Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and
SILVER#09
For
HBD. Count Cruhteo
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
เกิดอะไรขึ้นถึงได้มาดึกดื่นขนาดนี้?” เจ้าบ้านซาสบาร์มถามออกมาในขณะที่เหลือบมองนาฬิกาซึ่งบ่งบอกว่าใกล้จะเช้ามืดเต็มที
ร่างสูงใหญ่ขยับตัวหลบให้ฮาร์กไลท์อุ้มคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องไปวางลงที่เตียง
“
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ถามก็ไม่ยอมบอก ผมเลยคิดว่ารอให้คุณสเลนเธอใจเย็นก่อนแล้วค่อยถามอีกที...” ร่างสูงโปร่งของพี่เลี้ยงคนสนิทประจำตัวลูกชายคนเดียวแห่งตระกูลซาสบาร์มยืนขึ้นก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงคอ
หัวคิ้วสีดำที่ขมวดเข้าหากันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขากำลังไม่พอใจขนาดไหนที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณหนูที่ตัวเองดูแลมาอย่างดี
“
แล้ว...ไปยังไงมายังไงล่ะ?” เจ้าบ้านซาสบาร์มขยับมายืนใกล้ๆก่อนจะทอดมองใบหน้าของคนที่ยังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง...ดูท่าทางจะเหนื่อยมาก...แล้วตอนนี้เขาก็อยากรู้เต็มทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้....เฟอร์รารี่...ทำอะไรกับลูกชายของเขากัน...
“
คุณหนูโทรให้ผมไปรับที่บ้าน พอผมไปถึงก็ละล่ำละลักบอกว่าจะกลับอังกฤษ...เหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่...พอผมถามว่าเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหม...คุณสเลนก็ยืนยันว่ายังไงก็ต้องไปตอนนี้...ผมเลยรีบพากลับมา” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำพูดไปก็นึกถึงภาพที่เกิดขึ้นไป
ท่าทางหวาดกลัวของคุณหนูของเขานั้นไม่ใช่เล่นๆเลย...ต้องมีเรื่องอะไรที่หนักหนาสาหัสเกิดขึ้นกับคุณสเลนแน่ๆ
“
........” ผู้เป็นพ่อยังคงทอดสายตามองหน้าลูกชายด้วยแววนิ่งสนิท
ถึงสีหน้าและน้ำเสียงของเขาจะยังเยือกเย็น แต่ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากฮาร์กไลท์ก็มีแต่จะทำให้หัวใจร้อนเป็นไฟ
“
ถึงจะหลับๆตื่นๆแต่ก็ร้องไห้มาตลอดทางเลยครับ”
นัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองขอบตาช้ำๆกับปลายจมูกที่ยังแดงระเรื่อของผู้เป็นลูกชาย...สเลนร้องไห้อย่างที่ฮาร์กไลท์บอกมาไม่ผิดแน่...ว่าแต่...ใครเป็นคนทำ
“
เดี๋ยวผมขอไปหยิบยาลดไข้สักครู่นะครับ เมื่อกี้ตอนพาเข้ามาในบ้านเหมือนตัวจะอุ่นๆ”
“
ไปเถอะ” ใบหน้ายโสพยักให้ฮาร์กไลท์ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขยับมานั่งลงที่ขอบเตียง...ฝ่ามือที่เฝ้าฟูมฟักเด็กชายจนกลายมาเป็นเด็กหนุ่มเอื้อมออกไปเกลี่ยไล้เส้นผมสีชาเบาๆ...กลับมาในสภาพนี้แล้วจะให้เขาทำใจปล่อยกลับไปอีกได้ยังไง...ขอแค่รู้ว่าคนทำมันเป็นใครเขาจะเล่นงานมันให้สาสม
ปลายนิ้วปัดปอยผมสีชาออกจากใบหน้าและลำคอเพื่อให้ผู้เป็นลูกชายหลับได้สบาย...แต่รอยแดงอะไรบางอย่างกลับเผยออกมาเมื่อไม่มีเส้นผมสีชาบดบัง
นี่มันรอยอะไร?...ทำไมมันเหมือนคิสมาร์ก?
คอเสื้อเชิ้ตถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบาก่อนที่เจ้าของโรลส์-รอยซ์จะถึงกับชะงักงัน...เพราะร่องรอยมันไม่ใช่น้อยๆเลย
แบบนี้...ไม่ได้ทะเลาะกับคนในทีมธรรมดาๆแล้วมั้ง...
“
ฮาร์กไลท์” น้ำเสียงนิ่งก้องกังวานออกมาเมื่อเลขาคนสนิทเดินกลับเข้ามาในห้อง
“
ครับ?” ถึงใบหน้าของผู้เป็นเจ้านายจะไม่ได้เปลี่ยนไป
ทว่า
ความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนิ่งๆนั่นมันก็ทำให้เขารู้ว่าท่านซาสบาร์มกำลังโกรธจัด
“
ชั้นจำเป็นต้องรู้ให้ได้...ว่าสเลนมีเรื่องกับใคร...”
“
ได้ครับ...ผมจะรีบให้คนไปสืบมา”
แสงแห่งเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้องที่ยังอยู่ในสภาพยับเยิน
เพราะร่างสูงใหญ่ที่นั่งฝังตัวอยู่ในโซฟายังไม่มีแก่ใจจะเก็บเตียงที่ยับยู่ยี่นั่น
หัวสีทองเอนพิงพนักนิ่มๆของโซฟาทำให้ใบหน้าหยิ่งทระนงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปจากตำแหน่งเดิมมานานแล้ว
นัยน์ตาที่เหม่อมองไปในอากาศที่ว่างเปล่านั้นราวกับกำลังใช้ความคิด
จะบอกว่ารู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองก็ไม่ใช่เสียทีเดียวแต่คงต้องบอกว่าไม่คาดคิดต่างหากว่าเรื่องมันจะยากขึ้นแบบนี้
ใช่...เขาไม่คิดว่าสเลนจะหนีกลับอังกฤษ...
เพราะสู้รบกันมานานทำให้เขารู้ว่าเด็กนั่นเข้มแข็งขนาดไหน
ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ไม่เคยหนี ไม่เคยคิดจะพึ่งพาอำนาจการเงินของทางบ้านให้ช่วยเหลือตน
แต่คราวนี้กลับหนีกลับอังกฤษแทบจะทันที....
สิ่งที่เขาทำไว้คงจะหนักหนาสำหรับเด็กนั่นจริงๆ...
หัวสีทองขยับออกมาจากพนักโซฟาด้วยใบหน้าที่ยังเหม่อลอย
มือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาราวกับว่าตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป
“
ครับ คุณครูเทโอ?”
เลขาส่วนตัวรับโทรศัพท์ด้วยสภาพเหมือนกับคนไม่ได้นอน...ก็แน่ละ
ในเมื่อต้องวุ่นวายกับเรื่องของเขามาตั้งแต่เมื่อคืน
“
ช่วยเลื่อนนัดของวันพรุ่งนี้กับวันมะรืนให้ชั้นที” เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์อย่างเอาแต่ใจ
“
อ่า...ครับ...ให้เลื่อนออกไปเมื่อไหร่ดีครับ?”
ถึงจะทำตามคำสั่งแต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ฟังดูเหนื่อยๆ ซึ่งเขาก็ไม่สนใจ
เอาไว้จะชดเชยให้คราวหลังก็แล้วกัน
“
วันนี้”
“
อ่ะ?! วันนี้?!”
เสียงจากปลายสายตกใจจนแทบจะทำโทรศัพท์ร่วงเลยมั้งนั่น...อย่าว่าแต่เลขาเลย
เขาเองก็แปลกใจในความบ้าระห่ำของตัวเองเหมือนกัน
“
ใช่ เลื่อนนัดทั้งหมดของสามวันมาอัดไว้ในวันนี้ให้หมด
ชั้นให้เวลารายละหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
เขาตอบกลับไปด้วยเสียงดังฟังชัดเพื่อเน้นย้ำว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน
“
แต่ว่า...มีการประชุมผู้ถือหุ้นอยู่ด้วยนะครับ...มันจะ...จบในหนึ่งชั่วโมง....”
