยกระเบื้องที่เก่าแก่จนตะไคร่ขึ้นเขียว หลังคาปั้นหยาพวกนี้รูปทรงแปลกตาก็แต่สวยงามลงตัวจนต้องยอมรับเลยจริงๆ ทางขวามือของกลุ่มอาคารพวกนั้นเป็นสระน้ำที่ก่อด้วยหินและประดับปูนปั้นมากมายจนเขาชักจะตาลาย ได้ยินเสียงแว่วๆจากผู้จัดการโรงแรมอธิบายว่านั่นเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาจะลงชำระล้างร่างกายก่อนจะมาเข้าร่วมพิธี? และรูปสลักหินที่ยืนอยู่เหนือสระน้ำใสสะอาดนั่นก็คือเทพธิดาองค์ที่ว่าซึ่งผู้คนต่างเคารพบูชาด้วยการนำพวงดอกไม้ไปวางไว้แทบเท้า

ร่างแข็งแกร่งเลือกไปยืนพิงผนังอยู่ด้านหลัง สองแขนยกขึ้นมากอดอกก่อนจะทอดสายตามองชาวบ้านทำพิธีอย่างไม่คิดที่จะแสดงซึ่งความเคารพจนผู้จัดการโรงแรมที่พามาถึงกับเหงื่อตกก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้กับชาวบ้านที่เริ่มมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจ

อะไรกันเล่า ก็เขาไม่ได้เคารพนับถือเทวรูปหรือเทพธิดาอะไรนั่นสักหน่อย แล้วจะให้เสแสร้งแกล้งทำเขาก็ทำไม่เป็นเสียด้วย  ถ้าจะโทษก็ไปโทษเจ้าเอลวินนู่นเถอะ ที่ให้เขามาดูพิธีกรรมเพี้ยนๆบูชาคนที่ไม่มีตัวตนแบบนี้น่ะ!

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงตวัดขึ้นไปมองรูปสลักโบราณที่น่าจะมีอายุเป็นพันๆปีนั่นด้วยสายตาเหยียดๆ รูปสลักนั่นมีขนาดเท่าคนจริงซึ่งแปลกมากสำหรับช่างโบราณที่มักจะสร้างสรรค์งานสเกลใหญ่ๆหรือไม่ก็เล็กๆไปเลย แต่นี่กลับสร้างขึ้นมาในสเกลแบบมนุษย์มนา?

เขาพินิจพิจารณารูปสลักหินนั่นให้ชัดๆ รู้สึกผู้จัดการโรงแรมจะเรียกว่า...เทพธิดาลีลาวดี?...แล้วก็ดูเหมือนคนที่นี่จะบูชาหล่อนในฐานะเทพธิดาแห่งความรัก?

“ฮึๆ...”   เขาหัวเราะในลำคออย่างไม่คิดจะรักษามารยาท...ก็ดูยัยเทพธิดาอะไรนั่นสิ...ทำหน้าราวกับลูกหมาขู่แบบนี้เป็นเทพธิดาแห่งความรักได้ยังไง? ไม่เห็นจะเข้าใจคนที่นี่เลยสักนิด

นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่มองใบหน้ามนภายใต้กรอบผมหน้าม้าที่แหวกตรงกลางซึ่งก็ดูน่ารักดีนั่นพลางยิ้มหยันๆ เทพธิดาแห่งความรักเค้าต้องโปรยยิ้มอ่อนโยนสิ แต่นี่ดันทำหน้าเหมือนจะไปฆ่ายักษ์แบบนั้นมันใช่เร๊อะ

เขาส่ายหน้าพลางกลั้นหัวเราะจนปวดท้องไปหมด ที่หางตาเห็นคนที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านถือพานอะไรบางอย่างมาให้ผู้จัดการโรงแรม เขาถึงได้พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อหยุดหัวเราะให้ได้

“เอ่อ...หัวหน้าหมู่บ้านอยากให้คุณเอาดอกไม้นี่ไปสักการะพระลีลาวดีน่ะค่ะ...ยังไงก็ขอความกรุณาทำตามที่พวกเค้าบอกเพื่อความสบายใจของคนที่นี่หน่อยก็แล้วกันนะคะ”   ผู้จัดการโรงแรมหันมาบอกเขา...ให้ตายเถอะ เจ้าเอลวินไม่ได้บอกเอาไว้หรือไงว่าเขาเกลียดคนที่คิดจะออกคำสั่งกับเขามากที่สุด! ถ้าเขาอยากจะทำอะไรเขาก็จะทำเอง อยากจะเคารพอะไรมันก็จะออกมาจากใจของเขาเอง!

