Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [8059] GLIDE : OVERSTEER #02 [END]


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [8059]  GLIDE : OVERSTEER #02 [END]

For HBD. Yamamoto Takeshi

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
ไทม์ไลน์จะอยู่ในภาคหลักนะคะ ช่วงที่หนูก๊กเพิ่งจะประสบอุบัติเหตุและจำเป็นต้องไปรักษาตัวอยู่ในคฤหาสน์วองโกเล่ สำหรับตอนพิเศษตอนนี้จะเป็นภาคของพวกวองโกเล่บ้าง โดยเนื้อเรื่องทั้งหมดจะอยู่ในโรมและเป็นมุมมองของพวกมาเฟียล้วนๆค่ะ...นะ...แข่งรถเคล้ากลิ่นน้ำมันกันมาทั้งเรื่อง...มาดมกลิ่นเลือดกันบ้างดีก่า // ดีกว่ายังไงฟร๊ะ!!







ชิงูเระคินโทคิถูกสะบัดให้เลือดที่ติดปลายดาบกระเซ็นไปรดถนนเป็นทางก่อนที่มันจะถูกเก็บเข้าฝัก ใบหน้าคมยังคงมืดมนถึงแม้จะเห็นโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่ตรงนั้น ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นโดยไม่พูดอะไร สองมือเอื้อมออกไปอย่างตั้งใจจะเข็นรถกลับให้

ทว่า...ฝ่ามือบางกลับปัดมือใหญ่ออกพร้อมกับจ้องกลับมาด้วยสายตาโกรธๆ

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่อ่านไม่ออกเมินเฉยต่อการกระทำของร่างบอบบาง มือใหญ่เอื้อมออกไปหาอีกครั้ง แต่ว่า มันก็ยังถูกปฏิเสธกลับมา

ใบหน้าคมหยุดมองใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินที่จ้องเขม็งมาอย่างแค้นเคือง เขาไม่มีอะไรจะอธิบายให้โกคุเดระฟัง เพราะนั่นคือเป้าหมายที่เขาต้องฆ่า แล้วก็ต้องฆ่าให้ได้ด้วย

ท่อนแขนแข็งแรงจึงสอดเข้าไปใต้ร่างบอบบางอย่างถือวิสาสะก่อนจะอุ้มคนที่เบาหวิวขึ้นมาจากรถเข็นอย่างไม่สนใจอะไรอีก นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนเพียงแค่ปลายมองศพไร้หัวที่กองอยู่ตรงนั้นก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องจัดการเอามันไปส่งให้พวกคิเอเวเร่

“ ปล่อยชั้นลงนะเจ้าบ้า! ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแก! แล้วก็จะไม่กลับไปกับแก!”   ร่างบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขนดิ้นไม่หยุดแต่แรงแค่นั้นหรือจะสะทกสะท้านต่อร่างสูงใหญ่ได้ สองขายังคงเดินตรงไปที่รถอย่างมั่นคง ยิ่งยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ ลูกน้องต่างก็รู้ดีว่ามันน่ากลัวขนาดไหน...คงจะมีแต่คนที่อยู่ในอ้อมแขนเท่านั้นแหละที่ยังขัดขืนอย่างไม่รู้สึกอะไร

“ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่โกคุเดระ?”   เสียงเย็นเฉียบถามออกไปในขณะที่วางคนที่ยกมือขึ้นมาทุบตีลงไปในรถ

“ มันเรื่องของชั้น! ชั้นจะไปหารีไว! ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้!”    ประตูปิดลงดังปังเมื่อผู้พิทักษ์แห่งพิรุณตามเข้ามานั่งข้างๆในเบาะหลัง ใบหน้ามืดมนสั่งลูกน้องให้ออกรถโดยไม่สนใจว่าร่างบอบบางจะโวยวายยังไง

และต่อให้โกคุเดระ ฮายาโตะจะน้ำแข็งละลายกลายเป็นลาวาร้อนดุจไฟแล้วอาละวาดแค่ไหน สายฝนโลหิตก็ทำเพียงโปรยปรายอยู่เงียบๆไม่ตอบโต้ ไม่พูดอะไร เพียงแต่...ใบหน้าที่ควรจะยิ้มให้ ใบหน้าที่ควรจะกวนประสาท ใบหน้าที่ควรจะตามใจอีกฝ่ายกลับยังคงมืดมนอยู่เหมือนเดิม


BMWสีดำแล่นผ่านซุ้มประตูของคฤหาสน์วองโกเล่ก่อนจะวิ่งตรงไปยังตึกพิรุณโดยไม่สนใจจะแวะรายงานผลต่อคนเป็นบอสที่ตึกบัญญชาการเลยแม้แต่น้อย

“ ปล่อยชั้นนะไอ้บ้ายามาโมโตะ!”   เสียงโวยวายที่หาได้ยากของโกคุเดระ ฮายาโตะทำให้คนทั้งตึกพิรุณหันมามอง ร่างสูงใหญ่ของเจ้านายตนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากคนที่ไม่มีทางสู้แต่ก็ยังดิ้นไม่หยุดให้ออกมาจากรถก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงนั่นจะอุ้มนักขับมือสองของเฟอร์รารี่อย่างไม่สนใจแรงต่อต้าน  ใบหน้านิ่งสนิทและสายตาเย็นชาของยามาโมโตะ ทาเคชิทำให้ไม่มีใครคิดจะเข้าไปห้าม แม้แต่จะอยู่ใกล้ยังไม่มีใครอยากเลย บรรดาลูกน้องจึงพร้อมใจกันหลีกทางให้

ในที่สุดก็มีวันนี้จนได้...