“
จบสิ เอาไว้ชั้นจัดการเอง นายทำตามที่บอกก็พอ”
ไม่มีอะไรที่CEOแห่งเฟอร์รารี่อย่างเขาทำไม่ได้
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะเอา...ก็ต้องเอามาอยู่ในมือให้ได้
“
ครับ....เอ่อ...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ...ถึงได้เลื่อนนัดกระทันหันแบบนี้...”
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองแหวนแพลททินั่มที่กลิ้งไปมาอยู่บนปลายนิ้ว
“
ไม่มีอะไร...แค่นี้นะ”
ไม่ได้มีแต่ในอิตาลีที่พระอาทิตย์ฉายแสง
ความร้อนแรงก็กำลังปลุกทุกชีวิตในอังกฤษเช่นกัน
นัยน์ตาสีมรกตที่บวบช้ำค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างยากลำบาก...ดูเหมือนฮาร์กไลท์จะเอาอะไรบางอย่างโปะไว้ที่ดวงตาของเขา
มันจึงไม่บวบเป่งอย่างคนที่ร้องไห้มาขนาดหนักควรจะเป็น
เสียงขยับกายทำให้ใบหน้าที่ยังเหม่อลอยค่อยๆหันไปดูและกว่าจะรู้ตัวว่าตนอยู่ที่ไหน
ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ชะโงกอยู่เหนือหัว
“
คุณพ่อ...” เสียงแผ่วเบาหลุดรอดออกไปจากริมฝีปาก
แขนขาหนักจนแทบยกไม่ขึ้น
ทั้งๆที่ทุกอย่างยังเบลอๆแต่ความเจ็บปวดที่แล่นลิ่วขึ้นมาจากเบื้องล่างกลับชัดเจนเสียจนน่ากลัว...จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ดี...ถึงวินาทีที่แกนกายของผู้ชายคนนั้นสอดใส่เข้ามาในร่างกายของเขา...มันน่ากลัว
มันเจ็บปวด...จนพาลให้รู้สึกขยะแขยง...
“
ไง? ตื่นแล้วเหรอ?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลมะฮอกกานียิ้มให้ก่อนจะนั่งลงไปที่เก้าอี้ข้างเตียงตัวเดิม...นี่เขา...กลับมาอยู่บ้านของตัวเองแล้วสินะ...กลับมาอยู่ในที่ที่ผู้ชายคนนั้นจะตามมาทำร้ายเขาไม่ได้อีก...
“
อรุณสวัสดิ์ครับ........ไม่ได้...ไปทำงานเหรอครับ....?” หัวสีชาพยายามไล่คนใจร้ายออกไปแล้วหันมาสนใจผู้เป็นพ่อแทน...ดูจากที่อีกฝ่ายยังอยู่ในเสื้อคลุมชุดนอนทำให้เขาถามออกไปแบบนั้น
“
ก็ลูกชายนอนไข้ขึ้นแถมหนีกลับบ้านมาตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้จะให้ไปทำงานได้ยังไงล่ะ?” ใบหน้าได้รูปยิ้มแห้งให้ผู้เป็นพ่อ...ไอร้อนที่อยู่รอบกายเพราะเขาเป็นไข้นี่เอง...นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องไปที่มือใหญ่ๆซึ่งกำลังยื่นมาแตะหน้าผากของเขา
ความอ่อนโยนนั้นทำเอาอยากจะร้องไห้ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้
“
เรียกหมอมาดีไหม? ตัวยังร้อนอยู่เลย”
ผู้เป็นพ่อถามออกมาด้วยความหวังดีแต่คนป่วยกลับมีท่าทีอึกอัก
“
มะ ไม่เป็นไรหรอกครับ...กินยาแล้วเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นเอง....” นัยน์ตาสีม่วงทอดมองลูกชาย...ทำไมเขาจะไม่รู้...ว่าเพราะอะไรเด็กคนนี้ถึงไม่อยากให้หมอตรวจ...จากร่องรอยความรุนแรงบนต้นคอและร่างกายเขาก็พอจะรู้แล้วว่าสเลนไข้ขึ้นเพราะอะไร
ดูจากที่หนีกลับมาแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ยินยอม
แต่ถูกบังคับ...ขืนใจ
“
ทีนี้จะบอกชั้นได้รึยัง...ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ความโกรธเกรี้ยวถูกปกปิดด้วยใบหน้าที่แทบจะไม่เปลี่ยนไป...เพราะอยู่ต่อหน้าสเลน...ซึ่งเขาไม่เคยเผยให้เห็น...ว่าใบหน้าที่แท้จริงของเขานั้นมันน่ากลัวขนาดไหน
“
เอ่อ...คือ...ไม่มีอะไรหรอกครับ...แค่...ทะเลาะกับ...เอ่อ...คน...นิดหน่อย....” เจ้าคนป่วยตอบกลับมาด้วยท่าทางลนๆ
“
คนในทีม?”
“
ก็ไม่เชิง...เอ่อ...”
“
ไม่นิดหน่อยแล้วมั้ง...ทำให้คนอย่างเธอหนีกลับมาได้เนี่ย?”
“
ไม่มีอะไรหรอกครับ...ผมก็แค่...อยากกลับมาพัก...แล้วก็...คิดถึงคุณพ่อด้วย....” แขนผอมบางขยับมากอดแขนของเขาเอาไว้ทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“
..........” ใบหน้ายโสเหลือบมองนัยน์ตาสีมรกตที่พยายามจะบอกเขาว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ.....อ้อนเพื่อจงใจเบี่ยงประเด็นขนาดนี้เค้นไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไรแน่
เพราะงั้นไปหวังพึ่งการสืบของฮาร์กไลท์น่าจะดีกว่า
“
.......ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร...แต่เธออย่าลืมนะว่าชั้นเป็นพ่อของเธอ...ชั้นทำให้เธอได้ทุกอย่าง
สเลน” นัยน์ตาสีมรกตเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้ม
“
ขอบคุณครับ...คุณพ่อ...”
“
ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวอาหารเช้าเสร็จแล้วชั้นจะปลุกให้
ต้องกินอะไรเข้าไปบ้างจะได้กินยา”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาพยักรับอย่างว่าง่าย
“
เอ่อ...แล้ว....ฮาร์กไลท์ไปไหนเสียละครับ?”
เพราะปกติแล้วคนที่คอยคะยั้นคะยอให้เขากินอาหารทานยาเวลาป่วยจะเป็นฮาร์กไลท์เสียมากกว่า
“
หึ...ป่านนี้ก็คงเข้าครัวไปแย่งพ่อบ้านแม่บ้านเพื่อทำอาหารให้เธอแล้วมั้ง?
พวกนั้นดีใจกันยกใหญ่ที่เธอกลับมา”
ใบหน้าได้รูปยิ้มรับโดยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“
นอนเถอะ...” ใบหน้ายโสมองลูกชายที่ค่อยๆหลับตา...จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าฮาร์กไลท์กำลังทำอะไรอยู่กันแน่...แต่อีกไม่นานหรอก...เราจะได้รู้กันสักที
ว่าใครมันทำร้ายเธอแบบนี้ สเลน...
วันนี้ห้องประชุมของสำนักงานใหญ่เฟอร์รารี่ดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถึงแม้ว่านายใหญ่ของที่นี่จะโหดราวกับปีศาจแต่ปกติแล้วก็จะรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องอยู่บ้าง....ซึ่งต่างจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง
ด้วยเวลาที่มีจำกัดกับนัดที่ยาวเหยียดไปจนถึงสองทุ่ม
ทำให้CEOหนุ่มต้องตัดสินใจเด็ดขาดและสั่งการให้จบทันทีในทุกๆเรื่อง
เพราะฉะนั้นร่างสูงใหญ่จึงห่างไกลกับคำว่าอารมณ์ดีแล้วยิ่งเพิ่งจะเถียงกับพวกฝ่ายจัดซื้อมาหยกๆทำให้คนที่เดินกลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวถึงกับหัวเสียเมื่อเห็นว่าใครยืนรออยู่
“
มีอะไร?” เสียงห้วนๆเอ่ยแทนคำทักทาย
แต่เอลวิน สมิธก็ทำใจได้แล้วกับมารยาทยอดแย่ที่มีให้แต่กับเขานี่แหละ ทีมบอสของสครูเดอเลีย
เฟอร์รารี่มองตามเจ้าของห้องที่ไม่คิดจะนั่งพักบนเก้าอี้แต่กลับยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกๆราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะออกไปประชุมใหม่...จะยุ่งอะไรขนาดนั้น
“
ชั้นมาถามหาสเลน เมื่อเช้าเด็กนั่นไม่ได้ไปที่สนาม ไปตามที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่
นายพอจะรู้ไหม?” แล้วทันทีที่ชื่อของสเลน
ทรอยยาร์ดหลุดออกมาจากปากของทีมบอสม้าลำพอง
ใบหน้าหยิ่งทระนงก็ขมึงตึงทันที...ใช่...เขาจะไม่พาลแบบนี้ถ้าคนที่เอ่ยชื่อเด็กนั่นออกมาจะไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
อารมณ์หึงและหวงทำให้พูดออกไปโดยไม่มีเหตุผล
“
จะห่วงอะไรกันนักหนา? มีอะไรมากกว่าบอสกับลูกน้องหรือไง? หรือว่าเคยมีอะไรกันแล้ว?
