Aldnoah.Zero Fic [All Count x Slaine] Vers : Intro
:
Aldnoah.Zero Fanfiction
:
Cruhteo x Slaine , Barouhcruz x Slaine
:
Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: สปอยด์อนิเมะจนถึงตอนที่ 15
นะคะ
ฐานทัพมาริเนรอส
:
นั่นคือชื่อของฐานทัพแนวหน้าฝั่งชาวดาวอังคารที่โคจรอยู่รอบโลกท่ามกลางเศษของดวงจันทร์ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แถวอาคารที่ฝังตัวอยู่ในเศษซากหินก้อนใหญ่ขณะนี้กำลังเต็มไปด้วยเหล่าทหารจากดาวอังคารซึ่งถูกเรียกมาเสริมทัพยามที่มีการรบครั้งสำคัญกับฐานทัพของโลก
หนึ่งในชานชลานับสิบถูกยึดพื้นที่ด้วยปราสาทเทียบท่าของท่านเคานต์แห่งตระกูลซาสบาร์ม...ที่เพิ่งจะสูญเสียผู้นำไปเมื่อไม่นานมานี้...
ถึงมันจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของดาวอังคาร...ทว่า...จากสายตาของทหารตัวเล็กๆแล้วก็แทบจะไม่มีผลอะไร...ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เปลี่ยนไป
เมื่อก่อน...ตนเคยยืนแหงนคอมองหุ่นรบสีขาวตัวใหญ่นี้ยังไง...วันนี้มันก็ยังคงเป็นอยู่แบบนั้น
ทาร์ซิส...
คือชื่อของมันและบางทีมันอาจจะเป็นเพียงสิ่งเดียวในปราสาทเทียบท่าแห่งนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด...เพราะแต่เดิมมันไม่ใช่หุ่นรบที่ควรจะอยู่ที่นี่
ทาร์ซิส
ไม่ใช่กรรมสิทธ์ของท่านเคานต์ซาสบาร์มแต่มันเป็นของของอัศวินวงโคจรตระกูลครูเทโอ...คงจะมีแต่คนหัวเราะหากพูดออกไปแบบนั้น...เพราะหากเจ้านายตาย
หุ่นรบย่อมตกไปเป็นของท่านเคานต์คนอื่น...เรื่องนี้ต่างหากที่ใครต่อใครก็เข้าใจ
ทั้งๆที่มันไม่ใช่...
ทาร์ซิสยังคงเป็นของของท่านเคานต์ครูเทโอไม่เคยเปลี่ยน
และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร...
ฝ่ามือบางจับลงไปยังไหล่ของทหารหญิงที่กำลังชะโงกหน้าเข้าไปในห้องคนขับ
ด้วยสภาพไร้แรงโน้มถ่วงทำให้ทั้งฐานทัพมาริเนรอสนั้นอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก
การเคลื่อนไหวที่ไม่ต้องใช้สองขาทำให้การซ่อมบำรุงและทำความสะอาดหุ่นรบตัวโตทำได้โดยง่ายด้วยการลอยตัวขึ้นไปราวกับกำลังบินอยู่ในอากาศ
“
ข้างในนั้นไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมทำเอง”
เสียงนุ่มนวลเอ่ยออกมาจากใบหน้าที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม หญิงสาวพยักหน้าให้นายเหนือหัวคนใหม่ซึ่งไม่มีใครในปราสาทหลังนี้คาดคิดมาก่อนเลยว่า
ผู้ที่มาเยือนที่นี่ได้ไม่นานจะกลายเป็นผู้ครอบครองทุกอย่างไป
สเลน
ทรอยยาร์ดเข้ามาในปราสาทหลังนี้พร้อมกับทาร์ซิส...
ก็เหมือนกับหุ่นรบสีขาวตัวนั้น...ทั้งๆที่ใครๆก็เข้าใจว่ามันเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านเคานต์ซาสบาร์ม...แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่...
