Donten ni Warau Au S.Fic [Shirasu x Soramaru] “จะรักตลอดไป” : 02


Donten ni Warau Au S.Fic [Shirasu x Soramaru]    “จะรักตลอดไป” : 02

: Donten ni Warau Fanfiction 
: Shirasu x Soramaru
: Dark Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
        
  





“ ฮัดชิ่ว!”    เสียงจามตามมาด้วยเสียงสั่งน้ำมูกฟืดฟาดทำให้คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงมองคนป่วยด้วยสายตาเป็นห่วง

“ ดูท่าจะอาการหนักกว่าที่คิดนะครับ? เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยแท้ๆ ไปทำอีท่าไหนมาเนี่ย? โตจนป่านนี้แล้วยังจะมานอนซมเพราะเป็นหวัดอีก ไม่ไหวเลยคุณชิราสึเนี่ย”   ถึงปากจะบ่นแต่มือบางกลับแนบลงมาที่หน้าผากเพื่อวัดความร้อนที่แผ่ออกไปจากตัวเขา

ใช่สิ...เมื่อวานยังดีๆอยู่แต่พอรู้ว่านายจะไปงานวันเกิดของผู้หญิงคนนั้น ชั้นถึงได้ไปนอนแช่น้ำอยู่ค่อนคืนจนกลายเป็นแบบนี้ไง

“ ทานยาแล้วนอนพักนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมกลับมาดู”   โซระมารุพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะแกะยามาวางไว้บนฝ่ามือให้

“ รีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”   เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรง ถึงแม้ใบหน้ามนจะดูห่วงๆแต่ก็ยอมหอบข้าวของไปโรงเรียนแต่โดยดี

และทันทีที่เสียงประตูปิดลง ร่างสูงก็เดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำ...มือใหญ่เทเม็ดยาลงไปในชักโครกก่อนจะกดมันจนยาสีขาวกลืนหายไปกับสายน้ำ

ไม่ใช่ว่าเขาแกล้งป่วยแต่เป็นเพราะไม่อยากจะหายก็เลยไม่กินยาพวกนี้ยังไงล่ะ







“ แปลกจัง? นอนพักทั้งวันทำไมไข้ยังไม่ลดอีกล่ะ? หรือว่าฝืนลุกขึ้นมาทำงาน?”   นัยน์ตากลมโตมองเขาอย่างคาดโทษก่อนจะเสยผมสีขาวที่ชุ่มแฉะไปด้วยเหงื่อออกไปจากใบหน้า

“ ไปหาหมอดีกว่าไหมครับ? อาการไม่ใช่เบาๆเลยนะ”   โซระมารุมองหน้าเขาพลางบิดผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะเช็ดลงมาที่ลำคอ ใบหน้ามนดูจะกังวลเมื่อกลับมาจากโรงเรียนแล้วอาการของเขาไม่ดีขึ้นเลย

มือบางเลิกเสื้อของเขาขึ้นก่อนจะลากผ้าอุ่นๆนั่นไปตามกล้ามหน้าท้อง นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองคนที่เหมือนจะเขินน้อยๆแต่ก็ยังเช็ดตัวให้เขาต่อไป...เขาชอบดูเวลาที่โซระมารุทำอะไรให้เขาแบบนี้ที่สุด...ชอบเงาสะท้อนจากดวงตาสีดำน้ำงามคู่นั้นที่มันเป็นภาพของเขา...ชอบรอยยิ้มที่ฉายออกมาเมื่อกำลังนึกเรื่องของเขา

“ เดี๋ยวผมไปทำข้าวต้มให้นะครับ จะได้กินยา แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอนะครับ ถ้าดื้อละก็จะโทรไปเรียกพี่ใหญ่มา”   ร่างโปร่งลุกขึ้นก่อนจะสวมผ้ากันเปื้อนลงไปบนชุดนักเรียน แขนบางเอื้อมไปผูกเชือกที่หลังเอวพลางขู่เขาให้เชื่อฟังด้วยท่าทางน่ารักๆแบบนั้น

“ หึ...เท็นกะน่ะขอเถอะ มาก็มีแต่จะทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม”    เขาหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้ง นึกถึงวันที่อยู่ด้วยกันสี่คนแล้วก็มีแต่จะปวดหัว

