Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and
SILVER#05
For
HBD. Count Cruhteo
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
แฟ้มแผนการตลาดถูกโยนลงไปบนโซฟาเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าอ่านมันจนถึงหน้าสุดท้าย
โน้ตที่เขียนด้วยปากกาแดงเถือกเต็มหน้าบ่งบอกว่าวันพรุ่งนี้การประชุมกับฝ่ายการตลาดคงไม่จบไม่สิ้นง่ายๆแน่
แต่สำหรับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของเฟอร์รารี่เขาก็อยากทำให้มันออกมาอย่างไร้ที่ติ
แผนการตลาดเด็กๆแบบนี้เอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจอย่างค่ายรถหรูที่มีอยู่ทั่วยุโรปไม่ได้แน่
ปลายนิ้วยกขึ้นมานวดหัวคิ้วก่อนจะเหลือบมองกองเอกสารอีกหลายแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา
เพราะว่าแต่ละวันแค่ประชุมก็หมดเวลาจะทำอะไรแล้วเขาถึงต้องหอบมันกลับมาอ่านที่บ้านแบบนี้
บางทีเขาก็แอบคิดนะว่า ทำตัวเป็นผู้บริหารสมองกลวงที่ทำแค่เซ็นต์ไปวันๆมันจะไม่ง่ายกว่าหรือไง
“
เฮ้อ...” พักเสียหน่อยดีกว่า...
ร่างสูงใหญ่ลุกจากโซฟาที่อยู่ในห้องนอนก่อนจะกลับมาพร้อมแก้วกาแฟหอมกรุ่น
CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ไปหยุดยืนอยู่ที่บานหน้าต่างซึ่งมองเห็นบ้านข้างๆโดยไม่รู้ตัว...แรกๆเขาก็แค่มองเพราะต้องการจะจับผิดแล้วก็คอยระวังไปด้วยว่าเจ้าเด็กไม่ได้เรื่องนั่นจะทำรั้วบ้านเขาพังอีกหรือเปล่า
แต่ทำไปทำมาพอถึงเวลาพักทีไรเขากลับมายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ได้ตั้งใจทุกที
กาแฟดำถูกยกขึ้นจิบในขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าก็จับจ้องใบหน้าของคนที่อยู่ในบ้านเยเกอร์ไปด้วย
รอยแหวกของผ้าม่านโปร่งทำให้เขาเห็นว่าสเลนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่...แล้วก็คงจะเป็นใครบางคนที่ทำให้เด็กนั่นมีความสุขถึงได้พูดไปยิ้มไป...เป็นใบหน้าแบบที่ไม่เคยมีให้เขา
ฟึ่บ!
ผ้าม่านสีทองถูกมือใหญ่ปิดลงก่อนที่CEOหนุ่มจะเดินจากหน้าต่างบานนั้นมาอย่างไม่สบอารมณ์...หึ...คงจะคุยกับเจ้าเอลวินอยู่ล่ะสิหน้าแบบนั้น...หรือไม่ก็คุยกับ....คนรัก?
จริงสิ...เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเด็กนั่นเลย
ดูจากหน้าตาท่าทางอายุอานามรวมไปถึงชาติตระกูลก็ไม่น่าแปลกใจถ้าเด็กนั่นจะมีแฟนอยู่แล้ว...อาจจะเป็นเด็กผู้หญิงที่เพี้ยบพร้อมมากเลยก็ได้…
มือใหญ่คว้าแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่...เจ้าเด็กนั่นมันจะเป็นยังไงก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขา
ไม่เข้าใจเลยว่าจะไม่ชอบใจเรื่องอะไร
เธอนี่มันวุ่นวายจริงๆเลยนะ
สเลน ทรอยยาร์ด!
“
ครับ....ขอโทษจริงๆนะครับที่หนีออกมาแบบนั้น...แต่ผม........” เสียงนุ่มนวลกรอกลงไปที่โทรศัพท์มือถือ
ถึงจะเป็นคำขอโทษอย่างสำนึกผิดแต่ใบหน้าสวยกลับกำลังอมยิ้มให้คนที่อยู่ปลายสาย
“
ถ้าจะขอโทษก็ควรขอโทษที่ทำให้ชั้นเป็นห่วงมากกว่านะ...เรื่องความฝันของเธอชั้นไม่คิดจะห้ามหรอกแต่เล่นหนีไปแบบนี้คิดว่าชั้นเป็นห่วงเธอขนาดไหน?
รู้ไหมว่าฮาร์กไลท์มันออกตามหาเธอจนไม่ได้นอนเป็นอาทิตย์ๆ” เสียงของชายวัยกลางคนดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
ถึงจะเป็นคำตำหนิแต่สเลน
ทรอยยาร์ดก็รู้ดียิ่งกว่าใครว่าคนที่ปลายสายเป็นห่วงเขาอย่างที่พูดจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ดึงดันและไม่ฟังใครเรื่องที่รับเขามาเป็นลูกชายแบบนี้หรอก
“
ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้วุ่นวาย...”
เพราะฟอร์มูล่าวันนั้นมีคนติดตามอยู่ทั่วโลก
แค่ผลการแข่งขันของสนามแรกออกมาแค่สนามเดียวคนที่บ้านของเขาก็รู้ทันทีว่าเขาหนีมาอยู่กับเฟอร์รารี่...เบอร์โทรศัพท์ที่เปลี่ยนใหม่และพยายามปกปิดเอาไว้จึงรู้ถึงหูคนที่บ้านทันทีที่ทางนั้นต่อสายตรงถึงทีมบอสของเขา....แล้วตอนนี้คนที่เขากำลังคุยอยู่ด้วยก็คือ
“พ่อ” ของเขาเอง
“
ช่างเถอะ...แล้ว...จะกลับบ้านเมื่อไหร่?”
“
ขอโทษนะครับ ผมคงต้องอยู่ที่อิตาลีกับทีมไปอีกสักพัก
ตอนนี้ผมต้องเรียนรู้อีกหลายเรื่อง....”
ท้ายประโยคถูกพูดอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าคนที่ปลายสายจะไม่อนุญาต...หลังจากเงียบไปสักพักก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังตอบกลับมา
“
เฮ้อ....ตามใจ...ทั้งๆที่แค่บอกชั้นคำเดียวไม่ว่าทีมแบบไหนชั้นก็ทำให้เธอไปเป็นนักขับของทีมนั้นได้แท้ๆ
ไม่เห็นจะต้องหนีไปทำเองแบบนี้เลยสเลน”
ใบหน้าสวยถึงกับอมยิ้ม...ก็เพราะรู้แบบนั้นนั่นแหละถึงต้องหนีมาโดยไม่บอกว่าเขากำลังจะทำอะไร...เขาก็แค่อยากจะทำความฝันของตัวเองด้วยสองมือของเขา
ไม่ใช่ยืมมือของพ่อและอำนาจของตระกูลมาใช้...เขาอยากให้ทุกคนยอมรับในฝีมือของเขาไม่ใช่ยอมรับเขาที่เงิน...อยากจะกลับไปเดินเคียงข้างคุณพ่อโดยที่ไม่มีใครคัดค้านได้
แล้วก็นะ...ขนาดเขาพิสูจน์ตัวเองขนาดนี้ก็ยังมีคนที่ไม่ยอมรับ....
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองบ้านข้างๆที่ยังเปิดไฟสว่างอยู่พลางยู่หน้าให้
“
แล้วก็อีกเรื่องนึง” เสียงจากปลายสายทำให้ใบหน้าได้รูปหันกลับมาฟังต่อ
“
อ่ะ ครับ?”
“
เรื่องคุณหนูอัสเซลัม...ถ้าเธอไม่คัดค้านชั้นจะได้จัดการต่อ” นัยน์ตาสีมรกตกระตุกไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับมารับคำอย่างว่าง่ายตามเดิม
“
เอ่อ...ครับ....”
“
เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วหรือไงสเลน? หรือว่าเจอใครที่นั่น?” จู่ๆปลายสายก็ถามออกมาราวกับอ่านน้ำเสียงของเขาออก...แล้วทำไมในเวลาแบบนี้ในหัวเขาถึงได้มีแต่ภาพของผู้ชายโหดร้ายอย่างCEOหนุ่มของเฟอร์รารี่คนนั้นได้?!
“
เปล่าครับ...”
“
เธอบอกชั้นได้นะ เพราะนี่มันคือชีวิตของเธอ เธอมีสิทธิ์จะเลือก” …..ไม่หรอก...เขาไม่มีสิทธิ์จะเลือกอะไรได้อีกแล้วตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซาสบาร์ม...หากอยากทำตามความปรารถนาของตัวเองก็มีแต่จะต้องหนีออกมาเหมือนตอนนี้เท่านั้น
“
ครับ...”
