Aldnoah.Zero
Fic [All Count x Slaine] Vers : 02
:
Aldnoah.Zero Fanfiction
:
Cruhteo x Slaine , Barouhcruz x Slaine , Harklight x Slaine
:
Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: สปอยด์อนิเมะจนถึงตอนที่
15 นะคะ
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางแสงสว่างจ้า
ก่อนที่จะหมดสติไปอีกรอบดูเหมือนเขาจะร้องไห้ฟูมฟายแล้วหลับไปในอ้อมแขนของคนที่ไม่รู้ว่าอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือว่าความฝันกันแน่
น่าอายจริงๆเลยแหะ...
ร่างกายที่เมื่อยล้าค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมาก่อนจะพบว่าเขาไม่ได้นอนอยู่ที่เดิม?
เพราะแทนที่จะนอนอยู่บนเตียงที่รายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือแต่ตอนนี้เขากลับนอนอยู่บนโซฟา
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆ
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นสไตล์วินเทจดูเก่าๆแต่ก็น่ารักสมกับบ้านที่อยู่ริมทะเลซึ่งมีเสียงคลื่นซัดสาดตลอดเวลาแบบนี้
แล้วผู้ชายที่เขาตื่นขึ้นมาเจอล่ะไปไหนกัน?
หรือว่านั่นมันเป็นเพียงความฝัน?
เขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแต่ที่จริงแล้วนอนอยู่บนโซฟา?
แล้วก็ไม่ได้เจอผู้ชายที่หน้าเหมือนท่านเคานต์แต่เป็นเพียงภาพแห่งความโหยหา?
“
อึก...”
ฝ่ามือยกขึ้นกุมขมับเมื่อรู้สึกว่ามันปวดแปลบ...ถ้ามันเป็นแค่ความฝันแล้วทำไมผ้าพันแผลตามตัวของเขามันถึงยังเหมือนเดิม....
“
รู้สึกตัวแล้วรึ?”
เสียงทุ้มที่ฟังยังไงก็เป็นเสียงของท่านเคานต์ครูเทโอทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกค้าง
ใบหน้ามนค่อยๆหันไปตามเสียงก่อนที่ร่างทั้งร่างจะนิ่งงันยิ่งกว่าเดิม
เหมือน...
คนที่ยืนอยู่ตรงข้างประตูนั่นเหมือนท่านเคานต์ของเขาจริงๆ
เพียงแต่...
ร่างสูงใหญ่ไม่ได้อยู่ในชุดขุนนางแต่กลับอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว
มีเสื้อกั๊กสีเทาอ่อนสีเดียวกับกางเกงสแล็คสวมทับอยู่
การแต่งกายที่ดูภูมิฐานถึงแม้จะเป็นของชาวโลกแต่มันก็ส่งให้คนตรงหน้าดูสง่างาม
จนหากบอกว่าเป็นท่านเคานต์แห่งดาวอังคารเขาก็เชื่อสนิทใจ
ตกลงว่าใช่หรือไม่ใช่กันแน่นะ?
“
ขอโทษที่ต้องย้ายเธอมานอนตรงนี้ พอดีว่าเตียงมันเปื้อนเลือดของเธอเต็มไปหมดก็เลยต้องเอาไปซักเสียก่อน
เดี๋ยวชั้นทำอาหารง่ายๆให้กินก็แล้วกัน จะได้กินยา”
เขาที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัยและจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกได้แต่ทำหน้างง
“
เดี๋ยวก่อนครับ....”
ฝ่ามือจึงยกขึ้นเพื่อเรียกอีกฝ่ายไว้
ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวขาเดินไปห้องข้างๆ
ใบหน้าหยิ่งทระนงที่เหมือนท่านเคานต์ครูเทโอราวกับแกะจึงเหลือบตามองเขาแทนคำถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“
ผม.....”
