Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and
SILVER#16
For
HBD. Count Cruhteo
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองกล่องรับจดหมายก่อนที่มือบางจะปัดหิมะสีขาวออกไปให้พ้นทาง ซองจดหมายและซองทั้งหลายแหล่ถูกหยิบออกมาก่อนที่ร่างโปร่งจะห่อไหล่แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
แค่ออกไปแป๊บเดียวยังแทบจะแข็งตาย
จะให้แข่งฟอร์มูล่าวันในอากาศแบบนี้ก็คงไม่ไหว เพราะงั้นการแข่งขันฤดูกาลที่ผ่านมาจึงสิ้นสุดลงแล้ว
โกคุเดระก็ยังคงทำผลงานได้ดีเหมือนเดิมโดยคว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งไปครองได้สำเร็จ
ส่วนเขาเองก็ทำได้แค่ที่สาม ประสบการณ์มันยังต่างกันข้อนั้นเขารู้ดี แต่ก็นั่นแหละ
อย่างน้อยแชมป์ประเภทผู้ผลิตก็ยังเป็นของเฟอร์รารี่ แค่นี้ก็ดีแล้ว
“แต่ว่า...มันอาจจะเป็นการไปแย่งแหล่งวัตถุดิบของคนอื่นนะครับ...” เสียงที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือของCEOหนุ่มทำให้เขาหันไปมอง คุณครูเทโอเดินลงมาจากบันไดด้วยใบหน้าราบเรียบ
ขนาดอยู่ในสเวตเตอร์คอวีสีเทาธรรมดาๆผู้ชายคนนี้ก็ยังดูภูมิฐานราวกับท่านเคานต์หลุดมาจากยุคโบราณยังไงอย่างงั้น
“ช่างสิ...ในเมื่อของแบบนี้ใครมีเงินก็ได้ไป
อีกอย่างคนที่ตัดสินใจจะขายให้เราก็คือเจ้าของโรงถลุงเอง
ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปสนใจว่าใครจะเสียผลประโยชน์” ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางสบายๆ
ดูเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีปัญหาเรื่องแหล่งวัตถุดิบทำให้ใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นหน้านิ่วคิ้วขมวดมาทั้งอาทิตย์
นี่ก็คงจะเพิ่งเคลียร์ปัญหาได้ถึงได้ยังอยู่บ้านแบบนี้
“เอ่อ...แล้วจะไม่สืบดูสักหน่อยเหรอครับ?
ว่าปกติแล้วโรงถลุงนั่นส่งวัตถุดิบให้ใคร...”
เลขาส่วนตัวยังคงถามมาตามสายอย่างเกรงใจ ต่างจากCEOหนุ่มที่ไม่เคยสนใจใครทำให้เสียงเด็ดขาดตอบกลับไปแทบจะทันที
“ไม่ต้อง
ชั้นสนใจแค่ผลลัพธ์ ส่วนวิธีการหรือเรื่องอื่นๆจะเป็นยังไงชั้นไม่สน” ใบหน้าได้รูปที่แอบฟังอยู่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าปลงๆ
คุณครูเทโอก็แบบนี้แหละนะ ถึงจะดูเลวร้ายแต่ก็ทำเพื่อเฟอร์รารี่
“ถ้าคุณครูเทโอว่าอย่างงั้นละก็...ผมจะจัดการโอนเงินให้เรียบร้อยภายในวันนี้ครับ”
“ดี” ปลายสายวางหูโทรศัพท์ไปทำให้วันหยุดค่อยสมเป็นวันหยุดขึ้นมานิดหน่อย
“ดูท่าทางซีเรียสจังนะครับ?”
“อืม...ก็จู่ๆโรงถลุงที่เคยสั่งวัตถุดิบอยู่ก็โทรมาบอกว่าไม่มีวัตถุดิบให้ไปจนถึงกลางปีหน้า
พูดแล้วมันก็น่าโมโห...ไม่ใช่ว่าไม่มีหรอก
แต่พวกนั้นคงขายให้คนอื่นไปในราคาที่ดีกว่าแน่ๆ
อยากจะรู้นักว่ามันเป็นค่ายรถใหม่ที่ไหนถึงได้กล้ามาแย่งวัตถุดิบของเฟอร์รี่แบบนี้!” ใบหน้าหยิ่งทระนงหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ร่างโปร่งต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อ่า...ใจเย็นก่อนนะครับ...เอางี้...ทานไก่งวงที่ผมลองอบดูดีกว่าจะได้อารมณ์ดี
นะครับ” มือบางคล้องไปที่ท่อนแขนแข็งแรงก่อนจะดึงตัวCEOหนุ่มขึ้นมาจากโซฟาแล้วออกแรงลากน้อยๆให้เดินมาที่โต๊ะทานอาหาร
“ไก่งวง?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองทำหน้าประหลาดใจเพราะอาหารที่เขาพูดถึงมันเป็นของที่มักทำตามเทศกาล
“ครับ ผมไม่เคยทำ
ก็เลยลองทำดู...ก็...เผื่อว่า...ถ้าคริสต์มาสปีนี้คุณครูเทโอไม่ได้ไปไหน...จะได้...” มือบางถูกันไปมาอยู่ที่หน้าขาเพราะไม่แน่ใจว่าจะไปรบกวนเวลาของคุณครูเทโอหรือเปล่า
“ตกลง” แต่CEOหนุ่มกลับรับคำอย่างไม่ลังเลก่อนที่จะนั่งลงไปบนเก้าอี้
“ครับ” ใบหน้าได้รูปยิ้มอย่างดีใจและเวลาที่สเลนยิ้มแบบนี้ทีไร
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรีบเร่งเคร่งเครียดของCEOหนุ่มก็จะสดใสและผ่อนคลายลง
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองคนที่กำลังเดินไปถือไก่งวงออกมาจากห้องครัวด้วยสายตาอ่อนโยน
ไก่งวงตัวอวบอ้วนน่ากินที่กำลังเหลืองพอดีๆถูกวางลงบนโต๊ะ
CEOหนุ่มตักมันเข้าปากก่อนจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กตรงหน้านี่ช่างมีพรสวรรค์ในเรื่องทำอาหารจริงๆ
“อร่อย” ถึงจะเป็นคำสั้นๆแต่มันก็ทำให้คนฟังยิ้มหน้าบาน
“เอ๋?
จริงนะครับ”
“อืม”
มือใหญ่ตัดเนื้อสะโพกก่อนจะเอาเข้าปากอย่างต่อเนื่อง
เพราะรสชาติที่ถูกปากทำให้สายตามัวแต่จดจ้องเจ้าไก่งวงโดยที่ไม่ทันรู้ตัวว่าคนที่มองอยู่กำลังอมยิ้ม
แค่ได้เห็นว่าCEOหนุ่มชอบอาหารที่ตนทำ แค่นี้มันก็ทำให้มีความสุขแล้ว
“จริงสิ...ถ้าคุณไม่ว่าอะไร...ผมอยากจะขออนุญาตตั้งต้นคริสต์มาสไว้ที่หน้าเตาผิงได้ไหมครับ?”
“หื๋อ?
ต้นคริสต์มาส?”
ใบหน้าหยิ่งทระนงเงยขึ้นมาทั้งๆที่ยังเคี้ยวไก่งวงตุ้ยๆ
“ก็ต้นคริสต์มาสไงครับ
เทศกาลคริสต์มาสก็ต้องมาต้นคริสต์มาสสิ ที่บ้านไม่มีเก็บไว้บ้างเหรอครับ?”
ใบหน้าได้รูปมองร่างสูงใหญ่อย่างอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะมันเป็นของที่บ้านไหนๆเค้าก็มีกัน?
“ไม่มีหรอกไอ้ของแบบนั้น
เพราะทุกปีชั้นก็ฉลองคริสต์มาสอยู่ที่ออฟฟิศน่ะ” อ่า...อย่าบอกนะว่าทำงานแม้แต่คืนวันคริสต์มาสน่ะ?....จริงๆเลยนะผู้ชายบ้างานคนนี้!
“ไม่ได้นะครับ! ถ้าไม่มีต้นคริสต์มาส
ซานตาครอสจะมาหาได้ไง”
“หึ...เป็นเด็กหรือไงเธอน่ะ”
มือใหญ่ยกหลังมือขึ้นมาปิดริมฝีปากที่กำลังหัวเราะ
“โธ่...ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีสิทธิ์ที่จะขอพรจากซานตาครอสด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ” ใบหน้าได้รูปทำแก้มป่องมองCEOหนุ่มอย่างงอนๆ
“หึหึ...เอาเถอะ
อยากจะตั้งตรงไหนก็ตามใจเธอเถอะ...ว่าแต่...คงต้องไปซื้อต้นคริสต์มาสที่ว่านั่นก่อนสินะ?” เป็นเพราะสเลนดูจริงจังร่างสูงใหญ่เลยนึกสนุกไปด้วย
ปกติแล้วถ้าปีไหนที่ไม่มีแฟนเขาก็จะทำงานจนไม่ได้สนใจว่าวันไหนคือวันคริสต์มาส ถึงปีไหนจะมีแฟนแล้วถูกรบเร้าให้ไปฉลองด้วยแต่ก็แค่กินข้าวนอกบ้าน
ไม่เคยได้ทำอะไรที่มันดูเป็นครอบครัวแบบนี้เลย
“วันนี้ชั้นว่าง
ไปซื้อกันเลยก็แล้วกัน” ถึงแม้ว่าคนมันจะเยอะจนน่ารำคาญในวันอาทิตย์แบบนี้ก็เถอะ
“เอ๊ะ?
