Attack
on Titan Au.Fic [Levi xEren] Ryuusei : 01
:
Attack on Titan Fanfiction Au
:
Levi x Eren
:
Period Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: และเพื่อให้ชื่อตัวละครเข้ากับท้องเรื่องซึ่งเป็นฟิคแนวย้อนยุคของญี่ปุ่นจึงขอดัดแปลงชื่อจากคุณรีไวเป็น
อาคามะ ริวาอิ , เอเลนเป็น โกคุเดระ เรน
ถึงจะเป็นเรื่องในซีรี่ย์ดาวตก
(Ryuusei) เหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านภาคหลักมาก่อนก็ได้ค่ะ
เพราะว่าภาครีเอนี้จะเป็นในรุ่นหลานของพวกภาคหลักแล้วน่ะค่ะ
ถึงจะยังยืนพื้นอยู่ที่เมืองอิสุแต่ว่าโลเคชั่นส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ
ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวพันกับภาคหลักค่ะ
สำหรับคนที่อ่านต่อมาจาก
Ryuusei
ภาคหลัก(8059,1827)นะคะ
ภาครีเอนี้จะเป็นเรื่องราวในรุ่นหลานของยามะก๊กค่ะ ก็คืออย่างที่ทราบกันตอนท้ายของภาคหลักว่าก๊กจะมีหลานสาวคนเล็กคือฮายาโนะซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโต
ซึ่งจริงๆแล้วก๊กยังมีหลานชายอีกหลายคนซึ่งเป็นลูกของพวกพี่คนรองๆลงมา ก็นั่นแหละค่ะ
ในภาครีเอจะพูดถึงหนึ่งในหลานชายของก๊กนั่นเอง
จิ้มที่รูปเพื่อดูภาพหญ่ายยยนะคะ
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงฝีเท้าหลายคู่เหยียบย่างอย่างเร่งรีบอยู่บนระเบียงของบ้านใหญ่ตระกูลโกคุเดระซึ่งเป็นตระกูลผู้ปกครองอิสุ เมืองขนาดกลางที่สามารถสยบเมืองขนาดใหญ่อย่างคามาคุระได้อยู่หมัด
ครืด!!!
ประตูบานเลื่อนของห้องรับรองถูกเปิดออกอย่างรุนแรงตามอารมณ์ครุกรุ่นของผู้มาเยือน
ท่านเจ้าเมืองอิสุหรือก็คือพี่ชายคนโตของตระกูลโกคุเดระก้าวพรวดๆเข้าไปนั่งบนเบาะรองนั่งอย่างไม่มีพิธีรีตองอีกต่อไปในเมื่อข่าวที่เพิ่งจะได้ยินนั้นทำเอาคนทั้งบ้านแทบจะนั่งไม่ติดพื้น
ไม่สิ...ต้องบอกว่ามันกำลังจะทำให้อิสุร้อนเป็นไฟ
ทั้งๆที่กว่าจะสงบศึกกับทางคามาคุระได้พวกเขาก็ต้องหลั่งเลือดเสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่...เพราะฉะนั้นคราวนี้จะไม่ยอมให้เกิดสงครามขึ้นมาง่ายๆอีก
“พวกเจ้าหมายความว่ายังไง?
ที่ว่าเด็กนั่นหนีไปแล้วน่ะ?!”
สายตาดุดันจ้องเขม็งมองน้องชายคนที่สี่ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดหกคนซึ่งกำลังนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆภรรยา
“ข้าขอโทษท่านพี่!
ข้าขอโทษที่อบรมลูกไม่ดี มันถึงได้ไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่แบบนี้!” น้องชายคนที่สี่โค้งคำนับจนหัวจรดพื้นอยู่ตรงหน้า
ฝ่ายภรรยาเมื่อเห็นสามีก้มหัวขอโทษขอโพยขนาดนั้นจึงทำตามด้วยอีกคนเผื่อว่าโทษที่ลูกชายของตัวเองก่อเอาไว้จะลดลงได้บ้าง
แต่เปล่าเลย...
ทหารหนีทัพยังพังพินาศแค่กองทัพ...แต่เจ้าบ่าวที่หนีการแต่งงานทางการเมืองมันจะทำให้พังพินาศไปทั้งอิสุ!
“จริงอยู่ที่ลูกเจ้าเป็นฝ่ายผิด
แต่ถ้าเจ้าจะบอกว่ามันไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่
แล้วพวกเจ้าเองที่เป็นพ่อเป็นแม่ล่ะ? ได้ทำหน้าที่ของพ่อแม่บ้างหรือเปล่า? ลูกชายตัวเองมีคนรักอยู่แล้วทำไมถึงไม่บอกข้า!” เสียงตวาดดังก้องจนสองคนที่ก้มหัวอยู่ตรงหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง
ปกติแล้วพี่น้องตระกูลโกคุเดระถึงจะเป็นผู้ชายล้วนแต่ก็สามัคคีกันดีจนเมืองอื่นๆที่มีสงครามภายในเพราะพี่น้องแย่งชิงอำนาจกันต่างอิจฉา
แต่เพราะคราวนี้เรื่องมันหนักหนาจริงๆพี่ชายคนโตจึงยับยั้งความโกรธไม่อยู่
ในยุคสมัยนี้เป็นที่รู้กันว่าทั่วทั้งภาคกลางของเกาะญี่ปุ่นถูกปกครองด้วยเมืองใหญ่สองเมือง....ทั้งสองเมืองต่างขยายอำนาจและรวบรวมเอาเมืองเล็กเมืองน้อยให้มาอยู่ใต้อาณัติของตัวเอง
ไม่ว่าจะด้วยการเจรจา การพึ่งพา หรือแม้แต่การทำสงคราม...
หนึ่งคือคามาคุระซึ่งตอนนี้ถือเป็นเมืองพันธะของอิสุ
มีอาณาเขตส่วนใหญ่อยู่ที่ฝั่งตะวันออกของเกาะญี่ปุ่น
ส่วนอีกหนึ่งคือมัตสึโมโตะ
พยัคฆ์ร้ายที่แผ่ขยายอาณาเขตไปทั่วดินแดนฝั่งตะวักตกและยังคงทำสงครามลงใต้ไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเหมือนคามาคุระ
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับพวกตระกูลอาคามะที่ปกครองมัตสึโมโตะหรอก
และพวกนั้นเองก็ไม่อยากสู้รบกับคามาคุระที่มีทั้งฮิบาริเ เคียวยะและยามาโมโตะ
ทาเคชิอยู่เช่นกัน ด้วยต่างฝ่ายต่างก็ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ หากต่อสู้กันไปก็มีแต่จะเสียหายหนักเปล่าๆจึงต่างคนต่างอยู่เรื่อยมา
คามาคุระจะไม่รุกล้ำดินแดนฝั่งตะวันตก
ส่วนมัตสึโมโตะก็จะไม่รุกรานดินแดนฝั่งตะวันออก
จริงอยู่ที่ในวันนี้ต่างฝ่ายต่างยังแข็งแกร่ง
การอยู่แบบไม่ก้าวก่ายกันมันจึงยังเป็นไปได้ แต่หากวันใดที่ฝ่ายหนึ่งเริ่มอ่อนแอขึ้นมาล่ะ?
แน่ใจหรือว่าอีกฝ่ายจะไม่หันมาทำสงครามด้วย?
เสือสองตัวมันอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ในเมื่อไม่รู้ว่าอนาคตตัวเองจะเป็นเสือที่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ...เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมารุกรานตัวเองได้...ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงที่จะสร้างสายสัมพันธ์ต่อกันด้วยการแต่งงานทางการเมืองระหว่างท่านหญิงแห่งมัตสึโมโตะกับท่านชายแห่งคามาคุระ
โดยข้อตกลงคือท่านชายแห่งคามาคุระจะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ที่มัตสึโมโตะ
เพราะฉะนั้นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของคามาคุระอย่างยามาโมโตะ
ทาเครุจึงไม่สามารถแต่งงานทางการเมืองในครั้งนี้ได้
เพราะเด็กชายถูกกำหนดมาว่าจะต้องเป็นผู้ปกครองของคามาคุระและอิสุในอนาคต หน้าที่แต่งงานจึงตกมาอยู่ที่ลูกหลานของตระกูลโกคุเดระแห่งอิสุซึ่งเป็นเมืองพันธะและมีศักดิ์เทียบเท่าคามาคุระแทน
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ...ทางมัตสึโมโตะจะว่ายังไงบ้างก็ไม่รู้!...ทั้งๆที่ทางนั้นอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอที่จะผูกมิตรกับเราด้วยการแต่งงาน
แต่ลูกเจ้ากลับทำมันล่มไม่เป็นท่า!
ข้าละอยากจะบ้าตายจริงๆ!” พี่ชายคนโตผู้ปกครองอิสุมาเป็นสิบๆปีเพิ่งจะเคยมีอาการกระวนกระวายด้วยความร้อนใจขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ก็นอกจากพวกมัตสึโมโตะแล้วยังมีทางคามาคุระที่อุตส่าห์วางใจให้คนของเขาไปแต่งงานแทนนั่นอีก
ถ้ามีปัญหากับทั้งสองเมืองนี้อิสุคงไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่ๆ
“ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือต้องรีบหาทางแก้ไข...ข้าคิดว่าจะเป็นใครก็ได้ในบรรดาหลานชายของพวกเรา
ใครก็ได้ที่มีนามว่านายน้อยแห่งอิสุ” น้องชายคนรองเสนอความคิดออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน
เพราะพี่น้องทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้รู้ดีถึงพิษบาดแผลของสงครามว่ามันเลวร้ายยังไงจึงไม่มีใครอยากให้มันมาเกิดขึ้นที่นี่อีก
“เจ้าหมายความว่าจะให้หาเจ้าบ่าวคนใหม่ไปให้งั้นรึ?” เจ้าเมืองอิสุทำหน้ากระอักกระอ่วนใจแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ถึงจะเปลี่ยนคนแต่ยังไงก็ยังเป็นคนของตระกูลโกคุเดระแห่งอิสุ
“ฮายาโตะกับยามาโมโตะ
ทาเคชิไปไหน?”
ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินอิสุถามหาสองคนที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม
ทั้งๆที่เป็นคนที่เขาอยากจะฟังความคิดเห็นมากที่สุดแท้ๆ
“ออกไปตามล่าเจ้าหลานชายตัวดีที่หนีไปน่ะสิ
เพราะแหกคุกของเนินล้างโลหิตแล้วพาเชลยศึกจากโคฟุหนีไปด้วยนั่นแหละที่ทำให้ปล่อยไปไม่ได้
ท่านก็รู้ว่าแม่ทัพของโคฟุเก่งกาจเพียงใด กว่าเราจะจับกลับมาได้ก็แทบตาย
แต่เจ้าหลานชายกลับทำงามหน้า หนีการแต่งงานยังไม่พอยังปล่อยแม่ทัพเดนตายแล้วหนีไปด้วยกันอีก!”
น้องชายคนที่สามพูดใส่หน้าน้องชายคนที่สี่ผู้เป็นพ่อของเด็กนั่นอย่างเดือดดาล
ส่วนผู้ปกครองอิสุได้แต่ส่ายหน้าราวกับลมจะจับเสียให้ได้...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?! เจ้าเด็กนั่นไปสนิทสนมกับแม่ทัพเดนตายนั่นได้ยังไง? ถ้าคิดจะหนีก็หนีไปคนเดียวน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่าแท้ๆเพราะยังไงก็เป็นลูกเป็นหลาน
ต่อให้ทำผิดก็คงไม่คิดจะฆ่าจะแกงกันหรอก
แต่นี่ดันปล่อยนักโทษประหารแล้วหนีไปด้วยกัน คิดหรือว่ายามาโมโตะ
ทาเคชิมันจะปล่อยให้หนีรอดไปได้ ไอ้หมาล่าเนื้อนั่นมันดมกลิ่นเลือดดียิ่งกว่าใครเสียอีก
แต่จะว่าไปเหตุการณ์มันก็ช่างคุ้นแสนคุ้น
ทำไมเขาถึงได้นึกถึงตอนที่เจ้าฮายาโตะพายามาโมโตะ ทาเคชิที่ต้องโทษประหารหนีกันนะ?
ไม่ใช่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรอกนะ?
“อ่า...จะยังไงก็ช่างมันเถอะ...คงรอฮายาโตะกลับมาไม่ได้แล้วละ” เจ้าเมืองอิสุกุมขมับพลางบีบเบาๆ
คงต้องเอาตามที่น้องชายคนรองเสนอมานั่นแหละ
ใบหน้าไม่สบอารมณ์กวาดตามองน้องชายและภรรยาที่นั่งอยู่ในห้องพลางนึกถึงลูกชายของแต่ละคน
ลูกคนโตของน้องชายคนรองจะต้องเป็นคนปกครองอิสุต่อจากเขา
ส่วนอีกคนก็มีคนรักอยู่แล้ว ต่อไปลูกชายของน้องคนที่สาม
ทั้งสองคนถูกจับให้หมั้นหมายกับลูกสาวของเจ้าเมืองเอโดะกับเซนได
ต่อไปน้องชายคนที่สี่ก็มีลูกชายคนเดียวซึ่งมันหนีไปแล้ว!
อ้า~~
ทั้งๆที่เขาคิดว่าเขามีหลานชายมากมายแต่มันก็ยังไม่พอจนได้!