ใบหน้ามนก้มมองที่ฝ่ามือของตัวเองอย่างไม่รู้จะเริ่มต้นถามจากตรงไหน ได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างสูงใหญ่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยปากออกมาเอง
“
เธอน่ะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แล้วก็ลอยอยู่ในทะเลจนมาเกยอยู่ที่โขดหินข้างล่างนี่
ชั้นออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้เลยเห็นเข้า
จึงช่วยเธอขึ้นมา...ชั้นจะไม่ถามหรอกนะว่าเธอไปพัวพันกับเรื่องอันตรายอะไรมา
เพราะสภาวะสงครามแบบนี้ต่อให้เดินอยู่บนถนนดีๆก็อาจจะตายได้
ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยล่ะ...ดูจากสีผมแล้วเธอเองก็คงไม่ใช่คนญี่ปุ่นเหมือนชั้นสินะ?” เขาได้แต่นั่งฟังคนตรงหน้าร่ายยาวเป็นหางวาวด้วยตาปริบๆ
ถึงวิธีการพูดจะคล้ายท่านเคานต์มาก ทว่า คนตรงหน้ากลับเป็นผู้ชายที่ห่วงใยเพื่อนมนุษย์ชาวโลก...ซึ่งท่านเคานต์ของเขาไม่ใช่คนแบบนี้แน่...
เคานต์ครูเทโอที่ชิงชังชาวโลกยิ่งกว่าอะไรไม่มีวันแสดงความห่วงใยชาวโลกแบบนี้แน่...
“
ไม่ใช่...ครับ...”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองพยักรับพลางหันตัวกลับไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ เพราะช่องหน้าต่างที่เจาะเอาไว้เขาถึงได้มองเห็นว่ามันเป็นห้องครัว
ไม่ใช่....
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เคานต์ครูเทโอแน่ๆ...
เพราะท่านเคานต์ของเขาคงไม่มีวันมายืนทอดไข่ให้เขากินแบบนี้แน่...
“
ดูท่าทางคุณจะรู้จักโลกใบนี้เป็นอย่างดีสินะครับ?” แต่เขาก็ไม่อยากจะละทิ้งซึ่งความหวัง...ถึงมันจะเป็นฝันลมๆแล้งๆแต่เขาก็อยากจะได้ยินอะไรก็ได้
ประโยคไหนก็ได้...ที่จะบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับดาวอังคาร
ริมฝีปากจึงตะโกนแข่งกับเสียงน้ำมันเดือดในกระทะ
“
หื๋อ?...นี่หัวเธอโดนกระทบกระเทือนหรือเปล่า? ชั้นเป็นชาวโลกก็ต้องรู้จักโลกนี้เป็นอย่างดีสิ?”
แต่แล้วสิ่งที่ใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นเอ่ยออกมามันก็ดับทุกความหวังของเขาไปในทันที
ไม่ใช่จริงๆด้วยสินะ....
“
ขอโทษครับ....”
เขาเอ่ยออกไปด้วยใบหน้าละห้อย
ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในผ้ากันเปื้อนสีขาววางจานใส่ไข่ดาวลงตรงหน้า
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไข่ดาวธรรมดาๆแต่มันกลับทำให้น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกที่หลากหลายกำลังตีกันอยู่ในใจ
ทั้งคิดถึงอาหารง่ายๆบนโลกใบนี้ที่เขาไม่ได้กินมานาน ทั้งความอ่อนโยนของคนตรงหน้า...ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาเผลอคิดไปว่า....หากเขากับท่านเคานต์ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กๆแบบนี้
เป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆที่ยิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน ทำกับข้าวกินด้วยกัน
ดูทีวีด้วยกัน เดินเล่นตามท้องถนนด้วยกัน....ชีวิตมันจะมีความสุขขนาดไหนกันนะ....
ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาเผลอคิดไป...ทั้งๆที่มันไม่มีวันเป็นไปได้อีกแล้ว....