แต่นี่มันเพิ่งจะต้นเดือนธันวาเองนะครับ จะไม่รีบไปหน่อยเหรอครับ?” เพราะไม่เคยต้องไปหาซื้อของตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยตัวเองเนื่องจากปกติแล้วฮาร์กไลท์ก็จะเตรียมไว้ให้
ร่างโปร่งถึงได้ถามออกไป
“ไม่รีบหรอก
ถ้าไปซื้อตอนใกล้ๆ คนอื่นคงซื้อไปกันจนไม่เหลือแล้ว กินอาหารเสร็จก็ออกไปกันเลยแล้วกัน”
“ครับ”
แล้วมันก็จริงอย่างที่CEOหนุ่มว่า
เพราะร้านค้าที่เพิ่งเอาต้นคริสต์มาสกับอุปกรณ์ตกแต่งมาวางขายกลับมีคนแน่นกว่าร้านอย่างอื่น...ร่างโปร่งบางยืนอยู่หน้าต้นคริสต์มาสหลากหลายขนาดในขณะที่รอCEOหนุ่มที่เอารถไปจอด...คิดถูกแล้วสินะที่เชื่อคุณครูเทโอแล้วมาซื้อตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะคนส่วนใหญ่ก็เริ่มออกมาซื้อกันแล้ว
ขนาดสี่คนจากบ้านในเขตป่าของมาราเนลโล่ที่ไม่เคยจะสนใจหรือเตรียมพร้อมกับเรื่องอะไรก็ยังออกมาซื้อกันแล้ว?!
นัยน์ตาสีมรกตลอบมองครอบครัวแสนสุข(ละมั้งนะ?)นั่นจากหลังต้นคริสต์มาสที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ก็พอจะได้ยินว่าพวกนั้นคุยอะไรกันบ้าง...อย่าง...
“คุณรีไวๆ
เดี๋ยวผมจะเอาถุงเท้าใบใหญ่นี่แขวนไว้ที่หัวเตียงนะ คุณซานต้าต้องหาอะไรมาใส่ให้ด้วยล่ะ” เอเลนอยากได้ของขวัญสินะ?
นึกถึงคุณรีไวที่ใส่ชุดซานต้าแอบย่องเอาของขวัญไปใส่ถุงเท้าสีแดงนั่นไว้ให้คงจะเป็นอะไรที่น่ารักน่าดู เขานึกขำอยู่ในใจ
“โกคุเดระๆ
เดี๋ยวชั้นจะเอาถุงเท้าใบใหญ่ๆเลยมาแขวนไว้ที่หัวเตียงนะ เอาตัวนายมาใส่ให้ด้วยล่ะ” พรืด...เขาถึงกับหลุดขำกับความเนียนของคุณยามาโมโตะ...นี่ก็อยากได้
“ของขวัญ?” เหมือนกันสินะ?
“โฮ่ย
ไอ้หมีวายร้าย คิดว่าชั้นจะมึนไปกับคำพูดของแกรึไงห๊ะ?!
เดี๋ยวชั้นจะเอาระเบิดไปยัดใส่ไว้ให้เอง ไม่ต้องห่วง!”
“โฮ่...น่าสนใจถุงเท้าใบใหญ่นั่นเหมือนกันนะ?” แล้วเสียงทุ้มของคนที่เพิ่งมาที่ดังอยู่ใกล้ๆใบหูก็ทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหันไปมองอย่างหวาดๆ
คงไม่ได้คิดจะให้เขากลายเป็นของขวัญแล้วลงไปอยู่ในถุงนั่นอย่างโกคุเดระหรอกนะ?
“โธ่...ไปเลือกต้นคริสต์มาสกันเถอะครับ”
เขาลากร่างสูงใหญ่ไปอีกทางเพราะไม่อยากจะไปรบกวนเวลาของครอบครัว
ดูจากอาการที่อีกไม่นานคงตีกันแล้วคิดว่าอย่าไปยุ่งจะดีกว่า
“คุณรู้ไหมครับว่าของประดับตกแต่งพวกนี้ก็มีความหมาย” มือบางหยิบไม้เท้าสีขาวคาดแดงมาโบกไปมาอยู่ข้างแก้ม
หลังจากเลือกต้นคริสต์มาสได้แล้วต่อไปก็เป็นของประดับตกแต่งที่แยกขายเป็นชิ้นๆ
“มันไม่มีผลอะไรต่อกำไรของเฟอร์รารี่
เพราะงั้นชั้นไม่รู้หรอก” แล้วคำพูดที่สมกับเป็นCEOหนุ่มก็หลุดออกมาจากใบหน้าหยิ่งทระนงให้เขาได้แต่ส่ายหน้า
“อา...ไม่โรแมนติกเลยคุณครูเทโอเนี่ย~”
“อย่างดาวประดับที่อยู่บนยอด
ความหมายของมันก็คือสิ่งนำทางไปสู่ความประจักษ์แจ้ง...ส่วนช่อมิสเซิลโทนี่ก็มีความเชื่อว่ามีพลังวิเศษในการบำบัดโรค
เป็นพืชแห่งความสงบสุขและการปรองดอง นอกจากนี้แล้วก็ยังเกี่ยวพันกับเทพธิดาแห่งความรักของชาวสแกนดิเนเวีย
คนจึงมักจุมพิตกันใต้กิ่งมิสเซิลโทเพราะเชื่อว่าจะได้แต่งงานและครองคู่กันตลอดไป
แล้วก็ถ้าหญิงสาวคนไหนหลงเข้ามายืนอยู่ใต้กิ่งมิสเซิลโทจะไม่สามารถปฏิเสธการจูบจากชายหนุ่มได้”
“ถ้างั้นซื้อกิ่งนี่ไปเยอะๆเลย
ชั้นจะแขวนให้ทั่วบ้าน”
จู่ๆคนที่ฟังเรื่องเล่าของเขาอย่างตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างก็หูผึ่งขึ้นมาทันที
มือใหญ่หยิบกิ่งมิสเซิลโทใส่รถเข็นอันแล้วอันเล่าและกว่าเขาจะเข้าใจความตั้งใจของคุณครูเทโอก็หยิบคืนแทบไม่ทัน
“โธ่~
หยุดเลยนะครับ...” ....ก็ถ้าหญิงสาว(ซึ่งคงจะหมายถึงเขา?)หลงเข้ามายืนอยู่ใต้กิ่งมิสเซิลโทจะไม่สามารถปฏิเสธการจูบจากชายหนุ่ม(ซึ่งคงจะเป็นคุณครูเทโอ?)ได้...งั้นก็แปลว่าถ้ามีกิ่งมิสเซิลโทอยู่ทั่วบ้านเขาไม่ต้องจูบกับคุณครูเทโอทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ?!...ทีเรื่องแบบนี้ละไวนักเชียว!
“อ๊ะ
พวงหรีดคริสต์มาส...เอาไปแขวนไว้ที่ประตูด้วยดีไหมครับ?
เพราะเชื่อว่ามันจะเชื้อเชิญภูติแห่งป่าไม้เข้ามาในบ้านและนำสุขภาพและโชคลาภที่ดีมาให้
นอกจากนี้วงกลมของมันยังสื่อถึงความรักอมตะที่ไม่โรยราอีกด้วยครับ”
“เอาสิ...แต่ถึงไม่มีมัน
ความรักของชั้นก็เป็นอมตะอยู่แล้ว”
ใบหน้ามั่นใจทำให้ร่างโปร่งนึกหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบพวงหรีดคริสต์มาสใส่รถเข็นไป
ร่างสองร่างช่วยกันเลือกไฟประดับ ดาวสีทองดวงเล็กๆ กล่องของขวัญหลากสีสันและริบบิ้นฟูๆจนเกือบจะเต็มรถเข็น...นัยน์ตาสีมรกตทอดมองมันอย่างนึกสนุกเพราะไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาติดกี่วันกันนะกว่าจะเสร็จ
แต่แค่นึกถึงช่วงเวลาที่เขากับคุณครูเทโอกำลังช่วยกันประดับประดาต้นคริสต์มาส
มันก็รู้สึกอบอุ่นใจจนเผลออมยิ้ม
“แล้วนี่ล่ะ?”
เสียงทุ้มเรียกร่างโปร่งออกมาจากภวังค์ก่อนที่มือใหญ่จะหยิบแผ่นพลาสติกสีสันสวยงามรูปนกพิราบคาบกิ่งมะกอกขึ้นมาให้ดู
“อ๋อ...นกพิราบคาบกิ่งมะกอก...หมายถึงการขอให้ยกโทษให้น่ะครับ
แล้วก็ความสงบ สันติ ความปรารถนาดีระหว่างมนุษย์”
ร่างสูงยักไหล่น้อยๆอย่างไม่ได้คิดอะไรก่อนจะหยิบมันใส่รถเข็นที่เริ่มแน่นเอี้ยด
“ไปเอามาอีกคันดีไหม?” เสียงทุ้มถามออกมาราวกับลืมไปแล้วว่าจะต้องเอาไอ้ของพวกนี้ไปประดับต้นคริสต์มาสด้วยตัวเองอีกนะ
ไม่ใช่ว่าจะซื้อๆไปกองไว้ใต้ต้นเสียที่ไหน
“พอแล้วครับ...แค่นี้ก็ติดไม่ไหวแล้ว
ดีไม่ดีต้นคริสต์มาสอาจจะเอนเพราะรับน้ำหนักไม่ไหวก็ได้ครับ”
“งั้นรึ?”