“เอาสิ”   เขาตอบรับอย่างว่าง่ายด้วยรอยยิ้มร้าย อยากให้เขาทำนู่นทำนี่เพื่อความสบายใจของตัวเองกันนักใช่ไหม?  ได้....

มือแข็งแรงเอื้อมไปหยิบพวงมาลัยดอกไม้สดที่วางอยู่ในพานก่อนจะเดินตรงไปหารูปสลักหินนั่น  แล้วรีไว อัคเคอร์มันก็ทำให้คนทั้งวิหารตื่นตะลึงและจดจำชื่อของเขาได้ในชั่วข้ามวันทันที

เมื่อเขาไม่ได้วางแค่ดอกไม้แต่กลับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้...แล้วจุมพิตริมฝีปากที่สลักด้วยหินของเทพธิดาลีลาวดีก่อนจะละออกมาด้วยสีหน้าท้าทาย รอยยิ้มร้ายๆถูกส่งให้รูปสลักที่ยังนิ่งเฉย

“ฮึ...”   เขาทิ้งเสียงหัวเราะในลำคอเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกมาท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนทั้งหมู่บ้าน บางคนถึงกับกรีดร้องอย่างกับจะเป็นจะตาย ขอบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไรเลยสักนิด


ก็แค่รูปสลัก...

ไม่เห็นจะเป็นเทพธิดาแห่งความรักตรงไหน?


จูบตอบเขาก็ไม่ได้


ตบหน้าเขา....ก็ไม่ได้













ครื้นนนนน.....

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นก่อนที่แสงสว่างวาบของฟ้าแล่บจะตามมา...สงสัยว่าเขาจะไปทำให้ยัยเทพธิดาอะไรนั่นโกรธเข้าแล้วละมั้ง?

“ฮึ”   มือยกผ้าขนหนูขยี้หัวอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนี้มาหลายวัน ก็ถ้ายัยเทพธิดาอะไรนั่นมีตัวตนจริงๆป่านนี้คงตีปีกพั่บๆอยู่ในรูปสลักหินนั่นไปแล้วละมั้งที่ถูกเขาจูบต่อหน้าสาธารณชนแถมยังทำอะไรเขาไม่ได้อีกต่างหาก ไม่รู้ทำไมแค่นึกถึงใบหน้าน่ารักๆนั่นกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเขาตาเขียวแล้วมันถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมาก็ไม่รู้?


เปรี้ยง!!!


เสียงฟ้าผ่าดังอยู่ไกลๆและอีกไม่นานก็คงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็พอกลับจากหมู่บ้านมาถึงโรงแรมได้ สายฝนก็โปรยปรายลงมาทันที เขาจึงตัดสินใจไปอาบน้ำแล้วก็นอนแช่น้ำอยู่ในอ่างกว่าจะออกมาอีกทีฟ้าก็มืดครึ้มไปหมดแล้วแบบนี้

ผ้าขนหนูถูกพาดคอเอาไว้ มือแข็งแรงหยิบกีต้าขึ้นมาด้วยนึกทำนองเพลงดีๆออก  แต่ยังไม่ทันจะได้กดนิ้วลงไปบนสายกีต้า


พรึ่บ!!


ไฟก็ดับจนมืดสนิทไปเสียก่อน

เขาวางกีต้าลงพลางถอนหายใจ...บ้านนอกคอกนาก็แบบนี้ ฝนตกนิดเดียวก็ไฟดับแล้ว ว่าแต่นี่มันโรงแรมระดับห้าดาวได้ยังไง? เครื่องปั่นไฟสำรองไม่มีหรือไงถึงปล่อยให้ไฟดับนานหลายนาทีแบบนี้?

