Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and SILVER#19


Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059]  GLIDE : WHITE and SILVER#19

For HBD. Count Cruhteo

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         



อังกฤษ...เป็นประเทศที่เขาไม่นึกอยากจะมาเหยียบเลยในตอนนี้...

เพราะไม่ว่าจะที่ไหนๆใครๆก็จะพูดถึงแต่งานแต่งงานราวกบเทพนิยายของคู่บ่าวสาวที่เหมาะสมกันราวกับเจ้าชายกับเจ้าหญิง...

ใบหน้าหยิ่งทระนงฟังเสียงรอบกายด้วยใบหน้าเรียบเฉย มือใหญ่ขยับเนคไทให้เรียบร้อยก่อนจะทอดสายตามองเงาของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจก...เขาเตรียมคำตอบไว้แล้วหากใครถามว่าทำไมเขาถึงมีสีหน้าราวกับคนอดนอนมาเป็นสัปดาห์ สองขาก้าวออกมาจากห้องน้ำของอาคารแสดงสินค้าในกรุงลอนดอน เพราะงานมอเตอร์โชว์ภาคพื้นยุโรปทำให้เขาต้องกลับมาที่นี่อีกอย่างช่วยไม่ได้

เฟอร์รารี่เอารถรุ่นใหม่มาเปิดตัวในงานนี้ด้วย หน้าที่ของCEOอย่างเขาก็แค่ต้อนรับแขกระดับวีไอพี เพราะงั้นไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในงานตลอดเวลาก็ได้

ร่างสูงใหญ่เลือกที่จะเดินทอดน่องอยู่ด้านนอกของงาน ถึงจะมีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์อยู่บ้างแต่เรื่องรถหรือจะสู้ข่าวที่คนสนใจอย่างเรื่องการแต่งงานระหว่างทายาทของโรลส์-รอยซ์กับBMWได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตรงไหนคือที่ที่คุณหนูอัสเซลัมอยู่ เพราะนักข่าวจะรุมล้อมมากกว่าที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งค่ายโรลส์-รอยซ์ยิ่งหนักกว่าทางBMWเพราะนอกจากเรื่องงานแต่งของทายาทก็ยังมีเรื่องสถานการณ์ที่ระส่ำระสายของโรลส์-รอยซ์เองอีกด้วย  เพราะงั้นถึงเขาจะเห็นว่าสเลนก็มางานนี้กับซาสบาร์มด้วยแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปคุยกันได้เลย

CEOหนุ่มยังคงเดินเรื่อยเฉื่อยอย่างผิดวิสัยของตัวเองต่อไป...ช่างเถอะ...ถึงจะได้คุยกันตอนนี้ก็มีแต่จะเจ็บปวดทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ...แผลที่หัวใจของเขามันยังอาการไม่ดีขึ้นเลยสักนิด

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น เสียงฝีเท้านับสิบคู่กับฝูงชนขนาดย่อมที่วิ่งผ่านเขาไปก็ทำให้ต้องหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้

“ทายาทของโรลส์-รอยซ์วิ่งไปทางนั้นแล้ว เร็วเข้าเถอะว่าจะเจอตัวตอนอยู่คนเดียวได้!”   แล้วชื่อที่สื่อถึงสเลนก็ทำให้สองขาที่กำลังก้าวเดินถึงกับชะงัก คงเป็นเพราะส่วนใหญ่ซาสบาร์มไม่ก็ฮาร์กไลท์จะเป็นคนตอบคำถามให้ พอเห็นเด็กนั่นอยู่คนเดียวเลยรีบเข้ามารุมเลยสินะนักข่าวพวกนี้

แล้วอย่างเด็กนั่นจะไม่เป็นไรแน่เหรอ?





“แฮ่ก...แฮ่ก....แฮ่ก.....”    ลมหายใจหนักหน่วงพ่นออกไปทางริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ ถึงจะเหนื่อยแต่สองขาก็ยังวิ่งต่อไป เสียงนักข่าวไล่หลังมาใกล้เต็มทีแต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ตามลำพัง ทายาทของโรลส์-รอยซ์จึงจำเป็นต้องก้าวขาให้ไวกว่าเดิม

“อยู่นั่นไง!”   ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆเมื่อถูกเห็นตัวเข้าจนได้ ใบหน้าได้รูปเริ่มจะลนลานพลางมองประตูที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า...น่าจะเป็นฮอลล์ที่จัดงานอื่นอยู่?...แต่ว่าจะให้เข้าไปหลบในนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตมันก็....

แล้วในขณะที่กำลังนึกเกรงใจเจ้าของงานอยู่นั้น จู่ๆประตูตรงหน้าก็เปิดผางออกมา

“หว๋า....”    ไม่ทันแล้ว...งานนี้ชนแน่ๆ

มือบางยกขึ้นมาปิดหน้าผากก่อนจะหลับตาปี๋ แต่แรงกระแทกกลับหายไปกลายเป็นแรงเหวี่ยงแทน?

แผ่นหลังถูกดันจนชิดผนังซึ่งเขาได้แต่หลับตาอย่างไม่กล้าจะเผชิญกับอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้า เสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังกึกก้องนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นของเขาหรือของใคร รู้แต่ว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกดทับร่างของเขาให้ติดผนังเอาไว้....กลิ่น...มันช่างคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด....

“ไปกันหมดแล้วละ”    เสียงทุ้มที่ได้ยินทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง สูทเนื้อดีที่เห็นอยู่เต็มตาทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกอดเขาอยู่

“คุณ...ครูเทโอ....”    ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงเบาหวิว ทั้งกลิ่นทั้งอ้อมแขนมันทำให้โหยหาจนไม่สามารถจะผลักไสอีกฝ่ายออกไปได้ ต่อให้รู้ว่ามันผิดต่อว่าที่เจ้าสาวของเขาแค่ไหนก็ตาม

“ใส่นี่ไว้ซะ”   อะไรบางอย่างถูกสวมลงมาที่ดวงตาและมันก็ใหญ่พอจะปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง

“เอ๋? หน้ากาก?”   จนเมื่อได้ละออกมาจากแผงอกกว้างถึงได้รู้ว่าเขาถูกดึงเข้ามาในฮอลล์ที่กำลังจัดงานปาร์ตี้หน้ากาก...มันจะพอเหมาะพอดีเกินไปไหม...ถึงจะคิดแบบนั้นแต่เขาก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนีนักข่าวพวกนั้นมาได้