เด็กนั่นยิ่งสวยๆอยู่ด้วยนี่?”
คำพูดหยาบคายทำให้เอลวิน สมิธกัดริมฝีปากก่อนจะพยายามระงับอารมณ์...เจ้าปีศาจตรงหน้าก็แค่ประชุมจนเป็นบ้าไปแล้ว
อย่าไปสนใจๆ
“
ชั้นถามนายดีๆนะว่าสเลนอยู่ที่ไหน? แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
ชั้นได้ข่าวมาจากเอเลนว่าสเลนเป็นลมแล้วทั้งๆที่นายบอกว่าจะจัดการให้แต่กลับเงียบหายไปทั้งคู่
ที่ชั้นมาถามถึงนี่ก็เพราะว่าเป็นหน้าที่ของบอสที่ต้องห่วงลูกน้องไม่ใช่หรือไง?” อันที่จริงก็ไม่อยากจะคุยต่อนักหรอกถ้าอีกฝ่ายยังอารมณ์ไม่ดีอยู่แบบนี้
แต่ตอนนี้เขาเองก็ร้อนใจเพราะไม่รู้ว่าสเลนอยู่ที่ไหนจึงต้องถามคนตรงหน้าให้รู้เรื่องให้ได้
“
หึ...บอส?....ใช่....นายมันก็เป็นแค่บอสของเด็กนั่น...ก็เพราะมัวแต่ทำตัวเป็นบอสคนดีแบบนี้ไง...ชั้นถึงได้เด็กนั่นก่อนนาย” แต่แล้วคำพูดที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของสุภาพบุรุษแบบครูเทโอก็ทำให้ใบหน้าของเขาชาวาบ
“
ว่าไงนะ?” ริมฝีปากถามออกไปเพราะคิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิด
แต่ใบหน้าที่กำลังเหยียดยิ้มของครูเทโอก็ทำให้ฝ่ามือถึงกับกำแน่น
“
จะให้พูดให้ชัดใช่ไหม?....ได้...เมื่อคืนชั้นข่มขืนเด็กนั่น
แล้วตอนนี้ก็หนีกลับอังกฤษไปแล้ว!”
ผลั๊วะ!!!
หมัดหนักๆต่อยลงไปบนใบหน้าหยิ่งทระนงโดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะมีตำแหน่งที่ใหญ่กว่า
ตอนนี้มีแต่ความเจ็บใจที่เขาปล่อยให้สเลนถูกทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น...ทั้งๆที่เขาควรจะพาเด็กนั่นออกมาจากบ้านหลังนั้นตั้งนานแล้วแต่กลับไม่ได้ทำ...
โครม!!!
สองมือดึงคอเสื้อสูทเนื้อดีก่อนจะกระแทกเจ้าCEOชั่วนั่นลงกับโต๊ะทำงาน สันกรามกัดกันกรอดอย่างโมโหจัดซึ่งคนถูกต่อยกลับยังไม่มีทีท่าว่าจะสำนึก
“
ชั้นคิดผิดจริงๆ...คิดผิดมาตลอดที่คิดว่านายเป็นคู่แข่งของชั้น...แต่วันนี้นายแสดงให้เห็นแล้วว่านายไม่มีค่าพอครูเทโอ!”
สองมือปล่อยคอเสื้อสูทออกก่อนจะกระแทกเท้าเดินจากไป ปล่อยให้เจ้าของห้องลุกขึ้นมาลูบรอยแตกที่มุมปากด้วยดวงตาเหม่อลอย
โดนแค่นี้มันยังน้อยไป...ถ้าเทียบกับความผิดที่เขาทำเอาไว้....
“
กะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?...”
เลขาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงดังโครมคราม
“
ไม่มีอะไร...ไปประชุมต่อสิ นัดทุกอย่างต้องจบวันนี้!”
“
คะ ครับ...”
การประชุมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันสองทุ่มทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเบาะหลังรถประจำตำแหน่งCEOแห่งเฟอร์รารี่แทบจะหมดสภาพ...นี่ยังไม่นับที่ไปมีเรื่องกับเจ้าเอลวินอีกนะ
แผ่นหลังที่มักจะตั้งตรงเอนพิงไปกับเบาะ
นัยน์ตาสีฟ้าเหม่อมองแสงไฟยามค่ำที่สาดส่องไปทั่วท้องถนน....แต่บางที...การทำงานจนไม่มีเวลาคิดอะไรมันก็ช่วยเขาได้มากกว่า
อย่างน้อยก็ลืมหน้าของเด็กนั่นไปได้หลายชั่วโมง
เรื่องแผนการตลาดที่รั่วไหลจนโรลส์-รอยซ์ตัดหน้าเอาไปใช้ความจริงมันจะเป็นยังไงเขาก็ยังไม่รู้
เด็กนั่นเป็นคนทำหรือเปล่าเขาก็ยังพิสูจน์ไม่ได้
แต่ใบหน้าเจ็บปวดของคนที่หนีเขาไปทำให้ตอนนี้รถประจำตำแหน่งกำลังแล่นเข้าสู่สนามบินนานาชาติมิลาโนมัลเปนซา
เมืองมิลาน
“
ไปเทอมินัลไหนครับ?”
คนขับรถเอ่ยถามในขณะที่เหลือบมองเขาผ่านกระจกมองหลัง
“
ขาออก สายการบิน Alitalia” ใบหน้าที่อยู่ในกระจกพยักรับก่อนจะขับรถต่อไป
และไม่นานหลังจากนั้น
CEOหนุ่มก็มายืนอยู่หน้าบอร์ดแสดงเวลาและตารางการบินตามลำพัง...
นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องไปที่บรรทัดๆหนึ่งซึ่งขึ้นว่า “ Alitalia…Flight No. AZ 209…to London” ก่อนจะก้าวขาไปยังเกทตามที่ขึ้นบอกบนบอร์ด
คิดเหรอ...ว่าเธอจะหนีจากชั้นไปได้ง่ายๆน่ะ
สเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ด!
ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของบ้านซาสบาร์มนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียง
กาแฟหอมกรุ่นถูกทิ้งเอาไว้จนเย็นชืดบนโต๊ะตรงหน้าโดยแทบจะไม่ได้แตะ
ถึงแม้ว่าวันนี้อาการทางร่างกายจะค่อยๆดีขึ้นจนไข้ก็ไม่มี
แผลจากเบื้องล่างก็เบาลงจนลุกไหว...แต่สภาพจิตใจกลับตรงข้าม...
ความรู้สึกมันสับสนปนเปไปหมด...อยากจะโกรธ
อยากจะเกลียด แต่กลับเศร้าที่ถูกอีกฝ่ายทำแบบนั้นทั้งๆที่ไม่ได้รัก อยากจะตัด อยากจะขาด
อยากจะทิ้งมันไป แต่กลับน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตามหา
ถ้าเขาไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น...ทุกอย่างมันก็คงจะง่ายกว่านี้
“
ถึงอาการจะดีขึ้นแต่ก็ต้องกินอะไรบ้างนะ”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากเบื้องหลัง
ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อเดินถือถ้วยซุปอุ่นๆมาด้วย
“
ขอบคุณครับ”
สองมือรับถ้วยซุปมาวางไว้และอีกฝ่ายก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“
วันนี้ก็ไม่ไปทำงานเหรอครับ?”