“
นี่? เจ็บแผลเหรอ?” และเมื่อเห็นเขาร้องไห้
ผู้ชายตรงหน้าจึงถามออกมาด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก
“
เปล่าครับ...ไม่เป็นไรครับ...ขอโทษนะครับ....”
สองมือยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด
ทั้งๆที่ทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าใครๆได้แล้วแท้ๆ
แต่พอมาอยู่ตรงหน้าคนที่คล้ายท่านเคานต์ เขาก็กลับไปเป็นเด็กขี้แยอ่อนแอคนเดิม
น่าอายจริงๆ...
“
ยังไงก็รีบกินอะไรเข้าไปสักหน่อยเถอะ ถ้ากินยาแล้วอาจจะเจ็บน้อยลง”
เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทั้งๆที่ยังปาดน้ำตา
มือที่หยิบขนมปังที่โปะไข่ดาวขึ้นมานิ่งค้างไปเล็กน้อย รอยยิ้มจางๆเผยอยู่บนใบหน้า...จริงสินะ...ถ้าเป็นท่านเคานต์ของเขาละก็....คงจะไม่มัวมาคะยั้นคะยอให้เขากินเองแบบนี้หรอก
แต่มือใหญ่จอมเอาแต่ใจนั่นคงจับทุกอย่างยัดเข้าปากเขาแล้วตามด้วยการกรอกยาอันโหดร้ายไปแล้วแน่ๆ
กริ๊ง....
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นมาขัดบทสนทนาของพวกเขา
ร่างสูงใหญ่หันไปมองก่อนจะเดินออกไปเป็นประตู
ดูเหมือนบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านเล็กๆที่มีเพียงหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น
หนึ่งห้องครัวแล้วก็หนึ่งห้องน้ำเท่านั้นเอง
บนโซฟาที่เขานอนอยู่จึงมองทะลุไปถึงประตูหน้าบ้าน
และเพราะแบบนั้นเขาจึงมองเห็น...ว่าคนที่มาหาเป็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขาสองสามคน...
“
พวกเธอเองรึ? มีอะไรล่ะ?” เสียงทุ้มทักคนที่มาใหม่ราวกับว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี
“
แม่ให้เอาไข่มาให้ค่ะอาจารย์ อาจารย์จะได้ไม่ต้องไปเดินหลงทางในเมืองอีก” แล้วเด็กสาวพวกนั้นก็ตอบกลับมาด้วยบทสนทนาที่เป็นกันเองเช่นกัน
เสียงหัวเราะคิกคักทำให้เขาแอบมองโดยมีหมอนใบใหญ่บังเอาไว้
“
ไม่ได้หลงสักหน่อย” ใบหน้าหยิ่งทระนงสะบัดหนีอย่างไม่ยอมรับพลางดึงตะกร้าใส่ไข่ไก่มาถือไว้
“
ไอ้ที่หาทางกลับบ้านตัวเองไม่ถูกเนี่ย เขาเรียกว่าหลงทางนะค่ะ ฮ่าๆๆ” คำพูดหยอกเย้าพวกนั้นมันทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นคนนอก....ก็ใช่...เขาเป็นคนนอกที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรของอีกฝ่ายเลย
ถึงจะหน้าเหมือนท่านเคานต์แต่ผู้ชายคนนั้นก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง...มีชีวิตที่แตกต่างจากเจ้าของปราสาทครูเทโอโดยสิ้นเชิง
“
เสร็จธุระแล้วก็กลับไปได้แล้ว” มือใหญ่โบกไล่อย่างรำคาญก็จริงแต่ก็ไม่ได้คิดจะดุเด็กผู้หญิงพวกนั้น
พวกเธอถึงได้กล้าต่อล้อต่อเถียงด้วย
“
เดี๋ยวสิอาจารย์ เห็นป้าร้านขายยาบอกว่าอาจารย์มาซื้อยาเยอะแยะ
เลยฝากให้มาดูด้วยว่าอาจารย์บาดเจ็บหรือเปล่าถึงต้องใช้ยาเยอะขนาดนั้น” ยา? ของเขาสินะ?