“ถ้าอย่างนั้น....คนที่ยังไม่มีหน้าที่อะไรก็ยังเหลือแค่...เรน...ลูกชายของเจ้า” เจ้าเมืองอิสุหันหน้าไปหาน้องชายคนที่ห้าซึ่งมีท่าทางสงบนิ่งอย่างยอมรับซึ่งการตัดสินใจของพี่ชาย
ต่างจากภรรยาที่ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“แต่เรนเพิ่งจะอายุ
15 เองนะท่านพี่” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความรักลูก
ก็เข้าใจได้อยู่หรอกว่าคงไม่อยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องถูกส่งไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
แล้วดูจากตัวของเด็กนั่นเองก็น่าห่วงอยู่ไม่น้อย
แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อหลานชายคนอื่นๆต่างมีหน้าที่ต่อแผ่นดินอิสุหรือไม่ก็มีคู่หมั้นคู่หมายไปแล้ว
ความหวังของพวกเขาจึงต้องเอาไปฝากไว้กับเจ้าหลานชายคนเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว
คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าบ่าวเค้าเป็นกันยังไง
“ท่านหญิงฟุบุกิที่จะแต่งงานด้วยเพิ่งจะ
14 เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก”
เจ้าเมืองอิสุต้องใจแข็งบอกปัดไปแบบนั้นโดยพยายามไม่สนใจท่าทางหัวใจสลายของคนเป็นแม่....แน่นอนว่า
เรน ที่ต้องรับหน้าที่ในครั้งนี้คงจะต้องเจอเรื่องหนักหนาและแรงกดดันมากกว่า เพราะว่าพี่ชายที่หนีการแต่งงานไปคงไม่ได้เหลือเอาไว้ให้แต่เจ้าสาวอย่างเดียวหรอก
มันยังมีความโกรธ ความไม่พอใจที่ทางฝ่ายมัตสึโมโตะคงจะเตรียมไว้ให้แน่ๆ
และเรนที่ต้องไปอยู่ในกำมือของพวกนั้นคงต้องรับไป
“แต่...” คนเป็นแม่ยังคงพยายามค้าน
“ไม่มีแต่...เด็กคนนั้นเกิดมาในตระกูลนักรบ
ต้องพบเจอเรื่องแบบนี้ถือเป็นธรรมดา
เจ้าเป็นแม่ควรจะภาคภูมิใจต่างหากที่ลูกชายได้ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน” เจ้าเมืองอิสุยังคงเอ่ยเสียงแข็งทั้งๆที่สายตาซึ่งทอดมองน้องสะใภ้ที่ร้องไห้คร่ำครวญนั้นมันเต็มไปด้วยความสงสาร
ถึงเรนจะเป็นแค่หลาน แต่เขาก็เข้าใจหัวอกของพ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวเป็นอย่างดี
หากคนที่ต้องส่งไปเป็นฮายาโนะ เขาเองก็คงจะทนไม่ได้
“กลับไปบอกเรนให้ดี...ถ้าครั้งนี้เด็กนั่นหนีไปอีกละก็...คงไม่มีคำแก้ตัวให้พวกเราอีก”
พี่ชายคนโตเงยหน้าขึ้นไปฝากฝังงานหนักเอาไว้กับน้องชายคนที่ห้าซึ่งพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“เดี๋ยวข้าจะส่งจดหมายไปมัตสึโมโตะกับคามาคุระ
เอาละ แยกย้ายกันได้”
เจ้าเมืองอิสุตัดบทก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจใบหน้าเศร้าหมองของพี่น้องที่เหลืออีก
เพราะทุกคนต่างรู้ดี...ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชะตากรรมของเรนจะเป็นยังไง
ทุกคนจึงอดที่จะสงสารและหวั่นใจแทนเด็กคนนั้นไม่ได้
ที่บ้านใหญ่ตระกูลโกคุเดระในวันนี้กลับไม่มีเสียงฝึกซ้อมอาวุธเหมือนที่เป็นเช่นทุกวัน
เพราะตั้งแต่เช้ามืดทุกคนต่างก็มัวแต่วุ่นวายกับพี่ชายที่หนีการแต่งงานทางการเมืองนั่นไป
พวกผู้ใหญ่ต่างก็เข้าประชุมกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดมาตั้งหลายชั่วยามแล้วแต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปอะไรออกมาสักที
เพราะงั้นวันนี้หลานชายคนเล็กของตระกูลอย่างเขาจึงได้ทำงานอดิเรกแต่เช้าเพราะไม่มีหน้าที่อะไรให้ต้องไปทำเหมือนคนอื่นๆเค้า
ร่างโปร่งบางในชุดกิโมโนสีขาวกับฮากามะสีดำหิ้วถังใส่น้ำหมึกใบใหญ่เข้าไปในห้องโถงของโรงฝึกดาบ
ปกติในเวลาแบบนี้ที่นี่จะยังมีแต่เสียงดาบปะทะกันแต่วันนี้กลับเงียบสนิท
ทั้งๆที่ผ่านมาต้องรอจนกว่าจะสายถึงจะเข้ามาใช้ที่นี่ตามแต่ใจได้แท้ๆ
ท่อนแขนบางหอบกระดาษแผ่นใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าเข้ามาก่อนจะปูมันจนแทบจะเต็มห้องโถง
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองมันด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะหันไปมองข้างนอกด้วยแววซุกซนอีกครั้ง...ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งอะไรมา
เขาจะทำอะไรก็คงยังได้อยู่มั้ง?
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ห่วงพี่ชายที่หนีไป
ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสถานการณ์ตึงเครียดของคนทั้งบ้าน...แต่น้องเล็กอย่างเขาจะไปช่วยอะไรได้...ในเมื่อตั้งแต่เกิดจนโตก็ไม่เคยถูกคาดหวังอะไรอยู่แล้ว
หน้าที่ปกครองบ้านเมืองอันยิ่งใหญ่พวกพี่ชายก็รับไปจนหมด
เพราะงั้นเขาจึงคิดมาตลอดว่ายังไงก็คงใช้ชีวิตในแบบที่ชอบไปวันๆ เกิดที่อิสุอันสงบสุขแล้วก็คงจะตายอยู่ที่อิสุ
คงจะมีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กับพ่อแม่พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวแบบนี้ตลอดไป
ใบหน้ามนที่คล้ายไปทางมารดาก้มลงมองกระดาษแผ่นใหญ่ก่อนจะนึกถ้อยคำที่อยู่ในหัวให้ขึ้นใจ ต่อให้ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็เป็นแค่ชนชั้นธรรมดา
เพลงดาบก็ไม่ได้ดีเลิศแค่พอไปวัดไปวา เรื่องธนูที่เป็นอาวุธประจำตระกูลก็งั้นๆถ้าเทียบชั้นกับท่านพ่อก็ยังห่างอีกหลายขุม
หัวสมองก็แค่สามัญชนคนปกติไม่ได้ฉลาดเป็นกรดเหมือนท่านอาฮายาโตะ
ความเป็นผู้นำก็ไม่มี
อย่างเขาคงจะไปปกครองใครไม่ได้...อ่า...แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีเรื่องที่เหนือกว่าใคร สิ่งที่อยู่ในมือนี่ไงล่ะ ที่เขามั่นใจว่าไม่แพ้ใครในญี่ปุ่นแน่นอน!
โกคุเดระ
เรน
ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าแผ่นกระดาษราวกับกำลังตั้งสมาธิ ถึงจะเกิดมาในตระกูลนักรบแต่ร่างกายกลับไม่ได้สูงใหญ่บึกบึนเหมือนพี่ชายคนอื่นๆ
เพราะร่างโปร่งบางคล้ายไปทางมารดาจะมีก็แต่ดวงตาสีมรกตเท่านั้นซึ่งยังบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นคนของตระกูลโกคุเดระ
พู่กันที่ทำจากขนม้าอันใหญ่ถูกจุ่มลงไปในถังใส่หมึก
ก่อนที่ด้ามจับสูงเท่าตัวจะถูกดึงขึ้นมา
ปลายพู่กันปักลงไปบนกระดาษจนหมึกกระจายก่อนจะตวัดเป็นตัวอักษรอย่างชำนาญเช่นเดียวกับร่างโปร่งบางที่พลิ้วไหวไปกับพู่กันอันใหญ่นั่นราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ปลายผมยาวสีน้ำตาลที่ถูกมัดรวบไว้สะบัดไปตามแรงโยกยามเมื่อปลายพู่กันเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่จนแทบจะเต็มพื้นห้องโถงของโรงฝึก เขาอยากจะจารึกสิ่งที่อยู่ในใจให้โลกรับรู้
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแบบไหนเขาก็อยากจะเขียนมันออกมา ปลายพู่กันลากจากบนลงล่าง เจ้าของท่าทางที่งามสง่านั้นไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้บิดามารดาที่ยืนมองอยู่ไกลๆถึงกับหลั่งน้ำตา
เส้นสุดท้ายถูกป้ายลงไปก่อนที่ปลายพู่กันจะถูกยกขึ้นแล้วจุ่มมันไว้ในถังใส่หมึก
ร่างโปร่งหอบจนตัวโยนเพราะการจะควบคุมพู่กันที่ชุ่มไปด้วยน้ำหมึกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งการจะเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ออกมาให้สวยงามก็ยิ่งจำเป็นต้องฝึกฝนและใช้พลังอย่างที่ใครๆคงจะคาดไม่ถึง
ร่างโปร่งบางของนายน้อยแห่งอิสุเท้ามือไว้กับต้นขาก่อนจะมองตัวอักษรตรงหน้าทั้งๆที่ยังหอบหายใจหนักหน่วง
มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากระพือคอกิโมโนสีขาวเพื่อระบายความร้อน
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงไปตามขมับ
แต่ถึงจะเหนื่อยยังไงใบหน้ามนก็ยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตน
เป็นเพราะไม่มีอะไรจะทำและไม่เคยถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นนักรบหรือนักปกครองจากคนทั้งบ้าน
เขาเลยตั้งใจว่าจะเอาดีด้านการเขียนพู่กันเพราะทั่วทั้งญี่ปุ่นแทบไม่มีใครเค้าทำกันนี่แหละ!
