Aldnoah.Zero
Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : The Rose of Warwick : EX
:
Aldnoah.Zero Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine
:
Romance Period
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ท่อนก่อนหน้า อยู่นี่นาคะ >> Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : The Rose of Warwick
ขบวนรถม้าแล่นออกจากวอร์ริคเชียร์มุ่งหน้าสู่เหนือสุดของอังกฤษ
ภูมิอากาศช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแต่เดิมก็ไม่ได้สดใสอยู่แล้วยิ่งรถวิ่งห่างออกจากเมืองหลวงมากเท่าไหร่
สภาพขมุกขมัวของบรรยากาศรอบตัวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้กลางวันแบบนี้ก็ยังมีหมอกให้เห็นจางๆ
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองภูมิประเทศที่ไม่ได้เห็นมานานพลางนึกถึงวันเก่าๆที่เขาเคยขี่ม้าผ่านแถวนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ทิวทัศน์ที่งดงามแบบแห้งแล้งๆนี่แทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปต่างจากความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ใบหน้าหยิ่งทระนงเบือนกลับเข้ามามองสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
แรงโยกนิดๆของรถม้าทำให้องค์หญิงหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าจากระยะทางไกลที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานแสนนาน
ต่างจากอีกคนที่นั่งห่อตัวน้อยๆสองมือที่วางอยู่บนหน้าตักแอบถูกันไปมาและถึงแม้ว่าไหล่บอบบางจะมีผ้าขนสัตว์ทับอยู่แต่คนที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศของทางเหนืออย่างเด็กนั่นก็คงจะหนาวสินะ
เขาถึงได้เห็นไหล่ของสเลนสั่นหงึกๆ
“
สเลน”
เขาเอ่ยเรียกพลางยื่นมือออกไปแทนคำพูดว่าให้ขยับมานั่งทางนี้
ร่างโปร่งจึงลุกจากม้านั่งฝั่งตรงข้ามมานั่งลงข้างๆให้เขาจับมือที่เย็นเฉียบนั่นเอาไว้
ไออุ่นที่แผ่ออกไปจากร่างกายสูงใหญ่ทำให้ไหล่บางพอจะหยุดสั่นไปได้
ร่างกายที่ซุกอยู่ข้างๆตัวเขาทำให้เผลออมยิ้มก่อนจะขยับริมฝีปากลงไปจุมพิตเส้นผมสีชาเบาๆ
ยิ่งเห็นความน่ารักของเด็กนี่ก็ยิ่งนึกถึงอดีตเพื่อนรักที่กำลังจะได้พบกันอีกในไม่ช้า....
บางทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดผิดไปหรือเปล่าที่พาสเลนมาด้วย...
เพราะผู้ชายคนนั้นก็มีรสนิยมใกล้เคียงกับเขา...พวกเราถึงได้เคยชอบผู้หญิงคนเดียวกัน
ก่อนที่เขาจะได้เธอไป...
รถม้าแวะเข้าไปในตัวเมืองเมื่อท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
ทั้งๆที่เนินปราสาทวาร์คเวิร์ธก็มองเห็นเด่นสง่าอยู่ตรงหน้าทว่าพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปเยือนมันในวันนี้
ด้วยเส้นทางที่ทอดจากตัวเมืองสู่ปราสาทนั้นเต็มไปด้วยป่าทึบ
การที่จะให้ขบวนรถม้าไปวิ่งท่ามกลางความมืดอยู่ในนั้นมันคงจะอันตรายเกินไป
พวกเขาไม่ได้เดินทางทั้งวันทั้งคืน
แต่จะแวะพักระหว่างที่ไปถึงหัวเมืองต่างๆเพราะต้องการเดินทางเฉพาะตอนกลางวันและตัวเมืองแห่งนี้ก็เป็นที่สุดท้ายแล้วที่จะแวะพัก
“
องค์หญิง...ในคืนนี้เราคงต้องพักในตัวเมืองวาร์คเวิร์ธกันก่อนขอรับ”
ท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์เอ่ยบอกเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อังกฤษที่ยังนั่งหลับตานิ่งอยู่ที่เดิม
“
องค์หญิง?”
สเลนย้ายกลับไปนั่งข้างๆร่างระหงตามเดิม
แต่การที่หญิงสาวผู้ร่าเริงสดใสกลับยังไม่ยอมลืมตาแบบนี้ทำให้อีกสองคนบนรถม้าหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“
ขอประทานอภัยนะขอรับ”
มือใหญ่ของเคานต์ครูเทโอยื่นออกไปแตะที่หน้าผากใสก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อพบว่ามันร้อนระอุ
“
องค์หญิงไม่สบาย สงสัยจะเป็นไข้?!”
เสียงทุ้มหันไปบอกร่างโปร่งบาง
เป็นเพราะต้องเดินทางอย่างยาวนานในสภาพภูมิอากาศที่ไม่คุ้นเคยจะป่วยก็ไม่น่าแปลกใจเลย
“
ตัวร้อนเหรอครับ?”
ใบหน้ามนมองเคานต์ครูเทโอ้ด้วยสายตากังวล ใบหน้าหยิ่งทระนงพยักรับพร้อมกับครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อดี...ตอนนี้คงต้องตามหมอมาดูอาการก่อน
“
เดี๋ยวเราจะไปตามหมอ ส่วนเจ้า”
“
ให้ผมไปตามหมอเองดีกว่าครับ! ท่านเคานต์จะได้อุ้มองค์หญิงเข้าไป
จะได้ไม่เสียเวลา”
นัยน์ตาสีฟ้ามองใบหน้ามุ่งมั่นก่อนจะจำใจทำตามข้อเสนอของสเลน...ช่วยไม่ได้...เพราะหากเขาจะไปตามหมอเอง
กว่าจะจัดการติดต่อที่พัก กว่าจะอุ้มองค์หญิงเข้าไป
เกรงว่าจะมืดเสียก่อนแล้วตอนนั้นร้านหมอก็อาจจะปิดไปแล้ว
“
ระวังตัวด้วยล่ะ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง
ถึงจะรู้ว่าสเลนไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรไม่เป็น แต่เพราะมีรูปร่างหน้าตาแบบนั้นซ้ำยังมีท่าทางน่ารังแกจึงมักจะดึงดูดคนแปลกๆโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่เสมอ
ร่างโปร่งเดินผ่านร้านรวงที่เรียงรายขนาบสองข้างถนนปูหิน
ตึกแถวที่เป็นสีเทาทึมๆถึงจะไม่ได้หรูหราเท่าเมืองทางใต้แต่กลับมีเสน่ห์จากความลึกลับน่าค้นหา
เมืองทั้งเมืองถึงจะดูอึมครึมจากสีหม่นๆของอาคารบ้านเรือนและภูมิอากาศแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวจนเดินไม่ได้
วาร์คเวิร์ธนั้นชวนให้นึกถึงผู้ชายที่ดูร้ายกาจทว่าข้างในกลับใจดี...
ร้านหมอที่เดินหามาหลายตรอกตั้งอยู่ตรงหน้า
ร่างโปร่งที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวจึงก้าวขาเข้าไปหาทันที
“
พาคุณหมอกลับไปที่โรงแรมก่อนนะครับ ผมจะแวะไปซื้อของหน่อย เดี๋ยวตามไป”
ใบหน้ามนหันไปบอกพ่อบ้านที่มาด้วยกันหลังจากเจรจากับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว
ถึงจะรู้ว่าไม่ควรเถลไถลในเวลาแบบนี้
แต่จากที่เดินผ่านมาเมื่อกี้มันก็รู้สึกติดใจจนอดที่จะกลับไปดูไม่ได้ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชายาวเคลียไหล่ที่ถูกม้วนปลายน้อยๆจนดูราวกับเด็กสาววัยแรกแย้มหันไปหันมาเพื่อมองหาสิ่งที่ผ่านตาไปตอนที่เดินตามหาร้านหมอ
เจอแล้ว...
ร่างโปร่งไปยืนเกาะกระจกตู้ของร้านที่ดูเก่าแก่ร้านหนึ่งซึ่งมีขวดไวน์พื้นเมืองวางโชว์อยู่...เวลาเห็นไวน์ทีไรก็มักจะนึกถึงท่านเคานต์ขึ้นมาทุกทีแล้วมันก็อดที่จะซื้อกลับไปฝากไม่ได้....ท่านเคานต์ชอบชิมไวน์ใหม่ๆเพื่อเอาไว้พัฒนาไวน์ของไร่ครูเทโอ้
แล้วเดี๋ยวนี้จากการที่ต้องคลุกคลีกับงานของท่านเคานต์อยู่ตลอดทำให้เขาพอจะมีความรู้เรื่องไวน์มากกว่าแต่ก่อน...ถึงจะยังคออ่อนอยู่ก็เถอะนะ
มือบางวางเงินลงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะรับขวดไวน์ที่ห่อด้วยกระดาษอย่างดีจากคนขายมา
ใบหน้าของชายชรายิ้มแปลกๆแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจว่าที่อีกฝ่ายยิ้มนั้นหมายความว่าอย่างไร
ฝ่าเท้าก้าวออกมาจากร้านเพื่อเตรียมจะกลับโรงแรม
ท้องฟ้าเวลานี้แทบจะไม่มีแสงแดดหลงเหลือ...ถึงจะไม่ได้ไกลแต่จากตรงนี้ก็ไม่ถึงกับใกล้โรงแรมเสียทีเดียว
สองขาจึงเร่งจังหวะให้ไวกว่าเดิม
แล้วมันก็ยิ่งก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อจู่ๆก็รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตามเขามา!