หลายๆคนเหลือบมองร่างบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขนของมัจจุราชตนนั้นด้วยสายตาสงสาร  โกคุเดระ ฮายาโตะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน...รู้จักผู้ชายอย่างยามาโมโตะ ทาเคชิน้อยกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ...และพวกเขาก็ไม่เคยคิดหรอกว่าจะมีใครจัดการผู้พิทักษ์แห่งพิรุณของพวกเขาให้อยู่หมัดได้...เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ทันจะได้คบ ถ้ามาวุ่นวายตอแยกับยามาโมโตะ ทาเคชิมากไป ผู้ชายคนนั้นก็จะเก็บอย่างไม่ปรานี...ที่ยอมให้โกคุเดระ ฮายาโตะเอาแต่ใจด้วยมากขนาดนี้ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายสำหรับพวกเขามากพอแล้ว

“ ปล่อย! ชั้นจะกลับบ้าน!”   มือบางทุบไปที่แผ่นหลังกว้าง ถึงมันจะไม่ได้เจ็บอะไรแต่มันก็ทำให้คนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีเกิดหงุดหงิดขึ้นมา ท่อนแขนแข็งแรงจึงโยนร่างบอบบางลงไปกลางเตียงสี่เสาที่เคยนอนอยู่ทุกวัน

“ ถ้าอยากกลับนักก็ลองเดินไปเองสิ”    คำพูดทำร้ายจิตใจทำให้ร่างบอบบางถึงกับชะงัก...รู้ทั้งรู้ว่าขาเขาเป็นแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางไปไหนได้...แต่ก็ยังพูดแบบนั้นออกมา

นัยน์ตาสีมรกตที่เริ่มมีน้ำตาคลอจ้องเขม็งไปยังใบหน้าคมที่ยังไม่รู้สึกรู้สา ฝ่ามือบางกำแน่นพร้อมกับกัดฟันกรอด หมอนที่อยู่ข้างกายถูกคว้าขึ้นมาปาใส่หน้าอีกฝ่ายเพื่อระบายอารมณ์

“..........แก!!! ไปตายซะ!”    แต่มือใหญ่ก็เพียงแค่ยกขึ้นกันใบหน้าก่อนจะปล่อยให้หมอนตกลงไปเอง

“...........”   ร่างสูงใหญ่เหลือบมองคนที่ยังอาละวาดด้วยสายตามืดนมน สองขาเดินจากมาโดยไม่คิดจะพูดไม่คิดจะอธิบายอะไรทั้งนั้น ทิ้งให้ร่างบอบบางคุ้มคลั่งอยู่บนเตียงตามลำพัง

เขายังมีอะไรต้องทำ...อีกอย่าง...พูดกับโกคุเดระตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์...



เพล้ง!!!


โคมไฟถูกปาใส่ประตูไม้ที่กำลังปิดลง ใบหน้าสวยหันไปหันมามองหาอะไรก็ตามที่จะหยิบขึ้นมาปาได้แต่ตอนนี้รอบกายเขาก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก มีเพียงเตียงที่เละเทะไม่เหลือชิ้นดี  นัยน์ตาสีมรกตตวัดกลับไปมองห้องที่ว่างเปล่า ในใจกำลังโกรธจนเหมือนกับมีกองไฟสุมอยู่ และยิ่งยามาโมโตะไม่ตอบโต้เขามันก็ยิ่งมีแต่จะทำให้หงุดหงิดจนข้างในมันเหมือนกับจะระเบิดออกมาเสียให้ได้

“ ไอ้บ้าๆๆๆ!!”    ริมฝีปากตะโกนออกไปราวกับกำลังบ้าคลั่ง ร่างทั้งร่างหยุดหอบทั้งๆที่สายตายังจ้องเขม็งอยู่ที่ประตู...หมอนั่นไปแล้ว...ทิ้งเขาไว้ที่นี่ตามลำพังกับความรู้สึกชิงชังที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ทำไมเขาต้องโกรธแทบเป็นแทบตายกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองขนาดนี้ด้วย...ไม่สิ...มันเป็นเรื่องของเขาเอง...ที่เขาโกรธหมอนั่นก็เพราะว่ายามาโมโตะไม่ตามใจเขา? ไม่ฟังคำขอร้องของเขา? ทั้งๆที่ปกติเขาจะเอาแต่ใจด้วยยังไงก็ไม่เคยเป็นแบบนี้

แต่ถึงไอ้บ้านั่นจะมีเหตุผลอะไร โกรธก็คือโกรธ!

มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาผู้ปกครอง....ถ้าเป็นรีไวจะต้องเข้าข้างเขาแน่

แต่แล้ว...เสียงตอบกลับที่บ่งบอกว่ารีไวปิดมือถืออยู่ก็ทำให้โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนเตียงอย่างหมดแรง...กำลังเดินทางไปแข่งอยู่หรือไงนะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ของเขา ทั้งๆที่ปกติแล้วจะรับทันที

ความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวนี้มันคืออะไร...

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองโทรศัพท์มือถือก่อนจะหันไปมองรอบเตียง...ต่อให้ไม่ได้ถูกขังแต่เขาก็ไปไหนไม่ได้...ความรู้สึกเจ็บและเหงาอย่างบอกไม่ถูกทำให้สองมือกำแน่นอยู่บนต้นขา...น่าสมเพชจริงๆ...น่าสมเพชจริงๆ....

ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นอย่างพยายามสกัดกั้นอารมณ์ เขาจะไม่ร้องไห้อยู่ในที่ที่เหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ เขาจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ตัวเองน่าสมเพชไปมากกว่านี้


พอกันที...เขาจะกลับบ้าน...กลับไปหารีไว...


นัยน์ตาสีมรกตที่มีหยดน้ำเกาะแพขนตานิดๆเหลือบมองโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง...ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่ถ้าเป็นเอเลนก็น่าจะมาพาเขาไปจากที่นี่ได้...แต่ก่อนที่จะได้กดโทรหา


ก๊อกๆๆ


เสียงเคาะประตูเบาๆก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง และเมื่อบานประตูเปิดออกผู้มาใหม่ก็ทำให้เขานึกสงสัย

ผู้หญิงคนนั้น...ดูเหมือนจะเป็นผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกอีกคนของวองโกเล่....ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ โคลม?

หญิงสาวร่างเล็กเข็นรถเข็นของเขาเข้ามาให้ เธอไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าให้เขาน้อยๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเธอไปเอารถเข็นของเขามาจากไหน แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าลูกน้องของยามาโมโตะสักคนคงเก็บมันกลับมา...แต่ก็น่าสงสัยอยู่ดีนั่นแหละว่าแล้วทำไมหญิงสาวถึงได้เข็นมันเข้ามาให้เขาแทนที่จะเป็นลูกน้องของยามาโมโตะที่อยู่ที่นี่โดยตรง?

ร่างเล็กทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วมือของหญิงสาวกลับยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งมาให้เขา

“ โทรศัพท์ของผู้ชายที่ถูกคุณพิรุณฆ่าตายค่ะ”   เธอบอกเขาแค่นั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

แล้ว...เอามาให้เขาทำไมกันล่ะ?

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองโทรศัพท์มือถือสีดำซึ่งมันเคยเป็นของผู้ชายที่ช่วยเหลือเขามาตลอดทั้งวัน  ที่หน้าจอมีรอยร้าวพาดยาวอยู่ แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขากดปุ่มเปิดเครื่องมันก็ยังใช้งานได้ดี

ที่ผู้หญิงคนนั้นเอามันมาให้เขา น่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ปลายนิ้วจึงค่อยๆสไลด์แอพพลิเคชั่นต่างๆที่อยู่ในมือถือ

แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างอย่างพอจะจับต้นชนปลายถูกแล้วว่าทำไมโคลมถึงเอามือถือนี่มาให้เขา...เพราะในหน่วยความจำของมือถือเครื่องนี้มีแต่รูปของเขาเต็มไปหมด!

ถ้ามันเป็นรูปของเขาตอนแข่งฟอร์มูล่าวันมันจะไม่น่าแปลกใจเลย แต่ที่ทำให้เขาตะลึงงันนั่นก็เป็นเพราะรูปทั้งหมดล้วนเป็นรูปที่เขาอยู่กับยามาโมโตะแทบทั้งสิ้น แล้วก็ไม่ใช่รูปที่เพิ่งแอบถ่ายวันนี้ แต่มันเป็นรูปตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน มีทั้งตอนที่เขาไปทำกายภาพบำบัด ตอนที่เขาออกไปซื้อของ ไปโรงพยาบาล ไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำแล้วทุกรูปก็จะมียามาโมโตะอยู่ด้วย

หัวสมองที่ชาญฉลาดกำลังประมวลผลและคำตอบก็ทำให้แผ่นหลังถึงกับชาวาบ...

ผู้ชายคนนั้นไม่ได้แอบถ่ายรูปเขา...แต่แอบถ่าย “คนที่อยู่กับยามาโมโตะ ทาเคชิ” ต่างหาก...

ผู้ชายคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร...รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นจุดอ่อนของยามาโมโตะและคงตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากเขา  ที่เข้ามาทำดีด้วยก็เพื่อให้ยามาโมโตะปล่อยตัวเองไป เพื่อให้ยามาโมโตะไว้ชีวิตเพราะเห็นแก่เขา


ไอ้สารเลว!


มือบางปามือถือไปกระแทกผนังจนมันพังยับ จากที่เคยโกรธไอ้บ้ายามาโมโตะแทบตายกลับสลายหายไปทันทีเพราะรู้แล้วว่าตอนนี้เขาควรจะโกรธใคร...ขอสาปแช่งให้มันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ไอ้คนบัดซบนั่น!

ที่จริงมันคงไม่ได้ยิ้มแย้มอารมณ์ดี แต่ที่พยายามทำตัวให้เหมือนยามาโมโตะก็เพราะตั้งใจจะใช้บรรยากาศสบายๆแบบนั้นหลอกให้เขาเชื่อใจสินะ...พอมารู้เอาตอนนี้ก็ทำให้เจ็บใจจนอยากจะฆ่ามันด้วยตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด!

แล้วดูซิ! เพราะไอ้ชาติชั่วนั่นทำให้เขาต้องมาทะเลาะกับเจ้าบ้ายามาโมโตะ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องเลยสักนิด!


