Attack
on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 06.1
For
HBD.Gokudera Hayato
:
Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction Au
:
8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
:
Period Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
โกคุเดระ ฮายาโตะ...ข้ายกบทนกกระสาให้เจ้า”
คำประกาศนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจดวงน้อย
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลเหม่อลอยราวกับคนที่สติขาดหาย...ไม่อยากจะรับ
ไม่อยากจะรู้อะไรอีกต่อไปแล้วในวินาทีนี้
เสียเส้นผมที่แสนสำคัญไปยังไม่เท่าเสียใจที่เสียบทที่อยากได้มาทั้งชีวิตให้เพื่อนสนิท
ทั้งๆที่พยายามอย่างหนักมาตลอดแต่บทนกกระสาก็หลุดลอยไป...มันไม่ใช่ของเขาแล้ว
ไม่ใช่ของเขา...แต่เป็นของฮายาโตะ...
สองมือที่เคยกอบกุมกันเอาไว้ค่อยๆผละออกจากกัน...รู้...ว่าควรจะยินดีกับเพื่อน
แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงพอจะสร้างรอยยิ้มเสแสร้งพวกนั้นออกมา...
ร่างโปร่งบางจึงลุกขึ้นช้าๆด้วยสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถึงจะไม่มีน้ำตาแต่ในใจมันก็กำลังอัดแน่นไปด้วยความผิดหวัง ความเจ็บใจ
และตอนนี้เขาก็ไม่พร้อมจะมองหน้าใครทั้งนั้น สองขาจึงก้าวเดินออกมาจากโรงละครทั้งอย่างงั้น
มือบางของโกคุเดระ
ฮายาโตะทำท่าจะคว้ามือของเพื่อนสนิทเอาไว้แต่มันก็ทำได้แค่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ
ใบหน้าที่เจ็บปวดของเรนทำให้เขาไม่กล้าที่จะจับมือคู่นั้นเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร
ไม่มีสิทธิ์ที่จะปลอบโยนเรนในเมื่อเขาเป็นคนที่ได้ทุกอย่างไป...
สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการปล่อยให้เรนเดินจากไปแล้วรอ...ให้เพื่อนของเขาใจเย็นลงก่อน...นัยน์ตาสีมรกตจึงทำได้แค่มองตามแผ่นหลังโปร่งบางนั่นไปด้วยสายตาห่วงใย
“
เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอกฮายาโตะ...เพราะพวกเจ้าสู้กันด้วยฝีมือที่สมศักดิ์ศรีแล้ว...และอีกอย่างที่ข้าเลือกเจ้าเพราะข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจบทนี้ได้ดีกว่าใคร...” คัตสึระ
โคทาโร่ทอดมองเขาด้วยดวงตาอ่อนโยนและใบหน้าที่ราวกับล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจของเขาทุกอย่างก็ทำให้ร่างกายถึงกับนิ่งงัน
อย่าบอกนะว่าซึระรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับยามาโมโตะ?
ซึระมองเห็นว่าเขาเป็นนกกระสาที่กำลังแหงนหน้ามองพญาเหยี่ยวอย่างหมอนั่นอยู่หรือยังไงกัน
และถ้าต้องเข้าใจมันขนาดนั้น
ซึระที่เคยถ่ายทอดบทนี้มา...จะเคยเป็นดั่งนกกระสาอย่างเขาหรือเปล่า?
ร่างโปร่งบางไม่ได้ตรงกลับบ้านเพราะไม่อยากให้แม่เห็นสารรูปที่ดูไม่ได้ของตัวเอง
สองขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายแต่ท้ายที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่เขตก่อสร้างโดยไม่รู้ตัว...ทำไมถึงมาที่นี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
เสียงคนกำลังพูดคุยกันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อสองขาเดินเข้าไปใกล้อาคารที่เป็นศูนย์บัญชาการและเป็นห้องทำงานของนายช่าง
ร่างในชุดกิโมโนสีหญ้าแห้งยังคงเดินต่อไปด้วยใบหน้าเหม่อลอย
“
แค่ระเบิดใต้ทะเลก็ไม่เคยมีใครเค้าทำกัน...แล้วนี่ยังจะต้องไม่ทำให้ปลาตายอีก...มันจะเป็นไปได้ยังไงกันละครับ...” หนึ่งในทีมช่างทหารเอ่ยออกมาพลางส่ายหน้า
นัยน์ตาขี้รำคาญไม่ได้สนใจหมอนั่นแต่กลับทอดมองกรงเปียกแฉะที่อยู่บนโต๊ะประชุม...ในนั้นมีปลาหลากหลายชนิดและทุกตัวล้วนแต่ตายแล้ว
“
จากการคำนวณของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระเบิด...ลูกที่เราทดลองไปเมื่อเช้านี้คือลูกที่เล็กที่สุดที่จะสามารถทำลายชั้นหินใต้น้ำได้แล้วนะครับ...แต่ปลาก็ยังตายไม่เหลือแบบนี้...เราไม่สามารถจะลดปริมาณดินปืนได้อีกแล้วละครับ” หลังจากวันนั้นกรมช่างทหารก็ทำการทดลองระเบิดไดนาไมต์ที่จะใช้ระเบิดชั้นหินใต้น้ำเรื่อยมา
และเพื่อเป็นการทดสอบว่ามันจะไม่มีผลกับปลา
พวกเขาจึงจับปลาจำนวนหนึ่งใส่กรงไว้แล้วหย่อนลงไปในรัศมีระเบิด
แต่ไม่ว่าจะลดดินปืนลงไปแค่ไหนปลาก็ยังตายกันเป็นเบือเหมือนเดิม
ถ้าใช้ปริมาณดินปืนมากเกินไป
แรงดันน้ำก็จะทำให้ปลาตาย...แต่ถ้าลดปริมาณดินปืนลงก็จะไม่สามารถทำลายชั้นหินที่มีความแข็งได้...ไม่มีจุดที่จะพอดีกันเลยหรือไง?...ใบหน้าของนายช่างหนุ่มได้แต่ครุ่นคิด
แต่แล้วหัวคิ้วสีดำที่กำลังขมวดเข้าหากันก็ต้องคลายออกเมื่อดวงตาเหลือบขึ้นไปมองเงาวูบไหวที่หน้าประตู
เรน?