เขาชะโงกหน้าออกไปดูนอกซุ้มประตู ได้ยินเสียงพนักงานในโรงแรมกำลังวิ่งวุ่นกันอยู่ที่ล็อบบี้และส่วนของสปากับร้านอาหาร ไฟดับทั่วทั้งรีสอร์ทเลยสินะ?

สองขาจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านอย่างตั้งใจจะล้มตัวลงนอนบนเตียงรอไฟมา...ทว่าเสียงก่อกแก่กของอะไรบางอย่างก็ทำให้ฝ่าเท้าถึงกับชะงัก


เปรี้ยง!!


เพราะแสงสว่างวาบที่มากับสายฟ้าจึงทำให้เขามองเห็นเงาตะคุ่มๆของอะไรบางอย่างที่กำลังย่องเข้ามาทางประตูที่ติดกับสระว่ายน้ำ...

นั่นมันเงาของคน?

หรือจะเป็นหัวขโมยที่ฉวยโอกาสเข้ามาขโมยของตอนไฟดับ?

เขาพยายามปรับสายตาก่อนจะเดินเข้าไปหาเงาที่กำลังรื้อค้นข้าวของในลิ้นชักข้างเตียงของเขาอย่างเงียบเชียบ

“โฮ่ย...คิดจะทำอะไรไอ้หัวขโมย?”    เงานั่นผงะไปก่อนจะหันมาหาเขา แต่เพราะว่ามันมืดสนิทเขาจึงมองไม่เห็นแม้แต่รูปพรรณสัณฐานว่าอีกฝ่ายสูงใหญ่หรือว่าต่ำเตี้ยแค่ไหน เป็นขโมยจริงหรือเปล่าหรือว่าต้องการจะเข้ามาเอาอะไรกันแน่?

เสียงแหวกอากาศทำให้เขาเอี้ยวตัวหลบทันควัน คิดหรือว่าจะเอาชนะเขาได้ ถ้าไม่มั่นใจในฝีมือการต่อยตีของตัวเองก็คงจะไม่ก้าวมาหาอีกฝ่ายทั้งๆที่มีแค่มือเปล่าแบบนี้หรอก

เขาคว้าข้อมือที่ถือมีดนั่นเอาไว้ได้อยู่หมัด

“อุก!!”   แต่ว่าเสียงร้องนั่นกลับไม่ใช่ของเจ้าหัวขโมยแต่กลับเป็นเสียงของเขา?

ความเจ็บแปลบที่แล่นลิ่วขึ้นมาจากหน้าท้องทำให้เขาปล่อยข้อมือของอีกฝ่ายไป ก่อนจะย้ายมือนั้นมากอบกุมหน้าท้องที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำเหนียวๆ กลิ่นคาวเหล็กทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือกลิ่นเลือด

อย่าบอกนะว่าเขาโดนแทง? เจ้าหัวขโมยนี่มันถือมีดเอาไว้ทั้งสองมือเลยหรือยังไง?

ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงจนทำให้เข่าถึงกับทรุด เขาล้มตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างไม่มีแรงจะยืนอีก แม้แต่เสียงจะร้องขอความช่วยเหลือก็หดหายไป...ได้แต่มองเงาดำๆนั่นก้าวถอยหลังก่อนจะวิ่งหนีออกไปทางสระว่ายน้ำ


หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะ....


ฝ่ามือชุ่มโชกได้แต่ยกค้างก่อนจะตกลงกับพื้น ความรู้สึกเจ็บก็ค่อยๆเบาบางลงเช่นเดียวกับสติที่ค่อยๆเลือนหาย

อีกแล้วเหรอ....

เดี๋ยวพรุ่งนี้...เขาก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกแล้วสินะ...แล้วก็จะได้เห็นหน้าบูดเป็นตูดลิงของเจ้าเอลวินอีกแล้วสินะ...