ใครกันน่ะ?
ต้องการอะไร? หรือว่าจะชิงทรัพย์?
ใบหน้ามนก้มหน้าก้มตาก้าวขาทั้งๆที่หัวใจกำลังเต้นระรัว
สองแขนกอดขวดไวน์แน่นราวกับมันเป็นตัวแทนของท่านเคานต์ที่จะทำให้เขาอุ่นใจไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม
“
อ๊ะ?!”
ทั้งๆที่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าทำอะไรอุกอาจบนถนนที่ยังพอจะมีคนเดินสวนไปสวนมาอยู่บ้าง
แต่ดูท่าว่าเขาจะคิดผิดเมื่อจู่ๆข้อมือก็ถูกมือหยาบกร้านนั่นดึงเอาไว้
ก่อนจะกระชากเขาให้หันไปเผชิญหน้า
“
มะ มีอะไรครั...คะ?”
เขาถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
นัยน์ตาหยาบโลนไล่มองไปตามเรือนร่างของเขาอย่างไม่มีปิดบังว่ากำลังต้องการมัน....พะ
พวกหื่น โรคจิต วิตถารงั้นหรอ?
“
ครั้งละเท่าไหร่?” เอ๋? หมายถึงอะไรน่ะ?
เขาไม่เข้าใจจึงได้แต่ทำหน้างง
“
คืออะไรครั...คะ?”
“
ไม่ต้องมาไขสือหรอกน่า บอกมาสิ ชั้นมีเงินจ่ายนะ”
เสียงที่เริ่มจะขู่เข็นทำให้เขารีบสะบัดมือออก...อะไรไม่รู้ละแต่คงอันตรายแน่ถ้ายังอยู่ใกล้ผู้ชายที่พูดไม่รู้เรื่องคนนี้
สองขาจึงตั้งใจจะวิ่งหนีไป
“
อ๊ะ?!”
แต่อีกฝ่ายก็ไวพอที่จะรีบตะครุบตัวเขาเอาไว้
ท่อนแขนที่พยายามจะกอดรัดทำให้รู้สึกขยะแขยงจนต่อต้านสุดแรง
“
ปล่อยผมนะ!”
มือข้างที่ไม่ได้ถือขวดไวน์ผลักไสอีกฝ่ายออกไปแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่...เขาสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราพยายามจะซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอ....ไม่นะ!!
ท่านเคานต์...ช่วยผมด้วย!!
ท่านเคานต์!
เคร้ง!!!
จู่ๆแรงกอดรัดก็หายไปเสียดื้อๆก่อนจะตามมาด้วยเสียงราวกับของหนักหล่นลงไปทับกับโลหะอะไรบางอย่าง
และเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าของหนักที่ว่าก็คือร่างของผู้ชายหยาบคายคนนั้นซึ่งกำลังหงายหลังลงไปทับรั้วเหล็กโปร่งของร้านที่อยู่ข้างๆ
เอ๋?...เกิดอะไรขึ้นกัน?
ยังไม่ทันจะได้หันไปมองรอบกาย
ปลายสีเงินของดาบคมกล้าก็จ่อไปที่คอของชายผู้นั้นที่กำลังตัวสั่นงันงก
“
ผู้หญิงเค้าไม่ยอมแล้วเจ้ายังจะไปบังคับเค้าอีกหรือไง?
จะให้เราตัดหัวเจ้าตรงนี้หรือจะไสหัวไปดีๆ”
เสียงทุ้มนั้นไม่ใช่ของท่านเคานต์ครูเทโอ้แต่กลับเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก
แต่เจ้าของร่างกายสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีดำนั่นดูแล้วก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคนรักของเขา
ใบหน้ายโสกับเสื้อผ้าที่ดูภูมิฐานทำให้รู้ว่าชายคนนี้คงไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา...น่าจะเป็นคนของตระกูลขุนนางเหมือนท่านเคานต์ของเขาก็ได้กระมัง
“
ขะ ขออภัยขอรับใต้เท้า....”
คนที่ถูกดาบจ่อคออยู่ก้มขอขมาก่อนจะลนลานวิ่งหนีไป
ปลายดาบถูกเก็บเข้าฝักก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหันมาหาเขา
“
ขอบคุณมากนะครั...คะ”
ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนี้ช่วยไว้เขาต้องแย่แน่ๆ
หัวสีชาจึงก้มลงเพื่อขอบคุณอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง
ท่าทางตื่นๆของเขาคงจะทำให้คนตรงหน้านึกขำ
เขาจึงได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆลอยเข้าหูมา ใบหน้ามนจึงค่อยๆเงยขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างอายๆ
ทว่า...
แทนที่จะขำเขาต่อ
คนที่นั่งอยู่บนหลังม้ากลับชะงักไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาเต็มๆ
นัยน์ตาสีม่วงเบิกค้างอยู่หลายวินาทีก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้กลับไปเหมือนเดิม
เหมือน...
เหมือนมาก...
นัยน์ตาสีม่วงไล่มองไปบนใบหน้ามนของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า...ทั้งริมฝีปาก
จมูก
แม้แต่ดวงตา...ทั้งใบหน้าของเด็กคนนี้ราวกับถอดแบบออกมาจากผู้หญิงที่เขารู้จัก
และเธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก....
จากที่ตั้งใจแค่จะเข้ามาช่วยแล้วก็จบๆไป มือใหญ่ที่กุมบังเหียนอยู่กลับบังคับม้าสีดำให้ยืนนิ่งๆเพื่อให้เขาพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น...และเมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนบอบบางนั้นถืออะไรอยู่
คิ้วทั้งสองข้างก็ถึงกับขมวดเข้าหากัน
“
เจ้ามาจากหอไหนกัน?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามออกไป...ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถามคำถามนี้กับผู้หญิงที่มีหน้าตาราวกับถอดแบบออกมาจากคนที่เขารัก
“
หอ?” แต่ใบหน้ามนกลับทำหน้าราวกับว่าไม่เข้าใจคำถามของเขา...ถึงจะบอกว่าเด็กนี่หน้าเหมือนผู้หญิงที่เขารักแต่มันก็มีบางอย่างแตกต่างกันออกไป...ผู้หญิงคนนั้นสูงศักดิ์
อ่อนหวานและสดใส...ไม่ได้มีบรรยากาศเหมือนคนไม่มีทางสู้ทำให้ดูน่ารังแกเหมือนเด็กสาวคนนี้
แล้วก็เพราะบรรยากาศแบบนั้นแหละ...ทำให้เขาเชื่อสนิทใจและกำลังคิดไปไกลว่าอาจจะไปไถ่ตัวเด็กคนนี้
อย่างน้อยก็อยากให้เธอมีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
“
ไม่มีผู้หญิงดีๆที่ไหนเค้าเดินถือขวดไวน์กันกลางแจ้งแบบนี้หรอกนะ....หรือว่า....เจ้าไม่ใช่คนที่นี่?” ใบหน้ามนพยักหน้าหงึกๆทำให้สิ่งที่อยู่ในหัวของเขาจำต้องหยุดชะงัก...ไม่ใช่คนที่นี่นี่เอง
ถึงได้ไม่เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติในวาร์คเวิร์ธ
“
ผม...เอ่อ...ดิฉันมาจากภาคกลาง...ไม่รู้ว่าการถือไวน์แบบนี้มันมีความหมายว่าอย่างไร....” ใบหน้ายโสถึงกับถอนหายใจออกมา
“
งั้นรึ...เพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ถึงได้โดนเจ้าพวกนั้นตามเอา....สำหรับที่นี่...ผู้หญิงที่เดินถือขวดไวน์นั้นถือเป็นสัญลักษณ์บ่งบอก...ว่าตนมาจากย่านโสเภณี” ไหล่บางถึงกับสะดุ้งโหยง
สองมือประคองขวดไวน์พลางหันไปหันมาอย่างเลิ่กลั่ก จะโยนทิ้งก็คงจะเสียดาย
จะถือไว้ก็กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
และท่าทางลนลานแบบนั้นมันทำให้เขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
เด็กคนนี้...ช่างน่าเอ็นดู...