เพราะอิสุเป็นเมืองท่า
เลยได้รับอิทธิพลและความรู้แปลกๆใหม่ๆจากชาวต่างชาติก่อนใคร
เรื่องการเขียนพู่กันนี่ก็เช่นกัน เขาเห็นชาวจีนเขียนมันแล้วก็อดที่จะหลงใหลไม่ได้
“ก้นหมา?”
แต่แล้วเสียงใสก็ทำให้ใบหน้ามนที่กำลังมุ่งมั่นหันไปมอง ถึงเขาจะเป็นหลานชายคนเล็กแต่ก็ไม่ได้เด็กที่สุดในบ้าน
เพราะเขายังมีน้องสาวตัวแสบอยู่อีกคน
“หน้าที่ต่างหาก! อ่านยังไงเป็นก้นหมา? คนละโยชเลยนะนั่น” ร่างโปร่งยืดตัวขึ้นมาก่อนจะทอดสายตามองเจ้าตัวป่วนด้วยสายตาเอ็นดู
เด็กคนนี้คือโกคุเดระ ฮายาโนะ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านลุงเจ้าเมืองอิสุ
เป็นหลานสาวคนเล็กของบ้าน แล้วก็เป็นน้องสาวที่เด็กกว่าเขา 7 ปี
ตอนที่ฮายาโนะเกิดมาคนทั้งบ้านต่างดีใจและเฉลิมฉลองกันยกใหญ่เพราะตระกูลโกคุเดระไม่มีเด็กผู้หญิงมานานแล้ว
สำหรับเขาเองตอนแรกก็ดีใจแค่เรื่องที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องแต่งชุดเด็กผู้หญิงในงานเทศกาลบวงสรวงเทพเจ้าแล้วเท่านั้นแหละ
แต่ยิ่งเด็กคนนี้เติบโต
ความน่ารักน่าเอ็นดูที่มีอยู่ในตัวเด็กหญิงก็ทำให้พี่ชายอย่างเขาอดที่จะรักราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันไม่ได้
“ก็ท่านพี่เขียนอะไรไม่รู้เรื่อง
หมึกก็เลอะเต็มไปหมด” ร่างเล็กๆในกิโมโนสีขาวนั่งลงที่ชานของโรงฝึกก่อนจะห้อยขาแกว่งไปมา
ไอ้เรื่องซนเหมือนลิงไม่สมกับเป็นท่านหญิงแถมยังเถียงคำไม่ตกฟากปากไม่ตรงกับใจ
รวมทั้งเอกลักษณ์อันหาได้ยากของตระกูลโกคุเดระที่ปรากฏอยู่บนตัวเด็กหญิงอย่างเส้นผมสีเงินเป็นประกายนั่นมันทำให้เขามองข้ามความปากร้ายของเด็กหญิงไป
ร่างโปร่งเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะดึงแก้มใสจนแทบจะย้วยติดมือ
“เค้าเรียกว่าศิลปะการเขียนพู่กันต่างหาก
เด็กอย่างเจ้าคงไม่เข้าใจหรอก” ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักด้วยสายตาดื้อดึง ก็เพราะแกล้งแล้วสนุกแบบนี้ไง
พี่ชายคนไหนๆเลยชอบหยอกเย้าจนฮายาโนะแยกเขี้ยวใส่อยู่ตลอด
“ฮึ่ม....” นายน้อยแห่งอิสุนั่งลงข้างๆท่านหญิงตัวเล็กๆที่ยังหันมาฮึ่มๆใส่อยู่ตลอด
“แล้วทำไมเจ้ามาอยู่นี่ล่ะ?
วันนี้ไม่ต้องดูแลเจ้าตัวประกันนั่นหรือไง?”
ผู้เป็นพี่ชายหันไปถามน้องสาวอย่างสงสัย...เพราะทั้งบ้านมีแต่ผู้ชายทำให้นายน้อยแห่งอิสุไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าเวลาตัวเองอยู่กับฮายาโนะ
มันเหมือนพี่สาวกับน้องสาวมากกว่า...ข้ารับใช้ที่เดินผ่านไปต่างหันมายิ้มให้ก่อนจะหันไปพูดคุยอะไรกัน
แต่นัยน์ตาสีมรกตที่มัวแต่สนใจน้องสาวที่เริ่มทำหน้าหงิกจึงไม่ได้รู้ตัวเลย
“หนอย...พูดแล้วมันก็น่าโมโห!
ท่านอานะท่านอา แทนที่ข้าตื่นสายจะไปเรียกข้าบ้าง นี่อะไรกัน
หนีไปลาดตระเวนกันหมดทิ้งข้าเอาไว้คนเดียวซะงั้น ท่านคิดว่ามันไม่ยุติธรรมไหม?
ทีเจ้าบ้ายามาโมโตะ ทาเครุยังได้ไปด้วยเลยแล้วทำไมข้าถึงไม่ได้ไปล่ะ?!” เด็กหญิงบ่นด้วยความโมโหออกมายาวเป็นหางว่าว
ใบหน้ามนจึงได้แต่ยิ้มบางๆ...ฮายาโนะคงยังไม่รู้สินะว่าท่านอาทั้งสองไม่ได้ไปลาดตระเวน...แต่ไปจับตัวพี่ชายที่หนีการแต่งงานไปต่างหาก
สำหรับเขา...เขาภาวนาให้พี่ชายหนีรอดไปได้...
สำหรับเด็กที่เกิดมาในตระกูลนักรบอย่างพวกเขา
ทั้งพ่อทั้งแม่จะเฝ้าสอนมาตลอดว่าจงอย่าได้มีความรัก เพราะมันคงจะลงเอยอย่างที่พี่ของเขาเป็น....เขาเห็น...หลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายอยู่กับแม่ทัพแห่งโคฟุทั้งๆที่มีลูกกรงขวางกั้นอยู่
ลูกกรงไม้ขวางกั้นร่างกายเอาไว้
แต่คงไม่อาจขวางกั้นหัวใจได้...เพราะฉะนั้นเขาจึงเฝ้าภาวนา...ให้พี่ชายหนีรอดแล้วได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจคิด...
