Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and
SILVER#20[END]
For
HBD. Count Cruhteo
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่กลับไปทำงานหามรุ่งหามค่ำเหมือนเดิม
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำเพราะต้องการจะลืมเรื่องของสเลน...ตรงกันข้าม...เขากำลังหาทางแก้ปัญหาให้โรลส์-รอยซ์ต่างหาก
เพราะถ้าไม่มีปัญหาพวกนี้ สเลนก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องแต่งงานอีกต่อไป
“คุณครูเทโอครับ
ห้องวิจัยขอเลื่อนส่งรายงานส่วนผสมทางเคมีพรุ่งนี้นะครับ วันนี้ไม่ทันจริงๆ” เลขาวิ่งหน้าตั้งเข้ามาบอก
“อืม
พรุ่งนี้ก็ได้ชั้นให้เวลาถึงแค่ 5 โมงเย็น แล้วเรื่องโรงถลุงล่ะ?
มีที่ไหนจะรับทำให้เราบ้าง?”
มือใหญ่วางแฟ้มเอกสารลงเพื่อคุยกับเลขาที่วิ่งวุ่นไม่แพ้กัน แต่ก็น่าแปลก
ทั้งๆที่มันเป็นคำขอร้องที่เอาแต่ใจแถมยังเป็นเรื่องส่วนตัวแต่คนรอบข้างต่างยินดีช่วยด้วยความเต็มใจ?
เขาแอบได้ยินหลายคนพูดว่ายอมลำบากตอนนี้ยังดีกว่าต้องอยู่กับปีศาจไปทั้งชาติ?
ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันหมายความว่าไง? แต่ก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอกที่ทุกคนอยากให้สเลนกลับมา
“มีหลายที่สนใจเลยครับ”
เลขารายงานพลางสไลด์แท็บเล็ตก่อนจะยื่นให้เขาดูคร่าวๆ
“หึ...ก็แหงล่ะ
มันเท่ากับการอัพเกรดโรงถลุงของตัวเองเลยนี่ มีเราช่วยดูเรื่องส่วนผสมทางเคมีของเหล็กแล้วก็กรรมวิธีการผลิตให้ฟรีๆ
ทางนั้นไม่ต้องจ้างนักวิจัยเองแบบนี้ ใครจะไม่อยากทำ” ใบหน้าหยิ่งทระนงเหยียดยิ้มกับวิธีการที่คงไม่มีใครเค้าทำกัน
เพราะอันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของค่ายรถอย่างพวกเขาเลยที่จะต้องเข้าไปช่วยถึงขั้นวิธีการผลิตวัตถุดิบ
ปกติก็แค่ซื้อมาใช้เท่านั้น จะผลิตออกมาได้แค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับเกรดของโรงถลุงเองนั่นแหละ
ถ้าอยากขายของดีราคาแพงให้พวกเขาได้ก็ต้องจ้างนักวิจัยเองประมาณนั้น
“ปริ้นท์รายชื่อโรงถลุงพวกนี้มา
ขอผลงานและราคาตั้งที่พวกนั้นเสนอมาแบบละเอียดด้วยแล้วกัน
ชั้นจะเลือกเองว่าจะเอาที่ไหนบ้าง”
เลขาตอบรับก่อนจะขอตัวเดินกลับไป
แผ่นหลังกว้างเอนพิงพนักเก้าอี้พลางทอดสายตามองรูปปั้นม้าลำพองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน...ปัญหาหลักของตอนนี้ก็คือโรงถลุงไม่พอ...เพราะงั้นก็แค่เพิ่มจำนวนให้มันพอก็จบแล้วนี่?
ก็อย่างที่บอกว่าโรงถลุงที่จะผลิตวัตถุดิบระดับที่รถอย่างเฟอร์รารี่หรือโรลส์-รอยซ์ต้องการได้นั้นมันมีอยู่น้อย
แต่ก็ใช่ว่าโรงถลุงทั่วโลกจะมีน้อยเสียเมื่อไหร่
ก็แค่โรงถลุงส่วนใหญ่ไม่รู้กรรมวิธีการผลิตก็เท่านั้นเอง ในเมื่อทางนี้ก็คุ้นเคยและมีวัตถุดิบที่จะต้องใช้อยู่ในมือ
ก็แค่ให้พวกนักวิจัยช่วยถอดส่วนผสมทางเคมีให้ มันก็น่าจะช่วยเพิ่มโรงถลุงได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ทิ้งโรงถลุงเก่าๆที่เคยใช้
เพราะกว่าพวกโรงถลุงใหม่จะเข้าที่เข้าทางก็น่าจะทันแค่รอบการผลิตช่วงกลางถึงท้าย
แต่ช่วงต้นๆนี่ยังไงก็คงต้องกัดฟันซื้อวัตถุดิบที่แพงกว่าปกติไปก่อน
มือใหญ่จึงหยิบเอกสารรายชื่อโรงถลุงที่ใช้งานได้เลยขึ้นมาดู
แล้วจู่ๆข้อมูลบางอย่างก็ทำให้ต้องชะงักไป
“นี่มัน....”
นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องไปที่หน้ากระดาษหนึ่งของแฟ้มเอกสาร
เป็นเพราะตอนนี้ไม่ว่าจะแหล่งวัตถุดิบไหน โรงถลุงไหน ต่อให้แบ่งขายให้น้อยนิดแค่ไหนโรลส์-รอยซ์ก็ต้องการทั้งนั้น
เขาจึงให้เลขาไปหาข้อมูลมาทั้งหมด รวมไปถึงโรงถลุงเก่าที่เฟอร์รารี่เคยใช้ด้วย
และจากการที่เลขาส่วนตัวทำงานกับเขามานานจึงรู้ดีว่าไม่ว่าจะข้อมูลเล็กน้อยแค่ไหนเขาก็ต้องการที่จะรู้
เพราะงั้นรายงานของเลขจึงมักจะละเอียดยิบอยู่เสมอ และคราวนี้เองก็เช่นกัน
ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องไปขุดคุ้ยว่าโครที่มันมาแย่งซื้อวัตถุดิบของเฟอร์รารี่ไปจนเขาต้องไปเบียดบังเอาของโรลส์-รอยซ์มาอีกที
แต่เอกสารนี่มันก็ทำให้เขารู้แล้วว่าใครคือต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้
กลุ่มBMW...
พวกนั้นมากว้านซื้อวัตถุดิบของเฟอร์รารี่ไป...
ทำไมกันล่ะ?
ในเมื่อปีที่ผ่านมาก็ใช่ว่าBMWจะทำยอดขายได้ผิดหูผิดตาจนจะต้องใช้วัตถุดิบในการผลิตรถมากขึ้นเป็น3-4เท่าขนาดนี้
หัวสีทองเริ่มประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่ร่างกายจะรู้สึกชาวาบ...
นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ...แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัว...
พวกนั้นไม่ได้คิดแค่จะทำลายเขาหรือเฟอร์รารี่...แต่สิ่งที่BMW...ไม่สิ...ต้องบอกว่าสิ่งที่คุณหนูของBMWต้องการ...ก็คืองานแต่งงานในครั้งนี้ต่างหาก!
เพราะรู้ดีว่าหากสถานะการณ์ของโรลส์-รอยซ์ไม่สู้ดี
ยังไงสเลนก็ต้องถูกบีบให้แต่งงานแน่เพราะต้องการจะรั้งไม่ให้BMWถอนหุ้นไป...แล้วทุกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้...แต่พวกนั้นก็ยังกลัวตัวอันตรายอย่างเขา
ถึงได้หาเรื่องให้เฟอร์รารี่ต้องเป็นคนที่ไปแย่งแหล่งวันถุดิบของโรลส์-รอยซ์
ปลายนิ้วกดโทรศัพท์ภายในไปถึงเลขาก่อนเสียงทุ้มจะถามออกไปว่า
“ใครเป็นคนแนะนำโรงถลุงใหม่ของเราให้นาย?”
“เอ่อ...เพื่อนผมน่ะครับ...ตอนนั้นเห็นคุณครูเทโอเครียดมากเพราะไม่รู้จะทำยังไง
ผมก็เลยลองถามๆดูจากเพื่อนๆที่รู้จักกัน มีคนหนึ่งอยู่ในวงการรถเหมือนกัน
หมอนั่นบอกให้ลองไปถามที่นี่ดูน่ะครับ”
“หมอนั่นที่ว่านี่ทำงานให้ค่ายรถไหนอยู่?”
“เอ่อ...เป็นพวกฝ่ายจัดซื้อของ
BMW...” ชัดเจนเลยทีนี้...เป็นเพราะตอนนั้นพวกเขาเองก็ร้อนรนเรื่องวัตถุดิบกันแทบตายเหมือนกัน
ก็เลยไม่ทันได้สืบสาวแหล่งที่มาของข้อมูล
มีอะไรใช้ได้ก็แก้สถานการณ์กันไปก่อน...อีกอย่างในทางปฏิบัติแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องรู้ด้วย
แต่ถ้ารู้...เรื่องราวมันคงไม่ดำเนินมาในทางนี้แน่...
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณครูเทโอ?” เลขาถามกลับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เปล่า
ไม่มีอะไร แค่นี้นะ”
ปลายนิ้วกดวางสายภายในก่อนจะแสยะยิ้มร้าย
เขาไม่รู้หรอกนะว่าคนที่คิด
คนที่ลงมือคือคุณหนูนั่นหรือว่าคนเป็นพ่อ...รู้แต่ว่าการแย่งชิงครั้งนี้มันยิ่งกว่าตอนที่เขาสู้กับไคซึกะ
อินาโฮะหรือซาสบาร์มหลายเท่า ถ้าเขาตามเกมไม่ทันก็คงถอดใจแล้วยกสเลนให้โดยที่ไม่เอะใจด้วยซ้ำ
หึ...แต่พอรู้แบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย
ในเมื่อทางนั้นเองก็ไม่ได้ใสซื่อมือสะอาด
เพราะงั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป!
“ว่ายังไงนะ? แหวนประจำตระกูลหาย?!!”
เสียงปวดประสาทของคุณป้าเทเรซ่าดังลั่นห้องนั่งเล่นของบ้านซาสบาร์ม หลังจากโดนคาดคั้นอยู่หลายนาทีร่างโปร่งบางเจ้าของแหวนจึงยอมสารภาพออกไปทำให้ต้องมายืนก้มหน้าก้มตาให้อีกฝ่ายด่าว่าอยู่แบบนี้
“ทั้งๆที่มันควรจะถูกเก็บอย่างดี
แต่นี่เธอกลับทำมันหาย?! โอยตาย...ชั้นอยากจะเป็นลม...ไร้ความรับผิดชอบจนไม่รู้จะพูดยังไง!” ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นแต่หน้าตาของคุณป้าตอนนี้ก็น่ากลัวจนนัยน์ตาสีมรกตที่แอบเหลือบมองต้องรีบหลบอย่างไม่กล้าสบตา
“ไม่ใช่ว่าแอบเอาไปจำนำแล้วไม่มีเงินไปไถ่คืนหรือไง?
แหวนนั่นน่าจะราคาดีอยู่นะ” คุณอาวิคตอเรียพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจแต่ทั้งประโยคนั้นมันกลับทำให้เขาถึงกับผงะว่าคิดได้ยังไง
“สเลน!
บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้!” เป็นอีกครั้งที่ต้นแขนของเขาถูกมือที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรนั่นบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“ปะ
เปล่าครับ...มันหายไปจริงๆ...” เขายังคงยืนยันคำเดิม
แต่ในสายตาของคุณป้าเขาก็คงจะเป็นได้แค่ผู้ร้ายปากแข็ง
มือนั่นจึงสะบัดแขนเขาออกอย่างแรงจนเขาถึงกับเซถอยหลัง
“ดูลูกชายของเธอสิ!
ดูมันสิ!!
ขนาดแหวนวงเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้แล้วต่อไปเธอยังจะไว้ใจให้มันดูแลโรลส์-รอยซ์ต่ออีกหรือไง?
ชั้นว่าคงได้ล่มสลายเหลือแต่ชื่อก็คราวนี้!!” ใบหน้าได้รูปก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิดที่ไม่ดูแลแหวนนั่นให้ดี
คุณพ่อถึงต้องมาโดนว่าไปด้วยแบบนี้...แต่คนที่เลี้ยงเขามากลับไม่ต่อว่าอะไร
ร่างสูงใหญ่เพียงแค่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
“ช่างมันเถอะน่า...ก็แค่แหวน...ไปซื้อใหม่สำหรับงานแต่งนี่ไปก่อนแล้วกัน
หลังจากนั้นค่อยทำมาเปลี่ยนให้ใหม่”
เจ้าบ้านซาสบาร์มพยายามหาทางแก้ไขแต่คนที่ยึดติดกับแบบแผนโบราณมีหรือจะพอใจกับคำตอบแบบนี้
“นี่พวกเธอสองพ่อลูกคิดว่าความศักดิ์สิทธิ์ของมันอยู่ที่ไหนกัน?!
แหวนแต่งงานนะยะ แหวนแต่งงาน! มันจะซื้อๆไปก่อนแล้วค่อยมาเปลี่ยนได้ยังไง?! เธอตั้งใจจะแต่งงานกับคุณหนูอัสเซลัมบ้างไหมเนี่ย?!
ถ้าทางนู้นรู้เข้ามีหวังโกรธตาย!” หญิงวัยกลางคนดูหัวเสียจนเหมือนจะระเบิดได้ทุกนาที
ปกติแค่เป็นเรื่องของเขาถึงจะเล็กน้อยแค่ไหนคุณป้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้
แล้วคราวนี้เป็นถึงเรื่องแหวนประจำตระกูล
มันก็ไม่แปลกหรอกที่คุณป้าจะโกรธจนควันแทบออกหูแบบนั้น
“ผมขอโทษครับ....” เสียงอ่อยๆเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“น่าโมโหจริงๆ!
ไม่ได้เรื่อง! ไม่ได้เรื่องเลย!
นี่ถ้าไม่ติดว่าจำเป็นต้องแต่งงานละก็นะ ชั้นจะเฉดหัวเธอออกจากตระกูลซาสบาร์มแน่
เพราะคนที่ไม่มีแหวนก็ไม่ถือว่าเป็นคนของเราแล้ว!” สองมือของคุณป้าท้าวสะเอวก่อนจะด่าเขาฉอดๆ
“.......” ซึ่งเขาก็ทำได้แค่ยอมให้อีกฝ่ายว่ากล่าวโดยไม่โต้ตอบอะไร
“ช่างเธอแล้วกัน!
จะซื้อใหม่ก็รีบๆไปซื้อเลย!
เหลือเชื่อจริงๆจะแต่งงานอีกวันสองวันนี้แล้วแท้ๆแต่แหวนยังไม่ได้เตรียมเลยเนี่ยนะ?! แล้วก็ไม่ต้องทำให้ใหม่แล้วด้วยแหวนประจำตระกูลน่ะ
เพราะถ้าให้คุณหนูอัสเซลัมไปแล้วยังไงแหวนแต่งงานก็ต้องมีแค่วงเดียว
ต่อให้มันจะเป็นแหวนเพชรดาษๆที่ขายกันตามท้องตลาดก็เถอะ!” คุณป้าตวัดตัวเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางอยากจะเหวี่ยงเต็มที
สาวใช้ที่เดินสวนมาต่างโดนด่ากราดถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไรผิด
ใบหน้าได้รูปได้แต่มองภาพนั้นพลางถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อขอโทษคุณพ่อที่เหลือกันอยู่ตามลำพังในห้องอีกครั้ง
“คุณพ่อ...ขอโทษจริงๆนะครับ...ที่ผมไม่ดูแลแหวนนั่นให้ดีจนทำให้พวกคุณป้าหัวเสียแล้วมาว่าคุณพ่อได้แบบนี้”
“ช่างมันเถอะสเลน...ก็แค่แหวนเอง...แต่เธอก็น่าจะบอกชั้นให้ไวๆกว่านี้นะ
จะได้ทำใหม่ให้ บอกเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ”
เจ้าบ้านซาสบาร์มที่หน้าตาสดใสเพราะหายจากอาการป่วยแล้วเอ่ยบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอโทษครับ...ผมเพิ่งนึกได้...” เป็นเพราะคนของตระกูลซาสบาร์มทุกคนมีแหวนประจำตัวอยู่แล้ว
จึงไม่เคยมีใครต้องไปซื้อแหวนแต่งงานใหม่
เพราะงั้นจึงไม่มีใครคอยถามคอยเตือนเขาเรื่องนี้ด้วยคิดว่าแหวนนั่นยังอยู่กับตัวเขา
จะไปหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ถึงได้เพิ่งมารู้กันเอาวันท้ายๆแบบนี้
“ดูเธอไม่ค่อยมีกระจิตกระใจจะแต่งงานเลยนะ
ขนาดเรื่องสำคัญแบบนี้ยังลืมได้อีก”
ร่างสูงใหญ่เดินไปนั่งลงบนโซฟาก่อนจะหันหน้ามามองเขา
“ปะ
เปล่าครับ...ก็...มีอะไรวุ่นๆให้ต้องเตรียมอยู่หลายอย่าง....” ร่างโปร่งตอบกลับไปด้วยท่าทางลนๆที่คนเป็นพ่อเหมือนจะดูออกว่าเขาไม่ค่อยมีสมาธิเลยจริงๆช่วงนี้
“สเลน...ชั้นอยากจะถามเธออีกครั้ง...เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะแต่งงาน” คนเป็นพ่อถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนร่างโปร่งบางถึงกับนิ่งงัน
“เอ๋?...คุณพ่อครับ...แบบนี้มันเสียมารยาทกับคุณหนูอัสเซลัมนะครับ...แล้วผมเองก็...แน่ใจ....” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามที่จะปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้
คุณพ่อถอนหายใจก่อนจะจ้องหน้าเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ชั้นไม่ได้อยากให้เธอช่วยเหลือโรลส์-รอยซ์ด้วยวิธีการแบบนี้เลย...ชั้นไม่ได้เลี้ยงเธอมาเพราะต้องการจะใช้เธอเป็นเครื่องมือ...แต่ชั้นเลี้ยงเธอมาเพราะต้องการให้เธอเป็นลูกของชั้น...แล้วถ้าลูกไม่มีความสุข
ชั้นจะยังเรียกตัวเองว่าพ่อได้อีกเหรอ?”
สิ่งที่ได้ยินทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันทั้งเต็มตื้นอยู่ในอก
ทั้งสุขใจที่พ่อรักเขามาก แต่ก็เศร้าใจที่ตอบแทนท่านได้แค่การฝืนทำเหมือนมีความสุขดีแต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่
“ขอบคุณครับ...ผม...มีความสุขดีครับ...” เขายกมือขึ้นมาปาดหยดน้ำออกไปจากหางตาก่อนที่มันจะต้องชะงักไปกับคำพูดของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“เรื่องของเธอกับครูเทโอน่ะ...ชั้นรู้หมดแล้ว” เสียงของคุณพ่อฟังดูสงบมากต่างจากร่างกายของเขาที่ชาไปทั้งตัว
“อะ....” ริมฝีปากสีระเรื่ออ้าค้างเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีมรกตที่เบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าคุณพ่อจะรู้แล้ว
“รู้ตั้งแต่วันแรกที่เธอโดนเจ้านั่นข่มขืนแล้วหนีกลับมาอังกฤษนั่นแล้ว”
“........” สิ่งที่อีกฝ่ายบอกมีแต่จะยิ่งทำให้ร่างโปร่งแทบจะแข็งเป็นหิน
ตอนนี้ไม่มีคำพูดอะไรอยู่ในหัวของเขาเลยจริงๆ
“ตอนนั้นชั้นโกรธมากจนอยากจะฆ่ามันให้ตายเลยละ
แต่พอรู้ว่าในที่สุดเธอก็เลือกมันแล้วกลับไปคบกันต่อ
ชั้นก็ทำได้แค่ค่อยๆยอมรับเพราะอย่างน้อยตอนที่เธออยู่กับเจ้านั่น
อยู่กับพวกเฟอร์รารี่...เธอมีรอยยิ้มที่มีความสุขและสวยงามกว่าตอนที่อยู่ที่นี่”
“หมอนั่นเคยบอกกับชั้นนะว่า
คนที่เธอต้องการไม่ใช่คนที่จะให้เธอไปคอยปกป้อง...แต่คนที่เธอต้องการคือคนที่ปกป้องเธอได้ต่างหาก...ช่างเป็นคำพูดที่จองหองจริงๆ....แต่มันก็เป็นความจริง
เพราะตอนนี้ชั้นก็เริ่มคิดแล้วนะ ว่าถ้าชั้นตายไป ใครจะดูแลเธอ
ใครจะปกป้องเธอจากพวกญาติๆได้”
“ชั้นถึงได้อยากจะถามเธอให้แน่ใจ
ว่าจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?” พอถูกคนตรงหน้าถามออกมาแบบนี้มันก็มีแต่จะทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง...พอได้รู้ว่าคนตรงหน้ายอมรับเรื่องของเขากับคุณครูเทโอมันก็ยิ่งทำให้หัวใจที่พยายามจะปิดตายกลับเรียกร้องที่จะกลับไปหาCEOหนุ่ม...ตอนนี้ได้แต่นึกเสียใจว่าทำไมเขาไม่พูดคุยกับคุณพ่อก่อน
ไม่บอกออกไปตรงๆว่าที่จริงแล้วเขารักคุณครูเทโอ...
“คุณพ่อ....” ร่างโปร่งทรุดนั่งลงที่โซฟาก่อนจะปิดหน้าร้องไห้
มันสายไปแล้วครับ...มันสายเกินไป...
ต่อให้อยากจะกลับไปหาคุณครูเทโอแค่ไหน
แต่ตอนนี้เขาก็หันหลังให้คุณหนูอัสเซลัมไม่ได้อีกแล้ว...
ปกติอังกฤษก็เป็นประเทศที่มืดครึ้มไปด้วยเมฆหมอกอยู่แล้วยิ่งเช้าวันนี้กลับยิ่งดูอึมครึมกว่าทุกทีหลายเท่า
ไม่รู้ว่ามันเป็นที่สายตาของเขาเองหรือเปล่านะ...
