Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and SILVER#11


Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059]  GLIDE : WHITE and SILVER#11

For HBD. Count Cruhteo

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         





Volkswagen New Beetle Cabriolet เลี้ยวไปตามถนนด้วยความเชื่องช้าจนคนที่สะกดรอยตามรู้สึกหงุดหงิดแทน ใบหน้าหยิ่งทระนงของคนที่อยู่ใน Ferrari 458 Italia มองท้ายรถเต่าที่ขับช้าสมชื่ออย่างระอา ถึงแม้ว่ามันจะดีที่ทำให้เขาตามเด็กนั่นไปหาบ้านที่เพิ่งย้ายไปใหม่ได้ภายในวันเดียวก็เถอะแต่ขับรถแบบนี้มันเสียชื่อนักขับของเฟอร์รารี่ไหมเนี่ย?! แล้วก็เชื่อเถอะว่าเด็กนั่นคงไม่ทันสังเกตุว่ามีรถเขาขับตามมาแน่ๆเพราะมัวแต่มองหมาแมวจะข้ามถนนนั่นแหละ

CEOหนุ่มหักพวงมาลัยให้รถเข้าไปจอดข้างทางเมื่อเจ้ารถเต่าเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่คนละมุมเมืองกับเขตมอนชิโอ้เลย...คงกะว่าจะไม่พบไม่เจอเขาอีกแล้วสินะถึงได้ย้ายมาอยู่เสียไกลขนาดนี้

แต่ถ้าเธอไม่อยากจะเจอชั้นอีกจริงๆ เธอก็ควรจะทิ้งทุกอย่างเอาไว้ที่บ้านเยเกอร์ ไม่ควรจะเอากล่องข้าวนั่นติดตัวมาด้วยแบบนี้

ร่างสูงใหญ่ก้าวขามายืนอยู่หน้าบ้านสไตล์อิตาเลี่ยนขนาดกลางหลังหนึ่ง...สเลนคงซื้อมันด้วยเงินส่วนตัวเพราะไม่มีเอกสารของสครูเดอเลีย เฟอร์รารี่มาให้เขาเซ็นต์...มือใหญ่กดปลายนิ้วลงไปที่ออดหน้าบ้านและเสียงนั่นก็ทำให้คนที่อยู่ข้างในหันกลับมามอง


ใครมากันนะ?

นักขับมือสองของทีมม้าลำพองได้แต่สงสัยอยู่ในใจ อ้อมแขนที่หอบกระเป๋าและเอกสารที่เอเลนยัดให้มาอ่านค่อยๆวางข้าวของลงบนโซฟาก่อนจะหันกลับไปมองทางหน้าบ้านอย่างลนๆตามเสียงกดออดที่ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ จะว่าเป็นฮาร์กไลท์ก็ไม่น่าใช่เพราะพี่เลี้ยงคนสนิทของเขามีกุญแจเข้าออกที่นี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะว่าเป็นบอสหรือคนในทีมก็ไม่น่าจะมีใครกดออดได้เอาแต่ใจขนาดนี่ ร่างโปร่งบางจึงแอบไปแง้มผ้าม่านมองจากหลังหน้าต่างก่อนที่ร่างทั้งร่างจะต้องผงะไป

นั่นมัน...คุณครูเทโอ?

มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมายืนอยู่ตรงนั้น...แต่ไม่ว่าจะขยี้ตาอีกกี่รอบร่างสูงใหญ่ก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้วเหมือนเดิม

หรือว่าเขาจะเผลอหลับไปแล้วฝัน?

ปลายนิ้วดึงแก้มตัวเองจนต้องร้องโอ้ยเบาๆ...ไม่ได้ฝันนี่...แล้วถ้างั้นคุณครูเทโอรู้ได้ยังไงว่าเขาย้ายมาอยู่ที่นี่? ทั้งๆที่บอกบอสไว้แล้วแท้ๆว่าไม่ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ทางสำนักงานใหญ่รู้แล้วอย่างบอสก็คงไม่หักหลังเขาหรอก

เงาผลุบๆโผล่ๆที่เห็นอยู่หลังม่านหน้าต่างทำให้CEOหนุ่มรู้ว่าคนที่อยู่ข้างในรู้ตัวแล้วว่าตนมา ปลายนิ้วจึงกระหน่ำกดออดกดดันเข้าไปใหญ่จนคนข้างในเริ่มลนลาน

มือบางสองข้างยกขึ้นมาจับแก้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา ในหัวกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ผู้ชายคนนั้นตามมาขนาดนี้เขาคงหนีไม่พ้นแน่  แต่จะให้เจอกันตอนนี้ก็ไม่ไหว...เขายังกลัวอีกฝ่ายมากเกินไปจนอยู่ใกล้ๆไม่ได้เลย...แค่เห็นหน้า...ร่างกายก็สั่นสะท้านไปหมด

“ หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในเวลานี้ค่ะ...”   มือบางลดโทรศัพท์มือถือลงจากใบหูด้วยความผิดหวังเมื่อฮาร์กไลท์ปิดเครื่องเอาไว้...สงสัยว่าจะอยู่บนเครื่องบิน...ทำยังไงดี...คิดสิสเลน!

ปลายนิ้วสั่นๆกดเบอร์คนอีกคนที่น่าจะช่วยเขาได้ในเวลาแบบนี้เพราะบ้านในเขตอุทยานหลังนั้นก็ถือว่าอยู่ไม่ไกลกันนัก

“ สเลน?”   เสียงของวิศวกรประจำ SF15-T SLAINE ดังขึ้นมาทำให้เขาบอกอีกฝ่ายไปอย่างลนๆ

“ เอเลน! มารับชั้นหน่อย เดี๋ยวนี้เลยนะ ขอร้องล่ะ!

“ อ่ะ อื้อ มีอะไรหรือเปล่า?”

“ อย่าเพิ่งถามเลย รีบๆมาก่อนเถอะนะ นะ”   เสียงตื่นๆกับคำขอร้องของเขาทำให้ปลายสายรับคำอย่างไม่ถามอะไรต่อ เอเลนวางสายไปแล้วเขาจึงทำได้แต่รอ...รอ...แล้วก็ภาวนาว่าคุณครูเทโอจะไม่พังประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน

มือบางกุมโทรศัพท์มือถือก่อนจะยกมันขึ้นมาจรดหน้าผาก ทั้งๆที่พยายามจะไม่คิดอะไรแต่ไหล่ทั้งสองข้างกลับสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งเสียงกดออดดังต่อเนื่องขนาดไหนมันก็ยิ่งหลอกหลอนจนเขาแทบจะทนไม่ไหว


ครืด....ครืด....


โทรศัทพ์มือถือสั่นสะเทือนอยู่ในมือจนเขาสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอก่อนจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่คนโทรมาคือโกคุเดระ? แล้วก็ยังไม่ทันจะได้กดรับ เสียงรถเบรกดังลั่นก็ทำให้เขาหันไปมองลอดผ้าม่าน...BMW 5 Series Sedan ที่วิ่งมาปานพายุก็มาจอดฝุ่นตลบอยู่หน้าบ้านเขา

“ ฮัลโหล โกคุเดระ?”   เขามองเห็นแล้วว่าคนที่ขับ BMW คนนั้นคือใครในเมื่อร่างบอบบางของโกคุเดระ ฮายาโตะกำลังก้าวขาลงมาจากรถโดยมีผู้ชายตัวสูงใหญ่ในสูทสีดำก้าวขาลงมาจากอีกข้างพร้อมๆกัน

“ เอเลนให้มารับ...ชั้นกลับจากซุปเปอร์มาเก็ตพอดี”   ถึงได้มาไวขนาดนี้...เขาได้แต่นึกขอบคุณโกคุเดระอยู่ในใจ

“ เดี๋ยวผมออกไป...”   เขากดวางสายก่อนจะก้มหน้าก้มตาวิ่งออกจากบ้าน

“ เดี๋ยว สเลน!”     ทั้งๆที่ตั้งใจจะวิ่งผ่านร่างสูงใหญ่ที่เคยทำร้ายเขาหลายต่อหลายครั้งแต่พอได้ฟังเสียงของอีกฝ่าย สายตาเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมเชื่อฟังจนเผลอไปสบดวงตาสีฟ้านั่นจนได้

นัยน์ตาที่มีแววเว้าวอนคู่นั้นมันทำให้เขาเกือบจะใจอ่อน....

ไม่ได้นะ...ไม่ได้! อย่าไปหลงเชื่อผู้ชายคนนี้ง่ายๆอีก!