“ฮึ...เมื่อคืนเจ้ามัวแต่ดูดาวละสิท่า
ถึงได้นอนเพลินจนสายแบบนี้” เขาเก็บสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ก่อนจะหันไปหยอกเย้าน้องสาวต่อ
พอพูดถึงดวงดาวเท่านั้นแหละ ใบหน้างอหงิกนั่นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งทันที
“ใช่ๆ
เมื่อคืนมีดาวตกหลายดวงเลย ข้าจะนอนนะก็นอนไม่ได้เพราะดาวมันตกลงมาใช่ไหมล่ะ
ข้าเลยต้องลุกมาอธิษฐาน...นี่ข้าอธิษฐานให้ท่านพ่อท่านแม่ ให้อิสุ ให้ตัวเอง แล้วก็ให้ท่านอานิดหน่อย” เด็กหญิงเล่าให้ฟังด้วยท่าทางไร้เดียงสา
ที่บ้านของเขาเชื่อกันมารุ่นต่อรุ่นว่าหากอธิษฐานต่อดวงดาวที่ตกลงมา
สิ่งที่ขอไว้จะเป็นจริง
“แล้วพี่ชายเจ้าอย่างข้าล่ะ?
อธิษฐานให้ข้าบ้างหรือเปล่า?” เขาหันไปถามเด็กหญิงด้วยดวงตาซุกซน แต่ฮายาโนะก็สะบัดหน้าใส่ทันที
“ฮึ!
พวกพี่ๆขี้แกล้งอย่างพวกท่านน่ะ ข้าไม่อธิษฐานให้หรอก!
อยากได้พรก็ไปอธิษฐานเองเหอะ!”
ร่างเล็กกระโดดผล็อยจากชานไม้ลงไปยืนอยู่บนพื้นดินก่อนจะแลบลิ้นให้แล้ววิ่งหนีเขาไปทันที ใบหน้ามนส่ายน้อยๆพลางกลั้นขำจนสั่นไปทั้งตัว
ข้าแกล้งก็เพราะข้ารักหรอกน่า…
ร่างโปร่งลุกขึ้นอย่างตั้งใจจะเก็บกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่สวยงามแต่ก็ทรงพลังนั่น
แต่คนสองคนที่ยืนมองมันด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกก็ทำให้นายน้อยแห่งอิสุเอ่ยเรียกด้วยความประหลาดใจ
“ท่านพ่อ
ท่านแม่?”
ออกมาจากห้องประชุมแล้วอย่างนั้นรึ?
งั้นก็แปลว่าคงจะมีข้อสรุปสำหรับเรื่องการแต่งงานทางการเมืองนั่นแล้วสินะ?
“ปล่อยมันไว้แบบนั้นก่อน...เรน...ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า
ตามข้ามา”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของคนเป็นพ่อทำให้ผู้เป็นลูกชายรู้ว่าคงจะมีอะไรเกิดขึ้น
ร่างโปร่งบางจึงเดินตามทั้งคู่ไปแต่โดยดี
ร่างทั้งสามนั่งลงในเรือนน้ำชาเปิดโล่งทำให้เห็นใบโมมิจิที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง
ปกติเรือนของพวกเขาพ่อลูกก็อยู่กันแบบสงบๆไม่ค่อยจะมีเสียงดังโวยวายเหมือนเรือนฝั่งของท่านอาที่มีฮายาโนะวนเวียนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มันกลับยิ่งเงียบเชียบจนร่างโปร่งรู้สึกกดดันขึ้นมา
การต้องนั่งเผชิญหน้ากับท่านพ่อท่านแม่ราวกับตัวเองไปทำอะไรผิดไว้มันเริ่มจะทำให้ร่างบางอยู่ไม่สุข
แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยถามออกไปว่าตนไปทำอะไรไว้หรือเปล่า
คนเป็นพ่อก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด....ด้วยการก้มลงไปจนหัวแทบจะจรดพื้น
“เอ๊ะ?!
ท่านพ่อ?! ทำอะไรน่ะ? ลุกขึ้นมาเถอะ!”
ร่างโปร่งโบกไม้โบกมืออย่างตกใจที่จู่ๆผู้เป็นพ่อก็ก้มหัวให้ตัวเอง
“พ่อมีเรื่องจะต้องขอร้องเจ้า...แล้วก็ต้องขอโทษต่อเจ้าด้วย” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นมานั่งตัวตรง
ใบหน้าที่จริงจังนั้นบ่งบอกว่าเรื่องที่จะพูดออกมามันคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
คนที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์กดดันอย่างเขาจึงรู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“มะ
มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ใบหน้ามนมองผู้เป็นพ่ออย่างกล้าๆกลัวๆ
คนตรงหน้าทำท่าลำบากใจที่จะต้องพูดกับเขา
“พวกลุงๆของเจ้า...สรุปกันมาแล้วว่า...จะส่งเจ้า...ไปแต่งงานกับท่านหญิงแห่งมัตสึโมโตะแทนพี่ชายของเจ้า” แต่แล้วถ้อยคำที่ผู้เป็นพ่อพูดออกมามันก็ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ทั้งพ่อและแม่ลำบากใจที่จะต้องบอกกับเขา
ร่างทั้งร่างนิ่งค้างไปเพราะไม่เคยคาดคิดว่าหน้าที่อันขมขื่นนั้นจะตกมาเป็นของตัวเอง
“ข้า?....”
นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองก่อนจะถามย้ำกับผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าเหม่อลอย เขาฟังผิดไปหรือเปล่า?
จะใช่เขาแน่เหรอ? ในหัวมีแต่ความมึนงงสับสนราวกับถูกตีจนเบลอ
“ใช่...เจ้านั่นแหละเรน...เจ้าจะต้องแต่งงานกับท่านหญิงฟุบุกิและใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ” แผ่นหลังชาวาบเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
ร่างที่นิ่งไปของเขาทำให้ผู้เป็นแม่เริ่มจะห้ามน้ำตาไม่อยู่
“ข้าพยายามคัดค้านแล้ว
ข้าพยายามแล้วที่จะไม่ให้เจ้าไปจากอกของข้า...ท่านลุงของเจ้าใจร้าย
ทีตัวเองรักฮายาโนะอย่างกับไข่ในหินแล้วทำไมข้าจะรักเจ้าแบบนั้นบ้างไม่ได้” ไหล่บอบบางของแม่เริ่มจะสั่นสะท้าน
ความในใจที่ไม่อาจพูดต่อหน้าใครๆได้พรั่งพรูออกมาจนหมด
“ท่านแม่...” ภาพตรงหน้าทำให้รู้สึกสงสารผู้เป็นมารดาจับใจ ทั้งๆที่ตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีผลดีหรือผลร้ายต่อตัวเองยังไง
แต่คนที่ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องไปจากอิสุก็แค่กำลังมึนงงที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องไปจากรัง
ผู้เป็นพ่อเข้าไปปลอบโยนผู้เป็นแม่ให้หักห้ามใจก่อนจะหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“เรน...มันเป็นหน้าที่ของคนที่เกิดมาในตระกูลนักรบอย่างเจ้า...ตอนนี้พี่ๆของเจ้าต่างก็มีหน้าที่ต่อแผ่นดินอิสุ
ข้าอยากให้เจ้ายอมรับและทำหน้าที่นี้อย่างภาคภูมิใจ”
“.......” ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นก็เถอะ
แต่การต้องแบกรับภาระที่หนักหนาขนาดนั้นมันก็มีแต่จะทำให้หวั่นใจจนพูดอะไรไม่ออก...การแต่งงานคืออะไร
แล้วอย่างเขาจะทำได้หรือไม่ ท่านหญิงฟุบุกิเป็นคนยังไง จะอยู่ด้วยกันได้ไหม
แล้วที่มัตสึโมโตะจะน่าอยู่เหมือนบ้านของเขาหรือไม่
มีแต่คำถามและคำถามเต็มไปหมด...ยังไง...สิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนจะให้ยอมรับกันชั่ววินาทีมันก็คงจะ...