และสิ่งที่ทำให้นายช่างหนุ่มถึงกับชะงักไปก็คือสภาพของเจ้าลูกหมานั่น...หัวนั่นไปทำอะไรมา?
แล้วใบหน้าอย่างกับจะร้องไห้นั่นอีก? ถูกใครรังแกมาหรือยังไง?
“
มันเป็นหน้าที่ของพวกเจ้ากับข้าที่ต้องหาวิธี ไม่ต้องพูดมากแล้วไปคิดมาซะ
เลิกประชุมแค่นี้” นายช่างหนุ่มตัดบทกับคนที่นั่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เช้าก่อนจะก้าวขาพรวดๆออกไปจากห้องให้ลูกน้องงงกันเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆนายใหญ่ของที่นี่ก็ลุกหนีไปเสียดื้อๆ
“
โฮ่ย!” มือแข็งแรงจับลงไปที่ข้อมือบางของคนที่เดินเหม่ออยู่แถวๆหน้าห้องก่อนจะออกแรงลากให้เดินตามไป
เป็นเพราะสภาพจิตใจไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วร่างโปร่งจึงไม่ได้ร้องโวยวายอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ
สองขาในรองเท้าบูททหารก้าวเร็วๆยาวๆจนคนที่อยู่ในกิโมโนแคบต้องซอยเท้าราวกับวิ่ง
ทั้งๆที่ถ้าเป็นปกติเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะต้องแหกปากน่ารำคาญไปแล้ว แต่นี่กลับไม่พูดอะไรแล้วยอมให้เขาลากมาเงียบๆ
ถูกใครดักฉุดไปจะรู้ตัวบ้างไหมแบบนี้?
ท่อนขาแข็งแรงหยุดกะทันหันเมื่อรอบกายมีแต่ผืนทรายของชายหาด
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครตวัดหันกลับไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะรวบลำตัวบางมากอดเอาไว้โดยไม่บอกไม่กล่าว
“
เป็นอะไรไปเจ้าเด็กเหลือขอ?”
เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ที่ใบหูทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ภวังค์สีเทาแตกกระจายจนมองเห็นความเป็นจริง
“
นายช่าง...” ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริกเอ่ยชื่อคนตรงหน้าราวกับว่าเพิ่งรู้สึกตัว
นัยน์ตากลมโตกรอกมองใบหน้าคมด้วยความสับสน
“
ใครทำอะไรเจ้า? บอกข้ามา” นัยน์ตาที่ดุดันและมั่นคงดุจพญาเหยี่ยวทำให้น้ำตาหยดแรกไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกราวกับเจอที่พึ่งพิงทำให้ร่างโปร่งบางโถมเข้าใส่นายช่างหนุ่มจนล้มลงไปบนผืนทรายขาวละเอียดด้วยกันก่อนที่เสียงร้องไห้โฮจะดังขึ้นมาผสมผสานไปกับเสียงคลื่น
ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังไม่มีน้ำตาสักหยดแต่พอถูกอ้อมแขนที่แข็งแกร่งดั่งกำแพงนั่นกอดเอาไว้
ทำนบน้ำตาก็พังครืนลงมาอย่างง่ายดาย รวมถึงความอัดอั้นตันใจที่ไม่รู้จะระบายมันออกไปยังไงนี่ก็ด้วย...น้ำตา...ช่วยพัดมันออกมาจนหมด...
“
ฮือออออออออ...ข้าน่ะ...ฮือๆๆ...ตัดผม...ฮืออออออ...นกกระสา... ฮึกๆ ฮือๆๆๆ” หัวสีดำนอนราบไปกับพื้นทรายอย่างไม่กลัวเลอะ
ปล่อยให้ร่างอ้อนแอ้นโถมทับอยู่บนแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
ทั้งๆที่เจ้าเด็กที่กำลังร้องไห้ขี้มูกโป่งนี่มันพูดไม่รู้เรื่องเลยสักนิดแต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญหรือโมโห
ฝ่ามือแข็งแรงลูบหัวสีน้ำตาลเบาๆ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองท้องฟ้าใสปล่อยให้สองหูฟังเรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อเพราะเสียงสะอึกสะอื้นนั่นต่อไป
ร้องไปเถอะ...ร้องจนกว่าจะพอใจ...ถึงเขาจะทำอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ใช้แผงอกของเขาซับน้ำตาที่ไหลลงมานั่นเถอะ
กว่านายช่างหนุ่มจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ
ตอนนี้เจ้าตัวดีจากคณะละครคาบุกิหยุดร้องไห้แล้วพลิกกายลงมานอนอยู่ข้างๆเขาแทน
“
โกรธเหรอ? ที่โกคุเดระ ฮายาโตะได้บทที่เจ้าอยากได้ไป?”