ร่างบอบบางขยับตัวลงไปนั่งบนรถเข็น...คะ คราวนี้เขาจะเป็นฝ่ายยอมง้อก่อนก็ได้...ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเข้าใจไอ้หมีบ้านั่นผิดเอง

ล้อสแตนเลสหมุนวนออกนอกห้องก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะมองหาร่างสูงใหญ่ของเจ้าของตึกพิรุณ ทว่า นอกจากลูกน้องสองสามคนแล้วก็ไม่เห็นใครอีก

จะว่าไป...วันนี้ดูคนน้อยกว่าปกติหรือเปล่านะ?

คนของตึกพิรุณไม่ได้มีงานให้ทำทุกวัน เพราะงั้นเจ้าเพชฌฆาตว่างงานพวกนี้ก็มักจะเพ่นพ่านอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่ มันต้องมีคนเดินไปเดินมามากกว่านี้สิ?....นอกเสียจากว่าตอนนี้เป็นเวลางาน?

“ นี่...ยามาโมโตะล่ะ?”   เขาถามลูกน้องคนหนึ่งที่คงถูกสั่งให้อยู่กับเขา

“ นายตามไปช่วยเดซิโม่ที่งานเลี้ยงครับ”    ช่วย? ด้วยความสงสัยเขาจึงซักฟอกจนได้ความมาว่า เจ้าบ้ายามาโมโตะตามวองโกเล่เดซิโม่ไปถล่มงานเลี้ยงเปิดตัวโรงแรมที่ตั้งใจจัดฉากเพื่อลอบฆ่าวองโกเล่เดซิโม่เองนั่นแหละ...แล้วก็จึงเพิ่งจะได้รู้ว่าคนที่ยามาโมโตะฆ่าไปเมื่อตอนกลางวัน...คนที่มันหลอกเขา...ผู้ชายคนนั้นเป็นหัวหน้าแก๊งคิเอเวเร่ที่มีส่วนร่วมในการจัดฉากครั้งนี้ด้วย

พอรู้ว่าแผนแตกก็เลยกะจะใช้เขาเพื่อให้ตัวเองหนีรอดจากการตามล่าของยามาโมโตะงั้นสินะ

ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ...ที่เขาเกือบจะหลงไปช่วยคนอย่างหมอนั่น

แล้วยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล...ว่าเรื่องของเขาจะทำให้ยามาโมโตะเสียสมาธิหรือเปล่า...ถ้าโดนเล่นงานเพราะมัวแต่คิดเรื่องของเขาล่ะ?

รถเข็นวิ่งวนไปวนมาอยู่ในห้องนอนของผู้พิทักษ์แห่งพิรุณตามความร้อนใจของคนที่อยู่ในนั้น รู้สึกกังวลจนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ล้อสแตนเลสจึงหมุนออกไปยังโถงใหญ่หน้าตึกบัญชาการ...เพราะตรงนี้คือที่แห่งแรกที่จะมองเห็น เมื่อมีใครเข้ามาในคฤหาสน์วองโกเล่

เป็นห่วง...แต่ก็รู้ตัวว่าตามไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเลยทำได้แค่ชะเง้อคอมองอย่างอดทนรอ แต่ก็ทรมานจนไม่รู้จะทำยังไง กลัวว่าเรื่องของเขาอาจจะทำให้ยามาโมโตะเสียสมาธิแล้วตกอยู่ในอันตราย...ถ้าโดนยิงขึ้นมาล่ะจะทำยังไง? หรือไม่ก็อาจจะมัวแต่เหม่อจนโดนทำร้ายปางตาย...ในหัวเริ่มจะมีแต่ภาพน่ากลัวๆ เพราะงั้นเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาแล้วนัยน์ตาสีมรกตเห็นว่าใครโทรหา น้ำตาก็ร่วงผล็อยอย่างห้ามไม่ได้

“ รีไว...ฮึก.....”   ความกลัว ความกังวลใจ ความเป็นห่วงทำให้เผลอร้องไห้เมื่อคนที่ไว้ใจโทรมา

“ โฮ่ย เป็นอะไรฮายาโตะ?!”   เสียงปลายสายก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน เพราะร้อยวันพันปีเขาไม่เคยโทรไปร้องไห้ฟูมฟายกับคนเป็นผู้ปกครองเลย...แต่คราวนี้มันไม่ไหวจริงๆ

“ ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆเล่าให้ชั้นฟัง...ว่าใครทำอะไรแก...เดี๋ยวชั้นจะส่งคนไปกระทืบมันเอง”   เขาค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้รีไวฟัง รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะเขาเล่าไปสะอื้นไป คนที่ปลายสายก็ค่อยๆสงบลงเมื่อพอจะจับต้นชนปลายถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ เชื่อชั้นเถอะ...ว่าไอ้หมีบ้านั่นจะไม่เป็นอะไร...เพราะมันยังมีสัญญาที่ต้องรักษาอยู่”    เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาถึงจะดุดันตามประสารีไวแต่มันกลับแฝงความอบอุ่นอ่อนโยนเอาไว้ด้วย

“ สัญญา?”

“ มันสัญญากับชั้น...ว่าจะดูแลแกไปชั่วชีวิต...เพราะงั้นตราบใดที่แกยังไม่ตาย มันก็จะไม่ตายด้วยเช่นกัน”    คำพูดของคนที่เป็นดั่งผู้ปกครองทำให้เขารู้สึกสบายใจจนพอจะสงบลงได้บ้าง

“.....................อื้อ...”    เขาตอบรับเบาๆ ดีจริงๆที่ได้คุยกับรีไว ไม่งั้นเขาคงจะเป็นบ้าตายไปเสียก่อน

“ ชั้นต้องไปเตรียมตัวแล้ว ถ้ามีเวลาชั้นจะโทรหาแกใหม่ แกอยู่ที่นั่นได้ใช่ไหม?”

