Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and
SILVER#14
For
HBD. Count Cruhteo
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
สัมผัสเนียนนุ่มของเนื้อผ้าชั้นดีทำให้รู้สึกราวกับได้นอนอยู่บนเตียงของบ้านที่จากมานาน
ใบหน้าสวยจึงแนบลงไปบนหมอนก่อนจะคลอเคลียไปมาอย่างไม่อยากจะลืมตาตื่น
แต่แล้วลมหายใจที่ไม่ใช่ของตัวเองกับท่อนแขนหนักๆซึ่งพาดอยู่ที่เอวก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านในอังกฤษแต่เป็นในอ้อมแขนของคุณครูเทโอต่างหาก!
นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงขึ้นมาทันทีแต่ดูเหมือนเจ้าของแผงอกกว้างจะยังหลับสนิท
ใบหน้าได้รูปจึงลอบผ่อนลมหายใจทีละนิด...จริงสินะ...เขาย้ายเข้ามาอยู่กับคุณครูเทโอตั้งแต่เมื่อคืน
จะตื่นขึ้นมาบนเตียงของCEOหนุ่มก็ไม่แปลกหรอกในเมื่อบ้านออกจะใหญ่โตแต่กลับมีห้องนอนแค่ห้องนอนเดียว!
เขาเลยต้องนอนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้
นึกถึงคำถามของเขาที่ถามอีกฝ่ายเมื่อคืนขึ้นมาทีไรก็รู้สึกหมั่นไส้ในคำตอบยังไงไม่รู้
“นี่คุณไม่คิดว่าจะมีคนมาอยู่ด้วยบ้างเลยหรือไงครับ?
ถึงได้รื้อห้องออกหมดแล้วขยายเป็นห้องของคุณคนเดียวแบบนี้เนี่ย...”
“เธอก็อยู่ห้องเดียวกับชั้นไง?”
“ไม่สิครับ...คนที่เป็นแบบว่า...ญาติหรือแขกหรือ...อ่า...ไม่สิ...คุณไม่คิดว่าจะมีลูกอะไรแบบนี้บ้างเหรอครับ?”
“แล้วเธอมีให้ชั้นได้ไหมล่ะ?”
“น่ะ....”
“เพราะงั้นห้องนอนอื่นมันก็ไม่จำเป็นใช่ไหม?”
“มันก็ใช่...ไม่สิ...ผมหมายถึงคุณไม่คิดว่าจะมีคนอื่นมาขออาศัยอยู่ด้วยบ้างหรือไงต่างหาก?”
“ให้มันไปอยู่ที่อื่นสิ
เรื่องอะไรชั้นจะต้องหามารมาขัดขวางระหว่างเธอกับชั้นด้วย?”
อ่า...ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจและไม่สนใจใครเลยจริงๆ...ใบหน้าได้รูปส่ายน้อยๆก่อนจะเผลอหัวเราะในลำคอ...เขาเสียอีกที่มัวแต่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง
พยายามใช้ชีวิตอย่างไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
เรียกว่าตรงกันข้ามกับคุณครูเทโอจนไม่คิดว่าจะมาลงเอยกันได้แบบนี้เลย
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองเจ้าของผมสีทองที่ยังหลับสนิท ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปลุกอีกฝ่าย
เขาจึงนอนมองใบหน้าหยิ่งทระนงในระยะประชิดต่อไป ริมฝีปากสีระเรื่ออมยิ้มน้อยๆ...ขนาดหลับก็ยังขมวดคิ้วเลยนะคนคนนี้...รอยซุกซนจึงเผยอยู่บนริมฝีปากอิ่ม
ปลายนิ้วจิ้มลงไประหว่างคิ้วสีทองทั้งสองข้าง
แล้วจู่ๆคนที่คิดว่าหลับอยู่ก็จับนิ้วของเขาหมับ
นัยน์ตาสีทองลืมตาขึ้นมาทำเอาใบหน้าสวยได้แต่ลุกลี้ลุกลน
“กล้าดีนักนะ
มาทำให้ชั้นตื่น...”
มืออีกข้างตวัดมารอบเอวบางก่อนจะดึงลำตัวโปร่งเข้าไปกอดไว้
ใบหน้าที่เพิ่งจะลืมตาตรงเข้าฟัดต้นคอขาวจนเจ้าของมันได้แต่หัวเราะเพราะความจักจี้
“ฮะฮะฮะ
โธ่...พอแล้วครับ...”
ยิ่งสองมือบางสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีทองเพื่อให้หยุดเท่าไหร่
ใบหน้าหยิ่งทระนงก็ยังคงฟัดไปมาที่ลาดไหล่ ซอกคอและใบหน้าสวยมากขึ้นเท่านั้น
“แฮ่ก...แฮ่ก...” แล้วเมื่อต่างคนต่างเหนื่อยจึงทิ้งตัวลงไปบนหมอนก่อนจะนอนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“วันนี้...บอสให้ผมหยุดหนึ่งวัน...เพราะเมื่อวานไม่ค่อยมีสมาธิ...ก็เลย...”
นักขับมือสองของเฟอร์รารี่สารภาพออกมาเสียงอ่อยๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะผิดหวังในความไม่ได้เรื่องของตน
“เธอ...ไม่ได้กลัวเรื่องประสบอุบัติเหตุ
แต่กำลังคิดมากเรื่องของชั้นสินะ?”
เสียงทุ้มถามออกมาในขณะที่ยังมองใบหน้าได้รูปไม่วางตา
“........” และการที่สเลนเงียบไปมันก็แทนคำตอบว่าใช่ มือใหญ่จึงดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดก่อนที่มันจะสอดเข้าไปใต้เสื้อนอน
ปลายนิ้วลากไล้ไปตามผิวเนียนนุ่ม ใบหน้าหยิ่งทระนงขยับเข้าไปกระซิบข้างๆใบหูที่เริ่มจะแดงระเรื่อด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ไม่เห็นต้องคิดมาก...ถึงชั้นจะยังใส่เข้าไปในตัวเธอไม่ได้
แต่เซ็กส์ยังมีอีกเป็นร้อยวิธี...เดี๋ยวชั้นค่อยๆสอนเธอเอง”
ใบหน้าที่ซุกอยู่ที่แผงอกด้วยความกังวลกลับแดงเถือกขึ้นมาทันทีที่ได้ฟัง
นัยน์ตาสีมรกตเบิกค้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ของCEOหนุ่ม
“เอ๋?...เอ่อ...อ่า...?”
แล้วในขณะที่เจ้าของเส้นผมสีชายังคงอ้าปากพะงาบๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
มือใหญ่ก็คว้าโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะกดโทรออก
“ครับคุณครูเทโอ?” เลขาส่วนตัวตอบรับกลับมาทันทีถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังเช้าแค่ไหนก็ตาม
“ช่วยเลื่อนประชุมของวันนี้ให้ที...ชั้นไม่ค่อยสบายน่ะ
เลยว่าจะหยุดงานสักวัน แค่กๆๆ” เสียงไอที่ฟังดูเสแสร้างชอบกลถูกกรอกใส่ลงไปในโทรศัพท์ด้วย
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาแปลกใจที่CEOหนุ่มบอกเลขาไปแบบนั้นในเมื่อตั้งแต่ตื่นมาก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะป่วยเลยสักนิด?
มือบางจึงแนบลงไปที่ลำคอแกร่งก่อนจะพบว่าอุณหภูมิมันก็ปกติดี?
“เอ๋?!!
ไม่สบายเหรอครับ?! ให้ผมเรียกรถพยาบาลไหมครับ?!! คุณต้องป่วยหนักแน่ๆถึงได้หยุดงานแบบนี้?!
ขนาดเมื่อก่อนเป็นหวัดนอนซมคุณก็ยังดันทุรังมาทำงานจนได้
แล้วคราวนี้ป่วยขนาดไหนกันครับ?!
ห้องไอซียู...เดี๋ยวผมโทรจองห้องไอซียูก่อน...”
น้ำเสียงแตกตื่นลนลานของเลขาทำให้CEOหนุ่มต้องรีบเอ่ยห้าม
“ไม่เป็นไร...ก็แค่หวัดนิดหน่อย...อีกอย่างชั้นมีพยาบาลส่วนตัวดูแลอยู่แล้ว...แค่เลื่อนนัดแล้วก็ทำงานตามปกติไปก็แล้วกัน...แค่นี้นะ” มือใหญ่กดวางสายในขณะที่ปลายสายดูจะนิ่งค้างไป อะไร?
แค่เขาลาหยุดวันนึงนี่โลกมันจะถล่มดินมันจะทะลายให้ได้เลยหรือไง?
“คุณ...ไม่สบายตรงไหนเหรอครับ?
ตัวก็ไม่ได้ร้อนหรือว่าจะปวดท้อง?”
แล้วร่างโปร่งบางก็ได้รับรู้ว่าที่ตัวเองสู้อุตส่าห์เป็นห่วงไปนั้นมันไร้ประโยชน์
เมื่อใบหน้าหยิ่งทระนงกลับตอบมาแบบไม่ทุกข์ร้อนว่า
“เปล่านี่...ชั้นสบายดี...ไหนๆเราก็ได้หยุดตรงกันแล้ว
มีอะไรที่อยากทำหรือเปล่า? ไปเที่ยว? ช็อปปิ้ง?”
.....อ้อ...แบบนี้นี่เอง...แกล้งป่วยการเมืองเพื่อที่จะได้หยุดอยู่กับเขาสินะ?...ถึงจะน่าสงสารคุณเลขาอยู่บ้างแต่เขาก็ดีใจจนเผลอยิ้มออกไป
“ผม...อยากรู้เรื่องของคุณให้มากกว่านี้...เพราะงั้นแค่อยู่บ้านแล้วเล่าเรื่องพวกนั้นให้ผมฟังก็พอ” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชายังคงหนุนอยู่ที่หมอนในขณะที่นอนตะแคงมองหน้าอีกฝ่าย
“เรื่องของชั้น?”
“อย่างเช่น...อาหารที่คุณชอบ? สีที่คุณชอบ?
ทีมฟุตบอลที่คุณเชียร์? อะไรแบบนี้...”
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ...สิ่งที่ชั้นชอบก็คือผลประกอบการของเฟอร์รารี่เป็นที่หนึ่งในวงการยานยนต์
ชั้นไม่ดูฟุตบอลเพราะงั้นชั้นเลยไม่มีทีมที่เชียร์ แน่นอนว่าถ้าเป็นเอฟวันชั้นก็ต้องเชียร์สครูเดอเลียเฟอร์รารี่ สีที่ชอบก็คือสีขาว ส่วนอาหาร...เธอทำอะไรให้กิน
ชั้นก็ชอบทั้งนั้นแหละ มีอะไรอีกไหม?”