“เรน...ถ้าเจ้าไม่ไป...คราวนี้คงได้มีการสลับสับเปลี่ยน
จากที่เราต้องส่งลูกชายไปแต่งงานกับลูกสาวเค้า
แต่ในเมื่อเราไม่มีลูกชายที่จะไปได้แล้ว
ก็อาจจะจ้องเปลี่ยนเป็นส่งลูกสาวไปแต่งงานกับลูกชายเค้าแทน...” ประเด็นใหม่ที่พ่อพูดออกมาทำให้เขานิ่งฟัง
หลังจากจับใจความได้มันก็ทำให้พี่ชายหวงน้องของบ้านโกคุเดระถึงกับนิ่งค้าง
“ลูกสาว?...หมายถึงฮายาโนะ?”
น้องเขาไม่ได้จะถูกจับคู่กับเจ้าเด็กจากคามาคุระนั่นหรือไง?
แต่การที่บิดาพยักหน้ารับก็แสดงว่าต้องเป็นฮายาโนะอย่างไม่ต้องสงสัย
“พวกมัตสึโมโตะยังมีลูกชายอยู่อีกคน
เป็นแม่ทัพเลือดร้อนที่พิชิตทั้งดินแดนฝั่งตะวันตกของเกาะญี่ปุ่นและตอนนี้ก็ยังไล่ตีเมืองทางใต้ลงไปไม่หยุดหย่อน....เป็นผู้ชายที่กระหายในสงคราม....เจ้าอยากจะส่งฮายาโนะไปแต่งงานกับคนแบบนั้นน่ะรึ?” เมื่อนึกถึงเสียงใสกับร่างเล็กๆน่าเอ็นดูนั่นเขาก็รู้ว่าเขาผลักภาระไปให้น้องไม่ได้...ยิ่งกับผู้ชายป่าเถื่อนคนที่พ่อเล่ามาก็ยิ่งให้ฮายาโนะไปแต่งงานด้วยไม่ได้เด็ดขาด...ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าแต่เจ้าเด็กจากคามาคุระนั่นก็น่าจะดีกว่า
“.....การแต่งงาน...มันน่ากลัวหรือเปล่าครับ....” ใบหน้ามนเอ่ยออกไปด้วยใบหน้ากังวล
คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ แน่ละ
ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักมันมาก่อนย่อมต้องกลัวเป็นธรรมดา
“การแต่งงานทำให้เกิดเจ้าขึ้นมายังไงล่ะเรน...มีหลายคู่ที่เจอกันก็วันแต่งงานแต่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไปจนแก่เฒ่า...มันคือสิ่งที่เจ้าเลือกปฏิบัติได้”
ใบหน้ายิ้มอย่างผ่อนคลายของพ่อทำให้คนที่มองอย่างกังวลเริ่มจะโอนอ่อนผ่อนตาม
“อีกอย่าง...ก็ใช่ว่าเจ้าจะแต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่
ทางมัตสึโมโตะต้องการให้เจ้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นสักพักก่อน
เพราะตอนนี้ท่านหญิงฟุบุกิก็ยังร่างกายไม่แข็งแรงพอจะแต่งงานได้
ได้ข่าวมาว่าเด็กคนนั้นร่างกายอ่อนแอ ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่บ่อยๆ
เจ้ายังมีเวลาเล่นซนอีกมาก” ผู้เป็นพ่อพยายามพูดให้เขาเบาใจลง
อาการสงบของผู้เป็นแม่ก็ทำให้เขาพอจะคลายความกังวลไปได้บ้าง
“ข้าไม่ได้เล่นซนสักหน่อย...” ใบหน้ามนบ่นขมุบขมิบก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ก็ได้...ข้าจะรับหน้าที่นี้เอง”
ร่างโปร่งนั่งตัวตรงก่อนจะเงยหน้าประสานสายตากับผู้เป็นพ่ออย่างแน่วแน่
“เรน...” ผู้เป็นแม่โผเข้ามากอดก่อนจะร้องไห้
คงจะทั้งเสียใจที่เขาต้องจากไป ทั้งยอมรับในการตัดสินใจของเขาแต่ก็ยังทำใจไม่ได้
“ถ้าเจ้าไม่มีความสุขหรือไม่สบายใจที่จะต้องอยู่ที่นั่น
เจ้าต้องบอกข้านะ ถึงแม้อิสุหรือคามาคุระจะไม่ช่วยเจ้า
แต่แม่และท่านตาของเจ้าพร้อมจะช่วยเจ้าเสมอ”
มือบางยังคงลูบหัวลูกชายอย่างห่วงใย
ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ผ่านการแต่งงานทางการเมืองแบบนี้มาก่อน
เพราะฉะนั้นท่านแม่ของเขาจึงไม่ใช่สาวชาวบ้านที่ไม่มีพลังอะไรเลย
แต่ท่านเองก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในฐานะท่านหญิงที่เกิดมาในตระกูลนักรบเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า...ข้าน่ะแข็งแกร่งจะตาย
ไม่ทำให้อิสุต้องเดือดร้อนหรอก” ใบหน้ามนยิ้มซุกซนเป็นปกติราวกับไม่ได้คิดไปไกลถึงเรื่องที่จะต้องไปเจอในอนาคต
“ก็เพราะเจ้ายังไม่รู้น่ะสิว่าจะต้องเจอกับอะไร
พวกมัตสึโมโตะน่ะโหดร้ายป่าเถื่อนจะตายไป”
ผู้เป็นแม่ยังไม่ยอมปล่อยลูกชายเพียงคนเดียวที่ประคบประหงมมาอย่างดี
“ข้าไม่กลัวหรอก!
ตราบใดที่ข้ายังมีที่นี่อยู่!” ร่างโปร่งบางเอ่ยด้วยใบหน้าแข็งกร้าว
เพราะรู้ว่ายังมีบ้านใหญ่หลังนี้คอยอ้าแขนรับอยู่เสมอ เขาจึงไม่เคยกลัวอะไร เขาเองก็มีเลือดของอิสุไหลเวียนอยู่ในกาย
เลือดของอิสุที่น่าภาคภูมิใจเพราะมันสามารถสยบปีศาจร้ายอย่างพวกคามาคุระได้อยู่หมัด
แล้วมันจะใช้กับพวกมัตสึโมโตะไม่ได้เลยหรือยังไง
“ข้าขอบใจเจ้ามากนะเรน...พวกเราเป็นหนี้เจ้าจริงๆ” ถึงผู้เป็นแม่จะยังทำใจยอมรับไม่ได้
แต่ผู้เป็นพ่อกลับเอ่ยขอบคุณด้วยสายตาซาบซึ้ง
“แล้ว...ข้าต้องไปเมื่อไหร่?”
“อาทิตย์หน้า”
“เข้าใจแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปเก็บพู่กันกับกระดาษก่อนนะท่านพ่อท่านแม่...ข้าเอามันไปมัตสึโมโตะด้วยได้ใช่ไหม?”
“ได้สิ”
ร่างในชุดกิโมโนขาวกับฮากามะดำขอตัวออกมาอย่างต้องการจะสงบใจตามลำพัง
ขาเรียวในถุงเท้าก้าวเข้าไปยังโรงฝึกที่เขาคลุกคลีอยู่ที่นี่มันตั้งแต่เล็ก...จากนี้ไป...ก็คงจะไม่ได้มาอีกแล้วสินะ...ทั้งเสียงหัวเราะของพี่ๆ
ทั้งใบหน้าแง่งอนของฮายาโนะ ทั้งความอบอุ่นของท่านลุงท่านป้าท่านย่า
ทั้งนิทานสนุกๆของท่านอา
ทั้งใบหน้าบอกบุญไม่รับของเจ้าเด็กจากคามาคุระนั่น...เขาคงจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้วสินะ...