“
ยื่นมือมาสิ เราจะไปส่ง ขืนปล่อยให้เดินกลับเองก็คงไม่พ้นโดนใครดักฉุดไปอีกแน่” น้ำเสียงที่ยังติดหัวเราะทำให้ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันก่อนจะมองเขาราวกับอยากจะเถียง
มือบางกว่าจะยอมยื่นมาให้มันก็ชักเข้าชักออกอยู่หลายรอบ จนเขาขี้เกียจจะทนรอจึงเอื้อมมือไปคว้าร่างโปร่งบางให้ขึ้นมานั่งอยู่บนหลังม้าโดยไม่ทันตั้งตัว
“
เอ๊ะ?” ใบหน้ามนยังคงมึนงง
ร่างบอบบางหันไปหันมาด้วยท่าทางตื่นๆและเพราะแบบนั้นมันจึงทำให้เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายที่อยู่ในอ้อมแขน...เป็นกลิ่นคล้ายๆดอกไม้...ยิ่งได้ดอมดมนานเข้าก็ราวกับจะมีกลิ่นที่อยู่ในห้วงคำนึงซึ่งเขานึกไม่ออก...ว่ามันคือกลิ่นของดอกอะไร...
ใช่...ตอนนั้นเขาไม่ได้เอะใจเลย...ว่ามันคือกลิ่นของกุหลาบสายพันธุ์พิเศษที่ไม่มีอื่นใดในโลก...
กุหลาบแห่งวอร์ริค
“
บ้านเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ?” เสียงทุ้มกระซิบถามที่ใบหู เด็กสาวส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะบอกชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งออกมา...เป็นแค่คนที่เดินทางจริงๆด้วยสินะ...
แล้วไม่นานร่างสูงใหญ่ก็พาร่างโปร่งบางมาส่งให้อย่างปลอดภัย...นัยน์ตาสีม่วงทอดมองใบหน้าที่แสนคิดถึงอย่างเสียดาย...อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็เป็นได้...
“
แล้วท่าน....” ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินผ่านประตูทางเข้าก็ยังไม่วายหันมามองเขาสลับกับท้องฟ้าสีดำที่เบื้องหลัง
“
เป็นห่วงเรางั้นรึ?” เป็นอีกครั้งที่เผลอหัวเราะในลำคอกับท่าทางซื่อๆของเด็กตรงหน้า
มาเป็นห่วงคนที่เพิ่งเคยเจอกันแบบนี้ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด...ช่างจิตใจดีเสียจริงๆ
ไม่ได้เหมือนแค่ใบหน้าสินะ....
“
อีกเดี๋ยวเราก็จะกลับบ้านของเราแล้วละ
พอดีคิดว่าเจ้านายของเราน่าจะมาถึงวันนี้เลยออกมาดูเผื่อว่าจะได้ต้อนรับ...แต่คงมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลยยังไม่เห็น...” ใบหน้ามนก้มหัวให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในโรงแรมโดยไม่ได้ติดใจสงสัยเลยว่า...เจ้านายคนที่ว่านั่นจะหมายถึงคนที่นอนป่วยอยู่ในโรงแรมนี่เอง
มันก็คงจะเป็นแค่ความบังเอิญ...
หรือไม่ก็คงเป็นตลกร้ายจากพระผู้เป็นเจ้า...ที่ส่งเด็กสาวคนนั้นมาในช่วงเวลาแบบนี้...
ช่วงเวลาที่เขากับอดีตเพื่อนรักซึ่งแตกหักเพราะผู้หญิงหน้าตาเหมือนเด็กสาวคนนั้น...กำลังจะกลับมาเจอกัน...
อีกไม่นานแล้วสินะ...ครูเทโอ...
ร่างโปร่งบางลากกระโปรงยาวหนาหนักที่ไม่คุ้นเคยไปตามทางเดินหน้าห้องของโรงแรมที่ประดับประดาอย่างหรูหราไม่ต่างจากในปราสาทที่เขาอยู่ ดูท่าว่าคงจะเป็นโรงแรมของชนชั้นสูงกระมัง?
และเพราะแบบนั้นมันเลยทำให้เขานึกถึงครั้งแรกที่ออกมาเดินอยู่ในปราสาทวอร์ริค...ไม่ใช่อะไร...เพราะตอนนี้เขาว่าเขากำลังหลงทางอย่างในครั้งนั้นอยู่แน่ๆ
ก็แม้แต่เลขห้องเขาก็ไม่รู้นี่นาว่าตัวเองพักอยู่ห้องไหน ยิ่งห้องขององค์หญิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หรือจะลงไปถามที่เคาน์เตอร์ข้างล่างก่อนดีนะ?
แต่ก็เพราะว่ามันไม่มีใครอยู่เขาถึงได้เดินดุ่มๆขึ้นมาเองแบบนี้ไง
“
เฮ้อ...” ใบหน้ามนถอนหายใจ ป่านนี้พวกท่านเคานต์คงกำลังเฝ้าองค์หญิงอยู่แน่ๆ
เขาถึงได้หาใครไม่เจอเลยสักคน
ทว่า...
ในขณะที่ก้าวขาเดินไปอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง
เอวบอบบางก็ถูกท่อนแขนของใครบางคนโอบรัด!
“
เอ๊ะ?!”
รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกมือปริศนานั่นดึงหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว ใครน่ะ? ต้องการอะไร? หรือว่าจะเป็นพวกผู้ชายที่เข้าใจผิดเพราะเห็นเขาถือขวดไวน์?
ไม่นะ!
“
ท่านเคานต์ช่วยด้วย!”
คราวนี้เขาตัดสินใจตะโกนออกไปเช่นเดียวกับร่างกายที่ออกแรงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนที่มีแต่จะรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“
สเลน?! นี่เราเอง!”
เอ๊ะ? อ้าว? ทำไมคนที่เขาร้องเรียกให้ช่วยกลับเป็นฝ่ายตะครุบตัวเขาเอาไว้เองแบบนี้ล่ะ?
ใบหน้ามนเงยมองร่างสูงใหญ่ของท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์ด้วยความมึนงงก่อนจะถอนหายใจเมื่อเริ่มประติดประต่อเรื่องได้...สรุปว่าคนที่ดักจับเขาเข้าห้องมาก็คือท่านเคานต์ครูเทโอนั่นเอง
“
ตกใจหมดเลยท่านเคานต์”
“
เจ้านั่นแหละไปไหนมา? เราบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามอยู่ห่างจากเรา ที่นี่มันอันตรายยิ่งกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ทำไมไม่กลับมากับพ่อบ้าน?
เจ้าจะทำให้เราเป็นห่วงจนบ้าตายไปก่อนใช่ไหม?”
“
อุ๊บ...”
เขากลั้นขำเอาไว้แทบไม่ไหวกับคำบ่นที่ยาวเป็นหางว่าว เมื่อก่อนนะจะพูดจะจาอะไรกับเขาแต่ละคำนี่ต้องให้เขาคิดมากไปถึงไหนต่อไหนถึงจะยอมพูดออกมาได้
แต่เดี๋ยวนี้กลับบอกว่าเป็นห่วงออกมาง่ายๆแบบนี้
ท่านเคานต์ก็มีมุมน่ารักๆอยู่เหมือนกัน
“
หัวเราะอะไร?” ไม่ว่าเปล่า
ท่อนแขนแข็งแรงยังตวัดมารอบเอวเขาก่อนจะอุ้มพาดบ่าแล้วเอาไปโยนไว้ที่เตียง กระโปรงฟูฟ่องแผ่สยายเช่นเดียวกับปลายผมสีชา
ร่างโปร่งบางต้องรีบลุกขึ้นมาก่อนจะเอาขวดไวน์ยันแผงอกแข็งแรงออกไป
“
ผมเห็นนี่เข้า ก็เลยไปซื้อมาให้ท่านเคานต์ครับ!” ใบหน้ามนหลับหูหลับตาตะโกนออกไป...เพราะถ้าไม่รีบบอก...กว่าท่านเคานต์จะรู้อีกทีก็คงเช้า...
“
ไวน์?” เหมือนจะได้ผล?
เมื่อจู่ๆร่างที่กำลังคร่อมเขาอยู่ก็หยุดชะงัก
ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงไปมองขวดไวน์ในมือก่อนจะรับมันไปพลิกดูด้วยความสนใจ
“
ไวน์พื้นเมืองของที่นี่เองก็มีรสชาติใหม่ๆเหมือนกันรึ?”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า เขาจึงได้แต่นั่งมองคนที่ดูจะชอบสิ่งที่เขาเอามาให้ด้วยรอยยิ้มและทั้งๆที่กำลังคิดว่าคืนนี้คงได้นอนสบายๆพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องปวดสะโพกแล้วเชียว
แต่เจ้าของปราสาทวอร์ริคกลับทำให้เหงื่อแตกพลั่กบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“
ไหนๆเจ้าก็ซื้อมาให้เรา เพราะงั้นเจ้าชิมมันเป็นเพื่อนเราก็แล้วกัน” เอ๋?...จะให้เขาดื่มจริงน่ะ?