ช่างเป็นคำตอบที่ฟังดูไร้ความโรแมนติกสิ้นดีผู้ชายบ้างานคนนี้...แต่ทุกประโยคก็ดูสมกับที่เป็นCEOปีศาจของเฟอร์รารี่จนใบหน้าได้รูปหลุดหัวเราะเบาๆ
“ครอบครัวล่ะครับ?
คุณเป็นคนที่ไหน เติบโตมายังไง?”
เพราะดูรูปลักษณ์ภายนอก ร่างสูงใหญ่ดูต่างจากคนอิตาลีทั่วไป
เขาถึงได้เอ่ยถามความสงสัยที่แอบเก็บไว้มานาน
“นี่เธอจะสอบสัมภาษณ์ชั้นเพื่อรับสมัครสามีหรือยังไง?” และเมื่อถูกแซวด้วยใบหน้านิ่ง
คนที่ผงะไปก็หน้าแดงเถือกก่อนจะส่ายรัวๆ
“มะ
มันจะไปใช่ได้ยังไงล่ะครับ โธ่....”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองหัวเราะในลำคอก่อนจะรวบเอวบางเข้าหาลำตัว
“พ่อแม่ชั้นเป็นคนเยอรมัน
แต่เพราะมาเป็นทูตอยู่ในอิตาลีชั้นเลยเกิดและโตที่นี่
มีสัญชาติทั้งเยอรมันและอิตาลี เมื่อก่อนเคยมีบ้านอยู่ที่โรม
แต่ตั้งแต่สองคนนั้นเกษียณก็ขายบ้านหลังนั้นแล้วย้ายกลับเยอรมัน
ตอนนี้น่าจะไปเที่ยวรอบโลกอยู่แถวๆเกาะEaster Islandละมั้ง?
ชั้นอยู่ที่อิตาลีถึงแค่จบมัธยม ส่วนระดับปริญญาตรี โท เอกจบที่อเมริกา
ถึงจะมีคนซื้อตัวจนเลือกไม่ถูกแต่เป็นเพราะชั้นเติบโตในอิตาลี ชั้นเห็นรถเฟอร์รารี่มาตั้งแต่เด็กๆ
เพราะงั้นชั้นจึงตั้งเป้าว่าจะต้องกลับมาเป็นผู้บริหารที่นี่ให้ได้แล้วก็จะทำให้มันเป็นหนึ่งในโลกไม่แพ้ใครให้ดู”
ประวัติที่ใบหน้าหยิ่งทระนงร่ายยาวให้ฟังมีแต่จะทำให้ร่างโปร่งอึ้ง...คนบ้าอะไรจะเพอร์เฟ็คขนาดนี้
ทั้งฐานะ ทั้งการศึกษา ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งการใช้ชีวิต
ไม่มีช่องโหว่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“เป็นไง?
ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนรักของชั้นแล้วใช่ไหม? หึ”
แต่ไม่รู้ทำไมความมั่นใจนั่นกลับทำให้ดูน่าหมั่นไส้จนใบหน้าได้รูปได้แต่ขำเบาๆ...แต่ก็จริงของเค้านั่นแหละ
หัวสีชาจึงพยักรับตรงๆ
“.....คนญี่ปุ่นเค้าเรียกว่าไงกันนะ?...อืม...” จู่ๆมือใหญ่ก็ยกขึ้นไปลูบคางอย่างใช้ความคิด
เพราะไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากงานเท่าไหร่จึงนึกไม่ออกในทันทีเหมือนวิธีแก้หุ้นตก
จนทำเอาคนที่นอนอยู่ข้างๆสงสัย
“ครับ?”
“
อ่าใช่...ไปเดทกันไหมสเลน?” แล้วคำที่นึกอยู่หลายนาทีก็ทำให้แก้มใสแดงแปร๊ดเมื่อCEOหนุ่มพูดมันออกมา...แบบนี้...แปลว่ารู้ความหมายของคำว่าเดทสินะ?
“เอ่อ
อ่า...ครับ...”
มือบางยกขึ้นมาบังใบหน้าที่ยังแดงจัด ไม่ว่าจะตอนลนลานหรือตอนเขินอาย
เด็กนี่ก็น่ามองอย่างร้ายกาจจริงๆ
“เลือกสถานที่มาสิ
มีเวลาวันเดียวแต่ถ้าเป็นเครื่องบินส่วนตัวก็น่าจะไปรอบๆอิตาลีได้อยู่หรอกนะ
อยากไปที่ไหนล่ะ?”
“ถะ
ถ้าไม่ว่าอะไร...ผมมีที่ที่อยากไป....”
ใบหน้าที่ค่อยๆสีจางลงจนเหลือแค่รอยแดงระเรื่อพึมพำอย่างไม่มั่นใจว่าจะบอกเขาดีไหม...
“บอกมาเถอะน่า...” ไม่ว่าจะที่ไหนในอิตาลีหรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอังกฤษ
ฝรั่งเศส สวิต ออสเตรีย เยอรมัน จะที่ไหนเขาก็พาไปได้อยู่แล้ว
และทั้งๆที่เขาตั้งตารอว่าสถานที่แบบไหนกันนะที่เด็กนี่อยากไป
แต่ริมฝีปากน่าบดขยี้นั่นกลับให้คำตอบที่ทำเอาเขาแทบจะตกเตียง
ก็มันไม่ใช่ทั้งแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังอย่างชองป์เอลิเซ่ในฝรั่งเศส
ไม่ใช่ประเทศที่เต็มไปด้วยขุนเขา ผืนหญ้าและฝูงแกะอย่างสวิตเซอร์แลนด์
ไม่ใช่ดินแดนแห่งเทพนิยายอย่างปราสาทนอยชวานชไตน์ในเยอรมัน
ไม่ใช่สวนสวรรค์ริมทะเลสาบอย่างฮัลล์สตัทท์ของออสเตรีย
แล้วมันก็ไม่ใช่สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของอิตาลี...เพราะมันเป็นที่ที่เขาคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น...
แหงละ...จะไม่คุ้นได้ไงในเมื่อมันอยู่ใกล้ที่ทำงานของเขาแค่ข้ามถนน!
“ว้าว...ที่นี่สุดยอดไปเลยนะครับ..มาอยู่มาราเนลโล่ตั้งนานแต่ไม่มีโอกาสได้มาสักที”
นัยน์ตาสีมรกตที่มองรถสีแดงเพลิงด้วยแววเป็นประกายนั่นทำให้ใบหน้าหยิ่งทระนงได้แต่ยิ้มแห้ง...ใช่...ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ใน
Museo
Ferrari…พิพิธภัณฑ์ของเฟอร์รารี่...รอบๆกายจึงมีแต่รถและรถจัดแสดงอยู่...ช่างเป็นสถานที่เดทที่โรแมนติกจริงๆ!
“เธอรู้ไหมว่าทำไมรถของเฟอร์รารี่ถึงขายดีมาจนถึงตอนนี้?” ร่างสูงใหญ่ก้าวขาเดินตามร่างโปร่งบางที่เดินเข้าไปในโซนจัดแสดงรถรุ่นโบราณกาลของเฟอร์รารี่
ทั้งเอ็นโซ ดีโน่
และอีกหลายต่อหลายรุ่นกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ผ่านประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมัน
“...อืม...เพราะสวยใช่ไหมครับ?
หรือว่าเพราะสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์?”
ใบหน้าหยิ่งทระนงหลุดขำพรืด...แล้วแบบนี้จะไปเป็นผู้บริหารของโรลส์-รอยซ์ต่อจากพ่ออย่างซาสบาร์มได้ไง
“ถ้าตอบตามความรู้สึกของคนทั่วไปมันก็คงจะเป็นแบบนั้น
แต่ถ้าตอบด้วยหลักการของผู้บริหารที่เธอเองก็ควรจะต้องเรียนรู้เอาไว้บ้าง
คำตอบก็คือ...เพราะราคาที่สูงลิบลิ่วต่างหากล่ะ”
“เอ๋?” เจ้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆทำหน้าประหลาดใจ...และนั่นมันก็ทำให้เขานึกสนุกที่จะได้อธิบายให้สเลนฟังทั้งๆที่ปกติแล้วเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร
ถึงมันจะเป็นหลักการตลาดที่ใครๆก็ใช้กันแต่กรณีของเขามันก็มีประสบการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“ถ้าเฟอร์รารี่ไม่ตั้งราคาที่สูงเสียดฟ้าขนาดนั้น
คิดว่าแบรนด์มันจะโตไวขนาดนี้หรือไง?
จริงอยู่ที่เรามีทั้งคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น
แต่เพราะว่าเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงจนคนทั่วไปไม่อาจจับต้องได้มันเลยกลายเป็นความใฝ่ฝันยังไงล่ะ
ตรงนั้นแหละ ที่ยกระดับแบรนด์ของเราให้ขึ้นไปอยู่ชั้นแนวหน้า” ใบหน้าได้รูปหัวเราะแหะแหะ
ดูท่าว่าจะเข้าใจความหมายที่เขาตั้งใจจะบอกแล้วสินะ
“สมกับที่เป็นคุณจริงๆ
มองทุกอย่างเป็นผลประกอบการไปเสียหมด...โธ่...หัดมองให้มันโรแมนติกๆบ้างสิครับ...อย่างเช่น...เป็นเพราะว่าเฟอร์รารี่ดีไซน์สวย
ไม่ก็เป็นเพราะสีแดง ไม่ก็เป็นเพราะความแรงของรถอะไรแบบนี้”
“หึ...เพราะแบบนี้ไง
เธอถึงจำเป็นต้องมีชั้นอยู่ข้างๆ ไม่งั้นโรลส์-รอยซ์เจ๊งหมดแน่” เขาเหยียดมองเด็กนั่นด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
เพราะรู้ว่ามันเป็นแค่การหยอกเย้าเจ้าของใบหน้าได้รูปถึงจะทำแก้มป่องกลับมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะโกรธอะไร
“ฮึ่ม...เห็นแบบนี้แต่ผมก็จบบริหารมานะครับ!”