แค่คิดก็รู้สึกเหงาจับใจ...
นัยน์ตาสีมรกตกระพริบถี่ๆไล่หยาดน้ำที่เกาะอยู่ที่แพขนตาออกไป...จะร้องไห้ไม่ได้
เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถึงจะอายุแค่ 15 แต่เขาก็เป็นผู้ชาย
เป็นชายชาตินักรบจะไปกลัวอะไรกับการย้ายที่อยู่ใหม่
ท่านอาทาเคชิยังเคยเล่าให้ฟังเลยว่าทหารตอนออกรบก็ต้องตั้งค่ายย้ายที่นอนไปเรื่อยๆ
ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเหมือนกันเพราะงั้นเขาก็ต้องทำได้!
สองขาก้าวเข้าไปด้านในโรงฝึกด้วยใบหน้ามุ่งมั่น ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะมาหยุดยืนอยู่หน้ากระดาษแผ่นใหญ่ที่มีคำว่า
“หน้าที่” เขียนอยู่บนนั้นด้วยมือของตัวเอง
บนบ่ารู้สึกหนักอึ้ง ถึงจะรับปากไปแล้วแต่ในใจก็ยังวูบโหวงยามเมื่อคิดถึงอนาคตที่ต้องไปเผชิญ
ท่านพี่ที่หนีไปคงจะมีความรู้สึกแบบนี้เองสินะ...แต่ว่า...เขาต่างจากท่านพี่เพราะว่าเขาไม่มีคนรัก
ถ้าไม่อยากเจ็บปวดก็จงอย่าได้มีความรัก....
นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย....
แล้วเขาก็ได้เข้าใจว่าทำไมถึงต้องคอยเน้นย้ำกับเขาหนักหนา...
เข้าใจดีแล้วว่า...ความรักกับหน้าที่...มันไปด้วยกันไม่ได้...
ธงชัยโบกสะบัดอยู่เหนือสนามรบที่เพิ่งจะจบไปได้ไม่นาน
ตราประจำตระกูลอาคามะแห่งมัตสึโมโตะกำลังจะกลืนกินไปทั่วผืนแผ่นดินนี้ในอีกไม่ช้าด้วยชัยชนะที่พวกเขาได้มา
เสียงไชโยโห่ร้องดังอยู่เหนือรอยเลือดทาทั่วแผ่นดิน กลิ่นคาวและบ้านเมืองที่พังพินาศไม่ได้ทำให้ร่างสง่างามแต่ก็น่าเกรงขามในชุดเกราะสีเขียวอมดำรู้สึกรู้สาอะไร
ใบหน้าคมภายใต้หมวกคาบุโตะประดับเขาสัตว์ยังคงมองตรงไปยังชาวบ้านที่กำลังร่ำไห้และทหารของฝ่ายศัตรูที่เดินเข้ามาเก็บศพญาติพี่น้องกลับไปด้วยสายตานิ่งสนิท...ในเมื่อเขาให้โอกาสที่จะยอมแพ้แล้วแต่ไม่เลือกก็ต้องเจอสภาพแบบนี้แหละ
เสียงกรอบแกร่บที่ดังมาจากข้างหลังทำให้คนที่ถูกขนานนามว่าแม่ทัพแห่งตะวันตกชายตาไปมอง
“ท่านแม่ทัพ
มีข่าวด่วนส่งมาจากบ้านใหญ่ตระกูลอาคามะขอรับ”
มือแข็งแรงละจากดาบคาตานะที่เหน็บอยู่ข้างเอวก่อนจะรับสารฉบับนั้นมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้ากรอกมองข้อความสั้นๆที่เขียนอยู่ก่อนจะกำกระดาษแผ่นนั้นราวกับกำลังเก็บกดความรู้สึกบางอย่างลงไป
“บอกท่านพ่อด้วยว่าข้าจะรีบนำทัพกลับไป” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาทั้งๆที่ใบหน้ายังคงมองตรงไปยังกลุ่มควันไฟที่ลอยอยู่เหนือเมืองที่เพิ่งจะตีมาได้...การศึกทางนี้คงต้องหยุดไว้ก่อน
ถึงจะเสียดายเพราะอีกไม่กี่เมืองพวกเขาก็จะพิชิตฝั่งตะวันตกได้อย่างสมบูรณ์แล้วแท้ๆแต่เรื่องของน้องสาวเพียงคนเดียวก็สำคัญกว่า
“เอ่อ...แล้วเรื่องการแต่งงาน...”
ข้ารับใช้เอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะรู้ดีว่าเรื่องที่ว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวหนีการแต่งงานไปทำให้ท่านแม่ทัพโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดไหน...โกรธจนบุกทำลายทัพของศัตรูราบเป็นหน้ากลองมาสองสามเมืองได้แล้ว
“ทางอิสุแจ้งมาว่าจะส่งคู่หมั้นคนใหม่มาแทน
เป็นน้องชายของคนที่หนีไป...จะให้ข้าทำจดหมายบอกยกเลิกไปไหมขอรับ?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกไหม้ธงชัยของฝ่ายศัตรู....คู่หมั้นคนใหม่?
หึ! ช่างน่าขำ
คิดหรือว่ากล้าทำลายน้ำใจของพวกเขาขนาดนี้แล้วจะทดแทนได้ด้วยการส่งเจ้าบ่าวคนใหม่มา?
เห็นคนจากตระกูลอาคามะเป็นอะไร? คิดว่ามัตสึโมโตะไร้เกียรติขนาดนั้นเลยหรือไง?!
มือที่กำแน่นค่อยๆคลายออกเมื่อใบหน้าคมพยายามผ่อนลมหายใจ เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยนัยน์ตามืดมน
“ไม่ต้อง...”
“ขอรับ...”
“แล้วก็ไม่ต้องบอกพวกมันว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟุบุกิ”
“ขอรับ...”
“ปล่อยให้มันมา...แล้วข้าจะให้บทเรียนกับพวกคามาคุระและอิสุมันเอง...ว่าคนที่กล้าหยามเกียรติของแม่ทัพแห่งตะวันตก...มันจะต้องเจออะไรบ้าง!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามต่อไป...
เหะเหะสำหรับตอนแรกอาจจะสั้นไปหน่อย
ดูไม่ค่อยสมกับที่เป็นดาวตก ฟิคยาวนรกในแต่ละตอน55555 ค่ะ!!