เจ้าบ้านซาสบาร์มยักไหล่แทนคำปฏิเสธ
“
เพิ่งจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ไป ตอนนี้ก็ปล่อยฝ่ายขายวุ่นวายกับการรับออเดอร์ไปก่อน...มีอะไรรึเปล่า?”
คงเป็นเพราะเขามีสีหน้าแย่ลงทันทีที่พูดถึงงานเปิดตัวรถ
คุณพ่อจึงถามอย่างสงสัย
“
ปะ เปล่าครับ...” สองมือยกขึ้นกอดต้นแขน
ฝ่ามือบีบเบาๆให้อาการสั่นน้อยๆนั่นสงบลง...เขายังกลัว...กลัวที่จะนึกถึงมัน...เรื่องเมื่อคืนนั้น
“
แต่กลับมาก็ดีเลย ชั้นว่ามันน่าจะถึงเวลาที่เราต้องคุยเรื่องคุณหนูอัสเซลัมกันจริงๆจังๆเสียทีแล้วนะ” เรื่องที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าได้รูปนิ่งงัน...ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องกะทันหัน...แต่นานวันเข้าเขากลับยิ่งลังเล
“
เอ่อ...คือ...” อยากจะขอเวลาอีกสักนิด
เพื่อตัวของคุณหนูอัสเซลัมเองด้วย...
“
........หรือว่าเธอ....เจอใครที่จะรักแล้วใช่ไหม?”
สายตาของผู้เป็นพ่อบ่งบอกว่ารู้อะไรบางอย่าง...ซึ่งเขาภาวนาว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่เขาพยายามปกปิดเอาไว้...ใช่...เขาเคยมีคนที่จะรัก...แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว...ไม่มีวันที่จะเจอกันได้อีก
“
ปะ เปล่าครับ...แต่ว่า...ผมอยากจะขอเวลาอีกหน่อย...ผมไม่อยากให้การตัดสินใจที่ผิดพลาดของผมทำให้คุณหนูอัสเซลัมต้องเสียชื่อและไม่มีความสุขไปด้วย” เขายอมรับ...ว่าตอนนี้...เขากลัวที่จะต้องมีเซ็กส์....ไม่ว่าจะถูกกระทำหรือเป็นผู้กระทำเขาก็กลัว
แล้วถ้าหากว่าจะต้องแต่งงานขึ้นมาจริงๆ
เจ้าสาวของเขาจะคิดยังไงหากเขาไม่ยอมทำอะไรเลยแบบนั้น
“
เอาเถอะ...ก็ใช่ว่าต้องรีบอะไรขนาดนั้น เพราะพวกเธอเองก็เพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าๆ
ยังมีเวลาตัดสินใจ” ในที่สุดผู้เป็นพ่อก็ยอมถอยโดยไม่ได้คิดจะบีบบังคับอะไรเขามากนัก
“
ขอบคุณครับ...”
“
สเลน...ไปวินเดอร์แมร์กันดีไหม? อาจจะนอนพักหรือไม่ก็ขี่ม้าหรือจะล่องเรือจับปลาในทะเลสาบ
อะไรก็ได้ที่เธออยากทำ?” แล้วจู่ๆคนตรงหน้าก็เอ่ยปากชวนไปบ้านพักตากอากาศที่อยู่ทางเหนือของอังกฤษ...อีกฝ่ายคงคิดหาวิธีที่จะให้เขาสบายใจด้วยการหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่ที่นั่น
“.................ผม...ก็อยากไปกับคุณพ่อนะครับ...แต่ว่า...ผมต้องกลับไปซ้อมกับทีม...” เขาก้มหน้าในขณะที่บอกความตั้งใจของตัวเองออกไป
และคำพูดของเขาคงจะทำให้คนที่คอยห่วงใยไม่ชอบใจ
“
ยังจะกลับไปอีกเหรอสเลน? เธอกลับมาหาชั้นด้วยสภาพแบบนั้น
คิดเหรอว่าจะปล่อยให้กลับไปอีก!”
ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นก่อนจะโน้มตัวข้ามโต๊ะ มือใหญ่เผลอกดข้อมือของเขาลงกับเก้าอี้ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจเป่ารดริมฝีปากสีระเรื่อก่อนจะพยายามระงับอารมณ์แล้วขยับหน้าผากแนบลงมาที่หน้าผากของเขาแทน
“
ผมต้องกลับไปครับ...” เสียงนุ่มเน้นย้ำความตั้งใจโดยไม่มีแม้แต่ความหวั่นไหว
เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีมรกตที่มองเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นพ่ออย่างแน่วแน่
“
....ถึงชั้นจะขังเธอไว้ เธอก็คงจะหาทางหนีไปจนได้ใช่ไหม?” นัยน์ตาสีม่วงนั้นมีแววจริงจังจนเขานึกกลัว
“
คุณพ่อ...” แต่แล้วร่างสูงใหญ่ก็ยอมละออกไปก่อนจะถอนหายใจอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“
.......เอาเถอะ...ไปทำในสิ่งที่เธอต้องการเถอะ
แล้วก็จำไว้ว่า...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น...จงนึกถึงชั้น
นึกถึงบ้านหลังนี้เป็นที่แรก...กลับมา...ให้ชั้นปกป้องเธอ”
“
ครับ”
ใบหน้าสวยยิ้มรับกับความใจดีที่อีกฝ่ายมีให้เสมอมา...ถ้าไม่มีคุณพ่อ...ป่านนี้เขาคงจะตายเหมือนหมาข้างถนนไปแล้ว...เพราะฉะนั้นหากอีกฝ่ายสั่งให้เขาทำอะไร
เขาก็คงต้องทำ
“
แล้ว...จะกลับไปเมื่อไหร่?”
“
วันมะรืนครับ...ผมโดดซ้อมมานาน ป่านนี้เอเลนคงเต้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว”
ใบหน้าที่พูดถึงคนในทีมกลับดูมีความสุขจนคนเป็นพ่อพอจะตัดออกไป
ว่าคนที่ทำร้ายลูกชายของตนคงไม่ใช่คนในทีม
“
.....สนามหน้าแข่งที่เซี่ยงไฮ้ใช่ไหม? ชั้นจะไปดู”
“
ดีใจจังครับ”
“
เอ่อ...นายท่านคะ...”
สาวใช้เดินมาด้อมๆมองๆพร้อมกับเอ่ยเรียกเจ้าบ้านซาสบาร์มราวกับไม่อยากรบกวน
“
มีอะไรล่ะ?”
“
มีโทรศัพท์มาจากคุณเลขาค่ะ”
เลขาที่ว่านั่นคงไม่ใช่ฮาร์กไลท์แต่คงเป็นคนที่สำนักงานใหญ่ของโรลส์-รอยซ์มากกว่า
ใบหน้ายโสพยักให้ก่อนจะลุกตามออกไป...ก็แบบนี้แหละนะพวกผู้บริหาร...หยุดก็เหมือนไม่ได้หยุด
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชามองตามแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อไปอย่างเข้าใจ...ขนาดปิดมือถือไว้เลขาก็ยังโทรมาตามถึงที่บ้าน
เดี๋ยวนะ...พอพูดถึงปิดมือถือ...เขาก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ที่ปิดมันก่อนขึ้นเครื่องบินวันนั้นก็ยังไม่ได้เปิดมันอีกเลย!
ตายละ...ถึงว่าทำไมเอเลนไม่โทรมาแว้ดๆใส่เขา...
ร่างโปร่งเดินกลับไปหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะถูกทิ้งอยู่ในห้องนอนก่อนจะเจอมันวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียง
มือบางหยิบมันขึ้นมาเปิดอย่างกลัวๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด...เมื่อมิสคอลขึ้นเป็นร้อย
ครึ่งหนึ่งเป็นของเอเลนกับบอส...ส่วนอีกครึ่ง...เป็นของ....
ตรู้ด...ตรู้ด.....
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนคนที่กำลังใจลอยแทบจะทำมันร่วง
สองมือไล่ตะครุบก่อนจะกดรับโดยไม่ทันได้ดูว่าใครโทรมา
“
สเลน?”