“หื๋ม?....” CEOหนุ่มแกล้งลากเสียงยาวอย่างไม่เชื่อทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าสเลนจบบริหารมาจากเคมบริดจ์
มหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษ
เชื่อได้เลยว่าถ้าไม่หนีออกมาเป็นนักขับฟอร์มูล่าวันเสียก่อนป่านนี้เด็กนี่คงกำลังฝึกงานกับพ่อของตัวเองอยู่แน่ๆและพวกเราก็คงได้เจอกันในฐานะคู่แข่งทางธุรกิจของจริง
“ง่ะ...นี่คงไม่ได้คิดว่าผมเรียนจบคหกรรมอะไรแบบนั้นมาใช่ไหมครับ?
อย่างน้อยผมก็รู้ตัวน่าว่าอนาคตของผมเป็นยังไง”
“เอาเถอะ...ค่อยๆเรียนรู้ไปก็ได้
เดี๋ยวชั้นจะค่อยๆสอนให้...ทุกๆเรื่องเลย...”
ใบหน้าหยิ่งทระนงขยับเข้าไปกระซิบด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
“โธ่...ไม่คุยด้วยแล้ว
เดินดูรถกันเถอะครับ
ผมเคยเห็นในเนตด้วยว่าที่นี่มีห้องครึ่งวงกลมที่มีรถจัดแสดงบนสแตนด์เอียงๆอยู่?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาก้มลงไปมองแผนที่พิพิธภัณฑ์ในมือ
แต่คนที่เดินเข้าเดินออกที่นี่มาไม่รู้กี่พันกี่หมื่นรอบอย่างCEOหนุ่มไม่จำเป็นต้องดูแผนที่ให้เสียเวลา ก็ขนาดให้หลับตายังเดินถูกเลย
“ทางนั้น” ร่างสูงใหญ่จึงเดินนำไปโดยมีคนที่พับเก็บแผนที่พลางมองตามแผ่นหลังกว้างเดินตามไปติดๆ
ร่างสองร่างมายืนอยู่กลางสแตนด์รูปครึ่งวงกลมซึ่งเอียงลาดเข้าหาจุดศูนย์กลาง
บนนั้นมีรถฟอร์มูล่าวัน 8 คันจัดแสดงอยู่และหัวรถทุกคันต่างพุ่งมาหาพวกเขา
ความรู้สึกอิมแพ็คทำให้อดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้
ใบหน้าสวยจึงหันมองรอบๆด้วยความตื่นตะลึง
“สุดยอด...จริงๆครับ...” เสียงลอยๆเอ่ยออกมาราวกับว่าอยู่ในภวังค์
ใบหน้าที่กำลังจ้องมองรถสีแดงเพลิงอย่างหลงใหลทำให้คนที่เฝ้ามองได้แต่อมยิ้มอย่างสุขใจ
“อ๊า!
คุณครูเทโอ!” แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
เสียงทักดังลั่นแบบไม่สนใจว่าที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ก็ทำให้CEOหนุ่มและนักขับมือสองหันไปมอง
สำหรับสเลนแล้วคนที่เดินเข้ามาเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จัก
แต่สำหรับผู้บริหารของเฟอร์รารี่กลับรู้จักหญิงสาวคนนี้ดี
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ?
คุณไม่ได้ป่วยหรือไง? ข่าวที่ว่าคุณไม่สบายใกล้จะตายถึงได้หยุดงานมันแพร่สะพัดไปถึงที่ช็อปเลยค่ะ
โฮะๆๆ” คิ้วสีทองกระตุกรับคำทักทาย...ยัยนี่เป็นผู้จัดการช็อปเฟอร์รารี่ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน
จะว่าไปก็เป็นคนคอยดูแลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และพวกของที่ระลึกของเฟอร์รารี่
ถ้าเอลวินคือทีมบอสฝั่งรถแข่ง
ฟราเมี่ยนก็เป็นทีมบอสฝ่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกอะไรประมาณนั้น
“ชั้นเพิ่งกลับจากไปหาหมอ
พอดีนึกขึ้นได้ว่าน่าจะแอบมาดูผู้จัดการช็อปเฟอร์รารี่ที่แอบมาอู้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ซักหน่อยน่ะ” เสียงกดต่ำเอ่ยออกไปพร้อมด้วยมุมปากยกยิ้มราวกับปีศาจ
เขาทะเลาะกับเอลวินยังไง กับยัยนี่ก็คล้ายๆกัน
ถึงได้กล้าพูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนมแบบนี้
“อ่า...เปล่าอู้นะคะ...มาเอาบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์ไปขายที่ช็อปต่างหากล่ะคะ
พอดีมันหมด”
“อ้อเหรอ...”
“ว่าแต่วันนี้มากับหนุ่มน้อยที่ไหนคะเนี่ย
หน้าตาจิ้มลิ้มเชียว...เอ...แต่จะว่าไปก็คุ้นมากนะคะ?” หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมายมาจ้องมองร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ข้างๆCEOหนุ่ม
ใบหน้าที่แต่งแต้มมาจัดจ้านขยับไปไล่มองใกล้ๆจนร่างโปร่งเริ่มจะประหม่า
“อ่า...สวัสดีครับ
สเลน ทรอยยาร์ดครับ”
“เอ๊~~!! สเลน ทรอยยาร์ด?!
สเลนที่เป็นนักขับของพวกทีมแข่งไม่ใช่เหรอคะเนี่ย?! คุณCEO! คุณCEOไปฉกตัวเด็กคุณเอลวินมาแบบนี้ระวังตีกันตายอีกนะคะ” หญิงสาวถอยออกมาแหกปากอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าทั้งสองคนจะไปไหนมาไหนด้วยกันได้
“รู้แล้วน่ะ
พูดมากจริง” CEOหนุ่มตัดบทอย่างรำคาญ
ต้องรีบไล่ยัยนี่ไปไกลๆก่อนที่เดทของเขาจะล่มไปเสียก่อน
“ถึงจะไม่รู้ว่าอยู่ด้วยกันได้ยังไงก็เถอะนะ
แต่คุณสเลนคะ ขอตัวCEOของเราซักครู่นะคะ คุณครูเทโอมาก็ดีเลย
ชั้นจะได้ไม่ต้องลากม้าเหล็กที่จะวางขายที่ช็อปไปให้ดูถึงสำนักงานใหญ่
นี่เพิ่งได้ตัวอย่างมาสดๆร้อนๆเลยค่ะ อยู่หลังรถค่ะ
ไปดูแล้วก็ช่วยเซ็นต์ให้หน่อยนะคะ”
ม้าเหล็ก?
อ้อ...คงจะเป็นม้าลำพองสัญลักษณ์ของเฟอร์รารี่ที่ฟราเมี่ยนส่งแบบร่างให้ดูเมื่อเดือนก่อน?
“เธออยู่คนเดียวได้ไหม?
เดี๋ยวชั้นมา” ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปหาร่างโปร่งบาง
“ครับ” ซึ่งนักขับมือสองก็ยิ้มรับอย่างไม่ได้ว่าอะไร
ก็เข้าใจแหละว่าถึงจะเป็นวันหยุดแต่ระดับผู้บริหารก็ใช่ว่าจะได้หยุดจริงๆเสียเมื่อไหร่
นัยน์ตาสีมรกตมองตามแผ่นหลังกว้างไป...ไอ้ที่ไม่ชอบใจน่ะคือความสนิทสนมของคุณครูเทโอกับผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
เพราะปกติทุกคนจะเอาแต่กลัวคุณครูเทโอจนลนลาน
เพราะงั้นเมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนั้นกล้าคุยเล่นกับคุณครูเทโอก็เลยอดที่จะคิดในแง่ลบไม่ได้...อ๊า~
เขานี่มันแย่จริงๆ!
แต่เมื่อกี้ก็ตกใจเหมือนกันนะที่จู่ๆก็มีคนเข้ามาทักแบบนั้น
แต่อาจจะเป็นเพราะคนอื่นเข้าใจว่าเขากับคุณครูเทโอเป็นแค่CEOที่บังเอิญมาเจอกับนักขับ
จึงไม่มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขา...ความมันเลยยังไม่แตก
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ...ใช่...ตอนนี้ความยังไม่แตก...พ่อกับฮาร์กไลท์ยังไม่รู้...ว่าเขากับคุณครูเทโอ.......
“โค...โม...ริ...” แล้วเสียงเย็นๆที่ยานคางก็ทำให้ไหล่บางถึงกับสะดุ้งโหยง
คำเรียกที่คุ้นเคยทำให้ร่างโปร่งหันไปมองคนที่ยืนทำหน้าตายอยู่ข้างหลังด้วยความตกใจ
“เอ๋?
ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?” เพราะดูยังไงเทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยนี่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพิพิธภัณฑ์เลย
“ก็ใครบางคนโดดซ้อมนี่
ชั้นเลยไม่มีอะไรทำ ที่สนามก็เสียงดัง หนวกหูเลยมาอยู่ที่นี่มันเงียบดี” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหัวเราะแหะแหะ
เพราะ”ใครบางคน”ที่อีกฝ่ายว่ามันก็คือเขาเอง
“จะไปร้านกาแฟ
ไปด้วยกันไหม?” ไคซึกะ อินาโฮะเอ่ยปากชวน
แต่ใบหน้าได้รูปก็หันกลับไปมองทางที่CEOหนุ่มเพิ่งเดินจากไป
อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วมั้ง?
“ไม่ล่ะครับ
ผมอยากเดินดูข้างในนี้มากกว่า ว่าแต่คุณเถอะ
มาถึงพิพิธภัณฑ์แต่มานั่งดื่มกาแฟเนี่ยนะ?”
“ก็ชั้นดูมาหลายรอบแล้วนี่
ก็ใครบางคนมันชอบโดดซ้อมนี่นะ ชั้นเลยมีเวลามาขลุกอยู่ที่นี่บ่อยๆละ” อึก!
นี่คงจะหมายถึงช่วงที่เขาหนีกลับอังกฤษใช่ไหม?
เพราะนอกนั้นเขาก็ไม่ได้โดดซ้อมอะไรมากมาย...ละมั้งนะ...
“งั้นไปละ...” เจ้าเทรนเนอร์ประจำตัวเดินหายออกไปจากห้อง
ให้ตายเถอะ ช่างเป็นคนที่กวนประสาทจริงๆ ด้วยใบหน้าที่เหมือนปลาตายแบบนั้นน่ะ!
ร่างโปร่งยืนฟึดฟัดอยู่คนเดียวท่ามกลางรอยยิ้มของคนที่เดินจากมา
เวลาที่แหย่สเลน ทรอยยาร์ดได้มันช่างสนุกจริงๆ
“เอสเพรสโซ่ที่นึงครับ”
ใบหน้านิ่งสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเดินไปนั่งที่ริมหน้าต่าง นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงทอดมองไปยังหลังรถคันหนึ่งซึ่งมีCEOของเฟอร์รารี่กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปในแฟ้มเอกสาร...สเลนมากับผู้ชายคนนั้น...
