Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and SILVER#06


Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059]  GLIDE : WHITE and SILVER#06

For HBD. Count Cruhteo

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         




มันต้องไม่ใช่ความรัก...


ไม่มีทาง...

ไม่มีทางที่จะเป็นความรักไปได้...


ถึงแม้ว่าเขาจะชอบผู้หญิงอ่อนโยน เรียบร้อย น่ารัก ว่านอนสอนง่าย...แต่เด็กนั่นมันเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง!


ก็แค่อยู่ใกล้กันมากเกินไป ความใกล้ชิดมันเลยทำให้เขาสับสน

คงต้องเว้นระยะห่างให้มันกลับไปเท่าเดิม กลับไปเป็นแค่เด็กข้างบ้านที่น่ารำคาญเหมือนเดิม...ก่อนที่อะไรๆมันจะถลำลึกไปมากกว่านี้...เขาเป็น CEO ของเฟอร์รารี่...ไม่มีทางที่จะคบกับเด็กนั่นที่เป็นผู้ชายด้วยกันได้หรอก กรอบสังคมของเขามันกำหนดเอาไว้แล้ว...อีกอย่างเด็กนั่นก็ไม่ใช่ธรรมดา มีหน้ามีตาของครอบครัวค้ำคออยู่เหมือนกัน


ไม่มีทาง...ไม่มีทางจะเป็นไปได้เลย



เก้าอี้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอิตาลีเลื่อนถอยหลังเมื่อคนที่นั่งมาทั้งวันค่อยๆลุกขึ้น ทั้งๆที่งานกองท่วมหัวแต่วันนี้CEOหนุ่มกลับไม่มีสมาธิจะทำงานเหมือนทุกๆที ใบหน้าหยิ่งทระนงหันกลับไปมองแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆลาลับขอบฟ้า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมาทั้งวันนั้นดูเหมือนจะไม่ยอมหายไปง่ายๆเลย

มันเป็นความรู้สึกที่คนอย่างเขาไม่เข้าใจเพราะไม่เคยเจอมาก่อน...

ถ้ารู้สึกชอบใจใครสักคนก็จะเดินหน้าจนได้มาครอบครอง...ไม่เคยต้องปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองแบบนี้

“ .......”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองถอนหายใจก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าจะเหลือบไปมองกล่องข้าวรูปหมีสีขาว มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้อง


คงมีแต่ต้องเอาไปคืน...


ทั้งกล่องข้าวนี่...ทั้งความรู้สึกที่มีให้แก่กัน




รถประจำตำแหน่งผู้บริหารของเฟอร์รารี่แล่นเข้าไปจอดในโรงจอดรถ แต่แทนที่CEOหนุ่มจะเดินเข้าบ้านของตัวเองร่างสูงใหญ่กลับถือกล่องข้าวเดินไปยังบ้านข้างๆแทน

ประตูรั้วเหล็กถูกเปิดออกก่อนที่มือใหญ่จะวางกล่องข้าวลงไปที่ข้างบานประตูไม้ นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองโรงจอดรถที่ว่างเปล่า...เจ้ารถเต่าสีเหลืองอ่อนนั่นไม่อยู่แสดงว่าเด็กนั่นยังไม่กลับมาสินะ...

ไม่สิ...จะว่าว่างเปล่าก็คงไม่ใช่ เพราะมีรถที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่ด้านหน้าโรงจอดรถ?!

BMW 6 Series สีดำคันนี้ของใครกัน?

ไม่น่าจะเป็นของบ้านเยเกอร์ เพราะเท่าที่จำได้บ้านนี้ใช้อัลฟ่าโรเมโอกับโรลส์-รอยซ์?

นัยน์ตาสีฟ้าตวัดกลับมาจ้องมองประตูบ้านอย่างสงสัย  เข้ามาจอดข้างในนี้ได้คงไม่ใช่ขโมยแต่เป็นคนที่สเลนยินยอมให้เข้ามา?

แล้วคำตอบที่ไขทุกความข้องใจก็เป็นฝ่ายเปิดประตูออกมาเองโดยที่มือใหญ่ยังไม่ทันจะได้เคาะ

“ คุณสเลนกลับมาแล้วเหรอครับ?....อะ......”   ผู้ชายร่างสูงโปร่งทำให้CEOหนุ่มถึงกับผงะไป...ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้กรอบผมสีดำนั้นไม่ใช่คนที่เขารู้จักแน่นอน...อีกฝ่ายเรียกสเลนว่า “คุณสเลน” แทนที่จะเป็น “คุณทรอยยาร์ด” นั่นแปลว่าผู้ชายตรงหน้ารู้จักสเลนดีพอสมควรเลยสินะ

หมอนี่เป็นใครกัน? แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับเด็กนั่น?

“ เอ่อ...ขอโทษนะครับ...ผมนึกว่าคุณสเลนกลับมาแล้ว...ว่าแต่...คุณเป็นใคร? แล้วเข้ามาได้ยังไงครับ?”   คำถามที่อยู่ในใจเขากลับเป็นอีกฝ่ายที่ถามออกมา...ถามว่าเขาเป็นใครงั้นเหรอ?

