Aldnoah.Zero Fic [All Count x Slaine] Vers : 01


Aldnoah.Zero Fic [All Count x Slaine]   Vers  : 01

: Aldnoah.Zero Fanfiction
: Cruhteo x Slaine , Barouhcruz x Slaine , Harklight x Slaine
: Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
             : สปอยด์อนิเมะจนถึงตอนที่ 15 นะคะ
           





รองเท้าบูทสีดำก้าวไปตามทางเดินที่ทำจากโลหะสีเงิน ทั้งๆที่สภาพรอบกายราวกับอยู่ในมิติแห่งอนาคตทว่าเมื่อก้มลงมองเสื้อผ้ากลับเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขาเคยอ่านสมัยที่ยังอาศัยอยู่บนโลก

เทคโนโลยีของชาวดาวอังคารนั้นก้าวกระโดดไปไกลจนไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์แบบไหนก็ประดิษฐ์ขึ้นมาได้หมด...เพราะได้อนาคตมาครอบครองแล้วแบบนั้นหรือเปล่านะ...คนของจักรวรรดิเวิร์สถึงได้โหยหาอดีตจนต้องหันกลับมาใช้ลำดับชั้นยศราวกับขุนนางสมัยโบราณแบบนี้

ไม่รู้บ้างหรือไง...ว่าความไม่เสมอภาคเป็นบ่อเกิดของการปฏิวัติมาตั้งแต่ไหนแต่ไร...หน้าประวัติศาสตร์ก็เคยบอกเอาไว้...ถ้าไม่เช่นนั้นบนโลกของเขาระบอบขุนนางคงไม่ถูกล้มล้างไปจนหมดแบบนี้หรอก

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาทอดสายตามองออกไปยังนอกหน้าต่างที่เรียงเป็นแถวไปตามทางเดิน สิ่งที่อยู่ภายนอกมีเพียงเศษหินจากอวกาศที่ลอยคว้างอยู่ทั่วไป หากไม่มีกระจกกั้นสภาพของเขาก็คงไม่ต่างจากมันนักหรอก

คงจะลอยไปเรื่อยๆ...

พร้อมกับดวงจันทร์ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆดวงนี้...



ฐานทัพบนดวงจันทร์นั้นเป็นฐานที่มั่นของเคานต์ซาสบาร์ม...ผู้ชายคนนั้นแทบจะไม่ได้กลับไปเหยียบดาวอังคารหากไม่มีธุระ เพราะงั้นตระกูลซาสบาร์มจึงไม่มีผู้สืบทอดอื่นใดอีกนอกจจากสเลน ทรอยยาร์ด ที่ถูกรับเป็นลูกชายอย่างไม่คาดฝัน

ใบหน้ามนก้มลงไปมองดอกไม้สีขาวในมือ...ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรที่ต้องทำเรื่องแบบนี้ลงไป

ใช่...เขาเป็นคนฆ่าท่านเคานต์ซาสบาร์มเอง

ฆ่าผู้ชายที่เอ็นดูเขาจากใจจริงด้วยสองมือของเขาเอง...

สองขาหยุดยืนอยู่หน้าหลุมศพที่ไร้ร่างกายอยู่ในนั้น สายตาที่ทอดมองไปยังชื่อบนแผ่นป้ายสีเงินเต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าผู้ชายคนนี้รักเขาขนาดไหน เพราะแบบนั้นจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ยังไม่ลุกไหม้ไปมากกว่านี้

ต้องฆ่าท่านเคานต์ก่อนที่เขาจะรักจนฆ่าไม่ลง...

เพราะถึงอีกฝ่ายจะดีกับเขาขนาดไหน แต่ความจริงที่ว่าท่านเคานต์ทำร้ายองค์หญิงก็ยังอยู่...และมันก็เป็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ปิดกั้นหัวใจของเขาไม่ให้รักท่านเคานต์ไปมากกว่านี้

แต่มันไม่ได้ง่ายเลย...กับการจะหักห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปกับคนเพียงคนเดียวที่ทำดีกับเขา

มือบางวางดอกไม้ลงไปที่หน้าหลุมศพก่อนจะก้มหัวให้


ไม่เลวเลย

ขนาดถูกเขาหักหลัง แต่คำสุดท้ายที่ผู้ชายคนนี้เอ่ยกับเขาก็ยังเป็นถ้อยคำที่เต็มไปด้วยการให้อภัย  ไม่คิดจะโกรธ ไม่คิดจะต่อว่าเขาบ้างหรือไงนะ ท่านเคานต์ซาสบาร์ม...

เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อของเขาเคยช่วยเหลือท่านเคานต์ไว้ขนาดไหน แต่การที่อีกฝ่ายทดแทนบุญคุณให้เขาขนาดนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

ไม่ยุติธรรมเลย...

จะบอกกับเขาทำไมถึงแผนการชั่วร้ายที่ตัวเองกำลังจะทำ จะบอกเขาทำไมว่าจะฆ่าองค์หญิง จะบอกเขาทำไมว่าตัวเองเป็นคนฆ่าเคานต์ครูเทโอแล้วเอาตัวเขามา จะบอกเขาทำไม....ถ้าจะรักเขาขนาดนี้

ไม่ยุติธรรมเลย...

คุณมันขี้โกง ท่านเคานต์ซาสบาร์ม

รักผมทำไมถ้าจะทำร้ายคนทั้งโลกแบบนี้...

คุณไม่คิดที่จะให้ผมรักคุณบ้างเลยหรือยังไง...


ไม่ยุติธรรมเลย...










เสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับทางเดินหยุดกึกเมื่อคนที่ใส่มันอยู่มองเห็นสเลน ทรอยยาร์ดยืนอยู่ที่หน้าหลุมศพของเคานต์ซาสบาร์ม

เจ้าของปราสาทเทียบท่าบารูครูซขยับหลบไปยืนอยู่หลังเสาต้นใหญ่ก่อนจะลอบมองใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาที่ดูเจ็บปวดทรมานจากการที่ต้องวางดอกไม้ลงไปบนป้ายหลุมศพ...เขาก็แค่แวะมาทำธุระที่ฐานทัพบนดวงจันทร์ก่อนจะกลับไปยังวงโคจรตามตำแหน่งที่ปราสาทของเขาควรจะอยู่ ไหนๆก็มาแล้วเลยว่าจะแวะมาทำความเคารพหลุมศพของเคานต์ซาสบาร์มเสียหน่อย อย่างน้อยเขาก็นับถือผู้ชายคนนั้นอยู่ไม่น้อย...แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเคานต์สเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ดที่นี่

หึ...แต่ก็ไม่เห็นแปลก...ในเมื่อเจ้าลูกหมาจากดาวโลกนั่นมันกำลังจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนฐานทัพแห่งนี้

ช่างยิ่งใหญ่เสียจริงนะ ทั้งๆที่ใช้เวลาน้อยกว่าคนของ 37 ตระกูลตั้งไม่รู้กี่เท่า...พวกเขากว่าจะขึ้นมาถึงตำแหน่งเคานต์ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยแท้ๆ

เด็กนั่น...ใช้อะไรแลกมากัน...

แล้วทั้งๆที่อยู่กับเคานต์ซาสบาร์มยังไม่ทันจะถึงปีกลับทำหน้าแบบนั้นยามเมื่อมองหลุมศพ...ต้องรักมากแค่ไหนถึงได้เจ็บปวดแบบนั้นกัน? หรือว่าจะมีอะไรมากกว่านั้น?

ก็รู้อยู่หรอกนะว่าเคานต์ซาสบาร์มเอ็นดูเด็กนั่นจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ว่าช่วงเวลาสั้นๆจะทำให้ผูกพันกันจนทำหน้าแบบนั้นได้ด้วยเหรอ...


หากเป็นเคานต์ครูเทโอที่เลี้ยงดูกันมานานยังจะเข้าใจได้มากกว่า...









ร่างโปร่งละจากหน้าหลุมศพก่อนจะก้าวขาเดินไปเรื่อยๆ บนดวงดาวที่มีแต่หินแข็งๆนี่ไม่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจใดๆ รอบกายมีเพียงแค่สีขาว เทา ดำ แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตเล็กๆก็ยังคงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามประสาเด็ก

“ นั่นสเลนนี่!   เสียงใสทำให้ใบหน้ามนหันไปมองก่อนจะยิ้มให้

“ นั่นสเลนจริงๆด้วย!”   ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นเด็ดเดี่ยวเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กพวกนี้ เขาจึงยื่นมือออกไปหาตามปกติ

“ สเลน~~”   กลุ่มเด็กตัวเล็กตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นอยู่บนลานหินกรูกันเข้ามาหาร่างโปร่งทันทีโดยไม่ได้สนใจเลยว่าชุดสีเทาที่เคยใส่มันเปลี่ยนไปเป็นสีเลือดหมูแล้ว  เด็กพวกนี้เป็นลูกชนชั้น 3 ของชาวดาวอังคารที่มาเป็นแรงงานก่อสร้างอยู่ที่นี่  ความใสซื่อบริสุทธิ์ทำให้เด็กๆยังคงทักทายและเข้ามาเล่นกับเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าเขาจะเป็นเพียงชาวโลกที่แสนต่ำต้อยในสายตาของชาวดาวอังคาร ไม่ว่าเขาจะเป็นท่านเคานต์ผู้น่าเกรงขาม รอยยิ้มสดใสก็ยังมีให้เขาเสมอมา

ถ้าหากโตจนรู้เรื่องแล้ว...จะยังยิ้มให้เขาเหมือนเดิมหรือเปล่านะ? จะก้มหัวให้หรือจะเบ้หน้าใส่กัน?

“ สเลนเล่านิทานให้ฟังอีกสิ!   ฝ่ามือเล็กๆต่างคนต่างก็ยื้อยุดฉุดดึงเขาจนไปนั่งอยู่บนโขดหินตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว เจ้าเด็กหัวโจกนั่งแหมะลงมาบนหน้าตักของเขาก่อนจะหันมาส่งสายตาอ้อน

“ ใช่ๆ นิทาน!   แล้วก็มีเสียงลูกคู่ดังขึ้นมาจากรอบๆทันที ทำให้เขาหยุดยิ้มไม่ได้ ถึงจะส่ายหน้าอย่างระอาน้อยๆแต่กลับหัวเราะในลำคอด้วยความดีใจ ต่อให้พวกผู้ใหญ่จะรังเกียจเขา แต่หากเด็กๆชอบเขาสักนิดมันก็คงไม่เลวนักหรอก

“ นิทาน~~

“ ครับๆ...”  เสียงเฮดังขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาใสแจ๋วที่มองมาอย่างคาดหวังทำให้เขานิ่งคิดนิดหน่อยว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี 

“ อืม...เอาเรื่องเจ้าหญิงนิทราดีไหม?....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.......”   เสียงนุ่มนวลชวนฟังค่อยๆเล่านิทานที่ตนเคยอ่านเมื่อครั้งยังอยู่บนโลกให้เด็กๆฟัง ใบหน้าอมยิ้มที่ดูมีความสุขนั่นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลามีใครอีกคนลอบมองอยู่ไม่ไกล




เจ้าเด็กสเลนนั่นทำไมถึงลงไปคลุกคลีกับเด็กชั้นต่ำอย่างพวกชนชั้น 3 แบบนั้น!

ช่างไม่นึกถึงเกียรติของเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เอาเสียเลยนะ

ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้กรอบผมหยักศกสีดำทำท่าหงุดหงิด นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองไปยังใบหน้ามนอย่างไม่ลดละ แต่ถึงจะด่าว่าอยู่ในใจแต่กลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าที่ดูเบาสบายในตอนนี้ของสเลนมันช่างชวนมอง รอยยิ้มที่ไม่ได้ดูเศร้าหมองทำให้อวัยวะที่อยู่ใต้แผ่นอกซ้ายเต้นผิดจังหวะแปลกๆ

ริมฝีปากรีบกัดกันแน่นเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะเผลอไผลไปกับภาพตรงหน้า...ไม่ได้เลยนะบารูครูซ...เจ้าก็เห็นแล้วว่าคนที่เข้าไปพัวพันกับเด็กนั่นต้องมีชะตากรรมยังไง

ไม่เห็นจะมีใครหาร่างมาฝังได้สักคน ทั้งเคานต์ซาสบาร์มแล้วก็เคานต์ครูเทโอ

สเลน ทรอยยาร์ดยังคงน่าสงสัยในสายตาของเขาเหมือนเดิม มีแต่ต้องคอยลอบจับตามองเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเป็นคนทรยศหรือเปล่า...แค่จับตาดูแต่ห้ามเข้าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด!







“ พอเจ้าชายจุมพิตลงไปที่ริมฝีปาก เจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมา...”   เสียงนุ่มขาดหายไปเมื่อนิทานที่กำลังเล่าให้เด็กๆฟังกำลังตอกย้ำความจริงที่ตัวเองเผชิญอยู่...เจ้าหญิงนิทรางั้นเหรอ....มันช่างเหมือนกับคนเพียงคนเดียวที่เขาพยายามจะปกป้องเอาไว้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ต่อให้ต้องเปลี่ยนตัวเองให้โหดเหี้ยมแค่ไหนเขาก็ทำได้

เพียงแต่เรื่องจริงมันต่างจากนิทาน...เพราะองค์หญิงอัสเซลัมไม่ฟื้นขึ้นมาเพียงเพราะจุมพิตเหมือนเจ้าหญิงนิทรา...

“ สเลน? แล้วยังไงต่อล่ะสเลน?”   เสียงเล็กรบเร้าให้เขาเล่าต่อ ทำให้ใบหน้าที่กำลังเหม่อลอยหันกลับมาสนใจคนที่นั่งอยู่บนหน้าตัก

“ หลังจากนั้น...เจ้าหญิงก็ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุข...”   ดวงตาใสแจ๋วล้วนเป็นประกาย ใบหน้าของเด็กๆต่างยิ้มแย้มไปกับตอนจบที่แฮปปี้เอนดิ้ง...แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันจะไปจบตรงไหนเขาก็ไม่รู้เลย

“ ขอประทานอภัยนะขอรับท่านสเลน”   เสียงของฮาร์กไลท์ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของข้ารับใช้คนสนิท ร่างสูงโค้งให้อย่างนอบน้อมแต่เด็กๆที่อยู่รอบตัวเขากลับทำหน้ายู่เพราะรู้ดีว่าถ้าฮาร์กไลท์มาอยู่ที่นี่ เขาคงจะถูกแย่งตัวไปจากเด็กพวกนี้

“ ฮาร์กไลท์คนขี้โกง!   นั่นไง...ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเด็กๆต่างก็ชี้หน้าใส่ร่างสูง

“ ใช่ๆ ยึดสเลนเอาไว้คนเดียว บู่ว~

“ เดี๋ยวเถอะพวกเจ้านี่มัน...”   แต่เพราะฮาร์กไลท์เองก็ไม่ใช่คนใจร้าย เด็กๆถึงได้กล้าต่อว่า ร่างสูงทำเพียงส่งสายตาดุๆไปให้ก่อนจะหันมาหาเขา

“ ได้เวลาต้องเอาปราสาทเทียบท่าลงที่โลกแล้วนะขอรับ”   ใบหน้ามนพยักรับก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ สเลนจะไปแล้วเหรอ....”   เสียงละห้อยเอ่ยออกมาพร้อมนัยน์ตาเศร้าๆ ทำเอาท่านเคานต์เพียงหนึ่งเดียวของปราสาทซาสบาร์มต้องคุกเข่าลงไปพร้อมมือที่ยกขึ้นโยกหัวเล็กอย่างเอ็นดู

“ เดี๋ยวผมก็กลับมา...นะ”   ใบหน้าเล็กๆพยักรับรอยยิ้มของเขา ร่างโปร่งจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะก้าวขาจากไปพร้อมๆกับฮาร์กไลท์

ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนกลับมาเคร่งขรึมทันทีที่ก้าวขากลับเข้ามาในปราสาทเทียบท่า นัยน์ตาสีมรกตเมินเฉยต่อสายตาของทหารบางคนที่ยังคงมองมาอย่างไม่เชื่อถือ...ไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาใส่ใจ...ขอเพียงทำตามความตั้งใจของตัวเองเท่านั้น ใครจะมองยังไงจะดูถูกเหยียดหยามพื้นเพของเขายังไงก็ช่าง

“ จะนำปราสาทเทียบท่าลงที่ไหนดีขอรับ?”   และเมื่อท่านเคานต์เพียงหนึ่งเดียวของปราสาทซาสบาร์มก้าวขาเข้าไปยังห้องบัญชาการ ใบหน้ามนก็ตอบทันทีโดยที่ไม่ต้องนิ่งคิด

“ ญี่ปุ่นครับ”







รังสีที่ปล่อยออกมาตอนที่ปราสาทเทียบท่าลงจอดยังพื้นโลกทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ล้วนสลายหายไปภาพในพริบตา วัตถุที่เคยลอยอยู่บนฟ้ากางปีกทั้ง 4 ออกราวกับกางร่ม ใบหน้ามนของคนที่บัญชาการทอดสายตามองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยผ่านทางมอนิเตอร์

จะไม่คุ้นได้ยังไงในเมื่อสถานที่ที่เขาเลือกลงจอดนั้นอยู่ใกล้ปราสาทของท่านเคานต์ครูเทโอที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้แค่นิดเดียว

“ ท่านสเลน? จะไปไหนหรือขอรับ?”   ฮาร์กไลท์ทักขึ้นเมื่อเห็นเขาสะบัดตัวเตรียมจะก้าวขาออกไป

“ ผมจะเอาทาร์ซิสออกไปสำรวจแถวๆนี้...ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวก็กลับมา...ไม่ต้องตามด้วย”   ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าฮาร์กไลท์แอบติดเครื่องติดตามตัวเขาเอาไว้ คงจะเป็นห่วงซึ่งเขาก็เข้าใจ แต่การออกไปครั้งนี้เขาอยากจะไปเป็นการส่วนตัว...