“ อื้อ”

“ งั้นแค่นี้นะ”

“ อืม”    รีไววางสายไปแล้ว พอไม่มีคนคุยด้วยนัยน์ตาสีมรกตก็เอาแต่จับจ้องไปที่ประตูรั้วตามเดิม

เมื่อไหร่จะกลับมากันสักที...ขอให้ไอ้หมีบ้านั่นปลอดภัยด้วยเถอะ...


แล้วก็ราวกับคำอธิษฐานของเขาจะสัมฤทธิ์ผล...หลังจากนั้นไม่นาน ขบวนรถสีดำนำด้วยลีมูซีนคันยาวก็แล่นผ่านรั้วเข้ามา...แน่นอนว่าเขามองหาแต่ BMW 5 Series Zedan

ล้อสแตนเลสหมุนด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่ปลายบันไดชั้นสอง ใบหน้าตื่นๆของโกคุเดระ ฮายาโตะทำให้กลุ่มคนที่กำลังก้าวขาลงจากรถมีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย...เพราะเจ้าของผมสีเงินเคยออกมารับพวกเขาแบบนี้เสียที่ไหน ขนาดจะเรียกให้หยุดยังเมินกันเฉย

“ โกคุเดระ?”   ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณก้าวขาลงมาเป็นคนสุดท้ายแต่เป็นคนเดียวที่เอ่ยเรียกร่างบอบบางด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แต่แค่เห็นร่างสูงใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย ใบหน้าสวยก็เริ่มเม้มริมฝีปากแน่นอย่างพยายามสะกดกลั้นทุกความรู้สึกลงไป

แต่คราวนี้ความกังวลใจมันมากกว่าที่แล้วๆมา ทั้งๆที่ตั้งใจจะด่าว่า แต่พอร่างสูงใหญ่เดินขึ้นบันไดมาหยุดอยู่ตรงหน้า...เขากลับปล่อยโฮออกไปจนยามาโมโตะได้แต่ทำอะไรไม่ถูก

“ เอ๋? โกคุเดระ? นายเป็นอะไร? โอ๋ๆๆ ชั้นกลับมาแล้ว ไม่เป็นไรนะๆ ไหน ใครทำอะไรนายบอกมาซิ?”   ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงไปตรงหน้ารถเข็นก่อนจะรวบลำตัวบางมากอดไว้ มือใหญ่ลูบผมสีเงินของคนที่ซบไหล่ร้องไห้เป็นเด็กๆ

วองโกเล่เดซิโม่อมยิ้มกับภาพตรงหน้าก่อนจะก้าวขาเลี่ยงไปเงียบๆ แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องเดินกลับมาลากผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกออกไปด้วยกันเพราะรายนั้นกะจะอำพรางร่างกายแอบดู


“ ฮึก....แกก็รู้ว่าชั้นอยู่ในสภาพนี้ ชั้นตามไปช่วยแกได้ที่ไหน แล้วแกยังมีหน้าปล่อยให้ชั้นรอแทบบ้าอีก ไอ้หมีบ้า ไอ้หมีไม่ได้เรื่อง...ฮือ....”   ถึงจะด่าว่า ถึงจะทุบตี แต่โกคุเดระที่ร้องไห้ให้เขาด้วยความเป็นห่วงก็ทำให้ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำยิ้มอย่างอ่อนโยน ก็ยอมรับแหละว่าเขากังวลใจเรื่องของโกคุเดระ ที่ผ่านมาก็เอาแต่คิดว่าจะอธิบายยังไงโกคุเดระถึงจะยอมเข้าใจ จะทำยังไงถึงจะให้อภัยเขา จะง้อยังไงถึงจะหายโกรธเขา แต่พอมาเห็นภาพแบบนี้แล้วความไม่สบายใจทั้งหลายก็หายไปทันที

“ ถ้าแกเสียสมาธิเพราะเรื่องของชั้นจนถูกฆ่าตายแล้วชั้นจะทำยังไง ใครจะดูแลชั้นเล่าไอ้บ้า!”   ขนาดเป็นห่วงก็ยังซึนเดเระ  ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มชอบใจ เขาละออกมาก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้

“ แล้วแก...แกทำให้ชั้นร้องไห้ต่อหน้าคนมากมาย ไปตายซะไอ้หมีบ้า!”   น่าน...เมื่อกี้ยังไม่อยากให้เขาตายอยู่เลย?

“ พาชั้นกลับห้องสิ!”   สาบานได้ว่าโกคุเดระ ฮายาโตะ งอแงและเอาแต่ใจกับเขาแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ประโยคแบบนี้รับรองว่าไม่มีใครเคยได้ยินจากริมฝีปากน่าจูบนั่นหรอก

“ ครับๆ โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะๆ”   ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นก่อนจะอ้อมไปเข็นรถเข็นให้ ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันยิ้มอย่างอารมณ์ดีได้เสียที

“ ชั้นไม่ใช่เด็กนะ!   ถึงจะยังสะอึกสะอื้นแต่คนบนรถเข็นก็หันมาตวาดใส่ด้วยใบหน้างอหงิก

“ โอเค~ นายไม่ใช่เด็กแต่นายเป็นที่รักของชั้น~~

“ นั่นก็ไม่ใช่!