“
ขอเข้าไปละนะค้า~” แต่ก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั่นจะได้ปฏิเสธ
เด็กผู้หญิงพวกนั้นก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในบ้านโดยเจ้าของไม่ทันตั้งตัว
“
ดูๆไปแล้วอาจารย์ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เพราะงั้นต้องซุกอะไรไว้แน่
มันน่าสงสัยใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆ”
“
เดี๋ยวสิพวกเธอ!” ฝ่าเท้าสองสามคู่วิ่งกรูเข้ามาโดยไม่ฟังเสียง
ก่อนที่เด็กสาวพวกนั้นจะมาชะงักงันอยู่หน้าห้องนั่งเล่น....
“
โอ๊ะ?!” ......ถูกเห็นเข้าแล้วแน่ๆ....เพราะไม่คิดว่าจู่ๆพวกเธอจะวิ่งเข้ามาเขาจึงตวัดผ้าห่มคลุมโปงแทบไม่ทัน...อันที่จริงก็ไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าจะมีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่
แต่มันก็อายที่จะต้องให้เด็กสาวเห็นสภาพที่แทบจะเปลือยเปล่าของเขาแบบนี้
ถึงจะมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบอกก็เถอะ
“
แหมๆ....แอบซ่อนเด็กหนุ่มเอาไว้นี่เอง โฮะๆๆ ถ้างั้นเราไม่เข้าไปดีกว่าเนอะ”
“
เน้อ~~” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พวกนั้นทำให้แก้มร้อนผ่าวโดยไม่รู้สาเหตุ...อ้า...น่าอายจริงๆ....ใบหน้ามนได้แต่ซุกหมอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มที่คลุมจนมิดหัว
“
เดี๋ยว...นี่พวกเธอคงไม่ได้....” ดูท่าร่างสูงใหญ่ก็กำลังอึ้งไปเหมือนกัน
“
กลับก่อนนะคะอาจารย์....” เด็กสาวรีบกล่าวลาทันทีก่อนจะจากไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
“
นี่!!” ปล่อยให้คนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ยืนนิ่งค้างอยู่หน้าประตู
“
ไม่ไหวเลยเด็กพวกนี้...หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่มีข่าวลืออะไรแปลกๆหรอกนะ...” ตะกร้าไข่ถูกวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินบ่นพลางส่ายหน้าไปมาเข้ามาหา
“
.......อาจารย์....?” หัวสีชาโผล่หน้าออกไปจากผ้าห่มก่อนจะลองเรียกอีกฝ่ายตามที่ได้ยินมาจากเด็กสาวพวกนั้นเบาๆ
“
หื๋อ?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองหันมามองอย่างสงสัยก่อนจะนั่งลงไปที่โซฟาเดี่ยวข้างๆ
ถึงแม้มันจะเป็นโซฟาเก่าแต่มันกลับดูเข้ากับชุดที่อีกฝ่ายสวมอยู่ยิ่งนัก
ต่อให้อยู่ที่ไหนก็ยังดูเป็นผู้ดีได้ตลอดนะคนคนนี้
“
เห็นพวกเธอเรียกคุณแบบนั้น...”
“
อ้อ...ชั้นเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายในเมืองนี้น่ะ”
“
ดูท่าทางคุณจะสนิทกับพวกเธอดีนะครับ...”