นั่นสิ...

เขาเป็นอะไรกับเด็กนั่นกันล่ะ?

“ คนข้างบ้าน”   ริมฝีปากเอ่ยออกไปด้วยเสียงแข็งๆ ไม่รู้ว่าทำไมภาพของสเลนที่กำลังคุยโทรศัพท์ไปยิ้มไปถึงได้ฉายชัดขึ้นมาในหัว....บางที...คนที่เด็กนั่นคุยด้วยอาจจะเป็นผู้ชายคนนี้ก็ได้

ร่างสูงใหญ่ตวัดตัวหันหลังกลับอย่างรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ CEOหนุ่มก้าวขาเดินจากมาท่ามกลางเสียงตะโกนรียกอย่างสงสัยจากผู้ชายที่เขาไม่รู้จักคนนั้น...หมอนั่นจะเป็นอะไรกับสเลนก็ช่าง มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!




เสียงรถยนต์ที่หยุดอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านทำให้ร่างสูงโปร่งละจากแผ่นหลังกว้างของคนที่อ้างว่าเป็น “คนข้างบ้าน” เพื่อหันไปมอง  ประตูรั้วเปิดออกอัตโนมัติด้วยรีโมทแล้วไม่นาน Volkswagen New Beetle Cabriolet สีเหลืองอ่อนก็แล่นช้าๆเข้ามาจอดในโรงจอดรถ

“ คุณสเลน....”   ใบหน้าเรียวยิ้มรับคนที่เพิ่งก้าวขาลงมาจากรถเต่า ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชามีสีหน้าเหนื่อยๆแต่ก็ยังยิ้มให้คนที่ยืนรออยู่

“ ฮาร์กไลท์~...เหนื่อยสุดๆเลยครับวันนี้~ สงสัยว่าเอเลนจะทะเลาะกับคุณรีไวเพราะไม่ได้นอนมาหรือไงนี่แหละ? เลยเอามาลงกับการซ้อมจนไม่ยอมให้ผมหยุดพักเลย ขับไม่ได้หยุดแทบจะหมดแรงแน่ะ~”   ร่างโปร่งบางเดินอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามาหา ถึงแม้ว่าจะบ่นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลๆนั่นแต่ใบหน้าสวยก็ยังยิ้มแย้มทำให้ร่างสูงโปร่งยิ้มรับด้วยความเอ็นดู

ชื่อของเขาคือฮาร์กไลท์ เขาเป็นเลขาของหัวหน้าตระกูลซาสบาร์ม แต่ตั้งแต่ที่คุณสเลนเข้ามาอยู่ในบ้าน เขาจึงได้รับหน้าที่ให้ดูแลคุณหนูเพียงหนึ่งเดียวคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะงั้นเขาจึงเป็นเพียงคนเดียวที่เด็กหนุ่มตรงหน้ากล้าเอ่ยปากบ่นด้วย กับคนอื่นคุณสเลนมักจะทนเก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่ยอมบอกสิ่งที่ตนคิดหรือไม่ชอบออกไปต่อให้ถูกรังแกแค่ไหนก็ตาม

“ ว่าแต่ยังไม่กลับอีกเหรอ? เดี๋ยวก็ถึงบ้านดึกหรอก”   นัยน์ตาสีดำทอดมองเจ้านายตัวน้อยที่กำลังยื่นตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ในรถเต่า...ตอนที่เขารู้ว่าคุณสเลนอยู่ในอิตาลีกับทีมแข่งรถเฟอร์รารี่เขาก็แทบจะพุ่งออกมาจากอังกฤษในวินาทีนั้นเสียให้ได้...ทั้งๆที่เขาตั้งใจจะมาอยู่รับใช้แต่คุณสเลนกลับปฏิเสธเหตุผลเพราะว่าที่นี่เป็นบ้านของเพื่อนร่วมทีม  คุณสเลนเกรงใจเจ้าของบ้านหากจะให้เขามาอาศัยที่นี่ด้วยอีกคน...เขาเลยขอแค่อยู่ทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านให้ในตอนที่คุณสเลนออกไปฝึกซ้อม แล้วตอนเย็นค่อยกลับ

“ ไม่เป็นไรครับ เพราะผมคิดว่าจะอยู่ที่อิตาลีอีกสักพักจนกว่าผมจะวางใจให้คุณสเลนอยู่คนเดียวได้...ท่านซาสบาร์มอนุญาติแล้วด้วยครับ”

“ เอ๋? ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้...ละมั้ง? แหะแหะ”   ใบหน้าอ่อนโยนหัวเราะเบาๆ...ถึงเจ้าตัวจะบังคับให้เขาเลิกเรียกแต่ยังไงคนตรงหน้าก็คือคุณหนูที่เขาเฝ้าทะนุถนอมดูแลมาอย่างดี เพราะงั้นตอนที่หนีออกจากบ้านเขานี่แทบจะเป็นบ้า ทั้งออกตามหาไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นอาทิตย์  ทั้งกินไม่ได้เพราะห่วงคนตรงหน้ายิ่งกว่าใคร กลัวจะถูกล่อลวงไปในที่ที่อันตราย กลัวว่าจะต้องไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน กลัวว่าจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของคนอื่น