ร่างแข็งแกร่งนอนตะแคงมองขอบตาแดงช้ำของคนในอ้อมแขน
เม็ดทรายติดตามแขนเสื้อที่ยกขึ้นมาเท้าปลายคางเอาไว้ในท่วงท่าสบายๆ ใบหน้ามนส่ายไปมาบอกให้เขารู้ว่าเรนไม่ได้โกรธเพื่อนสนิทของตน
“
ข้าไม่ได้โกรธ
ข้าไม่ได้ไม่พอใจในการตัดสินใจของคุณคัตสึระ...แต่ว่าข้าเจ็บใจ...ที่ตัวเองยังเก่งไม่พอที่จะแย่งบทนั้นมาจากฮายาโตะ...” ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆอย่างที่คนในอ้อมแขนจะไม่ทันสังเกตเห็น
เพราะเจ้าเด็กนี่กำลังยุ่งยากใจจนมันแสดงออกมาทางใบหน้า
แต่เขาก็คิดว่าคงไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้...ความผูกพันของเด็กสองคนนั่นมันแน่นแฟ้นจนเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปก้าวก่าย
อีกอย่าง...เจ้าเด็กเหลือขอนี่ก็ดีพอที่จะไม่ถูกความอิจฉาริษยาครอบงำ
“
แต่ข้าก็ยอมรับ...ว่าฮายาโตะสมควรจะได้บทนี้ไป...เพียงแต่ข้าหวังเอาไว้มาก...พอไม่เป็นไปตามที่หวังก็เลยเสียใจ...เรื่องผมนี่ก็อีก...” ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากัน
แต่ก่อนที่ใบหน้ามนจะทำหน้ายุ่งไปมากกว่านั้น
ฝ่ามือแข็งแรงก็ตรงเข้าไปขยี้หัวสีน้ำตาล
“
ผมเจ้าเดี๋ยวมันก็ยาวไม่ใช่หรือไง? ลูกหมาอย่างเจ้าขนงอกไวจะตาย”
ถ้ามีใครมาเห็นเขากำลังหยอกเย้าเจ้าเด็กนี่มีหวังคงอ้าปากค้างไปหลายวัน
“
ข้าไม่ใช่หมานะ!”
เจ้าลูกหมาแยกเขี้ยวใส่พลางลุกขึ้นนั่งอย่างงอนๆ เขาจึงลุกตาม
เม็ดทรายร่วงกราวจากเสื้อคอปกตั้งของทหารทันที
“
มานี่ ข้าจะเล็มให้ จะได้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นหน่อย” ปลายนิ้วแตะปลายผมสีน้ำตาลที่แหว่งๆวิ้นๆ
ก่อนหน้านี้มันเคยยาวสลวยอย่างที่ดูก็รู้ว่าเรนดูแลมันมาดีขนาดไหน...ความรู้สึกตอนที่ถูกตัดผมไปคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยสินะ...คำปลอบโยนของเขาก็คงทำได้แค่ลูบมันเบาๆเท่านั้น
“
เอ๋? นายช่างตัดผมเป็นด้วยเหรอครับ?”
ใบหน้ามนหันมาถามอย่างไม่แน่ใจ
“
มันจะไปยากอะไร นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนล่ะ”
ร่างแข็งแกร่งเดินกลับไปที่ห้องทำงานก่อนจะควานหาผ้าสีขาวและกรรไกรเหล็กคมกริบที่อยู่ในลิ้นชัก
“
เฮ้นายช่าง กรมช่างทหารติดต่อให้ไปรับแบบก่อสร้างชุดใหม่........นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ?”
โคงามิเดินอ่านจดหมายเข้ามาก่อนจะละสายตาจากกระดาษขึ้นไปมองเพื่อนรักที่กำลังไล่เปิดลิ้นชักที่ชั้นหนังสือด้านหลัง
“
จำได้ว่ามีกระจกเล็กๆอยู่ในนี้...อ่ะ เจอแล้ว”
นายช่างหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามร่างสูงใหญ่แต่กลับรวบของที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก้าวขาเดินออกจากห้องไป
แต่ทั้งหวี ทั้งกระจก ทั้งผ้าสีขาว
แล้วยังจะกรรไกรก็ทำให้โคงามิรู้ได้ไม่ยากว่าเจ้านายช่างเพื่อนรักกำลังจะทำอะไร
ใบหน้าคมมองตามแผ่นหลังแข็งแรงนั่นไปอย่างไม่รู้ว่าควรจะห้ามหรือปล่อยไปดี...เพราะถึงอีกฝ่ายจะเก่งทุกอย่างแต่คนเรามันก็ต้องมีจุดอ่อนอยู่บ้าง...แล้วจุดอ่อนของหมอนั่นก็คือ....
นัยน์ตาสีดำเหลือบมองหา
“เหยื่อ” ของเจ้านายช่างเพื่อนรัก...แต่แถวนี้ก็ไม่เห็นมีลูกน้องสักคน
จะมีก็แต่แผ่นหลังโปร่งบางของเจ้าเด็กจากคณะละครคาบุกินั่งรออยู่ที่ชายหาด...อย่าบอกนะว่าเพื่อนของเขาจะตัดผมให้เด็กนั่น?
“
โฮ่ยๆ...เอาจริงดิ? เจ้าอาจจะทำลายอนาคตของเด็กนั่นเลยก็ได้นะ
ยิ่งต้องใช้หน้าตาหากินอยู่ด้วย...”
แต่เขาก็ทำได้แค่ยืนพึมพำตามลำพังในเมื่อเจ้านายช่างเดินไปถึงตัวเด็กนั่นแล้วแถมใบหน้าราวกับลูกหมานั่นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยสักนิดว่าหายนะกำลังจะมาเยือนหัวของตน...ห้ามดีไหมนะ?...เขาควรจะเข้าไปขัดขวางดีไหมนะ?...