“
โธ่...ท่านเคานต์ก็รู้ว่าผม....”
“
คออ่อน...อีกทั้งตอนที่เมายังทำอะไรลงไปแบบไม่ค่อยจะรู้ตัวอีก”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะละออกไปจากเตียง
“
เพราะแบบนั้นเจ้าถึงต้องดื่มเฉพาะตอนที่อยู่กับเราเท่านั้น เข้าใจไหมสเลน”
“
ครับ...” เขาได้แต่นิ่วหน้าเมื่อแก้วไวน์สองใบถูกมือใหญ่ถือมาที่เตียง
น้ำสีแดงเข้มจนเกือบดำไหลรินลงไปยังก้นแก้วทรงสูง ใบหนึ่งถูกยื่นมาให้เขา
ส่วนอีกใบท่านเคานต์ถือเอาไว้เอง
ริมฝีปากสีแดงจรดลงไปที่ขอบแก้วไวน์ก่อนจะจิบมันน้อยๆ
อันที่จริงรสชาติของมันอร่อยมากเพียงแต่ที่เขามักจะอิดออดไม่ยอมดื่มมันนั่นก็เพราะว่า....
“
สเลน?”
ท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์เอ่ยเรียกคนที่นิ่งไปราวกับต้องการจะเช็คอะไรบางอย่าง
แก้มใสของสเลนแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู จากที่พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมดื่มท่าเดียวแต่ตอนนี้ลิ้นเล็กๆนั่นกลับแล่บออกมาเลียไวน์สีแดงที่ติดอยู่ตามขอบแก้วด้วยความเอร็ดอร่อย
ท่าทางแบบนี้....เมาแล้วสินะ...
ใบหน้าหยิ่งทระนงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่มือใหญ่จะรินไวน์ลงในแก้วของตัวเองฝ่ายเดียว
ร่างสูงนั่งลงไปก่อนที่แผ่นหลังจะเอนพิงหัวเตียงเอาไว้
มือข้างหนึ่งคลายผ้าผูกคอออกส่วนอีกข้างก็แกว่งแก้วไวน์น้อยๆเพื่อล่อลวงดวงตาสีมรกตที่กำลังมองแก้วสีแดงดำนั่นไม่วางตา
ร่างโปร่งคลานเข้ามาก่อนจะพยายามคว้าแก้วไวน์ที่เขาชูอยู่เหนือหัว
ท่าทางเหมือนลูกแมวที่พยายามเขี่ยของเล่นด้วยขาหน้าทำให้เขาเผลอหัวเราะในลำคอ
มือใหญ่วางลงไปบนเอวบางของร่างที่คร่อมอยู่บนหน้าตัก
สเลนยังคงสนใจอยู่แต่แก้วไวน์จึงไม่ได้รู้เลยว่าฝ่ามือของเขามันกำลังลากไล้ลงไปเรื่อยๆ
ก่อนที่ชายกระโปรงจะค่อยๆถูกย่นขึ้นมาตามฝ่ามือที่ย้อนกลับมายังต้นขา
“
สเลน...”
เสียงทุ้มกระซิบลงไปที่ใบหูของคนที่ยังพยายามจะคว้าแก้วไวน์ให้ได้
ริมฝีปากของเขาแนบลงไปที่ซอกคอระหง
กดจูบแผ่วเบาก่อนจะคลอเคลียจนเจ้าลูกแมวสีขาวทำท่าจักจี้
เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากใบหน้าแดงระเรื่อ
มือใหญ่ยังคงลูบไล้อยู่บนต้นขาขาว
ชายกระโปรงที่ถูกเลิกขึ้นมาทำให้คนตรงหน้าดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ
ท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์ลากฝ่ามือไปยังด้านหลังเอวบางก่อนจะดึงเชือกที่ผูกเป็นโบว์ออก
แล้วไม่นานซิปที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีก็ถูกรูดตามไป...ข้อเสียเดียวที่เขามีให้สเลนที่อยู่ในชุดของสตรีก็คือตรงนี้แหละ...กว่าจะถอดเสื้อผ้าได้มันช่างลำบากกว่าชุดของเด็กผู้ชายมากนัก
แก้วไวน์ถูกปล่อยให้คนที่พยายามจะไขว่คว้ามันไป
สองมือบางประคองแก้วทรงสูงก่อนจะยกขึ้นดื่มด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้เขามีเวลาปลดเสื้อผ้าที่แสนซับซ้อนออกได้อย่างใจเย็น
และทันทีที่น้ำสีแดงเข้มหมดไปจากแก้ว
ร่างโปร่งที่เปลือยเปล่าจึงถูกกดให้นอนหงายลงกับเตียง
มือบางพยายามจะยื้อแย่งแก้วไวน์ที่ไม่เหลืออะไรแล้วไปจากมือของเขา
ถึงแม้ว่าตอนที่ลิ้นเล็กๆนั่นเลียแก้วใสเสียจนเกลี้ยงมันจะดูเย้ายวนดีก็เถอะนะ
ร่างสูงพลิกกายไปนั่งคร่อมร่างโปร่งเอาไว้
ใช้สองขากดเจ้าลูกแมวที่ยังตามมาแย่งแก้วไวน์กับเขาไม่หยุดนั่นให้นอนอยู่กับพื้นเตียง
แก้วถูกวางไปบนโต๊ะข้างเตียงก่อนที่มือใหญ่จะคว้าขวดไวน์ขึ้นมาดึงจุกก๊อกออกด้วยปาก
ไวน์พื้นเมืองขวดนี้ก็รสชาติดีใช้ได้แต่มันก็ยังไม่เท่าร่างโปร่งบางตรงหน้าซึ่งอีกไม่ช้าเขาจะกินมันเข้าไป
น้ำสีแดงเข้มถูกเทลงมาบนนิ้วยาวยังไม่ทันไรเจ้าลูกแมวผู้หิวโหยก็คว้ามือของเขา...แล้วอมปลายนิ้วเข้าไปในปาก...
ปลายลิ้นที่อยู่ภายในไล้เลียปลายนิ้วอย่างที่ไม่ได้รู้เลยว่ามันกำลังปลุกความต้องการของเขาให้ตื่นขึ้นมา...เจ้าเด็กตรงหน้าช่างเย้ายวนจนเขาเผลอกลืนน้ำลาย
เขาดึงปลายนิ้วออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ
น้ำลายไหลย้อยน้อยๆที่มุมปาก
นัยน์ตาสีมรกตมองมาอย่างเว้าวอนออดอ้อนว่าอยากได้อีก...แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ตามใจ...
ไวน์สีแดงเข้มถูกเทลงไปบนปลายนิ้วอีกครั้งพร้อมๆกับใบหน้าของเขาที่โน้มลงไปหา
ริมฝีปากประกบปิดปากเจ้าขี้เมาก่อนจะมอบความหอมหวานที่รัญจวนใจไม่ได้ต่างจากรสชาติของไวน์ให้...ส่วนปลายนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยไวน์กลับย้ายลงไปแตะสัมผัสปากทางที่เบื้องล่างก่อนจะสอดใส่มันเข้าไปในช่องทางคับแน่น
“
อ่ะ? อื้อ!”
นัยน์ตาสีมรกตปิดแน่นเมื่อความรู้สึกอึดอัดแล่นขึ้นมาจากเบื้องล่าง
ใบหน้าหยิ่งทระนงละออกมาคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอขาว
ริมฝีปากกดจูบไปทั่วลาดไหล่ให้คนถูกกระทำค่อยๆเคลิบเคลิ้ม
ปลายนิ้วที่ถูกบีบรัดถอนออกมาเมื่อรู้สึกว่าช่องทางนั้นยังคับแน่นเกินกว่าที่เขาจะเข้าไปได้
น้ำสีแดงเข้มถูกชโลมที่ปลายนิ้วก่อนจะสอดใส่เข้าไปแทนสารหล่อลื่นอีกครั้งยังคงทำให้สเลนสะดุ้งเฮือก
ดูเหมือนเจ้าแอลกอฮอล์เข้มข้นที่ทำให้คนมัวเมาจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในยามนี้
เพราะไม่ใช่แค่มันจะทำให้ช่องทางเริ่มผ่อนคลายแต่กลิ่นหอมหวนที่รัญจวนใจของมันยังทำให้ใบหน้ามนเคลิบเคลิ้มจนนัยน์ตาสีมรกตนั่นเหม่อลอยไปไกล
ตะขอกางเกงของชุดขุนนางชั้นสูงถูกปลดออก
ความเป็นชายที่ขยายใหญ่พร้อมแล้วที่จะเข้าไปดื่มด่ำกับไวน์รสชาติหวานฉ่ำที่อยู่ในร่างกายบอบบาง
เรียวนิ้วจึงถูกดึงออกมาโดยมีน้ำสีแดงเข้มไหลย้อยติดปลายนิ้วมาเล็กน้อย
“
อ๊ะ?!”