เพราะอีกไม่กี่นาทีให้หลัง สถานที่ที่ทาร์ซิสลงจอดก็คือที่ยอดปราสาทครูเทโอนั่นเอง








“ มีสัญญาณบ่งบอกว่าทาร์ซิสออกนอกปราสาทซาสบาร์มไปแล้วขอรับ”  เสียงรายงานดังขึ้นในห้องบัญชาการของปราสาทบารูครูซ ร่างสูงใหญ่เพียงแค่ยืนกอดอกพลางมองภาพทิวทัศน์ของพื้นโลกอย่างใช้ความคิด

“ ไม่สามารถติดตามด้วยกล้องได้แล้วขอรับเพราะดูเหมือนสถานที่ที่ทาร์ซิสเข้าไปจะเป็น....ปราสาทที่ถูกทิ้งร้างของท่านเคานต์ครูเทโอขอรับ”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำพยักรับอย่างเข้าใจ ขนาดพวกเขาลอยอยู่บนวงโคจรรอบโลกแต่บางจุดมันก็มีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถจะส่องกล้องลงไปจนมองเห็นได้

ทั้งๆที่หากอยู่ในปราสาทก็จะติดต่อกันได้ตลอดราวกับอยู่ใกล้แค่คืบแท้ๆ

เจ้าเด็กนั่นไปทำอะไรในปราสาทที่ไม่มีใครอยู่แบบนั้นกัน?

“ เคานต์บารูครูซ”   มอนิเตอร์เปลี่ยนภาพไปเป็นใบหน้าของเคานต์มารีเชี่ยนที่ลอยอยู่บนวงโคจรเช่นกัน ปราสาทของพวกเขาสองคนทำหน้าที่สังเกตการณ์อยู่โดยรอบจึงยังไม่เคยลงจอดบนพื้นโลกเลยสักครั้ง

“ มีอะไรรึเคานต์มารีเชี่ยน?” 

“ เจ้าเด็กสเลนนั่นเอาทาร์ซิสออกไปจากปราสาท...ท่านไม่คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีแล้วรึที่เราจะสั่งสอนให้มันรู้สำนึกเสียบ้างว่าที่ต่ำที่สูงเป็นยังไง?”  ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองที่เห็นผ่านหน้าจอกำลังแสยะยิ้มร้าย

“ สั่งสอน?”   คิ้วสีดำได้แต่ขมวดเข้าหากัน เพราะคำว่าสั่งสอนที่ว่านี่มันหมายถึง....

“ ใช่ ถ้าเป็นตอนนี้ก็จะไม่มีใครเห็น เดี่ยวเราจัดการเอง”   แล้วหน้าจอก็ตัดไปทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง

“ เดี๋ยว! เคานต์มารีเชียน!”   ฝ่ามือยกขึ้นหมายจะห้าม เพราะทำแบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากหมาลอบกัดซึ่งไม่มีบัญญัติอยู่ในเกียรติและศักดิ์ศรีของเคานต์เลยสักนิด

“ เคานต์มารีเชี่ยนอยู่ที่ไหน?!”  ท่านเคานต์แห่งปราสาทบารูครูซตะโกนกร้าวถามลูกน้องที่ควบคุมเรดาห์อยู่

“ น่าจะออกจากปราสาทด้วยหุ่นรบของท่านเคานต์แล้วขอรับ”   แย่ละสิ...

“ เตรียมหุ่นให้เราเดี๋ยวนี้ เราจะออกไปตาม!”   คำสั่งยังไม่ทันจะเอ่ยจบประโยค ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวขาพรวดๆออกไปทันที

หุ่นรบที่เดินเครื่องด้วยอัลโนอาห์ถลาออกจากปราสาทที่ลอยอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ คิ้วสีดำยังคงขมวดไม่คลายเพื่อตามเป้าหมายให้ทันเขาจึงต้องเร่งเครื่องเต็มกำลัง

เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าเด็กนั่นจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็แค่ไม่อยากให้ศักดิ์ศรีของเคานต์ถูกทำลายด้วยการมาทำร้ายกันเองแบบนี้!









ร่างสูงโปร่งของฮาร์กไลท์ยืนนิ่งอยู่กลางห้องบัญชาการ ใบหน้าที่มักจะอ่อนโยนอยู่เสมอกลับมีแววหงุดหงิดที่ไม่อาจติดตามนายของตนไปได้ แม้แต่กล้องก็ยังมองไม่เห็น!

เพราะเขาเป็นข้ารับใช้ส่วนตัว ยศจึงถือว่าเหนือกว่าทหารทั่วไป เพราะฉะนั้นยามที่ท่านเคานต์สเลนไม่ได้อยู่ในปราสาทเขาจึงมีสิทธิ์ขาดในการบัญชาการ

“ ยังตามตัวไม่ได้อีกหรือไง?”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำเงินเอ่ยสั่งนายทหารด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าปกติ ดูท่าทางว่าท่านเคานต์ตัวน้อยของเขาจะรู้แล้วสินะว่าเขาแอบติดเครื่องติดตามตัวเอาไว้...แล้วนี่ก็คงจะโยนทิ้งไป...