“
ว่าแต่แหวนยังอยู่ที่เธอใช่ไหม? เห็นฮาร์กไลท์บอกว่าหาในห้องของเธอแล้วไม่เจอ?” …..แหวน?...จริงด้วย! เขาเอาติดตัวมา...ว่าแต่ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ?
“
อ่ะ...ครับ.....” ริมฝีปากรับคำพร้อมกับยิ้มแห้ง
สองขาลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปไล่เปิดลิ้นชักดูทีละอัน
“
ถ้างั้นก็แค่นี้ก่อน...ดึกแล้ว นอนพักผ่อนให้เยอะๆ ใช้สมาธิกับการขับรถให้มากๆนะ
ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็ไม่อยากให้เธอไปทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้นเลยจริงๆ”
“
ครับ...ขอบคุณนะครับ...คุณพ่อ”
“
อืม...ราตรีสวัสดิ์”
“
ครับ...ราตรีสวัสดิ์....”
ปลายนิ้วกดวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียงลวกๆเพราะตอนนี้ทั้งสองมือและสองตากำลังตามหาแหวนที่ว่านั่นอยู่....ไม่มี…ที่ไหนก็ไม่มี...ไม่ว่าจะในลิ้นชัก
ในกระเป๋า เขาจำได้ว่าเอามันติดตัวไว้ตลอดแต่ทำไมมันไม่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขาล่ะ?
แย่แล้ว...นั่นมันเป็นแหวนของตระกูลซาสบาร์มที่ทำไว้ประจำตัวเขา...ถ้าหายไปคงเป็นเรื่องใหญ่แน่...ตัวคุณพ่อเองอาจจะไม่เท่าไหร่แต่พวกญาติๆที่คอยจ้องจับผิดอยู่แล้วคงเล่นงานเขาปางตายแน่...
“
ทำไงดี....”
ใบหน้าได้รูปหันไปหันมาก่อนจะตั้งใจหาไปทั่วบ้านแต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เจอ....หรือว่าจะไปตกอยู่ที่อื่น?
แต่ปัญหามันก็มีอยู่ว่าเขาไม่รู้เลยว่ามันไปตกอยู่ที่ไหน?
ในสวนหรือเปล่านะ?
มือบางคว้าไฟฉายที่เพิ่งไปซื้อมาใหม่ก่อนจะพรวดพราดออกไปจากตัวบ้าน
แสงไฟสาดส่องไปบนพื้นหญ้าที่ตัดเรียบเสมอกัน...แหวนเป็นแพลททินั่มหากต้องแสงมันคงส่องประกายท่ามกลางความมืดมิดแน่...แต่นี่กลับไม่มีประกายของอะไรเลย...มันคงไม่อยู่ในสวนนี่หรอกมั้ง?
ใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมองบ้านข้างๆที่ยังเปิดไฟอยู่...ถึงจะรู้ว่าดึกแล้วแต่เขาก็ร้อนใจเพราะอย่างน้อยเขาก็เคยเข้าไปแถวๆรั้วด้านหน้าของบ้านคุณครูเทโอ...อาจจะตกอยู่ที่นั่น...
นักขับมือสองของเฟอร์รารี่ยืนมองประตูเหล็กที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านสองหลังอย่างกล้าๆกลัวๆ...เข้าไปทางนี้จะดีไหมนะ?...แต่อีกฝ่ายไม่ได้ใส่กุญแจไว้ก็น่าจะหมายความว่าให้เขาเข้าไปได้?
แอ้ด.....
ประตูสนิมเขรอะส่งเสียงประท้วงเมื่อเขาเปิดมันออก
สองขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ประตูบ้านของCEOหนุ่มก่อนจะเคาะประตูสองสามที...จะโดนดุอะไรไหมนะที่มารบกวนตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้...มือบางเคาะเรียกอีกหลายรอบกว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวลงบันไดอยู่ข้างใน
“
รอเดี๋ยว”
เสียงทุ้มเอ่ยห้วนๆจนร่างโปร่งบางนึกอยากจะถอยครูด
ยิ่งเสียงปลดล็อคกลอนดังขึ้นเขาก็ยิ่งต้องข่มสองขาที่อยากจะวิ่งหนีไปให้ยืนอยู่กับที่
“
มีอะไร?” ใบหน้าหยิ่งทระนงเหยียดตามองลงมาจากมุมที่สูงกว่ายิ่งทำเอาคนที่กลัวอยู่แล้วยิ่งลนลานจนพูดจาตะกุกตะกัก
“
ระ...รู้ด้วยเหรอครับว่าเป็นผม...” ใบหน้าสวยก้มลงไปเม้มปากสั่นๆเข้าหากันก่อนจะพยายามรวบรวมสติ
ท่าทางเหมือนลูกหมาที่กลัวจนหูลู่หางตกทำเอาCEOหนุ่มถึงกับถอนหายใจ
“
ก็ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องเข้าจากหน้าบ้านแล้วชั้นก็ต้องได้ยินเสียงกดออดสิ
ไม่ใช่เสียงเคาะประตู
คนที่เข้าจากประตูข้างได้ก็มีแต่เธอไม่ใช่หรือไงยังจะมาถามอีกว่ารู้ได้ไง” ยิ่งเจอคำพูดกดดันเข้าไปเจ้าเด็กตรงหน้าก็ยิ่งสั่นพั่บๆ
นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆเช่นเดียวกับริมฝีปากสีระเรื่อที่กว่าจะพูดออกมาได้ก็เม้มแล้วเม้มอีก
“
เอ่อ...คือ...ผมทำแหวนหล่นหาย...คือ...คุณพอจะเห็นบ้างไหมครับ...” เรื่องที่สเลนพูดออกมาทำเอานัยน์ตาสีฟ้ากระตุกไปวูบหนึ่งแต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉยราวกับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“
แหวน?” CEOหนุ่มแกล้งถามออกไปราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“
ครับ...เป็นแหวนที่ดูเหมือนแหวนเงินแต่มันเป็นแพลททินั่ม ด้านในมีชื่อของผมสลักอยู่...” คิ้วสีชาขมวดเข้าหากัน
ใบหน้าของเด็กนั่นทำราวกับว่าถ้าหาแหวนวงนั้นไม่เจอมันจะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย?
และมันก็ทำให้เขาอยากรู้ว่าแหวนนั่นมันสำคัญยังไง
ถ้าเป็นแค่แหวนประจำตระกูลสมัยนี้คงไม่มีใครจริงจังถึงขนาดห้ามทำหายกันแล้วมั้ง?
“
สำคัญมากเลยหรือไง? ถึงต้องมารบกวนชั้นตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้”
ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นมากอดอกก่อนจะมองด้วยสายตาคาดคั้นจนคนที่ไม่คิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับใครเผลอพลั่งพรูออกมาด้วยอาการหวาดๆ
“
คือ...มันเป็นแหวนประจำตระกูล.....”
“
แค่แหวนประจำตระกูลหายก็ต้องมาก่อกวนชั้นด้วยหรือไง?” CEOหนุ่มยังคงคาดคั้นต่อไปทำเอาคนที่ไม่ทันกับการใช้จิตวิทยาแบบนี้ยิ่งเผลอบอกออกมามากกว่าเดิม
“
ถ้าคนในบ้านรู้ว่ามันหายไป ผมคงถูกหาเรื่องจนเดือดร้อนไปถึงคุณพ่อแน่ๆ....”
ใบหน้าที่แสดงถึงความวิตกกังวลของคนตรงหน้าทำให้CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่นึกสงสัย...หรือว่าเด็กนี่จะไม่ถูกกับบรรดาญาติๆในตระกูลซาสบาร์ม?
ทำไมกันล่ะ? ทั้งๆที่เป็นทายาทโดยชอบธรรมไม่ใช่หรือไง?