“ แล้วจะพักที่ไหนล่ะ?”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเงยขึ้นมาถามเขาด้วยความห่วงใย

“ อยู่โรงแรมครับ คุณสเลนมีอะไรก็เรียกใช้ได้เลยนะครับ”   เจ้านายตัวน้อยพยักหน้าให้

“ ขอบคุณนะฮาร์กไลท์”

“ แน่ใจนะครับว่าจะไม่ให้ผมบอกเรื่องบ้านกับท่านซาสบาร์ม? ผมว่าซื้อใหม่ไว้ที่อิตาลีสักหลังไม่ดีกว่าหรือไงครับ? ไม่เห็นต้องรออนุมัติจากเฟอร์รารี่อะไรนั่นเลย”   จู่ๆร่างโปร่งบางก็ชะงักไปกับคำถามของเขา ใบหน้าน่าเอ็นดูก้มลงหลบสายตาก่อนจะเหลือบมองไปบ้านข้างๆอย่างลืมตัว....บ้านข้างๆ?    

“ อย่าบอกคุณพ่อเลยครับ ผมไม่อยากรบกวน....อีกอย่าง...ผมก็อยากอยู่ในทีมแบบคนทั่วๆไป ไม่อยากทำตัวโดดเด่น เพราะงั้นทำตามขั้นตอนของเฟอร์รารี่ไปดีกว่า...”   เขาจ้องมองใบหน้าได้รูปที่เงยขึ้นมาสบตาด้วยท่าทางราวกับว่ากำลังแก้ตัว....เหมือนจะมีเหตุผลมากกว่าที่ว่ามานั่นเลย?...เพราะว่าเขาดูแลอีกฝ่ายมานาน การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าแค่แว่บเดียวเขาก็ดูรู้...ว่าที่คุณสเลนยังอยู่ที่นี่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

แต่มันคืออะไรกันล่ะ?

“ ครับ...ถ้างั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อน...คุณสเลนจะได้พักผ่อน”   เขาเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ วันนี้ยอมถอยก่อนก็ได้เพราะถึงคุณสเลนจะหัวอ่อนแต่บทจะดื้อขึ้นมานี่ใครก็เอาไม่อยู่...ส่วนสาเหตุทั้งหมดนั้นเขาจะต้องรู้ให้ได้ในวันหลัง






รถสีดำแล่นออกจากบ้านไป ใบหน้าได้รูปถึงได้นึกทบทวนกับคำถามของฮาร์กไลท์เมื่อกี้

นั่นสิ...ทำไมถึงไม่คิดจะซื้อบ้านใหม่เองทั้งๆที่ถ้าจะทำก็ทำได้ ทุนส่วนตัวของเขาก็มีอยู่แท้ๆ 


ก็แค่ไม่อยากย้ายไปจากที่นี่?


เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม...ทั้งๆที่ตอนแรกยังกลัวแทบตายกับการต้องกลับบ้านมาในแต่ละวัน...แต่ตอนนี้กลับไม่อยากย้ายไปไหนซะงั้น...

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปยังหน้าต่างของบ้านข้างๆ แสงไฟสว่างออกมาจากด้านในบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว

ไม่อยากย้ายไปไหน....เพราะอะไรกันแน่นะ....


นักขับมือสองของเฟอร์รารี่ลากตัวเองออกมาจากห้วงของความคิดก่อนที่ร่างโปร่งจะก้าวขาเตรียมตัวเข้าบ้าน ทว่า กล่องข้าวรูปหมีที่วางอยู่ข้างประตูก็ทำให้เขาต้องก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา น้ำหนักที่เบาโหวงทำให้เผลอยิ้ม...คุณครูเทโอกินหมดเลยสินะ

ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้าจากการซ้อมโหดกลับสดชื่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ สองขาก้าวเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปยังห้องครัว ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า “ทำอาหารๆ” เพราะฉะนั้นใช้เวลาไม่นานอาหารมื้อเย็นจึงเสร็จพร้อมทาน

อกไก่อบราดซอสถูกตกแต่งด้วยผักสีเขียวชิ้นเล็ก คนทำละออกมามองมันอย่างภาคภูมิใจก่อนจะยกจานทั้งสองใบเพื่อเดินไปบ้านข้างๆตามความเคยชิน...ทว่า...เมื่อร่างโปร่งมายืนอยู่หน้าประตูเหล็ก ใบหน้าได้รูปก็ถึงกับแสดงความแปลกใจออกมา

เอ๋?...ทำไมถึงมีแม่กุญแจล็อคอยู่ล่ะ? คุณครูเทโอไม่ให้เขาเข้าทางนี้แล้วหรือไง?