เพราะกดรับไปอย่างตกใจเลยทำให้กังวลว่าคนที่โทรมาจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น
ทว่า พอได้ยินเสียงเขาก็จำได้ทันที...ว่าไม่ใช่
“
เอเลน...”
“
นายหายไปไหนมาเนี่ย?! โทรศัพท์ก็ไม่รับ!
รู้ไหมว่าชั้นกับคนอื่นๆเป็นห่วงนายขนาดไหน! คุณครูเทโอบอกว่านายเป็นลมจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ทั้งคู่
ชั้นนี่แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว! แล้วเมื่อวานพอคุณเอลวินไปถามหานายที่สำนักงานใหญ่ก็ไม่รู้ว่าไปทะเลาะอะไรกับคุณครูเทโอมาอีก
ทำหน้าอย่างกับจะฆ่าคนให้ได้ ถามอะไรก็ไม่บอก!
แล้วนี่ตกลงว่านายปลอดภัยดีใช่ไหมสเลน?!” เอเลนใส่มาเป็นชุดจนเขาพอจะนึกออกเลยว่าตอนนี้วิศวกรประจำ
SF-15 T SLAINE กำลังควันออกหูขนาดไหน
“
ใจเย็นๆก่อนนะ...ชั้นสบายดี...ตอนนี้อยู่ที่บ้าน...เอ่อ...อังกฤษน่ะ...พอดีมีธุระต้องกลับมากะทันหัน...”
“
อังกฤษ! โธ่เอ้ย พวกเราก็เป็นห่วงซะแทบแย่!
นายนี่มัน......คราวหลังก็โทรบอกกันบ้าง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ!”
ถึงแม้ว่าจะต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะเสียงดังลั่นที่กรอกใส่มาจากปลายสาย
แต่ทุกคำพูดล้วนทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
“
..........ขอบคุณนะเอเลน...”
เขาตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“
อื้อ! ถ้าเข้าใจแล้วคราวหลังก็ปฏิบัติตามด้วยล่ะ!” ฮะฮะฮะ สมกับเป็นหมอนั่นจริงๆ
“
ครับ...”
ริมฝีปากตอบรับพร้อมกับปลายนิ้วที่ยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ปริ่มขึ้นมาเพราะความดีใจ
“
แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่น่ะ?
คุณฮันซี่รอทดสอบรถอยู่...เอ่อ...ธุระนายเรียบร้อยดีไหม?”
“
ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก...ชั้นว่าจะกลับมะรืนนี้...”
“
โอเค! งั้นชั้นไม่กวนละ เดี๋ยวไปบอกโกคุเดระกับคนอื่นๆก่อน
รู้ไหมว่าโกคุเดระให้พวกวองโกเล่ตามหาศพนายกันให้ควั่ก”
“
อื้อ...บาย...”
......ศพ...เลยเหรอ...เขาได้แต่ยิ้มแห้งในใจ...นี่คิดว่าเขาโดนฆ่าหมกป่าหรือไงกันนะพวกนั้น?
ใบหน้าได้รูปอมยิ้มพลางส่ายหน้า...เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวที่อิตาลี...ใช่...เขาลืมไปเลยว่ายังมีครอบครัวใหม่ที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาจากผู้ชายที่โหดร้ายคนนั้นอยู่
“
คุณสเลน? จะออกไปไหนครับ?” ฮาร์กไลท์ที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งแต่เมื่อวานถามขึ้นเมื่อเขาหยิบกุญแจรถออกมาจากที่แขวนซึ่งมีพวงกุญแจเรียงเป็นตับ
“
จะออกไปร้านขายอะไหล่รถของเล่นน่ะครับ ทำให้เอเลนโมโหเลยว่าจะหาของไปเอาใจสักหน่อย
ร้านที่ขายรถทามิย่าแถวๆริมแม่น้ำเทมส์ยังอยู่ใช่ไหมนะ?”
“
น่าจะยังอยู่ครับ...เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน”
“
ไม่ต้องหรอกฮาร์กไลท์...ผมไปคนเดียวได้...ทำอย่างกับที่นี่ไม่ใช่บ้านผมแน่ะ
ฮะฮะ”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาฝืนยิ้มให้พี่เลี้ยงคนสนิททั้งๆที่รู้ว่าคงปิดฮาร์กไลท์ไม่มิดหรอก
แต่อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยให้เขาออกไปตามลำพังคงเพราะรู้ว่าเวลาที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ
บางทีการปล่อยให้อยู่คนเดียว
ได้ทบทวนสิ่งที่ผ่านมามันก็ดีกว่าเข้ามายุ่งวุ่นวายจนยิ่งเลยเถิด
อีกอย่างที่นี่คือลอนดอน
เมืองหลวงของอังกฤษที่เขาใช้ชีวิตมาตั้งแต่เกิด...แต่ต่อให้ที่นี่จะเป็นอิตาลีก็คงไม่น่ากลัว
เพราะคนเดียวที่จะทำร้ายเขาคงไม่ตามมา...
จากที่ฟังเอเลนเล่าเมื่อกี้เขาก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นยังไปทำงานอยู่
ยังใช้ชีวิตตามปกติที่เห็นงานสำคัญกว่าเรื่องอะไร แล้วก็ยังไม่สนใจเขาเหมือนเดิม
คงไม่สนใจหรอกว่าเขาหายออกจากบ้านไป
ไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง เพราะที่มีอะไรกับเขาก็แค่ข่มขู่ไม่ให้เขาเข้าใกล้บอสจนส่งผลต่อทีม
ส่งผลต่อเฟอร์รารี่ก็เท่านั้นเอง
“
อึก...”
จู่ๆร่างกายก็สั่นขึ้นมาจนต้องกอดตัวเองเอาไว้...แค่นึกถึงเรื่องในคืนนั้นเขาก็กลัวจนแทบจะเสียสติ
“
คุณสเลน? สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะครับ? ผมว่าอย่าเพิ่งไป”
“
ไม่เป็นไร!” ใบหน้าได้รูปเผลอขึ้นเสียงกับพี่เลี้ยงคนสนิทเพราะสภาพจิตใจยังไม่เข้าที่
และพอรู้ตัวก็หันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขอโทษ
“
ไม่เป็นไรครับ...ผมไปได้...จริงๆ”
ริมฝีปากสีระเรื่อพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปยังโรงจอดรถท่ามกลางสายตาที่มองตามไปอย่างห่วงใย
สองมือที่โอบอุ้มร่างโปร่งบางนั่นมาแต่เล็กแต่น้อยกำแน่นด้วยความเจ็บใจ...คนที่มันทำให้คุณร้องไห้
ผมจะไม่ให้อภัยมันเด็ดขาด...คุณหนูของผม
เพราะเจ้ารถเต่าสีเหลืองอ่อนถูกทิ้งไว้ที่มาราเนลโลแล้วบ้านหลังนี้ก็มีแต่โรลส์-รอยซ์ วันนี้นายน้อยของบ้านซาสบาร์มจึงต้องขับรถเพียงคันเดียวที่ดูจะเข้ากับอายุหน่อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ BMW 6 Series สีดำจึงค่อยๆแล่นออกจากบ้านหลังใหญ่ในเขตเคนชิงตันไป
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า...มีรถอีกคันที่ดักรออยู่หน้าบ้านนานแล้วขับตามไปติดๆ....
“
ได้เรื่องแล้วเหรอ?” นัยน์ตาสีม่วงละจากบานหน้าต่างก่อนจะหันกลับมาหาคนที่เพิ่งเดินเข้าไป
“
ครับ...” ฮาร์กไลท์โค้งให้ผู้เป็นเจ้านายด้วยความอ่อนน้อมก่อนจะยื่นแฟ้มอันหนึ่งให้
“
ตัดคนในทีมแข่งออกไปได้เลยครับเพราะไม่มีใครที่คุณสเลนมีปัญหาด้วย...แต่คนที่มีปัญหากลับเป็น....CEOของเฟอร์รารี่ที่ชื่อ...ครูเทโอ”
“
ครูเทโอน่ะเหรอ?” ใบหน้ายโสชะงักค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ทำร้ายลูกชายของตนจะเป็นคนคนนั้น
เพราะถึงCEOหนุ่มของเฟอร์รารี่จะเหมือนกับปีศาจแต่ฝีมือที่เก่งกาจและรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีนั้นใครๆก็ต้องยอมรับ...ที่สำคัญหมอนั่นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดไม่ใช่หรือไง?