“
ถ้างั้นก็แค่ทำเนียนว่ามันยังอยู่โดยไม่ให้ใครรู้ว่ามันหายไปก็สิ้นเรื่อง”
ใบหน้าหยิ่งทระนงพูดออกไปราวกับช่วยหาทางแก้แต่ในหัวกำลังคิดว่าจะคืนแหวนให้เด็กนี่ยังไง
โดยที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเก็บมันเอาไว้เอง
“
ก็ถ้ามันไม่ต้องใช้เร็วๆนี้...ผมก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่หรอกครับ....” แต่แล้วสิ่งที่สเลนพูดออกมาก็ทำให้สมองที่กำลังคิดวิธีคืนแหวนหยุดชะงัก
“
ใช้?” สองแขนที่กอดอกอยู่ค่อยๆคลายออก
“
คนในครอบครัวของผมจะมีแหวนแบบนี้คนละวง...และเมื่อต้องหมั้นหมายหรือแต่งงานกับใครก็จะมอบแหวนวงนี้ให้กับอีกฝ่ายแทนคำสัญญาว่าจะอยู่กับคนคนนั้นไปตลอดชีวิต....” ใบหน้าหยิ่งทระนงรู้สึกชาวาบไปถึงใบหู
หมั้น?....หมายความว่ายังไง?
ที่ว่ากำลังจะใช้ก็คือเรื่องนี้เองน่ะเหรอ?
เด็กนี่กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนสักคน?
จู่ๆ....ความคิดที่ว่าจะคืนแหวนวงนั้นให้...กลับสลายหายไปจากในหัวทันที
“
เธอ...มีคนที่จะมอบแหวนให้แล้วหรือไงถึงได้คิดจะใช้มัน”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองถามออกไปด้วยเสียงนิ่งเฉย...นิ่ง...เสียจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะออกไปจากร่างกายที่หัวใจกำลังเต้นระรัว
“
ผม...”
ใบหน้าได้รูปก้มลงอย่างไม่รู้จะตอบว่ายังไง...ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะบอกกับคนตรงหน้าว่ามันก็เป็นแค่การหมั้นหมายทางธุรกิจ...ถึงเขาจะรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนั้นดีแต่เขาก็ไม่เคยคิดกับเธอเกินคำว่าน้องสาว
“
ชั้นไม่เคยเห็นแหวนนั่น....กลับไปได้แล้ว ชั้นจะทำงาน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่CEOหนุ่มจะหันหลังให้
ถึงแม้ร่างโปร่งบางอยากจะพูดอะไรต่อแต่ก็รู้ดีว่ามันคงไม่มีประโยชน์...ในเมื่อเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวอะไรกับร่างสูงใหญ่เลย...
“
ถ้างั้น...ขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน....”
นักขับมือสองของทีมม้าลำพองเอ่ยด้วยเสียงหงอยๆก่อนจะเดินคอตกจากไป
ร่างสูงใหญ่จึงเดินกลับไปยังห้องนอนของตน
ฝ่ามือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมา...แหวนวงเล็กที่คุ้นตาวางอยู่ในกล่องใส่แหวนกำมะยี่สีเลือดนก...ประกายสีขาวเงินสะท้อนชื่อเจ้าของของมันอย่างชัดเจน
สเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ด....
ถ้าแหวนวงนี้อยู่กับชั้น...เธอก็จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกใช่ไหม?
ถ้าแหวนวงนี้อยู่กับชั้น...มันจะมีความหมายว่าเธอเองก็จะอยู่กับชั้นไปตลอดชีวิตเหมือนกันใช่หรือเปล่า...
ถึงจะเป็นวันอาทิตย์แต่ฟิโอราโนเซอร์กิตก็ยังมีรถวิ่งจนเย็น
เพราะงั้นกว่าสเลน ทรอยยาร์ดจะกลับถึงบ้านก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี
ร่างโปร่งบางหอบผักสดและขนมปังพะรุงพะรังเข้าบ้าน...ถึงเขาจะไม่ได้เรื่องในหลายๆอย่างแต่ก็ยังมีเรื่องการทำอาหารนี่แหละที่เขาพอจะอวดใครได้
“
แหะแหะ...”
ใบหน้าได้รูปหัวเราะแห้งๆกับตัวเอง...จะไปอวดได้ไงในเมื่อนี่มันดูไม่แมนสมชายเอาเสียเลย
ถุงกระดาษถูกวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องครัว...เอาเถอะ...ถึงจะอวดใครไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่อดตายละนะ
แถมได้กินแต่ของอร่อยๆด้วย!
ใบหน้าสวยอมยิ้มก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้ตอนเลี้ยวรถเข้าบ้านเขามองเห็นจดหมายหลายฉบับยัดๆอยู่ในตู้จดหมาย
สองขาจึงก้าวออกไปจากตัวบ้านก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าช่องรับจดหมาย...บิลค่าน้ำค่าไฟ...จดหมายจากสมาคมอะไรไม่รู้ที่แม่ของเอเลนเป็นสมาชิกอยู่...แล้วนี่มัน.......บิลบัตรเครดิตของใครล่ะเนี่ย?...ของเขามีแค่ใบเดียวแล้วมันก็ส่งไปที่บ้านในอังกฤษเพราะงั้นซองเป็นปึกพวกนี้ไม่ใช่ของเขาแน่...และเมื่อพลิกซองหาชื่อเจ้าของมันเจอ
บนขมับก็มีเหงื่อแตกพลั่กๆ
นี่มันของคุณครูเทโอ!
แล้วไหงไปรษณีย์ถึงเอามาเสียบไว้ที่ตู้บ้านเขาล่ะ?
โธ่....ยิ่งไม่อยากจะไปเคาะประตูบ้านผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วย
นักขับมือสองของทีมม้าลำพองยืนถอนหายใจอยู่หลายรอบก่อนจะเรียกพลังราวกับจะต้องไปออกรบ
วันอาทิตย์แบบนี้อีกฝ่ายคงอยู่บ้านสบายๆละมั้ง
เขาเอาจดหมายไปให้แป๊บเดียวคงไม่กวนหรอกเนอะ...ทั้งๆที่พยายามคิดในแง่ดีแต่ดูเหมือนสองขาก็ไม่อยากจะก้าวผ่านบานประตูเหล็กข้างบ้านเท่าไหร่เลยแหะ
ก๊อกๆๆ
มือบางเคาะประตูอยู่นานมากกว่าจะได้ยินเสียงตอบรับ
ทั้งๆที่คิดว่าCEOหนุ่มคงจะนอนดูโทรทัศน์สบายๆในเย็นวันอาทิตย์แบบนี้แต่ร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆแง้มประตูออกมากลับมีสภาพตรงกันข้ามกับที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง
“
เอ่อ....”
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเส้นผมสีทองที่ยุ่งนิดๆก่อนจะไล่ลงมามองนัยน์ตาสีฟ้าที่ขอบตาดำคล้ำราวกับคนไม่ได้นอนมาหลายคืน
เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวก็ยับจนเห็นรอยได้ชัดทั้งๆที่ปกติคนตรงหน้าจะเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วแท้ๆ
และเมื่อใบหน้าราวกับวิญญาณไม่อยู่ในร่างยังคงไม่พูดอะไร
เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกไปแทน
“
จะ จดหมายครับ...ไปรษณีย์ใส่ตู้ผิด....”
มือบางยื่นปึกจดหมายไปให้ซึ่งมือใหญ่ก็ยื่นมารับแต่โดยดี
“
อือ...ขอบใจ...” ปกติจะต้องกระแนะกระแหนจิกกัดอะไรเขาสักคำสองคำไม่ใช่หรือไง?
ไหงคราวนี้กลับพูดดีๆได้ล่ะ?
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองที่กำลังเหม่อมองปึกจดหมายราวกับคนยังไม่ตื่น...นี่คุณครูเทโอยังมีสติอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
“
ถ้างั้น...ผมขอตัวนะครับ...” ถึงจะสงสัยกับสภาพของอีกฝ่ายแต่เขาก็ไม่กล้าถามจึงได้แต่ถอยห่างออกมา
“
เดี๋ยว” แต่ใบหน้าที่ยังหยิ่งทระนงแม้จะโทรมแค่ไหนกลับเรียกเขาไว้ราวกับเพิ่งจะรู้ตัว
“
ครับ?” เขาหันหน้ากลับไปด้วยความสงสัย
“
กินมื้อเย็นรึยัง?” แล้วคำถามของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาประหลาดใจหนักกว่าเดิม
“
......กำลังจะกลับไปทำครับ” เขาตอบไปตามตรง
“
ทำเอง?” ใบหน้าที่ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าขมวดคิ้วราวกับไม่เชื่อ
“
ครับ...”
“
ทำอะไร?”
“
สะ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า....” แล้วทำไมเขาจะต้องมาตอบคำถามหาที่มาที่ไปไม่ได้แบบนี้ด้วยเนี่ย? ผู้ชายโหดร้ายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากัน?!
“
ทำเผื่อชั้นด้วย เสร็จแล้วก็ยกมากินที่นี่ เข้าใจไหม?” ห๊ะ?