และมันก็ทำให้เขาอิจฉาขึ้นมานิดหน่อย...ต่อให้คนตรงหน้าจะไม่ใช่ท่านเคานต์ของเขา
แต่เขาก็ยังอิจฉาทุกคนที่ได้เข้าใกล้ผู้ชายคนนี้
อิจฉาที่เด็กสาวพวกนั้นได้รับความเป็นกันเอง
ได้รู้จักผู้ชายคนนี้ในมุมที่เขาไม่เคยได้สัมผัส
“
ใครจะไปอยากสนิทด้วย น่ารำคาญจะตาย เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ
สัมมาคาราวะมีกันซะที่ไหน แย่จริงๆ” เขาหลุดขำออกไปน้อยๆ
ก็เพราะบุคลิกแบบนี้น่ะสิถึงได้โดนเด็กสาวพวกนั้นแหย่เอา...แต่ก็...ดีจังน้า...เขาเองก็อยากจะหยอกเย้ากับท่านเคานต์แบบนี้บ้าง
“
เอ้า กินซะสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินยากันพอดี”
เสียงติดจะรำคาญตัดบทราวกับไม่อยากจะพูดถึงเด็กพวกนั้นให้หัวเสีย
“
ครับ...” ร่างโปร่งจึงค่อยๆลุกขึ้นมาก่อนจะหยิบขนมปังโปะไข่ดาวกัดเข้าปาก
“
อร่อยมาก...เลยครับ....” ตอนนี้เขายิ้มแบบไหนออกไปกันนะ...รู้แต่ว่าข้างในมันกำลังมีความสุข
“
แปลกคน...ก็แค่ไข่ดาวธรรมดาๆ?” แต่เรื่องธรรมดาๆพวกนี้มันก็ไม่มีวันเกิดขึ้นระหว่างเขากับท่านเคานต์ได้
เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงดีใจที่ได้กินไข่ดาวธรรมดาๆใบนี้ นัยน์ตาสีฟ้าของคนตรงหน้าทอดมองมาด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิ้มแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพอใจ
“
ฮะฮะ...” เขาหัวเราะรับเบาๆก่อนจะพยายามชวนคุย
“
ที่นี่...บ้านคุณเหรอครับ?”
“
ใช่...อืม...แต่เดิมทีมันไม่ใช่บ้านของชั้นหรอกนะ” ประมาณว่าบ้านเช่าแบบนั้นหรือเปล่านะ?
“
ผม...เรียกคุณว่าอาจารย์ด้วยได้ไหมครับ?” ใบหน้าหยิ่งทระนงแสดงซึ่งความแปลกใจ...ทำไมเขาจะไม่อยากรู้ชื่อของอีกฝ่ายล่ะ
เพียงแต่...เขากลัว...กลัวว่าชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมามันจะไม่ใช่ครูเทโอ...ทั้งๆที่มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็อยากจะหลอกตัวเองต่อไป
ขอแค่ได้มีความสุขกับโลกในฝัน...ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆเขาก็ยังอยากได้มัน....
“
ตามใจสิ”
“
ผมชื่อสเลน...”
“
สเลน” แต่ยามที่เสียงทุ้มนั่นเอ่ยเรียกชื่อของเขา
มันกลับทำให้หัวใจเต้นระรัว...
ไม่เคยรู้ตัว...ไม่รู้ตัวเลยว่าเขารักและโหยหาท่านเคานต์มากขนาดนี้
อยากจะกอดอีกฝ่าย อยากจับมือใหญ่ๆนั่นเอาไว้
แต่ก็จำต้องซ่อนทุกอย่างไว้ในใจ
ใช้ใบหน้าที่ทำเป็นยิ้มแย้มเพื่อปิดบังมันเอาไว้
เพราะเขากลัว...กลัวว่าคนตรงหน้าอาจจะรังเกียจ...หากรู้ว่าเขาคิดยังไง
ใช้ตัวเองเป็นตัวแทนของผู้ชายที่ตายไปแล้ว...หากคนตรงหน้ารู้...เขาคงอยู่ตรงนี้ไม่ได้....
“
ครับ สเลน ทรอยยาร์ด...ขอบคุณ...ที่ช่วยผมเอาไว้นะครับ...”
“
อื้ม...”
“
ผม...ขออยู่ที่นี่...จนกว่าคนที่บ้านจะมารับได้ไหมครับ...” อย่างน้อยก็จนกว่าฮาร์กไลท์จะตามตัวเขาเจอ
อยากจะตักตวงความสุขเอาไว้สักชั่วครู่ก็ยังดี
จนกว่าจะตื่นจากฝันที่แสนดีนี้....