จานทั้งสองใบถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวตัวเดิมก่อนที่ร่างโปร่งบางจะเดินออกไปกดออดที่รั้วหน้าบ้านของCEOหนุ่ม...พยายามคิดในแง่ดีว่าบางทีข้างรั้วอาจจะทำอะไรอยู่อย่างเช่นฉีดยาฆ่าแมลงหรือลงแปลงดอกไม้เลยไม่อยากให้เขาเดินผ่าน...แต่ปลายนิ้วก็กดออดอยู่นาน...คนในบ้านก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิดให้เขา

ทั้งๆที่มีไฟสว่างอยู่ แล้วรถทั้งคู่ก็จอดอยู่ครบ...คุณครูเทโออยู่บ้านแน่ๆ...ถ้างั้นทำไมถึงไม่ยอมมาเปิดประตูให้เขาล่ะ?

มือบางยกขึ้นมาลูบแขนที่ถูกลมเย็นๆเล่นงาน เพราะไม่คิดว่าจะต้องออกมานานตอนนี้บนตัวเขาจึงมีเพียงเสื้อเชิ้ตลำลองของเฟอร์รารี่สีเลือดนกบางๆตัวเดียว...ปลายนิ้วเว้นจังหวะก่อนจะกดลงไปที่ออดหน้าบ้านอีกครั้ง...เอ...หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นทำให้ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นมาเปิดประตูไม่ไหว?...ไม่ใช่ว่าทำงานหนักจนเป็นลมไปแล้วนะ?! ไม่ได้การละ!

ใบหน้าได้รูปมีแววตื่นๆในขณะที่วิ่งกลับเข้ามาในบ้านของตัวเอง มือรีบควานหาโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าก่อนจะกดเบอร์ที่เขาไม่คิดว่าชาตินี้จะได้โทรหา...เบอร์ที่ร่างสูงใหญ่เคยให้เขาไว้...


ตรู้ด~~   ตรู้ด~~~


เสียงรอสายดังเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าปลายสายจะกดรับ...หรือว่าจะลุกไม่ไหวแม้แต่จะรับโทรศัพท์?

หัวใจดวงน้อยยิ่งร้อนรนหนักกว่าเก่า ใบหน้าสวยมองผ่านบานหน้าต่างไปยังบ้านข้างๆพลางครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี แต่ก่อนที่นักขับมือสองของเฟอร์รารี่จะตัดสินใจไปปีนรั้วเพื่อข้ามเข้าไป...ปลายสายโทรศัพท์ก็ยอมกดรับจนได้

“ คุณครูเทโอ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?!   เสียงลนๆกรอกลงไปด้วยความร้อนใจ แต่ปลายสายกลับเงียบไปอีกก่อนจะตอบมาสั้นๆเพียงคำเดียว

“ .............เปล่า...”   เสียงทุ้มที่ได้ยินยังคงเด็ดขาดตามปกติทำให้คนที่เป็นห่วงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ...ผมนึกว่าคุณทำงานจนเป็นลมล้มพับไปเสียอีก...เป็นห่วงแทบแย่”   ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนที่จะคุยกับผู้ชายโหดร้ายคนนั้นได้มากมายขนาดนี้แต่อารามเป็นห่วงทำให้พูดใส่อีกฝ่ายตามที่ตัวเองคิดจนได้ กว่าจะรู้ตัวว่าน่าอายก็เผลอบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าเป็นห่วง...

“ เอ่อ...อาหารเย็นเสร็จแล้วนะครับ....”   และเมื่อไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมา เขาจึงแก้เขินด้วยการเสไปเรื่องอาหารเย็นแทน

“ ไม่หิว”   ทว่าน้ำเสียงเย็นชากลับทำให้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวนิดๆกลายเป็นชาวาบไป...อีกฝ่ายตั้งใจจะตัดบทแล้วเขาก็ไม่ได้คิดไปเองเมื่อปลายสายที่กว่าจะติดได้ช่างยากเย็นนั้นจู่ๆก็ตัดทิ้งไปเสียดื้อๆ

“ อะ....”   มือได้แต่กุมโทรศัพท์อย่างทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะค่อยๆลดมันลงมา นัยน์ตาสีมรกตทอดมองโทรศัพท์มือถือที่ดับไปแล้วด้วยความไม่เข้าใจ...หรือว่าเขาไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีก? เพราะไปก่อกวนเวลาทำงานงั้นเหรอ? หรือว่ากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร? ทำไมกันล่ะ?

มีแต่คำถามวนไปวนมาอยู่ในหัว ร่างโปร่งบางทิ้งตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกินข้าว นัยน์ตาทอดมองจานอาหารสองจานอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  เพราะแบบนั้นเลยตั้งใจว่าจะรออีกสักพัก ให้CEOหนุ่มทำอะไรตรงหน้าให้เสร็จก่อนแล้วค่อยโทรไปใหม่

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองนาฬิกาที่เข็มยาวเดินผ่านมาเกือบจะชั่วโมงนึงแล้ว ริมฝีปากสีระเรื่อเผลอเม้มเมื่อก้มลงไปมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวอีกครั้ง ถึงจะกลัวๆว่าจะไปรบกวนหรือเปล่าแต่เขาก็เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะหิว มือบางจึงกลั้นใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