ประตูห้องของผู้พิทักษ์แห่งพิรุณปิดลงอีกครั้งแต่มันไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อตอนกลางวัน  ร่างสูงใหญ่อุ้มร่างบอบบางขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อนจะเดินเก็บเศษซากหมอนบ้าง โคมไฟบ้างที่แตกกระจายอยู่รอบๆห้อง...สงสัยต้องซื้อใหม่แล้วมั้งเนี่ย?

เสียงฟืดๆดังมาจากคนที่นั่งสั่งน้ำมูกอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีมรกตมองมาทางเขาตาเขียว เขาจึงยิ้มให้แล้วเดินไปรินชาจะได้ใจเย็นๆ  มือบางรับถ้วยชาไปเขาจึงนั่งลงที่ขอบเตียง

“ แกรู้ใช่ไหม ว่าผู้ชายคนนั้นตั้งใจจะหลอกใช้ชั้น? แล้วทำไมแกไม่บอก?”   โกคุเดระเปิดประเด็นเรื่องหัวหน้าแก๊งคิเอเวเร่...ใช่...เขารู้ทุกอย่างที่หมอนั่นตั้งใจจะทำตั้งแต่ตอนที่เห็นโกคุเดระโผล่มานั่นแหละ

“ ก็ยังไม่ทันมีโอกาสได้บอกเลยนี่นา พอพานายกลับมานี่ก็ต้องรีบไปช่วยสึนะทันทีเลย”    เขาตั้งใจจะรอให้โกคุเดระใจเย็นลงก่อน เพราะตอนที่ออกไปต่อให้พูดกันแทบตายยังไงก็คงพูดไม่รู้เรื่อง

“..............แล้วทางนั้น...เรียบร้อยดีไหม?”    ใบหน้ามุ่ยๆแอบเหลือบมองเขา ถึงจะทำเหมือนไม่สนใจแต่ก็คงเป็นห่วงสึนะกับพวกเขาไม่น้อยละ ไม่งั้นคงไม่ออกไปรอถึงนั่น

“ อื้อ...สึนะลงมือเอง ไม่มีใครรอดไปได้หรอก”   แขนแข็งแรงเท้าลงไปที่พื้นเตียงนิ่ม ความเจ็บแปลบจากแผลกระสุนที่ถากๆต้นแขนไปทำให้สะดุ้งอย่างเพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ แกบาดเจ็บ...?”    นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองต้นแขนของเขาก่อนจะบังคับให้เขาถอดเสื้อออก

“ นิดหน่อยน่ะ”   รอยแผลเป็นแค่รอยถลอกซึ่งเลือดที่ไหลซิบออกมานั้นแห้งไปหมดแล้ว นัยน์ตาสีมรกตมองสำรวจไปทั่วลำตัวและแผ่นหลังของเขาก่อนจะลูบมันเบาๆ

“ เพราะชั้น?”   เขาอมยิ้มก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่คิดจะโกหก

“ ใช่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องของนายนั่นแหละ...แต่นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ เพราะชั้นถือว่ามันเป็นแผลที่ทำให้ชั้นเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง”   เขาอยากให้โกคุเดระรู้...ว่าเขาเองก็ห่วง ก็กังวลเรื่องระหว่างเราเช่นกัน

“ คะ ใครรู้สึกผิด...ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”   แล้วอาการปากไม่ตรงกับใจก็ทำให้เขาหัวเราะออกมา

“ ฮะฮะ...ชอบที่นายเป็นแบบนี้จังที่รัก”

“ ไอ้บ้า! ใครที่รักแก?!   มือบางตรงเข้าทำร้ายเขาด้วยความรัก? แต่เขาก็เนียนลงไปนอนหนุนตักนิ่มๆนั่นจนได้

“ นายอยากรู้ไหม...ว่าทำไมชั้นถึงเป็นแบบนี้?”   นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ขี้เล่นอยู่เสมอกลับทอดมองตรงไปยังใบหน้าสวยด้วยแววเศร้าหมอง

“ ชั้นไม่ได้เป็นนักฆ่ามาตั้งแต่กำเนิดหรอกนะ...ชั้นไม่ได้อยากฆ่าคน...แต่เรื่องในอดีตมันสั่งสอนชั้นด้วยประสบการณ์ตรง...ว่าถ้าใจอ่อนเพียงนิดก็หมายถึงชีวิตของคนที่ชั้นรัก”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ปลอบใจ เพียงแต่นิ่งฟังอย่างเงียบๆ

“ เมื่อก่อน...ตอนที่สึนะเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ๆ อะไรๆมันก็ยังไม่ลงตัว ทั้งคนที่นี่ที่ยังไม่ยอมรับมาเฟียเด็กหนุ่มจากญี่ปุ่น ทั้งเรื่องแนวคิดที่ไม่อยากทำร้ายใครของพวกเรา...ตอนนั้นพวกชั้นไฟแรงกันมากเลยนะ ตั้งใจจะปฏิวัติวงการมาเฟียกันเลยทีเดียว...แต่ในที่สุดก็มีคนทำให้พวกชั้นรู้ว่าความรุนแรงและอาชญากรรมมันไม่สามารถหยุดได้ด้วยความดี...”