ทั้งๆที่คิดเอาไว้แบบนั้น....

แต่มันกลับผิดคาดไปหมด...


เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที...ก็ยังคงมองเห็นฝ้าเพดานของห้องพักในโรงแรมอะมันดารีอยู่เหมือนเดิม?

ไฟที่ดับไปดูเหมือนจะติดเหมือนเดิมแล้ว แต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือ...เขากำลังยืนมองตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น


เดี๋ยวนะ?


ถ้าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั่นคือเขา...คือรีไว อัคเคอร์มัน...


ถ้างั้น...คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ? ไม่ใช่ตัวเขาหรอกเหรอ?














.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


โปรดติดตามตอนต่อไป...







สรุปพระเอกถูกแทงตายตั้งแต่ต้น แล้วเรื่องก็จบด้วยประการฉะนี้....... // โดนกระทืบ

5555 เป็นไหที่ออกจะแปลกๆหน่อยนาคะไหนี้ เพราะเป็นฟิคของฝากจากบาหลีค่า >/////< คือคุณกวางไปเที่ยวกับที่ออฟฟิศมาแล้วแบบว่าบาหลีมันสวยแบบหลอนๆมว๊ากกก นั่งรถเที่ยวไปก็จิ้นไป อรั๊งงง >////<

ส่วนเนื้อเรื่องอาจจะชวนประหลาดใจกันไปหน่อย ก็มันไม่ใช่แนวสาวน้อยพรหมจรรย์ที่ต้องถวายตัวเป็นเครื่องบูชาเทพยดาอย่างที่เม้าท์มอยกันในเฟสอ่ะนะ กร๊ากกกกก  ยังไงก็ลองอ่านแนวนี้กันดูหน่อยเนอะคะ คุณกวางพยายามจะแต่งให้หลอนๆเย็นๆบวกอีโรติกนิดๆแต่ก็ไม่รู้จะทำได้ไหมอ่ะนะ คือแค่ชื่อเรื่องก็หวานแหววไปแล้ว90เปอร์เซ็นต์555 

นะ...ยังไงก็ฝากท่านนักร้องเอาแต่ใจนิสัยเสียอย่างคุณรีไวในเรื่องนี้เอาไว้อีกคนนาคะ อิอิ

ขอบคุณที่เข้ามารับชมค่า m(_ _)m






แอบแปะเพลงที่ฟังตอนกำลังแต่งฟิคเรื่องนี้หน่อย ติดคุณยายวรนาฏค่ะช่วงนี้ถถถถถ ถึงเนื้อเรื่องฟิคจะดูเหมือนไม่ได้เป็นไปในทิศทางนั้น แต่มันเป็นฟิคข้ามภพข้ามชาติจริงๆนาคะ55555 ก็รอดูกันต่อไปย์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น >w<



ปล.ดาวตกก็ยังปั่นอยู่ ฟิคน้องริคุก็ด้วย  ไม่ได้ดองน้า TvT







4 ความคิดเห็น:

  1. เย้ ดีใจรอฟิครีเอทุกเรื่องตลอดเลยคะ ในที่สุดก็อัพพ หนุเข้าบล็อคทุกวันเรยนะคะติดตามคุณพี่ตลอดจ้า

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ8 กรกฎาคม 2559 เวลา 18:19

    อา นีมันอะไรกันเนี่ย รีไวตายซะละ ตั้งแต่ตอนแรกเลย 555 เดาว่าเอเลนคือเทพธิดาแหงๆ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจังค่ะ ลุ้นมากว่าจะเกิดอะไรต่อไป

    ตอบลบ
  4. ด้วยความที่หลงไหลอารมณ์พีเรียดข้ามพบข้ามชาติ เรียนจบแล้ว งานลงตัวก็ตามมาติ่งกวางซังต่อ เพลงนี้ก็เพราะมากกกกจริงๆค่ะ ฟังแล้วนึกถึงลูกหมากับหัวหน้าในฟิคอีกเรื่องของกวางซัง + ยามะก๊กในพีเรียดหลายๆเรื่องมากกก

    ตอบลบ