ใจแข็งไว้สิสเลน นายจำไม่ได้หรือไงว่าคนคนนี้ทำอะไรกับนายเอาไว้บ้าง

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น ข้อมือพยายามสะบัดมือใหญ่ที่จับกุมมันเอาไว้ ถึงแม้ว่าแรงสะบัดนั้นจะอ่อนแรงจนเหมือนไม่อยากจะให้มันหลุดออกมานักก็ตาม

“ สเลน...ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”   CEOหนุ่มมองคนที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน...เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กลัว ไม่ได้ตั้งใจจะกดดันจนต้องหนีไปไหนแบบนี้เลย


ก็แค่อยากจะขอโทษ...กับสิ่งที่ทำลงไป

อยากจะขอโอกาส...เพื่อแก้ไขความผิดพลาดทุกอย่าง

อยากจะเริ่มต้นใหม่...กับหัวใจที่เพิ่งจะหาเจอ


“ แต่ผมว่าเด็กคนนี้ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณนะครับ?”   แต่แล้วเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางสบายๆของยามาโมโตะ ทาเคชิก็ทำให้CEOหนุ่มชะงักไป มือใหญ่ที่เปื้อนเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่จับมือของสเลนออกก่อนจะจับต้นแขนบางให้เดินไปหาโกคุเดระ

เขามองใบหน้าคมที่อมยิ้มน้อยๆ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในสูทสีดำยืนขวางระหว่างเขากับสเลนเอาไว้ ภาษากายของยามาโมโตะ ทาเคชิกำลังเตือนเขาผ่านบรรยากาศสบายๆที่ดำมืดนั่นว่า...อย่าเข้ามาใกล้...แน่นอนว่าเขารู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครแล้วเขาก็ไม่อยากจะมีปัญหากับวองโกเล่ด้วย เพราะงั้นจึงทำได้แค่กัดฟันแล้วยืนมองสเลนถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา


อีกครั้ง...ที่เด็กนั่นหนีเขาไป...


ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวพิงเฟอร์รารี่สีขาวก่อนจะเหม่อมองบ้านที่ปิดไฟสนิท...เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ เป็นเพราะได้รับการดูแลอย่างดีเขาจึงมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งร่างกายและมันสมอง...เขาไม่เคยลำบากเพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็มักจะเป็นไปตามที่เขาคิดคำนวณเอาไว้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่ว่าใคร...ก็ล้วนแล้วแต่เต้นอยู่บนฝ่ามือของเขาทั้งนั้น...มันทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากเกินไป...

เพราะเรื่องของสเลนมันไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด

ไม่เคยมีอะไรที่เขาได้มายากเย็นเท่านี้มาก่อน

แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมลามือง่ายๆ  เพราะรู้ตัวแล้วว่าวิธีตัดใจใช้ไม่ได้ผล...มันมีแต่จะยิ่งทนไม่ไหวจนตบะแตกแล้วก็เผลอทำร้ายเด็กนั่นจนมันมาลงเอยแบบนี้ไง!

จากตรงนี้ไปเขารู้...รู้ว่าควรจะทำยังไง...

เพราะฉะนั้นขอโอกาสให้ชั้นอีกครั้งได้ไหม...สเลน...











นักขับมือสองของเฟอร์รารี่ถูกพากลับไปที่บ้านในเขตอุทยานของมาราเนลโล นัยน์ตาสีมรกตของโกคุเดระกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ของยามาโมโตะลอบมองคนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังผ่านกระจก ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาที่มีแววเศร้าหมองทำให้สองคนที่อยู่หน้ารถหันมามองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจไม่พูดอะไร ไม่ซัก ไม่ถามแล้วปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุม

ทำไม...ถึงได้ทำหน้าแบบนั้น...

นั่นคือคำถามที่อยู่ในใจของสเลน ทรอยยาร์ดไม่ใช่สองคนที่อยู่หน้ารถ

ทำไมคุณครูเทโอถึงดูเศร้าๆแทนที่จะมีสีหน้ามั่นใจในการทำร้ายเขาเหมือนที่ผ่านๆมา  ทำไมถึงได้มีแววตาเว้าวอนให้เขารับฟังแทนที่จะเป็นคำสั่งเหมือนแต่ก่อน  ทำไม...ทำไมกันล่ะ? ไม่ได้มาเพราะอยากจะทำให้เขาเจ็บหรือยังไง?

“ ถึงแล้ว”   เสียงราบเรียบของโกคุเดระปลุกให้เขาหลุดออกมาจากห้วงความคิดของตัวเองก่อนจะมองไปรอบกายซึ่งมีแต่ป่าทึบ  ท่ามกลางแมกไม้มีเพียงที่เดียวเท่านั้นที่มีแสงไฟ...นั่นก็คือที่ที่เอเลนกำลังวิ่งมาหาเขา

“ สเลน! ไม่เป็นไรนะ?”   วิศวกรประจำตัวมีสีหน้าตื่นๆในขณะที่ยื่นมือมาลูบหน้าลูบตาเขาอย่างห่วงใย เขาเพียงแค่ส่ายหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้มจางๆอย่างเหนื่อยล้า

“ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”  แต่แทนที่จะถามเขา เอเลนกลับหันไปถามโกคุเดระที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย

“ หนีหมีขาวขั้วโลกเหนือมาน่ะ”   .....งง...ไม่ใช่แค่เอเลนหรอกที่งง เขาเองก็ด้วย

“ เอาน่า...ชั้นว่าพา...เอ่อ...ชื่อสเลนใช่ไหม? เข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า มาเหนื่อยๆ”   อย่างน้อยก็ยังมีคนที่พอจะพูดรู้เรื่องอยู่บ้าง? ยามาโมโตะ ทาเคชิพาเขาเข้าไปในบ้านที่อยู่ทางฝั่งขวา ตอนนี้เขาล้าเกินกว่าจะมามองสำรวจว่าบ้านของเพื่อนร่วมทีมเป็นยังไง ร่างกายจึงขยับตามแรงดันนั่นอย่างว่าง่าย

“ อ๊า! นึกออกแล้ว! ถ้างั้นชั้นก็จะนอนที่นี่ด้วย! คืนนี้จะได้นอนคุยกัน”   จู่ๆเอเลนก็โพล่งออกมาแล้วมันก็ทำให้อีกเสียงดังตามมาแทบจะทันที

“ โฮ่ย เจ้าเด็กเหลือขอ”   ถึงจะไม่ทันรู้ตัวว่าคุณรีไวมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ใบหน้าที่จะไม่ยอมให้เอเลนมานอนที่นี่ท่าเดียวก็ทำให้เขาได้แต่ยิ้มแห้ง

“ ผมจะนอนที่นี่เป็นเพื่อนสเลน”   แต่คนดื้อก็หันไปทำหน้าเอาแต่ใจ เขาเห็นสายตาที่กดดันกันไปมาแต่ในที่สุดก็กลับกลายเป็นคุณรีไวที่ยอมตามใจ

“ แค่คืนเดียวนะ”   อดีตนักขับมือหนึ่งของโลกยืนกอดอกเพื่อตกลงกับเอเลน

“ ครับ~”   เหมือนเขาจะเห็นลูกหมาเข้าไปคลอเคลียเจ้าของยังไงก็ไม่รู้

“ เอาละ ถ้าตกลงกันได้แล้วก็เข้าบ้านกันเถอะ ข้างนอกแมลงเยอะ แล้วก็เชิญคุณพะ เอ่อ คุณรีไวกลับบ้านของตัวเองด้วยนะครับ”   ยามาโมโตะ ทาเคชิดันพวกเขาสามคนเข้าบ้านทางฝั่งขวาและในขณะที่ตั้งใจจะปิดประตูให้คุณรีไวอยู่ข้างนอก...

“ โฮ่ย ไอ้หมีบ้า แกคิดว่าแกจะได้นอนที่นี่หรือไง? ไปนอนบ้านนู้นเลยแกน่ะ!   ฝ่ามือแข็งแรงก็ตรงเข้าดึงหลังคอของร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวเองแล้วลากออกจากบ้านไป

“ เอ๋?!~~   ยามาโมโตะ ทาเคชิทำหน้าแปลกใจพร้อมกับส่งเสียงครวญครางจนเขาเผลอหัวเราะกับท่าทางที่ดูเหมือนลูกเขยกับพ่อตานั่น จะว่าไม่ถูกกันหรือเข้ากันได้ดีกันแน่นะ?

“ ไม่ต้องมาเอ๋...ไป!   ในขณะที่คนหนึ่งก็ออกแรงลากร่างสูงใหญ่ไปกับพื้น อีกคนก็ตะเกียกตะกายส่งไม้ส่งมือมาให้

“ โกคุเดร้า~~”   ทว่าคนที่ถูกเรียกกลับเมินแล้วปิดประตูบ้านตัดความรำคาญทันที

“ ไปอาบน้ำเถอะ”   เขาได้แต่พยักหน้าก่อนจะหันไปมองเอเลนที่เดินไปนั่งลงที่โซฟาราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ก่อนจะรับผ้าขนหนูแล้วก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ ยังมีคำหนึ่งซึ่งเขาคงต้องบอกกับทั้งคู่ให้ได้...เพราะไม่เช่นนั้นคืนนี้เขาจะเป็นยังไงก็ไม่รู้...