ร่างโปร่งผวากอดแผ่นหลังที่โน้มตัวลงไปหาของเขาทันทีที่แกนกายใหญ่ถูกสอดใส่เข้าไป
ความร้อนระอุทำให้ความรู้สึกราวกับจะมอดไหม้
ไฟแห่งความปรารถนาค่อยๆเผาผลาญพวกเขาจนห้องที่เคยเย็นเฉียบกลับอุ่นขึ้นมาทันที
“
สเลน...อย่าหนีสิ”
ถึงจะถูกนำไปด้วยไวน์รสเลิศแต่ด้วยความใหญ่โตของสิ่งแปลกปลอมที่ถูกใส่เข้าไปทำให้ช่องทางข้างหลังยังคงพยายามจะถอยหนี สองแขนของเขาจึงวางแนบไปกับพื้นเตียงก่อนจะทิ้งกายลงไปทาบทับร่างโปร่ง
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองขยับไปซุกไซร้คลอเคลียซอกคอเพื่อล่อลวงคนข้างใต้ให้ลุ่มหลงเมามัวไปกับสัมผัสที่เขามอบให้
“
อ้า...ท่าน...เคานต์”
คำพูดขาดห้วงราวกับคนกำลังจะขาดใจ สเลนร้องครางพลางสะบัดหน้าเงยเมื่อเขาเริ่มขยับกาย
ผนังนุ่มที่รัดพันเขาเอาไว้มันช่างถือดีจนน่าเสียดสีให้ร้องไม่เป็นภาษานัก...แน่นอนว่าเขาไม่ได้ดีแต่คิด...แต่กำลังลงมือกระทำ
“
ฮะ...อ้า...”
ร่างโปร่งโยกคลอนไปตามแรงขยับที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาซบอยู่ที่ไหล่ของเขาก่อนจะเงยหน้าเปล่งเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่
ไอร้อนค่อยๆห่อหุ่มร่างกายของพวกเขาตามเพลิงปรารถนาที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
“
อ้าขาอีกนิดสเลน...”
เขาพร่ำกระซิบลงไปที่ใบหูแดงเถือกด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
ลมหายใจหนักๆถูกระบายออกไป ข้างในร่างกายของสเลนนั้นทำให้เขารู้สึกดีมากและเขาก็อยากจะทำให้เด็กนี่รู้สึกดีเช่นกัน
แกนกายใหญ่จึงสอดใส่เข้าไปในมุมที่เขารู้ดี
“
อื้อ!”
ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับเม้มแน่น
นัยน์ตาหยาดเยิ้มหลับตาปี๋เช่นเดียวกับร่างโปร่งที่ผวากอดแผ่นหลังของเขาเอาไว้แน่น...เมื่อแกนกายของเขาเสียดสีกับจุดที่ทำให้รู้สึกดีที่อยู่ภายใน
น้ำสีขาวขุ่นไหลปริ่มออกมาจากส่วนอ่อนไหวของร่างข้างใต้ทำให้เขาต้องเลื่อนปลายนิ้วไปกดปิดมันเอาไว้
“
ทะ ท่านเคานต์...อะ อ้า”
นัยน์ตาที่พร่ามัวเปิดมองเขาอย่างเว้าวอนแต่ใบหน้าหยิ่งทระนงกลับยิ้มเจ้าเล่ห์
แกนกายสอดแทรกกระแทกใส่จุดนั้นซ้ำๆจนร่างโปร่งถึงกับบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน
ลำตัวบางที่แดงระเรื่อไปทั้งตัวนี่ช่างน่ารักนัก
ใบหน้าที่มีแต่เหงื่อเกาะพราวก้มลงไปจูบริมฝีปากที่ยังครางไม่หยุดนั่นเป็นครั้งสุดท้าย
เขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ช่วงล่างขยับถี่ก่อนที่จะดึงมันออกมาจนสุดแล้วกดพรวดเข้าไปรวดเดียว
“
อ๊า!...” สองแขนกอดคอเขาแน่น
ร่างโปร่งกระตุกน้อยๆพร้อมกับปลดปล่อยน้ำรักออกมาเต็มหน้าท้อง
ใบหน้ามนเหม่อลอยราวกับสติกำลังขาวโพลนซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ต่างกัน
สันกรามกัดแน่นเมื่อความเป็นชายกำลังสาดทุกความรู้สึกใส่ร่างกายของคนที่อยู่ข้างใต้
ความอุ่นวาบฉาบไล้อยู่ภายใน
สองแขนยังคงกอดร่างโปร่งแน่นจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“
แฮ่ก....แฮ่ก....”
ใบหน้ามนหอบถี่พลางมองเขาที่ละออกมาด้วยสายตาเชื่อมปรอย
หึ...เจ้าเด็กนี่ยังไม่สร่างเมา...แน่นอนว่าเขาก็พร้อมสำหรับยกต่อไปแล้วเช่นกัน...
เสียงครางเครือจึงดังอยู่อย่างนั้นไปอีกกว่าค่อนคืน....
ดวงตะวันพ้นขอบฟ้าขึ้นมาจนเกือบถึงยอดไม้
สายป่านนี้แล้วร่างโปร่งบางเพิ่งจะเดินช้าๆออกมาจากห้อง
ฝ่ามือข้างหนึ่งยันผนังทางเดินเอาไว้ในขณะที่อีกข้างหนึ่งยังคงลูบสะโพกปอยๆ...
ท่านเคานต์นะท่านเคานต์...ทำอะไรไม่ดูอายุตัวเองบ้างเลย
อย่างน้อยก็น่าจะเห็นใจเขาบ้างที่ต้องมาใส่ชุดหนาหนักพวกนี้ทั้งๆที่ปวดสะโพกจะตายอยู่แล้วเนี่ย!
ริมฝีปากได้แต่บ่นขมุบขมิบอยู่คนเดียวเพราะบ่นใส่อีกฝ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์
ท่านเคานต์จอมเอาแต่ใจนั่นเคยฟังเขาเสียที่ไหน!
แล้วนี่ตื่นมาก็หาตัวไม่เจอแล้ว
ทั้งๆที่ปกติจะเกาะเขายิ่งกว่าหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้ ไม่รู้วันนี้ไปไหนของเค้านะ?
ก๊อกๆ
มือบางเคาะลงไปที่บานประตูหน้าห้องขององค์หญิงที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ
ไม่นานข้ารับใช้ส่วนพระองค์ก็ออกมาเปิดประตูให้...น่าแปลกใจ...ทั้งๆที่เขาคิดว่าท่านเคานต์คงมาเฝ้าองค์หญิงอัสเซลัมแต่ที่นั่งข้างเตียงกลับว่างเปล่า
ร่างโปร่งเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง
ใบหน้าสวยขององค์หญิงยังคงหลับตานิ่ง
ถึงจะยังแดงระเรื่อด้วยพิษไข้อยู่บ้างแต่ก็ดูไม่ได้ทรมานเท่าเมื่อวาน
มือบางจับผ้าห่มขยับขึ้นไปให้ถึงคอก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองคนที่นอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอด้วยสายตาเทิดทูล...ถ้าเขาเป็นไข้แทนได้ก็คงจะดี...
“
คุณสเลน...”
เสียงที่คุ้นเคยของพ่อบ้านประจำปราสาทวอร์ริคทำให้เขาหันหน้าไปมองและไม่ทันต้องถาม
ชายชราก็เอ่ยออกมาอย่างรู้หน้าที่
“
ท่านเคานต์เข้าไปที่ปราสาทวาร์คเวิร์ธก่อนขอรับ เพื่อแจ้งให้ทางนั้นทราบว่าพวกเรามาถึงแล้วแต่ที่ยังไม่เข้าไปเพราะองค์หญิงไม่สบายและท่านยังสั่งให้คุณสเลนอยู่แต่ในโรงแรม
ห้ามไปไหนจนกว่าท่านจะกลับมาขอรับ”
พ่อบ้านเอ่ยรวดเดียวเขาจึงได้แต่พยักหน้ารับ...อันที่จริงก็ตั้งใจจะอยู่เฝ้าองค์หญิงทั้งวันอยู่แล้ว
ไม่ได้คิดจะหนีออกไปไหนสักหน่อย
จะห่วงไปไหนกันนะท่านเคานต์นี่....ถึงในใจจะบ่นงึมงำแต่แก้มใสก็ขึ้นสีระเรื่อราวกับฉาบเอาไว้ด้วยกลีบของกุหลาบ
ร่างโปร่งบางนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งช่วงเช้า
ใบหน้ามนที่อ่อนโยนกับกิริยามารยาทที่เรียบร้อยทำให้ข้ารับใช้จากในวังหลวงต่างชื่นชม
จากตอนแรกที่ยังไม่ไว้ใจไปๆมาๆก็ปล่อยให้ร่างโปร่งนั่งเฝ้าองค์หญิงอยู่ตามลำพัง
นัยน์ตาสีมรกตหันไปมองผ้าม่านโปร่งสีขาวที่พลิ้วไหวไปตามสายลม...วันนี้ถือเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่งเลยทีเดียว...อย่างน้อยตั้งแต่ขึ้นเหนือมาเขาก็เพิ่งจะได้เจอกับอากาศแบบนี้เป็นครั้งแรก
เสียงอืออาที่ดังมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ใบหน้ามนหันกลับมาดู...ลมแรงไปหรือเปล่านะ?