“ครับ...ไปจ่ายเงินแล้วไปซื้อของสดกลับบ้านกันดีว่าครับ” ใบหน้าหยิ่งทระนงพยักรับอย่างว่าง่าย
แต่ก่อนที่รถเข็นจะถูกเข็นไปยังช่องจ่ายเงินมันกลับเลี้ยวไปอีกทาง
“ชั้นว่าไปเอาช่อมิสเซิลโทมาอีกอันดีกว่า
ชั้นจะไปแขวนไว้เหนือเตียง”
ร่างโปร่งถึงกับอ้าปากค้าง จะอะไรกับมิสเซิลโทนักหนาเนี่ย?
แล้วแขวนไว้เหนือเตียงแบบนั้นกะจะไม่ให้เขาได้หลับได้นอนเลยใช่ไหมคนคนนี้!
“โธ่~
คุณครูเทโอนี่ละก็~”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาส่ายอย่างปลงๆก่อนจะเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะที่CEOหนุ่มยังคงใช้ชีวิตในวันหยุดอย่างสงบสุขอยู่กับทายาทของโรลส์-รอยซ์ในอิตาลี
แต่อีกมุมหนึ่งในอังกฤษกลับตรงกันข้าม
เพราะเคยเป็นเลขาส่วนตัวของผู้นำตระกูลซาสบาร์มมาก่อนที่จะต้องมารับหน้าที่ดูแลคุณหนูทำให้ฮาร์กไลท์รู้เกี่ยวกับกิจการงานทุกอย่างของโรลส์-รอยซ์เป็นอย่างดี
ร่างสูงโปร่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของผู้นำตระกูลซาสบาร์ม
ถึงจะเป็นห้องทำงานที่บ้านในเขตเคนชิงตันแต่มันก็ลิ้งค์อยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานใหญ่
เพราะงั้นแค่เขากรอกพาสเวิร์ดลงไป ข้อมูลทุกอย่างที่ท่านซาสบาร์มรู้
เขาก็รู้ได้เช่นกันทันที
นานเกินพอแล้วที่เขาปล่อยให้คุณหนูผู้แสนดีของเขาอยู่กับผู้ชายที่เป็นเหมือนปีศาจร้ายคนนั้น
นายท่านเองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกอีกฝ่ายแก้เกมกลับมาได้หมด...แต่นั่นก็เพราะท่านซาสบาร์มเป็นสุภาพบุรุษจึงเล่นกันแบบซึ่งๆหน้า
แต่ว่าเขาไม่ใช่...
ต่อให้มันเป็นการเล่นลับหลัง
ต่อให้เรื่องที่เขาทำมันจะชั่วร้ายหรือผิดต่อตระกูลซาสบาร์มแค่ไหนเขาก็จะทำ
ขอแค่ปลดปล่อยคุณหนูออกมาจากผู้ชายคนนั้นได้ ขอแค่ให้คุณหนูของเขาตาสว่างเสียที
มือใหญ่กดEnterก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์
ใบหน้าเรียวไม่ได้ลอบยิ้มที่มุมปากอย่างคนที่ทำตามแผนการสำเร็จ
แต่คิ้วสีดำกลับขมวดเข้าหากันเพราะรู้สึกผิดอยู่เต็มอกต่อการกระทำของตัวเอง
แต่เขาก็ต้องทำ
ต้องใจแข็ง...เพื่อให้คุณหนูของเขาได้รู้สึกตัวเสียที...ว่าคนที่อยู่ด้วยกันนั่นก็เป็นแค่ปีศาจร้ายที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางทางเฟอร์รารี่
ทิ้ง...ได้ทุกอย่างแม้แต่คนที่ตัวเองบอกว่ารักอย่างคุณหนูของเขา...
เขาจะพิสูจน์ให้เห็นเอง...
ถึงจะเป็นช่วงปิดฤดูกาลแข่งขันแต่คนที่จะได้พักอยู่บ้านก็มีแต่พวกนักขับเท่านั้นแหละ
ส่วนใหญ่พวกวิศวกรกับลูกทีมก็มักจะไปขลุกปรับแต่งรถกันอยู่ที่ห้องวิจัยบ้าง
ในสนามฟิโอราโน่บ้าง ในโรงงานของเฟอร์รารี่บ้าง แต่ก็นั่นแหละ
หิมะตกแทบจะวันเว้นวันแบบนี้ยังไงเขาก็คงไปทดสอบรถให้ไม่ได้ เพราะงั้นเขาจึงเข้าไปที่สนามเพื่อซิมูเลชั่นแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้น
วันที่เหลือถึงได้ว่างจนสามารถอบขนมปังสำหรับวันคริสต์มาสได้แบบนี้
ถึงจะเป็นรุ่นทดลองก็เถอะนะ
“อืม...หวานไปหน่อยไหมนะ...” ริมฝีปากสีระเรือเคี้ยวคุกกี้ขนมปังขิงหรือ
Ginger bread cookie ด้วยท่าทางครุ่นคิด แน่นอนว่าเสียงนุ่มพูดกับตัวเองเพราะว่าCEOหนุ่มไปทำงานตามปกติ ก็คนที่สำนักงานใหญ่ไม่ได้มีปิดฤดูกาลเหมือนพวกทีมแข่งนี่
“เอาไว้คราวหน้าลองลดหวานลงหน่อยดีกว่า...”
เมื่อตัดสินใจได้ขั้นตอนต่อไปสำหรับเจ้าคุกกี้รูปคนที่วางเรียงรายนับสิบตัวก็คือขั้นตอนการแต่งหน้า
Royal
icingทำเองที่เอาไว้แต่งหน้าถูกปาดใส่ถุงบีบครีม คุกกี้รูปคนที่ถูกพักจนเย็นแล้วถูกหยิบมาวางใกล้ๆ
ก่อนที่หัวบีบครีมจะจ่อลงไปบนใบหน้าของคุกกี้รูปคนนั่น
ครีมสีขาวค่อยๆไหลลงมาแล้วกลายเป็นลูกตา ปาก เสื้อผ้า
มือบางหยุดชะงักเมื่อ
Ginger
bread cookie ตัวแรกเสร็จเรียบร้อย
หัวสีชานึกสนุกอะไรขึ้นมาได้เพราะงั้นเจ้าคุกกี้รูปคนตัวที่สองมันถึงได้มีตาขวางแถมปากยังเป็นตัววีคว่ำ
มีเนคไทผูกอยู่ที่คอ...
“คิก...”
มือบางอีกข้างปิดปากหัวเราะน้อยๆเมื่อละออกมายืนมองผลงานของตัวเอง...นี่มันคุณครูเทโอนี่นา~
อ่าจริงด้วย ในเมื่อมีคุณครูเทโอแล้วก็ต้องมี...
มือบางหยิบ
Ginger
bread cookie
มาอีกตัวก่อนที่ถุงบีบครีมจะวาดออกมาเป็นใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้ม...มีคุณครูเทโอแล้วก็ต้องมีเขาสิ!
ใบหน้าได้รูปยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวปลายนิ้วพยายามประคองคุกกี้สองอันนั้นวางลงในกล่องพลาสติกใส...เก็บไว้ให้คุณครูเทโอดูตอนเย็นดีกว่า...ปลายนิ้วขยับให้มือของ
Ginger
bread cookie ทั้งสองตัวแตะกัน
เสร็จแล้วก็อดที่จะกลับมายืนเขินเองไม่ได้...นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย...น่าอายชะมัด~
หรือว่าจะทำเป็นเอเลน บอส
โกคุเดระแล้วก็คนอื่นๆในทีมด้วยดีไหมนะ? พรุ่งนี้ต้องไปซิมูเลชั่นพอดี
เอาไปให้ด้วยเลยดีกว่า...มือบางหยิบถุงบีบครีมขึ้นมาอย่างนึกสนุก
แต่ก่อนที่เนื้อครีมจะไหลลงไป
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นให้ต้องหยุดการแต่งหน้าคุกกี้กลางคัน
ใครโทรมาหว่า?...นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปที่หน้าจอ...ฮาร์กไลท์?
“ครับ?”
เสียงนุ่มตอบรับพี่เลี้ยงส่วนตัวที่น่าจะโทรมาจากอังกฤษ...ถึงเขาจะยังไม่ได้บอกฮาร์กไลท์กับพ่อของเขาไปตรงๆแต่ทางนั้นก็น่าจะรู้บ้างแล้วว่าเขาอาศัยอยู่กับคุณครูเทโอ
“คุณหนูครับ
คุณท่านเข้าโรงพยาบาลครับ!”
แต่แล้วน้ำเสียงที่ฟังดูร้อนรนของฮาร์กไลท์ก็ทำเอาโทรศัพท์แทบจะร่วงจากมือ
“คุณพ่อเข้าโรงพยาบาล?!
เกิดอะไรขึ้นฮาร์กไลท์?! ท่านไม่สบายหรือว่าอุบัติเหตุ?!”
เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจนโตพ่อของเขาไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง
เจ้าบ้านซาสบาร์มนั้นถือว่าเป็นคนที่แข็งแรงมาก
เพราะงั้นเมื่อได้ยินจากพี่เลี้ยงคนสนิทว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลจึงอดที่จะตกใจมากไม่ได้
“ท่านไม่สบายครับ
ถ้ายังไงคุณสเลน...”
“ครับ!
เดี๋ยวผมบินไปบ่ายนี้เลย ฝากดูคุณพ่อด้วยนะครับ!” เสียงละล่ำละลักตอบกลับไป
ร่างโปร่งวางสายจากพี่เลี้ยงคนสนิทแต่ก็ยังหันไปหันมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี
อารามตกใจและกังวลทำให้ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก...คุณครูเทโอ...ต้องบอกคุณครูเทโอก่อน
“ว่าไงสเลน?”
เสียงทุ้มตอบรับโดยไม่มีคำทักทายตามมารยาทเพราะรู้ว่าใครโทรไปหา
“คุณครูเทโอ
พ่อ...พ่อเข้าโรงพยาบาล...ผม...ผมจะทำยังไงดี...ไม่สิ...ผมจะกลับอังกฤษ...ผมต้อง...ผม”
ริมฝีปากสีระเรื่อกรอกคำพูดที่วกวนใส่โทรศัพท์ด้วยอาการลนๆจนปลายสายต้องบอกให้ใจเย็นๆ
“ค่อยๆพูดสเลน...ใจเย็นๆ...”
“เมื่อกี้ฮาร์กไลท์โทรมา
บอกว่าคุณพ่อไม่สบายจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล ผมเป็นห่วงมาก ก็เลย...”
“เตรียมพาสปอร์ตเอาไว้ก็แล้วกัน
เดี๋ยวชั้นแวะไปรับที่บ้านแล้วเราไปอังกฤษด้วยกัน
เรื่องตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวชั้นจัดการให้ เธอนั่งพักให้ใจเย็นลงก่อน
อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก นะ”
สมกับเป็นผู้บริหารของเฟอร์รารี่ CEOหนุ่มตัดสินใจได้ในทันทีจนคนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพราะยังตระหนกตกใจอยู่ตอบรับอย่างสงบลงบ้าง
“อ่า...ครับ”
โทรศัพท์ถูกวางสายไปแต่นัยน์ตาสีมรกตก็ยังจ้องอยู่ที่หน้าจอ...ใต้แผ่นอกซ้ายรู้สึกอุ่นใจเพราะความพึ่งพาได้ของอีกฝ่าย
จากที่เคยร้อนรนสติจึงค่อยๆกลับมาอีกครั้ง
ร่างโปร่งเดินไปหยิบนู่นหยิบนี่เพื่อเตรียมตัวไปอังกฤษ ก่อนจะกลับมาเก็บของในครัวเป็นอย่างสุดท้าย
Ginger
bread cookieในกล่องพลาสติกใสถูกวางลงไปบนชั้น...ก่อนที่ประตูตู้เย็นจะปิดลง...
CEOหนุ่มเดินออกไปสั่งงานเลขาพร้อมกับให้จองตั๋วเครื่องบินให้ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน
หัวสีทองกำลังสงสัยว่าคนอย่างซาสบาร์มน่ะเหรอจะเป็นหวัดธรรมดาๆแล้วถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล
ถึงคนคนนั้นจะไม่ได้บ้างานเท่าเขาแต่ก็ดูไม่น่าจะเป็นคนที่ป่วยง่ายขนาดนั้น? มันน่าจะต้องมีอะไร?
มือใหญ่เลยเคาะคีบอร์ดสองสามทีให้หน้าจอคอมพิวเตอร์เปิดขึ้น แล้วกระดานหุ้นที่เข้ามาในสายตาก็ทำให้รู้เลยว่าซาสบาร์มเข้าโรงพยาบาลเพราะอะไร
นี่มันอะไรกัน...?
ทำไมหุ้นของโรลส์-รอยซ์ถึงได้แดงเถือกแบบนี้?
ทั้งๆที่เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนก็ยังดีอยู่เพราะเพิ่งจะสู้กับเขาไปเอง?
แล้วทำไมวันนี้หุ้นถึงตกแม้แต่ตัวใหญ่เองก็ยังถูกดึงร่วงไปด้วย?
หัวสีทองได้แค่ครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา
จะว่าไปตัวล่าสุดที่สู้กับเขาเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนมันก็มีอะไรแปลกๆแต่เขาก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
เขาก็คิดว่าคงเป็นซาสบาร์มนั่นแหละเลยใส่เต็มที่อย่างทุกทีเพราะคิดว่ายังไงโรลส์-รอยซ์ก็คงโต้กลับได้...แต่ดูเหมือนคราวนี้จะไม่ใช่?
พอหุ้นตัวเล็กๆในเครือล้มมันเลยดึงตัวใหญ่ที่ไม่เคยสะเทือนให้ร่วงลงไปด้วย?
ซาสบาร์มเลยเครียดจัดจนกระทั่งล้มหมอนนอนเสื่อ?
ว่าแต่...คนที่สู้กับเขาได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงมาตลอดนั่นจะยอมแพ้แค่นี้จริงๆน่ะเหรอ?
จะถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องแค่นี้จริงๆน่ะเหรอ?
ไม่น่าใช่...หรือมันจะมีอะไรมากกว่าเรื่องหุ้น?
เพราะจะว่าไปหลังจากที่ปะทะกันเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน
ซาสบาร์มก็ไม่ได้แหย่เขาอีกเลย
เหมือนกำลังมีปัญหาอะไรที่สำคัญกว่าการเล่นงานลูกเขยอย่างเขาอย่างงั้นแหละ?
ฝ่ามือบางบีบมือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆแน่นเมื่อก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆตียงคนไข้ในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งกรุงลอนดอนเมืองหลวงของอังกฤษ
ภาพของผู้เป็นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับสั่นระริก
ตลอดเวลาที่เขายิ้มแย้มอยู่ที่อิตาลีเขาไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าบ้านซาสบาร์มกำลังเจอกับปัญหามากมายขนาดไหน
เพราะไม่ว่าจะโทรคุยกันกี่ครั้งคุณพ่อก็ไม่เคยเล่าเรื่องทุกข์ใจให้ฟังเลย...จนกระทั่งเขาได้มาเห็นสภาพที่ดูแก่ลงไปมากของท่าน
เขาถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขามันเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้ขนาดไหน
ฝ่ามือใหญ่บีบกลับเป็นเชิงให้กำลังใจเมื่อเห็นร่างโปร่งบางนิ่งไปกับสภาพของพ่อตัวเอง นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองคนที่คิดว่าเป็นคู่แข่งกันอยู่เสมอ...อะไรทำให้เจ้าคนอวดดีคนนั้นถึงกับทรุดได้ขนาดนี้กัน?
เส้นผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลมะฮอกกานีกลับมีสีขาวแซม
นัยน์ตาก็ลึกลงไปราวกับคนที่กำลังคิดมากและไม่ได้นอน ถ้าจะต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลก็คงไม่น่าแปลก...มันน่าจะต้องมีเรื่องอะไรมากกว่าเรื่องหุ้นตกแน่ๆเพราะสภาพของซาสบาร์มมันไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวัน
แต่น่าจะสะสมมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง...อาจจะตั้งแต่ที่ปะทะกับเขาครั้งล่าสุด?