เขายังเห็นข่าวสังคมตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ
ยังเคยชื่นชมรสนิยมของผู้ชายคนนั้นไม่น้อยเพราะถึงครูเทโอจะเปลี่ยนคู่ควงเรื่อยๆแต่ผู้หญิงแต่ละคนล้วนเป็นระดับที่หาตัวจับยากทั้งนั้น
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ...ว่าจะมาสนใจเด็กผู้ชายเรียบร้อยอย่างสเลน
หรือว่า...กะจะเอาไว้เป็นของเล่นเฉยๆ?
“
ครับ ดูเหมือนว่าจะมีปากเสียงกับคุณสเลนอยู่หลายครั้ง
สาเหตุก็มาจากคุณสเลนพักอยู่ที่บ้านของพวกเยเกอร์ซึ่งอยู่ข้างๆบ้านคุณครูเทโอ
แล้ววันแรกที่ไปถึงคุณสเลนเธอขับรถชนรั้วบ้านคุณครูเทโอพังครับ CEOของเฟอร์รารี่เลยไม่เชื่อว่าคุณสเลนจะเป็นนักขับที่ดีพอสำหรับทีม
เลยตั้งเงื่อนไขว่าถ้าคุณสเลนขึ้นโพเดี้ยมติดกันในสามสนามแรกไม่ได้ก็จะถูกถอดออกจากตำแหน่งตัวจริง...แล้วก็...ตอนที่ผมไปบ้านที่คุณสเลนพักอยู่
ผมยังเคยเจอคุณครูเทโอเดินอยู่ในรั้วบ้านเยเกอร์เลยนะครับ
คิดว่าน่าจะมีทางเชื่อมต่อกัน...”
เจ้าบ้านซาสบาร์มนิ่งฟังสิ่งที่ไม่เคยรู้ไม่เคยได้ยินมาก่อน...เด็กคนนั้นโดนรังแกโดยที่เขาไม่รู้เรื่องเลยสักนิด...และที่สำคัญ...คนที่ทำร้ายลูกชายของเขากลับเป็นคนที่เขาเชื่อถือในภาพพจน์ที่ดูดี
เคยขอบใจ เคยฝากฝังให้ดูแล
มือใหญ่ของเจ้าบ้านซาสบาร์มถึงกับกำแน่น...เจ้าครูเทโอมันรสนิยมดีอย่างที่คิดจริงๆ
ขนาดของเล่นมันก็ยังเล่นของระดับทายาทโรลส์-รอยซ์เลย!
“
แล้วก็...เมื่อวานนี้จู่ๆคุณสเลนก็บอกผมว่าจะซื้อบ้านที่มาราเนลโล...ทั้งๆที่ผมแนะนำให้ซื้อตั้งนานแล้วแต่คุณสเลนก็บอกให้รอทีมอนุมัติ...ผมเลยสงสัยว่าน่าจะมีเรื่องกับคุณครูเทโออย่างรุนแรงเลยทำให้อยากจะย้ายออกมาจากบ้านของพวกเยเกอร์น่ะครับ”
สันกรามกัดกันแน่น...รู้ทั้งรู้ว่าสเลนเป็นลูกชายของเขาแต่ครูเทโอกลับไม่คิดจะไว้หน้า
กล้าทำร้ายคนของเขาแบบนี้
คงต้องเห็นดีกัน...
“
จะเอายังไงต่อดีครับ?”
ใบหน้าของฮาร์กไลท์บอกกับเขาว่าถ้าเพื่อแก้แค้นให้คุณหนูของตนแล้ว
ต่อให้เขาสั่งอะไรก็จะทำ
“
เธอคอยดูแลสเลนไปเถอะ...ส่วนเรื่องครูเทโอ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
ใบหน้ายโสพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น...คงต้องสั่งสอนพ่อCEOของเฟอร์รารี่เสียหน่อยแล้ว...ว่าของบางอย่างก็อันตรายเกินกว่าจะเป็นของเล่นได้!
แขนบางหอบหิ้วถุงกระดาษพะรุงพะรังกลับไปที่
BMW สีดำที่จอดรออยู่
เขารู้แค่ว่าหากมีเวลาเอเลนกับโกคุเดระก็มักจะเล่นแข่งรถวิทยุบังคับกัน
รู้ว่าเอเลนประกอบมันขึ้นมาเองแต่ก็ไม่รู้เลยว่าหมอนั่นมีอะไหล่ชิ้นไหนอยู่แล้วบ้าง
ก็เลยกวาดซื้อมาหมดแบบมั่วๆถุงมันถึงได้ใหญ่แล้วก็มีมากมายหลายถุงขนาดนี้
สองมือวางถุงพวกนั้นไว้ในกระโปรงหลังก่อนจะยืนมองผลงานด้วยรอยยิ้มแห้งๆ...หวังว่าเอเลนเห็นอะไหล่พวกนี้แล้วคงจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างนะ
ไม่งั้นเขาคงถูกจับซ้อมโหดไม่ได้กินไม่ได้นอนแน่ๆ
มือบางปิดฝากระโปรงหลังลง
ทั้งๆที่ตั้งใจจะกลับบ้านเลย ทว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองรอบกาย
บรรยากาศที่ห่างหายไปนานก็ชวนให้คิดถึงจนสองขาราวกับถูกตรึงเอาไว้
ร่างโปรงบางออกเดินช้าๆเลาะริมแม่น้ำเทมส์ที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟยามค่ำของลอนดอน
เบื้องหลังนั้นเป็นพระราชวังเวสมินเตอร์และหอนาฬิกาบิ๊กเบน สัญลักษณ์ของอังกฤษที่ไม่ว่าจะเห็นมากี่ครั้งก็ยังถูกสะกดได้ทุกครั้ง
ร่างโปร่งบางเดินข้ามสะพานเวสมินเตอร์ไปช้าๆถึงจะไม่ได้ตั้งใจดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามทว่ามันกลับแทรกเข้ามาในสายตาอย่างยากที่จะปฏิเสธ
เจ้าของเรือนผมสีชานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างลานสาธารณะโดยมีหอนาฬิกาเป็นฉากหลัง
นัยน์ตาสีมรกตมัวแต่ทอดมองผู้คนที่ต่างพากันมาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศที่แสนโรแมนติก
ทำให้ไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองก็ถูกมองอยู่เช่นกัน...
CEOหนุ่มของเฟอร์รารี่ยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของลานสาธารณะโดยไม่คิดจะซ่อนกาย
ร่างสูงใหญ่ไม่ได้อยู่ในชุดสูทตามปกติแต่เสื้อเชิ้ตสีดำกลับส่งให้เจ้าของเรือนผมสีทองดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่ทรงสเน่ห์
ถึงอย่างนั้นใบหน้าหยิ่งทระนงก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเหลียวมอง เพราะนัยน์ตาสีฟ้าถูกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะกดเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
ทั้งๆที่ร่างโปร่งบางสวมชุดง่ายๆอย่างเสื้อคอวีสีดำกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ
แต่ว่าเด็กนั่นเองก็หุ่นใช้ได้อยู่แล้ว ใส่แค่นี้แต่กลับดูดีทีเดียว
เพราะสายตาที่จับจ้องมาอย่างไม่กระพริบตาทำให้คนถูกมองรู้สึกได้
ใบหน้าได้รูปค่อยๆเงยขึ้นมาก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะชะงักไป
ถึงจะไม่แน่ใจแต่ร่างสูงใหญ่ที่เห็นอยู่ไกลๆนั่นช่างคุ้นแสนคุ้น
คุณครูเทโอ?
ไม่จริง...ไม่น่าใช่...ผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะมายืนอยู่ตรงนี้...
นัยน์ตาสีมรกตพยายามกวาดมองหาอย่างหวาดๆเพราะร่างสูงใหญ่นั้นกลืนหายไปกับผู้คนที่เดินสวนกันไปมา
เมื่อกี้ยังยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆแต่ตอนนี้กลับไม่อยู่แล้ว...
หรือว่าเขาจะตาฝาดไป?