“ พบทาร์ซิสแล้วครับ...น่าจะอยู่ที่...เอ่อ....”   นายทหารเอ่ยออกมาขาดๆหายๆราวกับไม่แน่ใจในตำแหน่งที่ตนมองเห็น

“ ที่ไหน?”   คนยิ่งร้อนใจอยู่จึงเผลอถามด้วยเสียงหงุดหงิด

“ น่าจะเป็น...ปราสาทร้างของท่านเคานต์ครูเทโอ...”   ใบหน้าเรียวรู้สึกชาวาบไปหลายวินาที ฝ่ามือเผลอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

นัยน์ตาที่กำลังสั่นระริกจำต้องเก็บกดทุกความรู้สึกลงไป...ทำไม...ทำไมท่านสเลนถึงยังกลับไปที่นั่นอีก


ทำไมถึงตัดไม่ขาดเสียที...


ทั้งๆที่คนคนนั้นก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว...

เขาสู้อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางให้เคานต์ซาสบาร์มถูกกำจัดแต่ไม่นึกเลยว่าในใจของท่านสเลนจะมีใครอีกคนที่ฝังรากลึกอยู่...และมันคงจะลึกมาก...จนแม้แต่เขาก็คงต้องยอมแพ้ผู้ชายที่ตายไปแล้วคนนั้น

ไม่สิ...ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัว...ว่าหัวใจของท่านสเลนไม่ได้ว่างเปล่า...ในเมื่อเขาเองก็เห็นมาตลอด...ว่ายามที่ทุกข์ใจหรือยามที่อ่อนแอ ร่างโปร่งบางนั่นก็มักจะหลบไปอยู่ในตัวทาร์ซิสตลอด


อยู่ในนั้น...ราวกับเห็นว่ามันเป็นตัวแทนของใครบางคน...


ริมฝีปากกัดกันแน่น นัยน์ตาที่อ่อนโยนอยู่เสมอมีแววดุดันวูบหนึ่งก่อนจะปรับให้มันกลับมาเป็นปกติ

เอาเถอะ...ยังไงเคานต์ครูเทโอก็คงลุกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว เป็นแค่ความทรงจำที่สักวันมันก็คงจะจืดจางไปเอง...ไม่จำเป็นต้องกังวล

“ คุณฮาร์กไลท์...นี่มัน....”   นายทหารเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังกลัวเกรงต่ออะไรบางอย่างทำให้เขาหันไปดูที่จอมอนิเตอร์ ก่อนจะพบว่าจุดสองจุดกำลังพุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศและไม่นานมันคงจะตกลงมาในพิกัดที่อยู่ใกล้ๆกับปราสาทแห่งนี้แน่

“ หุ่นรบงั้นรึ? ของใคร?”   นี่ต่างหากที่ต้องกังวล...ในเมื่อยังมีคนที่คอยจ้องจะทำร้ายท่านเคานต์ของเขาอยู่!

“ น่าจะเป็น...ท่านเคานต์มารีเชี่ยนกับท่านเคานต์บารูครูซครับ!”   สองคนนั้นเองเหรอ...อย่างเคานต์มารีเชี่ยนเขาไม่รู้สึกแปลกใจ แต่กับเคานต์บารูครูซน่ะเขาไม่คิดเลยว่าจะยอมลดศักดิ์ศรีที่ตนทระนงนักหนามาเป็นหมาลอบกัดแบบนี้ด้วย!

“ ติดต่อเคานต์สเลนเร็วๆเข้า!”   อย่างน้อยก็ต้องบอกให้ท่านสเลนรู้ตัวก่อน เพราะหากรู้ตัวและรอรับมือเขาก็เชื่อว่าทาร์ซิสจะเอาชนะสองท่านเคานต์นั่นได้...

ถึงจะไม่ชอบใจแต่เขาก็ยอมรับว่าทาร์ซิสแข็งแกร่งจริงๆ

ยังไงท่านก็ยังคงเป็นคนที่ปกป้องท่านสเลนได้ดีที่สุดงั้นสินะ ท่านเคานต์ครูเทโอ...

“ ติดต่อไม่ได้เลยครับ ทาร์ซิสมีการตอบรับ...เพียงแต่ว่า...ท่านเคานต์สเลนไม่ได้อยู่ในตัวทาร์ซิส”  


ตึง!


ฝ่ามือเผลอทุบลงไปบนโต๊ะเต็มแรง

ไปอยู่ที่ไหนกันนะ ท่านสเลน...











พื้นรองเท้าบูทเสียดสีกับพื้นทางเดินก้องกังวานเป็นเสียงเดียว ผู้คนที่เดินสวนมาล้วนทะลุผ่านตัวเขาเพราะมันเป็นเพียงภาพเก่าๆที่อยู่ในหัว...ทั้งๆที่แกนเชื่อมปราสาทแห่งนี้ต้องมีคนพลุกพล่านตลอดทั้งวันแต่บัดนี้กลับว่างเปล่า

ไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่แล้วจริงๆ...

สองขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องบังคับบัญชา แผ่นหลังของท่านเคานต์ครูเทโอที่มักจะยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยไม้เท้าคู่ใจทำให้เขาเผลอยิ้มออกไป...ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีใครยืนอยู่สักคน...

ร่างโปร่งเดินเข้าไปข้างใน ท่านเคานต์จะต้องหันมาทันทีที่เห็นเขา ใบหน้าหยิ่งทระนงภายใต้กรอบผมสีทองนั่นมักจะมองเขาด้วยสายตาเหยียดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มองเขาอยู่ตลอด มองราวกับไม่อยากให้เขาคลาดไปจากสายตา....