“
ตามสบาย แต่เธอดูแลตัวเองก็แล้วกัน...บางอย่างชั้นก็ทำไม่ค่อยเป็น
โดยเฉพาะการต้องดูแลคนอื่น”
“
ครับ” ใบหน้ามนพยักรับ
เป็นผู้ชายอยู่ตัวคนเดียวจะดูแลใครไม่เป็นก็คงไม่แปลก พ่อของเขาเองยังดูแลเขาไม่ค่อยเป็นเลย
“
ดูท่าทางอาจารย์จะชอบอ่านหนังสือนะครับ?”
ขนมปังคำสุดท้ายถูกใส่เข้าไปในปาก
ก่อนที่เขาจะหยิบยากลืนตามลงไป
“
อืม...คนเราจะอยู่เหนือคนอื่นได้หาใช่ยศศักดิ์ แต่เป็นเพราะความรู้ต่างหาก” สิ่งที่อาจารย์พูดทำให้มือที่ยกแก้วน้ำถึงกับชะงักค้าง
“
เอ๋?” ที่แปลกใจเพราะเขาเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน...จากปากของท่านเคานต์ครูเทโอ...
“
ถ้าอยากอ่านเล่มไหนก็หยิบไปสิ” แต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองก็ดูไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดนัก
มันเลยทำให้เขาไม่ติดใจเพราะคิดว่ามันคงจะเป็นหลักปรัชญาจากนักปราชญ์ที่ไหนสักคน
“
ครับ....”
“
เอ่อ...คือว่า...” เขาเอ่ยปากอีกครั้งเมื่อก้มลงไปมองสองขาของตัวเอง...มันยังอยู่ในกางเกงตัวเดิมของเขา
“
มีอะไรรึ?”
“
คือ...มีชุดให้ผมยืมไหมครับ” เมื่อคืนก็นอนทั้งอย่างนี้แล้วยังจะวันนี้ทั้งวันอีก
อย่างน้อยเขาก็อยากจะล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อย
“
อ๋อ...ได้สิ เดี๋ยวนะ” ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมผ้าที่พับไว้เรียบร้อย
“
โทษที กางเกงนี่ไม่รู้ว่าเธอจะใส่ได้ไหม มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย”
มันใหญ่ไปจริงๆนั่นแหละ...
เพราะแค่สวมเข้าไป
มันก็ไหลลงไปกองที่ข้อเท้าทันที
ใบหน้ามนก้มลงมองกองกางเกงนั่นก่อนจะถอนหายใจ...ตัวใหญ่จริงๆนะผู้ชายคนนั้น...เหมือนท่านเคานต์ของเขาจริงๆ....เหมือนกัน....แม้แต่กลิ่นที่ชอบ...
ตอนแรกเขาก็ไม่แน่ใจจนกระทั่งคลี่เสื้อเชิ้ตชุดนอนที่พับไว้นั่นออกมา
กลิ่นหอมอ่อนๆมันทำให้เขาถึงกับตัวชา...เพราะว่ามันเหมือนกับกลิ่นของท่านเคานต์ไม่มีผิด
ตกลงคนคนนี้....ไม่ใช่ท่านเคานต์ของเขาแน่ๆใช่ไหม....
สองแขนกอดเสื้อเชิ้ตแน่นก่อนจะก้มลงไปจูบมันเบาๆ
ความโหยหาทำให้กล้าทำเรื่องหน้าไม่อายแบบนี้สินะ
เขาค่อยๆคลายมันออกก่อนจะสวมลงไปบนร่างกายที่มีแต่ผ้าพันแผล
ตัวมันใหญ่จนชายเสื้อมันยาวระต้นขา
ส่วนกางเกง...ที่จริงจะใช้เชือกผูกก็ได้อยู่หรอกแต่ใบหน้ากลับเงยมองประตูห้องน้ำด้วยดวงตาเหม่อลอย...จะบอกว่าเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือยังไงก็ไม่แน่ใจ
แต่เขาก็เดินออกจากห้องน้ำทั้งๆที่มีแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว...