ทหารหญิงถอยห่างออกมาจากห้องคนขับก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังเล็กๆที่ดูโดดเดี่ยวของเด็กหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ...ทั้งๆที่งานซ่อมบำรุงและทำความสะอาดหุ่นตัวนี้เป็นหน้าที่ของทหารอย่างพวกเธอแต่กลับมีเพียงห้องคนขับเท่านั้นที่ท่านเคานต์สเลน
ซาสบาร์ม ทรอยยาร์ดสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปใกล้
ทำไมกันล่ะ?
ดูจากภายนอกแล้วข้างในนั้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรต่างจากหุ่นรบตัวอื่น?
แต่ก็คงไม่มีใครกล้าถาม
เพราะถึงแม้เด็กหนุ่มจะเป็นคนยิ้มง่ายและใจดี...ทว่า...มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่นายเหนือหัวคนใหม่ของเธอจะมีสีหน้าดุดันกว่าปกติ
บางวันเธอยังเจอเด็กหนุ่มที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่...ราวกับว่า...บางคืนก็นอนอยู่ในนั้น...
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเหม่อมองหุ่นรบสีขาวตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
ร่างโปร่งบางถึงจะตัวเล็กแต่กลับเข้ากับชุดขุนนางระดับเคานต์ของดาวอังคารได้อย่างไม่มีที่ติ
“
ท่านสเลน...จะไปพักผ่อนเลยไหมขอรับ”
เสียงนอบน้อมของฮาร์กไลท์ดังอยู่ข้างหลังทำให้หัวสีชาส่ายน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ
“
ผมจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก ฮาร์กไลท์ไปเถอะ”
ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังโค้งตัวให้ก่อนจะเดินจากไป...เช่นเดียวกับทหารหน่วยซ่อมบำรุงที่ค่อยๆทยอยไปพักจนกระทั่งห้องโถงกว้างใหญ่แห่งนี้ไม่มีใครเหลือแม้แต่คนเดียว
มีเพียงเขากับทาร์ซิสเท่านั้น...
ฝ่าเท้าดีดตัวให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
ฝ่ามือยันตัวเองให้พ้นขอบราวกันตกของระเบียงที่ล้อมอยู่โดยรอบก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ห้องคนขับของเจ้าหุ่นรบสีขาว ร่างโปร่งหย่อนตัวลงไปอย่างนุ่มนวลก่อนจะขังตัวเองอยู่ในนั้น
ในที่ที่มีแต่กลิ่นของท่านเคานต์ครูเทโอ...
เบาะกว้างใหญ่นี่ราวกับกำลังโอบกอดเขาเอาไว้...สองขายกชันขึ้นมาก่อนที่สองแขนจะกอดมันหลวมๆ
ใบหน้ามนขยับไปเกยอยู่บนหัวเข่าก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
ที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นที่คุ้นเคย...และที่เขาไม่ให้ใครเข้ามาในนี้ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้กลิ่นของคนอื่นเข้ามาปะปน
ไม่ต้องการให้กลิ่นของท่านเคานต์จางหายไป...
นี่...ท่านเคานต์...
ผมดุดันพอหรือยัง?
ผมทำให้คนอื่นยำเกรงจนไม่กล้าที่จะต่อต้านพอหรือยัง?
แล้วผม...จะปกป้ององค์หญิงตามลำพังได้หรือเปล่า....
ในดวงดาวที่เห็นองค์หญิงเป็นเพียงแค่สายเลือดที่เอาไว้ใช้เดินเครื่องอัลโนอาห์
ในดวงดาวที่ความรักความภักดีมันแทบจะไม่มีเหลืออยู่อีก...ผม...จะยืนหยัดอยู่ตามลำพังได้หรือเปล่า...