“บาปหนาจริงนะเธอน่ะ? บอกเลิกกับชั้นแต่ก็ยังมาให้ท่ากันแบบนี้”   เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ที่ใบหูทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าสองมือยังจับเสื้อสูทของอีกฝ่ายแน่น

“อะ...ปะ...เปล่านะครับ....”   สองมือรีบปล่อยสูทเนื้อดีก่อนจะลอบมองใบหน้าCEOหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ใบหน้าหยิ่งทระนงที่เขาคิดว่าคงจะเชิดใส่และไม่ฟังอะไรมันกลับเซื่องซึมและดูเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย  ฝ่ามือบางยกขึ้นไปประคองใบหน้าของคนที่ดูจะหมดแรงนั่นโดยไม่รู้ตัว ที่หัวใจเจ็บแปลบไปหมดเพราะคนที่ทำให้คุณครูเทโอมีสภาพแบบนี้ก็คือเขาเอง...

“สเลน...ในงานมีอะไรต้องทำอีกไหม?”   เสียงทุ้มที่ไร้น้ำเสียงเอาแต่ใจทำให้เขามองอีกฝ่ายพลางส่ายหน้า...ทั้งๆที่เขาควรจะตอบว่า “มี” แล้วรีบเดินหนีอีกฝ่ายไปซะ ทว่า หัวใจที่ร่ำร้องอยากจะอยู่ใกล้ๆคุณครูโทอีกสักนิดก็ยังดีมันทำให้ริมฝีปากตอบออกไปว่า

“ไม่มีครับ....”   เขามันบาปหนาอย่างที่คุณครูเทโอว่าจริงๆ จะทำผิดต่ออีกฝ่ายและคุณหนูอัสเซลัมไปถึงไหน

แต่เขาก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้...

ยิ่งอยู่ใกล้กันก็ยิ่งรู้...ว่าเขายังรักคุณครูเทโอไม่ได้น้อยลงเลย

“ถ้าเช่นนั้นชั้นจะเสกให้เธอเป็นซินเดอเรล่า...ที่จะสามารถทำตามใจตัวเองจนกว่าเวลาของเวทมนต์นี้จะหมดไปในตอนฟ้าสาง...”   มือใหญ่จับมือของเขาขึ้นมาก่อนที่จะจุมพิตลงไปบนหลังมือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวทมนต์หรือไงมันจึงทำให้เขายิ้มได้และหัวเราะน้อยๆกับการกระทำของคนตรงหน้า...ก็อย่างคุณครูเทโอเนี่ยนะจะมาพูดเรื่องนิทานปรัมปรา...หน้าไม่ให้เอาซะเลย

“จะออกไปขี่รถฟักทองกับชั้นไหมซินเดอเรล่า?”    มีนางฟ้าที่ไหนชวนซินเดอเรล่าไปขี่รถฟักทองกันล่ะ...ใบหน้าได้รูปอมยิ้มอย่างที่ไม่ได้ยิ้มจากใจจริงมานาน

ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นซินเดอเรล่า เพราะฉะนั้นก็จะขอทำตามหัวใจของตัวเองจนกว่าเวทมนต์นี้จะหมดไปก็แล้วกัน

“ไปครับ”   ใบหน้าหยิ่งทระนงยิ้มบางๆ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามจริงๆในความรู้สึกเขา มือใหญ่หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมลงไปบนใบหน้าของตัวเองบ้างก่อนจะจับมือของเขาเอาไว้

“แต่รถฟักทองอาจจะซิ่งสักหน่อย หวังว่าซินเดอเรล่าคงจะไม่ถือสา?”   ร่างสูงใหญ่หันมามองหน้าเขาเมื่อเราทั้งคู่ต่างมายืนอยู่ที่หน้าอาคารจัดแสดงสินค้าท่ามกลางสายตาของคนมากมายที่มองมาอย่างแปลกใจด้วยหน้ากากที่เด่นสะดุดตาซึ่งสวมอยู่บนใบหน้า แต่หลังจากที่มองอย่างยิ้มๆก็ไม่มีใครติดใจสงสัยพวกเขาอีกด้วยคิดว่าคงเป็นแขกที่มางานปาร์ตี้หน้ากาก  มีรถแท็กซี่ที่คุณครูเทโอจะใช้มันแทนรถฟักทองจอดรออยู่เป็นแถว

“หึๆ ครับ...”    ไหล่บางสั่นน้อยๆเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ....ขอแค่คืนนี้....แค่คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย...ขอให้เขาได้กลับเข้าไปอยู่ในฝันดีนั้นอีกสักครั้งเถอะ

แล้วตื่นขึ้นมา...เขาจะไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย...







รถแท็กซี่จอดลงที่ข้างแม่น้ำเทมส์ก่อนที่ร่างสองร่างจะก้าวขาลงมายืนเคียงข้างกัน

ต่อให้บนใบหน้าของพวกเขาจะไม่มีหน้ากากสวมอยู่แล้วแต่เสียงเพลงแห่งการเฉลิมฉลองของวันปีใหม่ก็ทำให้ผู้คนที่เดินสวนไปมาไม่มีใครจะมัวสนใจว่าพวกเขาเป็นใคร ในเมื่อตอนนี้ทุกๆต่างก็ให้ความสำคัญกับคนข้างกายมากกว่า ในคืนวันส่งท้ายปีแบบนี้

“นึกว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียแล้วนะ...”   เสียงทุ้มพูดออกไปในขณะที่ทอดสายตามองแสงไฟระยิบระยับที่ประดับจนพระราชวังเวสมินเตอร์และหอนาฬิกาบิ๊กเบนดูมีชีวิตชีวากว่าทุกครั้งที่เคยเห็น....นึกว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียแล้ว...ถึงจะไม่ใช่ในวันคริสต์มาสก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยในคืนข้ามปีพวกเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกัน

มือใหญ่จับกระชับมือบางก่อนจะค่อยๆเดินข้ามสะพานสะพานเวสมินเตอร์ไปด้วยกัน  ปล่อยให้ร่างกายได้จมหายไปกับฝูงชนและเสียงเพลงวันปีใหม่ แต่ยิ่งก้าวเดิน ยิ่งราวกับตกอยู่ในความฝันมากเท่าไหร่ หัวใจดวงน้อยก็ยิ่งอึดอัด ยิ่งทรมาน เพราะยิ่งมีความสุขก็ยิ่งไม่อยากจะตื่นจากความฝันอันแสนหวานนี้เลย

“สเลน?”   ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงมามองคนที่เดินอยู่ข้างๆเมื่อรู้สึกว่ามือที่จับเอาไว้นั้นมันสั่นน้อยๆ เสียงสะอื้นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้รู้ว่าคนที่เดินอยู่ข้างกายเขากำลังร้องไห้

ไม่ต่างจากข้างในหัวใจของเขาเลย....