ไม่ใช่...เขาไม่ได้ตาฝาด...เพราะจู่ๆคนที่หายไปก็โผล่ออกมาจากฝูงชนในระยะที่ใกล้กว่าเดิมก่อนจะหายไปอีก
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอย่างแยกไม่ออกว่ากำลังตื่นกลัวหรือดีใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงนี้กันแน่...ไม่สิ...ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดีใจ...เพราะหากผู้ชายคนนั้นมาตามหาเขาจริง
ก็คงไม่พ้นจะมาทำร้ายอะไรเขาอีก
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนหันไปหันมา
เรียวขาก้าวถอยหนีอย่างหวาดผวา ทว่า
แผ่นหลังบางกลับปะทะเข้ากับแผงอกแข็งแรงของใครบางคนเข้าเสียก่อน
แค่กลิ่นกายที่โชยเข้าจมูกมาก็ทำให้ใบหน้าได้รูปถึงกับชะงัก
นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมองคนที่เข้ามาประชิดตัวอย่างกล้าๆกลัวๆ...เส้นผมสีทองพลิ้วไหวน้อยๆที่ล้อมกรอบใบหน้าหยิ่งทระนงที่ก้มลงมองเขาด้วยสายตาเหยียดๆ...ไม่ผิดแน่...ร่างกายสูงใหญ่ที่ยืนขวางเขาไว้คือคนที่ทำร้ายเขาในคืนนั้นแน่ๆ
“
สเลน...”
ร่างโปร่งบางสะบัดตัวหนีทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้เอ่ยปาก
ฝ่ามือที่หมายจะจับต้นแขนจึงคว้าได้เพียงอากาศ
ความกลัวที่ฝังอยู่ในหัวใจทำให้สองขาวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที
“
เดี๋ยว! สเลน!”
สองหูปฏิเสธที่จะรับฟังเสียงเรียกที่อยู่ข้างหลัง
ร่างโปร่งบางวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตากลับไปที่รถ ไม่รู้เลยว่าวิ่งฝ่าฝูงชนมาจนถึงตรงนี้ได้ยังไง
ไม่รู้เลยว่าใครต่อใครจะมองขนาดไหน ไม่รู้ ไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะทั้งวิ่งตาม ทั้งตะโกนเรียกเขาราวกับคนบ้า
รู้อยู่เรื่องเดียวคือต้องหนี....ต้องหนีจากผู้ชายที่เอาแต่รังแกเขาคนนั้น
ความกลัวทำให้มือไม้สั่นไปหมด
กว่าจะหารีโมทรถเจอ กว่าจะละล่ำละลักกดผิดกดถูกจนเปิดมันได้ก็ใช้เวลาไปไม่ใช่น้อย
และเพราะแบบนั้นคนข้างหลังจึงวิ่งตามทันจนได้
ปัง!
ประตูหน้ารถที่มือบางกำลังจะเปิดถูกกระแทกปิดไปโดยมือใหญ่
ยังไม่ทันจับต้นชนปลายหายมึนงงร่างโปร่งก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปที่เบาะหลังก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังตามมาติดๆ
“
คุณ...”
นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างเมื่อรับรู้ว่าที่ตัวเองวิ่งหนีมานั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยในเมื่อตอนนี้CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่กำลังคร่อมเขาอยู่บนเบาะหลังในรถของเขาเอง!
“
คิดว่าหนีไปแล้วเรื่องจะจบหรือไง? จะบอกอะไรดีๆให้เอาไหม?..ตอนนี้เจ้าเอลวินมันรู้แล้วว่าเธอก็นอนกับชั้น
ฉลาดๆอย่างมันคงไม่เอาเธออีกแล้วละ” คนที่อยู่ใต้ร่างแทบช็อคกับคำพูดของอีกฝ่าย...เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าผู้ชายคนนี้ก็แค่มาตามหาเหยื่อเพื่อเอากลับไปทารุณกรรมต่อ...ไม่ได้ห่วงใย
ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว
ริมฝีปากสีระเรื่ออ้าออกราวกับคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ
ทั้งๆที่อยากจะตัดพ้อต่อว่ามากมายแต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาได้เลย
มีเพียงเสียงครางอย่างเจ็บปวดเปล่งออกมาเบาๆ
หัวใจถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะประคองสติไม่อยู่
ลมหายใจเริ่มติดขัดจากความกลัวที่ผสมผสานไปกับความเครียด
ร่างกายที่พยายามถอยหนียิ่งรับรู้ว่าตนถูกขังอยู่กับผู้ชายใจร้ายคนนั้นในพื้นที่แคบๆและไม่ว่าจะหนียังไง
จะมองไปทางไหนก็เห็นเพียงอ้อมแขนที่ล้อมกรอบตนไว้ราวกับกรง ภาพของคืนนั้นค่อยๆย้อนกลับมาเหมือนฟิล์มที่กำลังฉายซ้ำ
ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรงเพราะทุกอณูยังจนจำรสชาติของความเจ็บแทบตายในคืนนั้นได้
“
อย่า....”
สองแขนยกขึ้นปัดป้องและผลักไสคนที่คร่อมทับอยู่ให้ออกไป
ร่างโปร่งบางทั้งสั่นกลัวทั้งดิ้นพล่านต่อต้านจนเหมือนกับคนที่กำลังเสียสติ
หรือไม่ก็กลัวสุดขีด...
“
สเลน?” CEOหนุ่มพยายามจับข้อมือบาง
ทว่า แรงขัดขืนที่เหมือนกับว่าเด็กตรงหน้ากำลังคลุ้มคลั่งนั้นก็ทำให้จับไม่อยู่
“
อย่า!! ไม่! ไม่เอา! อย่าทำผม! ไม่! ไม่!!!” ใบหน้าได้รูปสะบัดไปมาทั้งๆที่หลับตาแน่น
ทั้งแขนทั้งขาดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายจนแทบจะผลักเขากระเด็น
“
สเลน...” ร่างสูงใหญ่ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีรวบตัวอีกฝ่ายเอาไว้
อาการไม่ปกติของเด็กนี่ทำให้เขาตกใจไม่น้อย
“
สเลน...”
ถึงจะพยายามเรียกด้วยเสียงนุ่มนวล ทว่า คนที่ถูกจับกุมก็ยังดิ้นไม่หยุด
ริมฝีปากสีระเรื่อกรีดร้องอย่างน่าสงสาร ร่างโปร่งกระตุกหลายครั้งราวกับกำลังสะอึก
ลมหายใจหอบถี่หนักหน่วงทำให้เขาเริ่มเป็นห่วง...อาการแบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้วไม่ใช่หรือไง?
นี่เขา...ทำอะไรลงไป...เด็กนี่ถึงได้เป็นขนาดนี้...
“
สเลน...สเลน!”
ร่างโปร่งกระตุกอีกหลายทีก่อนจะแน่นิ่งไป นัยน์ตาสีฟ้าถึงกับเบิกกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจแทบจะหล่นวูบ
สองมือเขย่าไหล่บางแต่คนตรงหน้าก็ไม่ลืมตาขึ้นมามองเขาอีก
“
สเลน!” เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรไป?
จู่ๆก็ช็อคจนสลบไปต่อหน้าทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร
ร่างสูงใหญ่รีบเปิดประตูรถก่อนจะอุ้มร่างโปร่งบางออกไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปหันมา...เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่อิตาลีจึงไม่ใช่ที่ที่เขาคุ้นเคย
ท่อนแขนแข็งแรงจึงอุ้มคนที่ยังไม่ได้สติก่อนจะพยายามโบกแท็กซี่ที่ไม่มีคันไหนยอมจอดเพราะคิดว่าเขากำลังมีเรื่องและกลัวว่าจะเดือดร้อนไปด้วย
โธ่โว้ย!!
ท่อนแขนแข็งแรงวางร่างโปร่งลงที่ข้างรถ
เพราะหัวใจที่กำลังร้อนเป็นไฟทำให้ร่างสูงใหญ่กระโดดออกไปขวางแท็กซี่คันหนึ่งซึ่งกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว
เอี๊ยดดดดดดด!!!
เสียงเบรกดังลั่นก่อนที่กลิ่นยางไหม้จะตามมา
กันชนหน้ารถหยุดอยู่ที่ต้นขาของเขาพอดีแบบเส้นยาแดงผ่าแปด...บอกตามตรง...เขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเสี่ยงตายเพื่อใครได้ขนาดนี้
“
ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด!”