“
ครับ...” เขาเผลอตอบรับด้วยความมึนงงระคนตกใจก่อนที่ประตูจะปิดลงตรงหน้าอย่างไม่บอกไม่กล่าวและไม่รับฟังอะไรจากเขาอีก
ปัง...
“
เอ่อ....” มือได้แต่ยกค้างเอาไว้อย่างนั้น....เข้าใจที่ไหนล่ะ?! ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด?! ทำไมจะต้องให้เขาทำเผื่อ ทำไมเขาจะต้องยกมากินถึงนี่
แล้วทำไมเขาถึงได้ตอบรับไปอย่างงั้นเล่า?!
โธ่.....ตั้งสติหน่อยสิสเลน....
ถึงจะละเหี่ยใจในความไม่ได้เรื่องของตัวเองที่ตามคุณครูเทโอไม่เคยทันแต่เขากลับมายืนชั่งเส้นสปาเก็ตตี้อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ในครัวบ้านตัวเอง...เอาเถอะ...ยังไงก็ซื้อวัตถุดิบมาเยอะเพราะกะจะกินไปทั้งอาทิตย์
แบ่งให้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นบ้างก็คงไม่เป็นไร
น้ำสีขาวที่เดือดปุดๆอยู่ในกระทะถูกตักใส่ถ้วยสำหรับชิม...คุณครูเทโอจะชอบรสชาติแบบไหนกันนะ?...ที่เขาทำนี่จะถูกปากหรือเปล่า?
มือบางถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะทอดสายตามองจานสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าที่เพิ่งทำเสร็จอยู่ตรงหน้า
คิ้วสีชาขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล...อ้า...แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายกินอยู่แล้วนี่ไม่เห็นต้องคิดมากเลย...ไม่สิ...เขาตั้งใจทำต่างหากไม่ใช่ว่าไม่ตั้งใจเสียหน่อย
สองมือยกขึ้นมาขยี้หัวอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
แล้วทำไมสภาพเขาถึงได้เหมือนแม่บ้านมือใหม่ที่เพิ่งหัดทำอาหารให้สามีกินเป็นครั้งแรกแบบนี้ล่ะเนี่ย?
โธ่...ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว!
ร่างโปร่งบางถือจานใส่สปาเก็ตตี้เดินกลับไปบ้านข้างๆ
ประตูถูกแง้มเอาไว้ราวกับจะบอกว่าให้เขาเข้าไปได้เลย?
สองขาค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะนี่คือครั้งแรกที่เข้ามาถึงในบ้านของCEOหนุ่มจอมโหดร้ายคนนั้น
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆบ้านซึ่งเป็นระเบียบเรียบร้อยสมกับที่เป็นบ้านของผู้ชายคนนั้นจริงๆ
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเข้ากันบ่งบอกรสนิยมที่ดีมากทีเดียว...คงเป็นผู้ชายที่ช่างเลือกน่าดู...ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาบ้านนี้คงจะต้องเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คจนคนอย่างเขาเทียบไม่ติดแน่
เฮ้อ....แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้แบบนี้กันนะ?
“
สเลน?” เสียงเรียกดังมาจากชั้นบนทำให้เขาขานรับ
“
ครับ...อาหารเสร็จแล้วครับ...จะลงมากิน”
“
ยกขึ้นมาบนนี้ ชั้นขี้เกียจหอบแฟ้มเอกสารลงไป”
ห๋า? จะกินไปทำงานไปเหรอ?
อย่าบอกนะว่าสภาพเหมือนผีดิบนั่นเป็นเพราะทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนน่ะ?
สองขาก้าวขึ้นบันไดช้าๆ
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้ขึ้นมาถึงบนนี้...แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิด...ว่าห้องที่อีกฝ่ายเรียกเขาเข้าไปจะเป็นห้องนอนของร่างสูงใหญ่เอง
เตียงนอนที่เห็นอยู่ไกลๆทำให้เผลอห่อไหล่โดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าห้องนี้มันจะกว้างมากเพราะรวมทั้งส่วนนั่งเล่นและส่วนทำงานเอาไว้ด้วยกันแต่ยังไงมันก็ยังเป็นห้องนอนอยู่ดี...ตกลงผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเขาหรือยังไงกันแน่นะ?
“
กวาดๆแฟ้มพวกนั้นลงไป แล้วก็กินตรงนั้นแหละ”
ปลายนิ้วของCEOหนุ่มชี้ไปที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาทั้งๆที่ใบหน้าหยิ่งทระนงยังไม่ละจากแฟ้มเอกสารในมือ
เขาจึงได้แต่ทำตามโดยไม่ปริปากถามอะไร
เขาวางจานสปาเก็ตตี้ไว้ที่มุมโต๊ะก่อนจะค่อยๆหอบแฟ้มขนาดใหญ่ไปวางไว้บนพื้น
เอกสารที่ระเกะระกะกระจัดกระจายบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้อ่านมันอย่างละเอียดทุกตัวอักษร
เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยคลุกคลีกับผู้บริหารระดับใหญ่แบบนี้เพราะฉะนั้นในฐานะผู้บริหารของเฟอร์รารี่แล้วเขาคงต้องยอมรับว่าCEOหนุ่มนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
“
ทานได้แล้วครับ....”
เขาเอ่ยบอกเมื่อตักสปาเก็ตตี้ใส่จานแบ่งเรียบร้อย
ร่างสูงใหญ่ละจากแฟ้มเอกสารก่อนจะเดินโงนเงนมานั่งที่โซฟา
นัยน์ตาสีฟ้าที่แทบจะขีดเป็นเส้นตรงเหลือบมองจานสปาเก็ตตี้ตรงหน้าก่อนจะยกมันขึ้นมากินช้าๆ
และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถามแต่ใบหน้าลุ้นจัดของเขาก็คงจะทำให้คุณครูเทโอรู้ว่าเขากำลังถามอยู่ว่ามันเป็นยังไงบ้าง
ถูกปากไหม อีกฝ่ายถึงได้ตอบออกมาสั้นๆแต่มันก็ทำให้เขาเผลอยิ้ม
“
ก็...อร่อยดี....”
“
ขอบคุณครับ”
ใบหน้าได้รูปยิ้มแก้มปริก่อนจะยกจานของตัวเองขึ้นมาบ้าง
แต่เหมือนพอมีพลังงานเข้าไปปากร้ายๆนั่นก็มีแรงจะทำงานขึ้นมาทันที
“
ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเด็กไม่ได้เรื่องอย่างเธอก็ทำอาหารพอใช้ได้เหมือนกัน”
เมื่อกี้ยังบอกว่าอร่อยอยู่เลย...เขาส่ายหน้าแล้วกินสปาเก็ตตี้ของตัวเองต่อไป
“
งาน...ต้องรีบทำขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ไม่พักผ่อนเสียหน่อยเหรอครับ...” เขาถามออกไปในขณะที่กวาดตามองไปรอบห้อง
รอบๆโซฟากับโต๊ะทำงานมีแต่แฟ้มเอกสาร ส่วนบนเตียงกับหน้าตู้เสื้อผ้าขนาดเป็นแบบ Walk in closetมันก็ยังเต็มไปด้วยเสื้อที่ถอดพาดๆเอาไว้...ข้างบนนี้กับห้องชั้นล่างมันช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
ดูท่าทางCEOหนุ่มจะยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเก็บเสื้อผ้าส่งซัก
“
ใกล้จะปิดไตรมาสแรก ต้องสรุปผลประกอบการและอะไรหลายๆอย่าง” อ๋อ...แบบนี้นี่เอง...พ่อของเขาก็เป็นเหมือนกันช่วงเวลาแบบนี้
“
เธอไปแข่งสนามต่อไปเมื่อไหร่นะ?”
จานสปาเก็ตตี้ที่หมดเกลี้ยงถูกวางลงตรงหน้าCEOหนุ่ม
จู่ๆก็ถามออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกแล้วทำให้เขาเผลอตอบออกไปแบบไม่ได้ไตร่ตรองว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“
ผมบินไปมาเลเซียพุธหน้าครับ...”
“
ดี...ตั้งแต่พรุ่งนี้ทำอาหารเย็นให้ชั้นด้วย...ยกมากินที่นี่เหมือนวันนี้เข้าใจไหม?” ห๊ะ?
“
ครับ...” เฮ้ย?! เดี๋ยวก่อนสเลน...นายไปรับปากเค้าแบบนั้นได้ไง?!