“ ถ้าจะทำให้สีดำหมดไป ก็มีแต่จะต้องใช้สีที่ดำกว่ามากลืนกิน...ในโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่สีขาวจะลบล้างทุกอย่าง...หากป้ายสีขาวลงไปบนสีดำ ยังไงมันก็จะเหลือสีเทาๆ...ซึ่งสีเทาๆนั่นแหละที่จะกลับมาลอบทำร้ายพวกเรา”

“ สมัยก่อน...ตอนที่วองโกเล่ยังไม่ใช่แก๊งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของอิตาลี....เรามีเรื่องกับแก๊งมาเฟียใหญ่แก๊งหนึ่ง...แต่เพราะพลังหนุ่มบวกกับแผนการเจ้าเล่ห์ของมุคุโร่ทำให้พวกเราเอาชนะแก๊งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกันนั่นได้...ต่อหน้าพวกเราพวกนั้นก็ยอมจำนนและสัญญาว่าจะทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง...ด้วยความใจอ่อนสึนะจึงปล่อยพวกนั้นไป ไม่ฆ่าแต่ให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่....ทั้งๆที่ทุกอย่างน่าจะไปได้ด้วยดี...แต่วันหนึ่งพวกเราถึงได้รู้ซึ้ง...ว่าความใจอ่อนนั้นมันย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราเอง...”

“ พ่อของชั้น....แล้วก็ ซาซางาว่า เคียวโกะ น้องสาวของรุ่นพี่ซาซางาว่าผู้พิทักษ์อรุณและเป็นผู้หญิงที่สึนะรัก...ทั้งสองคน...ถูกฆ่าตาย...ด้วยน้ำมือของคนที่พวกเราปล่อยไป...”

“ เราปล่อยพวกมันไป...เพื่อให้พวกมันกลับมาทำร้ายหัวใจของพวกเราเอง....”

ใบหน้าสวยถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด...ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมยามาโมโตะถึงไม่เคยลังเลที่จะลงดาบ...ถ้านั่นคือเป้าหมาย ยังไงก็ต้องฆ่าให้ได้

เขาเข้าใจความรู้สึกถึงการสูญเสียครอบครัวเป็นอย่างดี ขนาดเขาเสียบ้านเด็กกำพร้าไปเพราะคนที่ไม่รู้จักยังเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย แต่หมอนี่...ต้องเสียครอบครัวเพียงคนเดียวไปเพราะคนที่ตนปล่อยให้มีชีวิตอยู่ มันจะเจ็บปวดขนาดไหนกัน

“ หลังจากวันนั้น...ชั้นก็รู้แล้วว่าเพชฌฆาตไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ...วองโกเล่แทบจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ...จากตอนแรกที่มีแก๊งใหญ่หลายต่อหลายแก๊ง พวกเราก็ถล่มมันซะราบคาบแล้วรวบรวมมาเฟียทั่วทั้งอิตาลีให้เป็นหนึ่งเดียว ใครต่อต้านเราก็จัดการมัน ใครอยู่ร่วมกันได้ก็อยู่ต่อไป...นั่นแหละ...สิ่งที่หล่อหลอมให้พวกชั้นเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน”

“ มันต้องแลกมา...ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่มีวันที่ใครจะเข้าใจ...ชั้นถึงได้ต้องโหดร้ายยังไงล่ะโกคุเดระ...ชั้นจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายหัวใจของชั้นได้อีก”    ฝ่ามือใหญ่เอื้อมขึ้นมาสัมผัสแก้มใสก่อนจะลูบไล้มันอย่างทนุถนอม นัยน์ตาสีมรกตเองก็ทอดมองลงไปอย่างเข้าใจ

“ เป็นหมีมันก็ต้องดุร้ายอยู่แล้วนี่...ไม่เป็นไรหรอก...”    มือบางยกขึ้นมาลูบเส้นผมสีดำสั้นเบาๆ ทำเอาคนที่นอนหนุนตักอยู่หัวเราะออกมาด้วยความสบายใจ...คิดผิดเสียที่ไหนที่เลือกโกคุเดระ

“ จริงสิ วันนี้นายออกไปทำอะไรที่เวีย คอนด็อตติน่ะ? ไปซื้อของเหรอ? ทำไมไม่รอไปพร้อมชั้นล่ะ? ชั้นก็อยากไปช็อปปิ้งกับนายนะ ให้นายเลือกสูทให้อะไรแบบนี้”    ร่างสูงใหญ่เปลี่ยนเรื่องคุยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาคาดคั้นเมื่อโกคุเดระหันไปทำอะไรขยุกขยิกอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง

“ ไม่เอาหรอก...เดินกับแกเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าชั้นปัญญาอ่อนไปด้วย”   ร่างบอบบางพูดทั้งๆที่ยังไม่หันกลับมา

“ โกคุเดระอ่า~~   ท่อนแขนแข็งแรงจึงโผเข้าไปกอดอย่างออดอ้อน

“ ไม่ต้องมางอแงเลย!   มือบางยันใบหน้าคมออกมา

“ ละ แล้วก็....เจ้าแมวนี่อยากให้ของแกน่ะ ไม่เกี่ยวกับชั้นนะ”     ตุ๊กตาหุ่นมือรูปแมวสีขาวยื่นถุงกระดาษมาให้  นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างก่อนจะรีบคว้าถุงนั่นมาแกะออกดู  


เนคไทสีน้ำเงินเข้มวางอยู่ในกล่องสีดำ


และมันก็ทำให้เพชฌฆาตที่ควรจะไร้หัวใจโผเข้าไปกอดร่างบางพลางร้องไห้ด้วยท่าทางโอเวอร์จนคนให้นึกหมั่นไส้  มืออีกข้างพยายามยันหน้าหนาๆนั่นออกไปแต่คนที่เนียนก็ยังกอดไม่ปล่อย

“ โกคุเดระ~~ ขอบใจนะ~~ ชั้นรักนายที่สุดเลย~~

“ ก็บอกแล้วไงว่าเจ้าแมวนี่อยากให้ ไม่ใช่ชั้น!”  