ท่อนแขนแข็งแรงดึงร่างโปร่งบางมากอดเอาไว้ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสุขของคนรอบกาย คงจะมีแต่พวกเขาที่กำลังร้องไห้....

ใบหน้าหยิ่งทระนงจูบลงไปบนกลุ่มผมสีชา ทั้งๆที่หัวใจและร่างกายต่างเพรียกหาแต่กลับไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้

มันเป็นความทรมานที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก


CEOหนุ่มพาร่างโปร่งบางมานั่งพักที่ม้านั่งในสวนสาธารณะที่อยู่ด้านหลังพระราชวังเวสมินเตอร์ มือใหญ่ประคองแก้มใสก่อนจะบรรจงเกลี่ยไล้หยาดน้ำตาให้ ถึงแม้ว่าเสียงสะอื้นจะหายไปแล้วแต่เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ในใจมันกลับไม่ได้เบาบางลงเลย

เสียงระฆังจากยอดโบสถ์ดังก้องกังวานผสมผสานไปกับเสียงเพลงปีใหม่ ทั้งบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ทั้งความโหยหา มันทำให้ใบหน้าของพวกเขาขยับเข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด

ต่อให้รู้ว่ามันผิดแต่ก็ยากเกินจะหักห้ามใจ

ริมฝีปากแตะกันช้าๆโดยมีหอนาฬิกาเป็นฉากหลัง ความอ่อนนุ่มและความอบอุ่นที่คุ้นเคยมันทำให้ร่างกายยอมปล่อยหัวใจให้ล่องลอยไปกับจูบแสนหวาน

ถึงปลายลิ้นจะไม่ได้ล่วงล้ำแต่ทุกความรู้สึกที่ส่งผ่านกันและกันมันยิ่งกว่าจูบครั้งไหนๆที่เคยจูบกันเสียอีก

ไม่อยากละออกมา

ไม่อยากจะให้คนตรงหน้าหายไป

มีแต่ความรู้สึกนี้เท่านั้นที่ชัดเจนอยู่ในหัวใจ

ทั้งๆที่พวกเขายังรักกันมากมายขนาดนี้

แล้วทำไม....


ทำไม....



ร่างสองร่างนั่งอยู่เคียงข้างกันโดยไม่รู้ว่าเวลามันเดินผ่านไปนานแค่ไหน มือใหญ่จับมือบางเอาไว้ก่อนจะพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ

“จำได้ไหม...ว่าชั้นเคยมาตามจับเธอที่นี่? แล้วตอนนั้นเธอก็กลัวจนเป็นลมล้มพับไปเลย”   พอได้มานั่งอย่างสงบแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในวันนั้น เขากลับพูดถึงมันด้วยรอยยิ้ม

“จำได้สิครับ...ตอนนั้นผมกลัวมากเลย...ก็คุณน่ะ อย่างกับหมีขาวขั้วโลกเหนือจะมาไล่ตะปบผม”   ใบหน้าได้รูปเองก็หัวเราะไปกับมัน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำแบบไหนมันก็ทำให้ยิ้มได้ เพราะมันคือความทรงจำที่ทำให้พวกเขารักกัน

“ชั้นละสงสัยจริงๆว่าโกคุเดระ ฮายาโตะมองทุกคนเป็นหมีหมดเลยหรือไง? แล้วอย่างเธอล่ะเป็นหมีอะไร?”  ใบหน้าหยิ่งทระนงหันมาขมวดคิ้วถาม

“ฮะฮะ ไม่หรอกครับ หมอนั่นจะเห็นคนตัวใหญ่ๆเท่านั้นแหละครับที่เป็นหมี”

“อ้อ...งั้นอย่างเจ้าเอลวินก็เป็นหมีด้วยสินะ?”   CEOหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะให้ใครก็ตามมาเป็นหมีเป็นเพื่อนตน

“เอ...รู้สึกว่าจะไม่เคยเรียกบอสว่าหมีเลยนะครับ สำหรับโกคุเดระ บอสน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์มากกว่า”

“บอกตามตรงว่าชั้นไม่เคยคุยกับเจ้าเด็กบ้านั่นรู้เรื่องเลย”   ใบหน้าหยิ่งทระนงส่ายไปมาเมื่อนึกถึงเจ้านักขับหัวเงินนั่น ทั้งๆที่หน้าตาดีเหมาะจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เฟอร์รารี่แท้ๆ แต่ก็ติดที่ว่ามันพูดไม่รู้เรื่องกับรีไวที่คอยกันไว้นี่แหละ!

“ฮะฮะฮะ”   ใบหน้าได้รูปหัวเราะอย่างผ่อนคลาย การที่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้มันทำให้มีความสุขจริงๆ


มีความสุขจนไม่อยากจะทิ้งช่วงเวลานี้ไปเลย...


“คุณครูเทโอครับ...”   จากเสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นเสียงที่ดูสงบลง

“หืม?”

“คุณ...จะมางานแต่งงานของผมไหมครับ....”

“ฮึ...โหดร้ายจริงๆเลยนะเธอน่ะ”   ร่างสูงใหญ่หัวเราะในลำคอ น่าแปลกที่กลับไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด ไม่ได้หงุดหงิดจนอยากจะระบายอารมณ์ใส่เด็กนี่เหมือนที่ผ่านๆมา เขายังพูดต่อไปได้ด้วยใบหน้าอันสงบ

“ไปสิ...ในฐานะCEOของเฟอร์รารี่ที่ดูแลเธอมาตลอดหนึ่งปี ถ้าไม่ไปแสดงความยินดีมันคงแปลก...”   มันคงจะแปลกจริงๆนั่นแหละ ถ้าเฟอร์รารี่ไม่มีใครไปร่วมแสดงความยินดีสักคน ข่าวคงลงกันครึกโครมเป็นแน่และเขาก็ไม่อยากให้สเลนต้องลำบากแบบนั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะเจ็บจนเหมือนถูกเอาเกลือทาที่แผล...แต่เขาก็จะไป

“ขอบคุณมากนะครับ...”  