โบว์หูกระต่ายสีครีมเข้ากับเสื้อกั๊กถูกมือของพี่เลี้ยงคนสนิทที่มาช่วยแต่งตัวขยับให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่สูทเนื้อดีสีขาวจะถูกสวมทับลงไปบนไหล่บาง
นัยน์ตาสีดำทอดมองคุณหนูของตนอย่างภาคภูมิใจ ถึงคุณสเลนจะเป็นเจ้าบ่าวที่รูปร่างเล็กแต่สูทเข้ารูปที่มีดอกไม้สีขาวติดอยู่บนหน้าอกก็ทำให้กลายเป็นเจ้าชายที่น่าหลงใหลได้เลย
พี่เลี้ยงคนสนิทตรวจตราดูความเรียบร้อยอีกครั้ง...ทุกอย่างบนร่างกายโปร่งบางนั่นใช้ได้แล้ว
จะเหลือก็แต่ใบหน้าที่ดูอมทุกข์ไม่สมกับที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเลยนี่แหละที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“เรียบร้อยแล้วครับ...คุณ...ควรจะยิ้มสักหน่อยนะครับ...” ใบหน้าได้รูปเพียงแค่พยักรับ
“ครับ...เข้าไปในโบสถ์กันเถอะ”
วันนี้โบสถ์ประจำตระกูลซาสบาร์มนั้นเต็มไปด้วยสีขาวของดอกกุหลาบ
กลิ่นหอมฟุ้งทำให้บรรยากาศวันวิวาห์น่าประทับใจจนแขกที่มีแต่ระดับวีไอพีกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก
ยิ่งเจ้าบ่าวที่ราวกับเจ้าชายก้าวขาเข้ามาก็ยิ่งทำให้ทุกคนล้วนแต่ยินดีไปกับงานแต่งงานราวกับเทพนิยายในครั้งนี้
แต่จะว่าทุกคนต่างยินดี
มันก็อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว...
“ฮืออออออออออออออออออ” เอเลน เยเกอร์ปล่อยโฮทันทีที่เดินเข้าไปหาสเลน
เล่นเอาเจ้าบ่าวต้องรีบยกมือมาเช็ดน้ำตาให้ แต่คนอื่นกลับมองยิ้มๆเพราะคิดว่าหนึ่งในกลุ่มเฟอร์รารี่ที่ถูกเชิญมาในงานนี้ด้วยคงดีใจกับเจ้าบ่าวมากจนถึงขั้นร้องไห้ออกมา
“เก็บอาการหน่อยสิเจ้าลูกหมานี่” ต้องเดือดร้อนไปถึงคุณรีไวที่รีบดึงตัวไปก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้
คนเป็นเจ้าบ่าวได้แต่มองพลางอมยิ้ม เอเลนก็ยังคงเป็นเอเลนที่ตรงไปตรงมาแบบนี้อยู่เสมอ...เขาเชื่อว่าถ้าเอเลนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา
เอเลนคงไม่ตัดสินใจที่จะแต่งงานแบบเขาแน่แต่คงจะเลือกคุณรีไวอย่างไม่สนใจอะไร
“ก็มัน...ก็มัน....ฮืออออออ” คุณรีไวมองหน้าเขาอย่างขอโทษก่อนจะลากตัวเอเลนไปนั่ง
“ตอนนี้นะผมละดีใจขึ้นมาเลยที่พ่อผมเป็นแค่ข้าราชการกินเงินเดือนธรรมดาๆไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี!” แต่ปากดีๆนั่นก็ยังพูดออกมาทั้งๆที่ยังน้ำหูน้ำตาไหล
“โฮ่ย...อยากถูกจับโยนออกไปหรือไง?
แล้วพ่อแกน่ะมันข้าราชการธรรมดาๆตรงไหน?”
มือแข็งแรงต้องรีบปิดปากช่างเจรจานั่นก่อนที่คนอื่นๆจะรู้ว่าที่จริงแล้วพวกนั้นไม่ได้มายินดีแต่มาแสดงความเสียใจต่างหาก!
“อย่าไปใส่ใจเลยนะสเลน...เอเลนยังทำใจไม่ได้น่ะ” ทีมบอสของสครูเดอเลียเฟอร์รารี่ก้าวมายืนตรงหน้าเจ้าบ่าวก่อนจะพูดด้วยความสุภาพนุ่มนวล
เป็นเพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคนทั้งเฟอร์รารี่ก็รู้ก็เห็นว่าคู่CEOปีศาจกับนักขับมือสองนี่สวีทหวานแหววกันขนาดไหน
พอทุกคนรู้ข่าวเรื่องนี้จึงถึงกับช็อก...ถึงส่วนใหญ่จะช็อกเพราะกลัวเจ้าครูเทโอกลับสู่โหมดปีศาจที่อุตส่าห์หายไปนานอีกครั้งมากกว่าก็เถอะนะ
“ครับ...ขอบคุณที่มานะครับ” เจ้าบ่าวยิ้มบางๆมาให้
“อืม...ยินดีด้วยนะ”
ถึงปากจะบอกแบบนั้นแต่นัยน์ตาของคนเป็นบอสที่จะว่าไปก็คล้ายกับเป็นผู้ปกครองของเด็กนี่อีกคนก็อดที่จะใจหายไม่ได้ที่สเลนเลือกเส้นทางที่ไม่มีพวกเขาเดินเคียงข้างแบบนี้
“...............” ทีมบอสร่างสูงใหญ่เดินไปนั่งแล้ว
จึงเหลือคนสุดท้ายในกลุ่มของสครูเดอเลียเฟอร์รารี่ที่มาร่วมงานนี้ โกคุเดระ
ฮายาโตะกำลังยืนจ้องตาราวกับกำลังจะส่งกระแสจิตมาแสดงความยินดีแทนคำพูดยังไงอย่างงั้น
“ขอบคุณมากๆนะครับที่มา”
แต่ดูเหมือนคราวนี้เขาจะเข้าใจความหมายของกระแสจิตนั้นผิดไป มันไม่ได้บอกกับเขาว่ายินดี
ริมฝีปากที่ปิดอยู่จึงจำต้องพูดออกมาเอง
“ไอ้หมีบ้านั่นจอดรถรออยู่ข้างนอก...ถ้านายคิดจะหนีละก็วิ่งออกไปได้
Ferrari
สีขาวเลขทะเบียน CS 800TE” ห๊ะ?
เจ้าบ่าวถึงกับงงไปชั่วขณะก่อนจะหันมาหัวเราะแหะๆให้กับคนรอบกาย
เจ้านักขับมือหนึ่งที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องนั่นเดินไปนั่งลงข้างๆคุณรีไวแล้วก็จริงแต่ยังทิ้งความพิศวงเอาไว้ให้คนแถวๆนี้อีกพอสมควร
แต่เขากลับเข้าใจความหมายของมันดี.....
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองกลุ่มคนที่เขารักแสนรักทั้งๆที่อยู่ด้วยกันแค่ปีเดียว...แต่มันจะเป็นปีเดียวที่ดีที่สุดในความทรงจำของเขาตลอดไป
ใบหน้าได้รูปมองหาคนอีกคนที่น่าจะมาด้วยกันกับพวกสครูเดอเลียเฟอร์รารี่แต่กลับยังไม่เห็นแม้แต่เงา...ไหนคุณครูเทโอบอกว่าจะมา?
หรือว่าจนท้ายที่สุดแล้วก็ยังทำใจไม่ได้กันนะ?...
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองพื้นโบสถ์ด้วยแววเศร้าๆ...เขาเองก็เถอะ...ถ้าเห็นหน้าคุณครูเทโอแล้วจะอดทนได้แค่ไหนกัน...
CEOหนุ่มของเฟอร์รารี่ยังคงยืนอยู่ในสวนด้านนอกถึงแม้ว่าแขกเหรื่อจะเริ่มทยอยเดินเข้าโบสถ์กันแล้วก็ตาม
ร่างสูงใหญ่อยู่ในสูทเข้ารูปสีเทาแถมยังเสยผมสีทองขึ้นตามแบบพิธีการจึงยิ่งส่งให้ดูภูมิฐานกว่าปกติหลายเท่า
ความหล่อเหลาทำให้สาวๆที่มาร่วมงานต่างหันมามอง...จะบอกว่าหล่อจนนึกว่าเป็นเจ้าบ่าวของงานเลยก็ว่าได้...แต่ใบหน้าหยิ่งทระนงก็ไม่ได้สนใจคนรอบกาย
เพราะที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ก็แค่จะโทรศัพท์เท่านั้นแหละ
ปลายนิ้วกดเบอร์ของคนคนหนึ่งซึ่งถือเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดของเฟอร์รารี่ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู...เสียงตรู๊ด
ตรู๊ด ของการรอสายเหมือนจะวัดใจและให้เขาคิดทบทวนจนวินาทีสุดท้ายว่าสิ่งที่จะบอกอีกฝ่ายนั้นมันดีแน่แล้วใช่ไหม...
ถึงเขาจะเป็นCEOและมีอำนาจการตัดสินใจเต็มที่ แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่เจ้าของ...คนที่ใหญ่ที่สุดในค่ายม้าลำพองจริงๆแล้วคือท่านประธานต่างหาก
ปกติแล้วประธานของเฟอร์รารี่จะไม่มาก้าวก่ายการบริหารของเขา
ตาแก่นั่นก็แค่นั่งนับเงินที่เขาทำให้ไปวันๆ
เบื่อๆเข้าก็ไปตีกอล์ฟสบายใจอยู่แถวๆตะเข็บชายแดนที่ไหนสักที
แต่แบบนี้มันก็ดีเพราะเขาเองก็จะได้ตัดสินใจโดยไม่ต้องมาพะว้าพะวงอะไร
แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่...ยังไงก็ต้องบอกให้รู้เอาไว้....
แล้วปลายสายก็กดรับจนได้
เสียงทุ้มจึงกรอกลงไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“สวัสดีครับท่านประธาน
พอดีผมมีเรื่องที่จะต้องเรียนให้รับทราบเอาไว้...ครับ...เรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วนของโรลส์-รอยซ์...”
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบโบสถ์อีกครั้ง...ทั้งๆที่ม้านั่งถูกจับจองจนเกือบเต็มจากแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน...ทว่า...เขาก็ยังหาตัวCEOของเฟอร์รารี่ไม่เจอ
คงไม่มาจริงๆสินะ...
แสงเทียนที่ค่อยๆติดขึ้นก่อนจะพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อนๆบ่งบอกว่าพิธีการกำลังจะเริ่มแล้ว
ใบหน้าได้รูปจึงก้มมองที่สองมือของตัวเองอย่างสงบ...เขาทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...เรื่องของเขากับคุณครูเทโอมันกำลังจะจบลงแล้วจริงๆ
เสียงเพลงดังคลอไปทั่วโบสถ์แล้วในที่สุดขบวนเจ้าสาวก็เดินเข้ามาโดยเด็กๆที่โปรยดอกไม้นำหน้า เจ้าสาวในชุดสีขาวราวกับเจ้าหญิงเดินควงแขนคุณพ่อซึ่งเป็นเจ้าของBMWเดินตรงมายังแท่นพิธีท่ามกลางสายตาชื่นชมของคนทั้งงาน...ในเวลาแบบนี้ทั้งๆที่เขาควรจะภาคภูมิใจที่มีเจ้าสาวที่แสนงดงาม
ทว่า หัวใจที่เจ็บปวดมันกลับเอาแต่นับถอยหลัง...ราวกับกำลังเคาน์ดาวน์เวลาที่เหลืออยู่ของเขากับคุณครูเทโอยังไงอย่างงั้น...