“ แมวนี่ชื่อฮายาโตะสินะ ไหนมารู้จักคุณหมีทาเคชิหน่อย”   ตุ๊กตามือหมีสีดำโผล่มาจากไหนไม่รู้และตอนนี้มันก็กำลังจับมือตุ๊กตามือแมวสีขาวอยู่

“ คุณหมีอะไรล่ะ นี่มันก็แค่ไอ้หมีบ้าที่สมควรโดดดีดให้ตายยังไงล่ะ! นี่แน่ะๆๆ!”    นิ้วเรียวอีกข้างดีดลงไปบนหัวหมีจนมันต้องหนีไป ใบหน้าปัญญาอ่อนทั้งคนทั้งหมีทำให้ใบหน้าสวยต้องพยายามหุบยิ้มแทบเป็นแทบตาย





ถึงจะอันตรายไปหน่อย....แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ถือว่าคุ้มไม่ใช่หรือไง?


ถ้าควบคุมมันด้วยใจ...ไม่ว่าจะโอเวอร์สเตียร์หรือยามาโมโตะ ทาเคชิ...ก็ไม่ต่างไปจากหมีเชื่องๆจริงๆนั่นแหละ!








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

GLIDE : OVERSTEER

FIN





จบไปอีกหนึ่งตอนพิเศษของ GLIDE เฮ~~~

คือจริงๆตั้งใจจะแต่งแฮปให้อิเนียนตั้งแต่วันเกิดมันแระ แต่เพราะมัวแต่เตรียมตัวไปอิตาลีเลยไม่ทัน กลับมาก็มัวแต่โดนธาตุสเลน(?)เข้าแทรก เลยลากยาวมาจนถึงตอนนี้555 มี๊ขอโต๊ดนะพ่อลูกเขย >w<

มาพูดถึงชื่อตอนกันบ้าง คราวนี้มีความหมายนะ5555 ก็อย่างที่เคยพูดถึงเรื่อยๆใน GLIDE ที่ผ่านๆมาว่าโอเวอร์สเตียร์คือการเข้าโค้งเหมือนดริฟท์ ในขณะที่หัวรถเข้าโค้งท้ายจะปัดและถ้าควบคุมไม่อยู่รถก็จะหมุน แต่ถ้าสามารถใช้มันได้ก็จะทำให้ไม่ต้องลดความเร็วก่อนเข้าโค้งมากเท่าการเข้าโค้งปกติ ที่จริงแล้วมันอันตรายค่ะ ไม่มีใครเค้าใช้กันหรอก ที่เห็นเกิดๆกันเพราะมันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มากกว่า  แต่หนูก๊กในเรื่องชอบใช้ค่ะ เพราะเป็นพวกที่ชอบคิดคำนวณอะไรหลายๆอย่าง จากที่มันอันตรายพอควบคุมได้ก็เลยกลายเป็นส่งเสริมให้เร็วขึ้น อีกทั้งคนอื่นๆยังทำไม่ได้ด้วย ก็เลยเอาโอเวอร์สเตียร์มาเทียบกับยามะที่ความอันตรายนั้นใกล้เคียงกัน แต่หนูก๊กก็ยังอยู่กับมันได้อะไรแบบนี้ >////<

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะก๊า ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆเลยค่ะ >w<




2 ความคิดเห็น:

  1. ไหง GLIDE 8059 มาน้อยตอนง่ะ ฮอลลลลลล
    แต่น้อยตอนนี้ความฟินเต็มเปี่ยม!!
    ฟินชิบหายวายป่วงเลยง่อวววววว >\\\\\<
    เอร๊ยยยยยย ชอบก๊กที่ไปปล่อยโฮใส่อิเนียนต่อหน้าคนอื่นอ่ะ แงงงง น่ารักไปแล้วลูกขาาาาาา ฮอลลลลลลลลล

    ตอบลบ
  2. ไหงถึงแค่สองตอนจบล่ะค่ะพี่กวางงง~~~~
    โหยหวนเป็นบ้าเป็นหลังแล้วเนี้ย!!!
    ตอน my girl friend. เห็นขึ้นสเตตัสว่าตอนหนึ่งแต่สั้นมากเลยคิดว่าเอ๊ะ?
    พี่กวางจะเขียนว่าintroรึเปล่าน้า???
    แต่มาเจอไกด์สองตอนจบ!!!...แง้!!!!
    ข้าน้อยยังฟินไม่พอเลยอ้า~~~~
    แอบลุ้นว่าอิเนียนจะกดคนพิการรึเปล่าแล้วไหงแกถึงเดินหนีหน้าตาเฉยแบบนี้ฟร๊าาา????
    ถึงจะมีภารกิจต่อก็เถอะแต่ชั้นมันใจว่าอย่างแกน่ะต้องทำได้อยู่แล้ว!!@
    ///แน่ใจนะว่ามันรักก๊ก???///

    ปล.แอบขรำสึนะต้องกลับมาลากสับป้ากลับไปด้วยอีก55555
    ปล่ดยให้มันพรางตัวไปเหอะสึนะ!!!

    ตอบลบ