เขาก้าวขาออกจากห้องบังคับบัญชาก่อนจะเดินไปเรื่อยๆ ทุกๆที่ในปราสาทหลังนี้ล้วนเป็นภาพที่คุ้นตา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพที่เขาถูกท่านเคานต์ดุว่าทารุณกรรมเสียส่วนใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่เคยรู้สึกชิงชังผู้ชายคนนั้นเลย

สองขาเดินผ่านหน้าห้องทานอาหารและมันก็ทำให้เขาเผลออมยิ้มอีกครั้ง เพราะข้างในมันไม่ได้เป็นโต๊ะทั่วไปแบบที่เขาเห็นในปราสาทอื่นๆ แต่ห้องของท่านเคานต์มักจะตกแต่งตามแบบโบราณ โต๊ะกินข้าวมันถึงได้ยาวเหมือนโต๊ะสมัยก่อน....เขาหยุดยืนมองท่านเคานต์กำลังฟาดไม้เท้าลงบนฝ่ามือของเขา เสียงเข้มงวดมักจะบอกให้เขาจับช้อนส้อมให้ถูกและจำลำดับให้ได้ว่าอะไรมันต้องวางตรงไหน ถึงเขาจะเป็นแค่ทหารธรรมดาๆแต่กลับต้องมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกับท่านเคานต์ทุกวัน...ตามที่ท่านเคานต์บอกว่าเขามันมารยาททรามปล่อยให้ไปกินที่อื่นคงได้ขายขี้หน้ามาถึงท่านเคานต์ด้วย

ใบหน้ามนส่ายน้อยๆพร้อมรอยยิ้ม...ตอนแรกๆเขาก็กลัวผู้ชายคนนั้นแต่อยู่ด้วยกันนานๆเข้าเขากลับเข้าใจความปากไม่ตรงกับใจนั้นไปเอง

สองขาก้าวเดินต่อไปเพื่อหาห้องเป้าหมายที่ทำให้เขากลับมาที่ปราสาทรกร้างแห่งนี้อีกครั้ง


ห้องนอนของท่านเคานต์ครูเทโอ...


และเพราะว่าอัลโนอาห์หยุดทำงานไปแล้วทำให้เขาต้องออกแรงดันประตูเลื่อนหน้าห้องให้เปิดออก...เขาเคยเข้ามาในนี้ครั้งหนึ่ง...ถึงจะไม่รู้ว่าเข้าไปได้ยังไงก็เถอะนะ

นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองห้องที่ราวกับถอดแบบออกมาจากหนังสือประวัติศาสตร์สมัยวิกตอเรียน เพราะว่าส่วนนี้อยู่ไกลจากห้องบังคับบัญชาทำให้ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพดี  สองขาเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงที่ทำจากไม้ก่อนจะนั่งลงไปช้าๆ...เขาเคยลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเข้ามาได้ยังไงและท่านเคานต์เองก็ปิดปากไม่ยอมพูดอะไร เขาจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้จนถึงตอนนี้

ใบหน้ามนหันไปมองชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง...ท่านเคานต์ชอบอ่านหนังสือ...และเขาก็มักจะเห็นท่านเคานต์นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเป็นประจำหากมีเวลาว่าง...ริมฝีปากถึงกับอมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของท่านเคานต์

เขาเอี้ยวตัวกลับไปมองหมอนสีขาวใบใหญ่ที่วางอยู่ที่หัวเตียง ฝ่ามือหยิบมันขึ้นมากอดเอาไว้ กลิ่นของท่านเคานต์ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับที่อยู่ในห้องคนขับของทาร์ซิสลอยฟุ้งออกมา  ยิ่งโหยหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียดายที่เราไม่มีโอกาสพูดกันดีๆเลยสักครั้ง...ทั้งๆที่อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ....

อีกนิดเดียวก็จะเข้าใจกันได้แล้วแท้ๆ....

มือบางยกขึ้นเกลี่ยไล้น้ำตาที่ปริ่มออกมาก่อนจะวางหมอนลงที่เดิม...หากกลับไปแก้ไขอดีตได้เขาคงทำไปแล้ว แต่ตอนนี้คงมีแค่อนาคตที่เขาจะทำเพื่อท่านเคานต์ได้...เขาจะต้องปกป้ององค์หญิงจากทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้


แต่ว่า...หากกลับไปแก้ไขอดีตได้จริงๆ...เขาควรจะทำยังไงดีนะ?

บอกความรู้สึกที่มีให้ออกไปตรงๆ หรือแอบมองแล้วค่อยๆทำให้ท่านเคานต์ใจอ่อนดีนะ?


ใบหน้ามนส่ายหน้าน้อยๆให้กับความคิดที่เป็นไปไม่ได้พลางหัวเราะในลำคอ...ก็เพราะกลับไปแก้ไขมันไม่ได้แล้วน่ะสิ เขาถึงได้กล้าคิดแบบนี้...เพราะการจะทำตัวให้เป็นปกติต่อหน้าคนที่แอบชอบน่ะ มันทำได้ง่ายๆเสียที่ไหน ยิ่งอีกฝ่ายเป็นท่านเคานต์จอมเย่อหยิ่งเอาแต่ใจด้วยแล้ว...

“ หึๆ”   เขาลุกจากเตียงก่อนจะพยายามห้ามเสียงหัวเราะ สองขาเดินไปหยุดลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งมีเพียงของใช้ของผู้ชายไม่กี่ชิ้น และหนึ่งในนั้นมันคือของที่เขาต้องการจะมาเอา

มือบางหยิบขวดน้ำหอมดีไซน์สวยขวดหนึ่งขึ้นมาก่อนจะแนบมันไว้ที่หน้าอก...ถึงมันจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่นี่ก็เป็นกลิ่นที่ใกล้เคียงกับท่านเคานต์ที่สุดแล้ว...

เหมือนคนโรคจิตเลยนะนายน่ะ สเลน ทรอยยาร์ด...

แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อไป แรงสั่นสะเทือนจากอะไรบางอย่างก็ทำให้ทรงตัวแทบไม่อยู่


ครืนนนนน....


เกิดอะไรขึ้นน่ะ?

ร่างโปร่งรีบวิ่งออกมาจากห้องนอนของเคานต์ครูเทโอเพื่อกลับไปยังทาร์ซิส


โครม!!!


ทว่า หลังคาของปราสาทร้างกลับถล่มลงมาจนเศษซากปรักหักพังกองขวางอยู่ตรงหน้า ฝุ่นผงลอยคลุ้งจนมองแทบไม่เห็นอะไรจนเขาได้แต่ตื่นตระหนกว่ามันเกิดอะไรขึ้น? เพราะถึงจะถูกทิ้งร้างและอัลโนอาห์ไม่ทำงานแต่ปราสาทหลังนี้ก็ยังอยู่ในสภาพดีและยังไม่ถึงเวลาที่จะถล่มลงมาเองแบบนี้แน่

จะต้องมีใครทำให้มันพัง แล้วก็เชื่อได้เลยว่าใครคนนั้นต้องรู้แน่ๆว่าเขาอยู่ในนี้!

ริมฝีปากกัดกันแน่น เขาประมาทเกินไป ตอนนี้คงได้แต่ต้องคิดว่าจะทำยังไงดี ในหัวกำลังประมวลหาเส้นทางที่จะกลับไปยังทาร์ซิสให้ได้ ดูจากการโจมตีที่สะเปะสะปะก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนและทาร์ซิสอยู่ตรงไหน มันถึงได้ทำลายไม่เลือกจุดแบบนี้

ฝ่าเท้าวิ่งย้อนกลับไปอีกทางอย่างพยายามสงบหัวใจที่กำลังเต้นระรัว...ใครกันที่มันทำตัวเป็นหมาลอบกัดแบบนี้?!

และเขาก็ได้คำตอบแทบจะทันทีเมื่อจู่ๆเพดานปราสาทตรงหน้าก็ถล่มลงมาพร้อมๆกับแขนของหุ่นรบที่เป็นฝ่ายทำลายมัน...ถ้าจำไม่ผิดนั่นมัน....

“ เคานต์มารีเชี่ยน?....”   นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างและเพราะแสงสว่างมันสอดส่องเข้ามาได้แล้วทำให้เจ้าหุ่นรบตัวโตหาตัวเขาเจอในที่สุด...แย่แล้ว...

ฝ่าเท้าวิ่งมุดลงไปในท่อส่งก๊าซ พยายามอาศัยความได้เปรียบจากการที่เขารู้ผังของปราสาทนี้ดีกว่าอีกฝ่ายเพื่อหนีออกไปให้ได้ ทว่า การที่เคานต์มารีเชียนกวาดล้างทำลายทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้ทำให้เขาดูจะได้เปรียบขึ้นมาเลย

ใบหน้ามนหันกลับไปมองหุ่นรบตัวโตนั่นเป็นระยะๆและมันก็ทำให้เขามองเห็นว่ากำลังมีหุ่นอีกตัวพุ่งเข้ามาใกล้ๆ...ใครกัน?...มาช่วยเขาหรือว่าจะตามมาซ้ำเติม?


โครม!!!


หลังคาปราสาทถูกกวาดกระเด็นลงมาทับพื้นที่เขายืนอยู่ และมันก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดับวูบไปพร้อมๆกับร่างของเขาที่ร่วงลงไปในอากาศ

แว่บหนึ่งซึ่งดวงตามองเห็นหุ่นอีกตัวที่พุ่งเข้ามา ถ้าจำไม่ผิด....เคานต์บารูครูซงั้นเหรอ?

ถ้างั้น...ก็คงไม่ได้มาช่วยเขาสินะ....


แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำทำให้ไม่เห็นว่าคนที่คิดว่าจะมาซ้ำนั้นกำลังยกแขนขัดขวางหุ่นของเคานต์มารีเชี่ยนอยู่ต่างหาก!






“ เคานต์มารีเชี่ยน! หยุดเดี๋ยวนี้!”   เสียงดุดันดังผ่านจอมอนิเตอร์ทำให้คนที่กำลังได้เปรียบสบถอย่างไม่พอใจ

“ เจ้าต้องการอะไรเคานต์บารูครูซ? มาขัดขวางเราทำไม? ไม่เห็นรึว่าเจ้าเด็กสเลนนั่นมันกำลังจะกลับมาอวดดีกับพวกเราไม่ได้แล้วน่ะ? จะต้องซ้ำมันเดี๋ยวนี้!”   น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาจากหุ่นรบที่กำลังจะฟาดท่อนแขนลงไปแต่กลับมาแขนของหุ่นอีกตัวขวางเอาไว้

“ ทำแบบนั้นไม่ได้! เจ้าไม่มีเกียรติของเคานต์แห่ง 37 ตระกูลอัศวินวงโคจรเลยงั้นรึ? ถึงเด็กนั่นจะเป็นชาวโลกแต่ก็จงอย่าลืมว่าตอนนี้สเลน ทรอยยาร์ดเป็นเคานต์แห่งตระกูลซาสบาร์ม เราจะมาฆ่ากันเองไม่ได้!”   เคานต์มารีเชี่ยนได้แต่สบถอย่างหัวเสียก่อนจะสะบัดแขนหุ่นรบของตัวเองออกไปอย่างไม่พอใจ

“ ถ้ามันรอด คิดรึว่ามันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้ององค์กษัตริย์?!”  

“ เราเชื่อว่าเขาไม่ทำ!