“ โกคุเดระ เอเลน...ขอบคุณนะ”



เสียงแกร่กๆของคนที่พยายามตะกายกระจกเพื่อเข้าไปในบ้านฝั่งขวาทำให้คนที่เหล่มองอย่างหมั่นไส้ง้างฝ่าเท้าขึ้นมากระทืบร่างสูงใหญ่ราวกับหมีนั่นไปสองสามที ก่อนจะลากซากหมีกลับเข้าบ้านฝั่งซ้ายของตัวเอง

ร่างสูงใหญ่ที่ถูกเตะไปพาดอยู่ที่โซฟากลับลุกขึ้นมานั่งด้วยใบหน้าจริงจังเมื่ออยู่กันตามลำพังกับรีไว

“ เด็กนั่นหนีCEOของเฟอร์รารี่มา...มีอะไรกันหรือเปล่า?”  ใบหน้าคมที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนทำให้รีไวอ่านบรรยากาศออกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่เช่นนั้นคนอย่างเจ้าบ้าตรงหน้าคงจะปล่อยผ่านไปไม่เอามาใส่ใจเพราะไม่ใช่เรื่องของเจ้าฮายาโตะ

“ ชั้นก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียด...แต่คิดว่าเรื่องนี้คงต้องบอกเจ้าเอลวินเอาไว้”   เพราะดูท่าทางว่าเจ้าหมีขาวนั่นจะกัดไม่ปล่อย เขาคิดว่าที่เด็กนั่นอยู่บ้านเอเลนไม่ได้ก็เพราะถูกเจ้าCEOนั่นก่อกวน แล้วนี่ยังถึงขั้นตามมารังควานถึงบ้านใหม่อีก

“ จะให้...คนของวองโกเล่คอยเฝ้าให้ไหมล่ะ?”   แล้วจู่ๆใบหน้าคมก็หันมาถามด้วยรอยยิ้มเย็นๆ

“ อืม ดูให้หน่อยก็ดี ยังไงก็เอาให้พ้นสนามที่ 3 ของฤดูกาลนี้ไปก่อน”   เพราะเรื่องฝีมือ เขาคิดว่าเด็กนั่นน่าจะผ่านได้สบาย ถ้าเป็นนักขับตัวจริงได้เมื่อไหร่เจ้าCEOปีศาจก็จะทำอะไรไม่ได้อีก


การที่ครูเทโอมาตามราวีสเลน ทรอยยาร์ดก็คงไม่พ้นเรื่องนี้หรอก?




ใครๆก็คงจะคิดแบบนั้น...

ว่าเรื่องระหว่างเขากับเด็กนั่นมันคงเป็นแค่การกีดกันไม่ให้สเลนได้ตำแหน่งนักขับตัวจริงไป...แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วเขาตามตื้อเด็กนั่นทำไม




สายตาของคนทั้งพิตการาจสีแดงมันถึงได้ทิ่มแทงจนรู้สึกได้ว่าเขากำลังถูกต่อต้าน

CEOหนุ่มเดินเข้าไปในสนามฟิโอราโน่โดยไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง นัยน์ตาสีฟ้าคมกริบตวัดมองทุกคนที่เดินสวนมา ทั้งๆที่ปกติแล้วเจ้าพวกนี้จะกลัวจนลนลานแล้วทำไมคราวนี้ถึงคิดจะแข็งข้อกับเขาขึ้นมา? หรือว่าจะรู้เรื่องที่เขาไปตามรังควาญสเลนถึงบ้านใหม่จนเด็กนั่นอยู่ไม่ได้ถึงกับต้องหนีไปอยู่กับเอเลนที่เขตอุทยาน?

ใบหน้าหยิ่งทระนงลอบถอนหายใจ ทุกคนกำลังเข้าใจเขาผิด เขาไม่ได้คิดจะราวีเด็กนั่นเพราะไม่อยากให้เป็นนักขับของเฟอร์รารี่ แต่ที่ตามตื้อก็เพราะว่าอยากจะง้อต่างหาก!

“ มีธุระอะไร? นายไม่จำเป็นต้องมาถึงนี่ก็ได้มั้ง? ชั้นว่ารีบๆพูดมาแล้วก็รีบๆกลับไปก่อนที่พวกลูกทีมชั้นจะทำอะไรนาย”   แม้แต่เจ้าเอลวินก็ยังเย็นชากับเขา ใบหน้าหล่อเหลานั่นพูดทั้งๆที่ไม่หันมามอง จงใจเมินกันเลยสินะ...แต่จะว่าหมอนั่นก็ไม่ได้ในเมื่อเขาเป็นคนหาเรื่องเอง...มุมปากยังจำรสชาติหมัดหนักๆนั่นได้อยู่เลย

“ ชั้นจะมาขอดูไทเทเนียมที่นายขออนุมัติสั่งซื้อมา ราคามันไม่น้อยเลยนะ ชั้นเซ็นต์ไม่ได้ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่ามันเอามาทำอะไร?”   ก็แค่ข้ออ้างทั้งเพ...อย่างเขามีรึจะไม่รู้ว่าไททาเนียมนั่นมีไว้ทำไม ถึงจะไม่ได้คลุกคลีอยู่ในทีมแข่งแต่เขาก็เป็นCEOของเฟอร์รารี่นะ จะปล่อยเรื่องรถหลุดรอดสายตาไปได้ยังไง

“ มันเป็นคำสั่งของ FIA ให้ Skid Block ที่อยู่ใต้ท้องรถเปลี่ยนมาใช้ไทเทเนียม แพงยังไงก็ต้องซื้อ”   เอลวินหันมามองเขาพร้อมกับสายตารำคาญเต็มที แต่แค่นี้คิดรึว่าเขาจะยอมแพ้

“ ใช้แค่ไหน? จำเป็นต้องซื้อทั้งหมดที่นายเขียนไว้ในเอกสารนี้เลยรึไง?”   มือใหญ่ยกแฟ้มเอกสารขึ้นมาก่อนที่อีกมือนึงจะตบลงไป ดูเหมือนใบหน้าที่ตั้งใจจะเถียงหัวชนฝาของเขาจะทำให้เจ้าเอลวินถอนหายใจอย่างยอมแพ้

“ ....จะดูก็ตามมา เจ้าCEOปีศาจจอมเรื่องมาก”   แน่นอนว่าท้ายประโยคเป็นแค่เสียงบ่นงึมงำแต่เขาก็ได้ยิน เอาเถอะ จะว่าจะบ่นอะไรก็ทำไปเพราะตอนนี้เขาก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายของวันนี้แล้ว

CEOหนุ่มเดินตามทีมบอสของสครูเดอเลีย เฟอร์รารี่เข้าไปในพิตการาจสีแดง เขาเลือกมาในเวลางานเพราะรู้ว่าทุกคนจะอยู่กันครบ...รวมถึงคนที่เขากำลังตามหาด้วย

สเลนยืนอยู่ที่พิตติดกัน ร่างโปร่งบางสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหันมาเห็นเขาเข้า...ที่เขารู้ก็เพราะว่าตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามา...สายตาก็จับจ้องอยู่ที่เด็กนั่นคนเดียว...

“ ฮันซี่! ยกรถขึ้นให้หมอนี่ดู Plank หน่อย พวกเราอาจจะไม่ได้ใช้ Titanium Skid Block ถ้าหมอนี่ไม่ยอมเซ็นต์อนุมัติเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร”   ได้ยินเสียงเอลวิน สมิธสั่งหัวหน้าวิศวกร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันนัก ใบหน้าหยิ่งทระนงยังคงหันไปมองนักขับมือสองของทีมอย่างไม่คิดจะปิดบัง

“ ครูเทโอ...ตกลงจะดูไหมไทเทเนียมนี่น่ะ?”   ทีมบอสร่างสูงใหญ่เรียกให้ใบหน้าที่ผงะนิดๆหันไปมองใต้ท้องรถ

“ ยังไงแพลททินั่มก็ดีกว่า”   เขาคิดในใจแต่เสียงดันหลุดออกไปให้อีกคนหันมามอง

“ อะไรนะ?”