คนขับแท็กซี่ที่หันมามองอย่างหวาดๆและคงตั้งใจจะปฏิเสธเขา ทว่า แบงก์50ปอนด์จำนวน4ใบก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
“
ไปเร็ว!” แท็กซี่ทะยานออกไปด้วยความรีบร้อนเมื่อเขาอุ้มสเลนขึ้นรถเรียบร้อย
คนขับคงไม่คิดหรอกว่าเขาจะเป็นถึงCEOของค่ายรถยักษ์ใหญ่ในอิตาลี
แต่คงคิดว่าเขาเป็นมาเฟียเสียมากกว่า
ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงมองคนที่หนุนอยู่บนตักด้วยความกังวล
มือใหญ่ลูบผมสีชาออกจากใบหน้าได้รูป...เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาทำร้ายจิตใจเด็กนี่เลย...แต่เป็นเพราะความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายวิ่งหนีทำให้เผลอพูดแบบนั้นออกไป
เขาไม่ได้ตั้งใจ...ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้เลย...
เตียงคนไข้ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินซึ่งร่างสูงใหญ่ทำได้แค่ยืนมองอยู่ภายนอก
“
คุณคะ? คุณเป็นญาติคนไข้หรือเปล่าคะ?”
พยาบาลเดินเข้ามาถามด้วยความเร่งรีบ...หากเด็กนั่นฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขาก็คงไม่ดีใจหรอก
เพราะงั้นเขาจึงบอกออกไปว่า
“
ไม่ใช่ครับ...ผมแค่เจอเขาเป็นลมอยู่...ก็เลยพามาส่ง...นี่เป็นทะเบียนรถของเขา
น่าจะหาชื่อเจ้าของได้ไม่ยาก...ผมขอตัวนะครับ...”
เขาหันหลังเดินจากมาโดยไม่สนใจว่าพยาบาลจะพยายามถามชื่อของเขาเอาไว้เพื่อบอกกับญาติของเด็กนั่นในฐานะพลเมืองดี...เพราะจริงแล้วมันไม่ใช่...
คนที่ทำให้สเลนเป็นแบบนั้น...มันก็คือเขาทั้งหมด
CEOหนุ่มของเฟอร์รารี่ทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องสวีทหรูหราของโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากย่านเคนชิงตัน
ที่ตั้งของบ้านซาสบาร์มมากนัก
ใบหน้าหยิ่งทระนงนิ่งค้างอย่างเหม่อลอย
น้อยครั้งที่เขาจะตกอยู่ในสภาวะแบบนี้...เด็กนั่นกลัวจนถึงขั้นเป็นลม...มันจะเป็นแผลที่ใจขนาดไหนกัน
แค่จะเข้าใกล้ยังไม่ได้แล้วจะให้ง้อยังไง...คิดไม่ออกเลย
ตรู้ด....ตรู้ด....
เสียงโทรศัพท์ทำให้ใบหน้าที่ยังเหม่อๆกดรับแบบไม่ได้ใส่ใจนัก
“
ครับ?”
“
คุณครูเทโอ...”
คนที่โทรมาคือเลขาส่วนตัว
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว...โทรมาเอาป่านนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“
มีอะไร?”
“
คุณครูเทโอ...แย่แล้วครับ...เมื่อกี้ฝ่ายขายโทรมาแจ้งว่าจู่ๆหุ้นของเฟอร์รารี่ก็ตกฮวบ
กำลังหาทางแก้กันอยู่แต่ก็ยังไม่รู้แม้แต่สาเหตุ...ก็เลย....” หุ้นตก?
จะบอกว่าหุ้นที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตกเนี่ยนะ? ใครมันจะไปเชื่อลง!
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีสัญญาณเตือนมาก่อนเลย...ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองถอนหายใจ...เรื่องสเลนเขาก็ยังไม่รู้จะทำยังไง
แล้วไหนจะเรื่องงานที่จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้อีก!
คิ้วสีทองขมวดเข้าหากัน
ไม่อยากจะช่างน้ำหนักเลยว่าเรื่องไหนสำคัญกว่า ทว่า เสียงทุ้มก็ต้องเอ่ยสั่งออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“
บอกทุกคนที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้...ชั้นจะไปถึงมาราเนลโลตอนพระอาทิตย์ขึ้นและชั้นต้องเห็นทุกคนอยู่ในห้องประชุม!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แอร๊...ตอนนี้ช้าเพราะว่าต้องหาข้อมูลของอังกฤษยุคปัจจุบันเพิ่มค่ะ5555
// แถ // โดนตบ
แล้วก็ๆๆ
มีคนส่งรูปแฟนอาร์ตของตอนที่แล้วมาให้ค่ะ งื้อออออออ ปลื้มจนจิลอยไปดาวอังคารอยู่แล้วเนี่ยฟฟฟฟฟฟฟ
>/////<
เวลาที่ได้รู้ว่ามีคนอ่านฟิคงงๆนั่นแล้วชอบจนอยากวาดเป็นรูปออกมามันน่าดีใจสุดๆเลยอ่ะ
>////< ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะ
เริ่มจากของน้อง
Jidapa
ก่อง วาดสามสาว(?)ของค่ายม้าลำพองมาให้ค่ะ...*q*...อ้าปากอมให้หมดเรยฟฟฟฟฟฟ
แล้วก็ฉากงานเลี้ยงที่สเลนไปยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงจากน้อง Lilinth De Alicasia (เอิ่บ
เจ้าชื่ออะไรนะ ลืมถาม คุยกันซะยืดยาว555) ระยิบระยับมาก ง๊ากกกกก >/////<
จะเอา~~
มีแถมมาจากน้อง
Lilinth
De Alicasia อีกสองภาพ...คือคุณCEOคะ
เห็นสเลนทำอัลไลก็ไม่ต้องทำเป็นเพื่อนซะทุกอย่างก็ได้ค่ะ 5555555555555+
กลับไปใส่สูทถือแส้(?)เหมือนเดิมเต๊อะ...แบบนี้?
=w=
ขอบคุณทั้งสองท่านมากๆๆเลยนะคะ
ปริ่มมากอ่ะ งื้อออออ >//////<
แล้วก็ขอขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์ด้วยนะก๊า
เหมือนจะมีคนถามว่าตัวละครปริศนาที่ว่านั่นเป็นใคร ใช่โฮะหรือเปล่า....อืม...เอายังไงดีน้า... :v
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
วั่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย เขินนนนนน มีรูปตัวเองด้วยยยยย >>ฉากที่สเลนยืนอยู่ระเบียง นั่งโง่กว่า2-3วัน จนพึ่งรู้วิธีเคลือบเงาทับเลเยอร์เท่านั้นแหละค่ะ อยากจะวิ่งไปสไลด์แล้วร้องไห้ทั้งน้ำตาว่า ที่โง่มาตั้ง2-3วัน คืออัลไรรรรรรรรรรรรรร T - T
ตอบลบฮืออออ สงสารน้องสเลน ท่าทางจะกลัวจัดจริงๆนะคะเนี่ย
ตอบลบคุณครูเทโอ้นี่ก็หึงไม่ลืมหูลืมตา โอ้ยย พาลคนอื่นไปทั่ว
บอสคะ บอสต้องไปเคลียร์ให้หนูสเลนนะคะ ปกป้องหนูสเลนด้วย
อยากรู้จังว่าถ้าคนในทีมรู้จะเป็นยังไง คุณครูเทโอ้โดนถล่มแน่ๆเลย
ว่าแต่คุณครูเทโอ้จะไปง้อยังไงคะเนี่ย แอบสงสัยเหมือนกัน
งานนี้ท่าทางจะยาก เข้าทางคุณพ่อไม่ได้ เข้าทางบอสยิ่งยาก
หางานใส่ตัวเองอีกแล้วค่าาาา
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นค่ะเรื่องนี้ แบบว่าอ่านไปอ่านมาหลายรอบ ฮาาา
ตอนต่อไปก็สู้ๆเช่นเดิมนะคะ
หยั่งก่ะอาเบะเลยภาพสุดท้าย55+
ตอบลบ