“แล้วชั้นจะบอกเอลวินกับเอเลนให้”

“ครับ...วันนี้ผมไม่มีการ์ดเชิญติดตัวมาเลย แล้วผมจะส่งให้ที่บ้านนะครับ”

“อืม”   เขาตอบรับเบาๆ สเลนก็ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแล้ว เหมือนเราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าคงยื้อต่อไปไม่ได้ จึงพยายามทำใจแล้วจากกันด้วยดีให้ได้


แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

เพราะหัวใจยังคงร่ำร้องหากันทุกวินาทีอยู่แบบนี้


“สเลน...โรงแรมที่ชั้นพักอยู่ใกล้ๆนี้.........ไปด้วยกัน...ไหม....”    ใบหน้าหยิ่งทระนงพูดด้วยใบหน้าเหม่อลอยในขณะที่ยังไม่ละสายตาจากผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา แต่มือใหญ่ก็สอดประสานมือบางเป็นเชิงอ้อนวอน

ร่างโปร่งบางเองก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวใดๆ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาดูสงบกว่าที่เคยเป็นมาก ถึงแม้ในใจจะรู้ดีว่าการทำแบบนี้มันผิด...ผิดต่อครอบครัวของเขา ผิดต่อเจ้าสาวของเขา...แต่หากว่าคืนนี้เขาเป็นเพียงแค่ซินเดอเรล่าที่สามารถทำตามใจตัวเองได้แล้วละก็ คงมีเพียงคำตอบเดียวที่จะเอ่ยออกไป

“.....ครับ....”  

ขอแค่คืนนี้....แค่คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย...ขอให้เขาได้กลับเข้าไปอยู่ในฝันดีนั้นอีกสักครั้ง

แล้วตื่นขึ้นมา...เขาจะไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย...


ร่างสูงใหญ่จึงลุกขึ้นยืนก่อนจะดึงร่างโปร่งบางขึ้นมา สองมือสอดประสานก่อนจะก้าวเดินไปด้วยกันท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ  โรงแรมระดับห้าดาวมองเห็นอยู่ตรงหน้า และขาทั้งสองคู่ก็ก้าวเข้าไปโดยไม่มีความลังเลใดๆอีก....











ร่างระหงของคุณหนูแห่งBMWเดินตามหาว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองไปทั่วทั้งงานแต่ก็ไม่เห็นร่างโปร่งนั่นแม้แต่เงา...ไปไหนของเขานะ? ทั้งๆที่อีกไม่กี่นาทีก็จะเลิกงานแล้วแท้ๆ

ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่น...สเลนก็เป็นแบบนี้ทุกที...นึกจะไปไหนก็ไปไม่เคยบอกเธอสักคำ...เมื่อตอนที่หนีออกจากบ้านไปเป็นนักขับเอฟวันนั่นก็ด้วย

ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว...ถึงจะยกให้เธอเป็นคนสำคัญแต่มันก็ไม่ใช่ที่หนึ่ง...จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย...

นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองกล่องของขวัญวันปีใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าถือ ตั้งใจว่าจะให้สเลนแล้วอยู่ด้วยกันในคืนข้ามปีแบบนี้ แต่อีกฝ่ายกลับหายตัวไปราวกับไม่เคยจำได้เลยว่าวันนี้คือวันสำคัญที่ควรจะต้องอยู่กับว่าที่เจ้าสาวอย่างเธอ!

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองที่ยาวถึงกลางหลังหันไปมองบูทสีแดงเพลิงของค่ายรถหรูจากอิตาลีที่อยู่ไม่ไกล...จริงสิ...วันนี้พวกเฟอร์รารี่ก็มาด้วยนี่นะ....

หรือว่าสเลนจะ....










“ฮ้า...ฮ้า....อื้อ~”   เสียงหอบหายใจดังก้องอยู่ในห้องที่เงียบสนิท เพียงแค่สองขาก้าวเข้ามาร่างกายก็ขยับเข้าหากันโดยไม่ต้องรอสมองสั่งการ ร่างโปร่งบางถูกดันลงไปนอนราบบนเตียงนุ่มจนแทบจะจมหายเมื่อร่างสูงใหญ่ตามมาคร่อมทับ ใบหน้าหยิ่งทระนงซุกไซร้ซอกคอระหงที่เอียงให้ นัยน์ตาสีมรกตปิดลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม กระดุมเสื้อสูทตัวเล็กถูกแกะออกทั้งๆที่ริมฝีปากร้อนยังไม่ละออกมาจากผิวเนื้อนุ่ม ไหล่บางขยับช่วยให้มือใหญ่ปลดสูทออกไปจนเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยตัวเดียว

“อื้ม~”   ริมฝีปากลากไล้จากซอกคอขึ้นมาที่ปลายคางมนก่อนจะจบลงที่ริมฝีปากสีระเรื่อ ปลายลิ้นล่วงล้ำเข้าไปกวาดต้อนสิ่งที่ห่างหาย ความโหยหาทำให้เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีดูเชื่องช้าไม่ทันใจ มือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามผิวเนียนนั้นอ่อนโยนก็จริงแต่ก็เร่งเร้าเหมือนมันจะไม่ทันต่อความต้องการที่กำลังล้นปรี่

“อะ...อื้ม~”    แพขนตาสีชาแนบแก้มใสเมื่อนัยน์ตาสีมรกตเปิดลงอย่างรัญจวนใจ ริมฝีปากของร่างสูงใหญ่ยังคงกดจูบคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จูบราวกับอยากจะกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัว มือบางสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีทองก่อนจะขย๋ำมันเบาๆเพื่อระบายความเสียวซ่านจากปลายลิ้นร้อนลากผ่านไปที่ยอดอกสีชมพู

“อื้อ~ คุณครูเทโอ~”    เอวบางแอ่นรับสัมผัสจากริมฝีปากที่กดจูบไปตามหน้าท้องแบนเรียบ  มือใหญ่บีบคลึงบั้นท้ายตึงแน่น ทำให้ต้นขาขาวอ้ารับร่างกายที่แสนคุ้นเคยโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