“ เปล่า...”   ใบหน้าหยิ่งทระนงตอบปัดก่อนจะทำทีเป็นมองใต้ท้องรถ Plank คือแผ่นที่ใช้เสริมความแข็งแรงและยังใช้วัดค่าระดับการโหลดต่ำของตัวรถซึ่งกรรมการการแข่งขันจะนำมันมาวัดหลังจากจบการแข่งขัน ซึ่งตัวที่ใช้วัดก็คือชิ้นโลหะที่ติดอยู่ใน Plank ซึ่งเรียกว่า Skid Block หากจบการแข่งขันแล้วความหนาของ Skid Block หายไปมากแสดงว่าตัวรถโหลดต่ำมากเกินมาตรฐานจะต้องถูกทำโทษ เดิมที Skid Blockจะทำด้วยโลหะจำพวกเหล็กซึ่งมีน้ำหนักมากและอันตรายหากมันหลุดลงไปอยู่ในสนาม ตามกฎใหม่จึงให้เปลี่ยนไปใช้ไทเทเนียมซึ่งเบากว่า อันตรายน้อยกว่าและแข็งแรงกว่า แน่นอนว่าราคาก็แพงกว่าด้วย

“ พอใจแล้วใช่ไหม?”   เอลวิน สมิธเอ่ยถามหลังจากCEOหนุ่มกลับไปยืนตัวตรงเช่นเดิม

“ อืม”   ถึงจะตอบรับแต่ร่างสูงใหญ่กลับยังไม่ไปไหน สองขาเดินไปหานักขับมือสองโดยไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง...เขาตั้งใจแล้วว่าจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องให้ได้

อย่างน้อย...ก็อยากให้เด็กนั่นรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา...

“ สเลน...”

“ สเลน! ลงรถได้แล้ว ถึงตานายจับเวลาแล้ว!”    จู่ๆเจ้าเด็กบ้านเยเกอร์ก็ตะโกนตัดหน้าเขาก่อนจะรีบเอาหมวกกันน็อคมายัดใส่มือของสเลนแล้วดันหลังบางให้เดินไปห่างๆ ใบหน้ามนของเด็กนั่นหันมาขู่เขาราวกับลูกหมา...นี่คิดจะกันไม่ให้เขาเข้าใกล้สเลนสินะ?

แล้วก็ดูท่าว่าเขาจะไม่ได้คิดไปเอง...

เพราะทันที่สเลนขับรถกลับเข้ามาในพิต เดี๋ยวก็เอเลน เดี๋ยวก็เอลวิน เดี๋ยวก็ใครต่อใครในทีมต่างเข้ามาขัดขวางไม่ให้เขาได้พูดกับเด็กนั่นสักที...ใบหน้าหยิ่งทระนงกัดฟันกรอดอย่างพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ด่ากราดใช้อำนาจเหมือนตอนอยู่สำนักงานใหญ่...ดูท่าอยู่ตรงนี้ไปก็คงไม่มีประโยชน์ เจ้าพวกนั้นคงไม่เปิดช่องให้เขาแน่ เพราะงั้นร่างสูงใหญ่ของCEOหนุ่มจึงเดินออกมาจากพิต ทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะกลับไปไหน...

ใช่...เขาดักรอเด็กนั่นอยู่ในร้านกาแฟใกล้ๆที่จอดรถ

ถึงจะดูน่ารำคาญแต่เขาก็ไม่ถนัดการใช้วิธีอ้อมค้อม เวลามีปัญหาทีไรเขาจึงมักจะเดินเข้าไปแก้ไขมันตรงๆ...เหมือนตอนนี้










นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไฟบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งกระพริบเตือนว่ามีมิสคอลก่อนจะถอนหายใจ...ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา...มือบางจึงยื่นผ่านมันไปเพื่อหยิบกระเป๋าตังค์แล้วปิดล็อคเกอร์โดยไม่สนใจมันอีก

ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้วว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้ตามตื้อเขาขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่นิสัยของคุณครูเทโอเลยสักนิด...ปกติต้องเห็นงานสำคัญกว่าทุกอย่างสิ เวลาแบบนี้ร่างสูงใหญ่ควรจะยืนสั่งการอยู่ในที่ประชุมสิ...แล้วทำไม...ทำไมถึงเอาเวลาที่น่าจะยุ่งจนหัวหมุนนั่นมาตามเขา

ใจนึงก็อยากจะรู้อยากจะรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ร่างกายของเขากลับปฏิเสธด้วยการสั่นสะท้านทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองนั่น

ไม่อยากถูกทำร้าย ไม่อยากถูกไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ไม่อยากไร้ค่าในสายตาผู้ชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว

เขาควรจะทำยังไง...คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก...

ใบหน้าได้รูปถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินด้วยท่าทางเนือยๆออกจากพิต...ตอนนี้เป็นช่วงพักของเขา...ไปหากาแฟดื่มเสียหน่อยดีกว่าเผื่อว่าเรื่องที่คิดมากอยู่ในหัวมันจะเจือจางลงบ้าง

ทว่า...ดูเหมือนเขาจะคิดผิด...

ร่างทั้งร่างนิ่งค้างไปเมื่อนัยน์ตาสีมรกตมองเห็นรถสีขาวที่จอดอยู่ในลานจอดรถ...Ferrari 458 Italia คันนี้ของคุณครูเทโอไม่ใช่หรือไง? สีพิเศษแบบนี้ในมาราเนลโลไม่น่าจะมีคันอื่น?

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหันซ้ายแลขวา...ผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้กลับสำนักงานใหญ่? แปลว่าน่าจะยังอยู่แถวๆนี้?...แล้วก็พอดีกับที่สายตาหันไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยผ่านบานกระจกของร้านกาแฟเข้า

ทั้งๆที่ลึกๆแล้วก็อยากจะรับฟัง แต่สองขากลับก้าวถอยหลัง...

ยิ่งคนที่นั่งอยู่ในร้านทำท่าเหมือนจะเห็นเขาแล้วเช่นกัน มันก็มีแต่จะยิ่งเร่งเร้าให้เขาก้าวหนีจากตรงนั้นไวขึ้น...ยังไงก็กลับไปในพิตก่อนแล้วกัน เมื่อเช้าก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคุณครูเทโอทำอะไรเขาไม่ได้ถ้าเขาอยู่ที่นั่น

ใบหน้าได้รูปหันกลับไปมองเป็นระยะๆในขณะที่ขาก็ก้าวถี่จนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมๆกับร่างสูงใหญ่ก้าวออกมา...แย่แล้ว...ยิ่งหันไปดูก็ยิ่งรู้ว่าคุณครูเทโอกำลังตามมา!

หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความกลัว ลมหายใจก็เริ่มติดขัดจากการที่ใช้กำลังขามากเกินไป ใบหน้าได้รูปหันกลับไปมองอีกครั้ง ทว่า....ไม่มี? คุณครูเทโอหายไปไหน? ไม่ได้ตามมาหรือไง?

“ อื้อ?!!”   จู่ๆก็มีมือของใครบางคนก็ปิดลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนที่แรงลากจะดึงเขาเข้าไปในซอกอาคารที่มืดสลัว

“ อื้อๆๆ?!”    ใต้แผ่นอกซ้ายเต้นจนแทบจะทะลุออกมา สองแขนผลักไสอีกฝ่ายทันทีเพราะคิดว่าเป็นCEOหนุ่มที่ตะครุบตัวเขาไว้จนได้

“ โคโมริ?”   แต่มันกลับไม่ใช่...เพราะคุณครูเทโอไม่ได้เรียกเขาแบบนี้...ไม่สิ...มีคนเดียวต่างหากที่เรียกเขาว่า เจ้าค้างคาว

“ คุณ!”  นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงเพื่อมองหน้าเทรนเนอร์ของตัวเองอย่างคาดโทษที่ทำให้ตกใจจนหัวใจจะวาย

“ ชู่ว....”   แต่เจ้าคนหน้าตายกลับยกนิ้วชี้ขึ้นมาก่อนจะส่งสัญญาณให้เขาเงียบ

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหันมองตามสายตาของไคซึกะ อินาโฮะก่อนจะพบว่าร่างสูงใหญ่ของCEOหนุ่มเพิ่งจะเดินผ่านไป ร่างทั้งร่างจึงแทบจะแข็งเป็นหิน ซึ่งนัยน์ตาของคนที่เป็นเทรนเนอร์ก็จับความรู้สึกกังวลใจไปจนถึงกลัวของคนที่ตนกอดไว้ได้ ฝ่ามือจึงจับลงไปบนมือของสเลน ทรอยยาร์ดก่อนจะดึงให้วิ่งตาม

“ จอกกิ้งกันหน่อยก็แล้วกัน”   เทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยพาออกวิ่งไปอีกทางซึ่งเป็นถนนเส้นเล็กๆที่อยู่ข้างสนามฟิโอราโน่ มันลัดเลาะไปตามป่ากับทุ่งหญ้าก่อนจะเป็นเนินขึ้นไปเรื่อยๆ นานๆทีก็จะมีรถวิ่งมาสักคัน

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำหันไปมองคนที่ถูกลากมาวิ่งแบบไม่รู้ตัว จากที่นิ่งค้างไปด้วยความกลัวกลับค่อยๆมีสีหน้าที่ดีขึ้น

“ ไปทำอะไรไว้ล่ะโคโมริ?”  นักขับมือสองเหล่มองก่อนจะถามกลับมาว่า

“ ไม่คิดว่าเค้าเป็นฝ่ายทำอะไรผมบ้างเลยเหรอครับ?”