“หมอฉีดยาที่ทำให้ง่วงน่ะครับ
ท่านอาจจะยังไม่ตื่นจนกว่าจะเย็น”
ฮาร์กไลท์ที่ไปรับพวกเขาจากสนามบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างพยายามรักษามารยาทแต่ก็ยังปิดความกังวลไม่มิด
“คุณพ่อ...” มือบางละจากมือของCEOหนุ่มไปจับกุมมือของคนที่ยังนอนนิ่งด้วยความรู้สึกผิดที่ตนไม่ได้อยู่ข้างๆในเวลาที่อีกฝ่ายกำลังลำบาก
“เกิดอะไรขึ้น?” CEOหนุ่มถามออกไปตรงๆซึ่งฮาร์กไลท์ก็มองกลับมาอย่างไม่ไว้ใจ
แต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาที่พยักหน้าน้อยๆก็ทำให้พี่เลี้ยงคนสนิทถอนหายใจก่อนจะยอมเล่าออกมา
“เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนหุ้นในกลุ่มบริษัทลูกของเราตก...ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วละมั้งครับ?” พี่เลี้ยงคนสนิทเหลือบตามองCEOหนุ่มอย่างค่อนขอด
“อย่างซาสบาร์มก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได้อยู่แล้วนี่?” แต่ใบหน้าหยิ่งทระนงกลับไม่ได้สำนึก
เพราะไม่คิดจริงๆว่าปัญหาแค่นั้นผู้บริหารโรลส์-รอยซ์จะแก้ไม่ได้จนปล่อยให้หุ้นของบริษัทแม่ถูกดึงลงมาด้วยแบบนี้
“หุ้นมันก็ไม่น่าตกขนาดนั้น
ถ้าใครบางคนรู้จักไว้หน้าโรลส์-รอยซ์บ้าง”
นี่จะบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาหรือไง? CEOของเฟอร์รารี่ได้แต่คิ้วกระตุก
“แล้ว...จะบอกว่าเรื่องที่ทำให้นายของเธอต้องล้มหมอนนอนเสื่อก็คือเรื่องหุ้นแค่นี้?” มีเพียงใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาที่ฟังทั้งสองพูดกันไปมาอย่างไม่รู้เลยว่าหุ้นพวกนั้นมันมีอะไร
แล้วCEOหนุ่มไปเกี่ยวด้วยตรงไหน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกคำพูดมันกำลังเหน็บแนมกันอยู่
“เปล่าครับ...ถึงเรื่องหุ้นจะทำให้นายท่านหัวเสียมากแต่ท่านก็คิดว่าท่านแก้ได้
เพียงแต่...ท่านไม่มีเวลาจะคิดเรื่องนั้นเพราะมันมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกเสียก่อน” ใบหน้าของฮาร์กไลท์หมองลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามสะกดกั้นอารมณ์
“จู่ๆฐานการผลิตก็แจ้งมาว่าวัตถุดิบไม่พอเพราะโรงถลุงไม่ส่งโลหะที่จะต้องใช้ในไลน์การผลิตมาให้...พอสอบถามไปทางโรงถลุงที่ใช้อยู่ประจำก็แจ้งกลับมาว่าขายให้กับคนอื่นไปแล้วในราคาที่สูงกว่าแถมยังถูกจับเซ็นต์สัญญาด้วยเลยทำให้เบี้ยวไม่ได้...ก็เลยไม่สามารถจะให้วัตถุดิบเราได้...” โดนเหมือนกันเหรอเนี่ย? CEOหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเลยว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ซาสบาร์มล้มป่วยด้วยความเครียด
เพราะเมื่อเกือบเดือนที่แล้วเขาก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“เอ๋?...ถ้าโรงถลุงนี้ไม่มีวัตถุดิบให้ก็ไปใช้ของที่อื่นไม่ได้เหรอครับ?” สเลนถามออกไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“มันมีไม่เยอะน่ะสิครับ...โรงถลุงที่มีมารตฐานพอจะส่งวัตถุดิบให้กับค่ายรถระดับนี้...ลองถามผู้บริหารเฟอร์รารี่ดูก็แล้วกัน” ใบหน้าสวยหันมามองเขาด้วยความสงสัย เขาจึงต้องเอ่ยออกไป
“รถอย่างซุปเปอร์คาร์ของเฟอร์รารี่กับรถที่ราคาสูงมากอย่างโรลส์-รอยซ์น่ะ
ไม่ได้ใช้วัตถุดิบเดียวกับรถตามท้องตลาดทั่วๆไปหรอกนะ
โรงถลุงที่สามารถทำให้ได้จึงมีไม่มากน่ะ”
ใบหน้าสวยพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปฟังฮาร์กไลท์ต่อ
“ครับ...พอวัตถุดิบไม่พอก็อาจจะส่งรถไม่ทัน
ยิ่งยอดจองครั้งล่าสุดสูงมากเพราะการตลาดค่อนข้างได้ผล
มันก็ยิ่งทำให้ท่านซาสบาร์มเครียดมาก
เพราะเดิมทีต้นทุนการผลิตของเราก็สูงอยู่แล้วด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าค่ายรถทั่วไป
ถ้าต้องซื้อวัตถุดิบที่ราคาสูงขึ้นเป็นสองเท่ามันก็ยิ่งทำให้จะเจ๊งเอาได้
แต่ถ้าไม่ทำก็จะทำให้ความมั่นใจของลูกค้าเสียหาย
ท่านซาสบาร์มจึงต้องกัดฟันซื้อวัตถุดิบที่ราคาแพงพวกนั้นจากโรงถลุงอื่นที่พอจะหาได้
ความเครียดที่สะสมอยู่หลายอาทิตย์เลยทำให้ล้มป่วยครับ”
“คุณพ่อ...”
มือบางกระชับมือของคนที่ยังหลับสนิทด้วยความรู้สึกผิด ความเป็นห่วง
และความเห็นใจ ร่างโปร่งบางยังคงนั่งอยู่ข้างๆเตียงคนไข้ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงจะไม่ตื่นขึ้นมา
“สเลน...เดี๋ยวชั้นขอตัวออกไปโทรศัพท์สักครู่นะ” ดูเหมือนCEOหนุ่มจะอ้ำอึ้งไปหลังจากที่ได้ฟังฮาร์กไลท์เล่าจนจบ...ก็อย่างที่บอกแหละว่าโรงถลุงที่ใช้งานได้นั้นมีไม่มากเพราะงั้นดีไม่ดีคนที่มาแย่งวัตถุดิบของโรลส์-รอยซ์อาจจะเป็น...
“ครับคุณครูเทโอ?” เสียงเลขาดังมาจากปลายสาย ร่างสูงใหญ่เดินลงไปชั้นล่างสุดของตึกวีไอพีที่ไม่มีใครนั่งอยู่แถวนี้
“เช็คให้ชั้นที
ว่าโรงถลุงใหม่ที่เราเพิ่งจับเซ็นสัญญาน่ะ...ก่อนหน้านี้เค้าส่งวัตถุดิบให้ใคร?”
“ครับ”
เลขารับคำก่อนจะวางสายไป...แล้วไม่นานก็โทรกลับมาใหม่...พร้อมคำตอบที่ทำเอาเขาถึงกับหน้าชา
ใช่จริงๆด้วย...เขาเป็นคนไปแย่งแหล่งวัตถุดิบของโรลส์-รอยซ์จริงๆด้วย...
เพราะงั้นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเด็กนั่นล้มป่วยก็คือเขาเอง...ทั้งเรื่องหุ้นแล้วก็เรื่องแหล่งวัตถุดิบ...
ใบหน้าหยิ่งทระนงได้แต่อึ้งไป...แต่จะให้บอกกับสเลนก็คงพูดไม่ออก...
“คุณหนู...ดื่มน้ำหรืออะไรหน่อยไหมครับ?
เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้”
พี่เลี้ยงคนสนิทเอ่ยถามคนที่ยังนั่งทำหน้ากังวลอยู่ข้างๆเตียงคนไข้
“ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่อยากทานอะไร” นัยน์ตาสีดำทอดมองเด็กหนุ่มที่ตนเลี้ยงมากับมือด้วยความสงสาร
ถึงจะรู้ว่าคุณสเลนจะต้องเจ็บปวด
แต่เพื่ออนาคต เพื่อตัวคุณหนูเอง เขาจำเป็นต้องทำ...จำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม...