จากใบหน้าที่ดูจะอารมณ์ดีเปลี่ยนไปทันที...อย่างน้อยวันนี้ที่มาที่นี่ก็ทำให้ได้เห็นเรื่องที่เขาติดใจสงสัยมานาน...
ใช่...แล้วมันก็ทำให้ตัดสินใจได้เสียที...ว่าเขาจะทำยังไงกับสเลน
ทรอยยาร์ดดี...
จะทำยังไง...กับความรู้สึกที่มีให้หมอนั่น...
ร่างโปร่งบางเดินดูจนทั่วพิพิธภัณฑ์แต่CEOหนุ่มก็ยังไม่กลับมา...ไม่รู้ว่างานมีปัญหาหรือว่าหาเขาไม่เจอกันนะ?
เขาเลยตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายออกไปหาคุณครูเทโอที่ที่จอดรถเอง
สองขาจึงก้าวออกมาจากพิพิธภัณฑ์ แต่ยังไม่ทันจะได้ข้ามถนน ลมลูกใหญ่ก็พัดเข้ามาจนเส้มผมสีชาปลิวปรกหน้า
สองขาจึงก้าวลงไปบนถนนโดยไม่ทันเห็นว่ามีรถกำลังพุ่งเข้ามา
ปรี๊นนนน!
สองหูได้ยินแต่เสียงแตรลากยาว
เพราะสองตามองเห็นแต่เส้นผมหัวใจจึงหล่นวูบด้วยความตื่นกลัวว่าคงหลบไม่พ้น
“สเลน!” หัวไหล่ถูกดึงไปด้านหลังในชั่ววินาที
ร่างทั้งร่างเซถลาไปซบอยู่ที่แผงอกของใครบางคนที่ช่วยเขาเอาไว้
หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นระรัวในขณะที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของอ้อมแขนนั่น
“คุณครูเทโอ...” มือที่ยังสั่นไม่หยุดจับลงไปที่เสื้อเชิ้ตของCEOหนุ่มอย่างโล่งใจ
“อย่ามัวแต่เหม่อสิ
เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยเป็นเชิงปลอบโยนมากกว่าจะต่อว่า
อ้อมแขนค่อยๆคลายออกมาเพื่อให้เขายืนเอง
“อะ
ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณมากครับ...”
“หรือว่า...ผมหน้ามันยาวไป?” นัยน์ตาสีฟ้าจ้องผมหน้าม้าของสเลนที่ยาวปรกหน้า
ถึงปกติมันจะสวยดีก็เถอะแต่เวลาแบบเมื่อกี้มันก็อันตรายไม่ใช่หรือไง
“สงสัยว่าของที่ยัยนั่นให้มา
มันอาจจะเหมาะกับเธอจริงๆก็ได้” มือใหญ่ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงซึ่งมีสินค้าตัวอย่างที่ยัยฟราเมี่ยนยัดเยียดให้มาพร้อมกับบอกเขาว่า
“ฝากให้เด็กคนนั้นด้วยสิคะ น่าจะเหมาะนะ”
“ของ?” ใบหน้าได้รูปเงยขึ้นมามองเขาอย่างสงสัย
มือจึงหยิบกิ๊บติดผมสีแดงที่อยู่ในซองแพคเกจรูปม้าลำพองสัญลักษณ์ของเฟอร์รารี่ขึ้นมา...ก่อนที่เขาจะเซ็นต์อนุมัติก็ยังสงสัยอยู่เลยนะว่าไอ้ของแบบนี้ใครมันจะซื้อ
แต่ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วละว่ายังมีคนต้องการมันอยู่
มือใหญ่จับปอยผมหน้าม้าสีชาปัดไปด้านข้างก่อนจะติดกิ๊บสีแดงให้
การกระทำที่อ่อนโยนทำเอาใบหน้าได้รูปถึงกับร้อนผ่าว
มือบางยกขึ้นมาจับๆไปตามเส้นผมของตัวเองไปจนถึงกิ๊บอันนั้นก่อนจะถามออกมาอย่างเขินๆ
“มัน...ไม่ประหลาดแน่นะครับ?” รอยแดงระเรื่อบนแก้มใสทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกไปวูบใหญ่
“คิดว่าชั้นจะเดินกับคนที่ดูไม่ได้หรือยังไงกัน?
ติดไปเถอะน่า...” ใบหน้าหยิ่งทระนงเสสายตาไปมองที่อื่น
มือใหญ่ยกขึ้นมาถูจมูกเขินๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ก็เจ้าเด็กตรงหน้านี่มันน่ารักมาก
น่ารักจนไม่รู้จะทำยังไงเลยละ
“ถะ
ถ้าคุณว่างั้นก็....” ร่างสูงใหญ่เหลือบมามองก่อนจะยื่นมือมาให้โดยไม่พูดอะไร
ร่างโปร่งบางมองมือนั่นอย่างเขินๆก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือออกไปจับไว้แล้วเดินไปด้วยกัน
บรรยากาศหวานๆข้างนอกนั่นช่างต่างจากรสขมของกาแฟในปากนี่ลิบลับ...สองคนนั้นคงจะไม่รู้ว่ามีเขามองอยู่จากตรงนี้...
แก้วกาแฟถูกวางลงไปในจานรองก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงจะทอดมองข้อมูลร่างกายของนักขับมือสองที่เขียนอยู่ในชาร์ต
มนุษย์เรานี่ก็แปลกดีนะ...ตอนที่รู้ว่าสเลน
ทรอยยาร์ดอาจจะมีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่ เขากลับไม่ได้คิดจะแย่งชิงให้มาเป็นของตัวเอง
แต่ตอนนี้...พอเห็นว่าคนที่หมอนั่นยิ้มให้เป็นผู้ชาย
ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้อย่างไม่คิดจะบอกออกไปกลับพุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด
หมอนั่น...กับผู้ชายก็ได้สินะ...
ถ้างั้น...
กับเขาล่ะ?
จะได้หรือเปล่า?
จานอาหารเช้าถูกวางลงบนโต๊ะอาหารพอดีกับที่ร่างสูงใหญ่เดินลงจากบันไดมาถึง
“ทานอาหารเช้าเลยไหมครับ?”
ท่อนแขนแข็งแรงพาดสูทเอาไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ก่อนจะเหลือบตาขึ้นไปมองคนที่อยู่ในผ้ากันเปื้อนสีขาว...เข้ากับเด็กนั่นจริงๆนั่นแหละ
“อืม” ร่างสูงใหญ่นั่งลงไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกสเลนว่า
“คืนนี้ชั้นน่าจะกลับดึก
เธอหาอะไรกินไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ
เพราะต้องไปประชุมองค์กรยานยนต์นานาชาติที่โรมน่ะ
เลิกประชุมแล้วก็มีงานเลี้ยงต่อ”
มือใหญ่โรยเกลือลงไปบนไข่ดาวในขณะที่พูดไปด้วย
“อย่างงี้นี่เอง...พ่อก็มาด้วยสินะครับ?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
สงสัยซาสบาร์มคงจะโทรหา?
“น่าจะมาแหละ
เพราะมันเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของค่ายรถทั่วโลก
เนื้อหาการประชุมน่ะไม่มีอะไรมากหรอกแต่ที่สำคัญคือคอนเนคชั่นมากกว่า” มันเป็นการพบปะทางธุรกิจมนั่นแหละ
เพราะงั้นต่อให้ยุ่งแค่ไหนผู้บริหารอย่างเขากับพ่อของเด็กนี่ก็จำเป็นต้องไปงานนี้
“ครับ”
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองร่างโปร่งบางที่นั่งทานอาหารเช้าด้วยใบหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว...อันที่จริงคนที่ควรจะต้องไปงานนี้น่าจะเป็นทายาทอย่างสเลนนี่แหละ
แต่ก็ดูเจ้าเด็กนี่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยอย่างไม่ได้สนใจอนาคตที่จะต้องรับช่วงต่อจากพ่อเท่าไหร่นัก
ซาสบาร์มเองก็ดูจะตามใจสเลนไม่ใช่น้อย ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้มาเป็นนักขับเอฟวันแทนที่จะไปดูแลโรลส์-รอยซ์อยู่แบบนี้หรอก
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการ
ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้อยากให้สเลนไปออกงานแบบนี้เท่าไหร่นัก...ไม่ได้อยากให้ใครรู้จัก
เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าจะไปเจอศัตรูหัวใจเมื่อไหร่
ในเมื่อแค่ที่มีอยู่นี่เขาก็รับมือยากแล้ว...นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองกาแฟดำในแก้ว...คืนนี้ก็อาจจะต้องเจอคุณหนูของ BMW...
วันนี้นักขับมือสองของทีมม้าลำพองกลับไปซ้อมตามปกติและดูเหมือนสภาพจิตใจจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง
การจับเวลาเลยทำได้ดีจนวิศวกรประจำตัวถึงกับยิ้มแก้มปริ
“ถ้าจะทำก็ทำได้นี่นา
ดีมากๆสเลน!”
มือบางของเอเลนตบไหล่สเลนจนร่างโปร่งแทบจะปลิวไปตามแรงที่ตบมาไม่ยั้งด้วยความดีใจ
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหัวเราะแหะๆกับคำชมที่ได้รับ
“อะไรๆ?
โห~ ตัวเลขนี่มันอะไรน่ะ? นายเมคขึ้นมาเองหรือเปล่าเอเลน?”
เพราะท่าทางอมทุกข์แบบเมื่อวันก่อนมันไม่มีเหลืออยู่แล้ว
ลูกทีมคนอื่นจึงกล้าเข้ามาเล่นด้วยตามปกติ
ร่างสูงใหญ่ในชุดสีแดงทั้งหลายจึงล้อมหน้าล้อมหลัง บ้างก็ชะโงกหน้าไปดูชาร์ตที่เอเลนถืออยู่ก่อนจะเอ่ยแซวออกมา
“เมคบ้าอะไรล่ะ?!
ผลงานล้วนๆ ผล-งาน!”