“ ไม่...”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเลยค้อนกลับมาอย่างงอนๆ แต่คนแหย่กลับชอบใจถึงใบหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยก็เถอะ

“ ว่าแต่นี่ก็นับเป็นการเทรนหรือเปล่าครับ? มันยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอครับ?”   เพราะไม่ได้วอร์มก่อนแถมยังวิ่งขึ้นเนินทำให้ตอนนี้ร่างโปร่งบางเริ่มจะหอบแฮ่ก

“ เวลาไหนก็เทรนได้ทั้งนั้นแหละ นายก็เป็นซะแบบนี้ถึงได้ไม่มีกล้ามเนื้อสักที”   เจ้าเทรนเนอร์หน้าตายยังคงวิ่งเหยาะๆอยู่ข้างๆ ส่วนคนถูกกล่าวหาว่าไม่มีกล้ามเนื้อได้แต่ทำแก้มป่องพองลมอย่างเคืองๆ

“ เราจะวิ่งไปถึงตรงนั้น”   ปลายนิ้วของไคซึกะ อินาโฮะชี้ไปที่เนินสูงสุดซึ่งมองเห็นอยู่ลิบๆ

นักขับมือสองของทีมม้าลำพองถึงกับต้องก้มตัวแล้วใช้สองมือยันต้นขาของตัวเองไว้พลางหอบถี่เมื่อมาถึงที่หมาย ร่างกายโปร่งบางยืดขึ้นอีกครั้งก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด นัยน์ตาสีมรกตทอดมองภาพตรงหน้าที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ...จากตรงนี้มองเห็นสนามฟิโอราโนได้ทั้งสนาม เนินหญ้าที่ลาดชันลงไปจรดต้นไม้แสดงขอบเขตของเฟอร์รารี่ล้วนให้ความรู้สึกดีจากสีเขียวขจีที่แผ่ไปไกลสุดลูกหูลูกตา

“ นั่งลงสิ”   เสียงนิ่งเอ่ยบอกให้เขานั่งลงไปกับพื้นหญ้าและไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยบอกเหตุผลเพราะงั้นร่างโปร่งบางจึงทำตามโดยไม่ได้คิดจะถาม

จู่ๆฝ่ามือของคนที่คุกเข่าอยู่ข้างหลังก็จับมาที่ขมับทั้งสองข้างก่อนจะรับรู้ถึงแรงนวดเบาๆ การนวดก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งเทรนเนอร์จะทำให้กับนักขับและทุกครั้งที่ฝ่ามือของคุณอินาโฮะสัมผัสไปตามร่างกายของเขามันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้รู้สึกดี

นัยน์ตาสีมรกตปิดลงเมื่อฝ่ามือที่นวดอยู่บนขมับค่อยๆไล่ลงมาที่ต้นคอ รู้สึกผ่อนคลายจนแทบจะลืมเรื่องร้ายๆไปเลยแหะ

“ ขอบคุณนะครับ...”   คนถูกนวดพูดออกมาทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา จึงไม่รู้เลยว่าสายตาของคนที่อยู่ข้างหลังนั้นเป็นยังไง

“ อืม”   เสียงนิ่งตอบรับไปเบาๆ


ไว้ใจเขาแบบนี้นี่ดีแล้วเหรอ สเลน ทรอยยาร์ด?











เป็นเวลาเกือบๆอาทิตย์ที่CEOแห่งเฟอร์รารี่อยู่ไม่ติดห้องทำงาน  พนักงานในออฟฟิศต่างแปลกใจไปตามๆกันเมื่อเห็นนายใหญ่ของตนเข้ามาแค่เวลาประชุมเสร็จแล้วก็รีบออกไป ยิ่งรู้ว่าสถานที่ที่CEOหนุ่มไปคือสนามฟิโอราโนด้วยแล้ว ความประหลาดใจก็ยิ่งทวีคูณ

เพราะก็รู้กันดีว่าบอสของเฟอร์รารี่ทั้งคู่ชอบมีปากเสียงกันประจำ ขนาดอยู่ถิ่นใครถิ่นมันนานๆจะเจอกันทีสำนักงานใหญ่ยังแทบแตก แล้วนี่คุณครูเทโอไปอยู่ที่สนามตลอดทั้งอาทิตย์ป่านนี้ไม่ฆ่ากันตายไปแล้วเหรอนั่น

นะ...มันก็ใกล้เคียงกับที่ใครต่อใครคิดนั่นแหละ...แต่ตอนนี้เขายังสบายดี

ปลายนิ้วยาวสไลด์หน้าจอมือถือขึ้นๆลงๆ ส่วนใหญ่เขาใช้ชีวิตอยู่ในร้านกาแฟข้างๆลานจอดรถนั่นมากกว่า ก็ใช่ว่าเขาจะทิ้งงานทิ้งการมาคอยเฝ้าเด็กนั่นเสียที่ไหน อย่างน้อยเขาก็คอยดูหุ้นของเฟอร์รารี่ได้จากที่นี่...เจ้าซาสบาร์มคนพ่อนั่นก็เผลอไม่ได้เหมือนกัน

นัยน์ตาสีฟ้าละจากกระดานหุ้นบนมือถือเมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอะไรสีแดงๆ จะว่าดีๆก็ดีแหละนะที่ชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่เป็นสีเพลิงแบบนี้ เขาถึงได้เห็นชัดเจนเวลาที่สเลนเดินออกมา

มือใหญ่วางเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะรีบก้าวขาออกจากร้าน สองสามวันมานี้ดูเหมือนเด็กนั่นจะหนีเขาช้าลง อาจจะเริ่มชินกับการที่มีเขามาคอยเฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ทั้งๆที่น่าจะได้ปรับความเข้าใจกันเสียที แต่ว่า...ในขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้เด็กนั่นทีไร กลุ่มชายที่อยู่ในสูทสีดำก็จะเข้ามาขวางเอาไว้เสียทุกที!

ใบหน้าหยิ่งทระนงกัดฟันกรอดที่วันนี้ก็โดนขวางอีกแล้ว แน่นอนว่าคนที่ไม่เคยทนอะไรได้เกินสามวันอย่างเขาตัดสินใจถามคนพวกนั้นอย่างหมดความอดทน...จะมีเรื่องก็ช่าง เพราะไอ้เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเขาก็ถนัด!

“ พวกแกมาจากไหน?”   นัยน์ตาสีฟ้าเหยียดมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูก็รู้แล้วว่าพวกนี้เป็นมาเฟีย มันจะอะไรกันนักกันหนานะ...เดี๋ยวก็พ่อ เดี๋ยวก็เพื่อน เดี๋ยวก็คนในทีม แล้วนี่ยังจะมาเฟียอีก อุปสรรคมันจะเยอะไปไหม? นี่ถ้าเขาไม่ได้อยากได้เด็กนั่นจนตัวสั่นละก็ป่านนี้คงเลิกไปแล้ว!

“ หน่วยพิรุณ...ของวองโกเล่”   วองโกเล่?...แต่บอกเขาตรงๆแบบนี้คงแค่ตั้งใจจะขู่ให้กลัว เขาจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้สเลนอีก เพราะถ้าตั้งใจจะทำร้ายหรือฆ่าให้ตายแล้วละก็ มาเฟียอย่างวองโกเล่มันจะไม่เคยประกาศศักดาแต่ว่าลงมือเลยต่างหาก

“ หน่วยพิรุณ...”   ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นกลุ่มมือสังหารหรือเพชฌฆาตของวองโกเล่......อ้อ...

“ ยามาโมโตะ ทาเคชิสินะ...”    อย่างงี้นี่เอง...เป็นเพราะสเลนหนีไปอยู่กับโกคุเดระที่บ้านในเขตอุทยาน ยามาโมโตะ ทาเคชิก็เลยคอยช่วยดูแลอีกแรง...ก็จริงอยู่...พอมีมาเฟียมาเกี่ยวข้องแบบนี้ แม้แต่เขาที่ไม่เคยกลัวใครในวงการธุรกิจก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรมาก แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ใช่มาเฟียกระจอกๆที่ใช้เงินซื้อได้เสียด้วย

“ นายของพวกแกอยู่ที่ไหน?”   คงมีแค่วิธีเดียวที่จะผ่านผู้ชายที่เย็นสบายเหมือนสายฝนเลือดคนนั้นได้...

“ ......”   มีเพียงความเงียบตอบกลับมา...จะว่าไปก็ไม่เห็นต้องถามแล้วก็ไม่ต้องคิดให้มากความ...โกคุเดระ ฮายาโตะอยู่ที่ไหน เพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่ก็คงจะอยู่ที่นั่นแหละ!