แพขนตาขยับน้อยๆเมื่อจู่ๆหยาดน้ำสีใสก็รื้นขึ้นมา...ความทรงจำในวันสุดท้ายที่ได้เห็นใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นยังคงฝังอยู่ในหัวของเขา
ฝังแน่น...จนทำยังไงก็เอาไม่ออก
มันไม่ใช่ภาพที่เขาถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนแทบตาย มันไม่ใช่ภาพของรอยแส้ที่ฝากแผลเป็นเอาไว้ทั่วร่างกาย...แต่มันเป็นหลังจากที่ท่านเคานต์คิดว่าเขาสลบไปแล้วนั่นต่างหาก
ถึงตาจะลืมไม่ขึ้น...แต่เขาก็รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากอ้อมแขนของท่านเคานต์
ถึงตาจะลืมไม่ขึ้น...แต่เขาก็ได้ยิน...
ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านเคานต์พูดกับเขา ได้ยินคำขอโทษ
ได้ยินว่าท่านเคานต์เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
และเพราะได้ยินนั่นแหละ...เขาถึงได้รู้ว่า...มีเพียงท่านเคานต์คนเดียวเท่านั้นที่เป็นพวกเดียวกับเขา...
สองแขนกระชับกอดเข่าแน่นอย่างพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
ถ้าหากว่าเขาเชื่อใจผู้ชายที่โหดร้ายคนนั้นมากกว่านี้...บางที...เรื่องราวมันก็คงไม่เป็นแบบที่เห็น
แค่เราเชื่อใจกันมากกว่านี้...คงไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าทุกอย่างมันสายเกินไป...
กว่าจะรู้ตัวก็เหลือเพียงเขายืนอยู่ตามลำพัง
นี่ท่านเคานต์....
เราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วนะ?
ถึงตอนนั้นจะไม่รู้ตัวเลยก็เถอะ
แต่ท่านเคานต์ดูแลผมมากี่ปีกัน?
กับเด็กที่ไม่มีใครเอากลับมีเพียงท่านเคานต์ที่ยื่นมือมาหา
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่มือที่อบอุ่นและอ่อนโยนแต่มันก็คือมือที่คอยปกป้องผม
ท่านเคานต์ตีผมด้วยไม้เท้า
ดุด่าต่อว่าตามแต่ใจ แต่รู้ไหมว่ามันดีกว่าการที่ผมต้องถูกคนอื่นๆรุมรังแกตั้งหลายเท่า...เพราะตั้งแต่ที่ท่านเคานต์บอกให้ผมคอยอยู่ข้างๆด้วยไม่อยากให้ผมไปสร้างความอับอายที่ไหน...ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครรังแกผมอีก
นี่ท่านเคานต์....
จำตอนที่ผมไม่สบายได้ไหม?
ผมล้มพับลงไปและไม่รู้เลยว่าตัวเองกลับถึงห้องได้อย่างไร
แต่ผมก็ยังจำได้ดีว่าท่านเคานต์จับผมกรอกยายังไง
มันขมจนผมสาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ยอมป่วยอีก
น่าแปลกนะครับ...ที่ผมยังยิ้มได้
เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของท่านเคานต์...
นัยน์ตาทอดมองไปยังแท่นบังคับที่ครั้งหนึ่งมือใหญ่ๆคู่นั้นก็เคยใช้มัน
นี่ท่านเคานต์....
ถ้าตอนนี้ท่านเคานต์เห็นว่าผมขับทาร์ซิสเก่งขนาดไหน
ท่านเคานต์จะต้องตกใจแน่ๆ
เพราะเมื่อก่อนแค่จะขับหุ่นธรรมดา
ท่านเคานต์ยังไม่เคยให้ผมออกไปรบเลยแม้แต่ครั้งเดียว...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ไว้ใจหรือยังไง...แต่มันก็ทำให้คนอ่อนหัดอย่างผมรอดมาจนถึงวันนี้ได้
จนได้ขับทาร์ซิสผมถึงได้รู้...ว่าไม่ใช่หุ่นทุกตัวหรอกนะที่จะปกป้องผมได้...
นี่ท่านเคานต์....
ตอนนี้ท่านเคานต์กำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
กำลังมองผมอยู่หรือเปล่า?
ช่วยอยู่ข้างๆผม....อีกสักนิดได้ไหม....