ตรู้ดตรู้ด~~~


คราวนี้ก็ไม่ยอมรับสายอีกเช่นกันแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งเป็นรอบที่สิบได้ ปลายสายถึงกดรับ

“ คุณครูเทโอคือ!   เสียงนุ่มละล่ำละลักบอกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตัดสายทิ้งอีก

“ .............”   ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายฟังอยู่หรือเปล่า เพราะมันมีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา

“ คือว่าถ้าหิวก็โทรมาบอกนะครับ ผมรออยู่....”   เสียงหงอยๆเอ่ยบอกปลายสายเบาๆก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัดไปและไม่ว่าจะโทรไปอีกกี่ครั้งมันก็ลงเอยที่CEOหนุ่มจงใจตัดสายทิ้งแทบจะทันทีที่โทรศัพท์ดัง

ไม่ได้ปิดมือถือหนีแต่จงใจตัดสายเพื่อให้เขารู้ว่าไม่อยากคุยด้วย...

ใจร้ายสมเป็นผู้ชายคนนั้นจริงๆ...



แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนั่งรออย่างมีความหวัง...รอ....อยู่ตรงหน้าจานอาหารสองใบที่ดึกดื่นป่านนี้มันคงจะเย็นชืดไปหมดแล้ว...






จนแล้วจนรอดเมื่อคืนคุณครูเทโอก็ไม่โทรมา อกไก่อบราดซอสจึงถูกเทลงถังขยะทั้งๆที่ยังไม่พล่องไปเลยสักนิด

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองมันด้วยสายตาละห้อย รอยแดงบนแก้มบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขารอจนเผลอฟุ้บหลับไปบนโต๊ะกินข้าว...กับอีแค่คนใจร้ายนั่นไม่ยอมมากินข้าวแถมยังทำเย็นชาใส่เขาทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้กันนะ...ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ทำไมถึงไม่ชินเสียที

“ เฮ้อ...”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาถอนหายใจก่อนจะก้าวออกจากบ้าน  แม่กุญแจยังถูกคล้องอยู่ที่ประตูเหล็กของรั้วด้านข้าง นัยน์ตาสีมรกตทอดมองมันด้วยสายตาหงอยๆ  ร่างโปร่งบางเดินเลาะกำแพงรั้วไปเรื่อยๆก่อนจะมองเข้าไปยังโรงรถของบ้านข้างๆ...รถประจำตำแหน่งไม่อยู่แล้ว...ถ้างั้นกล่องข้าวหมีในมือเขาจะทำยังไงล่ะ?

“ เฮ้อ...”   แบบนี้มันจงใจหลบหน้ากันชัดๆเลยนี่? ใช่ว่าเขาออกมาสายแต่นี่เช้ากว่าปกติด้วยซ้ำแต่คุณครูเทโอก็ยังออกไปแล้ว

ตกลงว่า...โกรธเขาอยู่จริงๆสินะ?

เขาไปทำอะไรให้อีกล่ะ?

ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


มือบางยกกระเป๋าเดินทางสีแดงสดขึ้นรถ บ่ายนี้ก็ต้องบินไปมาเลเซียแล้วแต่ความรู้สึกที่ยังค้างคาใจอยู่นี่ทำยังไงก็ไม่สามารถจะสลัดให้มันหลุดไปได้  ร่างโปร่งนั่งลงหลังพวงมาลัยโฟลคสวาเกนก่อนจะหันไปมองกล่องข้าวรูปหมีที่วางอยู่บนเบาะข้างๆ ทั้งๆที่ถูกเมินใส่แต่ก็ยังอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ กลัวว่าจะมัวแต่ทำงานจนไม่ได้กินอะไร

เพราะงั้นเจ้ารถเต่าสีเหลืองอ่อนจึงแวะเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของเฟอร์รารี่แทนที่จะตรงดิ่งไปสนามฟิโอราโนอย่างที่ควรจะเป็น...

ร่างโปร่งบางเดินไปตามทางที่เคยมาหลายครั้งด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ สองขานึกอยากจะหยุดเดินแล้วหันหลังกลับอยู่หลายรอบแต่หัวใจก็ยังพยายามข่มความกลัวนั่นเอาไว้แล้วก้าวต่อไป...เพราะยังเช้าอยู่ในส่วนออฟฟิศจึงแทบจะไม่มีคน นักขับมือสองของทีมม้าลำพองเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องCEOของเฟอร์รารี่จนได้ ใบหน้าสวยหันซ้ายแลขวา...ขนาดเลขาส่วนตัวก็ยังไม่มาเลย มือบางจึงตั้งใจจะเคาะลงไปที่ประตู

ทว่ามันกลับถูกมือใหญ่ของใครบางคนจับเอาไว้เสียก่อน

“ มาทำอะไรที่นี่?!”   ร่างโปร่งบางหันกลับไปมองก่อนจะผงะไป เพราะคนที่ทักเขาด้วยประโยคห้วนๆแบบนั้นไม่ใช่ใคร ก็เป็นคนที่เขาตามหาอยู่นั่นแหละ