“อะ....”   สัมผัสลื่นๆเย็นๆที่สอดใส่เข้ามาในช่องทางคับแน่นทำให้ใบหน้าได้รูปสะบัดเงยขึ้นไประบายความเสียวซ่านผ่านเสียงคราง ยิ่งกลิ่นโลชั่นที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูกก็ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบิดเร่า  ร่างกายที่เคยมืออีกฝ่ายขนาดนี้ไม่อาจจะหลบหนีจากราคะอันอ่อนหวานที่ถูกมอบให้นั้นได้เลย

“สเลน...”   ใบหน้าหยิ่งทระนงขยับมากระซิบที่ใบหูในขณะที่กดร่างกายเข้าไปในตัวของอีกฝ่าย  แรงเสียดสีที่ทำเอาสุขสมจนแทบขาดใจทำให้ท่อนแขนบางยกขึ้นมาตวัดรอบคอแกร่งก่อนจะดึงร่างหนาให้ทาบทับลงมาแนบชิดกันมากขึ้น

“คุณครูเทโอ...อะ...อื้อ...”   คิ้วสีชาขมวดเข้าหากันเมื่อความเป็นชายใหญ่โตสอดใส่เข้ามาได้หมด  แล้วมันก็ไม่ต้องรอเพราะผนังภายในมันคุ้นกับอีกฝ่ายดีจึงขยายให้ก่อนจะโอบรัดด้วยความนุ่มนวล  แกนกายที่ฝังตัวเข้าไปจึงขยับได้ทันที

“อะ...อ้า~”   เสียงครางดังคละเคล้าไปกับเสียงสวบสาบของการสอดใส่ แรงเสียดสีที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆทำเอาสุขสมจนแทบจะสำลักออกมา อ้อมแขนต่างกอดก่ายซึ่งกันและกัน ความคิดถึง ความต้องการทำให้ละทิ้งความเขินอายทั้งหมดไปแล้วปล่อยหัวใจให้หลงมัวเมาอยู่ในวังวนที่ไม่อาจหลุดพ้นได้

แต่ถึงร่างกายจะรู้สึกดีแค่ไหน ความจริงที่ว่าเราสองคนต้องเลิกกันมันก็ยังอยู่  ยิ่งรู้ว่าจะต้องพรากจากก็มีแต่จะทำให้ร่างกายถาโถมเข้าใส่กันราวกับแม่เหล็ก  ทั้งมีความสุข ทั้งทุกข์ทรมาน มันผสมผสานกันจนแยกไม่ออก

“คุณครูเทโอ ผมจะ...อ๊ะ!”   มือใหญ่เอื้อมมากดปลายแกนกายเล็กเอาไว้ก่อนจะกระแทกหนักๆอีกสองสามครั้งก่อนจะคลายมือแล้วปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

“ฮ้า...ฮ้า....ฮ้า.....”   ใบหน้าหยิ่งทระนงซบลงมาที่ไหล่บางพลางหอบหายใจ ส่วนคนข้างใต้ยังคงล่องลอยราวกับยังไม่กลับมาจากสวรรค์

และเพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าคืนนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะงั้นร่างกายจึงไม่ยอมละออกจากกัน   แกนกายร้อนลุ่มยังคงฝังอยู่ในผนังอ่อนนุ่มที่โอบรัดอย่างอ่อนโยนครั้งแล้วครั้งเล่า

ในที่สุดคืนข้ามปีคืนนี้...พวกเขาก็ทำได้แค่เคาน์ดาวน์กันอยู่บนเตียง...


อีกฝ่ายเป็นคนสุดท้ายที่นอนด้วยในปีนี้ แล้วก็เป็นคนแรกที่มีอะไรด้วยในปีใหม่

ทั้งๆที่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปแท้ๆ


แต่ว่าเวลาของซินเดอเรล่านั้นก็หมดลงแล้ว...



ร่างโปร่งบางยืนมองร่างสูงใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง  อีกไม่นานฟ้าก็จะสางแล้วแสงแดดก็จะทอประกายเข้ามาในห้องนี้...

เขาต้องรีบไปก่อนที่จะมองเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจน...

เพราะไม่เช่นนั้น เขาอาจจะไม่ยอมตัดใจ

ใบหน้าได้รูปก้มลงไปจูบริมฝีปากของคนที่ยังหลับเบาๆ


“ขอบคุณมากนะครับคุณครูเทโอ...ที่ทำให้ผมได้พบกับความรักที่ดี”   ได้มีคุณอยู่ในหัวใจของผม ได้มีผมอยู่ในหัวใจของคุณ...

ผมจะเก็บความรักนี้เอาไว้ในใจตลอดไป

“ลาก่อนครับ...”   ใบหน้าได้รูปยิ้มจางๆให้กับคนที่ยังหลับก่อนจะก้าวขาเดินออกมาจากห้อง ต้องรีบไปก่อนที่น้ำตามันจะไหลลงมาอีก...


เวลาของซินเดอเรล่านั้นจบลงแล้ว...เช่นเดียวกับเวลาของพวกเราที่จบลงแล้วเช่นกัน...









งานมอเตอร์โชว์ภาคพื้นยุโรปจบลงแล้วและหลังจากวันนั้นมาสเลนก็ไม่ได้มาที่งานอีก...ไม่รู้ว่าตั้งใจหลบหน้าหรือว่าถูกใครกีดกันอยู่หรือเปล่า

แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ที่นั่นอีกต่อไป CEOหนุ่มจึงกลับมาทำงานหามรุ่งหามค่ำอีกครั้งหลังจากที่ฝ่าเท้าเหยียบแผ่นดินอิตาลี

และวันนี้เขาก็กลับบ้านมาด้วยสภาพราวกับผีดิบ...

มือใหญ่เปิดฝาตู้รับจดหมายก่อนจะกวาดมันใส่มือลวกๆ เพราะงั้นกว่าเขาจะได้เห็นว่ามีจดหมายส่งมาจากอังกฤษก็เมื่อกลับเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วเรียบร้อย

บัตรเชิญที่ไร้ชีวิตชีวาถูกส่งมาที่บ้านปะปนอยู่กับซองจดหมายธรรมดาๆจนแทบแยกไม่ออก  นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองชื่อที่อยู่บนการ์ดแต่งงานนั่นด้วยสายตาที่เฉยเมย...ทั้งๆที่เมื่อก่อนยังทำการ์ดได้น่ารักกว่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า...เด็กนั่นเองก็คงไม่มีแก่ใจจะทำเท่าไหร่เหมือนกันสินะ...