เอเลนที่ไม่เคยรับมุกใครหันไปแหวใส่ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นมาลั่นพิต ในที่สุดการาจสีแดงก็กลับสู่สภาวะปกติเสียที
“ถ้างั้นเย็นนี้ไปฉลองกันเถอะ!” ใครสักคนตะโกนขึ้นมาแล้วก็มีเสียงตอบรับแทบจะทันที
“เบียร์!!” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหลุดหัวเราะให้กับความเป็นกันเองของคนในทีมและเพราะปกติสเลนเป็นคนน่ารักที่ไม่ค่อยจะถือสาหาความกับใครเพราะงั้นจึงมักจะมีท่อนแขนของใครๆในทีมกอดคออยู่ตลอด
เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันเลยไม่เคยคิดมากไม่เคยถือตัว การหยอกล้อเฮฮาถึงเนื้อถึงตัวมันเลยเป็นเรื่องธรรมดาๆไป
คนอื่นๆก็เหมือนกัน เพราะเอ็นดูเจ้านักขับมือสองเลยเผลอขยี้หัวบ้างละ
เอาหน้าไปเกยไหล่บางๆนั่นบ้างละ...ก็แค่เพื่อนผู้ชาย...หลายๆคนคงคิดแบบนั้น
แต่กับทีมบอสร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองอยู่นานแล้วมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“สเลน
มานี่หน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย”
เสียงทุ้มเรียกนักขับในปกครองของตัวเอง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี่ทีมบอสอย่างเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกถ้าลูกทีมจะสนิทกัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเขาไม่เตือนสเลนเองนั่นแหละจะเดือดร้อน
“มีอะไรเหรอครับ?” ใบหน้าได้รูปเงยขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“ชั้นรู้...ว่านายกับลูกทีมคนอื่นๆไม่ได้คิดอะไร
ชั้นเองก็อยากจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติอยู่หรอกนะ...แต่เพื่อตัวของนายเอง
ชั้นคงต้องบอก”
“ครับ?”
“ระวังตัวบ้าง
เวลาจะให้ใครเข้าใกล้น่ะ”
แต่ใบหน้าได้รูปก็ยังทำหน้างงไปกับคำพูดของทีมบอสม้าลำพองจนใบหน้าหล่อเหลาได้แต่ถอนหายใจ...ใสซื่อขนาดนี้ถ้าเขาไม่บอกคงไม่รู้ตัวแน่ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น
ริมฝีปากจึงขยับบอกตรงๆ
“เจ้าครูเทโอเป็นคนประเภทที่ขี้หึงมากถึงมากที่สุดเลยละ”
ในที่สุดเด็กนี่ก็เข้าใจเสียทีเพราะตอนนี้นัยน์ตาสีมรกตมันกำลังเบิกกว้าง
“อะ....” ใบหน้าได้รูปชะงักไปน้อยๆราวกับกำลังประมวลผล
คงจะรู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าความสนิทสนมกับลูกทีมคนอื่นๆนั้นทำได้...แต่อย่าให้เจ้าCEOปีศาจนั่นเห็นมากนักจะดีกว่า
“ผม...ไม่ได้คิดถึงข้อนี้มาก่อนเลย...ขอบคุณที่เตือนนะครับ...จากนี้ไปผมจะระวัง
เพราะผมก็ไม่อยากให้คุณครูเทโอไม่สบายใจเหมือนกัน”
อ่า...เชื่อเค้าเลยที่ป่านนี้เพิ่งจะรู้ตัว...ว่าคนที่คบอยู่ด้วยนั่นมันขี้หึงขั้นเทพ...ที่ตัวเองถูกจับกดก็เพราะหมอนั่นมันหึงจนหน้ามืดไม่ใช่หรือไง?
คนเป็นทีมบอสได้แต่ยิ้มละเหี่ยใจ
“เอาเถอะ...ว่าแต่เดี๋ยวจะไปเทรนเลยหรือเปล่า?
ฝากชาร์ตนี่ให้อินาโฮะที”
มือใหญ่ยื่นชาร์ตเอกสารมาให้ มือบางจึงยื่นไปรับเอาไว้
“ครับ...ถ้างั้นก็ขอตัวก่อนนะครับ” ใบหน้าลนๆโค้งให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
คุณครูเทโอเป็นประเภทขี้หึงอย่างงั้นเหรอเนี่ย....
ปลายนิ้วเรียวจิ้มอยู่ที่ริมฝีปากเหมือนคนกำลังใจลอยเพราะงั้นจึงเดินมาถึงห้องเทรนโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าจะมีใครเดินสวนออกมาหรือไม่ นัยน์ตาสีมรกตจึงไม่ทันเห็นด้วยเช่นกัน
ตุ้บ!
จนกระทั่งมีแรงปะทะนั่นแหละ
นักขับมือสองของเฟอร์รารี่ถึงได้รู้ว่าไปชนกับใครเข้า!
“อ่ะ...ขะ
ขอโทษครับ...อ้าว...คุณอินาโฮะ?”
ร่างโปร่งก้มลงไปขอโทษคนที่ถูกชนจนล้มหงายหลังนั่งอยู่ที่พื้นก่อนจะพบว่าคนคนนั้นก็คือเทรนเนอร์ส่วนตัวนั่นเอง
“เมื่อไหร่นายจะเลิกใจลอยเวลาเดินซักที...เจ้าคนไม่มีกล้ามเนื้อ...”
เสียงนิ่งๆกับคำพูดกวนประสาททำเอามือบางที่ยื่นออกไปช่วยดึงอีกฝ่ายลุกขึ้นมาอยากจะชักกลับตะหงิดๆ
แต่รอยเป็นวงกว้างบนเสื้อของเทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยก็ทำให้ใบหน้าสวยถึงกับมีเหงื่อแตกพลั่ก
เพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนที่ชนนั่นไคซึกะ อินาโฮะถือแก้วกาแฟมาด้วย
แล้วตอนนี้มันก็หกอยู่บนเสื้อนั่นจนหมด!
“อ่า...เสื้อคุณ...”
และเพราะแบบนั้นแหละ
หลังจากเทรนเสร็จสเลน ทรอยยาร์ดถึงได้ถูกลากไปชดใช้ความผิดในร้านขายเสื้อผ้าด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้...
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงแอบเหลือบมองคนที่ยืนมองนู่นมองนี่อยู่ข้างหลังอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว...ก็แค่กะจังหวะให้พอดีซึ่งหมอนั่นไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเลยสักนิดว่าการที่เดินชนกันนั้นมันไม่ใช่อุบัติเหตุ
ตอนนี้เองก็เช่นกัน...
เสื้อแขนยาวลายสก็อตเฉิ่มๆตัวหนึ่งถูกดึงออกมาจากราวแขวนผ้าในจังหวะที่นักขับมือสองของทีมม้าลำพองหันมาพอดี...อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนไร้รสนิยมหรอก
เพียงแต่ว่า...
“อ๋า~
ถึงผมจะไม่ได้แฟนชั่นอะไรมากมาย แต่นั่นน่ะมันจะไม่เชยไปหน่อยเหรอครับ?”
เสียงนุ่มที่ทักขึ้นมาทำให้เขาลอบยิ้มเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่คำนวณเอาไว้
“เชย?” แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังเงยหน้าตายด้านขึ้นไปมองอีกฝ่ายราวกับว่าไม่เข้าใจ
“ก็แบบ...มันดูไม่ค่อยเหมาะกับคุณ....คิดว่านะ...อ้า~ ผมขอโทษแล้วกันถ้ายุ่งมากไป
ยังไงก็เป็นความชอบส่วนตัวนี่นะ” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเริ่มหลับหูหลับตาด้วยท่าทางลนๆ...ในแบบที่เขาชอบ
“ถ้างั้นนายก็เลือกให้ชั้นสิ...คิดว่าแบบไหนเหมาะกับชั้นล่ะ?” เสียงนิ่งๆเอ่ยออกไปและมันก็ทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองด้วยท่าทางงงๆ
“เอ๋?”
“แทนคำขอโทษที่ทำเสื้อชั้นเลอะไง...เจ้าคนไม่มีกล้ามเนื้อ” ข้ออ้าง...มันก็แค่ข้ออ้างทั้งเพ...แค่อยากเข้าใกล้
แค่อยากให้รู้จักกันมากกว่านี้...แค่อยากให้หมอนั่นหันมามองเขา
“โธ่!
รู้แล้วน่า! ไม่เห็นต้องว่ากันแบบนั้นเลย...” ถึงจะบ่นงึมงำแต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาก็หันไปที่ราวแขวนผ้า
นัยน์ตาสีมรกตไล่มองเสื้อผ้าพวกนั้นอย่างตั้งใจและก็เพราะแบบนั้นถึงได้ไม่รู้เลยว่าเขามองอยู่ทุกการเคลื่อนไหว
“ตัวนี้เป็นไงครับ?”
เสื้อเชิ้ตสีดำตัวหนึ่งถูกทาบทับลงมาบนแผงอกของเขาทั้งๆที่ยังอยู่ในไม้แขวนเสื้อ
ร่างโปร่งถอยออกไปมองผลงานการเลือกของตัวเองและทุกอย่างมันก็อยู่ในสายตาของเขา
“ชั้นไม่ใช่มาเฟียนะ” อันที่จริงก็ไม่ได้มีปัญหากับเสื้อนั่นหรอก
แต่ถ้าเอาตัวนี้ช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมันคงจะจบไวไปหน่อย
“เอ๊ะ?
งั้น...ตัวนี้ล่ะ?”
สเลนดึงเสื้อวอร์มสีน้ำเงินออกมาก่อนจะทาบลงไปในตำแหน่งเดิม
“มันดูนักกีฬาไปหน่อยหรือเปล่า?”
อันที่จริงเขาก็ใส่ชุดของเฟอร์รารี่เหมือนคนอื่นๆในทีมนั่นแหละ
แต่ก็จะมีบ้างบางวันที่ใส่ไปรเวท...ซึ่งเป็นวันนี้เพราะตั้งใจเอาไว้
“ฮึ่ม...เรื่องมากจริง
พวกนี้น่ะดีกว่าที่คุณเลือกเองตั้งเยอะ!” ใบหน้าสวยบ่นไปแต่ก็ยังหันไปเลือกเสื้อตัวใหม่ให้เขา
จนใบหน้าเฉยชาต้องหันไปแอบขำเป็นระยะๆ
“คุณอินาโฮะ
ตัวนี้ล่ะ? ผมว่าดูดีมากเลยนะ”
เสื้อยืดสองชั้นตัวหนึ่งถูกดึงออกมา ตัวแขนยาวข้างในเป็นสีดำ
ส่วนแขนสั้นข้างนอกเป็นผ้าบางสีเทาอ่อนๆ มันดูดีอย่างที่สเลนว่าจริงๆ
“อืม...” นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงทอดมองคนที่ถอยไปยืนมองผลงานของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
หมอนั่นคงไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนี้พวกเราดูเหมือนคู่รักกันขนาดไหน
“ถ้างั้นเอาตัวนี้นะ
เดี๋ยวผมเอาไปจ่ายเงินก่อน”
มือบางคว้าเสื้อตัวนั้นก่อนจะเดินไปที่แคชเชียร์...แน่นอนว่าแค่ “ดูเหมือน”
มันไม่พอสำหรับเขาหรอก...