“ คุณครูเทโอ....”   ในขณะที่เขากำลังตกใจ ร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูพร้อมกับลากเขาเข้าไป

“ ชั้นถาม...ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่?”   ไม่เห็นจะต้องคาดคั้นกันขนาดนั้นเลยก็ได้....เขาจึงก้มหลบสายตาดุดันนั่นด้วยท่าทางตื่นๆ คำพูดที่อยากจะพูดก็ตะกุกตะกักอย่างไม่ยอมจะหลุดออกไปจากริมฝีปากสักที

“ ผม...คือว่า...เอาข้าวกลางวันมาให้...ครับ....”   ทั้งๆที่เขากลัวขนาดนี้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะปรานีเหมือนเดิม

“ หึ! อยากจะให้คนอื่นรู้ใช่ไหมว่าเธอเป็นคนทำข้าวกล่องนี่ให้ชั้น? คิดหรือไงว่ามันจะมีผลกับอนาคตของเธอกับเฟอร์รารี่?”   แล้วคำพูดร้ายๆนั่นก็ทำให้ร่างกายรู้สึกชาวูบ ใบหน้าได้รูปเงยขึ้นไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะคิดแบบนี้อยู่จริงๆ

ทั้งๆที่เขาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นก่อนจะมองใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นด้วยแววสั่นระริก ใต้แผ่นอกซ้ายทั้งเจ็บทั้งอึดอัด....กับผู้ชายคนนี้เขาคงทำดีด้วยไม่ขึ้น

ทั้งๆที่เป็นห่วง ทั้งๆที่หวังดี...แต่มันกลับไม่มีค่าอะไรเลย

“ ขอโทษที่มารบกวนครับ...”   เขากัดฟันพูดออกไปก่อนจะหันหลังให้แล้ววิ่งหนีมา สองขารีบก้าวให้ไวก่อนที่อีกฝ่ายจะเห็นน้ำตาที่ไหลลงมาของเขา

กล่องข้าวหมีถูกวางลงไปที่เบาะข้างคนขับที่เดิมก่อนที่ใบหน้าได้รูปจะฟุ้บลงไปกับพวงมาลัย ไหล่บางสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น....เวลาอาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่ความฝันใช่ไหม?...แล้วตอนนี้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็แค่ปลุกเขาให้ตื่นจากฝันก็เท่านั้นเอง...









Sepang International Circuit คือหนึ่งในสนามที่อยู่ในทวีปเอเชียแล้วก็มักจะถูกจัดให้แข่งเป็นสนามต้นๆของปฏิทิน F1 อยู่เสมอ ถึงจะเป็นสนามที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมและไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองหลวงของมาเลเซียมากนักแต่สิ่งหนึ่งที่เล่นงานชาวยุโรปได้เป็นอย่างดีก็คืออากาศที่ร้อนชื้นนี่แหละ

CEOหนุ่มของเฟอร์รารี่ถึงได้เดินเหงื่อท่วมกายก่อนจะได้ไอเย็นที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นจากแพดด็อก ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่โซฟาหนานุ่มพลางส่ายหน้า มือใหญ่ยกขึ้นกระพือคอเสื้อเชิ้ตเพื่อระบายความร้อนออกไป...นี่เขาก็แค่เดินจากลานจอดรถวีไอพีมาที่แพดด็อกเองนะ ทำไมมันถึงร้อนได้ขนาดนี้

แล้วคนที่ต้องอยู่ในชุดนักขับทั้งวันแบบนั้นจะเป็นยังไงบ้าง...

ใบหน้าหยิ่งทระนงมองอากาศธาตุด้วยสีหน้านิ่งเฉย...ใบหน้าเศร้าหมองของเด็กนั่นในวันนั้นมันยังฝังอยู่ในใจเขา...ทั้งๆที่ทำร้ายอีกฝ่ายไปขนาดนั้นแต่ก็ยังตามมาดู...ช่างเป็นคนที่เลือดเย็นจริงๆเลยนะนายน่ะครูเทโอ...

แต่ก็อาจจะดีแล้วก็ได้...ต่างฝ่ายจะได้ต่างอยู่ ความรู้สึกที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวมันจะได้หายไปโดยที่ยังเจ็บไม่มากเท่าไหร่

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองจอโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดบรรยากาศในสนาม ภาพตัดไปที่พิตการาจสีแดงทำให้เขาได้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน...คิดไปเองหรือเปล่าว่าเด็กนั่นดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อน?

ถ้าความโหดร้ายที่เขาทำไว้ไม่ส่งผลต่อจิตใจจนกระทบต่อการแข่งก็คงดี...ถึงยังไงเขาก็อยากให้สเลนทำให้เต็มที่เต็มฝีมือที่มี เพราะถ้าเด็กนั่นโดนถอดออกจากตำแหน่งตัวจริงเพราะเขา มันคงไม่แฟร์กับเด็กนั่นเท่าไหร่

ในเมื่อคนที่เริ่มก่อน...ก็คือเขาเอง...