“ใครเป็นผู้มอบเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวในวันนี้”
เสียงกังวานของบาทหลวงทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์แล้วเงยหน้ายิ้มจางๆให้กับคุณหนูอัสเซลัมที่ขยับมายืนอยู่ข้างๆ
ใบหน้าสวยหวานที่อยู่ใต้ผ้าคลุมเจ้าสาวสีขาวยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
คุณพ่อของคุณหนูเอ่ยตอบบาทหลวงกลับไปก่อนจะส่งตัวเจ้าสาวให้เขาแล้วเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง
แล้วต่อไป...ก็จะเป็นพิธีสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของงานแต่งงาน…
นั่นก็คือการให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า...
ว่าจะรักและอยู่ด้วยกันตลอดไปจนกว่าความตายจะมาพรากให้จากกัน....
“เป็นเพราะความประสงค์ของพวกเธอที่จะแต่งงาน
ให้ประสานมือขวา และประกาศความยินยอมของพวกเธอต่อหน้าพระองค์และศาสนิกชนของพระองค์” คำพูดของบาทหลวงดังก้องจนเขาต้องยอมรับและปล่อยวางหัวใจที่ยังมีความหวังอันน้อยนิดนั้นไป…หมดเวลาแล้ว...
“อัสเซลัม
เวิร์ส อัลลูเชีย คุณจะรับสเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ดเป็นสามีของคุณไหม
คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี
จะรักเขาและให้เกียติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
เสียงกังวานนั้นหันไปถามเจ้าสาวของเขา แต่ยังไม่ทันที่คุณหนูอัสเซลัมจะได้ตอบอะไรออกมา
แอ้ด....
ประตูโบสถ์ที่ไม่ควรจะดังเอาในเวลาแบบนี้มันกลับเปิดออก
บรรยากาศอันอันซาบซึ้งที่หน้าแท่นพิธีกลับถูกเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาด้วยความมั่นใจนั่นแย่งชิงไป
จนสุดท้ายทุกสายตาก็ต้องหันไปมอง
ร่างสูงใหญ่และใบหน้าหยิ่งทระนงที่ไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำครหายังคงก้าวขาไปเรื่อยๆท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนในงาน...เพราะอยู่วงการเดียวกันจึงรู้ดีว่าคนที่กำลังจะทำลายงานแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์คนนี้เป็นใคร...และเมื่อCEOหนุ่มก้าวมายืนอยู่ที่หน้าแท่นพิธี คำพูดที่สะกดทุกหัวใจก็ถูกเปล่งออกไป
“รับครับ...แต่จะขอรับสเลน
ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ดเป็นภรรยาไม่ใช่สามี” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างชัดเจนก่อนที่มือใหญ่ของCEOหนุ่มจะรั้งเอวบางของเจ้าบ่าวมากอดเอาไว้หลวมๆ
ไม่ใช่แค่บาทหลวงหรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อ้าปากค้าง
แต่คนทั้งงานก็ดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน...ถึงจะรู้อยู่หรอกว่าCEOของเฟอร์รารี่ร้ายกาจราวกับปีศาจแต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าจะกล้าบุกมาทำลายงานแต่งงานที่คนทั้งโลกสนใจแบบนี้
“แล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่ใช้แทนคำมั่นสัญญา...ที่เขาเคยให้ผมไว้...”
ไม่ต้องรอให้บาทหลวงดำเนินพิธีต่อไปแต่CEOหนุ่มกลับพูดเองเสร็จสรรพ แล้วสิ่งที่ตอกย้ำความพ่ายแพ้ของฝ่ายเจ้าสาวก็คือกล่องกำมะหยี่สีแดงที่มือใหญ่เปิดให้บาทหลวงดู
ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ใช้แทนคำมั่นสัญญาก็คงจะเป็นแหวนแต่นี่มันไม่ใช่แหวนทั่วไป...เพราะแหวนที่อยู่ในมือของCEOหนุ่มก็คือแหวนประจำตระกูลซาสบาร์มที่มีชื่อ สเลน ซาสบาร์ม
ทรอยยาร์ดสลักเอาไว้....
แหวนไม่ได้หายไป...แต่มันอยู่ที่CEOของเฟอร์รารี่...
ความจริงข้อนี้ทำให้พวกซาสบาร์มถึงกับตะลึง...เพราะคงจะมีแค่กรณีเดียวเท่านั้นที่สเลนจะมอบแหวนวงนี้ให้กับผู้ชายคนนั้น....
แทนคำสัญญาว่าจะรักไปชั่วชีวิต...
และไม่ได้มีแต่พวกซาสบาร์มเท่านั้นที่ชะงักค้าง
คนที่รู้เรื่องแหวนอย่างคุณหนูของBMWที่อยู่กับพวกซาสบาร์มมาตั้งแต่เด็กเองก็เช่นกัน
ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมผมเจ้าสาวชาวาบไปทั้งหน้า
แหวนไม่ได้หายไป...แต่สเลนให้คุณครูเทโอไว้?...
แค่นี้มันก็บอกได้แล้วว่าหัวใจของสเลนอยู่ที่ใคร…ต่อให้แต่งงานกับเธอไปมันก็ไม่มีประโยชน์…
มือเรียวเล็กที่อยู่ในถุงมือสีขาวถึงกับกำแน่น...ทั้งๆที่แหวนนั่นควรจะเป็นของเธอ...แต่มันกลับ...
การถูกทำลายงานแต่งงานก็แค่อับอายแต่มันยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ได้รู้ความจริงว่าที่หนึ่งของสเลนยังไงก็เป็นผู้ชายคนนั้น...ไม่สิ...เธอรู้ดีอยู่แล้ว...ว่าเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไปแย่งสเลนมาจากคุณครูเทโอ...เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ...ว่าถึงเธอจะอยู่กับสเลนมาตั้งแต่เด็กแต่มันก็แค่เพื่อนแค่พี่น้อง...สเลนมีความรักจริงๆก็ตอนที่อยู่กับคุณครูเทโอ...แล้วเธอก็เป็นฝ่ายไปแย่งมันมา...เธอรู้ดีทุกอย่าง
เพียงแต่...เธอก็ยังเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้...ขอแค่ให้ได้อยู่กับคนที่เธอรักก็พอ...เลือกที่จะไม่สนใจ...ว่าสเลนกำลังเจ็บปวดแค่ไหน...
เธอรู้...ว่าเธอมันเห็นแก่ตัว...
เพราะฉะนั้นตอนนี้...จะถูกผู้ชายที่เลวร้ายเหมือนปีศาจคนนั้นเอาคืนอย่างสาสมบ้างมันก็คงจะไม่แปลก
แล้วในขณะที่ทั่วทั้งโบสถ์ยังนิ่งงัน...เสียงทุ้มก็เปล่งออกไปให้ทุกคนได้ยิน
“คนในครอบครัวของผมจะมีแหวนแบบนี้คนละวง...และเมื่อต้องหมั้นหมายหรือแต่งงานกับใครก็จะมอบแหวนวงนี้ให้กับอีกฝ่ายแทนคำสัญญาว่าจะอยู่กับคนคนนั้นไปตลอดชีวิต....”
“นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับผม...ตอนที่ให้แหวนวงนี้กับผมมา...เพราะฉะนั้นคนที่เขาสัญญาว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตก็คือผม...”
ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงมองใบหน้าได้รูปด้วยความมั่นคง
นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกทอดมองCEOหนุ่มราวกับกำลังจะร้องไห้
ฝ่ามือบางทาบลงไปบนแผงอกแข็งแรง...คุณครูเทโอ...อยู่ที่นี่จริงๆด้วย...
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น...ความผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันอยู่ในหัวสีชา...ทั้งๆที่งานแต่งกำลังเละไม่เป็นท่า
ทั้งๆที่ครอบครัวของเขากับครอบครัวของคุณหนูอัสเซลัมกำลังเสียหน้า ทั้งๆที่CEOหนุ่มเองก็กำลังทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ทั้งๆที่ไม่มีอะไรดีเลยที่คุณครูเทโอทำแบบนี้.....ทั้งๆที่เขาควรจะผลักไสร่างสูงใหญ่ออกไปแล้วอธิบายเรื่องแหวนให้คนอื่นๆรู้ความจริง
ว่าเขาทำมันหายแล้วไม่รู้ว่าคุณครูเทโอไปเจอมันที่ไหน
เขาไม่เคยได้ให้แหวนวงนี้กับอีกฝ่าย...ทั้งๆที่เขาควรจะพูดออกไป...แต่ความดีใจตอนที่เห็นคุณครูเทโอเปิดประตูเข้ามามันก็ทำให้เขาโกหกตัวเองต่อไปไม่ได้
โกหกคุณหนูอัสเซลัมกับครอบครัวของเขาต่อไปไม่ได้...
เพราะถ้าหากว่าแหวนมันไม่หายไปเสียก่อน...ก็ไม่แน่...เขาอาจจะเป็นฝ่ายมอบมันให้คุณครูเทโออย่างที่อีกฝ่ายกรุขึ้นมานี่ก็ได้
“คุณครูเทโอ...พอเถอะครับ....” เสียงสั่นๆเอ่ยบอกกับCEOหนุ่มท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนรอบกาย...พอได้รู้ความหมายของแหวนประจำตระกูลซาสบาร์มต่างคนจึงต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา...และเพราะได้รู้ความหมายของแหวนนั่นแหละ
CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่จึงไม่ได้ตกเป็นผู้ร้ายของงานนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว
“สเลน...” ใบหน้าหยิ่งทระนงยังคงไม่ละไปจากใบหน้าได้รูป
นัยน์ตาสีฟ้ายังคงจ้องลึกลงไปในดวงตาสีมรกตด้วยแววเว้าวอน มือบางที่ทาบอยู่ที่แผงอกกว้างยังคงสั่นระริกจนรู้สึกได้
“คุณ...กำลังทำให้ผมเป็นลูกอกตัญญู...” ใบหน้าราวกับจะร้องไห้ก้มมองพื้น
ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยเสียงสั่นๆ
“การที่ผมไปเป็นนักขับของเฟอร์รารี่ก็เพราะว่าต้องการเป็นลูกกตัญญูที่อยากทำให้พ่อภูมิใจ
แต่สิ่งที่ผมได้กลับมามันกลับตรงกันข้าม...”
มือใหญ่จึงเอื้อมไปจับมือบางเอาไว้ พวกเขารู้ว่าพวกเขารักกัน
เพียงแต่...มันยังมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวมากั้น...และเขาก็เตรียมคำตอบพวกนั้นมาให้แล้วเรียบร้อยแล้ว
“สเลน...เชื่อชั้น...พ่อเธอจะต้องภูมิใจในสิ่งที่เธอได้มาแน่...เพราะเขาจะมีเขยเป็นถึงCEOของเฟอร์รารี่ที่จะมาแก้ปัญหาของโรลส์-รอยซ์ตอนนี้ให้ดู” ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปมองซาสบาร์มด้วยความมั่นใจ
“ให้เวลาชั้นพิสูจน์สิ...ชั้นมั่นใจว่าชั้นทำได้แน่” คราวนี้ใบหน้าหยิ่งทระนงกลับหันไปมองพ่อของเจ้าสาวด้วยสายตาเหยียดๆ...เพราะเขารู้แล้วว่าลาสบอสของเรื่องทั้งหมดน่ะมันเป็นใครและเขากลัวที่ไหนที่จะต้องสู้กับอีกฝ่ายในด้านธุรกิจ
“อีกอย่าง...ถ้าBMWจะถอนหุ้นส่วนออกไปจากโรลส์-รอยซ์ เธอก็ไม่เห็นต้องแคร์...เพราะว่าเฟอร์รารี่จะเป็นคนถือหุ้นนั้นต่อเอง” คำประกาศกร้าวจากCEOของเฟอร์รารี่อย่างเขาทำให้เสียงฮือฮาดังทั่วโบสถ์อีกครั้ง
จากตอนแรกที่ต้องแต่งงานเพราะไม่มีทางเลือกแต่ตอนนี้เกมกลับพลิก
เพราะกลับกลายเป็นว่าทั้งBMWและเฟอร์รารี่ต่างแย่งกันเพื่อให้ได้โรลส์-รอยซ์มา...ไม่สิ...ต้องเรียกว่าแย่งกันมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก...ระหว่างเขากับคุณหนูอัสเซลัม...แย่งกัน...ว่าใครจะได้สเลนไป...
ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจหรือหัวใจมันก็แบบนี้แหละ
“ผม.....”
สเลนหันไปมองซาสบาร์มที่ดูจะไม่ได้แปลกใจหรือโกรธเคืองอะไร ก็ถ้าเจ้าครูเทโอไม่ทำอะไรเลยต่างหากที่เขาควรจะโกรธ
“ก็อยากจะขัดขวางอยู่หรอกนะ
แต่แหวนประจำตระกูลดันเป็นของครูเทโอไปแล้วด้วยนี่สิ....เพราะงั้นอยากจะทำอะไรก็ตามใจเธอแล้วกันสเลน” ในเมื่อคนเป็นพ่อพูดออกมาแบบนั้นและคุณครูเทโอเองก็ยอมทิ้งชื่อเสียงของตัวเองเพื่อเขาขนาดนี้...ก็มีแต่เขานี่แหละที่จะต้องจบเรื่องทุกอย่าง
จะฝืนต่อไปให้ทุกข์ใจกันทั้งสามฝ่ายไม่ได้...ถ้าเขาไม่เห็นแก่ตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้
คุณหนูอัสเซลัมเองนั่นแหละที่จะต้องเหมือนตกอยู่ในนรกแน่ถ้ายังอยู่กับเขาต่อไป...เพราะเขาคงไม่อาจจะรักเธอได้...ไม่สามารถจะมอบความสุขที่แท้จริงให้กับเธอได้...
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นอย่างตัดสินใจแน่วแน่
สองขาเดินไปตรงหน้าคนที่เกือบจะมาเป็นเจ้าสาวของตัวเองก่อนจะก้มหัวลงไปแล้วเอ่ยคำที่จะทำให้ทุกอย่างจบลง
“คุณหนูอัสเซลัม
ผมขอโทษครับ!
ขอโทษจริงๆครับ!!”
ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบจากหญิงสาวแต่มือของเขากลับถูกมือใหญ่ดึงให้ออกวิ่งตามไป
ท่ามกลางเสียงอื้ออึงและความสับสนอลม่าน…เขามองเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างที่วิ่งนำหน้าเขาอยู่เท่านั้น
แอ้ด...
แสงแดดเจิดจ้าส่องให้แสบตาเมื่อประตูโบสถ์ถูกเปิดออก...ทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมด...ยกเว้นก็แต่เงาร่างสูงใหญ่ที่หันมายิ้มให้เขาเท่านั้น
อังกฤษ...เป็นประเทศที่สว่างสไวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...
Ferrari
สีขาวจอดรออยู่ข้างนอกจริงๆด้วย
แต่ไอ้หมีบ้าที่โกคุเดระบอกนั่นไม่ใช่คุณยามาโมโตะแต่คงจะเป็นหมีขาวขั้วโลกเหนือที่หมายถึงคุณครูเทโอต่างหาก ใบหน้าได้รูปอมยิ้มเมื่อเห็น Ferrari
458 Italia ที่คุ้นเคย
ร่างโปร่งบางขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
ก็ยังว่าอยู่ว่าทำไมเลขทะเบียนที่โกคุเดระพูดมันถึงได้เหมือนกับทะเบียนรถในบ้านเขตมอนชิโอ้ของเขา
ที่แท้มันก็คือรถของคุณครูเทโอนี่เอง
“ไปกันเลยไหม?” ร่างสูงใหญ่หันมาถามเมื่อใส่เกียร์เรียบร้อย...นี่คงตั้งใจจะมาลักพาตัวเจ้าบ่าวเต็มที่เลยสินะ?
ถึงได้เอารถมาด้วยแบบนี้
ใบหน้าได้รูปหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“ครับ”
สายลมอ่อนๆปะทะใบหน้าเมื่อ
Ferrari
458 Italia หยุดวิ่งเพราะจำเป็นต้องมาจอดอยู่บนเรือเฟอร์รี่เพื่อข้ามจากเกาะอังกฤษมายังฝรั่งเศส
ร่างสูงใหญ่กับร่างโปร่งบางยังคงนั่งอยู่ในรถขณะที่รอบกายเต็มไปด้วยสีฟ้าของท้องทะเล
กระจกหน้าต่างถูกเปิดออกให้กลิ่นเค็มโชยเข้ามาซึ่งมันทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าประหลาด
“อยากขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเพราะกว่าเรือเฟอร์รี่จะไปถึงเมือง
Calaris
ของฝรั่งเศสก็คงจะอีกพักใหญ่
“ไม่ดีกว่าครับ” ใบหน้าได้รูปก้มมองเสื้อผ้าของตัวเองกับCEOหนุ่มแล้วก็ตอบออกมาแทบจะทันที
จะให้ออกไปเดินในสภาพสูทเจ้าบ่าวเต็มยศแบบนี้มันน่าอายจะตายแถมทางคุณครูเทโอเองก็ใช่ย่อยเพราะที่แต่งมานั่นก็แทบจะเป็นเจ้าบ่าวแทนเขาได้แล้ว
พวกเขาหนีออกมาจากงานแต่งงานแล้วทิ้งความวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลัง
เหมือนที่เรือเฟอร์รี่นี่ค่อยๆลอยออกห่างจากท่า Dover ของอังกฤษเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองนกนางนวลที่โผบินไปมา
ถึงจะคิดดีแล้วที่ทำแบบนี้แต่ความรู้สึกผิดต่อผู้หญิงที่รักเขาก็ทำให้อดที่จะพูดออกมาไม่ได้
“ผม...รู้สึกผิดต่อคุณหนูอัสเซลัมจังครับ...ป่านนี้คงเศร้าอยู่แน่ๆ…ผมนี่มันแย่จริงๆ” ใบหน้าได้รูปพูดพลางถอนหายใจ
“ไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอก
เพราะคนที่เป็นฝ่ายแย่งน่ะคือฝ่ายนั้นนะ ไม่ใช่ชั้น...แย่งไปในทุกๆเรื่องเลย...” .....ทุกเรื่อง?....ร่างโปร่งมองCEOหนุ่มที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างสงสัย...ก็ทุกเรื่องนี่มันยังไงล่ะ?...ในเมื่อที่เขานึกออกก็มีแค่เรื่องเดียวที่ถือได้ว่าคุณหนูอัสเซลัมเป็นฝ่ายมาแย่งเขาไปจากคุณครูเทโอ...แต่เรื่องที่นอกเหนือไปจากนี้เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร?
แต่ถึงจะเค้นไปคุณครูเทโอก็คงไม่บอกหรอก
เพราะถ้าจะบอกก็คงพูดออกมาแล้ว
“จริงสิ!
เรื่องแหวนของผม…ทำไมถึงไปอยู่ที่คุณได้ล่ะครับ?
ผมไม่เคยให้คุณอย่างที่คุณโกหกคนอื่นนั่นแน่ๆ”
นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยอย่างคาดโทษ
ก็คนที่เก็บแหวนเอาไว้จนทำให้เขาโดนพวกคุณป้าหาเรื่องแทบแย่ก็คือคุณครูเทโอนี่แหละ!
“หึ...ชั้นเก็บเอาไว้ตั้งแต่วันที่เธอมาถามหานั่นแล้วละ”
แต่ใบหน้าหยิ่งทระนงกลับตอบด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวราวกับไม่ได้สำนึกผิดเลยสักนิด!
“โธ่~ ที่แท้ก็อยู่กับคุณมาตลอดเลยนี่
รู้ไหมว่าผมกังวลขนาดไหนที่มันหายไปน่ะ”
ใบหน้าได้รูปบ่นงอนๆแต่คนผิดก็ยังไม่สำนึกต่อไปแถมยังหันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้ามั่นใจจนน่าหมั่นไส้
“รู้ไหมว่าทำไมชั้นถึงไม่ยอมคืนให้?”
“ใครมันจะไปรู้ล่ะครับ” แก้มใสพองลมอย่างงอนๆทำให้คนที่มองอยู่หัวเราะในลำคอ
มือใหญ่เอื้อมมาจับมือบางเอาไว้ก่อนจะพูดต่อไป
“เพราะว่าชั้นไม่อยากให้เธอแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนน่ะสิ
ถ้าไม่มีมันเธอก็จะแต่งงานไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แล้วถ้าชั้นเก็บมันเอาไว้
คำสัญญาที่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปก็จะเป็นของชั้นใช่ไหม? เพราะแบบนั้นไงล่ะชั้นถึงได้ไม่คิดจะคืนให้” นิ้วของCEOหนุ่มลูบนิ้วนางที่ยังว่างเปล่าของสเลนเบาๆ ถ้าเขาไม่เก็บแหวนวงนั้นเอาไว้
ป่านนี้ที่นิ้วนางข้างนี้อาจจะมีแหวนของคุณหนูBMWสวมอยู่แล้วก็ได้
“เพราะงั้นนะสเลน...แหวนของเธอหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ชั้นก็หลงรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ...”
แล้วคำพูดของเขามันก็ทำให้ใบหน้าได้รูปอึ้งไป
แก้มใสค่อยๆขึ้นสีจนแดงเถือก
เพราะแหวนมันหายไปตั้งแต่ตอนที่รู้จักกันแรกๆเลยไม่ใช่หรือไง?