แล้วความทรงจำที่เคยทำให้เขามีความสุขมากอันหนึ่งก็ย้อนกลับมาในหัว

วันนั้นเป็นวันที่เขาทำงานเสร็จไว ก็เลยตั้งใจจะแอบเข้าบ้านมาดูว่าสเลนกำลังทำอะไรอยู่


“ทำอะไรอยู่น่ะสเลน?”   ร่างโปร่งบางกำลังนั่งระบายสีอะไรไม่รู้อยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ใบหน้าได้รูปดูจะเพลิดเพลินไปกับเจ้าสีไม้นั่นจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยว่าเขากลับมาแล้ว ร่างสูงใหญ่จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ชะโงกหน้าพลางถามออกไปแบบนั้น

“เอ๊ะ?! ทำไมกลับมาแล้วล่ะ? อ๊ะ! เปล่าครับ! ไม่ได้ทำอะไร!”   จะเปล่าได้ไงล่ะ? ในเมื่อมือบางเพิ่งจะเก็บอะไรสีแดงๆบางอย่างซ่อนไว้ข้างหลังชัดๆ

“เอา-มา-ดู-เดี๋ยว-นี้....”   ถึงเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงกดดันแต่ใบหน้าที่แดงเถือกนั่นก็ส่ายไปมารัวๆ...ไม่ยอมส่งมาดีๆงั้นเหรอ?...ได้...

“อ๊ะ?! คุณครูเทโอ! อย่าแย่งสิครับ อ๊ะ?! ฮะฮะฮะ”   ในเมื่อเขาพยายามล้วงหน้าล้วงหลังก็แล้ว เจ้าเด็กตรงหน้าก็ยังเอี้ยวตัวหลบจนได้ มือใหญ่จึงผลักร่างโปร่งลงไปนอนกับพื้นพรมก่อนจะจักจี้จนคนถูกกระทำได้แต่หัวเราะจนน้ำตาไหล แล้วในที่สุดเขาก็แย่งกระดาษสีแดงๆนั่นมาจนได้

นี่มัน...

เขาจ้องมองกระดาษที่วาดเป็นรูปรถเอฟวันซึ่งระบายด้วยสีไม้ง่ายๆสีแดงสองชิ้นที่พับติดกันด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง...เพราะข้างในมันมีชื่อของเขาคล้องกับชื่อของสเลนเอาไว้ด้วยรูปหัวใจ

นี่มัน...

การ์ดเชิญงานแต่งงาน?

“หึๆๆ....”   เขายกมือขึ้นมาบังริมฝีปากพลางหัวเราะทั้งที่รู้สึกว่าสองแก้มกำลังร้อนผ่าว ถึงฝีมือการวาดรูปจะเหมือนเด็กๆแต่ความหมายของมันกลับน่ารักเสียจนเขาต้องหลงรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สเลนกำลังแอบทำการ์ดเชิญงานแต่งงานของเราสองคน? และเพราะว่าเราทั้งคู่ต่างก็อยู่ในเฟอร์รารี่ รู้จักกันได้ก็เพราะเจ้ารถเอฟวันคันนี้นี่แหละ เพราะงั้นสเลนเลยเลือกใช้รูปรถเอฟวันมาทำเป็นการ์ดสินะ

น่ารักเสียจนต้องหัวเราะเพื่อปิดบังความเขินเลยละ

“โธ่~ อย่าหัวเราะสิครับ~ คะ คือว่า ที่พิตการาจน่ะครับ!

“ที่พิตการาจทำไม?”  เขาเงยหน้ามองคนที่กำลังแก้ตัวด้วยท่าทางลนๆ หน้าของเด็กนั่นแดงยิ่งกว่าลูกเชอร์รี่เสียอีก

“ก็...วิศวกรคนนึงของทีมเรากำลังจะแต่งงานน่ะครับ...ที่พิตการาจก็เลยจัดประกวดให้ทุกคนไปดีไซน์การ์ดแต่งงานมาน่ะครับ แล้วของใครได้โหวตมากสุดก็จะเอาแบบของคนนั้นไปทำการ์ดงานแต่งจริง...ผะ ผมก็เลยต้องทำน่ะครับ!”   สเลนหลับหูหลับตาพูดออกมาด้วยหน้าแดงเถือก

“เห๋~~~?  แต่นี่มันชื่อของชั้นกับชื่อของเธอนี่นา~?”   เขาหยอกล้อเด็กนั่นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ตอนนี้ใบหน้าได้รูปนั่นคงอยากจะมุดลงไปในพรมแทบตายแล้วมั้งน่ะ...ก็น่ารักแบบนี้จะห้ามใจไม่รังแกได้ยังไง

“กะ ก็ผมไม่รู้ชื่อเจ้าสาวนี่ครับ...ก็เลย...ละ ลองเอาชื่อตัวเองใส่ไปก่อน.....”   แล้วก็ลองใส่ชื่อเจ้าบ่าวเป็นชื่อเขาด้วยสินะ?

“โธ่~ ยิ้มอะไรน่ะครับ! แล้วก็เอาของผมคืนมาเลยนะ!”   มือบางพยายามคว้าการ์ดในมือเขา แต่เพราะเขาสูงกว่า แขนบางนั่นเลยคว้าไปไม่ได้

“ เปล่านี่~ ไม่ได้ยิ้มอะไรเลย~ แล้วก็การ์ดนี่ชั้นขอแล้วกัน ถ้าเธอจะทำไปประกวดก็ทำอันใหม่อีกอันแล้วกันนะ”   สองนิ้วคีบการ์ดนั่นก่อนจะโบกไปมาแล้วก้าวขาเดินตัวปลิว

“คุณครูเทโอนี่ละก็~”   ใบหน้าเง้างอดที่ยืนอยู่ข้างหลังทำเขานึกอยากจะแกล้งขึ้นมา จึงหันกลับไปหยอกน้อยๆว่า

“แล้วก็อย่าเผลอเขียนชื่อตัวเองลงไปอีกล่ะ เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นมันจะล้อกันทั้งพิตการาจ”   ได้ยินเหมือนเสียงระเบิดลูกเล็กๆ สงสัยใบหน้าได้รูปนั่นจะร้อนเกินไป?