อยากจะทึ้งหัวตัวเองในความมึนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วในเมื่อร่างสูงใหญ่กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่หันมาสนใจเขาอีก...โธ่...เผลอทำตามความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายไปซะได้....
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
เพราะจริงจังกับเฟอร์รารี่ขนาดนี้หรือเปล่านะถึงอยากจะให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในทีมแข่ง...ที่คัดค้านเรื่องของเขาขนาดนั้นก็คงเป็นเพราะหวังดีกับทีมจากใจจริงสินะ...ถ้างั้น...เขาเองก็คงมีแต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาดีพอที่จะเป็นตัวเลือกของอีกฝ่าย
พิสูจน์....
ด้วยการทำลาซานญ่าแบบที่กำลังทำอยู่นี่สินะ....
มันใช่แน่เร๊อะสเลน?!
ใบหน้าได้รูปได้แต่ยิ้มแห้งกับตัวเอง
นี่เขาทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ย? อันที่จริงคุณครูเทโอก็ออกไปทำงานทุกวัน
จะแวะกินข้าวเย็นเข้ามาก่อนเหมือนทุกทีก็ได้นี่? แล้วทำไมถึงต้องให้เขาทำให้กินแบบนี้ด้วย....
ถ้วยสำหรับชิมถูกถือค้างเอาไว้เพราะไม่แน่ใจว่ามันขาดอะไรไปรสชาติมันถึงยังไม่ค่อยเหมือนลาซานญ่าแบบนี้
“
ชั้นว่ามันเปรี้ยวไป” เอ๊ะ?!
เสียงทุ้มที่อยู่ใกล้ๆทำให้เขาหันไปมองปลายนิ้วที่ว่างเปล่า
ถ้วยสำหรับชิมที่เคยอยู่ในมือเขามันหายไปอยู่ในมือใหญ่ของคนที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาเอี้ยวตัวกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ร่างสูงใหญ่ยังคงจิบน้ำซอสมะเขือเทศในถ้วยสำหรับชิมพลางทำหน้าครุ่นคิด
“
มันเปรี้ยวไปจริงๆนั่นแหละ”
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมาสบประสานกับดวงตาของเขาทำเอาสะดุ้งน้อยๆ
“
อะ...ครับ...”
มือไม้กลับมาคนหม้ออย่างลนๆและก่อนที่เขาจะหยิบเกลือบ้างน้ำตาลบ้างเทใส่หม้อมั่วๆจนกินไม่ได้อีกฝ่ายก็ถอยห่างออกไปเสียก่อน
“
กะ กลับมาแล้วเหรอครับ?”
วันนี้กลับเร็วกว่าปกติแหะ? เขาก้มหน้าก้มตามีสมาธิอยู่ที่หม้อตรงหน้า
แต่แทนที่เสียงทุ้มจะตอบแค่ว่ากลับมาแล้ว....
“
เดี๋ยวชั้นจะนอนพัก เสร็จแล้วก็เรียกด้วยล่ะ อ้อ...เก็บเสื้อผ้าของชั้นให้ด้วย
จะเอาไปส่งซัก” ห๊ะ?
“
ครับ...” ไม่ใช่แล้วสเลน~~
นั่นมันหน้าที่แม่บ้านไม่ก็ภรรยา ทำไมนายจะต้องไปรับปากทำเรื่องแบบนั้นให้เจ้าCEOวายร้ายนี่ด้วย?!
“
เอ่อ....”
ในขณะที่มือนึงก็ตั้งใจจะยกขึ้นท้วง
แต่อีกมือนึงก็ต้องคนหม้อที่กำลังเดือดปุดๆ
ใบหน้าที่มองสลับระหว่างแผ่นหลังกว้างกับน้ำซอสทำให้จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องมาเดินเก็บเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายถอดพาดเอาไว้ตามเก้าอี้บ้างขอบเตียงบ้างซะอย่างงั้น
นักขับมือสองของเฟอร์รารี่เปิดห้องแต่งตัวแบบ
Walk
in closetเข้าไปก่อนจะเห็นเสื้อผ้าอีกไม่ใช่น้อยที่พาดอยู่ที่ตู้กระจกเตี้ยซึ่งเป็นที่ใส่นาฬิกา
นี่ไม่ได้ส่งเสื้อผ้าซักมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?
สูทเนื้อดีถูกจับยัดเข้าไปในซองสำหรับใส่สูท
กลิ่นน้ำหอมที่ลอยออกมาทำให้แทบจะไม่รู้เลยว่านี่เป็นสูทที่ใส่แล้ว...กลิ่นของคุณครูเทโอ...สองแขนรวบมันมากอดเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว
ใบหน้าสวยชะงักไปกับพฤติกรรมที่ดูโรคจิตของตัวเองก่อนจะรีบส่ายหน้ารัวๆ
นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย?
สองมือจึงรีบรวบสูทที่เหลือก่อนจะโกยแนบออกจากห้องแต่งตัว
“
คุณครูเทโอ...ตื่นเถอะครับ...ผมทำอาหารเสร็จแล้ว
แล้วก็เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้ว...ตื่นทานอาหารเถอะครับ...”
เขายื่นหน้าเข้าไปเรียกคนที่นอนอยู่บนโซฟาและเมื่อไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่นเขาจึงต้องยื่นมือเข้าไปเขย่าไหล่หนานั่นเบาๆ
“
คุณครูเทโอ...”
จู่ๆมือใหญ่ก็จับหมับมาที่ข้อมือของเขาทำเอาสะดุ้งโหยงแต่จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ในเมื่อมือข้างนั้นยังถูกจับเอาไว้แน่น
“
อืม....” นัยน์ตาสีฟ้ายังไม่ยอมเปิดขึ้นมาถึงแม้ว่าริมฝีปากจะส่งเสียงงึมงำ...ฝ่ามือใหญ่ออกแรงดึงให้เขาถลาเข้าไปใกล้จนใบหน้ารับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ปลายจมูกแทบจะแตะกันอยู่รอมร่อ ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ
และนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นมันก็ดึงดูดให้เขาไม่อาจละไปไหนได้เลย
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว
ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกันและกันราวกับจะยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดให้ทบทวี
บรรยากาศที่นิ่งงันผลักดันริมฝีปากให้ขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างห้ามไม่ได้....และในขณะที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันแตะกันหรือไม่...มือใหญ่ก็ปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ...
“
เอ่อ...ผมเรียกแล้วคุณไม่ตื่น...ผมเลยเขย่า.....”
เขาละออกมาด้วยใบหน้าแดงเถือกก่อนจะก้มหน้าก้มตาหลบหน้าอีกฝ่ายที่ยังดูเบลอๆ....มะ
เมื่อกี้...เกือบจะ....จูบ?...ไม่ใช่หรือไง?...ตายละ...นี่อีกฝ่ายจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า?...ส่วนเขานี่อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลยจริงๆ...อารมณ์ไหนพาไปแบบนั้นได้น่ะสเลน
โธ่...อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะ...แถมโหดร้ายยิ่งกว่าซาตานในนิทานเสียอีก!
“
......เดี๋ยวค่อยกลับมากินมื้อเย็นก็แล้วกัน เอาผ้าไปส่งซักก่อน
เดี๋ยวร้านปิด”
จู่ๆคนที่ยังนั่งสลึมสลืออยู่บนโซฟาก็พูดออกมาก่อนจะเดินหายไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
“
จะนั่งงงอีกนานไหม? ถือตะกร้าผ้าตามมาสิ”
ร่างสูงใหญ่ที่หอบเสื้อสูทเป็นตับหันมาเรียกเขา
“
เอ๋? ผมต้องไปด้วยเหรอครับ?” ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่ร่างกายกลับหอบตระกร้าผ้าตามคำสั่งของอีกฝ่ายซะงั้น...นี่มันร่างกายของเขาใช่ไหมเนี่ย?
ทำไมไม่ทำตามคำสั่งของเขาล่ะ?
“
ไปสิ...หลังจากเอาผ้าไปส่งซักแล้วชั้นจะพาเธอไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาเก็ต
อย่างชั้นน่ะ ไม่ให้เด็กปอนๆอย่างเธอออกค่ากับข้าวคนเดียวหรอก
ไปเลือกซะว่าจะซื้ออะไรมาทำอาหารเพราะชั้นกะว่าจะให้เธอทำใส่กล่องไปให้ชั้นกินตอนกลางวันด้วย
ออกไปกินข้างนอกมันเสียเวลา” ห๋า?