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณครูเทโอชอบเขามานานขนาดนี้ ริมฝีปากสีระเรื่อยิ้มก่อนจะน้ำตาปริ่มด้วยความดีใจ
มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยไล้หยดน้ำที่เกาะแพขนตาให้
แล้วแรงดึงดูดมากมายมหาศาลก็ทำให้ใบหน้าของพวกเขาโน้มเข้าหากัน
ริมฝีปากที่โหยหากันอยู่ทุกวินาทีแนบสัมผัสแผ่วเบา
ไม่จำเป็นต้องเร่งเร้า
ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะจากนี้ไปคงได้มีเวลาทำแบบนี้ไปอีกนานเท่านาน
ใบหน้าได้รูปละออกมาก่อนจะบ่นด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณรักผมมานานขนาดนั้น...โธ่~ คราวหลังก็อย่าใจร้ายกับผมนักสิครับ
ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะถ้าคุณจะเอาแต่แกล้งผมแบบนั้น” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองCEOหนุ่มที่ละออกไปเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ
“ว่าแต่คุณน่ะ...ไม่เห็นจะต้องไปทำลายงานแต่งงานให้พ่อผมกับทางBMWเสียหน้าเลยนี่นา...” ยังมีอีกเรื่องที่เขานึกขึ้นมาได้
ป่านนี้คุณพ่อของเขาคงกำลังขอโทษขอโพยแขกเหรื่อในงานแย่แล้วแน่ๆและไม่ต้องห่วงเลยว่าพรุ่งนี้ข่าวพาดหน้าหนึ่งจะเป็นยังไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งสลดที่เอาแต่สร้างความเดือดร้อนให้จริงๆ
“หึ...ชั้นก็แค่อยากจะให้ไอ้พวกแขกวีไอพีที่คงจะมีแต่ระดับผู้บริหารค่ายรถพวกนั้นมันรู้ไงว่า
เธอ...สเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ด...มีแต่คนอยากได้ตัว
ที่เธอแต่งงานไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก...รวมถึงโรลส์-รอยซ์ด้วย...มีแต่คนอยากได้
ไม่ใช่ว่าต้องคอยพึ่งแต่ BMWอยู่ตลอด”
ถ้าถึงขั้นเฟอร์รารี่ประกาศศึกลงแย่งชิงด้วย ค่ายรถอื่นก็ต้องหันมาสนใจแน่
แล้วทีนี้ถ้า BMWจะถอนหุ้นออกไปจริงๆก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีใครถือหุ้นต่อ
ขี้คร้านจะแย่งกันด้วยซ้ำ
“คุณนี่มันร้ายจริงๆ”
บางทีเขาก็นึกสงสัยนะว่าเขาอยู่กับผู้ชายที่ร้ายยิ่งกว่าปีศาจคนนี้ไปได้ยังไง
“คนอื่นน่ะชั้นไม่สนอยู่แล้ว...เธอก็รู้...ว่าชั้นร้ายกว่านี้ได้อีก...ถ้าเป็นเรื่องของเธอ”
“ครับ
ผมเชื่อ” ใบหน้าได้รูปยิ้มน้อยๆพลางส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
“แล้ว...จากนี้จะไปไหนต่อเหรอครับ?” ร่างโปร่งบางถามเมื่อเรือเฟอร์รี่แล่นเข้าเทียบฝั่งที่
Calaris ของฝรั่งเศส
“กลับอิตาลี” CEOหนุ่มตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่เป็นฝ่ายร่างโปร่งบางที่ตกใจ
“เอ๋?
อย่าบอกนะครับว่าจะขับรถไป...จากอังกฤษนี่มันต้องข้ามฝรั่งเศสกับสวิตซ์ไปอีกนะครับกว่าจะถึงอิตาลี...” แล้วก็ดูเหมือนจะมีแต่นักขับมือสองของค่ายม้าลำพองที่ตกใจ
เพราะใบหน้าหยิ่งทระนงที่วางแผนมาดิบดีเพียงแค่ยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ก็ใช่ไงล่ะ...เรามีเวลาสองอาทิตย์
ยังไงก็พออยู่แล้วล่ะ เธออยากจะแวะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหนบ้างก็ว่ามาสิ”
“เอ๋~~~” เสียงครางในลำคอลากยาวอย่างพอจะรู้อนาคตอันใกล้ของตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ
อย่างคุณครูเทโอน่ะไม่ได้คิดจะให้เขาพักผ่อนจริงๆอย่างที่ปากว่าแน่! ก็แค่เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆมากกว่านั่นแหละ!
บทส่งท้าย
หลังจากงานแต่งที่โด่งดังไปทั่วโลก CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ก็ต้องบินไปๆมาๆระหว่างอังกฤษกับอิตาลีอยู่ร่วมครึ่งปี
กว่าวิกฤตของโรลส์-รอยซ์จะถูกแก้จนเริ่มเข้าที่เข้าทาง CEOหนุ่มก็แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านซาสบาร์มไปโดยไม่รู้ตัว...แต่ก็ใช่ว่าจะลงรอยกับคนในบ้านนักหรอกนะ
เจ้าบ้านซาสบาร์มที่ตัดแต่งกิ่งบอนไซอยู่ในสวนถึงกับกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างหน่ายๆเมื่อเสียงเถียงกันดังลั่นหลุดออกมาจากห้องนั่งเล่นอีกแล้ว...นี่มันแทบจะทุกวันเลยไม่ใช่หรือไง?
ก็ปกติแล้วสเลนจะไม่เคยเถียงหรือตอบโต้พวกญาติๆ
ได้แต่อดทนอดกลั้นให้เค้าด่าว่าอยู่ตลอด แต่กับเจ้าครูเทโอนี่ตรงกันข้ามเลย
ถ้าพวกญาติๆเริ่มกระแนะกระแหนสเลนเมื่อไหร่
เจ้าปีศาจนั่นก็จะด่ากลับทันทีไม่มีรีรอหรือเกรงใจใคร ยัยเทเรซ่าเองก็ประหลาดคน
รู้ทั้งรู้ว่าถ้ามาก็จะต้องเจอเจ้าครูเทโอแล้วก็ต้องทะเลาะกันแต่ก็ยังมาอยู่ได้แทบทุกวี่ทุกวัน
ใบหน้ายโสถอนหายใจก่อนจะปล่อยคนในบ้านไปแล้วหันมาตัดแต่งกิ่งบอนไซต่อ
เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวก็เลิกเถียงกันไปเองนั่นแหละ
แต่ถ้าไม่นับความจองหองอวดดีของเจ้าCEOปีศาจนั่น
เขาก็ยอมรับในฝีมือและการตัดสินใจที่ดีเยี่ยมของหมอนั่นเลยจริงๆ ถึงเขาจะเข้าไปช่วยคิดบ้างแต่หลักๆแล้วที่โรลส์-รอยซ์ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ก็ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าครูเทโอนั่นแหละนะ
นอกจากฝีมือที่ร้ายกาจแล้ว
ความเป็นสุภาพบุรุษก็คืออีกอย่างที่เขานับถือ
ครูเทโอไม่เคยบอก
ไม่เคยฟ้องเขาเลยว่าจริงๆแล้วสาเหตุของวิกฤตครั้งนี้มันเกิดมาจากกลุ่มBMW...ครูเทโอไม่เคยบอกเขา แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นฝีมือของคุณหนูอัสเซลัม
เขาไม่ได้นึกโกรธเคืองเด็กสาวหรอก
เพราะรู้ดีว่าคุณหนูอัสเซลัมเองก็ทำลงไปเพราะรักสเลน
ทุกคนต่างมีสิทธิ์ที่จะช่วงชิงสิ่งที่ตัวเองรักไม่ใช่หรือ หากพยายามเต็มที่แล้ว การยอมรับความพ่ายแพ้ต่างหากถือเป็นเรื่องที่น่านับถือ
ซึ่งตอนนี้เด็กสาวก็กำลังเป็นแบบนั้น
คุณหนูของBMWยังคงคบหากับทายาทของโรลส์-รอยซ์ต่อ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายแต่กลับกลายเป็นเพียงแค่เพื่อนกันก็ตาม
เพราะเป็นช่วงเปิดฤดูกาลแข่งขันแล้วทำให้สเลนปักหลักอยู่ที่อิตาลีเป็นส่วนใหญ่ถึงแม้CEOของเฟอร์รารี่จะยังไปๆมาๆอิตาลีอังกฤษอยู่บ้างก็ตาม
แล้วในวันที่ผู้ชายที่ร้ายกาจแบบนั้นไม่อยู่
คุณหนูของBMWจึงได้โอกาสมาเยี่ยมสเลนที่มาราเนลโลเป็นครั้งแรก
“ครูครูเทโอไม่ได้พูดถึงสาเหตุของเรื่องนี้เลยเหรอ?”
เสียงไพเราะเอ่ยถามไกด์ส่วนตัวที่กำลังพาเธอเดินชมพิพิธภัณฑ์ของเฟอร์รารี่
“เรื่องนี้?” แต่สเลนที่กำลังทำหน้างงก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก
“ก็...เรื่องวิกฤตของโรลส์-รอยซ์ไงคะ?”
“เอ๋?
คุณครูเทโอไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยครับ รู้สาเหตุของเรื่องแล้วงั้นเหรอครับ?” ใบหน้าที่ใสซื่อของสเลนทำให้เด็กสาวหัวเราะกลบเกลื่อน
“เปล่าหรอกค่ะ...ฉันก็แค่สงสัยว่าคุณครูเทโอจะรู้อะไรบ้างหรือเปล่าน่ะค่ะ
เพราะทางนี้ก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน”
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่เด็กสาวก็รู้ว่าครูเทโอต้องรู้แน่ๆ
ไม่งั้นคงแก้ปัญหามาจนถึงขั้นนี้ไม่ได้...เพียงแต่...ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะไม่บอกสเลน
ทั้งๆที่จะบอกเพื่อทำลายศัตรูอย่างเธอก็ย่อมได้
แต่อีกฝ่ายกลับปิดปากเงียบ...
คิดแล้วมันก็น่าโมโห ไม่เห็นจะต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเลยนี่
ทั้งๆที่แค่นี้สเลนก็รักผู้ชายคนนั้นจนน่าอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว!
ในที่สุดBMWก็ไม่ได้ถอนหุ้นออกไปจากโรลส์-รอยซ์
ทุกอย่างดำเนินผ่านไปตามกลไกในตัวของมันเอง
ดำเนินผ่านไป...จนฤดูกาลแข่งขันของฟอร์มูล่าวันเองก็จบไปอีกปี...
หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาและน่าจะทำให้ปีนี้คงจะมีไวท์คริสต์มาส
คนที่ออกไปโกยหิมะเพื่อให้รถวิ่งเข้าบ้านได้ยืนมองกองหิมะอย่างนึกสนุก
แล้วไม่นานตุ๊กตาหิมะสองตัวก็มายืนจับมือกันอยู่ที่ประตูทางเข้าบ้าน
เจ้าของผลงานยืนมองมันอย่างภาคภูมิใจ ตัวใหญ่มีตาขวางแถมปากยังเป็นตัววีคว่ำ ส่วนตัวที่เล็กกว่ามีใบหน้ายิ้มแย้ม
“ได้เวลาทำอาหารแล้วๆ...”
ใบหน้าได้รูปหันไปตามเสียงนาฬิกาที่ตีดังออกมาจากข้างในบ้าน
มือบางหยิบพลั่วไปเก็บก่อนจะปล่อยตุ๊กตาหิมะให้ยืนคอยต้อนรับคนกลับบ้านอยู่ตรงนั้น
แล้วเมื่อCEOหนุ่มก้าวขาลงมาจากรถประจำตำแหน่ง
ใบหน้าหยิ่งทระนงก็หลุดหัวเราะเพราะเจ้าตุ๊กตาหิมะสองตัวนั่น ต่อให้วันนี้เขาจะหงุดหงิดเรื่องงานมากแค่ไหน
แต่พอกลับบ้านมาเจอสิ่งที่สเลนทำเอาไว้มันก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาภายในพริบตา เด็กนั่นจะทำให้เขาตกหลุมรักไปถึงไหนกันนะ
CEOหนุ่มเดินยิ้มเข้าบ้าน กลิ่นอาหารหอมๆลอยมาให้กระเพาะร้องโครกคราก แต่เสียงฮั่มเพลงอย่างอารมณ์ดีที่ดังออกมาจากในครัวก็ทำให้เขารู้ว่าสเลนยังทำอาหารไม่เสร็จ
ร่างสูงใหญ่จึงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าจะจับจ้องไปที่ต้นคริสต์มาสที่เมื่อปีก่อนยังมีแต่สีเขียว
แต่ปีนี้มันกลับถูกประดับประดาจนเกือบจะเต็มพื้นที่ CEOหนุ่มวางสูทพาดไว้ที่โซฟาก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นช้าๆ...ทางนี้เองก็ยังไม่เสร็จดีเช่นกัน
“คุณครูเทโอ?
กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? หิวหรือยัง? ผมเพิ่งทำอาหารเสร็จเมื่อกี้นี้เอง” เสียงนุ่มทักมาจากคนที่เอี้ยวตัวมามองเขาทั้งๆที่หม้อยังคามือทำให้สองขาที่กำลังปีนขึ้นบันไดลิงชะงักไปน้อยๆ
“ยัง
ขอติดนี่ให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน”
มือใหญ่หยิบสายรุ้งขึ้นไปพันแถวๆยอดต้นคริสต์มาส
“เดี๋ยวผมเก็บกวาดในครั้วก่อนนะครับ
เดี๋ยวออกไปช่วย” แล้วไม่นานร่างโปร่งบางก็มายืนส่งของตกแต่งให้ร่างสูงใหญ่จากเบื้องล่าง
จนในที่สุดต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ที่ใช้เวลาประดับตกแต่งอยู่หลายวันก็เสร็จเสียที
“เอาละนะ~”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างตื่นเต้นเมื่อมือกำลังเอื้อมไปเสียบปลั๊กให้ไฟที่ติดไว้รอบต้นคริสต์มาสติดขึ้นมา
ใบหน้าได้รูปมองต้นไม้ตรงหน้าอย่างลุ้นๆ
“ว้าว~
สวยจังเลยครับ!”
และเมื่อไฟทุกดวงสว่างสไว นัยน์ตาสีมรกตก็ถึงกับเบิกกว้าง ต้นไม้ที่เคยไร้ชีวิตชีวาดูสดใสขึ้นมาทันตา
“สุขสันต์วันคริสต์มาสนะสเลน”
ในที่สุดปีนี้เขาก็ได้พูดคำๆนี้กับเด็กนั่นจนได้ ใบหน้าได้รูปยิ้มจนแก้มปริ
“ยังไม่ถึงซักหน่อยครับ
พรุ่งนี้ต่างหาก”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหัวเราะน้อยๆอย่างเป็นสุข
เขาดีใจแค่ไหนที่ได้ประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสกับร่างสูงใหญ่อย่างที่เคยฝันไว้
คุณครูเทโอคงไม่รู้หรอก
“ไม่เห็นเป็นไร
จะคืนนี้หรือพรุ่งนี้ ชั้นก็จะอยู่กับเธอทั้งวัน” CEOหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
แต่คนที่เขินอายก็เลี่ยงไปเรื่องอาหารจนได้
“ผมทำ
Ginger
bread cookie เป็นกองทัพเลยครับ นี่ไง กองทัพสเลน~” มือบางดึงถาดที่มีคุกกี้รูปตัวเองกับCEOหนุ่มอยู่เต็มออกมา
“หึ...เดี๋ยวจะกินให้หมดเลย” มือใหญ่หยิบคุกกี้ตัวที่กำลังยิ้มมากัดที่ละน้อยก่อนจะค่อยๆกลืนกินเข้าปากอย่างสื่อความหมาย
ทำเอาคนที่ยังเขินอายถึงกับหน้าแดงหนักกว่าเดิม
“คุณนี่มัน...อ้า~
ไม่พูดด้วยแล้ว กินอาหารเย็นกันเถอะครับ!”
ใบหน้าหยิ่งทระนงลอบยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเดินตามไปนั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แสนอบอุ่น
เพราะสเลนเป็นแบบนี้ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขาผ่านไปด้วยดีอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
ว่าคนอย่างเขาจะอยู่กับใครได้ยืดยาวขนาดนี้
นี่พวกเราคบกันมาสองปีแล้วสินะ...
กลางดึกที่เงียบสงัด
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆละจากร่างโปร่งบางที่อิงแอบแนบชิดอยู่ข้างกายแล้วลุกออกจากเตียงช้าๆ
สองขาพยายามเดินอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากห้องนอนชั้นบนค่อยๆเดินลงบันไดมายังห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่าง
เพราะแสงไฟหลากสีจากต้นคริสต์มาสทำให้เขาเห็นทุกอย่างภายในห้องได้โดยไม่ต้องเปิดไฟดวงใหญ่อีก
สองขาก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าถุงเท้าของสเลนที่แขวนเอาไว้ใต้ต้นคริสต์มาส
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินในมือถูกใส่ลงไปในถุงเท้าข้างนั้นช้าๆ
ในที่สุดปีนี้ก็ได้ให้เสียที
หลังจากคริสต์มาสปีที่แล้วมีแต่เรื่องวุ่นวายจนไม่ได้ให้มันกับสเลน
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองกล่องใบเล็กที่นูนอยู่ในถุงเท้า
แค่คิดว่าเด็กนั่นจะทำหน้ายังไงตอนที่ได้เห็นมันเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้
ใบหน้าหยิ่งทระนงอมยิ้มก่อนจะพยายามอดใจเอาไว้แล้วก้าวขาเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนแล้วล้มตัวลงไปข้างๆคนที่ยังหลับสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงจะเป็นเช้าที่หนาวกว่าปกติแต่ร่างโปร่งบางกลับลืมตาด้วยความสดใส
เสียงเพลงคริสต์มาสที่ดังอยู่ในใจทำให้ร่างโปร่งลุกขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
ใบหน้าได้รูปก้มลงไปมองCEOหนุ่มที่ยังหลับสนิท...ปล่อยให้นอนไปก่อนก็แล้วกันไหนๆวันนี้คุณครูเทโอก็ได้หยุดทั้งที
เอาไว้เขาทำอาหารเช้าเสร็จค่อยขึ้นมาเรียก
ร่างโปร่งบางกระชับเสื้อคลุมชุดนอนก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง
ไฟวิบวับของต้นคริสต์มาสทำให้ต้องหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้
ใบหน้าได้รูปอมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปตั้งใจจะเปิดม่านรับไวท์คริสต์มาสที่ป่านนี้ข้างนอกคงจะขาวโพลน
แต่แล้วสี่เหลี่ยมอะไรบางอย่างที่ทำให้ถุงเท้าที่เขาแขวนไว้เล่นๆนูนขึ้นมาก็ทำให้นัยน์ตาต้องจับจ้องอย่างแปลกใจ...มีอะไรอยู่ข้างในงั้นเหรอ?
ร่างโปร่งนั่งยองๆลงไปก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในถุงเท้าสีแดงนั่น
ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงกล่องสี่เหลี่ยมผิวนิ่มๆอันหนึ่ง...มีของอยู่ในนี้จริงๆด้วย?
เอ๋?
คุณซานต้าเอามาให้งั้นเหรอ?
“หึหึ...” ถ้าเป็นเด็กๆเขาก็คงจะเชื่อแบบนั้น
แต่เพราะโตแล้วถึงได้รู้ว่าคนที่จะเอาของขวัญมาใส่ไว้ให้คงจะไม่ใช่ใครที่ไหน
“คุณครูเทโอนี่ละก็...” มือบางล้วงเอากล่องของขวัญนั้นออกมาอย่างเขินๆ
บทจะโรแมนติกขึ้นมานี่ก็ไม่ปรึกษากันเลยนะ…ว่าแต่จะให้อะไรเขาน้า~ สี่เหลี่ยมเล็กๆแบบนี้จะเป็นพวกของเล่นเสริมทักษะอะไรแบบนั้นหรือเปล่า?
แต่แล้วสิ่งที่เขาเดาก็ผิดทั้งหมดเมื่อกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินหลุดออกมาจากถุงเท้า
นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างอย่างไม่ต้องเดาว่าของที่อยู่ข้างในนั้นคืออะไร
แล้วเมื่อเปิดฝากล่องขึ้นมา
แหวนสีขาวเงินกลมเกลี้ยงก็วางอยู่ข้างในนั้น...
และมันคงจะแทนแหวนแต่งงานที่คุณครูเทโอตั้งใจจะมอบให้เขา...
มือบางยกขึ้นมาปิดปากด้วยความดีใจ
อะไรบางอย่างเอ่อล้นอยู่ใต้แผ่นอกซ้ายจนมันรื้นขึ้นมาเป็นน้ำตาแห่งความสุข
“ชอบไหม?” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ที่ประตูทำให้ใบหน้าได้รูปหันไปมองทั้งน้ำตา
“คุณครูเทโอ”
ร่างโปร่งกระโดดกอดอีกฝ่ายด้วยความดีใจจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง
“ใส่ไว้สิ...จะได้เหมือนกัน” มือใหญ่โชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้เขาดู
และมันก็ยิ่งทำให้เต็มตื้นจนน้ำตารื้นขึ้นมาอีก
“ใส่...ให้ด้วยสิครับ...” ถึงเขาจะไม่พูดออกไปมือใหญ่ก็เตรียมหยิบแหวนออกมาจากกล่องให้เขาแล้ว
คุณครูเทโอค่อยๆบรรจงสวมแหวนเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของเขาก่อนจะจบลงด้วยรอยจุมพิตเบาๆที่เป็นราวกับตราประทับ
“สุขสันต์วันคริสต์มาสนะสเลน”
ท่อนแขนแข็งแรงรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ทั้งๆที่อยู่ในบ้านธรรมดาๆแต่บรรยากาศก็แสนจะโรแมนติก
“เช่นกันครับคุณครูเทโอ” ใบหน้าต่างก็จ้องมองกันและกัน และมันก็กำลังโน้มเข้าหา
ริมฝีปากค่อยๆแนบชิดจนลมหายใจผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว…
จูบที่แสนหวาน...
กับช่อมิสเซิลโทที่แขวนอยู่เหนือหัว...
แต่ถึงความเชื่อจะเป็นเช่นไร...
เราก็จะรักและครองคู่กันตลอดไป...
คนที่ชั้นรักจะมีแค่เธอ…
คนที่ผมรักจะมีแค่คุณ…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
GLIDE
: WHITE & SILVER
FIN
จบแล้ว...ฮืออออออออออออออออออ
คือตอนที่เขียนจบน่ะ ไม่มีสติพอจะดีใจหรือปลาบปลื้มอะไรเลยค่ะ
เพราะว่าต้องปั่นต้นฉบับรวมเล่มต่อถถถถ แต่เมื่อวานนี้จัดการส่งเล่ม 3
ของครูสเลนเข้าโรงพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เลยมีเวลาเวิ่นได้บ้าง กร๊ากกกกก
อยากจะขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามกันเสมอมานะคะ
สำหรับฟิคเอาแต่ใจคนแต่งเรื่องนี้ ขอบอกว่ามันเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจสุดๆไปเลยค่ะ
มีหลายๆฉากที่ชอบมาก แล้วก็เป็นฟิคอีกเรื่องนึงที่ลงได้แต่งทีไรก็จะเมามันส์จนโงหัวไม่ขึ้น
ดูได้จากความถี่เวลาที่ลง5555 ดีใจมากๆค่ะที่คู่ครูสเลนมีบทในฟิคเรื่อง GLIDE ด้วย เพราะฟิคเรื่องนี้นี่สุดๆในหลายๆด้านสำหรับตัวเอง ยาวที่สุด
หาข้อมูลเยอะที่สุด บ้าคลั่งแบบสุดๆ แถมทำเอาติดF1ไปซะงั้น
555 เรียกว่าเป็นฟิคที่เท่ห์ที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาเลยค่ะ
คือมันไม่ได้สวยงามเหมือนเดาวตก ไม่ได้บีบหัวใจเหมือนแฝด แต่ GLIDE มันจะเป็นอะไรที่เท่ห์ๆดาร์กๆร้ายนิดๆอีโรติกหน่อยๆเหมือนเพลงมันนั่นแหละ555
มีอะไรอยากจะพูดเยอะเลยก่อนหน้านี้แต่พอได้เขียนคำว่า
END ติดหัวเรื่องมันก็อิ่มจนพูดอะไรไม่ออก
คงต้องบอกขอบคุณทุกๆคนที่ตามกันมาจนถึงตอนจบนี่ได้ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆกำลังใจ รูปแฟนอาร์ตทุกใบที่วาดให้ GLIDE : WHITE & SILVER นะคะ
สำหรับ
คู่ครูสเลนยังมีตอนพิเศษอีกตอนนึงคือ GLIDE : SLIDE ค่ะ
อยู่ในรวมเล่มที่3 เท่านั้น เป็นเรื่องราววันน่ารักๆ(มั้ง)ของสองคนเค้า555 ไม่มี
NC ค่ะ แจ้งไว้ก่องเพื่อตัดสินใจ ก๊ากๆๆๆ
แอบแปะตัวอย่าง...
Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine] GLIDE : SLIDE!!
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine
:
Romantic Drama
:
PG
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“ต้องขอขอบคุณกลุ่มลูกค้าในภาคพื้นเอเชียที่สนับสนุนเฟอร์รารี่มาตลอดด้วยนะครับ”
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองบทสัมภาษณ์สั้นๆบนหนังสือพิมพ์หน้าธุรกิจที่มีรูปCEOของเฟอร์รารี่เด่นหราอยู่บนนั้น
ถึงบทสัมภาษณ์จะตีพิมพ์เป็นภาษาอิตาลีแต่ที่จริงแล้วตอนนี้CEOหนุ่มอยู่ที่สิงคโปร์ต่างหาก
เนื่องจากมีงานมอเตอร์โชว์ภาคพื้นเอเชีย
คุณครูเทโอเลยต้องไปอย่างช่วยไม่ได้และด้วยความที่มันไกลจากอิตาลีแบบที่ต้องนั่งเครื่องบินเป็นวันๆ
เพราะงั้นCEOหนุ่มจะไปๆมาๆเหมือนตอนอยู่ในยุโรปก็คงไม่ไหว
วันสองวันมานี้เขาเลยได้นอนหลับสบายๆโดยไม่มีหมีขาวขั้วโลกเหนือคอยก่อกวน
และมันก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกสองสามวันจนกว่างานจะจบแล้วคุณครูเทโอถึงจะได้กลับมา
ถ้าถามเขาว่าเหงาไหมก็คงตอบว่าไม่...เพราะถึงตัวจะอยู่ไกลแต่คุณครูเทโอก็โทรหาเขาแทบจะสามเวลาหลังอาหาร
ไม่รู้ว่าไม่มีใครคุยด้วยหรือไงนะผู้ชายคนนั้น ถึงเขาจะไม่มีแข่งในช่วงพักครึ่งฤดูกาลแล้วก็ว่างงานสุดๆแบบนี้ก็เถอะ
แต่บางทีมันก็แอบรำคาญเหมือนกันนะ!
ใบหน้าได้รูปส่ายน้อยๆอย่างระอาแต่ก็เผลอขำทุกครั้งที่CEOหนุ่มโทรมาแล้วบ่นว่าอาหารของที่นั่นมันกินไม่ได้เลยสักนิด...ยังคงเรื่องมากไม่เปลี่ยนเลยจริงๆคุณครูเทโอเนี่ย...
ปลายนิ้วเรียวจิ้มลงไปบนแก้มของคนในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างนึกหมั่นไส้...ในบทสัมภาษณ์นี่พูดเสียดิบดีเลยนะว่าอาหารที่นั่นอร่อยอย่างงั้นอย่างงี้...เขาว่าคงต้องมีคนหลงผิดบ้างละว่าซาตานนี่เป็นเทพบุตร!
ร่างโปร่งลุกจากโต๊ะอาหาร...ไม่เอาละ
ไปรดน้ำต้นไม้ดีกว่า...สายยางจึงถูกลากจากโรงจอดรถไปยังกอดอกไม้หน้าบ้านที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง...ถึงท่าทางจะไม่ให้แต่CEOหนุ่มก็เป็นคนปลูกดอกไม้พวกนี้ขึ้นมาเอง
เขายังจำหน้าตามอมแมมที่เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินตอนที่ช่วยกันปลูกดอกไม้นี่ได้ดี
แล้วพอมันออกดอกมาแบบนี้เลยอดที่จะอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองประกายของละอองน้ำที่แตกกระจายอยู่บนดอกไม้สีเหลืองด้วยแววอ่อนโยน
“นี่!” แต่แล้วจู่ๆเสียงตะโกนที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ทำให้ใบหน้าได้รูปเงยขึ้นไปมองอย่างสงสัย...ใครกันมาทำลายยามเช้าอันสงบสุขของเขาซะได้?
“ครับ?” หญิงสาวคนหนึ่งยืนเกาะรั้วหน้าบ้านของเขา
ข้างหลังเธอมีรถยนต์คันหนึ่งซึ่งมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักโผล่หน้าออกมา
“ครูเทโออยู่บ้านไหม?”
ใบหน้าของหญิงสาวดูร้อนลนเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่างมาอย่างงั้นแหละ? แล้วการที่หญิงสาวเรียกCEOหนุ่มห้วนๆโดยไม่ใช้ ”คุณ”
นำหน้านี่ก็อาจจะเป็นคนรู้จักที่สนิทกันพอสมควร? แต่เขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลยแหะ?
จะว่าไปคุณครูเทโอก็บอกว่าไม่มีญาติที่ไหนนอกจากพ่อแม่ที่อยู่ระหว่างเที่ยวรอบโลก?
ถ้างั้นผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันล่ะ?
“เอ่อ...ไม่อยู่ครับ...” เขาตอบปฏิเสธพลางลอบสังเกตหญิงสาวผิวขาวที่ยืนอยู่นอกรั้ว
ใบหน้าคมๆรับกับเส้นผมสีบลอนด์ ไม่ว่าจะดวงตา จมูกหรือปากก็เข้ากันหมดทุกส่วน
โดยรวมแล้วเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ หุ่นก็ดีเหมือนพวกนางแบบ
ท่าทางก็มั่นใจดูๆไปแล้วไม่น่าจะเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ
“อ๋า~...ทำยังไงดีล่ะ?
ชั้นไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วด้วย...พอจะรู้ไหมว่าเค้าจะกลับมาเมื่อไหร่?” แต่ใบหน้าสวยๆนั่นกลับแสดงความทุกข์ใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
คงกำลังมีเรื่องเดือดร้อนแล้วจะมาขอให้คุณครูเทโอช่วยสินะ?
“น่าจะอีกสองสามวันครับ”
“......สองสามวันเลยเหรอ...” หญิงสาวครางเบาๆด้วยท่าทางเหมือนจะหมดแรง
แต่ต่อให้อยู่ในสภาวะที่อ่อนแอแค่ไหน หญิงสาวก็ยังดูแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความมั่นใจจนเขารู้สึกราวกับว่านี่เป็นคุณครูเทโอเวอร์ชั่นผู้หญิงเลยก็ว่าได้...จะว่าไปแล้ว...ผู้หญิงสไตล์นี้....หรือว่าจะเป็น...แฟนเก่าของคุณครูเทโอ?
“เอ่อ...มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เธอ...สเลน
ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ด? ที่เป็นแฟนของครูเทโอสินะ?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาถามเขาตรงๆ
ซึ่งเขาคงไม่ต้องปิดบังในเมื่อคนก็รู้กันแทบจะทั้งโลกแล้วมั้งนั่น
จากผลงานงามหน้าของคุณครูเทโอตอนไปถล่มงานแต่งงานของเขา
“อ่า...ครับ...” เขาจึงยอมรับพลางยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย
“แบบนั้นยิ่งบอกกับเธอไม่ได้ใหญ่เลย
ฮือ~” หญิงสาวทรุดนั่งยองๆลงไปก่อนจะกอดเข่าร้องไห้...ท่าทางแบบนี้มันมีแต่จะยิ่งทำให้เขาสงสัยไม่ใช่หรือไง?
“บอกมาเถอะครับ...เผื่อว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก่อนที่คุณครูเทโอจะกลับมา”
ใบหน้าได้รูปพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายเผื่อจะหายตื่นตระหนกได้บ้าง
“จะให้บอกยังไงได้ล่ะในเมื่อชั้น....”
“ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ...บอกมาเถอะ”
“คือ...ชั้นเป็นแฟนเก่าของครูเทโอ
เราเคยคบกันอยู่ช่วงหนึ่ง...”
ร่างโปร่งบางชะงักไปเล็กน้อย
ทั้งๆที่ตอนที่เห็นหญิงสาวเขาก็คิดเอาไว้บ้างแล้วละว่าอาจจะเป็นแฟนเก่าคุณครูเทโอ
แต่พอได้ยินจากปากของอีกฝ่าย หัวใจมันก็เต้นกระตุกอย่างหาสาเหตุไม่ได้...ไม่มีอะไรหรอกน่า...ก็แค่แฟนเก่า
ก็แค่คนที่อยู่ในอดีต...เขาต่างหากที่เป็นปัจจุบันและอนาคตของคุณครูเทโอ
ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ไม่จำเป็นต้องคิดมาก
ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่พอหญิงสาวกล่าวประโยคถัดไป
ใบหน้าของเขาก็ถึงกับชาวาบ
“แล้วเด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของครูเทโอ...”
ร่างกายเหมือนจะนิ่งค้างไปหลายนาที...ว่าไงนะ?...ลูกของคุณครูเทโอ?
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองตามปลายนิ้วของหญิงสาวไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่โผล่หน้ามาโบกมือให้เขาอย่างซุกซน...เด็กคนนั้นมีเส้นผมสีทองสุกใส
มีนัยน์ตาสีฟ้าทอประกาย...มันเหมือนเส้นผมและดวงตาของคุณครูเทโอไม่มีผิด...
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
เพราะงั้นตอนนี้ถึงได้ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
ท่านคะ! ท่านไปทำอัลไลเอาไว้เนี่ย?!!
=[ ]=!
แต่ไม่ดราม่านะ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ ถึงได้ชื่อว่า SLIDE ไง55555
สำหรับใครที่สนใจรับรวมเล่มน้อยๆไว้ดูแล น่าจะวันสองวันนี้แหละค่ะ
จะเปิดให้จองพร้อมกันทุกเซต ทั้งรับในงานและไปรษณีย์ สำหรับเล่ม 3 ของ
GLIDE : WHITE & SILVER หน้าตาปกเป็นแบบนี้ค่า
ในเฟสน่าจะเห็นกันนานแล้ว555 อันนี้เป็นปกแจ็คเกตที่หุ้มด้านนอกอีกทีค่ะ
แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้าน้า
>v</
กริ้ดดดดดด อ๊าก รอค่ะ ฮือๆ จะซื้อๆ กินแกรบก็ยอม555 รักครูเทโอสเลนรักเรื่องนี่มากๆเลยคะ สู้ๆนะคะ รออ่านเรื้องต่อไปค่ะ แอบอยากเห็นครูเทโอกับสเลนในเรื่องซอมบี้บ้างจังคะ แต่ไม่ว่ายังไงจะตามอ่านต่อไปเลยคะ สู้ๆนะคะพี่!!!
ตอบลบจบแล้ว ใจหายจัง
ตอบลบชอบพระเอกนิสัยร้ายๆแบบครูเทโอ
รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