“ ถ้างั้นก็ตามใจเจ้า เคานต์บารูครูซ! แต่เราขอถามหน่อยว่าเจ้าเชื่อใจเด็กนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?! เหอะ! ระวังอย่าให้ถอนตัวไม่ขึ้นอย่างเคานต์ซาสบาร์มกับเคานต์ครูเทโอก็แล้วกัน แล้วจะหาว่าเราไม่เตือน!”   เคานต์มารีเชี่ยนขับหุ่นกลับไปทันที ก่อนจะทิ้งคำพูดที่ทำให้เจ้าของปราสาทบารูครูซถึงกับสะอึกเอาไว้

เชื่อใจเด็กนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นรึ?

ไม่จริง...มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก...ที่เขาทำลงไปก็แค่ไม่อยากให้เกียรติของเคานต์เสื่อมเสียก็เท่านั้นเอง

ไม่ได้รู้สึกอะไร...กับเด็กนั่น....


หุ่นรบที่เหลืออยู่ตามลำพังหันไปหันมาเพื่อมองหาร่างของเคานต์สเลน ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ด แต่เมื่อพบกับความเป็นจริงบางอย่างก็ทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำถึงกับชาวาบ

เพราะที่ที่เด็กนั่นตกลงไป....มันคือท้องน้ำที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา....

สิ่งที่ชาวโลกเรียกมันว่า...ทะเล...


















เสียงคลื่นซัดสาดคละเคล้าไปกับเสียงนกรบกวนห้วงนิทราจนเปลือกตาจำต้องเปิดขึ้นมา นัยน์ตาสีมรกตกระพริบอย่างยากเย็นเพราะความเจ็บปวดมันแล่นลิ่วมาจากทั่วกาย

นี่เขาอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?

นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองฝ้าเพดานที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะไล่ลงมามองห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือ ขนาดโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างนั่นก็ยังมีแต่หนังสือ เครื่องเรือนทุกอย่างที่ตั้งอยู่รอบกายทำให้เขารู้ว่าเขาคงจะอยู่ในบ้านของชาวโลกสักคนหนึ่ง และบ้านหลังนี้ก็คงจะอยู่ริมทะเลดูจากผ้าม่านโปร่งสีขาวที่พัดเอากลิ่นเค็มๆนั่นเข้ามา

ใบหน้ามนก้มลงมองที่ตัวเองก่อนจะพบว่าท่อนบนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมานั้นมันไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ทว่า ผ้าพันแผลก็ทำให้ร่างกายไม่ได้เปลือยเปล่า  ฝ่ามือฝืนขยับขึ้นมาแตะที่หน้าผากเพราะรู้สึกไม่สบายจึงได้รู้ว่าที่หัวเขาก็มีผ้าพันแผลพันอยู่เช่นกัน

ถ้าเช่นนั้น...เขาถูกเจ้าของบ้านหลังนี้ช่วยเอาไว้สินะ?

จำได้ว่าเขาถูกลอบทำร้ายจากเคานต์มารีเชี่ยนแล้วก็ตกลงมาจากปราสาทของท่านเคานต์ครูเทโอ...

ต้องรีบกลับไป...ป่านนี้ฮาร์กไลท์คงจะเป็นห่วงจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

ร่างโปร่งฝืนขยับทั้งๆที่เจ็บจนน้ำตาปริ่ม


แอ๊ด....


เสียงประตูเปิดออกพร้อมๆกับกลิ่นข้าวต้มหอมฉุย ฝ่าเท้าที่ก้าวเข้ามาคงจะเป็นคนที่ช่วยเขาเอาไว้ ใบหน้ามนจึงตั้งใจจะเงยขึ้นไปเพื่อเอ่ยขอบคุณ


ทว่า...


“ ฟื้นแล้วรึ? เดี๋ยว! อย่าเพิ่งขยับตัวสิ!”  

ทั้งเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคย ทั้งใบหน้าหยิ่งทระนง ทั้งเส้นผมสีทองเป็นประกาย ทั้งนัยน์ตาสีฟ้า ทั้งฝ่ามือใหญ่ๆที่ยื่นมาหา

ทั้งหมดของคนตรงหน้า...มันกำลังทำให้น้ำตาของเขาไหลลงไปโดยไม่รู้ตัว

เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ขยับเรียกคนตรงหน้าทั้งๆที่มันไม่มีเสียง...


“ ท่านเคานต์...ครูเทโอ....”








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.






เอาละสิ...ท่านเคานต์ยังมีชีวิตอยู่? หรือว่าเป็นมโนของสเลน? หรือว่าเป็นคนหน้าเหมือน?  งานนี้ยาวๆ5555 //โดนเตะ

ฮืออออออออออออ มันเอาอีกแล้ววววววว เมามันส์จนหยุดเขียนไม่ได้เลยค่ะ // พรากๆๆๆ ขอบคุณที่ตามอ่านกันนาคะ ต้องโทษเพลง 0.vers ของซาวาโนะซังแต่เพียงผู้เดียว ฮืออออ ยังหลอนไม่หายเลยอ่ะตอนนี้ ชอบมากกกกกกกกก แต่ว่าหาเวอร์ชั่นออริในยูตูบไม่ได้เลยค่ะเลยไม่รู้จะเอาไหนมาแปะให้ฟัง ในยูตูบมีแต่เวอร์ชั่น Nightcoreซึ่งคนลงเค้ามิกซ์เอาเองเพราะเรื่องลิขสิทธิ์อ่ะนะ โอ๊ยยยย แต่อยากให้ฟังมากเรยค่ะเพลงนี้ ทางสุดท้าย บิทโล้ด555 อยู่ในซิงเกิล &Z ค่ะ

ส่วนฟิค...นะ...แอบเพิ่มฮาร์กไลท์มาอีกสมการเพื่อความเมามันส์ ก๊ากๆๆๆ  เค้าขอโต๊ด TvT แต่ฮาร์กไลท์จะไม่ใช่คนดีที่หนึ่งเหมือนในอนิเมะหรอกนะ คึหึหึ

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า *v*


ปล.ขี้เกียจ QC เจอคำผิดก็ข้ามๆมันไปนาคะ // โดนตบ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น