“นี่ครับ...”
สเลนยืนห่อใส่เสื้อมาให้แล้วคงตั้งใจจะขอตัวกลับ
“ถ้างั้นผม”
“ไปกินข้าวกัน”
“เอ๊ะ?” ในขณะที่หมอนั่นยังตั้งตัวไม่ทัน
มือของเขาก็คว้าไปที่มือบางๆแล้วลากให้เดินตามมา
“เดี๋ยวครับ!
กินข้าวนี่มัน?” มีแรงต้านน้อยๆมาจากมือของหมอนั่นแต่เขาก็ยังไม่สนใจแล้วลากจนร่างโปร่งเดินตามมาจนได้
“เวลาแบบนี้ก็ต้องข้าวเย็นสิ
งงตรงไหน?”
“มันก็ใช่...ไม่สิ...แล้วทำไมผมต้องไปกินกับคุณด้วยล่ะ?”
ร่างโปร่งบางยังคงมึนงงกับการกระทำของเทรนเนอร์ประจำตัว
แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะขัดขืนจริงจังอะไรนัก สองขาก้าวตามแรงลากไปเรื่อยๆ
จากร้านขายเสื้อผ้าผ่านมาสองสามบลอคก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในย่านร้านอาหาร
“ขอบคุณที่มาช่วยเลือกเสื้อให้ไง...สเลน?”
ได้ยินชื่อของตัวเองที่คนข้างหน้าเรียกทำให้นัยน์ตาที่กำลังชะงักค้างกลับคืนสู่สภาวะปกติ...เมื่อกี้นี้มัน....
“เป็นอะไร?
ไม่อยากกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จังหวะการก้าวขาดูเหมือนจะช้าลง
ใบหน้าตายด้านหันมามองเขาทำให้ต้องรีบปฏิเสธออกไป
“เปล่า...กินสิ...ไม่มีอะไรหรอก...”
“งั้นก็ไปกันเถอะ” เทรนเนอร์ประจำตัวเริ่มออกเดินอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าร่างโปร่งบางจะเดินตามไปแต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชากลับหันไปมองข้างหลังอย่างติดใจ
เมื่อกี้นี้เหมือนเขาจะเห็นรถประจำตำแหน่งของคุณครูเทโอขับผ่านไป?...หัวสีชาส่ายน้อยๆไปมา...คงไม่ใช่หรอกเพราะคุณครูเทโอบอกว่าจะไปประชุมที่โรม
ป่านนี้น่าจะออกเดินทางไปแล้ว?
“นั่งตรงนี้แล้วกัน” ไหล่บางถูกกดให้นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง...เพราะมัวแต่คิดอะไรจึงไม่ทันอีกฝ่ายที่ชิงสั่งอาหารให้เองหน้าตาเฉย
“กินซะ
นี่เป็นอาหารที่ชั้นคิดมาแล้วว่ามันจะเหมาะกับนาย
ถึงจะสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้แต่พลังงาน
โปรตีนและวิตามินที่ได้จากมันก็จะช่วยในการขับรถของนายได้” เพราะอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้นมันจึงทำให้ร่างโปร่งจำต้องหยิบช้อนส้อมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...ช่างเถอะ...ยังไงวันนี้คุณครูเทโอก็ไม่อยู่
เขาไม่ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านอยู่แล้ว
“เจ้าครูเทโอเป็นคนประเภทที่ขี้หึงมากถึงมากที่สุดเลยละ”
แต่แล้วคำพูดของทีมบอสที่จู่ๆก็ลอยขึ้นมาในหัวก็ทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเกร็งทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้คิดมากอะไร
“เป็นอะไรไปโคโมริ?
กลัวใครจะมาเห็นเข้าหรือไง?”
เสียงนิ่งเอ่ยถามราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง...อ่า...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าเทรนเนอร์หน้าตายนั่นอยู่แล้วนี่นะ
“ปะ
เปล่า” เสียงที่เอ่ยตอบออกไปตะกุกตะกักเพราะอันที่จริงแล้วทุกสิ่งที่คุณอินาโฮะพูดมามันตรงกับที่เขากำลังคิดอยู่เลยน่ะสิ...ไม่หรอก...เขาคงคิดมากไป...นั่นคงไม่ใช่รถของคุณครูเทโอหรอก
อีกอย่างเขาก็แค่มากินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน...คงไม่เป็นไร...ละมั้ง...
ร่างสูงใหญ่ของCEOหนุ่มแห่งค่ายม้าลำพองเดินด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยตามความเคยชินเข้าไปในสนามบิน
Bologna Guglielmo Marconi Airport ในโบโลญญ่า
ถึงท่วงท่าจะยังปกติแต่ในหัวกลับกำลังเต็มไปด้วยภาพของสเลน
ทรอยยาร์ดที่อยู่กับเจ้าเทรนเนอร์หน้าตายนั่นทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในเวลางาน ไม่ได้อยู่ในสนามฟิโอราโน่หรือที่ไหนๆในเฟอร์รารี่!
มือใหญ่ยื่นตั๋วเครื่องบินภายในประเทศให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกทก่อนจะเดินขึ้นเครื่องด้วยรังสีทะมึน
ใช่...เขาเห็นทั้งหมดนั่นแหละ...ตั้งแต่ตอนที่สเลนเลือกเสื้อผ้าให้เจ้าเทรนเนอร์หน้าตายไปจนถึงตอนที่เดินจับมือกันไปร้านอาหาร
ตอนแรกก็คิดว่าไม่ใช่ เขาอาจจะตาฝาดไปเองเพราะรถจอดติดไฟแดงอยู่ไกลๆ
แต่ไม่ว่าจะพยายามดูจากมุมไหนนั่นมันก็คนรักของเขาชัดๆ
ร่างสูงใหญ่นั่งลงไปที่เก้าอี้ชั้นธุรกิจอย่างไม่สบอารมณ์
เพราะมีประชุมติดพันเลยทำให้ต้องเปลี่ยนแผนจากที่ว่าจะขับรถไปเลยต้องนั่งเครื่องบินแทน
เขาถึงได้ยังอยู่ที่มาราเนลโลในเวลาแบบนี้และได้เห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้า!
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองแก้วเครื่องดื่มในมือ...ไม่มีอะไรหรอก...ไคซึกะ
อินาโฮะเป็นแค่เทรนเนอร์
เป็นแค่เพื่อนร่วมทีมที่จะสนิทกันมันก็ไม่แปลก...เขาจะต้องปล่อยให้สเลนได้ใช้ชีวิตตามปกติ
มีเพื่อนมีฝูง
เขาจะยึดเด็กนั่นเอาไว้คนเดียวไม่ได้...ทั้งๆที่พยายามคิดแบบนั้นแทบตายแต่ฝ่ามือที่กำแก้วอย่างหงุดหงิดนี่มันก็ทำให้รู้ดีว่าอีกไม่นานความอดทนของเขาก็คงจะหมดลง
เพราะว่าเขาไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนใจกว้าง
ไม่ใช่เลย...
CEOหนุ่มมาทันการประชุมองค์กรยานยนต์นานาชาติแค่ในช่วงท้ายๆแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเดือดร้อนอะไรในเมื่อส่วนสำคัญที่แท้จริงของงานมันคือการพบปะกับคู่ค้าในงานเลี้ยงต่อจากนี้ต่างหาก
แล้วความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทันจะหายไป
คนเติมเชื้อไฟใหม่ก็เดินเข้ามาทักอย่างไม่คิดจะให้พักกันบ้างเลย!
“ไง?
ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ตั้งแต่ที่สนามไหนนะ?”
เจ้าของโรลส์-รอยซ์ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นเพื่อเป็นการทักทาย....ไม่เจอกันนานอะไรล่ะ...ในเมื่อเขาเจอกับพ่อของสเลนในกระดานหุ้นแทบจะทุกวัน!
“สนามมาเลเซียครับ
ยินดีที่ได้พบกันในวันนี้นะครับ”
ถึงจะทักกันตามปกติแต่ไอดำๆที่มองไม่เห็นก็กำลังแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขาทั้งสองฝ่าย...ซาสบาร์มรู้แล้วแน่ๆว่าเขาทำอะไรกับลูกชายของตัวเองเอาไว้
“ได้เจอสเลนบ้างหรือเปล่าครับ?
เด็กคนนั้นจะสบายดีอย่างที่ปากบอกหรือเปล่านะ? ผมละเป็นห่วงจริงๆ”
“เจอครับ...ท่าทางก็สบายดีนะครับ” เจอสิ เจอทุกวันเลยด้วย!
เขาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรทั้งๆที่บนขมับนี่เต้นตุบๆ
“ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไปค้างกับสเลน
แต่เด็กคนนั้นก็บ่ายเบี่ยงว่าพรุ่งนี้มีซ้อมแต่เช้ากลัวว่าผมจะไม่สะดวก...ไม่งั้นเราคงได้เดินทางกลับมาราเนลโลพร้อมกันแล้วนะคืนนี้...ไม่รู้ว่ามีความลับอะไรซุกซ่อนไว้หรือเปล่านะเด็กคนนั้น” สมเป็นคนที่มาจากแดนผู้ดีอย่างอังกฤษจริงๆ
กำลังแขวะอะไรเขาอยู่ใช่ไหมเนี่ย?
“อ๊ะ
คุณครูเทโอ? สบายดีนะคะ?”
เสียงใสทักเขาจากด้านข้างทำให้ต้องหันไปมอง
แล้วก็เจอศัตรูหมายเลขหนึ่งเข้าจนได้...ทายาทของ BMW
มางานนี้อย่างที่คิดจริงๆ
“สวัสดีครับ
สบายดีครับ” เขาทักทายเด็กสาวกลับ
เจอกันในชุดราตรีแบบนี้เด็กสาวยิ่งดูสวยและสง่างามมากกว่าเดิมหลายเท่า
เพียบพร้อมขนาดนี้แล้วใครจะไม่อยากได้มาเป็นเจ้าสาว
“ไม่เห็นในการประชุม
ยังคิดอยู่เลยว่าคุณจะมาหรือเปล่าน้า”
“อ่า...พอดีติดประชุมอีกที่นึงน่ะครับเลยมาช้า” ในขณะที่ยังคุยกับเขาอยู่ก็มีคนเข้ามาเรียกเด็กสาว
อาจจะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ
“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ
ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปร่วมงานกับเฟอร์รารี่บ้างจังค่ะ
ยังไงฝากความคิดถึงถึงสเลนด้วยนะคะ”
เด็กสาวขอตัวก่อนจะเดินจากไปกับคนคนนั้น น้ำเสียงสดใสที่พูดคุยกับเขารวมทั้งรอยยิ้มที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้เขาเดาว่าคุณหนูของ
BMW คงจะไม่ได้ระเเคะระคายเรื่องของเขากับสเลนเลย...แล้วแบบนี้ถ้าให้แต่งงานกับเด็กนั่นจะไปสู้กับพวกคู่แข่งเขี้ยวลากดินอย่างเขาหรือไม่ก็ค่ายรถอื่นๆได้ยังไง?