หัวสีทองเริ่มประมวลผล...ตามตารางแล้ว เวลาแบบนี้พวกทีมแข่งส่วนใหญ่น่าจะยังอยู่ที่สนาม เพราะงั้นเจ้าเพชฌฆาตว่างงานนั่นก็คงอยู่แถวๆนี้แหละ

ถึงเขาจะไม่ได้คลุกคลีกับพวกทีมแข่งมากนักแต่กิตติศัพท์ความหวงลูกชายของรีไวก็ดังกระฉ่อนมาถึงสำนักงานใหญ่ ก็ขนาดเขาที่เป็นเจ้านาย กว่าจะเอาเจ้าเด็กหัวเงินนั่นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์รถของเฟอร์รารี่หรือเอาไปโชว์ตัวแต่ละทียังยากเย็นขนาดนี้ เพราะงั้นกับยามาโมโตะ ทาเคชิที่เป็นมาเฟีย...กว่าจะได้ไปคงไม่ง่ายแน่

หมอนั่นต้องเข้าใจความรู้สึกของเขา...

นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองหารถ BMW ที่จอดอยู่แถวๆสนามแข่ง เขาจำได้ว่ารีไวกับโกคุเดระขับเฟอร์รารี่ เพราะงั้น BMW 5 Series Sedan ที่จอดอยู่ใกล้ๆทางเข้าสนามคันนั้นต้องเป็นรถของยามาโมโตะ ทาเคชิแน่นอน!

หมอนั่นอยู่ที่นี่อย่างที่คิด...ถึงจะไม่ได้เฝ้าชิดติดขอบสนามเหมือนรีไว แต่ผู้ชายบ้านนี้นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

สองมือขยับสูทราคาแพงให้เข้าที่ก่อนจะเดินเข้าไปหารถสีดำคันนั้น...เขาตัดสินใจแล้ว...ว่าจะละทิ้งมาดของนักธุรกิจ ทั้งการเจรจาต่อรองที่เขาถนัดก็จะไม่งัดมาใช้...แต่จะเปิดใจคุยกับอีกฝ่าย...อย่างผู้ชายคนนั้นน่าจะเข้าใจเขาได้

“ ยามาโมโตะ ทาเคชิสินะ”   แค่เขาเดินข้ามถนนมา คนที่นั่งอยู่ในรถก็เปิดประตูออกมายืนพิง BMW สีดำคันนั้นรอราวกับรู้อยู่แล้ว

“ ฮะฮะ มีอะไรจะเจรจากับผมหรือไงคุณCEO?”   ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำดูอารมณ์ดีก็จริง ทว่า นัยน์ตาสีเปลือกไม้นั้นกลับไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด ถึงจะเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีมากแต่กลับไม่ชวนให้อยากเข้าใกล้ด้วยกลิ่นไอที่รู้ได้ทันทีว่าอันตราย

“ ชั้นไม่มีเรื่องจะเจรจากับนาย...แต่มันคือคำขอร้องต่างหาก”   ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มก่อนจะมองหน้าเขาด้วยสายตาของนักฆ่า

“ โหว?...ขอร้อง?”   แน่นอนว่าอย่างเขาไม่ได้รู้สึกกลัวเกรงต่อสายตามืดมนนั่นหรอก ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงยังคงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแน่วแน่

“ แปลกใจเลยแหะ ที่คุณเดินเข้ามาคุยกับผมตรงๆแบบนี้...เพราะผมรู้ว่าพวกนักธุรกิจเค้าจะไม่ทำกัน...เอาสิ...ผมจะรับฟังก็ได้”   นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปลี่ยนจากมืดมนกลับมาเป็นคนปกติ ทำให้เขาพอจะวางใจไปได้เปราะหนึ่ง

“ ขอเปลี่ยนที่คุยหน่อยก็แล้วกัน มันน่าจะใช้เวลา”   ยามาโมโตะ ทาเคชิพยักหน้ารับก่อนจะขับรถตามเขาไปร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง

ซึ่งเขาก็แปลกใจตัวเองไม่ใช่น้อยที่เล่าเรื่องของเขากับสเลนให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักกันเลยคนนี้ฟัง...หวังไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาจริงๆหรือเปล่า...





“ เข้าใจแล้ว...สรุปว่าพวกเราเข้าใจผิด เพราะที่ผ่านมาพวกเราคิดว่าคุณจะมาทำร้ายเด็กนั่น”   ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำเอนหลังพิงอาร์มแชร์ด้วยท่าทางสบายๆ

“ แต่ผมบอกคุณตรงๆแล้วกัน ถึงผม โกคุเดระ เอเลน แล้วก็คุณพ่อจะหลีกทางให้ แต่ปัญหาใหญ่คือตัวของสเลนเอง”

“ จากสายตาของนักฆ่า ผมบอกได้เลยว่า...เด็กนั่นกลัวคุณมาก...มากจนทำให้ถึงขั้นหลอนได้เลย”   ยามาโมโตะ ทาเคชิพูดความจริงที่แสบเจ็บปวดออกมาซึ่งเขาก็ได้แต่ยอมรับ

“ ชั้นเป็นคนทำให้เค้าเป็นแบบนั้น...มันก็เป็นหน้าที่ของชั้นที่จะทำให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม”    ถึงจะต้องตามง้อไปทั้งชาติ...มันก็คงเป็นทางเดียวที่เขาจะทำได้

“ เอาเป็นว่าทางผมเข้าใจแล้ว จะช่วยเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน แต่เอเลนกับโกคุเดระอาจจะไม่ง่ายเท่าผมกับรีไวหรอกนะ”   คิดถูกจริงๆที่เข้าทางคนที่มีหัวอกเดียวกันแต่ท้ายประโยคที่เจ้ามาเฟียโชกเลือดนั่นบอกกลับทำเอางงไปเล็กน้อย

“ รีไว?”   อย่างหมอนั่นน่ะเหรอจะยอมช่วยเขา?

“ ฮะฮะ คุณคงไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่สเลนมาอยู่ที่บ้านเรา เอเลนก็หนีไปนอนที่บ้านของผมแล้วไล่ผมไปนอนบ้านตัวเองแทน...ผมน่ะไม่ได้ลำบากอะไรหรอก แต่พ่อกระต่ายเซ็กส์จัดนั่นน่ะจะลงแดงตายอยู่แล้ว ลองไปเล่าความจริงให้ฟังแบบนี้ ดูท่ารีไวคงจะรีบจับสเลนใส่ถุงส่งคืนให้เลย”   อ้อ...จะอะไรไม่รู้ละแต่ถือว่าดีสำหรับเขาแล้วสินะ?





เพราะฉะนั้นแผนการมันจึงเริ่มในวันรุ่งขึ้น...





นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของเพชฌฆาตมือหนึ่งแห่งวองโกเล่ทอดมองร่างบอบบางของโกคุเดระ ฮายาโตะที่กำลังนั่งยองๆเลือกปลาทูน่าอยู่บนสะพานปลาด้วยสายตาเอ็นดู เสียงคลื่นที่ซัดสาดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขากับร่างบางอยู่ที่ตลาดปลาของอิตาลีซึ่งอยู่ไกลจากมาราเนลโลพอสมควร

ใช่...เขาหลอกให้โกคุเดระออกมาจากบ้านด้วยการเอาปลาทูน่าสดๆมาล่อ...แล้วดูจากนัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายที่กำลังมองปลาที่เพิ่งจับขึ้นมาจากทะเลใหม่ๆเขาก็รู้ได้เลยว่ามันได้ผลและโกคุเดระก็จะขลุกอยู่ที่นี่ไปอีกหลายชั่วโมง

แน่นอนว่าแผนนี้เขามีผู้สมรู้ร่วมคิด...เพราะรีไวเองก็กำลังพาเอเลนออกจากบ้านเช่นกัน...รายนั้นเอาการแข่งรถบังคับวิทยุมาล่อ...เพราะถึงจะโตจนมีหน้าที่การงานมั่นคงเป็นถึงวิศวกรประจำทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แต่เอเลนก็ยังชอบไปดูการแข่งของเด็กๆนั่นอยู่เสมอ...ป่านนี้รีไวคงพาไปถึงมิลานแล้ว...แล้วอย่างรีไวที่เก็บกดมาเป็นอาทิตย์คิดเหรอว่าคืนนี้เอเลนจะได้กลับมา...ดีไม่ดีอาจจะลุกไม่ขึ้นไปอีกหลายวัน...

เพราะฉะนั้นตอนนี้ สเลน ทรอยยาร์ดจึงอยู่ที่บ้านในเขตอุทยานของมาราเนลโลตามลำพัง

“ ฮัลโล...คุณเข้าไปได้แล้วละ ตอนนี้สเลนอยู่ที่นั่นคนเดียว”   เขาวางสายจาก CEOของเฟอร์รารี่พร้อมกับมองไปที่โกคุเดระพลางขอโทษในใจ...แต่พอนึกถึงหัวอกของผู้ชายที่ต้องตามง้อคนที่ตนรักแล้วมันก็ทำให้นึกถึงตัวเองสมัยก่อนขึ้นมา

เขาก็ช่วยได้แค่นี้แหละนะ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวแล้วว่าจะทำได้แค่ไหน...