จะบ้างานก็ให้มันมีขอบเขตบ้างเถอะ
แค่ออกไปกินข้าวกลางวันไม่กี่นาทีมันก็ไม่น่าจะทำให้เฟอร์รารี่มีกำไรลดลงแค่ไหนหรอกมั้ง?....แน่นอนว่าเขาได้แต่บ่นอยู่ในใจแล้วก็ได้แต่เดินหอบตะกร้าผ้าตามอีกฝ่ายไปเท่านั้น...
ปกติแล้วเขามักจะเห็นแต่ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่เบาะหลังของรถประจำตำแหน่ง
ทั้งๆที่ทำใจไว้แล้วว่าเขาคงต้องขับรถให้อีกฝ่ายนั่งแน่ๆแต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
เมื่อCEOหนุ่มเดินเลยรถประจำตำแหน่งไปยังรถอีกคันที่เขาเพิ่งจะเห็นมันเป็นครั้งแรก
“
นี่...รถของคุณเหรอครับ?....”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างไปกับโลโก้รูปม้าของเฟอร์รารี่ที่ติดรถคันนั้นอยู่
ถึงจะไม่น่าแปลกใจที่CEOหนุ่มจะขับเฟอร์รารี่แต่ที่มันทำให้เขาถึงกับตะลึงก็เพราะ Ferrari 458
Italia คันนี้เป็นสีขาวล้วน...น่าจะเป็นสีที่สั่งทำพิเศษ?
“
ถามอะไรโง่ๆ ถ้าไม่ใช่รถชั้นแล้วมันจะมาจอดอยู่ในบ้านชั้นได้ไง? ขึ้นไปสิ” เบาะรถถูกดันเข้าที่เมื่อตะกร้าผ้าถูกยัดเข้าไปอย่างที่ดูจะไม่เข้ากับรถสุดหรูนี่เท่าไหร่
“
เอ๋? คุณจะขับเองเหรอครับ? ให้ผมขับดีกว่าไหมครับ?” และในขณะที่ร่างโปร่งบางยังมึนงง
คนขี้รำคาญก็เดินมาจับต้นแขนเล็กก่อนจะเหวี่ยงนักขับคนใหม่ของค่ายม้าลำพองเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับพร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย
ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
“
หึ...อย่ามาพูดให้ขำ...ให้เธอขับน่ะเหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก
ชั้นยังมีงานต้องทำอีกเยอะแยะ ยังไม่อยากไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลตอนนี้
ถึงชั้นจะขับรถฟอร์มูล่าวันไม่เป็นแต่ชั้นก็มั่นใจว่าชั้นขับรถบนถนนได้ดีกว่าเธอ
นั่งเงียบๆไปซะ” อ่า....มันก็จริงละนะ...ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับปากของเขาที่เถียงอีกฝ่ายไม่ออกเลยสักแอะ
ร่างโปร่งจึงได้แต่นั่งนิ่งๆโดยปล่อยให้ร่างสูงใหญ่เป็นคนขับรถเอง
เสียงกระหึ่มดังลั่นถนนสมกับที่เป็นเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่
นัยน์ตาสีมรกตแอบเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของCEOหนุ่มเป็นระยะๆ
ใบหน้าหยิ่งทระนงยังคงไม่ละมาจากท้องถนน
การขับรถของอีกฝ่ายก็ดูมั่นใจสมกับนิสัยส่วนตัวจริงๆ
ไม่มีวอกแวกหลบนู่นหลบนี่เหมือนเขาเลยสักนิด...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสได้นั่งรถที่ผู้ชายคนนี้เป็นคนขับ
บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าท่าทางอย่างกับขุนนางที่หลุดมาจากยุคโบราณอย่างคุณครูเทโอจะเข้ากับรถที่ดูปราดเปรียวอย่างรถของเฟอร์รารี่ขนาดนี้...คงเพราะมันเป็นสีขาวด้วยละมั้ง?
ฮิ...เหมือนม้าสีขาวเลย...
“
หัวเราะอะไร?” ใบหน้านิ่งเหลือบมามองเขาทำเอาเผลอก้มหน้าหลบ
“
ปะ เปล่าครับ...” ร่างกายเซไปตามแรงเลี้ยว
คงต้องบอกว่าCEOหนุ่มขับรถสมกับที่มันเป็นเฟอร์รารี่
ความเร็วและความมั่นใจแบบนี้อย่างเขาไม่มีทางขับบนถนนได้แน่ๆ
“
ก็แค่คิดว่ามันเป็นสนามแข่งซะก็สิ้นเรื่อง”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองเอ่ยออกมาทั้งๆที่ดวงตายังคงจ้องมองถนน
ฝ่ามือใหญ่ที่ยันพวงมาลัยซึ่งมีโลโก้รูปม้าสีดำบนพื้นเหลืองให้ความรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก
“
ไม่ได้หรอกครับ...ก็ในสนามแข่งไม่มีหมาแมวหรือคนข้ามถนนนี่นา...” ใบหน้าสวยตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆ
“
เธอนี่มันเหลือเชื่อเลยจริงๆ” Ferrari 458
Italia เลี้ยวไปจอดลงที่หน้าร้านซักรีด
ผ้าที่ยัดอยู่หลังเบาะถูกเอาออกไป เจ้าเฟอร์รารี่สีขาวถึงค่อยดูสมกับเป็นซุปเปอร์คาร์ขึ้นมาหน่อย
“
แล้ว...ปกติทำยังไงละครับถ้าไม่มีคนเก็บเสื้อผ้าให้คุณก็ไม่คิดจะเอามาซักเลยหรือไง?”
เขาหันไปถามร่างสูงใหญ่ที่กลับมานั่งหลังพวงมาลัยเหมือนเดิม
“
ก็แค่แวะที่ Shop
Armani ก่อนไปทำงาน”
อย่าบอกนะว่าซื้อใหม่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีเวลาเก็บซัก?
โธ่...สิ้นเปลืองไปไหมเนี่ย? ถึงว่า Walk in closet
ถึงได้เต็มแน่ขนาดนั้น
“
เอาไว้คราวหลังผมไปเก็บให้ก็แล้วกันครับ...”
เขาพูดด้วยความรู้สึกปลงโดยที่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“
ซื้อของที่นี่ใช่ไหม?” เฟอร์รารี่สีขาวแล่นเข้าไปจอดในลานหน้าซุปเปอร์มาเก็ต
“
ครับ”
มือบางปลดเข็มขัดนิรภัยออกไปก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเหลือบไปเห็นรถเฟอร์รารี่สีแดงอีกคันจอดอยู่ไม่ไกล...จะใช่ของคนในทีมของเขาบ้างหรือเปล่านะ
“
เลือกเสร็จแล้วก็บอก ชั้นจะเป็นคนจ่ายเงินเอง อ้อ อย่าลืมซื้อกล่องข้าวกลางวันด้วย
เดี๋ยวชั้นไปซื้อหนังสือพิมพ์แล้วจะตามไป”
CEOหนุ่มเดินแยกไปที่ร้านหนังสือเขาจึงเข็นรถเข้าไปในซุปเปอร์ตามลำพัง
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองของสดพลางคิดว่าจะทำอะไรกินดี...ถ้ายังไงไปซื้อกล่องข้าวก่อนดีกว่าของสดจะได้ไม่เหี่ยว...รถเข็นจึงเลี้ยวเข้าไปยังชั้นที่เต็มไปด้วยกล่องและอุปกรณ์ครัว
“
อ่ะ....”
ริมฝีปากเผลออุทานออกมาเมื่อมองเห็นคนสองคนที่กำลังเลือกมีดแล่เนื้อกันอยู่...นั่นมันโกคุเดระกับ...แฟน?...ที่เอเลนเรียกว่าคุณยามาโมโตะ?...ก็น่าจะใช่แหละเพราะเขาเคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ว่าแต่...ทำไมเขาถึงได้ชอบเจอสองคนนี้ที่ซุปเปอร์มาเก็ตทุกที?
แต่ก็นับว่ายังดีที่วันนี้แต่งตัวแบบที่คนปกติเค้าใส่กันมา เพราะเขาเคยเห็นมาแล้วทั้งชุดหมีแดงหมีดำ
ชุดประจำชาติของญี่ปุ่นที่เรียกว่ายูกาตะ? หรือแม้แต่มาทั้งชุดนอนลายหมีคู่ก็ยังมี...เรียกว่าแทบไม่กล้าเดินเข้าไปทักเลยทีเดียว...
ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินหันมาเห็นเขาเข้าแต่ริมฝีปากสีแดงนั่นกลับไม่ยอมเปิดขึ้นพูด
ได้แต่ส่งโทรจิตมาถามว่าเขากำลังซื้ออะไรอยู่เหรอ?