“คุณสเลนครับ...ผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณหนูให้ได้...” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อาศัยจังหวะที่CEOของเฟอร์รารี่ออกไปโทรศัพท์นี่แหละ
“ครับ?” ใบหน้าได้รูปละจากคนป่วยก่อนจะหันมารับฟังเขาอย่างตั้งใจ
“คือ...ผมก็ไม่ได้คิดจะพูดลับหลังหรอกนะครับ...แต่ว่าคุณหนูก็ควรจะได้รู้เอาไว้บ้างว่าจริงๆแล้วคุณครูเทโอเป็นคนยังไง”
ใบหน้าได้รูปดูจะชะงักไปแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพูดต่อ
“ผู้ชายคนนั้นอยู่เบื้องหลังเรื่องที่หุ้นในเครือโรลส์-รอยซ์ทั้งหมดติดตัวแดงครับ” ร่างโปร่งบางนิ่งค้างไป
ใบหน้าได้รูปนิ่งอึ้งอย่างตื่นตะลึง
“จะบอกว่า...คุณครูเทโอทำให้หุ้นของโรลส์-รอยซ์ตก?” เสียงเบาหวิวเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ
“ใช่ครับ”
พี่เลี้ยงคนสนิทมองใบหน้าสวยที่ยังนิ่งค้างไม่หาย
เพราะคุณหนูของเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจริงๆแล้วนายท่านกับCEOของเฟอร์รารี่นั้นสู้รบปรบมือเรื่องนี้กันมานานแล้ว
ร่างโปร่งบางตรงหน้าคงจะเข้าใจแค่ว่าอยู่ดีๆครูเทโอก็มาทำให้หุ้นของโรลส์-รอยซ์ตกโดยไม่มีเหตุผล...ไม่หรอก...เหตุผลน่ะมันมี...และเขาก็กำลังจะใส่เชื้อไฟเข้าไปตอนนี้แหละ
“นายท่านกับผมเพิ่งจะทราบเรื่องแผนการตลาดที่มันเคยเป็นของเฟอร์รารี่มาก่อน...บางที...คุณครูเทโออาจจะอยากแก้เผ็ดโรลส์-รอยซ์ก็เลยก่อกวนจนทำให้หุ้นของเราตก...ผมก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะครับ...แต่บางทีการที่เข้ามาพัวพันกับคุณสเลนเองก็...อาจจะเป็นแผนการของผู้ชายคนนั้นก็ได้”
ร่างโปร่งบางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เหมือนคนที่ถูกสูบเอาเรี่ยวแรงไป ใบหน้าได้รูปส่ายน้อยๆอย่างไม่เชื่อ
ถึงเรื่องธุรกิจมันอาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
แต่เรื่องที่CEOหนุ่มจะเข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา
ทำให้เขารักเพื่อเอาไว้แก้แค้นนั้นมันเป็นไปไม่ได้
ไม่มีทางเลยที่คนบ้างานแบบนั้นจะยอมเสียเวลาเพื่อมาตามง้อเขาตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ไม่มีทางเลยที่คนอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจจะยอมอดทนกับเขาที่ไม่สามารถจะมีเซ็กส์ได้ในตอนแรกๆที่คบกัน...ถ้าฮาร์กไลท์ได้รู้จักคุณครูเทโอในมุมที่เขารู้จัก...ฮาร์กไลท์จะไม่พูดแบบนี้ออกมาแน่
“คนคนนั้นตั้งใจจะทำลายโรลส์-รอยซ์นะครับคุณหนู”
แต่ก็นั่นแหละ...กับเรื่องของเขาเขาเชื่อว่าความรักที่CEOหนุ่มมีให้มันคือของจริง...แต่กับเรื่องธุรกิจเขาก็ไม่รู้เลยว่าคุณครูเทโอกำลังคิดอะไรอยู่
ใบหน้าที่ดูครุ่นคิดของทายาทเพียงหนึ่งเดียวของโรลส์-รอยซ์ทำให้พี่เลี้ยงคนสนิทลอบยิ้มอยู่ในใจ...ถึงจะไม่ได้เชื่อเขาทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้สร้างรอยร้าวเล็กๆเอาไว้...ถือว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันก็ไม่เสียเปล่าเสียทีเดียว
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำหันไปมองคนป่วยบนเตียงอย่างนึกขอโทษอยู่ในใจ...อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายขนาดนี้
เพราะที่เขาทำไปก็แค่แอบปล่อยขายหุ้นตัวหนึ่งของบริษัทในเครือเท่านั้น...ครูเทโอที่คิดว่าเป็นฝีมือของท่านซาสบาร์มจึงใส่มาแบบเต็มๆแล้วกว่าท่านซาสบาร์มจะรู้ตัวมันเลยทำให้หุ้นในเครือผันผวนหลายตัว...เขาเองก็คิดว่ามันคงจะจบแค่นั้น
แต่แค่นั้นมันก็พอจะเอาไปใส่ร้ายป้ายสีCEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ได้แล้ว...แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันที่ท่านซาสบาร์มจะได้แก้ปัญหาเรื่องหุ้นก็มีเรื่องฐานการผลิตเข้ามาแทรกเสียก่อนแล้วเรื่องนั้นมันก็เร่งด่วนรวมทั้งร้ายแรงกว่ามาก...ท่านซาสบาร์มจึงไม่มีเวลาดูเรื่องหุ้นอีก
แล้วจากหุ้นที่ติดตัวแดงเพียงเล็กน้อยมันก็ค่อยๆลุกลามจนถึงตัวใหญ่โดยที่เขาก็แก้ไขอะไรไม่ได้
เรื่องแหล่งวัตถุดิบเองก็ดูเหมือนจะยิ่งดิ่งลงเหว
ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาในเวลาเดียวกัน
จนนายท่านที่เครียดสะสมมานานต้องล้มหมอนนอนเสื่ออย่างที่เห็น
“อืม.....”
เสียงอืออาที่ดังมาจากเตียงคนไข้ทำให้ใบหน้าที่กำลังเครียดๆอยู่หันไปมอง
“คุณพ่อ!” มือบางรีบตรงเข้าไปจับมือใหญ่ๆนั่นเอาไว้ก่อนจะยิ้มให้ด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา
“.....สเลน?...มาจากอิตาลีรึ?....”
ใบหน้าได้รูปพยักรับรัวๆก่อนจะแนบใบหน้าลงไปที่มือของคนเป็นพ่อด้วยน้ำตาคลอ...ถึงจะรู้สถานการณ์อันย่ำแย่ของโรลส์-รอยซ์ในตอนนี้แต่ก็พูดอะไรกับคนเป็นพ่อไม่ออก
แม้แต่คำปลอบโยนก็ไม่รู้จะพูดออกไปยังไง
“......งั้นรึ....”
แต่ดูเหมือนคนเป็นพ่อเองก็จะรู้แล้วว่าสเลนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
มือใหญ่จึงลูบแก้มใสเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
แล้วบรรยากาศซึ้งๆของพ่อลูกก็หายไปทันทีที่CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่เดินกลับเข้ามาในห้อง
“....ตื่นแล้วเหรอครับ?
เป็นยังไงบ้างครับ?” ถึงจะเห็นใจคนป่วยและรู้อยู่เต็มอกว่าตนเองเป็นสาเหตุของเรื่องแต่สายตาชวนทะเลาะของเจ้าของโรลส์-รอยซ์ก็ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าส่งประกายไฟกลับไป
“เห๋?...ระดับCEOนี่เค้าต้องตามไปเยี่ยมญาติพี่น้องของคนในบริษัททุกคนเลยหรือเปล่าครับเนี่ย?”
“เปล่าครับ...เฉพาะคนพิเศษเท่านั้นครับ” และนั่นก็ทำเอาคนป่วยถึงกับยิ้มมุมปากกระตุก
ต่างจากร่างโปร่งบางที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองคน
แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ...โธ่~
คุณครูเทโอนี่ละก็...เขาอุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่างเพิ่งเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คุณพ่อรู้
รอเอาไว้ให้ท่านอาการดีๆก่อน
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ไฟสงครามที่กำลังจะปะทุขึ้นค่อยๆมอดดับพร้อมกับใบหน้าของทุกคนที่หันไปมอง ร่างระหงของคุณหนูแห่งBMWเดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นๆ
“คุณอาเป็นยังไงบ้างคะ?
พอได้ยินว่าล้มป่วยถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลก็รีบมาจากเยอรมันทันทีเลยค่ะ” เด็กสาวหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนจะจับมือคนป่วยขึ้นมา
ริมฝีปากที่ฉาบด้วยลิปสติกสีสวยถามไถ่ด้วยความห่วงใย
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองยาวถึงกลางหลังที่ยังหอบน้อยๆให้รู้ว่ารีบวิ่งมาทำให้เจ้าของโรลส์-รอยซ์ยิ้มบางๆ
“อ่า...ไม่เป็นไรแล้วละ
ขอบใจที่เป็นห่วงนะ” เด็กสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนรอยยิ้มงดงามจะประดับอยู่บนใบหน้า
“ดีใจจริงๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก...คุณพ่อก็ฝากความเป็นห่วงมาให้ด้วยนะคะ
อ่า...แล้วก็...เพราะว่ารีบมากเลยไม่มีของเยี่ยมดีๆติดมือมาเลย...” ใบหน้าสวยสลดลง
ความอ่อนโยนที่เป็นธรรมชาติทำให้คนที่อยู่ด้วยมีแต่ความสบายใจจนคนที่เกือบจะได้มาเป็นลูกสะใภ้แอบเสียดายไม่น้อย...ทั้งๆที่เป็นเด็กดีอย่างกับนางฟ้าขนาดนี้แต่สเลนกลับไปเลือกปีศาจร้ายซะนี่ นัยน์ตาสีม่วงเหลือบไปมองCEOหนุ่มอย่างนึกเคือง
“ไม่เป็นไรหรอก
แค่มาก็ดีใจแล้ว...” เมื่อใหญ่ขยับไปลูบหัวเด็กสาวราวกับเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง
“จริงสิ...มัวแต่ตกใจเลยยังไม่ทันได้ทักทายสเลนกับคุณครูเทโอเลย...สวัสดีค่ะ” เด็กสาวหันไปหาอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
กับสเลนที่คุ้นเคยกันดีเด็กหนุ่มจึงเพียงแค่พยักหน้ารับ มีแต่CEOหนุ่มที่ตอบกลับด้วยคำพูด
“สวัสดีครับ”
“ทราบข่าวไวจังเลยนะคะ?
นี่ผู้บริหารค่ายรถอื่นๆเค้ายังไม่ทราบกันเลย
แต่ถึงจะทราบก็คงแค่ส่งกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยม คงไม่มาด้วยตัวเองแบบคุณครูเทโอ...CEOของเฟอร์รารี่นี่น่าเลื่อมใสจริงๆค่ะ” เด็กสาวพูดออกมาด้วยดวงตาใสซื่อ
เสียงใสที่กล่าวชื่นชมCEOหนุ่มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับกลั้นหัวเราะแทบตายกับใบหน้าที่ดูจะชะงักไปของCEOแห่งเฟอร์รารี่...กับเด็กสาวที่มีแต่ความบริสุทธิ์ใจแบบนี้ปีศาจร้ายอย่างหมอนั่นคงรับมือไม่ถูก
“อ่า...ครับ...พอดีรู้มาจากสเลนน่ะครับ
ก็เลยถือโอกาสมาด้วยกันเลย”
นัยน์ตาสีม่วงของคนป่วยยังคงมองมาอย่างนึกขำ
คงอยากจะออกฤทธิ์ใส่คุณหนูอัสเซลัมในฐานะศัตรูหัวใจอยู่หรอกเจ้าครูเทโอนั่น
แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกตัวเลยจึงทำอะไรไม่ได้
จะว่าน่าสงสารหรือสมน้ำหน้าดีล่ะ?
“จริงสิคุณหนูอัสเซลัม...ป่านนี้คุณพ่อคงจะรู้เรื่องสถานะการณ์ที่ไม่สู้ดีของโรลส์-รอยซ์แล้ว?