องค์หญิงเลยหนาว?...ร่างโปร่งตั้งใจจะลุกขึ้นไปแง้มหน้าต่าง ทว่า ฝ่ามือบางของคนที่นอนอยู่กลับจับหมับมาที่ข้อมือ
“
อยากกินอะไรเปรี้ยวๆจัง...”
นัยน์ตาสีเขียวเปิดขึ้นมาชั่ววินาทีก่อนที่จะปิดลงไปอีกครั้ง
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าองค์หญิงหลับไปแล้ว...เมื่อกี้นี้...ละเมอ?
ใบหน้ามนอมยิ้มก่อนที่จะจับมือที่กุมมือเขาอยู่ไปวางไว้บนแผ่นอกซึ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม...เขาว่ากันว่าความฝันมักจะมาจากจิตใต้สำนึก...บางทีตอนนี้องค์หญิงอาจจะอยากทานอะไรเปรี้ยวๆอยู่ก็ได้?
จะว่าไปผลไม้พวกส้มมีวิตามินซีที่ช่วยให้อาการหวัดทุเลาลงด้วยนี่นะ
เขาเคยอ่านมาจากหนังสือของพ่อ
ร่างโปร่งจึงหันไปหันมาเพื่อหาใครสักคนไปซื้อให้
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นใครเลย...ไปไหนกันหมดนะ?...สองขาจึงลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะออกไปชะโงกหน้าดูที่ทางเดินด้านนอกก็ยังไม่เจอใคร
แค่ออกไปซื้อส้มแถวๆนี้...ถ้ารีบกลับมาก่อนที่ท่านเคานต์จะมาก็ไม่น่าเป็นไร?
สองขาจึงก้าวออกจากโรงแรมไปตามทางที่คิดว่าน่าจะเชื่อมไปยังตลาด
ทว่า...
แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน?
ร่างโปร่งยืนหันมองรอบตัวก่อนจะมีเหงื่อแตกตามไรผมสีชา...ใบหน้าที่เคยมั่นอกมั่นใจอยู่เมื่อครู่กลับสั่นหงึกๆราวกับจะร้องไห้เสียให้ได้...ทั้งๆที่คิดว่าหากเดินย้อนกลับไปทางเดิมก็ไม่น่าจะเป็นไร...ที่ไหนได้...
หลงทางโดยสมบูรณ์แบบ...
ฮืออออ...กลับไปมีหวังโดนท่านเคานต์ทำโทษแน่ๆ
ถึงจะไม่ถูกเฆี่ยนตีให้เจ็บกาย แต่มันก็ทรมานจนแทบขาดใจพอๆกันนั่นแหละ!
ร่างในชุดกระโปรงยาวเตรียมก้าวขาเพื่อหาใครสักคน...โรงแรมออกจะใหญ่โตปานนั้นก็น่าจะมีคนบอกทางกลับให้เขาได้...ใบหน้ามนก้มสำรวจตัวเองก่อนจะออกเดิน...ขวดไวน์ก็ไม่ได้ถือ
ส้มก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะงั้นตอนนี้ในมือเขาไม่มีอะไร
คงไม่มีใครเข้าใจเขาผิดเหมือนเมื่อวานหรอกนะ
เขาเดินเอี้ยงๆมองๆไปตามตรอกแคบๆ
ถึงจะไม่รู้ว่าหลงมาถึงนี่ได้ไงแต่ที่รู้แน่ๆคือมันไม่ใช่ย่านการค้า...น่าจะเป็นบ้านแถวหรือไม่ก็โรงแรมราคาถูก?
ได้ยินเสียงเหมือนคนพูดคุย
แต่ก็ไม่เห็นใครยืนอยู่บนถนน
ใบหน้ามนจึงชะเง้อชะแง้ก่อนจะพยายามเขย่งตัวขึ้นไปมองลอดช่องหน้าต่างที่อยู่สูงพอสมควร...เขาได้ยินเสียงหลุดออกมาจากตรงนั้น
ข้างในคงมีคนอยู่ แต่ก่อนที่จะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ
ชื่อของใครบางคนก็แว่วมาให้สองมือถึงกับยกอุดปากแทบไม่ทัน
“
เจ้าหญิงอัสเซลัมน่าจะมาถึงที่นี่แล้ว
ถ้ารู้ที่พักก็ให้ฆ่าก่อนที่จะไปถึงปราสาทวาร์คเวิร์ธได้เลย
องครักษ์น่าจะน้อยกว่า”
คนพวกนี้...กำลังวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์หญิง!
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง
ร่างทั้งร่างแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าองค์หญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย...เขาต้องรีบกลับไป...ไปบอกท่านเคานต์หรือใครก็ได้ให้คอยคุ้มกันองค์หญิงไว้
และด้วยอารามตกใจ
ขาข้างหนึ่งจึงก้าวถอยหลังอย่างควบคุมไม่อยู่
แกร๊ง...
ส้นรองเท้ากระทบเข้ากับขวดแก้วที่นอนเกลื่อนอยู่แถวนั้นเพราะไม่ทันระวัง...แย่แล้ว!!
“
นั่นใคร?!”
เสียงโหดๆเรียกให้ใบหน้ามนที่ยังมีสองมือปิดอยู่ที่ปากหันไปมองด้วยแววหวาดๆ
ชายร่างสูงใหญ่ไว้หนวดไว้เคราคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมาดูก่อนจะส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า
“
นังเด็กนี่มันได้ยิน!” สองขารีบตวัดตัววิ่งหนีทันที
แต่น้ำหนักกับกระโปรงที่ไม่คุ้นเคยก็ทำให้ความเร็วลดลงไปมาก ร่างโปร่งพยายามวิ่งหลบเข้าไปในตรอกเพื่อพรางกายแต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นทางตัน!
มือบางทุบกำแพงที่สูงเสียดฟ้าอย่างนึกเคืองก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับชายสามคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหา...มือข้างขวายกขึ้นกุมแผ่นอกซ้ายที่กำลังเต้นระรัวอย่างตื่นกลัว...ทำยังไงดี...จะหนีออกไปจากตรงนี้ยังไงดี...
“
นั่นพวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่?”
แต่แล้วจู่ๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นพร้อมๆเสียงกุบกับของเกือกม้า
เส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีที่ร่างโปร่งจำได้ดีว่าคือคนที่ช่วยตนเมื่อวานทำให้ใบหน้ามนยิ้มอย่างดีใจ
เช่นเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่ผงะไปเมื่อเห็นว่าใครกำลังโดนล้อมอยู่
“
นี่เจ้าอีกแล้วรึ?”
จะว่าน่าขำหรือน่าสงสารดี เจอกี่ทีๆก็โดนจับ
โดนรุมทุกที...ก็นะ...บุคลิกน่ารังแกเสียขนาดนี้
“
จะไปไหนก็ไปไป”
ใบหน้าหยิ่งยโสหันไปบอกกับชายสามคนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนจะยอมถอยไปแต่โดยดี...แน่นอนว่ากับพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้กำลังอะไร
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองของขุนนางกระโดดลงมาจากหลังม้า
และเพราะว่ามันไม่คุ้นตานั่นแหละเด็กสาวตรงหน้าถึงได้คิดว่าเขาเป็นทหาร?
“
คุณเป็นทหารของท่านเคานต์วาร์คเวิร์ธใช่ไหม?
ขอร้องละครั...ค่ะ...ช่วยเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้ท่านเคานต์ทราบทีว่าสามคนนั้นกำลังวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์หญิงอัสเซลัม” เด็กสาวละล่ำละลักบอกเขาด้วยใบหน้าตื่นๆ
มือบางเขย่าแขนเขาราวกับว่านั่นมันเป็นความเป็นความตายของตัวเองก็ไม่ปาน...แต่หากเด็กคนนี้จะรักองค์หญิงที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อังกฤษก็คงไม่แปลกในเมื่อเธอเพิ่งมาจากภาคกลาง...ใครๆที่นั่นต่างก็รักคนของราชวงศ์ทั้งนั้น
แต่ที่นี่ไม่ใช่...