“
ซื้อกล่องข้าวกลางวันน่ะครับ” เขาตอบกลับไปพลางยิ้มแห้ง ใบหน้าพยักให้ผู้ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีดำที่ยืนอยู่ข้างหลังแทนคำทักทาย
ถึงจะเจอกันหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เคยพูดคุยกับอีกฝ่ายสักที...คงเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูอันตรายๆที่แผ่ออกมาจากร่างกายของผู้ชายคนนั้นด้วยมั้งที่ทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้
“
ของนาย?” โกคุเดระถามเขาเป็นคำแรก
“
เปล่าครับ...ของ.....” ชื่อที่ควรจะหลุดออกไปจากริมฝีปากกลับเงียบหายไป
เขาเลือกที่จะหันไปมองคุณครูเทโอที่ยืนเลือกหนังสือพิมพ์อยู่ไกลๆแทน ว่าแต่อย่างโกคุเดระจะรู้จักCEOของตัวเองไหมนะ? ไม่ว่าใครก็เมินไปซะหมดแบบนี้
เขามองใบหน้าเฉยชาภายใต้กรอบผมสีเงินที่กำลังหันไปมองคุณครูเทโอ...ดูจากสีหน้าแล้วคงจำไม่ได้แหงเลยว่าเป็นใคร
“
......อ่อ....ของเจ้าหมีขาวขั้วโลกเหนือขี้บ่นนั่นน่ะเหรอ.....” เอ๊ะ? จำได้ด้วยแหะ? แสดงว่าCEOหนุ่มคนนั้นก็คงไปออกฤทธิ์เอาไว้กับโกคุเดระน่าดูเหมือนกัน...แต่อย่างโกคุเดระคงทำหูทวนลมแน่ๆ....ว่าแต่หมีขั้วโลกเหนือนี่มัน.......
“
เอานี่ไปสิ”
แล้วมือบางของโกคุเดระก็ยัดกล่องข้าวสองสามอันมาให้ และเมื่อเขาก้มลงไปมองก็ถึงกับมีประกายระยิบระยับในดวงตา...นี่มัน...น่ารักดีนี่นา...
“
นั่นโกคุเดระ?” เสียงทุ้มของCEOหนุ่มถามเขาเมื่อสองคนนั้นเดินออกไปจากซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว
“
ครับ...โกคุเดระช่วยเลือกกล่องข้าวกลางวันให้ด้วยครับ...ดูสิ น่ารักออกนะครับ” และเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองกล่องข้าวรูปหมีสีขาวเข้าเซตในรถเข็นก็ถึงกับผงะไป
“
นี่เธอ...คิดว่านี่มันดีแล้วหรือไง?”
จะให้เขาใช้กล่องข้าวหน้าตาปัญญาอ่อนแบบนี้น่ะนะ? เอาไว้มีลูกแล้วค่อยมาซื้อให้ลูกใช้ดีกว่าไหม?
“
ไม่น่ารักเหรอครับ?” แต่นัยน์ตาสีมรกตละห้อยๆที่เหลือบมองขึ้นมาก็ทำเอาปากร้ายๆหยุดทำงาน...ทั้งๆที่คนอย่างเขาไม่เคยใช้ของไร้รสนิยมปานนี้แต่มันก็....
“
ช่างเถอะ”
ใช้ผ้าห่อเอาก็แล้วกันถ้างั้น....CEOหนุ่มหันหน้าหนีกล่องข้าวหมีที่กำลังจ้องมองตนจากในรถเข็น
“
แล้วของสดล่ะ?” ร่างสูงใหญ่เปลี่ยนเรื่อง
“
ยังไม่ได้ซื้อเลยครับ...ถ้ายังไง...ไปเดินเลือกด้วยกันไหมครับ...เผื่อว่าคุณอยากจะทานอะไร....” นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมองอีกฝ่าย แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะถูกปฏิเสธเพราะอย่างCEOหนุ่มจอมโหดร้ายคนนี้คงไม่คิดจะไปเดินซื้อของแบบคนธรรมดาสามัญกับเขาหรอก
“
เอาสิ” เอ๋?
คำตอบที่หลุดออกมาจากปากจอมหาเรื่องนั่นง่ายๆทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแปลกๆ...ก็แค่เดินซื้อของด้วยกันเอง...ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นหรือน่าดีใจอะไรเลย...
ร่างสูงใหญ่ไสรถเข็นเดินนำหน้า
ร่างโปร่งบางจึงก้าวขาเดินตามไป CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการหยิบของที่อยากได้ไปมั่วๆโดยไม่ได้วางแผนว่าจะเอาไปทำอะไรตามประสาผู้ชายทั่วไปที่ไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องหยุมหยิมอย่างงานบ้านงานครัว
คนที่เดินตามจึงได้แต่คอยห้าม
“
หยิบๆไปก่อนเถอะ ใส่ตู้เย็นไว้ซักวันมันก็คงได้ทำอะไรเองนั่นแหละ” มือใหญ่หยิบกะหล่ำปลีใส่รถเข็นหัวแล้วหัวเล่าซึ่งมือบางก็คอยตามมาหยิบมันออกวางไว้ที่เดิม
“
ยะ อย่าดีกว่าครับ...ผักถ้าทิ้งไว้นานๆมันจะทำให้เสียรสชาติ
แล้วถ้าเราไม่คิดก่อนว่าจะทำอะไรมันก็มีโอกาสที่จะปล่อยทิ้งให้เน่าคาตู้...เสียดายแย่เลย” นัยน์ตาสีมรกตมองร่างสูงใหญ่...ทีเรื่องงานละก็ละเอียดยิบแต่กับเรื่องซื้อของนี่ไม่เคยคิดอะไรมากเลยนะ
จะว่าสปอร์ตมันก็ใช่อยู่หรอกแต่ซื้อไปทิ้งๆขว้างๆรู้ไหมว่ายังมีคนที่เค้าไม่มีจะกินอีกมากแค่ไหน
มือบางจึงไล่หยิบต้นหอมและแพคใส่ปลากลับมาไว้ที่เดิม ใบหน้าหยิ่งทระนงเองก็ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่ตามมาหยิบของออกจากรถเข็น
ทีเรื่องอื่นละไม่เคยเถียงเขาแต่เรื่องกับข้าวทำไมถึงต้องคิดอะไรมากมาย
นี่มันนิสัยแม่บ้านชัดๆเลยไม่ใช่หรือไง? ตระกูลซาสบาร์มเลี้ยงมาอีท่าไหนเนี่ย?
“
ถ้างั้นเธอเลือกเองก็แล้วกัน เร็วๆด้วย” CEOหนุ่มแกล้งเร่งไปแบบนั้นแต่อันที่จริงก็ยอมรับว่ากลับชอบดูใบหน้าได้รูปนั่นหยุดอ่านฉลากบนผักผลไม้เนื้อเนยชีสอะไรต่อมิอะไรนั่นไม่ใช่น้อย
ใบหน้าอ่อนโยนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอะไรให้เขากินมันน่ามองอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ระดับCEOของเฟอร์รารี่แน่นอนว่าเคยคบกับผู้หญิงสวยๆรวยๆมาไม่รู้เท่าไหร่
แต่เขากลับไม่เคยเห็นมุมแบบนี้ของผู้หญิงที่เคยคบด้วยเลยสักคน
“
อยากทานอะไรไหมครับ?”
ใบหน้าได้รูปหันมาถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆทำเอาหัวใจกระตุกไปวูบหนึ่ง...นี่มัน.....
“
แค่คิดเรื่องงานชั้นก็ปวดหัวจะแย่แล้ว อย่าให้ต้องมาคิดเมนูอาหารสิ
อยากทำอะไรก็ซื้อๆไป”
“
ครับ”
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองคนที่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย...จะว่าไป...ถ้าตัดเรื่องอคติออกไป
เจ้าเด็กนี่มันก็สเปคของเขาเลยไม่ใช่หรือไง?
มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดปากก่อนที่ร่างทั้งร่างจะนิ่งค้าง
ไม่จริงน่า....