เฟอร์รารี่สีขาวถูกจอดห่างออกมาจากบ้านในเขตอุทยานของมาราเนลโลพอสมควรเพราะเสียงของมันคงทำให้สเลนรู้แน่ๆหากเขาเข้าไปใกล้ ร่างสูงใหญ่ยืนมองรั้วสีขาวก่อนจะเดินไปตามลายแทงที่คนในให้ไว้

“ เดินเลาะไปทางกำแพงรั้วด้านเหนือ...ห่างจากมุมที่ติดถนนไปซักสองเมตร ตรงนั้นกระแสไฟจะน้อยกว่าที่อื่น คุณโดดข้ามไปถึงจะติดก็ไม่โดนไฟช็อตตายแน่ๆผมรับประกัน เพราะผมโดดข้ามรั้วมารอบบ้านแล้ว จุดนั้นคือจุดที่ดีที่สุด”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองยิ้มแห้งเมื่อนึกถึงคำพูดของยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่บอกกับเขาก่อนจะวางสายไป...ก็ใครจะไปคิดละว่าชีวิตCEOที่แสนไฮโซจะต้องมาแอบปีนรั้วบ้านคนอื่นราวกับหัวขโมยแบบนี้ บอกตามตรงว่าเขาคิดไม่ออกเลยว่าคนที่เคยเดินเข้าบ้านใครต่อใครอย่างสง่าผ่าเผยจะแอบย่องเข้าบ้านคนอื่นได้ยังไง...

“ ก็ถ้าคุณมัวแต่กดออด เดี๋ยวสเลนก็โทรบอกใครให้มารับอีกหรอก...เพราะงั้นบุกเข้าไปเลยเชื่อผม”   เสียงทุ้มที่ฟังแล้วไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับคุกกับตะรางของเจ้าเพชฌฆาตนั่นทำให้เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกระโดดโหนตัวข้ามกำแพงรั้วตรงตำแหน่งที่ว่านั่นไป แม้จะอ่อนมากแต่ฝ่ามือก็รับรู้ได้ถึงกระแสไฟที่แล่นเข้ามา...จะว่าไปก็น่าเห็นใจรีไวนะ อุตส่าห์ทำรั้วไฟฟ้ามาช็อตหมีแท้ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

มือใหญ่ตบกันเบาๆเพื่อไล่ฝุ่นผงที่ติดมา ใบหน้าหยิ่งทระนงหันซ้ายแลขวาก่อนจะเดินไปตามทางที่ยามาโมโตะบอก  “ พอลงกำแพงมาแล้วก็ให้เดินไปทางขวา ระวังท่อประปาด้วยเพราะโกคุเดระทำแตกเอาไว้หลายจุด ถ้าคุณเผลอไปเหยียบเข้าน้ำมันจะพุ่งขึ้นมาแล้วสเลนก็จะรู้ตัว”  ....นี่มันบ้านคนหรือดงระเบิดกันแน่เนี่ย?! ปกติเจ้าพวกนี้อยู่กันยังไงนะ!

“ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเฉลียงไม้ไปเลย ประตูบ้านโกคุเดระอยู่ตรงนั้นแหละ เปิดเข้าไปก็เป็นห้องนั่งเล่น สเลนน่าจะอยู่ในนั้น...อ้อ...ตอนกระโดดขึ้นเฉลียงไม้ก็ระวังหน่อยล่ะ บางจุดมันก็ไม่แข็งแรงเพราะรีไวชอบปาเก้าอี้มากระแทกมัน”   ตกลงพวกนี้มันสามัคคีกันหรือว่าตีกันกันแน่นะ?! พื้นไม้หักเป็นหลุมลงไปเห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้แค่หยอกล้อเล่นกันธรรมดาๆ แล้วยังสนามแข่งรถบังคับวิทยุที่ไม่น่าจะมาอยู่บนเฉลียงนี่ก็อีก ดูไม่เข้ากับอะไรเลยสักนิด

ใบหน้าหยิ่งทระนงสะบัดไล่ความหงุดหงิดจากการเห็นอะไรที่ไม่เป็นระเบียบก่อนจะกลับมาตั้งสมาธิกับเรื่องของตัวเอง  นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองประตูกระจกผืนใหญ่อย่างมุ่งมันก่อนจะเลื่อนให้มันเปิดออกช้าๆ เสียงกรอบบานยูพีวีซีที่เสียดสีกับวงกบทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมา

“ เอ๋? โกคุเดระ? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ผมไม่เห็นได้ยินเสียง............”    ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อหยุดลงไปทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้าไปคือเขา ไม่ใช่เจ้าของบ้าน


ตุบ...


หนังสือที่อยู่ในมือหล่นลงกระทบพื้นเมื่อร่างโปร่งบางยืนขึ้นด้วยใบหน้านิ่งค้าง

“ คุณ....”   เด็กนั่นตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดและที่ยังไม่ถอยหนีเขาในทันทีเพราะว่ามีโซฟาขวางอยู่นั่นเอง

“ ขะ เข้ามาได้ยังไงครับ...”   นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปรอบกายอย่างหาทางหนีทีไล่ ถึงจะปวดใจนิดๆกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้าแต่เขาก็มีแต่จะต้องใจเย็น...ในเมื่อเขาเป็นคนทำลายความเชื่อใจนั้นไปกับมือเอง

“ ไม่ต้องห่วงหรอก...ชั้นไม่ได้จะมาทำร้ายเธอ”   เสียงของเขาเรียกให้นัยน์ตาที่สั่นระริกนั่นหันมามอง

“ ถะ ถ้างั้น...”   เขาค่อยๆเดินเข้าหาช้าๆ พูดออกไปพร้อมกับสายตาที่ไม่ได้คุกคาม

“ ชั้นยังไม่ได้กินข้าวกลางวันมา เธอทำอะไรให้กินหน่อยได้ไหม?”   แต่แล้วสิ่งที่เขาพูดออกไปก็ทำให้ใบหน้าที่ตื่นกลัวกลายเป็นแปลกใจ

“ เอ๊ะ?”    ดูเหมือนเด็กนั่นจะลืมไปชั่ววินาทีว่าเขาเป็นใครและเคยทำอะไรไว้ เพราะวันเวลาที่เคยกินข้าวด้วยกันนั้นมันคือความสุข...มือใหญ่เอื้อมออกไปดึงมือบางขึ้นมาก่อนจะวางสิ่งของบางอย่างลงไป

“ ทำอาหารกลางวัน...แล้วก็ใส่ลงไปในกล่องนี่ให้ชั้นที”   กล่องข้าวรูปหมีสีขาวทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง

“ ..............”   ริมฝีปากรสชาติดีนิ่งค้างไปจนเขาได้แต่ลุ้นอยู่ในใจ...ขอให้วิธีนี้ได้ผลที...

“ คุณ...เข้าไปในบ้านผมมาเหรอครับ?”   ใบหน้าได้รูปเหม่อมองกล่องข้าวในมือ ทั้งๆที่ควรจะปฏิเสธแล้ววิ่งหนีแต่ตอนนี้หัวใจกลับเต้นระรัว...มันไม่ใช่ความกลัว...แต่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม

“ เปล่า...ชั้นไปซื้อมาใหม่...จากร้านที่เราไปซื้อมาด้วยกัน”  

“ ...........”   สายตาที่ทอดมองกล่องข้าวนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โหยหา ถึงจะเป็นเวลาไม่นานแต่เขาก็ยังจำได้ดีถึงความกังวลใจว่าอีกฝ่ายจะชอบอาหารที่เขาทำไหม อีกฝ่ายชอบกินอะไร ชอบรสชาติแบบไหน แล้ววันนี้จะทำอะไรให้กินดี...แต่น่าแปลกที่ความกังวลใจเหล่านั้นมันล้วนมีความสุข

“ ถึงจะซื้อกล่องข้าวนี่มาอีกกี่ร้อยกี่พันอัน มันก็ไม่เหมือนกับอันที่เธอเลือกให้ชั้น...เพราะว่ากล่องพวกนี้...ไม่มีคนทำอาหารใส่ลงไปให้...”   นัยน์ตาสีมรกตเบิกค้างกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะปล่อยให้ความสั่นไหวเข้ามาครอบงำ

“ .....คุณ....ต้องการอะไรจากผมกันแน่...”   เคยทิ้งมันไปครั้งหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ? คนที่ปฏิเสธมันก่อนก็คือคุณเองไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้...