แต่ก็คงมีแต่เขาละนะที่คิดแบบนั้น เพราะดูเหมือนคนเป็นพ่อจะคิดตรงกันข้าม
“เป็นเด็กผู้หญิงที่ใช้ได้เลยนะว่าไหม?
ตอนนี้คุณหนูอัสเซลัมก็ก้าวเข้ามาในส่วนบริหารแบบเต็มตัวแล้ว จะมีก็แต่สเลนนี่แหละ
ยังมัวเล่นสนุกอยู่เลย เมื่อไหร่จะกลับมาทำหน้าที่จริงๆของตัวเองเสียที...แต่คนเป็นพ่ออย่างผมก็ผิดเองแหละนะที่ตามใจเค้ามากไปหน่อย” คำพูดที่สื่อความหมายชัดเจนทำให้เขาคันปากจนต้องตอกกลับไป
“.....จะว่าใช้ได้ไหม...อืม...ผมว่ายุคนี้แล้วให้สเลนเป็นคนตัดสินใจดีกว่าไหมครับ?
ไม่ว่าเรื่องอะไร...แต่ผมว่าเด็กนั่นขาดการตัดสินใจที่หนักแน่นพอ
คนที่จะอยู่ข้างๆน่าจะเป็นคนที่ปกป้องเขาได้มากกว่าจะรอให้สเลนคอยปกป้องนะครับ?” ทั้งคิ้วของซาสบาร์ม
ทั้งมุมปากของเขาต่างกระตุกพร้อมๆกัน
เหมือนจะไม่ได้เจอคนที่พอฟัดพอเหวี่ยงหรือกระดูกเบอร์เดียวกันแบบนี้มานานแล้ว อ้อ ยกเว้นเจ้าเอลวินที่น่าจะพอกันนั่นอีกคน
“เรื่องแบบนี้มันก็ไม่รู้หรอกนะ
ประสบการณ์จะช่วยสอนเด็กคนนั้นเอง...ยิ่งถ้าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่...ก็น่าจะทำให้ลูกชายของผมแข็งแกร่งขึ้น” ตั้งใจจะบอกว่าจะขัดขวางทุกวิถีทางอย่างงั้นสินะ?
ไม่มีวันซะหรอก!
“อ่า
มัวแต่คุยกันแต่เรื่องส่วนตัว เดี๋ยวผมขอตัวไปคุยเรื่องธุรกิจของโรลส์-รอยซ์สักหน่อย” รอยยิ้มแฝงความนัยถูกส่งมาให้
“ครับ...ไว้เจอกันโอกาสหน้า” อันที่จริงถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอกันอีกเลย!
“เช่นกัน” เพราะถึงเจ้าของโรลส์-รอยซ์จะเดินจากไปแล้วแต่ความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายวางระเบิดเอาไว้ก็มีแต่จะทำให้อารมณ์ขุ่นมัว...ช่างเป็นคนที่น่าโมโหจริงๆ!
กว่าจะกลับถึงบ้านในเขตมอนชิโอ้ของมาราเนลโล่ได้ก็เลยเที่ยงคืนไปพอสมควร
CEOหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านที่มีเพียงแสงสลัวๆของไฟในสวนลอดเข้ามา
ท่อนแขนแข็งแรงพาดสูทเอาไว้ที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย...ทั้งเจ้าเทรนเนอร์หน้าตายนั่น
ทั้งคุณหนูของBMW ทั้งเจ้าซาสบาร์ม
วันนี้เขาเจอแต่คนที่ทำให้หงุดหงิดขั้นแมกซ์ทั้งนั้น...เพราะงั้นขอระบายออกหน่อยเถอะ
ร่างสูงใหญ่หยุดยืนอยู่ข้างเตียงที่มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหลับปุ๋ยอยู่บนหมอนนุ่มนิ่ม...เขาเป็นคนสั่งให้เด็กนี่นอนไปก่อนเอง
เพราะถ้าไม่บอกก็คงอยู่รอแล้วมันก็ไม่น่าจะดีถ้าพรุ่งนี้เกิดไปง่วงระหว่างขับรถขึ้นมา
สองขาก้าวคร่อมลงไปบนร่างโปร่งที่นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง
มือใหญ่คลายเนคไทออกก่อนจะสอดมืออีกข้างเข้าไปใต้ชุดนอนของคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง
ใบหน้าหยิ่งทระนงโน้มลงไปซุกไซร้คลอเคลียตามแก้มใสและซอกคอระหง
“อื้อ....”
เสียงอืออาดังลอดออกมาจากลำคอที่ถูกเขากดจูบเบาๆไปทั่ว
กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่มันช่างทำลายสติอย่างร้ายกาจ
ผิวเนื้อเนียนนุ่มที่มือลากผ่านนี่ก็เหมือนกัน
มันชวนให้อยากจะปลดเปลื้องชุดนอนออกไปให้ได้เห็นร่างกายขาวนวลนั่นจริงๆ
“อืม....”
กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกแกะออกแผ่นอกบางจึงเผยแก่สายตา ริมฝีปากจึงลากไล้จากลาดไหล่ลงมาหยุดอยู่ที่จุดสีชมพูบนยอดอก
ปลายลิ้นดูดดึงล่อลวงมันจนเจ้าของร่างเริ่มจะสั่นระริกอย่างตอบรับ
“อือ...คุณ...ครูเทโอ?.....” นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นมาด้วยความง่วงงุน
และตอนนี้มันก็คงมองเห็นแต่เส้นผมของเขาที่ระอยู่บนหน้าอกของตัวเอง
“กลับมาแล้วเหรอครับ?....” เสียงลอยๆแบบคนเพิ่งตื่นเอ่ยออกมา
ร่างโปร่งยังคงทอดกายให้เขาทำตามใจ ภายในห้องนอนที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องสลัวๆจึงมองเห็นเป็นเงาร่างของเขาที่กำลังกดจูบไปตามหน้าท้องแบนเรียบนั่น
“เดี๋ยว...คุณเมาหรือเปล่าเนี่ย?...กลิ่นเหล้าหึ่งเลย...” เป็นเพราะเขาจู่โจมโดยไม่พูดอะไรสักคำทำให้มือบางพยายามดันไหล่เขาออกมาเพื่อมองหน้าให้ชัดๆ
“ไม่ได้เมา” ก็แค่หงุดหงิดกับคนที่มาติดพันเธอเท่านั้นแหละ
“คนเมาที่ไหนก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น” หึ...เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแล้วนะเจ้าเด็กนี่
สงสัยต้องสอนวิธีการใช้ปากเสียใหม่แล้ว
“ถ้างั้น...คงไม่มีคนเมาที่ไหนสอนเธอได้แบบนี้หรอก” ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยบอกร่างข้างใต้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สอน?”
“ดูนะสเลน...ดูให้ดี...เพราะเดี๋ยวเธอต้องทำตาม”
“เอ๋?
ครับ?” มือใหญ่รูดกางเกงนอนและชั้นในตัวจิ๋วออกไปจากเรียวขาขาวก่อนที่มันจะไปกองอยู่ที่พื้นข้างเตียง
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่ทอดมองหัวสีทองที่กำลังลากริมฝีปากไปตามโคนขาของตนด้วยลมหายใจที่เริ่มจะติดขัด
ทุกสัมผัสมันรัญจวนใจอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ริมฝีปากที่จูบแนบไปกับผิวเนื้อ
“อื้อ~”
มือบางยกขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆริมฝีปากร้อนนั่นก็ย้ายมากดจูบที่ต้นขาด้านใน...อะไรน่ะ?
ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะนี่มันคืออะไร?
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองตามใบหน้าหยิ่งทระนงด้วยความสงสัย
ก่อนที่มันจะต้องเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากที่จูบเขาไปทั่วตัวนั่นมันกำลังเข้าใกล้แกนกลางของร่างกายเข้าไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...
“คุณครูเทโอ
ตรงนั้นมัน...อย่า อ๊ะ?!”
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนจะแอ่นตัวขึ้นมาตามสัญชาติญาณเมื่อริมฝีปากของคนข้างบนรับเอาส่วนไวต่อความรู้สึกของเขาเข้าไป
ความรู้สึกดีจนแทบจะขาดใจทำเอาเหงื่อไหลเป็นสายน้ำ
ยิ่งลิ้นร้อนที่อยู่ข้างในสัมผัสแกนกายของเขาอย่างจงใจก็มีแต่จะทำให้อามรมณ์พุ่งพล่านจนหยุดไม่ได้อีกแล้ว
“อะ...อ้า...” สองมือกำผ้าปูที่นอนอย่างต้องการจะระบายความเสียวซ่าน
นัยน์ตาสีมรกตปิดแน่นก่อนจะสะบัดหน้าไปมาจนเส้นผมสีชาฟุ้งกระจายเต็มหมอน
สองเท้าจิกเกร็งลงไปบนที่นอน ยิ่งริมฝีปากนั่นขยับเข้าออกมากแค่ไหน
ความต้องการก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นจนไม่มีสติพอที่จะรับรู้อะไรอีก...เพราะในหัวมีแต่ความสุขสม
“อึก
อ๊ะ!!” ความปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลฉีดพุ่งออกไปก่อนที่ในหัวจะขาวโพลน
ร่างทั้งร่างทิ้งกายลงบนเตียงอย่างหมดแรง
นัยน์ตาสีมรกตปรือปรอยจึงเพิ่งเห็นว่าของของเขามันยังอยู่ในปากที่เพิ่งจะละออกไป
แล้วทั้งๆที่คิดว่าCEOหนุ่มจะคายมันออกมา ทว่า
ร่างสูงใหญ่กลับกลืนมันลงไป
“คุณครูเทโอ!” เสียงนุ่มร้องด้วยความตกใจ
หน้าร้อนเป็นไฟเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรซ้ำยังมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“โธ่...มันสกปรกออก....”