ถึงจะทำเป็นเข้มแข็งไป...แต่ผมไม่ได้แกร่งแบบนั้นหรอก
ท่านเคานต์ก็รู้....
ใบหน้ามนซบลงไปบนหัวเข่า
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงไป...คงมีเพียงที่นี่ที่เขาจะแสดงความอ่อนแอออกมาได้
เพราะไม่มีท่านเคานต์คอยคุ้มกะลาหัว
จึงได้รู้ตัวว่าต่อหน้าใครๆเขาจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ จะต้องยืนหยัดต่อไปเพื่อปกป้ององค์หญิงเอาไว้
จักรวาลอันโหดร้ายมันไม่มีที่ให้คนอ่อนโยนหรอก
นี่ท่านเคานต์...
คิดว่าเด็กไม่ได้เรื่องอย่างผมจะทำได้ไหมนะ...
ร่างกายที่ขดเป็นก้อนกลมค่อยๆพลิกหันข้างก่อนจะปล่อยให้ทุกอย่างจมหายลงไปในเบาะนิ่ม
นี่ท่านเคานต์...
กอดผมเอาไว้ที....
ช่วยให้ผมมีกำลังที่จะสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ด้วยเถอะ
นี่ท่านเคานต์....
รู้ไหม...
ว่าผมก็เคยอยากอ้อนท่านเคานต์แบบนี้เหมือนกัน...ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
เปลือกตาเปิดขึ้นมาช้าๆ
นัยน์ตาสีมรกตตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากที่น่าจะผ่านมานานหลายชั่วโมง
กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้เขาหลับสนิทจนใบหน้ามนเผลออมยิ้ม...ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงนอนผวาแน่
ถ้ามีกลิ่นของท่านเคานต์ครูเทโออยู่ใกล้ๆแบบนี้
สองมือยกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะลอยตัวออกจากทาร์ซิส...ดูเหมือนวันนี้เขาไม่ได้หลับยาวจนถึงเช้า...แต่ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงดึกๆ?
ฝ่าเท้าแตะลงที่พื้นก่อนจะดีดตัวลอยขึ้นอีกครั้ง
ปล่อยให้ร่างกายไหลไปตามกระแสของอากาศ...กลับดวงจันทร์คราวนี้เขาน่าจะหาดอกไม้ไปเยี่ยมหลุมศพที่ว่างเปล่าของท่านเคานต์ซาสบาร์มเสียหน่อย...
ถ้าตัดเรื่องขององค์หญิงออกไป
เคานต์ซาสบาร์มก็เป็นผู้ชายอีกคนที่เขารัก...
ฝ่าเท้าแตะลงพื้นเล็กน้อยก่อนจะดีดตัวให้ลอยไปเรื่อยๆ
เพราะมัวแต่คิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ในหัวจึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลามีสายตาของใครบางคนจับจ้องมองอยู่
จนกระทั่งร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกพิงผนังลอบมองตั้งแต่ที่สเลนหายลงไปในทาร์ซิสนั่นแล้วเอ่ยทักขึ้นมา
“
เดี๋ยวนี้หยิ่งผยองจนมองไม่เห็นเราอยู่ในสายตาแล้วรึ?” เสียงทุ้มทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้ง
ใบหน้ามนหันไปหาเจ้าของผมสีดำหยักศกด้วยท่าทางชะงักน้อยๆ
“
เคานต์บารูครูซ...”