ท่านพูดอะไรเกี่ยวกับหุ้นส่วนที่มีอยู่ในโรลส์-รอยซ์บ้างหรือเปล่า?” เสียงทักจากคนป่วยทำให้เด็กสาวหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้
“เอ...ไม่เห็นท่านพูดอะไรนะคะ...อ๊ะ
คุณอาไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ว่าคุณพ่อจะว่ายังไงแต่หนูก็ยืนยันว่าทางเราจะไม่ถอนหุ้นแน่นอนค่ะ” คุณหนูของBMWให้สัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้คนที่ยังกังวลเริ่มจะผ่อนคลายได้บ้าง
“ขอบใจนะ” ผู้นำตระกูลซาสบาร์มรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเด็กสาว
เพราะถ้าBMWถอนหุ้นไปตอนนี้เขาคงจะล้มละลายแน่
“ขอบคุณนะครับ” สเลนเองก็หันไปขอบคุณเด็กสาวด้วยอีกแรง
“อื้อ...ไม่เป็นไรจ้ะ
สเลนกับคุณอาเป็นคนสำคัญของชั้น...เล็กน้อยแค่ไหนชั้นก็ดีใจที่ได้ช่วย” รอยยิ้มที่สดใสและอ่อนโยนทำให้CEOหนุ่มรู้สึกพ่ายแพ้
เด็กสาวคนนี้มีน้ำใจแม้ในด้านธุรกิจซึ่งต่างจากเขาลิบลับ ขนาดรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเป็นสาเหตุของเรื่องนี้แต่เขากลับพูดกับสเลนไม่ออก
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองสามคนที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมแล้วก็ให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
“ก็บอกแล้วไงว่าห้องนี้”
“ใช่ที่ไหนละ
เธอน่ะบอกชั้นว่าตึกนู้นต่างหาก!”
เสียงเถียงกันอยู่ที่หน้าประตูทำให้ฮาร์กไลท์เดินออกไปดูอย่างสงสัย
แล้วผู้หญิงสองคนที่โผล่พรวดเข้ามาก็ทำให้คนในห้องหันไปมอง
โดยเฉพาะร่างโปร่งบางที่สะดุ้งตามสัญชาตญาณเมื่อได้เห็นหน้าสองคนนั่น
“คุณป้าเทเรซ่า
คุณอาวิคตอเรีย...สวัสดีครับ...” เสียงนุ่มกล่าวทักทายทั้งๆที่นัยน์ตาสีมรกตไม่ได้มองหน้าสองคนนั่นด้วยซ้ำ
มันหลุบต่ำและเสหลบไปมองอย่างอื่น
“สวัสดี...ชั้นบอกเธอแล้วไงวิคตอเรีย
กลิ่นไม่ดีมันโชยมาจากทางนี้ นี่ต้องเป็นห้องที่พี่ชายเธอนอนอยู่แน่!” ริมฝีปากสีระเรื่อกัดกันน้อยๆ...เขาไม่อยากจะเจอสองคนนี่เท่าไหร่เพราะเจอกันทีไรก็เป็นอันว่าต้องหาเรื่องว่าด่าว่าจิกกัดเขาตลอด
“ถ้าจะมาหาเรื่องลูกชายผมละก็
เชิญกลับไปซะ แต่ถ้าจะมาเยี่ยมก็เข้ามา”
เพราะว่าสองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่อ
ท่านจึงยังรักษามารยาทด้วยและต่อให้เบื่อหน่ายยังไงก็ตัดกันไม่ขาด
คุณอาวิคตอเรียที่เด็กกว่าคุณพ่อเดินเข้าห้องไปแล้วแต่คุณป้าเทเรซ่ายังคงจดจ้องอยู่ที่เขา
“ฮึ!
ถ้าน้องชายชั้นตายเมื่อไหร่ละก็อย่าหวังว่าเธอจะได้สมบัติของตระกูลซาสบาร์มไปแม้แต่แดงเดียว!” ใบหน้าได้รูปได้แต่หันหนีอย่างไม่คิดจะตอบโต้อะไร
หญิงวัยกลางคนที่ดูเป็นผู้ดีอังกฤษแท้ๆจึงยอมเดินเข้าไปในห้อง
“สวัสดีค่ะคุณอา
คุณป้า” คุณหนูของBMWทักทายทั้งสองคนด้วยความเป็นกันเอง
“สวัสดีจ้ะ
คุณพ่อสบายดีนะ?” แต่กับเด็กสาว
ผู้หญิงสองคนนั้นกลับพูดจาด้วยดีๆจนCEOหนุ่มที่ยืนมองอยู่รู้สึกแปลกใจ
“ค่ะ
จริงๆท่านก็อยากจะมาเยี่ยมด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้มีงานให้เคลียร์เยอะมากเลยค่ะเลยฝากความห่วงใยมาแทน”
“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ...บอกตามตรงว่าคนของทางนี้น่ะ
ไม่คู่ควรกับหนูเลยสักนิด”
คุณป้ายังไม่วายหันไปส่งสายตาจิกกัดให้สเลนที่หลบไปยืนอยู่ไกลๆ CEOหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้เพราะในขณะที่ยืนอย่างไร้ตัวตนอยู่ในนี้มานานก็ดูเหมือนญาติๆของซาสบาร์มจะสังเกตเห็นเขาเข้าจนได้
“เอ๋?
คุณพี่ขา คนนี้นี่.....” น้องสาวของซาสบาร์มหันมามอง CEOหนุ่มจึงเป็นฝ่ายทักทายก่อนตามมารยาท
“สวัสดีครับ
ครูเทโอ CEOของเฟอร์รารี่ครับ สเลนไปอยู่กับเราแล้วก็ทำผลงานได้ดี
ช่วยทางเฟอร์รารี่ไว้มาก ผมเลยตามมาเยี่ยมคุณพ่อของเด็กคนนั้นแทนคำขอบคุณครับ” แต่แทนที่จะได้รับการต้อนรับเหมือนคุณหนูของBMW พี่สาวของซาสบาร์มกลับจ้องมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร
“CEOของเฟอร์รารี่?” เสียงห้วนๆเอ่ยถามจนCEOหนุ่มเริ่มงงว่าเขาไปทำมารยาทแย่ๆอะไรใส่หรือไง
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนถึงได้บึ้งตึงอย่างไม่ชอบใจแบบนั้น?
นับว่าเป็นครั้งแรกเลยนะที่ถูกคนที่เพิ่งเจอกันเมินใส่เพราะไม่ว่าCEOของเฟอร์รารี่จะไปที่ไหน
พอใครรู้ว่าเขาเป็นใครก็มักจะกุลีกุจอต้อนรับขับสู้ทั้งนั้น
“ครับ?” ร่างสูงใหญ่จึงได้แต่ยืนงงกับใบหน้างอหงิกของหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวราวกับตู้เพชรเคลื่อนที่ได้คนนี้
“อ้อ!
ชั้นรู้แล้ว! เธอนี่แหละที่เป็นตัวต้นเหตุให้เกิดเรื่องแย่ๆในโรลส์-รอยซ์ตอนนี้!” ไหล่หนาถึงกับสะดุ้งเฮือก
แต่เปล่าเลย...คุณป้าของสเลนไม่ได้ชี้หน้ามาที่เขา
แต่ปลายนิ้วที่มีแหวนเพชรระยิบระยับนั่นกลับชี้ไปที่สเลน?
“เธอเอาเรื่องภายในของโรลส์-รอยซ์ไปบอกพวกเฟอร์รารี่ใช่ไหมล่ะสเลน?
เพราะอยากให้เค้ารับไปเป็นนักแข่งรถกระจอกๆพวกนั้นไง ถึงได้เอาโรลส์-รอยซ์ไปขาย!
ชั้นบอกแล้วใช่ไหมว่าเจ้าเด็กนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องหรอก!” ใบหน้าได้รูปผงะไปก่อนจะปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ผมเปล่า...ผมไม่ได้ทำแบบนั้น”
“อย่ามาเถียงชั้นนนะ!” แต่ดูเหมือนฝ่ายหาเรื่องก็ไม่คิดจะฟังเช่นกัน
สองมือที่เริ่มจะมีรอยเหี่ยวย่นจับต้นแขนบางก่อนจะเขย่าไปมา CEOหนุ่มคิดจะเข้าไปขวางแต่เสียงกังวานของคนป่วยก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ฮาร์กไลท์!”
“ครับ”
“พาคุณสเลนกับคุณครูเทโอกลับบ้านไปก่อนไป” ใบหน้าที่ยังไม่ค่อยจะฟื้นจากอาการป่วยดีส่ายน้อยๆอย่างระอา
“ครับ
คุณหนูครับ กลับบ้านกันก่อนเถอะครับ”
ฮาร์กไลท์ตรงเข้าไปแกะมือของหญิงวัยกลางคนออกก่อนจะกันคุณหนูของตนจากคนที่มองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั่น
เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ยังดีที่พักหลังๆมานี้คุณสเลนไม่ได้กลัวหงอเหมือนตอนแรกๆที่เข้ามาอยู่ในบ้านซาสบาร์ม
แต่ก็นั่นแหละ ขนาดเวลาผ่านมาขนาดนี้พวกญาติๆก็ยังราวีไม่เลิก
“ว่าไงนะ?