“
เข้าใจแล้ว...เดี๋ยวเราเอาไปบอกให้”
เขารับปากไปแบบนั้นทำให้เด็กสาวหยุดเขย่าแขนก่อนจะทำหน้าโล่งใจ...หากเป็นคนอื่นที่มาได้ยินแผนการนี้เข้า...เขาคงไม่ปล่อยไปแบบนี้หรอก
“
เจ้าชื่ออะไร?” ร่างสูงใหญ่จูงม้าก่อนจะเดินนำออกมาจากตรอกแคบๆนั่น
“
สเลน...ค่ะ...”
นั่นชื่อของเด็กผู้หญิงเหรอน่ะ? ช่างไม่เข้ากับใบหน้าเสียเลยนะ
เขานึกว่าจะชื่อแมรี่อะไรแบบนี้ซะอีก
“
แล้วท่าน.....”
นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมามองเขาอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะถามดีไหม
“
เรียกเราว่านายทหารก็แล้วกัน แล้วนี่เจ้ากำลังจะไปไหน?” ความจริงก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปิดบังฐานะ
ทว่าเขากลับอยากรู้จักเด็กสาวในฐานะคนธรรมดามากกว่า
“
จริงด้วย!”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาผงะไปราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังจะไปไหน
“
ผะ ดิฉันออกมาหาซื้อส้ม...แต่ว่าดันเดินหลงทางมาตรงนี้ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ....” ใบหน้ามนก้มลงอย่างอายๆ....มาซื้อส้ม?
“
เอ๊ะ? เหวอ?!”
เอวบางถูกมือใหญ่จับเอาไว้ก่อนจะอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังม้าก่อนที่เขาจะก้าวขาตามขึ้นไปนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
เด็กสาวทำหน้าเหวอแต่ก็ไม่ได้ร้องโวยวายเพราะคิดว่าเขาจะพาไปส่งที่ย่านร้านค้า
ทว่า...
ม้าสีดำนั้นกลับวิ่งออกนอกเมือง....
“
ดะ เดี๋ยวค่ะ...นี่ท่านกำลังจะไปไหน?!” เสียงนุ่มตะโกนแข่งกับสายลม
ใบหน้ามนเริ่มเลิกลั่กหันมองซ้ายทีขวาทีอย่างตื่นกลัว
สองแขนแข็งแรงที่เอื้อมไปกุมบังเหียนไว้ทำให้ราวกับกำลังโอบกอดร่างบอบบางให้อยู่ในอ้อมแขน
ใบหน้ายโสก้มลงไปพูดใกล้ๆใบหูทำให้เฉียดแก้มนิ่มไปแค่นิดเดียว
“
ไม่ต้องกลัวหรอก...เราไม่ทำอะไรเจ้า แค่จะพาไปเอาส้มเท่านั้นเอง”
ใช่...ต่อให้เขาจะร้ายกับคนทั้งโลก
แต่ก็มีคนหนึ่งซึ่งเขาจะไม่มีวันทำร้าย...
ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนกับเจ้า...
ไร่ส้มที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
สีส้มของผลกลมเกลี้ยงตัดกับสีเขียวของต้นที่ถูกปลูกอย่างเป็นระเบียบทำให้คนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกมองมันด้วยความตื่นตะลึง
รอยยิ้มที่เผยอยู่บนใบหน้ามนทำให้คนที่เดินตามหลังรู้สึกสุขใจอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน
“
ที่นี่ไร่ของใครเหรอครั...คะ? แล้วดิฉันหยิบส้มของเขาไปได้เหรอคะ?”
ใบหน้าที่ดูจะดีใจหันกลับมาถามเขาเพื่อความแน่ใจ
“
เชิญหยิบตามสบายเลย
ที่นี่เป็นไร่ของท่านเคานต์แห่งวาร์คเวิร์ธ...เอ่อ...เจ้านายของเราเอง” เด็กสาวยิ้มให้เขาก่อนจะหันไปสนใจผลส้มสดใหม่ที่ยังอยู่บนต้น
ท่าทางเก้ๆกังๆที่ไม่รู้ว่าจะต้องหยิบผลไหนถึงจะกินได้ทำให้เขาเผลอหัวเราะในลำคอ
“
ถ้าเจ้าจะเอาไปกินเลยต้องเลือกลูกแบบนี้
แต่ถ้าจะเอาไปเก็บไว้สักสองสามวันต้องเลือกที่ยังยังอมเขียวแบบนี้” มือใหญ่พลิกผลส้มออกมาให้คนที่มองอย่างสนอกสนใจดู
ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่ผลที่อยู่ใกล้ๆกันพลางหันมามองเขาว่านี่ใช้ได้หรือเปล่า
พอเขาพยักหน้าให้มือบางค่อยปลิดมันออกไป
“
ไร่ของท่านเคานต์วาร์คเวิร์ธกว้างใหญ่จังเลยนะครั...คะ....ทำให้นึกถึงไร่องุ่นของ...เอ่อ...ที่ที่เคยอยู่น่ะค่ะ” เด็กสาวหัวเราะแหะแหะก่อนจะหันกลับไปเลือกส้มต่อ
พอพูดถึงไร่องุ่นใบหน้าของอดีตเพื่อนรักก็แว่บเข้ามาในหัว...ไม่หรอก...โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก...
ร่างโปร่งเลือกส้มไปพอกินก่อนที่เขาจะพากลับมาส่งที่หน้าโรงแรมตามเดิม
น้ำเสียงที่เอ่ยขอบคุณกับใบหน้าที่ยิ้มอ่อนโยนมาให้ทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน...หากเขาจะขอให้ดวงตะวันเล็กๆดวงนี้มาคอยส่องสว่างให้กับดินแดนที่หนาวเหน็บแห่งนี้จะได้หรือไม่กันนะ
สเลนย่องกลับเข้าไปในห้องขององค์หญิงซึ่งมีเพียงข้ารับใช้เฝ้าอยู่สองคน
ใบหน้ามนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจ้าของปราสาทวอร์ริคนั้นยังไม่กลับมา
“
ให้มันได้อย่างนี้สิ...”
นั่น...ว่ายังไม่ทันขาดคำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังอยู่ที่หน้าห้อง ท่านเคานต์ครูเทโอก้าวขาเข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าหงุดหงิด
“
กลับมาแล้วเหรอครับ?