ไม่คิดเลยว่าจะเจอท่านเคานต์คนนี้ที่นี่ ในเวลาแบบนี้ ซ้ำยังอยู่คนเดียวทั้งๆที่ปกติแล้วมักจะไปไหนมาไหนกับเคานต์มารีเชี่ยน
“
เปล่าครับ...เพียงแต่ผมต้องให้เกียรติยศ “เคานต์” ที่ได้รับมาจากท่านเคานต์ซาสบาร์ม
ทำให้มิอาจก้มหัวให้แก่ท่านเคานต์บารูครูซได้ ต้องขออภัย”
ริมฝีปากคนฟังถึงกับยกยิ้มในความอวดดีของเจ้าเด็กชาวโลก เพราะเขายังมีข้อกังขาหลายๆเรื่องในตัวเด็กคนนี้
ทำให้ยังมองด้วยสายตาเป็นกลางไม่ได้
ยิ่งริมฝีปากสีระเรื่อที่เม้มแน่นกับนัยน์ตาสีมรกตที่ทำเป็นแข็งกร้าวไม่สนใจใคร
มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะขุดคุ้ย...ว่าภายใต้หน้ากากอันนั้นมันซ่อนอะไรเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดท่านเคานต์เหมือนกันจึงขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเหยียดสายตามองลงไป
“
หึ...ถึงจะเลื่อนจากหมาขี้เรื้อนมาเป็นหมาป่า
แต่ก็อย่าลืมว่ามันก็ยังเป็นหมาอยู่วันยังค่ำ”
ถึงถ้อยคำจะทำร้ายแค่ไหนแต่สเลน
ทรอยยาร์ดกลับเลือกที่จะเมินเฉย
นัยน์ตาสีมรกตที่ลดต่ำลงนั่นช่างปลุกความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของท่านเคานต์อย่างพวกเขาโดยไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผล
แต่ใบหน้าของเด็กนี่กลับเรียกร้องสัญชาติญาณดิบให้อยากจะเหยียบย่ำรังแก
“
ถ้าท่านเคานต์บารูครูซไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ใบหน้ามนก้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
ยิ่งได้มาเห็นใกล้ๆก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กนี่หน้าตาดีจริงๆ
หึ...ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าทำยังไงถึงได้อยู่กับท่านเคานต์จอมหยิ่งยโสเจ้ายศเจ้าอย่างอย่างเคานต์ครูเทโอได้ตั้งนานขนาดนั้น
แล้วก็ทำยังไงให้เคานต์ซาสบาร์มรักถึงขนาดยกทุกอย่างให้ได้แบบนี้
จะเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตานี่หรือเปล่านะ?....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
เพ้อรับวาเลนไทน์
TvT…
เพราะดันไปฟังเพลง
0.Vers
ในซิงเกิ้ล &Z เพลงเปิด A/Z 2ของซาวาโนะซังเข้า เลยเกิดอาการเพ้อค่ะถถถถถ
ไม่รู้ทำไมฟังแล้วนึกถึงสเลนขดตัวนอนหลับอยู่ในห้องคนขับของทาร์ซิส TTvTT คือจะเขียนเป็น one shot แต่ใบหน้าของอิท่านเคานต์บารูครูซก็ดันหลอนอยู่ในหัว
คือเท่าที่โผล่มาสองตอนก็ชักจะให้ความรู้สึกว่าน่าจะเป็นเคานต์อีกคนที่นิสัยหล่อใช้ได้เลย
ดูจากที่คอยห้ามเคานต์มารีเชียนอยู่ตลอดแต่ก็ยังไม่ละทิ้งความหยิ่งทระนงที่ว่าชาติพันธ์ของตัวเองนั้นเหนือกว่าชาวโลก
ก็เลยยังดูถูกสเลนอยู่ แต่ถึงจะดูถูกแต่ก็ยอมรับในผลงานที่สเลนทำได้ดี
ไม่ใช่จะอคติใส่ลูกเดียวเหมือนคนอื่น นะ...ก็เลย...........TvT
ไว้เจอกันใหม่ถ้าได้แต่งต่อนาคะ
TvT
อ่านจบ กลับไปดูเรื่องA/Z ใหม่ยกเรื่อง พอเห็น ทาร์ซิส กริ้ดเลยค่ะ ฟินแปบ555
ตอบลบกริ้ดสเลน กับท่านครูเทโอ้ ความรู้สึกฝังรากลึกจริงๆ อ่านไปแอบเขิน หลงรักคู่นี้เลย สุดยอดค่ะคุณกวาง
สู้ๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ รอติดตามผลงานต่อไปค่ะ สู้ๆอย่าลืมรักษาสุขภาพนะค่ะ^^