อ่านมาจนถึงนี่ไม่ได้ตาฝาดไปค่ะ! มันคือดาวตกจริงๆค่ะ!!!
m(_
_)m คุณกวางผิดไปแล้ว คุณกวางขออภัย หยิบดาบมาคว้านท้องตัวเอง
โฮวววววววววววว TT[ ]TT
ก็...อย่างที่ทราบกันในเฟสบุคว่าคุณกวางกำลังรื้อรวมเล่มดาวตกมาทำต่อให้เสร็จ
แต่ด้วยความที่ช่วงนี้ก็ใกล้วันเกิดหนูเลนแล้ว
อิมี๊แม่งไม่มีฟิคในสต็อกที่จะเอามาลงได้เรยถถถถถ
แล้วก็กำลังเขียนตอนพิเศษของดาวตกภาคหลัก(8059 1827)อยู่ด้วย
คือไม่อยากเปลี่ยนอารมณ์เพราะถ้าหนีไปปั่นฟิคเรื่องอื่นแล้วเดี๋ยวจะกลับมาพีเรียดยาก
ก็เลย...เอาวะ! สปินออฟดาวตกแม่งเลยถถถถถ TT[ ]TT คุณกวางผู้มีความสามารถในการทำเรื่องง่ายๆให้ซับซ้อนสับสน
// ผลั๊วะ
TvT นั่นแหละค่ะ
ที่มาที่ไปของฟิคน้อยๆเรื่องนี้...พยายามท่องอยู่นะว่า...ฟิคสั้น...มันจะเป็นฟิคสั้นเท่านั้น...ฮืออออออออออ
ยังไงก็ฝากเอ็นดูนายน้อยแห่งอิสุกับท่านแม่ทัพตะวันตกด้วยนะคะ m(_ _)m
สำหรับดาวตกเวอร์ชั่นรีเอนี้
จริงๆคนที่ไม่เคยอ่านดาวตกภาคหลักมาเลยก็น่าจะอ่านภาคนี้ภาคเดียวได้อยู่นะคะ
อาจจะงงเรื่องชื่อเมืองบ้างอะไรบ้างก็ข้ามๆไปก่อนเพราะตอนแรกนี้จะเกริ่นถึงเมืองอิสุซึ่งเรื่องราวความเป็นมาจะอยู่ในภาคหลักเยอะหน่อย
แต่พอหลังจากนี้หนูเลนจะย้ายมาอยู่ที่มัตสึโมโตะแล้วเรื่องก็จะมาดำเนินเรื่องที่นั่นเป็นหลัก
จากนี้ก็จะงงน้อยลงค่ะ
คือคุณกวางก็พยายามเขียนแบบไม่พาดพิงถึงตัวละครในภาคหลักมากนัก
เพราะสปินออฟอันนี้จะแยกจากภาคหลักไปเลย ไม่เกี่ยวกันเลยน่ะค่ะ
ในส่วนของรวมเล่มก็จะรวมแค่
2 เล่มของภาคหลักเท่านั้น จะไม่มีเนื้อหาหรือตัวละครของสปินออฟเลย
ส่วนตัวสปินออฟเองจะรวมเล่มของตัวเองหรือไม่...เอาไว้ให้มันจบได้ก่อนแล้วกันนะถถถถถถ
ตรูแต่งไปตรูก็ไม่เคยมั่นใจเลย // พรากๆๆ
ก็...สำหรับคนที่อยากเข้าใจความสัมพันธ์แต่ไม่อยากกลับไปอ่านภาคหลัก
ก็ดูจากผังความสัมพันธ์ตัวละครที่แปะไว้ด้านบนของเอนทรีได้ค่ะ
จะได้รู้ว่าใครเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อยู่เมืองไหน อะไรแบบนี้
ส่วนเรื่องชื่อตัวละคร...ในภาคหลักมันไม่มีปัญหาเพราะว่าตัวละครจากรีบอร์นส่วนใหญ่ก็มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น...ทีนี้พอมาถึงคุณรีไวกับหนูเอเลนที่ชื่อภาษาอังกฤษมาเลยแบบนี้จะใช้ชื่อ
รีไวกับเอเลน ในยุคสงครามโบราณแบบนั้นมันก็กะไรอยู่อ่ะเนอะ
ประกอบกับมีประสบการณ์จากการเขียนฟิคพญาเหยี่ยวมาแล้วก็ทำให้รู้ว่า
การที่เรียกคุณรีไวว่า “นายช่าง” ทั้งเรื่องโดยไม่มีชื่อนั้นมันยากมากกกก
แล้วยิ่งกับดาวตกที่เรื่องชื่อถือว่าสำคัญเพราะมันจะช่วยให้มีพลังในบทบรรยายหรือบทพูดแบบที่สมกับเป็นยุคสงครามด้วยแล้ว....เลยคิดว่า
ยังไงคุณรีไวก็จำเป็นต้องมีชื่อ คงจะเรียกแม่ทัพทั้งเรื่องไม่ไหวแน่
เพราะจะว่าไปเรื่องนี้ก็มีแม่ทัพเพี้ยบถถถถ...เพราะงั้นเลยขอแปลงชื่อจาก รีไว
อัคเคอร์มัน เป็น อาคามะ ริวาอิ
แทนนะคะ ขอให้เข้าใจตรงกันว่านั่นคือคุณรีไวแหละ กร๊ากกกกก
ส่วนหนูเอเลนนี่ก็คงคุ้นชื่อมาจากพญาเหยี่ยวกันบ้างแล้ว กับชื่อสั้นๆว่า เรน
แต่ที่อาจจะไม่คุ้นก็ตรงที่ในดาวตกนี้หนูเลนแกเป็นคนของตระกูลโกคุเดระ
เพราะงั้นเลยต้องให้ใช้นามสกุลก๊กไปอ่ะนะ
เออ...หลายท่านอาจจะงงว่า
ดาวตก
ที่คุณกวางมันพูดถึงนี่คืออะไร...มันเป็นชื่อเล่นที่คุณกวางใช้เรียกฟิคเรื่อง Ryuusei ค่ะ
เพราะว่า Ryuusei แปลว่าดาวตกค่ะ
โอเค
เวิ่นมาซะยาว มาแฮปให้หนูเลนกันบ้าง >/////<
สุขสันต์วันเกิดนะก๊าลูกหนูเลน
>/////<
มีความสุขมากๆ
คนแก่รักคนแก่หลง เป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนต่างช่วงชิงแบบนี้ตลอดไป
ขอให้พิชิตวอลล์มาเรียได้ในเร็วไวนะลูกนะ
ปีนี้และปีไหนๆมี๊ก็จะขอโม่ยเอเลนตลอดไปย์ จูบบบบบบบบบบ >3<
ดูสิมีแต่คำอวยพรดีๆทั้งน้าน
ก๊ากๆๆๆ
เรื่องโลเคชั่นเดี๋ยวมาพูดถึงกันตอนหน้านะคะ
คือกว่าจะสรุปโลเคชั่นเป็นที่มัตสึโมโตะได้นี่ก็จะหมดเวลาแล้วถถถถถถถ
แล้วก็กว่าจะสรุปบุคลิกนิสัยใจคอของคุณรีไวได้นี่ก็เล่นเอาวินาทีสุดท้ายมากค่ะ
ตอนแรกอยากจะมาแนวเอสเต็มขั้น ตบจูบๆๆอะไรแบบนี้...แต่พอไปมองคู่หลักอย่าง
1827....เอิ่บ...เดี๋ยวมันจะไปซ้ำกับคู่นั้นที่ดาร์กน้ำตา(ตรู)เล็ด(เพราะแต่งยากมากกกก)
ก็เลยขอแบบขมนิดๆน่ารักหน่อยๆดีก่า ฮี่...
อ่านะ
ยังไงก็ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้ไว้ในดวงใจอีกเรื่องนะคะ งื้ออออออ >/////< ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์ค่า แล้วเจอกันตอนหน้า *w*
ตอนแรกก้เหมือนจะเข้าใจเพราะเคยอ่านภาคหลักมาแล้วแต่พอเจอชื่อรีเลนนี่ ตอนแรกนี่แบบเห้ยใครวะตัวละครออริอะไรงี้ป่าวที่ไหนได้อ้อออออ5555
ตอบลบสนุกมากคะ หนูชอบ พยายามเรื่อยๆนะคะหนูรออยู่ค่ะ//รีเอ//
ตอบลบสนุกมากค่ะ ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่8059 แล้ว สู้ๆนะคะ
ตอบลบ