ใบหน้าหยิ่งทระนงละจากจอโทรทัศน์เมื่อรู้สึกว่ามีกลุ่มคนเดินเข้ามาในแพดด็อก อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่จะมีคนระดับดาราฮอลลีวูดหรือนักกีฬาระดับโลกหรือแม้แต่กษัตริย์มาชมการแข่งขันที่โซนวีไอพีแห่งนี้ แต่คนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมนักข่าวกลับทำให้CEOของเฟอร์รารี่ถึงกับเบิกตากว้าง

มาด้วยตัวเองแบบนี้คงรู้แล้วสินะว่าลูกชายอยู่กับเฟอร์รารี่ของเขา...

ชายคนนั้นคือซาสบาร์ม...พ่อของสเลน

ร่างสูงใหญ่เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีขอตัวจากบรรดานักข่าวก่อนจะเดินเข้ามาด้านในแพดด็อกและเมื่อนัยน์ตาสีม่วงเหลือบมาเห็นเขาเข้า เจ้าของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษจึงตรงดิ่งเข้ามาทักทันที

“ สวัสดีครับคุณครูเทโอ ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่เลยจริงๆ ไม่นึกว่าระดับCEOก็ต้องมาคุมทีมแข่งถึงในสนามด้วย”   มือของชายวัยกลางคนยื่นออกมาตามมารยาทเช่นเดียวกับมือของเขาที่ยื่นออกไปจับตามมารยาทเช่นกัน

“ ไม่หรอกครับ ผมก็ตามมาดูเพราะมันเป็นกีฬาเท่านั้นแหละ ยินดีที่ได้พบกันนะครับคุณซาสบาร์ม”   คำทักทายเรียบง่ายถูกเอ่ยออกไป เขาเคยเจอกับอีกฝ่ายหลายครั้งตามงานมอเตอร์โชว์บ้าง งานสังคมชั้นสูงบ้าง เพราะงั้นถึงคำพูดจะดูดีมีสกุลแต่สายตาที่ทั้งสองฝ่ายมองกันมันจึงเชือดเฉือดตามประสาคู่แข่งทางธุรกิจ

ถึงจะเป็นรถคนละประเภทแต่มันก็เป็นรถหรูที่ราคาแพงระยับเหมือนกันเพราะงั้นต่างฝ่ายต่างก็ถือเป็นคู่แข่ง

ซาสบาร์มเป็นตระกูลที่เป็นเจ้าของรถยนต์นั่งสุดหรูสัญชาติอังกฤษ  

ใช่...ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้....ว่าสเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ดเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลผู้ผลิตโรลส์-รอยซ์รถยนต์หน้าตาโบราณที่ใช่ว่าใครก็จะสามารถครอบครองได้นั่น


“ ที่นี่น่าตื่นเต้นจังเลยนะคะ...อยากเห็นสเลนในชุดนักขับของเฟอร์รารี่เร็วๆจัง”   ดูเหมือนเจ้าของโรลส์-รอยซ์จะไม่ได้มาคนเดียวแต่เสียงใสที่ดังขึ้นข้างกายซาสบาร์มทำให้CEOหนุ่มหันไปมอง เด็กสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังหันมองรอบกายอย่างตื่นเต้น และเมื่อกวาดตามองเห็นว่าเขามองอยู่ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองนั่นจึงหยุดยิ้มให้

“ นี่คุณครูเทโอ CEOของเฟอร์รารี่”   ซาสบาร์มเป็นคนแนะนำเขาให้เด็กสาวคนนั้นรู้จัก ใบหน้าสวยตาโตก่อนจะยิ้มรับ...มันช่างเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนทำให้นึกถึงสเลนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

“ สวัสดีค่ะ...อัสเซลัม อัลลูเซียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดีใจจังที่ได้เจอคุณ คงจะดูแลสเลนให้เป็นอย่างดีเลยสินะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ”   คำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กสาวมีแต่จะทำให้เขายิ้มเฝื่อนๆ ในเมื่อสิ่งที่เขาทำมันตรงข้ามกับที่พูดมาทั้งหมดต่างหาก

ว่าแต่...เด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน? เพราะแทนที่คนที่ต้องขอบคุณเขาจะเป็นพ่ออย่างซาสบาร์ม แต่เด็กสาวคนนี้กลับขอบคุณแทน

ราวกับว่าเป็นคนในครอบครัวอย่างนั้น....

“ นี่คุณหนูอัสเซลัม ลูกสาวของผู้บริหารในเครือ BMW ที่ตอนนี้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรลส์-รอยซ์อยู่”    แล้วทุกความสงสัยของเขา ซาสบาร์มก็เป็นคนตอบให้เมื่อชายวัยกลางคนแนะนำเด็กสาวที่มาด้วยกันต่อ...อย่างงี้นี่เอง...ที่มีข่าวมานานแล้วว่า BMWสนใจจะซื้อกิจการของโรลส์-รอยซ์ก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอยสินะ ในเมื่อระดับผู้บริหารดูจะสนิทกันขนาดนี้  เพราะถึงจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจแต่ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้เลยนี่