ตู้เย็นที่อัดแน่นไปด้วยของสดถูกเปิดออกก่อนที่มือบางจะหยิบเนื้อและผักออกมา
เสียงฉ่าๆดังอยู่ในกระทะได้ไม่นานอาหารกลางวันหน้าตาน่ากินก็ลงไปนอนอยู่ในกล่องรูปหมีสีขาว
ใบหน้าได้รูปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือของตัวเอง
ตอนนี้ก็พอจะจับทางได้บ้างแล้วว่าคุณครูเทโอชอบรสชาติแบบไหน
เพราะงั้นเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะชอบข้าวกล่องที่เขาทำให้
ร่างโปร่งบางเดินออกจากบ้านของตัวเองก่อนจะรอดประตูเหล็กข้ามเข้าไปในเขตบ้านข้างๆ
นักขับมือสองของทีมม้าลำพองเอาข้าวกล่องมาให้CEOหนุ่มหลายวันมาแล้วทำให้เจ้าของบ้านลงมาปลดกลอนไว้รอตั้งแต่เช้า
ร่างโปร่งจึงได้เข้าไปได้ง่ายๆ
กล่องรูปหมีถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
ทว่า หน้ากระดาษที่กำลังไหลลงมาจากแฟ้มเอกสารก็ทำให้ร่างโปร่งพุ่งเข้าไปรับมันเอาไว้ตามสัญชาติญาณ
“
หว๋า~~”
เกือบไปๆ...ใบหน้าได้รูปก้มมองปึกกระดาษที่อยู่ในอ้อมแขนพลางถอนหายใจ
เสียงฝีเท้าที่ก้าวลงบันไดมาทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาหันไปมอง
“
เอ่อ...ผมเห็นมันไหลลงมา...กลัวว่าจะตกก็เลย....” แต่CEOหนุ่มก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
มือใหญ่แค่รับมันแล้วเก็บเข้าแฟ้ม
“
ไปมาเลเซียวันมะรืนนี้สินะ?”
ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยถามขณะที่ก้มลงไปหยิบกล่องข้าวรูปหมี
“
อ่ะ...ครับ...คือว่า...จะไปดูไหมครับ...สนามนี้....” ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆในคำตอบที่จะได้รับ
แต่มันกลับ...
“
ถ้ามีเวลาจะไปก็แล้วกัน”
ใบหน้าได้รูปยิ้มรับอย่างดีใจ
ถึงอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ตกลงแต่แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
กล่องข้าวรูปหมีที่ห่อด้วยผ้าสีขาวเนื้อดีถูกวางลงไปบนโต๊ะทำงานในห้องของผู้บริหารแห่งเฟอร์รารี่
ถึงแม้จะยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรแต่หน้าตาของCEOหนุ่มกลับสดใสเหมือนกำลังอารมณ์ดี
ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อปีก่อนๆช่วงใกล้จะปิดไตรมาสแบบนี้CEOของเฟอร์รารี่จะเข้าใกล้คำว่าปีศาจมากที่สุดแท้ๆ
เพราะงั้นเลขาส่วนตัวจึงมองร่างสูงใหญ่ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“
ตารางวันอาทิตย์นี้ของชั้นนี่ว่างแล้วใช่ไหม?”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองเงยขึ้นมามองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ
“
อ่ะ
ครับ...พอสรุปผลประกอบการไตรมาสแรกของปีเสร็จตามกำหนดคือวันศุกร์...เสาร์อาทิตย์นี้ก็ว่างแล้วครับ” เลขาส่วนตัวก้มมองตารางงานของวันเสาร์อาทิตย์ที่ยังว่างอยู่
“
ถ้างั้นจองตั๋วเครื่องบินไปกัวลาลัมเปอร์ให้ด้วย...จองแต่ขาไปเหมือนเดิม”
ใบหน้าเข้มงวดเงยขึ้นมาบอกก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อ
“
มาเลเซีย?...จะไปดูแข่งเอฟวันอีกแล้วใช่ไหมครับ?”
“
อืม...” เลขาส่วนตัวมองเจ้านายของตนก่อนจะอมยิ้ม
เป็นเพราะว่าอยู่ด้วยกันมานานเลยพอจะรู้ว่าอะไรทำให้CEOหนุ่มดูอารมณ์ดีแบบนี้...ถึงจะยังไม่รู้ก็เถอะว่าเป็นผู้หญิงที่ไหน
“
ดูอารมณ์ดีแบบนี้...กำลังมีความรักหรือเปล่าครับ? ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ชายวัยกลางคนเดินยิ้มออกไป
แต่มือใหญ่ที่กำลังเซ็นต์เอกสารอยู่กลับเป็นฝ่ายนิ่งค้างไปเสียเอง
มีความรัก?
เขาน่ะเหรอ?
กับใครล่ะ?
ใบหน้าหยิ่งทระนงเงยขึ้นมาทั้งๆที่ยังชะงักค้าง....จะกับใครได้ในเมื่อช่วงนี้เขาก็ยุ่งวุ่นวายอยู่ด้วยแค่คนเดียว....
ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวแต่ก็ปฏิเสธมันมาตลอดว่าไม่ใช่...แต่ถึงขั้นมีคนทักแบบนี้มันก็....
ไม่จริง...
ไม่จริงน่า....
อย่างเขาน่ะเหรอจะไปหลงรักเจ้าเด็กข้างบ้านที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น?
มันไม่ใช่....
มันต้องไม่ใช่ความรัก!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
หายหัวไปสองอาทิตย์ก่าๆเพราะว่าคุณกวางมันไปอิตาลีมาค่ะ....*q*…..ดาวแม่(?)สวยมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ประทับใจ
ไว้มีโอกาสจะเขียนรีวิวเรื่องที่ไปประสบพบเจอมาเล่าสู่กันฟังนะคะ อิอิ
แล้วก็ฟิควันเกิดเนียนยังปั่นไม่เสร็จ
TvT มี๊ขอโต้ดดดดด อันที่จริงวันนี้ก็วันเกิดน้องฟ้าโซระมารุ
กับคุณเมฆาฮิบาริด้วย แง๊~~~ มี๊ปั่นให้ไม่ทัน
เพราะงั้นเอาหัวใจมี๊ไปก่อนนะ // โดนขย้ำ // orz
พอกลับมาแล้วก็ขี้เกียจมากเลยค่ะถถถถถ
นี่ขนาดได้หยุดต่อยังไม่ได้รื้อกระเป๋าเดินทางออกมาเลยอ่ะ นอนทั้งวันเยย TvT
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆๆๆๆๆนะคะ
ฮือออออ ดีใจ >////<
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าน้า
ขอเถียง ท่านครูเทโอ้จอมซึนเดระ! รักแน่นอนค่ะ รักค่ะๆๆๆ หนูสเลน! อย่าพึ่งหมั้นสิ แงๆ เธอเหมาะกับเป็นภรรยาท่านครูเทโอ้มากกว่านะ!5555 น่ารักน่ากอดที่สุด อ๊าก
ตอบลบคุณกวางกลับมาแล้วดีใจจังค่ะ อย่าลืมพักผ่อนนะค่ะ สู้ๆค่ะ รอชมรีวิวกับรออ่านต่อไปนะค่ะ ^^
คือตอนแบบว่ามุ้งมิ้งเกินหน้าเกินตามากเลยค่ะ
ตอบลบแบบเหมือนคู่สามีภรรยาพึ่งแต่งงานกันเลย อรั๊ยยย
สเลนนะสเลน หลวมตัวแบบนี้หลงท่านครูเทโอ้เค้าแล้วสินะคะ
แบบนี้ท่านครูเทโอ้อย่าช้าค่ะ เดี๋ยวน้องจะหนีกลับอังกฤษไปก่อนนะคะ
สู้ๆค่ะคุณกวาง ><
ฮูยยยย ฟินกับความน่ารักของนุ้งสเลนมากๆค่ะ ตอนนี้ทั้งน่ารักทั้งขำ แบบว่าท่านครูเทโอ้เหมือนกำลังฮุบสเลนไว้คนเดียวเลยค่ะ555+ รออ่านตอนต่ออย่างใจจดใจจ่อค่า
ตอบลบรอตอนต่อไป ชอบคู่นี้ไม่รู้เป็นไร ถ้าอนิเมะเรื่องนี้ยาว ท่านเคานท์อาจจะมีบทมากกว่านี้ก็ได้ อุตส่าห์ว่าเคมีน่าจะตรงกันแล้วนะ คือส่วนตัวจิ้นแส้ท่านเคานท์อ่ะ คิดๆดูแล้ว จุดประสงค์ของการมีอยู่ของแส้แบบพกพา มันก็แปลได้ไม่กี่อย่างนา อิอิ
ตอบลบแงงงงงขอโต๊ดนะคะเค้าผิดเองที่ไม่รุ้จักเคาน์กับสเลนเลยอ่านไม่เข้าใจเบยยยยคงต้องตัดใจอ่านเรื่องอื่นแทนง่ะ.....เซ็ง......
ตอบลบ