“
กางเกง...มันใส่ไม่ได้...”
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมามองเขาก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย
“
ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาซื้อให้ก็แล้วกัน”
แต่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองก็กลับมาเป็นปกติราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร...คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังถูกเขายั่วอยู่
“
แล้ว...จะให้ผมนอนตรงไหนครับ...”
ใบหน้ามนเอ่ยถามออกไปด้วยนัยน์ตาเศร้าๆ
“
ข้างนอกนี่มันหนาว ถ้าไม่คิดว่ามันแคบก็ไปนอนบนเตียงสิ”
เขาพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปนอนลงที่ฝั่งหนึ่งของเตียง
ได้ยินเสียงอาจารย์เก็บถ้วยจานล้างอยู่พักหนึ่งและถึงแม้ว่าจะพยายามถ่างตาฝ่าความง่วงงุนเอาไว้
แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในที่สุดเขาก็หลับไปเสียก่อน
รู้ตัวอีกที...ก็มีแผ่นหลังกว้างมานอนอยู่ข้างๆ...
ร่างโปร่งจึงพลิกกายเข้าไปซุกแผ่นหลังนั้นเอาไว้
ทั้งๆที่อยู่ใกล้แค่นี้แต่กลับเหมือนอยู่กันคนละโลก
ถึงอีกฝ่ายจะเหมือนท่านเคานต์ของเขาขนาดไหน...แต่ก็ยังไม่ใช่...
“
ฮึก...”
ฝ่ามือกำเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงไป
ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันมีความสุขหรือยิ่งเหงากว่าเดิม
เขารู้...ว่าอาจารย์รู้ตัว....แต่ผู้ชายคนนี้กลับนอนนิ่งๆให้เขาซบอยู่แบบนั้น
เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ไม่รู้ว่าเขาเจอกับเรื่องอะไรมา การนิ่งเงียบแล้วปล่อยให้เขาได้ระบายความในใจด้วยน้ำตาจึงถือเป็นทางที่ดีที่สุด…
แสงแห่งรุ่งสางยังไม่ทันจะมาเยือนดี
ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นมาแต่งกายเรียบร้อย ฝ่ามือผูกเนคไทให้เข้าที่ก่อนจะพับปกเสื้อลงมาแล้วทอดสายตามองใบหน้าของตนเองที่ขอบตาดำคล้ำราวกับคนอดนอน...ไม่สิ...เขาก็อดนอนจริงๆนั่นแหละ
จะให้หลับตาลงได้ยังไงในเมื่อมีคนนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างหลังทั้งคืน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนด้วยถ้อยคำไหนเพราะมันแทบจะไม่มีอยู่ในหัวเขาเลย
ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนที่ถนัดเรื่องการปลอบใจใคร?
สูทสีเดียวกับเสื้อกั๊กและกางเกงสเลคถูกสวมทับลงมาบนร่างกาย
ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆเตียงพลางติดกระดุม นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองใบหน้าที่ยังหลับปุ๋ย...เด็กนี่...เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็ร้องไห้
ราวกับว่าไปเจอเรื่องที่ทำให้เศร้าใจมาอย่างงั้นแหละ...มือใหญ่เอื้อมออกไปก่อนจะปาดหยาดน้ำที่แพขนตายาวออกให้
ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน...แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้...คุ้น...จนเผลอเก็บกลับมา...คุ้น...จนเผลอดูแล...คุ้น...จนเผลอให้อยู่ข้างๆ
เพราะอะไรกันนะ....?