“ ขอไปดูตรงนั้นหน่อยนะคะ น่าจะเป็นพิตของเฟอร์รารี่? อยากเห็นสเลนจัง....”   เด็กสาวหันมาบอกด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนที่ร่างระหงจะเดินไปเกาะรั้วที่สามารถมองลงไปเห็นพิตของทีมม้าลำพองได้ ใบหน้าสวยที่พยายามชะโงกออกไปมองหาสเลนกับท่าทางดีใจที่จะได้เจอทำให้เขาพอจะรู้ว่าทั้งคู่น่าจะรู้จักกันดี...เผลอๆจะสนิทกันด้วยซ้ำ

แล้วจู่ๆ...เรื่องแหวนประจำตระกูลที่สเลนเคยถามเขาก็ลอยเข้ามาในหัว

หรือว่าที่บอกว่ากำลังจะหมั้น....อาจจะเป็นเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ได้?

เพราะจะว่าไปแล้วเด็กสาวก็ดูเหมาะสมกับสเลนทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนโยนใจดีเหมือนกัน ฐานะ ชาติตระกูล แถมยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันอยู่อีกด้วย

ถ้าเด็กสาวคนนี้คือตัวจริง...แล้วถ้างั้นผู้ชายที่อยู่ในบ้านเมื่อคืนก่อนนั้นล่ะ?

แล้วเขาล่ะ?

หว่านสเน่ห์ไปทั่วเลยสินะ  เห็นหน้าซื่อๆแบบนั้นร้ายไม่เบานี่

CEOหนุ่มถึงกับกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะนั่งจ้องเขม็งไปที่หน้าจอโทรทัศน์ที่ตัดภาพไปที่พิตการาจสีแดงพอดี...ทำไมถึงได้รู้สึกราวกับมีไฟกองใหญ่มันสุมอยู่ในหัวใจขนาดนี้กันนะ...ไม่พอใจ...ไม่ชอบใจ...แค้นจนอยากจะบีบคอให้ตายแต่ก็ทำได้แค่เก็บทุกความรู้สึกลงไป....ทำอะไรไม่ได้...ในเมื่อเขากับเด็กนั่น เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว!







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





เปิดตัวตัวละครอีกสองตัวจาก A/Z เพื่อสีสันความรักของท่านเคานต์ค. ก๊ากๆๆๆ // โดนไม้เท้าฟาด // เปลี่ยนเรื่องมาดูรถที่ท่านเคานต์ค.กับน้องสเลนใช้ในเรื่องกันดีก่า

คันนี้คือ Volkswagen New Beetle Cabriolet ที่สเลนใช้ค่ะ...นะ...เจ้ารถเต่าต้นเหตุที่ไปเสยรั้วบ้านคุณท่านเคานต์ก็หน้าตามุ้งมิ้งน่ารักแบบนี้แหละ รู้สึกเข้ากับสเลนมากๆยังไงไม่รู้เนอะ >////<






ส่วนนี่ก็ Ferrari 458 Italia ของคุณครูเทโอ ความปราดเปรียวจะดูน้อยกว่าของก๊กกับคุณรีไวแต่สีขาวคันนี้ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามมากกว่าก็เลยเลือกให้คุณท่านซะเลย อิอิ








แล้วเจอกันตอนหน้านะก๊า ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆค่า ^ ^





4 ความคิดเห็น:

  1. ฮืออ สงสัยน้องสเลนจังเลยค่ะ
    คุณ CEO ผู้ใจร้ายทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง
    เดี๋ยวฮาร์คไลท์พากลับไปอย่ามาง้อนะ ฮาาา
    เรื่องแหวนก็ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้อีก
    ซึนเดะเระจริงๆนะคะพ่อ CEO อยากเก็บเธอไว้ ><

    ลุ้นมากเลยค่าว่าน้องสเลนจะได้อันดับเท่าไรแข่งรอบนี้
    แต่คุณครูเทโอ้ก็อุตส่าห์มาดู แหม่ๆ ห่วงก็บอกสิคะ

    รถของน้องน่ารักมากเลยค่ะ เหมาะมากๆ
    ส่วนของคุณ CEO ก็เฉี่ยวเหลือเกิน ม้าขาวจริงๆ

    ตอบลบ
  2. สงสารหลานสเลนขึ้นมาเลย เดี๋ยวเถอะ ท่านครูเทโอ้ เดี๋ยวต้องน้ำตาตก มาทำให้รักแล้วทำแบบนี้ แอบหมั่นไส้จริงๆ
    ความซึนเสมอต้นเสมอปลายนี้ เดี๋ยวก็มาเสียใจเองหรอก!

    หนูสเลนทำใจนะสู้นะจ๊ะ รักคนแก่ซึนต้องทำใจ /วิ่งหนีท่านเคาท์

    คุณกวางสู้ๆนะค่ะ รอติดตามผลงานต่อไปค่ะ ^^

    ตอบลบ
  3. อ่านตอนนี้หลายรอบแล้วพี่ รอตอนต่อไปอยู่เน่อ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ30 พฤษภาคม 2558 เวลา 06:34

    โอ้ยยยยยยยย ชอบแนวนี้มาก >w< แต่งต่อนะคะะ

    ตอบลบ