เขาจำได้ว่าเพราะเรื่องการ์ดนั่นมันทำให้เขายิ้มแก้มปริไปทำงานจนพวกลูกน้องในสำนักงานใหญ่พากันแตกตื่นไปทั้งอาทิตย์เพราะคิดว่าเขาโดนผีเข้า...ทำไม? คนอย่างเขายิ้มนี่มันผิดตรงไหน? สเลนก็เห็นออกจะบ่อย

ร่างสูงใหญ่เดินขึ้นไปบนห้องนอน มือเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาก่อนที่จะอมยิ้มกับการ์ดแต่งงานทำมือที่วางอยู่ในนั้น...ดูสิ...การ์ดที่สเลนทำด้วยใจมันน่ารักและมีชีวิตชีวากว่าการ์ดแต่งงานที่เลือกเอาจากแคตตาล็อกของโรงพิมพ์นั่นตั้งเยอะ

นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองการ์ดรูปรถเอฟวันที่ระบายสีไม้เหมือนเด็กประถมด้วยหัวใจที่อบอุ่น ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นกล่องกำมะหยี่สีเลือดนกที่วางอยู่ลึกเข้าไปข้างใน

กล่องนั่นใส่แหวนประจำตระกูลของสเลนที่เขาแอบเก็บเอาไว้


แหวนประจำตระกูล...ที่จะทำให้สเลนแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้...ถ้าไม่มีมัน...



Ferrari 458 Italia สีขาวขับออกจากบ้านในเขตมอนชิโอ้...เขาก็แค่อยากคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้ดีอีกสักครั้ง

ก็ทั้งการ์ดเชิญที่ทำเหมือนขอไปที ทั้งสเลนที่ไม่ยอมปฏิเสธที่จะมีเซ็กส์กับเขา...มันทำให้ความตั้งใจที่ว่าจะตัดใจเริ่มจะไร้ความเด็ดขาดขึ้นทุกทีๆ

ใช่...ตอนนี้เขากำลังลังเล...

ทั้งๆที่ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะยอมรับการตัดสินใจของเด็กนั่น...แต่ในเมื่อหลายๆอย่างมันเป็นแบบนี้

เขาเลยยิ่งหาเหตุผลให้เข้าข้างตัวเองได้จนไม่อาจจะตัดใจ

แล้วเขาควรจะทำยังไง? ควรจะทุ่มเทให้กับความรักแล้วปล่อยให้คนของเฟอร์รารี่...ปล่อยให้คนของเขา...ต้องอดตายอย่างงั้นเหรอ?

เขาปล่อยแหล่งวัตถุดิบนั่นให้โรลส์-รอยซ์ไม่ได้เขารู้ดี


Ferrari 458 Italia สีขาวเลี้ยวเข้าไปในสนามฟิโอราโน่ที่ไม่มีใครอยู่แล้วเพราะดึกดื่นป่านนี้  ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในพิตการาจก่อนจะมองป้ายประกาศที่มีการ์ดแต่งงานแปะเอาไว้เต็มบอร์ด...เจ้าพวกนั้นมันประกวดกันอย่างที่สเลนว่าจริงๆสินะ แล้วไอเดียของแต่ละคนนี่ก็รู้สึกสงสารเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะต้องเอาไปใช้จริงๆ...การ์ดรูปหมีหน้าเบี้ยวๆนี่มันอะไรน่ะ? ไม่เห็นจะมีอะไรที่สื่อถึงคนที่นี่ได้สักนิด? ความชอบส่วนตัวใช่ไหม? ความชอบส่วนตัวสินะ? ถ้างั้นเขาก็รู้แล้วละว่าใครมันเป็นคนทำการ์ดหมีนี่ขึ้นมา!

แต่การ์ดหมีนั่นอาจจะดูธรรมดาไปเลยก็ได้นะถ้าเทียบกับการ์ดที่ทั้งแผ่นไม่มีอะไรแต่มีถุงยางอนามัยติดอยู่ตรงกลางหนึ่งอัน....ไม่ต้องบอกก็รู้เลยสินะว่ามันจะสื่อถึงอะไร...แล้วมันยังมีการ์ดที่ซับซ้อนจนต้องเขียนไว้ที่มุมกระดาษว่าให้ใช้คันบังคับวิทยุในการเปิดการ์ดอีกต่างหาก...ยากไปไหมเนี่ย? ถึงจะดูตั้งใจคิดก็เถอะนะ?  นอกนั้นก็มีทั้งรูปประแจบ้างละ ท่อไอเสียบ้างละ พวงมาลัยบ้างละ เรียกว่าการ์ดแต่ละอันนี่ครีเอทกันซะจนไม่นึกสงสารงานแต่งเค้าบ้างเล้ย

เขาถึงกับต้องยกมือยึ้นมาปิดปากขำในลำคอ  ดูสิ...การ์ดที่ทำด้วยใจมันต้องเป็นแบบนี้...ถึงมันจะเกินไปบ้างบางอันก็เถอะนะ

นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองการ์ดของสเลนที่รวมอยู่ในนั้นด้วย...ตอนเด็กนั่นอยู่ที่นี่คงจะมีแต่ความสุข...ถึงตอนแข่งจะเครียดจะลุ้นจนตัวโก่งไปบ้างแต่อย่างน้อยสเลนก็คงยิ้มได้ถ้าอยู่กับคนบ้าๆพวกนี้

คงจะไม่เหมือน...กับตอนที่อยู่บ้านในอังกฤษ...

ร่างสูงใหญ่เดินลึกเข้าไปในพิตการาจ รถสีเพลิงสองคันยังคงจอดอยู่เคียงข้างกัน...ป่านนี้เจ้าพวกนั้นคงรู้แล้วว่าสเลนส่งจดหมายลาออกมา...แต่ที่ยังจอดรถเอาไว้แบบนี้ก็เพราะว่าทุกคนยังรอ....ให้เด็กนั่นเปลี่ยนใจแล้วกลับมา

นัยน์ตาสีฟ้าทอดมอง SF15-T SLAINE ด้วยแววเหม่อลอย

เสียงฝีเท้าหนึ่งก้าวเข้ามาหา เขาเห็นเงาของหมอนั่นที่สะท้อนผ่านผิวสีแดงของรถมา

“ทำไมนายยังอยู่ที่นี่?”   เขาถามออกไปอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอเจ้าเทรนเนอร์หน้าตายนั่นที่นี่ในเวลาแบบนี้  

“ชั้นลืมชาร์ตบอร์ดี้ของโคโมริ เลยกลับมาเอา”   คงจะมีแต่หมอนี่แหละที่กล้าพูดต่อหน้าคนเป็นแฟนอย่างเขา ว่าตัวเองลืมสัดส่วนของสเลนเอาไว้เลยกลับมาเอา...ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงเดือดเป็นไฟไปแล้ว

“เด็กนั่น...จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมนายยัง....”