อ้า...แต่ไอ้บรรยากาศหวานๆแปลกๆนั่นมันก็ทำให้ไม่อยากจะเข้าไปขัดเลยจริงๆ...ปล่อยไปละกัน...หวังว่าเด็กนั่นจะรู้ตัวทันนะ...
ใบหน้าซังกะตายยังคงทอดมองสองคนบนชายหาด
แต่ตอนนี้ในหัวกลับกำลังนึกถึงใครอีกคน...ถ้าเป็นเวลานี้เจ้านายช่างคงจะวุ่นวายอยู่กับเด็กนั่นไปอีกสักพัก...เพราะงั้นถ้าเขาจะแว่บออกไปจากเขตก่อสร้างคงไม่เป็นไร...สองขาจึงก้าวไปหาม้าสีดำตามที่ใจเรียกร้องทันที...
“
ท่าน...ตัดผมเป็นแน่นะ?” นัยน์ตาสีมรกตยังคงหันมามองนายช่างหนุ่มอย่างหวาดระแวงถึงแม้ว่าผ้าสีขาวจะถูกคลุมไว้บนไหล่และกรรไกรเหล็กที่ดูคมกริบจะขยับไปมาอยู่ในมือแข็งแรง
“
เป็นสิ ข้าตัดให้คนงานก่อสร้างมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”
แต่ออกมาเป็นยังไง...นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เรนไม่ได้ถามออกไป
ฝ่ามือแข็งแกร่งสางปลายผมสีน้ำตาลเบาๆ
เพราะรู้ว่าถูกสายตาคมกล้าคู่นั้นจับจ้องอยู่ทำให้หัวใจดวงน้อยพลอยตื่นเต้นไปด้วย
ร่างโปร่งเริ่มอยู่ไม่สุขและขยุกขยิกไปมา
แกร่บ...
ปลายผมที่ถูกตัดออกไม่ใช่น้อยร่วงผล็อยลงสู่พื้น
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองมันอย่างรู้สึกใจหายยังไงชอบกล...ไหนนายช่างบอกว่าเล็ม?
แล้วทำไมตัดออกไปเยอะจัง?
“
อยู่นิ่งๆสิเจ้าเด็กเหลือขอ”
แต่ยิ่งบอกแบบนั้นร่างโปร่งก็ยิ่งขยุกขยิกหนักกว่าเดิมด้วยความประหม่า ทว่า
คนตัดก็ยังคงมั่นใจในฝีมือของตัวเองต่อไป
แกร่บๆๆๆ...
เสียงลงกรรไกรไม่เว้นวรรคทำให้เจ้าของผมเริ่มใจไม่ดี
ยิ่งปลายผมสีน้ำตาลร่วงราวกับน้ำตกลงไปยังพื้นทรายมากเท่าไหร่
เหงื่อก็เริ่มเกาะพราวบนหน้าผากใส
“
นะ นายช่าง...ข้าขอดูกระจกหน่อย”
ใบหน้านิ่งเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าจะดูกระจกไปทำไมในเมื่อเขาตัดดีออกขนาดนี้
แต่กระนั้นก็ยอมส่งกระจกบานเล็กให้
“
อะ...........”
แล้วเรนก็ถึงกับนิ่งค้างไป...นี่ถ้าแข็งเป็นหินได้เขาคงแข็งตายไปแล้ว...นายช่างทำอะไรกับหัวของเขาเนี่ย?!!
“
เป็นไง? ตัดต่อเลยไหม?”
มือบางถึงกับคว้ากรรไกรในมือแข็งแรงเอาไว้แทบไม่ทัน
ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะเขานั่งขยุกขยิกหรือเป็นเพราะฝีมือการตัดผมของนายช่างไม่ได้เรื่องกันแน่แต่ตอนนี้ผมของเขามันเว้าๆแหว่งๆยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก! แถมตัดซะสั้นจนแทบจะเห็นใบหูอยู่แล้ว! โธ่~~
“
หยุดเลยนะครับ!”
นายช่างหนุ่มยังมีหน้ามาสงสัยว่ามันไม่ดียังไง เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ
“
ที่เหลือเดี๋ยวผมไปให้คนที่คณะละครตัดให้ดีกว่าครับ” ร่างโปร่งลุกจากเก้าอี้มานั่งที่พื้นทรายอย่างหมดแรง
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองท้องฟ้าที่ตัดกับสีครามของผืนน้ำเผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้นบ้าง
ที่หางตามองเห็นว่านายช่างกำลังนั่งลงมาข้างๆ
นานแล้ว...ไม่สิ...ต้องบอกว่าไม่เคยเลยต่างหาก...เขาไม่เคยนั่งมองท้องทะเลกับใครนอกจากฮายาโตะ
เพราะงั้นการที่นายช่างมานั่งอยู่ข้างๆจึงเป็นความแปลกใหม่...ใช่ๆ...มันคงจะเป็นเพราะความแปลกใหม่นั่นแหละที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นตึกตักทั้งๆที่บรรยากาศกำลังสบายเลยแท้ๆ
ใบหน้ามนก้มงุดหลบไออุ่นที่แผ่ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
นัยน์ตาสีมรกตลอบมองใบหน้านิ่งที่เงยมองท้องฟ้า...นายช่างจะใจเต้นเหมือนเขาบ้างหรือเปล่านะ?...แต่อย่างนายช่างคงจะนั่งดูทะเลกับลูกน้องไม่ก็คนอื่นๆมาเยอะแล้ว?