“ ขอโอกาสให้ชั้นแก้ตัว...”    ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น...เขายอมรับ...ว่าเขาตามอารมณ์ของคนตรงหน้าไม่ทันจริงๆ...ในวันที่เขาจะรัก อีกฝ่ายก็หักมันทิ้ง แล้วในวันที่เขาพยายามแทบเป็นแทบตายที่จะลืมมันให้ได้ อีกฝ่ายกลับอยากเรียกมันคืน

“ ............คุณกลับไปเถอะ...ผมไม่มีอะไรจะให้คุณได้อีกแล้ว”    เสียงสั่นเครือเอ่ยออกไปจากใบหน้าที่ก้มหนี ฝ่ามือดันกล่องข้าวนั่นกลับคืนไป...ไม่เอาแล้ว...เขาไม่อยากเจ็บปวดทรมานอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้นั่นอีกแล้ว

“ สเลน...”   มือใหญ่พยายามจะดึงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ แต่แรงสั่นน้อยๆจากท่อนแขนบางก็ทำให้มือใหญ่ยอมปล่อยมันไป    

“ ......ก็ได้...วันนี้ชั้นจะกลับไปก่อน    นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองร่างตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด คงต้องใช้เวลาที่เขาจะรักษาอาการหวาดกลัวนั่น...คงต้องใช้เวลาเพื่อทำให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม

“ ......สุดสัปดาห์นี้ก็พยายามเข้าล่ะ...สนามสุดท้ายสำหรับการพิสูจน์ตัวของเธอ...”    รอยยิ้มจางๆเผยอยู่บนใบหน้าหยิ่งทระนง ใจจริงแล้วเขาก็ยอมรับในฝีมือของเด็กนี่แต่ที่สัญญานั่นยังดำเนินต่อไปก็เพราะว่ามันคือสิ่งที่พูดออกไปแล้ว เขาไม่สามารถจะเรียกคืนได้...แต่เขาเชื่อ...ว่าสเลนคงผ่านมันไปได้และได้เป็นนักขับตัวจริงของเฟอร์รารี่หลังสนามนี้

“ คุณ...จะไปดูไหมครับ...”    นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมองอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ เธอคงไม่อยากให้ชั้นไป...”

“ ผม....”

“ แต่ชั้นจะไป”

“ ..........”   นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง จู่ๆหัวใจก็เต้นกระตุกไปด้วยความดีใจ...เพราะนี่คือครั้งแรกที่อีกฝ่ายยอมรับว่าจะไปดู  ใบหน้าหยิ่งทระนงยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากบ้านไป





ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วละ...

CEOหนุ่มเปิดประตูรถก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวเข้าไป...สเลนยอมพูดกับเขา ยอมรับรู้ความรู้สึกของเขา...แค่นี้ก็ดีแล้วถ้าเทียบกับช่วงอาทิตย์กว่าๆที่เด็กนั่นไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าเขาตรงๆ

เอาเถอะ...เขายังมีเวลาให้ง้อได้อีกทั้งชาติ ไปเร่งเร้าอะไรมากนักในตอนนี้เดี๋ยวก็จะเหมือนกับช่วงเวลาที่ผิดพลาดไปที่ผ่านมานั่น

เอาไว้แข่งสนามนี้เสร็จค่อยว่ากัน...ทุกๆอย่างมันคงดีขึ้นเอง



แต่แล้ว...

ทั้งๆที่คิดวิธีง้อเอาไว้มากมายแต่ทุกอย่างมันก็แทบจะพังทลายลงไปในพริบตา




นั่นก็เพราะว่า...






“ โอ้ไม่...SF15 –T SLAINE ที่กำลังจะเข้าเส้นชัยในอีก 3 รอบพลิกคว่ำก่อนจะพุ่งชนกำแพง!!

“ เกิดอะไรขึ้นกับรถในกลุ่มนำ?! เดี๋ยวต้องรอดูภาพช้ากันครับ”


เสียงพากย์จากพิธีกรประจำการแข่งขันเอฟวันสนามที่ 3 ของฤดูกาล Shanghai International Circuit ที่เซี่ยงไฮ้ประเทศจีนยังคงรายงานสดผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ให้คนทั้งโลกแทบช็อค แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนในพิตการาจสีแดงที่แทบจะเป็นอำมพาตจากภาพที่เห็นอยู่ในจอ รถสีแดงเพลิงที่เสียบคาอยู่ในกำแพงนั้นพังยับตั้งแต่ปีกหน้าจนกระทั่งล้อทั้งสองข้างก็แทบไม่มีเหลือ เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายเต็มถนนจนถึงกับต้องเป็น RED FLAG ภาพอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขนาดนี้มันยังฝังรากลึกอยู่ในใจของลูกทีมม้าลำพองส่วนใหญ่ ความกังวลใจจนถึงขั้นกลัวจึงปกคลุมไปทั่วพิตอย่างห้ามไม่ได้

ร่างสูงใหญ่ของCEOหนุ่มยืนมองภาพนั้นอยู่บนแพดด็อก ถึงจะอยู่คนละที่กับทีมแข่งของเฟอร์รารี่แต่ตอนนี้สภาพของเขาก็แทบไม่ต่างไปจากลูกทีมคนอื่นๆ

บางที...มันอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

เป็นเพราะไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้...เขาลืมไป...เลยไม่เคยแม้แต่จะได้ทำใจ

ว่าความตายมันอยู่ใกล้กับสเลนแค่เส้นกั้น

หากเด็กนั่นยังเป็นนักขับเอฟวันอยู่ อุบัติเหตุแบบนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง

มือขวายกขึ้นมาขย๋ำอกเสื้อทางด้านซ้าย สิ่งที่อยู่ภายใต้มันเจ็บเสียจนแทบจะแหลกละเอียด ขนาดเสียงที่จะร้องเรียกเด็กนั่นยังไม่สามารถจะหลุดออกมาจากปากได้ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว

กลัวว่าจะต้องสูญเสียด็กนั่นไป กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก

แล้วภาพที่เห็นผ่านจอมอนิเตอร์ก็ยิ่งทำให้เขากลัว...กลัวที่สุดในชีวิต

บรรดาเจ้าหน้าที่สนามต่างเข้าไปดึงร่างโปร่งบางออกมาจากรถในสภาพหมดสติ

“ สเลน....”    สองขาที่แทบจะแข็งเป็นหินพยายามอย่างหนักที่จะก้าวเดิน...เดินออกไปจากแพดด็อก...เดิน...ก่อนจะค่อยๆกลายเป็นวิ่ง....วิ่ง...ไปในที่ที่เด็กนั่นอยู่...



สเลน!!







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





ถถถถถ ถ้ามีหลุดตรงไหนโปรดข้ามมันไปนะก๊า ขี้เกียจกลับไปอ่านทวนมาก5555 // โดนตบ // เป็นตอนที่แต่งแบบไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่น่ะค่ะ เขียนเฉพาะท่อนไฮไลท์เอาไว้แล้วมาเกลารวมกันทีหลัง TvT

แล้วก็ๆๆ ขอบคุณแฟนอาร์ตที่ส่งมาให้อีกสองรูปนะก๊า >////<

รูปแรกจากน้องปริมศรีผู้เข้าถึงท่านเคานต์ค.ดีกว่าใคร กร๊ากกกกก // หาเรื่องเหรอพี่?





อุเหม่...ถ้าจะผูกต่ำขนาดนี้ไม่ต้องมีมันซะเลยดีไหมผ้าเนี่ย :v



อีกรูปจากน้องบิ๊วต์ค่ะ เจ้าหญิงเจ้าชายเรย >/////<




ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วด้วยนะคะ อ่านไปซับน้ำตาไปด้วยความปลื้มปริ่ม งื้ออออออ >/////<

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า // โดนพญาเหยี่ยวจิก


ปล. ตัดชุดโอบิสึรอสิ่งนี้...*q*....ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันคืออัลไลก็เถอะ แฮ่กๆๆ






3 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดด สเลนอย่าเป็นอะไรนะลูกกก อย่าเป็นอะไรน้าาา ฮือออ~ T^T

    ตอบลบ
  2. เอ้า!! เอ้า!! เอ้าาาาาาาา!!!!!

    นี่มันอะไรกันค๊าาาาา

    ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมกำลังจะชนะแล้วมีใครมาดึงปลั๊ก ToT

    คุณกว๊างงงง รีบมาต่อโดยเร็วเลยค่ะ เป็นห่วงน้องสเลนและคุณครูเทโอ ป่านนี้หัวใจแหลกเป็นเสี่ยงๆแล้วมั้งงงง

    คนอ่านก็ไม่ต่างกันนะค๊าาา

    ตอบลบ
  3. อ่านแล้วคิดขึ้นมาเลยว่ากลัวคนอื่นจะคิดว่าทุกอย่างมันเป็นฝีมือของท่านเคานท์ ยิ่งสเลนด้วย ตอนจากกันครั้งล่าสุดท่านเคานท์ก็พูดอะไรให้คิด แต่คราวนี้พ่อตากับลูกเขยคงจะได้ตัวตัวกันแล้ว แล้วกลัวอีกอย่าง สเลนความจำเสื่อม อันนี้เรื่องยาวเลย ติดตามตอนต่อไปเน่อ

    ตอบลบ