แล้วได้พบกับท่านเคานต์แห่งวาร์คเวิร์ธเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?” ใบหน้ามนยิ้มแหยๆ
นี่คงจะไม่เห็นใช่ไหมว่าเขาก็เพิ่งจะเข้ามาก่อนแค่นิดเดียวเอง
“
พบที่ไหนกันล่ะ...เจ้าซาสบาร์มไม่อยู่
ปล่อยให้เรานั่งรอทั้งวัน...ไปไหนของมันก็ไม่รู้ทั้งๆที่องค์หญิงกำลังจะเสด็จมาเยือนแท้ๆแทนที่จะอยู่เตรียมการต้อนรับ
มันน่าโมโหจริงๆ” บ่นเป็นหมีกินผึ้งแบบนี้หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงลนลานไม่รู้จะทำยังไง
แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานเข้าเขาก็เริ่มจะรู้ว่าปล่อยให้บ่นไปเถอะ
เดี๋ยวก็เลิกเอง
มือบางจึงปอกส้มต่อเผื่อว่าองค์หญิงตื่นขึ้นมาจะได้กินได้เลย
กลีบสีส้มยังไม่ทันจะลอกใยสีขาวออกจนเสร็จ
ใบหน้าหยิ่งทระนงที่นั่งลงข้างๆก็โน้มมาอ้าปากงับมันจากมือของเขาทำเอาหันไปย่นคิ้วใส่แทบไม่ทัน
“
ท่านเคานต์...ถ้าจะทานก็ทานดีๆสิครับ”
มือใหญ่จับมือที่ถือกลีบส้มอีกอันของเขายื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าของตนก่อนจะงับมันเข้าไปอีก...ทั้งขี้อ้อนทั้งหน้าไม่อาย...นี่หรือผู้ชายที่เคยทำให้เขากลัวสุดขั้วหัวใจ...เขาได้แต่ส่ายหน้าพลางอมยิ้ม
“
เจ้าอยากปอกช้าเองนี่ ไม่ทันใจเสียเลย”
ใบหน้าหล่อเหลายังคงยื่นมากินส้มจากมือของเขาและเสียงหงุงหงิงกระหนุงกระหนิงก็คงจะทำให้องค์หญิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงกระแอมเบาๆก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
สีหน้าที่ดูดีขึ้นมากขององค์หญิงทำให้ในรุ่งเช้าวันถัดมาพวกเขาก็เดินทางเข้าสู่ปราสาทวาร์คเวิร์ธกันเสียที
ขบวนรถม้าวิ่งผ่านสะพานชักก่อนจะลอดป้อมปราการของปราสาทที่ได้ชื่อว่าน่าเกรงขามที่สุดในอุดรทิศ
เนินหญ้าเขียวขจีลาดขึ้นสู่ตัวปราสาทที่ก่อด้วยหินสีชา ถึงรูปร่างจะดูเป็นก้อนทึบตันและแทบจะไม่มีหน้าต่างแต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยอาคารซึ่งกระจุกตัวอยู่ในหอคอยที่สูงเสียดฟ้าหลังนั้น
รถม้าจากเมืองหลวงจอดลงที่หน้าบันไดหินซึ่งไม่ได้วิจิตรบรรจงเหมือนปราสาททางใต้แต่มันกลับดูแข็งแกร่งราวกับชายชาตรี ร่างโปร่งก้าวขาลงจากรถม้าก่อนที่จะยืนตะลึงไปกับอาคารที่ทรงพลังตรงหน้า
ถึงแม้ว่าปราสาทวอร์ริคเองจะไม่ได้ดูน่าเกรงขามน้อยกว่า ทว่า
บ้านของเขายังให้ความรู้สึกเย้ายวนระคนน่าค้นหาไม่เหมือนกับปราสาทหลังนี้ที่ให้ความรู้สึกราวกับของแข็งเพียงอย่างเดียว
ทหารที่ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบต่างตบเท้าพร้อมกันก่อนจะทำความเคารพ
เสียงตะโกนว่าองค์หญิงทรงเสด็จดังก้องไปทั่วบริเวณ
และร่างสูงใหญ่ที่ออกมายืนต้อนรับอยู่ที่ลานด้านบนบันไดก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
มือบางยกขึ้นมาปิดปากราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าโลกช่างกลมเช่นนี้
นัยน์ตาสีม่วงเองก็เช่นกัน...มันกำลังเบิกค้างอย่างตื่นตะลึง
สเลน?
ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ทำไมถึงมากับขบวนเสด็จขององค์หญิง? หรือว่าจะเป็นข้าราชบริพารส่วนพระองค์?
แต่จะว่าไปเขาเองที่ผิดที่ไม่คิดจะเอะใจ...มันก็น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้วที่เด็กสาวจะมากับขบวนเสด็จในเมื่อสเลนก็บอกแล้วว่ามาจากภาคกลางแถมยังพักอยู่ที่โรงแรมสำหรับชนชั้นสูง
ท่านเคานต์แห่งวาร์คเวิร์ธกล่าวต้อนรับองค์หญิงก่อนจะยิ้มให้และเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปยังร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วย
มันอาจจะเป็นพรหมลิขิต...ที่ขีดให้เขาได้พบกับเด็กคนนี้อีกครั้งทั้งๆที่ถอดใจไปแล้ว...
ทว่า...
คนที่ก้าวขาตามมาเป็นคนสุดท้ายกลับลบเส้นพรหมลิขิตที่ว่าได้อย่างง่ายดาย
เมื่อร่างสูงใหญ่ของอดีตเพื่อนรักเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวแล้วโอบเอวบอบบางให้ขยับเข้าไปหาก่อนจะมองตรงมาที่เขา
ท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์แสดงความเป็นเจ้าของร่างโปร่งบางอย่างชัดเจน
ไม่จริง...
นี่มัน...อีกแล้วงั้นหรือ....
มือใหญ่ที่วางอยู่ข้างลำตัวลอบกำแน่นอย่างรู้สึกเคืองแค้น
มันคงไม่ใช่พรหมลิขิตแต่คงเป็นชะตาชีวิตของเขา
ที่จะต้องห้ำหั่นกับเจ้าครูเทโอไปจนวันตาย ขนาดคิดว่าอาจจะคืนดีกันได้แต่แบบนี้คงไม่มีวันแล้วสินะ
“
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...หวังว่าเจ้าคงจะสบายดี”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
ใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นยังคงน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม
ความเจ้ายศเจ้าอย่างทำให้หมอนี่ไม่เคยเห็นหัวใคร แต่ก็น่าแปลกใจที่กลับมีแต่คนรัก
“
เราสบายดี...เชิญเจ้าพักผ่อนที่นี่ตามสบาย..ยังไงก็ต้องขอบใจที่มาเป็นเพื่อนองค์หญิง
การมาเยือนของพระองค์จะทำให้คนที่นี่มีขวัญและกำลังใจมากขึ้นแน่ๆ” ใบหน้ายโสที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานียิ้มให้ทั้งๆที่นัยน์ตานั้นไม่ได้ยิ้มด้วยเลย
แล้วมีหรือที่คนซึ่งเคยเป็นเพื่อนกันมาจะดูไม่ออกว่าเจ้าของปราสาทวาร์คเวิร์ธนั้นกำลังสนใจร่างในอ้อมแขนของเขาไม่ใช่น้อย...คงจะแปลกใจละสิ...ที่เห็นใบหน้าของสเลน
“
นี่ สเลน ทรอยยาร์ด...ท่านหญิงคนใหม่ของปราสาทวอร์ริค”
แล้วคำแนะนำตัวของเขาก็คงจะทำให้ซาสบาร์มเข้าใจ...ว่ามันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว...ไม่จำเป็นต้องแตกหักเพราะแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน
ในเมื่อสเลนเป็นของเขาไปแล้ว
หึ...เขาคงจะคิดง่ายไป
เพราะใบหน้าที่ชะงักค้างของอดีตเพื่อนรักกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ถึงแม้จะผายมือเชิญให้เขาและสเลนเข้าไปในปราสาทแต่โดยดีก็ตาม
ท่ามกลางสงครามเย็นที่สองท่านเคานต์ต่างสู้กันอยู่เงียบๆ
ร่างโปร่งบางที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกลับพยายามทำตัวให้ลีบที่สุดเพราะกลัวเคานต์ครูเทโอจะจับได้ว่าเขาหนีออกไปจากโรงแรมจนได้พบกับท่านเคานต์แห่งวาร์คเวิร์ธโดยบังเอิญ
ยังดีที่เคานต์ซาสบาร์มเองก็ไม่ได้พยายามจะเข้ามาทักอย่างคนรู้จัก...ระหว่างเราสองคนจึงเก็บมันเอาไว้เป็นความลับ...
ใบหน้ามนโค้งน้อยๆก่อนจะยิ้มให้กับเจ้าของปราสาทวาร์คเวิร์ธ
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยมือใหญ่จอมหวงของก็รั้งเอวเขาก่อนจะบังคับให้เดินเข้าไปในปราสาท...ตอนนั้นเขาก็ได้แต่สงสัย...ว่าท่านเคานต์บางหมางอะไรกันหรือเปล่า
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทั้งสองคน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แอบเอาตอนพิเศษมาลงเรียกน้ำย่อย(หรือหม้อไหกะละมัง?)
แบบว่าหายหัวไปนานมากสำหรับรวมเล่มฟิคดาวอังคาร5555 กำลังจะเสร็จแล้น ไม่สิ
ต้องบอกว่าเสร็จแล้วต่างหากเพราะตอนนี้รอราคาจากโรงพิมพ์อยู่ค่ะ
ถ้าพรุ่งนี้เรียบร้อยก็คงจะเปิดจองได้ละนะ เหะเหะ ขออภัยในความล่าช้านะคะ
คือตอนพิเศษเล่มนี้จัดเต็มมากค่ะ TvT 110หน้า A5 ได้ ส่วนจำนวนหน้าทั้งหมดอยู่ที่ 286 หน้าค่ะ *w*
แล้วก็สำหรับตัวอย่างที่ลงอยู่นี่เอามาจากต้นฉบับที่ยังไม่ได้แก้ไขสำหรับรวมเล่มอ่ะนะ
มีคำผิดบ้างถูกบ้างเอ็นซีบ้าง(เดี๋ยว)ก็ข้ามๆมันไปนาคะ 555
ขอบคุณที่ให้การต้อนรับฟิคน้อยๆเรื่องนี้มาตลอดนะคะ
จบแล้วจริงๆสิน้า ดีใจแต่ก็คงจะคิดถึงท่านเคานต์และท่านหญิงแห่งวอร์ริคเชียร์แน่ๆเลย
งื้อออออ >////<
แล้วเจอกันเรื่องหน้าค่า
อยากอ่านต่อรวมเล่มเร็วๆน้าาา
ตอบลบรวมเล่มหรือยังนะคะ แง มีเหลือไหม🥹
ตอบลบ