คงจะไม่รู้สึกแปลกใหม่เหมือนเขาหรอก?
“
ตรงนี้คือสะพาน”
เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นทำให้ใบหน้ามนเงยขึ้นไปมองตามปลายนิ้วของนายช่างที่กำลังขีดเส้นลงไปบนอากาศตรงที่ท้องฟ้าจรดกับทะเล
“
ยาวทั้งหมด 9.4 กิโลเมตรเลยต้องทำเป็น 6 ช่วง 6 สะพานเชื่อมเกาะ 5
เกาะก่อนที่จะมาถึงชิโกกุ”
ปลายนิ้ววาดเป็นเส้นโค้งจากเกาะที่เห็นอยู่ไกลลิบมายังเกาะที่อยู่ถัดไป
นัยน์ตาสีมรกตมองตามราวกับเห็นภาพของสะพานที่ค่อยๆสานต่อกันมาเรื่อยๆ
หัวสีน้ำตาลเอนเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
“
เป็นสะพานสองชั้น ชั้นล่างคือรางรถไฟ ส่วนชั้นบนเตรียมไว้สำหรับถนน” นัยน์ตาสีมรกตยังคงมองตามปลายนิ้วราวกับตกอยู่ในภวังค์
“
รถไฟ? มันเป็นยังไงกันนะ?” ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยถามลอยๆอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจัง
ในหัวยังคงจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นมาก่อน
เพราะนายช่างไม่เคยเล่าให้ฟัง
ไม่เคยบอกพวกเขาเลยว่าสิ่งที่กำลังจะสร้างนั้นมันเป็นยังไง
เขาและคนบนเกาะจึงนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์แบบนั้น
“
หึ...สักวันเจ้าก็จะรู้จัก”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองภาพที่ว่างเปล่าตรงหน้าราวกับว่ามันคือวามฝันอันยิ่งใหญ่ที่อยากจะทำให้มันเป็นจริงให้ได้
“
ชื่อของมันคือ สะพานเซโตะโอฮาชิ...”
“
อยากเห็นจัง...”
ถึงแม้เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อจะแผ่วเบาแต่มันก็ทำให้ใบหน้านิ่งเผยรอยยิ้มบางๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภาพในอากาศนั่นอีกครั้ง
ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภาพแห่งความฝัน
รอบกายจึงมีเพียงเสียงคลื่นซัดสาดเท่านั้น
“
หากสร้างสะพานเสร็จแล้ว...ท่านจะจากไปแล้วทิ้งข้าไว้ที่นี่หรือเปล่า” ริมฝีปากสีระเรื่อพึมพำโดยไม่รู้ตัว
“
อะไรรึ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะประโยคเมื่อกี้แทบจะกลืนหายไปกับเสียงคลื่นและนั่นมันก็ทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆก่อนจะทำหน้างง...นี่เขาพูดอะไรออกไป?
“
เอ่อ...อ่า...ข้า...ใช่! ข้าอยากเล่นน้ำ! เราไปดำดูปะการังกันเถอะ!”
ร่างโปร่งแก้เขินด้วยการชวนอีกฝ่ายลงไปดำน้ำ สองขาลุกขึ้นก่อนจะวิ่งลงทะเลอย่างไม่สนใจว่านายช่างหนุ่มจะอยากไปด้วยไหม
ใบหน้านิ่งส่ายไปมาอย่างระอาแต่มือก็ปลดเครื่องแบบทหารกองไว้เหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวข้างในกับกางเกงขายาวที่พับขึ้นมาถึงเข่า...เอาเถอะ...ลงไปดำน้ำกับเด็กนั่นก็ไม่เลวนักหรอก
ออกจะน่าดูด้วยซ้ำ...แล้วสองขาก็ก้าวตามคนที่ร้องเรียกอยู่ในน้ำนั่นไป
ม้าสีดำถูกผูกเอาไว้ที่ปากทางเข้าป่าไผ่
มือใหญ่ลูบหัวมันเบาๆก่อนจะเดินต่อไปด้วยสองขาของตัวเอง เจ้าเด็กแสบแห่งคณะละครคาบุกิอยู่ด้วยแบบนั้นท่านนายช่างเพื่อนยากคงทำอะไรไม่ได้ไปอีกพักใหญ่
โคงามิ ชินยะจึงมีเวลามาเงยหน้ามองต้นไผ่ที่สูงเสียดฟ้าอย่างตั้งใจแล้วว่าวันนี้แหละจะต้องเจอกิโนะให้ได้!
ต่อให้ถูกเจ้านักเขียนบทละครนั่นด่าใส่ที่เขาบังอาจบุกไปหาถึงบ้านก็ยอม
“
หึ...”