CEOนั่นไม่ได้จะกลับบ้านตัวเองหรอกเหรอ?
นี่สนิทกันขนาดไหนถึงต้องกลับไปนอนที่บ้านเธอพร้อมกับเด็กนั่นเนี่ย?! ปล่อยให้เข้าบ้านง่ายๆแบบนี้ระวังจะโดนล้วงข้อมูลหมดหรอก!”
ขนาดเดินออกมาไกลแล้วแต่เสียงพูดก็ดังจนยังได้ยิน
“เทเรซ่าพอแล้วน่า...บ้านเค้าอยู่อิตาลี
จะให้กลับตอนนี้มันก็ดึกดื่นเกินไป”
ร่างโปร่งบางก้มหน้าก้มตาเดินอย่างไม่พูดไม่จาอะไรจนCEOหนุ่มนึกสงสัย มือใหญ่เอื้อมไปจับมือบางก่อนจะบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน
คิ้วสีชาจึงพอจะคลายปมที่ขมวดกันอยู่ออกไปได้บ้าง
“ถ้าต้องการอะไรก็เรียกผมได้เลยนะครับคุณสเลน” พี่เลี้ยงคนสนิทตามมาส่งถึงหน้าห้องนอนของบ้านหลังใหญ่ในเขตเคนชิงตัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าฮาร์กไลท์
นี่มันบ้านของผมนะ ปกติก็ทำอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ไม่อยู่แค่ปีเดียวทำเป็นลืม”
ใบหน้าได้รูปหัวเราะเบาๆกับความกังวลเกินเหตุของพี่เลี้ยงคนสนิท
“ว่าแต่จะไม่ให้จัดห้องแขกให้คุณครูเทโอจะดีเหรอครับ?
ให้พักห้องเดียวกับคุณหนูจะไม่ลำบากเหรอครับ?”
นัยน์ตาสีดำยังคงลอบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ในห้องอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า~
ฮาร์กไลท์ไปพักเถอะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” มือบางดันหลังพี่เลี้ยงคนสนิทเบาๆ
ร่างสูงโปร่งจึงต้องก้าวขาจากไปอย่างจำใจ
“ดูท่าทางจะห่วงเธอมากเลยนะนั่น” เสียงทุ้มพูดออกมาเมื่อประตูห้องถูกปิดลง
“ครับ...ฮาร์กไลท์คอยอยู่ข้างๆผมมาตลอดตั้งแต่เด็ก...คุณก็เห็นแล้วว่าพวกญาติๆของผมเป็นยังไง...ถ้าไม่ได้ฮาร์กไลท์คอยปกป้องในตอนที่คุณพ่อไม่อยู่
ผมคงกลัวจนไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ได้” ใบหน้าหยิ่งทระนงพยักรับอย่างเข้าใจ
ที่สเลนอยู่กับผู้ชายที่ร้ายกาจอย่างเขาได้คงจะเป็นเพราะต้องเจอกับยัยป้ามหาภัยนั่นมาตั้งแต่เด็กเลยสินะ
อย่างเขาเลยกลายเป็นคนธรรมดาๆไปเลย!
“จริงๆแล้ว...ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณพ่อหรอกครับ”
แล้วจู่ๆสเลนก็พูดสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเขาชะงักค้างออกมา
“เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงน่ะครับ
ญาติๆคนอื่นก็ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครเห็นด้วยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แล้วยิ่งคุณพ่อยกให้ผมเป็นทายาทอันดับหนึ่ง ทุกคนก็ยิ่งค้านหัวชนฝา
แล้วก็ทำสารพัดวิธีที่จะไล่ผมออกไป...”
ใบหน้าที่อ่อนโยนอยู่เสมอหมองลงเมื่อพูดถึงเรื่องในอดีตจนมือใหญ่ต้องดึงให้นั่งลงมาข้างๆ
เพราะแบบนี้นี่เองสเลนถึงบอกว่าตอนเด็กๆเคยอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ในบ้านหลังนี้
มือใหญ่ลูบผมสีชาอย่างเบามือ...จะว่าเป็นคนที่น่าอิจฉาหรือน่าสงสารดี...เพราะสเลนน่ะ
ถ้าเจอคนที่รักก็จะเป็นพวกที่รักมากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
ถ้าเจอคนที่เกลียดก็จะเกลียดจนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบญาติๆพวกนั้น
“ผิดหวังหรือเปล่าครับ?
ที่สักวันผมอาจจะถูกตัดออกจากกองมรดกก็ได้ ฮะฮะ”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชายังหัวเราะได้ซึ่งมันทำให้เขาเบาใจ
“ไม่เลยสักนิด
ชั้นจะได้ทุ่มเทให้เฟอร์รารี่อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยช่วยเธอดูแลโรลส์-รอยซ์” คำพูดคำจายังน่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยน
ใบหน้าได้รูปได้แต่ส่ายน้อยๆพลางอมยิ้ม
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่คุณป้าเสียมารยาทกับคุณ...ที่เขาไม่ชอบคุณก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก...คงจะเป็นเพราะผมไปอยู่กับเฟอร์รารี่นั่นแหละ...คุณป้าน่ะมีอคติกับทุกคนที่เข้าข้างผม”
“ยกเว้นคุณหนูของBMWนั่น?”
“ยังไงคุณหนูอัสเซลัมก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของพวกเราน่ะครับ
ต่อให้ชิงชังยังไงผลประโยชน์ก็ย่อมทำให้คนเราทนได้นั่นแหละ”
ใบหน้าหยิ่งทระนงพยักรับเพราะเขาเองก็เห็นคนประเภทนี้มาเยอะ
“คุณครูเทโอจะอาบน้ำก่อนไหมครับ?
เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
เรื่องเครียดๆถูกหยุดเอาไว้เพียงแค่นั้น
“เธออาบก่อนเถอะ...ห้องของเธอนี่สวยดีนะ
ไม่รู้ว่ามีหนังสืออย่างว่าแอบซ่อนไว้บ้างหรือเปล่า” ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยแซว
เจ้าของห้องจึงทำแก้มป่อง
“โธ่~ ไม่มีหรอกครับของแบบนั้น! ถ้างั้นผมอาบก่อนละ”
ร่างโปร่งเดินเข้าห้องน้ำไปทำให้CEOหนุ่มมีเวลาเดินสำรวจห้องนอนของสเลนที่เพิ่งเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก
กลิ่นหอมอ่อนๆที่เหมือนกลิ่นตัวของเด็กนั่นฟุ้งกระจายอยู่ทั่วห้อง
ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่มานานแต่บรรยากาศอ่อนโยนของสเลนก็ยังคงมีอยู่ที่นี่อย่างเต็มเปี่ยม
ทั่วทั้งห้องตกแต่งด้วยสไตล์วิกตอเรียนแบบโบราณรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในนี้ด้วย
ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปมองเตียงสี่เสาที่ทุกอย่างล้วนเป็นสีขาว...นึกภาพที่เด็กนั่นนอนอยู่คงราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว
ร่างสูงใหญ่ไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะข้างเตียง
ภาพในวัยเด็กของสเลนทำให้เผลออมยิ้ม เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ
น่ารักจนไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซาสบาร์มถึงได้หลงใหลจนกล้าขัดใจญาติพี่น้องทั้งหมดของตนแบบนั้น
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบไปมองรูปของเด็กสองคนที่วางอยู่ข้างๆกัน...นี่มันสเลนกับคุณหนูอัสเซลัม...
รอยยิ้มหายไปจากริมฝีปากทันที...เขาไม่รู้เรื่องอะไรในวัยเด็กของสเลนเลย...ต่างจากเด็กสาวคนนั้นที่อยู่เคียงข้างสเลนมาตลอด...
มันดีแน่แล้วเหรอ?...
ที่เขาไปแย่งสเลนมาจากเด็กสาวคนนั้นแบบนี้...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
ตอนนี้อาจจะยากและมึนงงนิดนึงนะคะ
เพราะว่ามรสุมเข้าพร้อมกัน555 ทางไหนเป็นทางไหนบ้างก็อาจจะทำให้งงบ้างไรบ้าง ทางนี้แต่งไปยังต้องตั้งสติขนาดหนักไป
// เอาหัวโขกผนัง orz.
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
*w*
อ๊าก!!!! สู้ๆๆๆๆๆ อย่าไปยอมแพ้นะ สู้เขา!!! ใจเย็นๆนะคะ
ตอบลบเป็นกำลังใจให้เสมอเลยนะคะ รออ่านเสมอค่ะ สู้ๆนะคะ^^
คุณกว๊างงงงง!!
ตอบลบคิดถึงจังเลยค๊าา ไม่ได้เข้ามานานเจอ4ตอนรวดนี่เพิ่งได้อ่านถึงครึ่งตอน16 รู้สึกว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมายังไงไม่รู้อ๊าาาาาาาา~ จริงๆก็อยากรีบอ่านให้สุด แต่พออ่านไปเรื่อยๆก็รู้สึกเสียดายแบบไม่อยากให้สุดถึงตอนสุดท้าย ฮือออออออ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ปล.อย่าหายไปนานนะ จิตใจเค้าบ่ดี สู้ๆค่ะ ✌��
ชีวิตสเลนรันทดไปไหน 😭
ตอบลบ