“นายก็เชื่อเหรอว่าสเลนจะไม่กลับมา?”   เขาได้แต่เหม่อมองสนามที่ว่างเปล่าเมื่อได้ฟังคำพูดของไคซึกะ อินาโฮะ...เขาไม่เคยเชื่อ...ไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี่มันเป็นเรื่องจริง ทั่วทั้งหัวใจของเขายังคิดอยู่เสมอว่าหากเช้าวันใหม่มาถึง เขาจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าสเลนก็ยังนอนอยู่ข้างๆเขา สักพักก็จะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขา พอสายๆเด็กนั่นก็ออกมาที่สนามฟิโอราโน่แห่งนี้เหมือนที่ทำเป็นประจำ

 “ถ้าเป็นนายจะทำยังไง?”   เสียงทุ้มถามออกไปทั้งๆที่ยังมองตรงไปที่สนาม  เทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยเลยตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งไร้ความลังเลว่า  

“ชั้นจะแย่งมา...เหมือนตอนที่ชั้นพยายามแย่งมาจากนายนั่นแหละ...ตอนนั้นชั้นพยายามแล้ว...เพราะงั้นถึงจะไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร...แล้วนายล่ะ? ได้พยายามบ้างหรือยัง?”

CEOหนุ่มถึงกับชะงักในคำตอบที่ตรงไปตรงมา...ใช่...เขายังไม่ได้พยายามเลยสักนิดไม่ว่าเรื่องอะไร ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปด้วยตัวของมันเองโดยที่เขายังไม่ได้ดิ้นรนอะไรเลย ทั้งเรื่องวัตถุดิบ ทั้งเรื่องของสเลน  เขาที่เป็นCEOมาไม่รู้กี่ปีจะไม่มีวิธีหาวัตถุดิบเลยเหรอ? เขาที่เป็นคนรักของสเลนมาไม่รู้กี่วันจะไม่มีวิธีรั้งเด็กนั่นเลยเหรอ? 

เสียสละอะไรกัน มันไม่เข้ากับเขาเลยสักนิด


ถ้าเขารักเด็กนั่นจริง เขาต้องแย่งชิงมาให้ได้ต่างหาก


ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปมองหน้าเทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยตรงๆเป็นครั้งแรก ถึงจะไม่ได้พูดคำว่าขอบใจออกไป แต่ที่เขาพยักหน้าให้อีกฝ่ายก็เข้าใจ

“ชั้นจะส่งบิลค่าบำบัดไปที่สำนักงานใหญ่ก็แล้วกัน”    เสียงนิ่งเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป...หึ...สงสัยว่าเจ้าเทรนเนอร์นี่จะเก่งจริงอย่างที่เอลวินกับสเลนว่า...เขาเพิ่งจะประจักษ์กับตาก็วันนี้นี่แหละ

แต่ยังไงเขาก็ไม่คิดจะยกสเลนให้หรอกนะ

ไม่ยกให้หรอก...ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเทรนเนอร์นั่น...หรือแม้แต่คุณหนูของBMW!









.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




อร๊างงง~ รู้สึกชอบNCของตอนนี้ที่สุดเยย >////< มันแบบ...โหยหา นุ่มนวล สุขปนเศร้า อะไรแบบนี้ งื้อออออ >////< ชอบช่วงที่ซินเดอเรล่าหนีตามนางฟ้า?ไปด้วยกันมากๆเลยค่ะ5555 ส่วนตัวเป็นพวกชอบบรรยากาศแบบเงียบๆงึมๆโรแมนติกๆแบบนี้อยู่แล้วด้วย คือเขียนฉากนี้ไปเพ้อไป เศร้าไป สุขไป อร๊ากกกก

It feels like nobody ever knew me until you knew me
Feels like nobody ever loved me until you loved me
Feels like nobody ever touched me until you touched me
Baby, nobody, nobody until you

จากเพลง Until You ของ Shayne Ward  งื้ออออออ เปิดฟังตอนแต่งช่วงหนีตามกับNCของตอนนี้แล้วมันแบบ...เพ้อไปถึงดาวอังคารได้ฟฟฟฟฟฟ

ปล่อยคุณกวางมันเพ้อไป ขอขอบคุณคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วมากๆๆๆๆเลยนะคะ อ่านแล้วน้ำตาจิไหล ฮือออออ ดีใจ~~ >////<

ขอบคุณทุกๆการติดตามด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า  





2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 ตุลาคม 2558 เวลา 18:45

    ไม่แน่ใจว่านางฟ้ารึซาตานนะคะ ที่ล่อลวงซินเดอเรลล่าออกไป 555 แต่รู้สึกดีนะคะที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอีก ถึงแม้ว่าจะเป็นคืนเดียวก็ตาม เพราะไม่งั้นคุณครูเทโอคงได้เป็นพระเอกเอ็มวีอีกหลายตัวแน่ๆ #ทีมครูเทโอ สู้เค้าค่ะ ✌��️✌��✌��✌��

    ตอบลบ
  2. ถ้ามีนางฟ้าแบบนี้ตามไปเถอะลูก เพื่อความฟินและความผาสุขของเรา5555...

    ไปแย่งมาเลยค่ะ ไปเลย! เดี๋ยวร่วมด้วยไปกองหนุน! อ๊ากก อ่านเท่าไรก็อยากฆ่ายัยคุณหนู อินมาก อ๊ากกก

    ฮือๆ ความรักของครูเทโอ้กับสเลนนี่ล่ะ ใช่เลย ลึกซึ้ง.อ๊าก!

    รออ่านต่อแบบจับจ้องคะ สู้ๆนะคะพี่ พยายามเข้านะคะ เป็นกำลังใจให้คะ รวมเล่มอย่าลืมบอกกันนะคะ จะซื้อ!!!!

    ตอบลบ