ใบหน้าซังกะตายเผลอหัวเราะเมื่อนึกถึงหน้าของคนที่กำลังจะไปหา
ทั้งๆที่ควรจะสำนึกผิดที่อาจจะทำให้กิโนะโกรธ แต่ใบหน้างอหงิกของกิโนะก็น่ารักน้อยเสียที่ไหน
น่ารักจนอยากจะแหย่อยากจะแกล้งอยู่ร่ำไป
แล้วก็เป็นเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวันทั้งๆที่เขาก็ไปดักรอตามที่ต่างๆที่เคยเจอกิโนะแต่ร่างโปร่งนั่นก็ไม่มาเลย...มันทำให้นึกห่วงว่าจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า...เขาถึงได้ตัดสินใจจะไปหาที่บ้านแบบนี้
สองขายังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ
จากป่าไผ่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นต้นไม้ใหญ่ใบหนาทึบ
สองเท้าย่ำผ่านบึงที่เขาเคยลงไปพายเรือแต่วันนี้ก็ไม่มีแม้แต่เงาของกิโนะ
ใบหน้าคมเงยมองทางข้างหน้าอย่างชั่งใจ
เขาไม่เคยเดินไปไกลกว่านี้ แต่เพราะความอยากเจอและความเป็นห่วงก็ทำให้ตัดสินใจก้าวต่อไป
ถึงแม้ว่าทางข้างหน้าจะเรียกว่าทางไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาจำเป็นต้องลดจังหวะการก้าวขาลงเพราะนอกจากหญ้าจะขึ้นจนแทบมองไม่เห็นทางแล้ว
ยังมีก้อนดินใหญ่บ้างเล็กบ้างวางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมดเหมือนมันกลิ้งลงมาจากภูเขาหรือไม่ก็ดินถล่ม
ดูจากการที่ดินพวกนี้มันเริ่มจะเกาะเป็นเนื้อเดียวกับทางเดินก็ทำให้รู้ว่ามันน่าจะอยู่ตรงนี้มานานแล้ว อาจจะเป็นเพราะกิโนะใช้อยู่คนเดียวก็ได้มั้ง
ทำให้สภาพของทางเดินนี้เหมือนไม่ได้ถูกใครเหยียบย่ำมานาน
รองเท้าบูททหารยังคงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ ราวกับทางเดินนี้ไม่มีที่สิ้นสุด...เขาเดินมามากกว่ากิโลเมตรหนึ่งแล้วแน่ๆและมันก็มีทั้งทางขึ้นเนินลงเนินซ้ำสภาพทางเดินยังเป็นแบบนี้อีก
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่ากิโนะที่ดูร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจะเดินไปเดินมาทุกวัน...
พั่บ!!!
ไหล่หนาสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมองอีกาสีดำที่กำลังบินออกไปจากยอดไม้...เจ้านกบ้าดันมาทำให้ตกใจเสียได้...เขาหันไปมองรอบกายอีกครั้ง
ต่อให้ชีวิตการเป็นทหารของเขาจะผ่านเรื่องราวอะไรมามากแต่ความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกไปจนถึงสันหลังแบบนี้เพิ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรก
บรรยากาศวังเวงจนชวนให้รู้สึกราวกับหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งทำให้เขาเริ่มคิดว่ามันจะมีบ้านคนอยู่ในนี้จริงๆหรือเปล่า?
หรือว่ากิโนะก็แค่หลอกเขาว่าอยู่ในนี้แต่ที่จริงแล้วอาศัยอยู่ที่อื่นเพราะไม่อยากให้เขาตามเจอ?
นัยน์ตาสีดำกวาดมองผืนป่า...เหมือนกับมีสายตาจ้องมองมาจากทุกทิศทุกทางยังไงก็ไม่รู้...ที่นี่มันน่าขนลุกเกินไปแล้ว...กิโนะอยู่ในที่แบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?...เอาไงดี...ถึงเขาจะไม่ได้กลัวแล้วก็ไม่ได้เชื่อเรื่องภูตผีแต่บางทีการที่เขาเดินมาถึงนี่ก็อาจจะเสียเวลาเปล่า...เขาควรจะกลับไปที่โรงละครคาบุกิแล้วก็ถามคัตสึระ
โคทาโร่ไปตรงๆเลยดีกว่า ว่าอาจารย์กิโนสะอาศัยอยู่ที่ไหนกันแน่
ดีไม่ดีอาจจะอยู่ติดโรงละครนั่นแหละ?
แล้วในขณะที่กำลังละล้าละลังว่าจะเดินต่อไปหรือว่าถอยกลับดี
สิ่งก่อสร้างที่ไม่ได้งอกขึ้นมาจากพื้นดินเองก็ทำให้ใจชื้น...มีบ้านคนอยู่จริงๆด้วย
เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือรั้วไม้ไผ่สีน้ำตาลแห้งอันหนึ่ง
สองขารีบก้าวยาวๆเข้าไปหาด้วยความหวัง
แต่แล้วสิ่งที่ดวงตาเห็นก็ทำให้ชะงักไปเล็กน้อย...เพราะรั้วไม้ไผ่นั้นทั้งเก่าทั้งโทรม
บางซี่ก็ผุพังจนหลุดลงไปกองที่พื้น
แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังทำใจเย็น...ก็ไม่เห็นแปลกที่สภาพรั้วจะเป็นแบบนี้เพราะกิโนะคงจะไม่มีแรงซ่อมมันด้วยตัวเอง
ก็นอกจากจะดูป่วยๆแล้วอย่างกิโนะก็ดูไม่น่าจะทำงานบ้านหรืองานช่างพวกนี้เป็น...เขาเลยมองรั้วผุๆนั่นอย่างตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะมาซ่อมให้ก็แล้วกัน
คงต้องขอยืมอุปกรณ์ของเจ้านายช่างมาสักครึ่งวัน
หลังจากคาดคะเนเสร็จว่าจะต้องใช้อะไรเท่าไหร่บ้างใบหน้าคมก็ละจากรั้วพังๆนั่นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
ในใจรู้สึกตื่นเต้นยามเมื่อก้าวขารอดรั้วนั่นเข้ามา...เหมือนกับว่าเขากำลังจะบุกเข้าไปในฐานทัพของกิโนะเลยนะ
จะโดนปาอะไรใส่หรือเปล่าก็ไม่รู้? เขาได้แต่คิดถึงใบหน้าบูดๆอย่างอารมณ์ดี
ทว่า...