คิดไปก็ไม่มีประโยชน์
สองขาจึงก้าวออกมาจากห้องนอน
มีลางสังหรณ์ว่าวันนี้เขาต้องโดนยัยเด็กแสบพวกนั้นหาเรื่องให้ปวดหัวแน่ๆ ไม่รู้ว่าต้องแก้ข่าวไปถึงในย่านร้านตลาดด้วยหรือเปล่า
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองถึงกับถอนหายใจ...มาเวลาไหนก็ไม่มา
ดันมาตอนที่สเลนไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แล้วท่าทางเด็กนั่นก็ชวนให้เข้าใจผิดเสียด้วย...พอนึกถึงตรงนี้ทีไรภาพต้นขาเรียวขาวที่โผล่พ้นชายเสื้อเชิ้ตก็วนเวียนอยู่ในหัวทุกที...นี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้เขานอนไม่หลับ
ดูเหมือนเขาจะชอบผู้หญิงไม่ใช่หรือไง?
แล้วทำไมกับสเลนถึงได้...
ไม่จริงน่า...หรือว่าเขาจะเข้าใจตัวเองผิดมาตลอด?
ใบหน้าหยิ่งทระนงสะบัดไปมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว...ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่เข้าใจตัวเอง
นั่นก็เพราะว่าเขาน่ะ...
ติ๊ง!
เสียงเครื่องปิ้งขนมปังร้องเตือนพร้อมกับคายแผ่นขนมปังสีกำลังดีออกมา
เขาคีบมันวางไว้บนจานพร้อมกับไส้กรอกและไข่ดาวก่อนจะเขียนโน้ตทิ้งเอาไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่น
‘อาหารเช้าเป็นขนมปัง
ไส้กรอกและไข่ดาว...ส่วนอาหารกลางวันอยู่ในตู้เย็นเป็นไข่ดาวกับข้าวสวย...เอาออกมาอุ่นแล้วก็กินซะจากนั้นก็กินยา
ชั้นไปโรงเรียนก่อน ตอนเย็นจะกลับมาทอดไข่ให้กิน’
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองนาฬิกา...ได้เวลาแล้ว...สองขาจึงก้าวออกจากบ้านไป...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
สุขสันต์วันแห่งความรักนะก๊า
ฟิควาเลนไทน์ปีนี้มาแบบเงียบๆงึมๆเหงาๆ5555
// โดนเตะ
โฮ่ย
อันที่จริงมีพญาเหยี่ยวอีกตอนแต่ยังไม่เสร็จถถถถถถถ ขอตัวไปปั่นต่อก่อนละค่ะ
*พราก* ขอให้ความร้ากกกกอยู่รอบตัวนะก๊า >3<
ศึกชิงนางงงงงงงงงง รู้สึกตื้นตันใจมากค่ะ T - T เขาน่ะ อัลไรรรร อย่าทำร้ายกันแบบนี้ คุณหลวงต้องอยู่ฟาดสเลนก่อนค่ะ!!!! //ทำหน้ากองอวยครูสเลน
ตอบลบเมนูมีแต่ไข่เหมือนคนเพิ่งหัดทำกับข้าวนะคะ 55555+
ตอบลบอยากเห็นเมนต่อไป อยากเป็นนักเรียน แอบไปแซวบ้างจริง ขอให้อยู่กันนานๆ หวานๆ กริ้ด หลงรักคู่นี้จริงจัง ^^
ตอบลบอ๊าก อ่านกี่ทีก็อยากร้องไห้ กริ้ดออกมาดังๆจริงๆเลยค่ะ กลับมาอ่านรอบที่100 555+ พี่กวางสู้ๆนะค่ะ รอติดตามต่อไปค่ะ รักคู่นี้จริงจังอ๊าก พี่กวางเก่งสุดค่ะ สู้ๆนะค่ะๆ
ตอบลบโฮววววว ฟิคนี้ประโลมใจจริงๆค่ะ พึ่งดูเรื่องนี้จบแบบ ช้าไปมั้ย 55555555 จนแล้วจนรอดป๋าก็ไม่ฟื้น ฮือ
ตอบลบเขียนต่ออยู่ไหมคะ
ตอบลบ