“ไม่นี่?
ออกจะหวาน ฮึ”
หวานที่ว่านั่นมันอะไรกันแน่?
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองร่างสูงใหญ่อย่างไม่ไว้ใจ
แล้วมือใหญ่ก็ดึงร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
“เอาละ
ถึงตาเธอทำให้ชั้นบ้างแล้ว จำได้ใช่ไหม?”
ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งชิดผนังหัวเตียงก่อนจะจับตัวเขาให้ขยับไปอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของตัวเอง
ทั้งๆที่ร่างกายของเขาเปลือยเปล่า
แล้วไหงคุณครูเทโอถึงยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบคนเดียวล่ะ?
มือบางที่สั่นน้อยๆเพราะเรี่ยวแรงยังไม่กลับมาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของร่างสูงใหญ่ออกจนแผงอกแข็งแกร่งและกล้ามหน้าท้องที่เห็นได้ชัดเผยออกมาให้นึกอิจฉา
มือบางปลดเข็มขัดกางเกงตามด้วยตะขอแล้วรูดซิปลงช้าๆ
การกระทำที่ไม่ได้ชำนาญแต่กลับงกๆเงินๆด้วยซ้ำกลับไปกระตุ้นเร้าคนที่มองอยู่
เพราะงั้นเมื่อดึงขอบชั้นในลงไป ความเป็นชายก็ขยายใหญ่รออยู่แล้ว
แก้มใสร้อนผ่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นัยน์ตาสีมรกตพยายามไม่มองมันก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ
เพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ถ้าเอาใส่เข้าไปในปากแล้วจะต้องหายใจยังไง ไม่รู้เลย
เพราะงั้นเรียวลิ้นเล็กๆจึงลองแล่บออกมาเลียดูก่อน
แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำที่เหมือนลูกแมวนั้นมันทำให้ความอดทนของอีกคนขาดผึง
“อื้อ?!”
มือใหญ่จับหัวสีชากดลงไปให้ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นรับเอาความเป็นชายของตนเข้าไป
คนที่ไม่เคยทำจึงต้องเริ่มเรียนรู้จากประสบการณ์จริงอย่างช่วยไม่ได้ ความใหญ่โตคับแน่นเต็มปาก
ถึงจะหายใจลำบากอยู่บ้างแต่กลับไม่นึกรังเกียจอย่างที่คิด
“อืม...”
นัยน์ตาสีมรกตจึงปิดลงแล้วปล่อยให้มือใหญ่ที่สอดอยู่ในกลุ่มผมของตนเป็นคนนำอย่างที่ต้องการ
“อึก....” ได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆเมื่อริมฝีปากของเขาขยับเข้าออกไม่รู้กี่รอบ
นัยน์ตาจึงแอบเหลือบขึ้นไปมองเพราะอยากจะรู้ว่าตอนนี้คุณครูเทโอจะทำหน้าแบบไหน
จะมีความสุขหรือเปล่า?
ทว่า...นอกจากลมหายใจหนักๆกับสันกรามที่กัดกันน้อยๆ
อย่างอื่นบนใบหน้าหยิ่งทระนงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่...
“อื้อ?!” หัวของเขาถูกดึงออกไปก่อนจะกดเข้ามาเต็มแรง
ของเหลวอุ่นๆฉีดพุ่งอยู่ในปากแต่ยังไม่ทันหมดมือใหญ่ก็ดึงหัวของเขาออกมาจากความเป็นชายของตน
ของเหลวสีขาวขุ่นบางส่วนจึงกระเด็นเลอะใบหน้า บางส่วนก็ไหลย้อยออกมาจากริมฝีปาก
“อะ?...” มือบางจึงยกขึ้นมาปาดมันออกโดยที่ไม่รู้เลยว่านัยน์ตาสีฟ้านั้นกำลังมองอย่างพึงพอใจขนาดไหน
มือใหญ่ดึงร่างโปร่งขึ้นไปนั่งบนหน้าตักก่อนจะกอดกระชับลำตัวบางเอาไว้
ใบหน้าหยิ่งทระนงซบลงไปบนไหล่ก่อนจะกดจูบมันอย่างหลงใหล
สองมือเผลอลูบไล้บั้นท้ายกลมกลึงตามสัญชาติญาณและความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ใบหน้าได้รูปจึงหันไปมองสองมือนั่นด้วยสายตาสั่นระริก คนที่พึ่งรู้ตัวจึงหยุดมือทันที
“นอนเถอะ
ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอขับรถไม่ไหวเจ้าเด็กเยเกอร์นั่นจะมาโวยวายชั้นอีก
หนวกหู”
ร่างสูงใหญ่ล้มตัวลงนอนก่อนจะดึงร่างโปร่งไปกอดเอาไว้
ใบหน้าได้รูปซุกลงไปที่แผงอกกว้างทั้งๆที่ยังชะงักน้อยๆ...เพราะรู้ดีว่าแค่นี้มันไม่พอ...ถึงคุณครูเทโอจะไม่พูดอะไรแล้วพยายามยับยั้งชั่งใจเพื่อเขา...แล้วเขาล่ะ?
จะทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายได้บ้างหรือเปล่า?
เพราะเรื่องเมื่อคืนมันกวนใจทำให้ร่างโปร่งบางยืนเหม่ออยู่หน้าเตาไฟในขณะที่ซุปในหม้อกำลังเดือดปุดๆ
“อย่ามัวแต่ใจลอยสิ
เดี๋ยวก็ไหม้หมดหรอก” เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ที่ใบหูทำให้ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆอย่างคนที่เพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์
“คุณครูเทโอ...”
ใบหน้าได้รูปหันกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วนั่นมันก็ทำให้CEOหนุ่มเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึๆ...” ก็เจ้าเด็กตรงหน้าติดกิ๊บสีแดงที่เขาให้ไปด้วยน่ะสิ
“เอ๋?
หัวเราะอะไรน่ะครับ?...ว่าแล้วเชียว มันตลกจริงๆด้วย...” มือบางยกขึ้นไปแตะกิ๊บสีแดงที่ดูโดดเด่นเมื่ออยู่บนเส้นผมสีชา
ใบหน้าสวยแดงระเรื่ออย่างนึกอาย
“เปล่า...ไม่ได้ตลกอะไรหรอก” มือใหญ่จับมือบางที่กำลังจะถอดกิ๊บออกมาก่อนที่ใบหน้าหยิ่งทระนงที่กำลังอมยิ้มจะขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆใบหู
“แต่มันน่ารักมากต่างหาก...” ร่างสูงใหญ่เดินออกไปจากห้องครัวทั้งรอยยิ้มทิ้งให้คนที่ถูกชมยืนหน้าแดงอยู่คนเดียว...โธ่...คุณครูเทโอนี่ละก็...
ใบหน้าได้รูปสะบัดไปมาก่อนจะพยายามหุบยิ้ม
หัวใจที่เริ่มจะห่อเหี่ยวกลับพองโตจนรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังมีความสุข
ร่างโปร่งหันไปตักซุปข้าวโพดใส่ถ้วยก่อนจะถือออกไปให้CEOหนุ่มทานเป็นอาหารเช้า
เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการรักใครสักคนนั้น...แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย...แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นระหว่างกัน...มันก็ทำให้มีความสุขจนตัวลอย...แล้วในทางกลับกันมันก็ทำให้ทุกข์ใจได้ด้วย...
นี่สินะความรัก...
วันนี้ทั้งวันนักขับมือสองของเฟอร์รารี่ก็กลับไปซ้อมเป็นปกติ
ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลารอบไหนๆก็กลับไปทำได้ดีเหมือนเดิม
แต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาที่ไม่ต้องจับพวงมาลัยอย่างเช่นตอนที่กำลังจะเดินไปห้องเทรนแบบนี้มันก็อดที่จะคิดเรื่องของคุณครูเทโอไม่ได้
ใบหน้าของCEOหนุ่มตอนที่มีความสุขกับร่างกายของเขาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะมองมันผ่านม่านน้ำตาก็เถอะ...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใบหน้าของคุณครูเทโอเมื่อคืนนี้มันยังไม่เต็มอิ่ม...
ยังไง...ถ้าไม่ทำจนถึงขั้นสุดท้ายมันก็ทำให้ร่างสูงใหญ่มีความสุขไม่ได้จริงๆสินะ...
แล้วถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้
เขาก็รู้ตัวดีว่าคงแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้...เพราะงั้นจึงตัดสินใจ...ที่จะขอความช่วยเหลือ...
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาจ้องมองประตูห้องเทรนอย่างมุ่งมั่น
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันก่อนจะเรียกกำลังใจแล้วผลักประตูเข้าไป
“คุณอินาโฮะ...ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แหะแหะ
หายไปนานเรื่องก็ยังไปไม่ถึงไหนเหมือนเดิม *พราก* กำลังวิกฤตแล้วค่ะ5555
*หัวเราะทั้งน้ำตา*
แต่เห็นบทโฮะออกมาแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงนาคะ
ฮีไม่ได้มาแนวตัวร้ายละครไทยอะไรงี้555 คือคุณกวางอ่านโดของYinghuaเล่มหนึ่งแล้วโคตรชอบโฮะในเรื่องนี้เลยค่ะ มันร้ายมาก5555+ อ่ะเนี่ย เล่มเนี้ย >>asymmetry by Sinba
คือมันเป็นเรื่องในโอเมก้าเวิร์ส
แล้วสเลนที่เป็นโอเมก้าเนี่ยจะท้องได้ เลยต้องกินยาคุม? แล้วโฮะมันแอบเปลี่ยนยาค่ะ
เอาวิตามินใส่ไว้แทนทำให้สเลนท้อง สเลนที่ไม่รู้ว่าพลาดตรงไหนก็กลุ้มใจ
โฮะมันเลยบอกจะรับผิดชอบ(มั้งนะตรูอ่านไม่ออกTvT)
คือหน้าสุดท้ายตอนที่โฮะลูบหัวสเลนที่กำลังหลับแล้วบอกว่า “ขอโทษนะสเลน” “ฉันรักนาย”
ด้วยรอยยิ้มดาร์กๆนั่นแบบ อ๊ากกกกกก อยากได้ตัวละครแบบนี้มาอยู่ในฟิคตรูบ้างงงงง
>////< คือโฮะใช้คำว่า “aishiteru” อ่ะมันดูแบบสุดๆมาก งื้อออ
ไปละ
ไม่มีเวลาจะเวิ่นแบ้วค่ะ ฮือออออ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