เมื่อก้าวพ้นประตูรั้วเข้ามา...สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ถึงกับตัวชา....
นะ
นี่มัน....
ไม่ใช่แค่รั้วเท่านั้นแต่บ้านแบบญี่ปุ่นโบราณซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าดูยังไงมันก็เป็นบ้านร้างชัดๆ...
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำยุ่งเหยิงชะงักค้างไปหลายวินาที
แต่กระนั้นร่างสูงใหญ่ก็ยังไม่ตัดใจ สองขากระโดดก้าวขึ้นไปดูบนบ้าน ชานไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดต้อนรับทันที...แล้วนัยน์ตาสีดำก็ถึงกับนิ่งค้าง...สภาพแบบนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่ได้แน่ๆ...เพราะนอกจากฝุ่นจะหนา
หยากไย่ยังโยงใยไปทั่ว เสื่อทาทามิก็หลุดร่อนราขึ้น ผนังก็มีแต่คราบดำๆของฝุ่นผง
ประตูเลื่อนก็ไม่มีกระดาษเหลืออยู่อีก หลังคาบางจุดก็แตกจนน้ำไหลลงมาเป็นทางทิ้งรอยเอาไว้
ดูยังไงมันก็เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่มานานแล้วแน่ๆ...
นี่คง...จะไม่ใช่บ้านของกิโนะ?
เขาเลือกที่จะเชื่อแบบนั้นทั้งๆที่มีอะไรบางอย่างมันสะกิดใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับร่างโปร่งบางนั่นแล้ว...อะไรบาง...อย่างที่เขาเอาแต่เฝ้าแต่หลอกตัวเองเรื่อยมาว่ากิโนะก็คงจะเป็นแค่คนป่วย...ถึงได้มีร่างกายที่เย็นเฉียบแบบนั้น
สองขาเดินต่อไปยังห้องข้างๆด้วยความรู้สึกที่เบาโหวง..อะไรก็ได้...เขาต้องหาอะไรก็ได้ที่จะพิสูจน์ว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่ที่ที่กิโนะอยู่...
แต่แล้วชั้นหนังสือเก่าแก่ที่อยู่ในห้องถัดไปก็ราวกับจะยิ่งตอกย้ำว่าที่นี่...คือบ้านของกิโนะ...คือที่ที่กิโนะ
“เคย” มีชีวิตอยู่...
นัยน์ตาสีดำไล่มองตัวหนังสือที่สวยงามเป็นระเบียบบนหน้ากระดาษเหลืองกรอบ...หนังสือพวกนี้มันเหมือนกับ...บทละครคาบุกิ?...และเขาก็เคยเห็นลายมือแบบนี้มาแล้ว...มันเป็นลายมือของกิโนะแน่ๆและมันก็อยู่ในหนังสือที่เขียนด้วยมือทุกเล่มที่อยู่บนชั้นหนังสือนี้...จากสภาพกระดาษที่มีทั้งอับชื้น
ทั้งแห้งกรอบจนเกือบจะขาด
ทั้งหมึกที่เริ่มจะเจือจางไม่ก็ถูกน้ำเยิ้มจนแทบจะอ่านไม่ออก...ทุกอย่างมันบ่งบอกว่าหนังสือพวกนี้น่าจะมีอายุเป็นร้อยๆปี...
สองมือที่ถือมันอยู่สั่นน้อยๆ...เปล่า..เขาไม่ได้กลัวว่าจะทำมันขาด...แต่เป็นเพราะชื่อที่เขียนอยู่หลังปกหนังสือนั่นต่างหากที่ทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง
“
กิโนสะ โนบุจิกะ....”
เขาครางชื่อเจ้าของหนังสือนั่นอย่างไม่คิดว่าสิ่งที่อยู่ในหัวมันจะเปล่งออกมาเป็นเสียง...คนที่เขียนหนังสืออายุร้อยปีพวกนี้คือกิโนะจริงๆ....
กิโนะ...ไม่ใช่คนที่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว...
ร่างสูงใหญ่ถึงกับเซถลาไปปะทะกับโต๊ะเตี้ยด้านหลังอย่างหมดแรง...นี่มันอะไรกัน...ความจริงที่ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกำลังทำให้หัวใจของเขาบิดเบี้ยวจนเจ็บไปหมด...คนที่เขาอยากพบ
คนที่เขารู้สึกชอบ...กลับไม่ใช่คนที่มีตัวตนอยู่จริงๆอย่างงั้นเหรอ?
ถ้างั้น...กิโนะเป็นอะไรกัน?
จิตวิญญาณที่ยังผูกพันกับบทละครพวกนั้นจนไม่สามารถไปไหนได้?
แต่เขาก็เคยจับมือที่เย็นเฉียบคู่นั้นมาตั้งหลายครั้งแล้วเพราะงั้นกิโนะไม่น่าจะเป็นแค่วิญญาณ?
กิโนะ..
กิโนะ...เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าที....
ทุกครั้งที่เจอกันก็ไม่เคยมีใครอยู่ด้วยเลยเขาจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่ากิโนะมีตัวตนที่คนอื่นเห็นหรือเปล่า...
หรืออาจจะมีแค่เขาเท่านั้นที่มองเห็น...?
สองขาเดินออกมาจากบ้านด้วยสภาพลอยๆ
เสียงอีกาตอกย้ำบรรยากาศให้ยิ่งวังเวง
ใบหน้าคมเงยมองท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีดำ...เขายืนนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ในห้องห้องนั้นมานานแค่ไหนกันนะ
รอบกายถึงได้ใกล้จะมืดแล้วแบบนี้
ใบหน้าคมทอดสายตามองไปข้างหน้าแต่ก็เหมือนว่าไม่ได้มองอะไร...เขาทำบางอย่างหายไป...มันคือความรู้สึกเดียวในตอนนี้
รองเท้าบูททหารข้ามผ่านรั้วไม้ออกไป...คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าควรจะต้องทำยังไง
แต่ตอนนี้เขาคงต้องกลับไปก่อนเพราะถ้าปล่อยให้มืดค่ำเขาคงได้หลงป่าแน่ๆ...ร่างสูงใหญ่จึงเดินจากไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง...
ทั้งๆที่เพียงแค่หันมาก็จะเห็นได้ว่ามีร่างโปร่งบางของใครบางคนยืนอยู่บนชานไม้ผุพังนั่น...
ฝ่าเท้าก้าวเหยียบลงไปบนใบไม้ให้เสียงดังกรอบแกร่บ
นัยน์ตาเศร้าสร้อยทอดมองแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปจนลับสายตา
ถึงอย่างนี้แล้วเจ้าจะยังตามหาข้าอีกไหม?
จะยังอยากคุยกับข้าอยู่อีกหรือเปล่า?
ร่างโปร่งบางทอดสายตามองรอยรองเท้าที่เด่นชัดท่ามกลางฝุ่นหนา...
ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากรู้จัก ไม่อยากรัก
ไม่อยากผูกพันก็เพราะรู้ดีว่ามันจะต้องจบลงแบบนี้...
แล้วร่างกายในกิโมโนสีน้ำเงินเข้มก็แตกกระจายกลายเป็นผีเสื้อกระดาษบินหายไปท่ามกลางความมืดที่เริ่มโปรยปรายลงมา
ลาก่อน...โคงามิ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...
ยะ
ยังเหลืออีกครึ่งนึง...แฮ่กๆๆๆ
แฮปก่อนเพราะอีกครึ่งนึงกลัวจะไม่ทันวันนี้ถถถถ
ทั้งๆที่เป็นฟิควันเกิดก๊กแต่พาร์ทของคู่ 8059 เจือกอยู่ครึ่งหลัง
=[ ]=!!
สุขสันต์วันเกิดนะก๊าหนูก๊ก
=w=
ปีนี้ก็อายุ
14 เท่าเดิม5555+ เหมือนที่มี๊รักหนูก๊กเหมือนเดิมเรย >////< ขอให้มีความสุขมากๆ หมีรักหมีหลง(?) ได้เป็นมือขวาและมีฮาเร็มสมใจ
อยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจให้มี๊ต่อๆไปด้วยนะลูกขรานะ >////<
มาพูดถึงฟิคกันบ้าง
มีบางคู่กำลังพีคเรยเนอะ =w= คือตั้งแต่ตอนวางโครงเรื่องแล้ว
คู่คุณโคกิโนะนี่ดูจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
ชอบพล็อตของคู่นี้มากๆ มันเย็นๆหลอนๆดี >v< ก็ดูกันต่อไปว่าคุณโคจะทำยังไง
จะเป็นรักข้ามภพไหม หรือว่าจะปล่อยให้จบเพียงแค่นี้แล้วเก็บเรื่องที่ผ่านมาให้เป็นแค่ความทรงจำ
อ้า~~ ชอบฟฟฟฟ
แล้วก็ถ้าอ่านแล้วรู้สึกถึงความเผาก็ขอกราบประทานอภัย...มันเผาจริงๆนั่นแหละ
TvT
คือตอนนี้คุณกวางกำลังปั่นตอนพิเศษของรวมเล่ม GLIDE อยู่ กำลังติดพัน(เมามันอยู่คนเดียวถถถ)
กว่าจะลงมือแต่งฟิควันเกิดก๊กได้ก็เมื่อสองสามวันที่แล้วนี่เองค่ะถถถถถ //
หลบหม้อ// แต่ตอนพิเศษที่แต่งอยู่ก็ 8059
เหมือนกันแต่คนละฟิวส์กับเรื่องนี้เลย5555
และที่เลือกพญาเหยี่ยวเพราะเมื่อเดือนที่แล้วมีวันเกิดคุณโคด้วยค่ะ
เลยขอรวบสองซะเลย ฮี่ๆๆๆ
สุขสันต์วันเกิดคุณโคย้อนหลังด้วยนะค้า
>////<
เอาละ
เลิกเวิ่นแล้วไปปั่นต่อ เผื่อจะทันถถถถถ
HBD......ย้อนหลังนะคะ.....คุณ.....โคววววว~~~~
ตอบลบนี่มันวันเกิดก๊กใช่มั้ยคะ????
ของขวัญย้อนหลังคุณโคแล้วไหงถึงหากิโนะไม่เจออ่ะ????
กิโนะกลายเป็นอะไรไปแล้นนน~~...ม่ายยยน้าาาา~~~
น้องเลนน่าสงสารจังโดนนายช่างรังแก5555++
แต่สงสารน้องจริงๆนะคะทั้งโดนแกล้งทั้งชวดบทนกกระสาแต่ก็อิจฉ๊าอิฉาที่มีคนปลอบหล่อล่ำไม่สนโลกสนแต่น้องคนเดียวแบบนี้!
อยากกระโดดกอดบ้างจัง~~
ส่วนนกกระสาก๊กกสุขสันวันเกิดนะคะคนสวยที่สุดในสามโลกกก~~~
ของนู๋รีบๆไปเข้าฝันมี๊กวางให้รีบๆมาลงตอนของนู๋ไวๆไม่งั้นไดนาไมจำนวนมหาศาลจะลอยไปทางนั้น!!!!