“ นอนหลับไปก่อนก็ได้ครับ”   ร่างโปร่งโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนที่ปลายนิ้วจะเกลี่ยปลายผมของเขาออกให้ ทั้งนัยน์ตาที่ทอดมองลงมา ทั้งริมฝีปากที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งทำให้ไม่อยากจะยกให้ใคร

เขานอนมองฝ้าเพดานสีขาวท่ามกลางกลิ่นหอมฟุ้งของข้าวต้มที่โซระมารุทำ....จะอยู่ดูแลเขาใช่ไหมคืนนี้...จะไม่ไปปาร์ตี้วันเกิดของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?...โซระมารุ



นัยน์ตาสีม่วงเปิดขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีเพียงแสงสลัวๆของโคมไฟที่หัวเตียง...

เขาเผลอหลับไปงั้นเหรอ?  แล้วโซระมารุล่ะ? ยังอยู่ใช่ไหม?

ร่างสูงลุกขึ้นนั่งช้าๆ ในหัวปวดจนแทบจะระเบิดจากพิษไข้ นัยน์ตากรอกไปมาแต่ก็ไม่เจอใคร...นอกจากกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่วางอยู่ข้างถ้วยข้าวต้มที่ซีลเอาไว้อย่างดี


ถ้าตื่นแล้วก็กินข้าวต้มแล้วก็กินยาซะนะครับ  ผมแค่เอาของขวัญไปให้เอริ แล้วจะรีบกลับมา...โซระมารุ...”


แกร่บ....

กระดาษที่เคยแบนเรียบถูกขย๋ำจนเป็นก้อน ฝ่ามือใหญ่ที่กำมันเอาไว้สั่นระริกด้วยความไม่พอใจ...นัยน์ตาสีม่วงทอดมองเข้าไปในความมืดก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ....


ไม่ให้ไป...

สองขาก้าวออกมาจากห้องทั้งๆที่ร่างกายยังเดินโซเซ 



ไม่ให้ไป.....

ฝ่ามือยันไปยังผนังเพื่อพยุงร่างกายเอาไว้ ถึงแม้นัยน์ตาจะพร่าเลือนแต่จิตใจยังคงแน่วแน่



ไม่ให้ไป.....

สองขาก้าวออกมาจนถึงหน้าอพาท์เม้นต์จนได้ ไอความร้อนที่แผ่ออกจากร่างกายทำให้รู้สึกโงนเงน


เพราะเป็นแค่หวัดงั้นเหรอ นายถึงไม่อยู่กับฉันแล้วเลือกไปหาผู้หญิงคนนั้น....

แล้วถ้ามันมากกว่าหวัดล่ะ?

นายจะรีบมาหา....มาอยู่ข้างๆชั้นหรือเปล่า...โซระมารุ....



“ หึ...”   เสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอพร้อมๆกับรอยยิ้มเลื่อนลอยที่เผยอยู่บนใบหน้า


แล้วขาก็ก้าวลงไป....


บนถนนที่รถกำลังวิ่งกันขวักไขว่.....











เอี๊ยดดดดดดดดด.....!!!









โครม!!!
















“ คุณชิราสึ!!”    อ่า....นายมาหาชั้นจริงๆด้วยสินะ น้ำเสียงที่ร้อนรนแบบนั้น นายคงจะรีบมาเลยใช่ไหม โซระมารุ?

“ หมอครับ! เค้าเป็นยังไงบ้างครับ?!”   เสียดายจัง...ที่ชั้นไม่ได้เห็นหน้าของนาย เพราะตอนนี้เปลือกตามันหนักอึ้งเต็มที...

“ ญาติกรุณารอข้างนอกนะคะ”  

“ คุณชิราสึ! คุณชิราสึ!!”   นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน....ไม่สิ...นั่นคือเสียงสุดท้าย...ที่เขาอยากจะได้ยิน...

โซระมารุที่ร้องเรียกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย...โซระมารุที่กำลังตะเกียกตะกายร้องไห้จะขาดใจ...โซระมารุที่มองแต่เขา ร้องหาแต่เขา....

นั่นแหละ...คือสิ่งที่เขาอยากเห็น....

















บรรยากาศเบาๆทำให้นัยน์ตาเปิดขึ้นมาในที่สุด...

สีขาวสว่างจ้าทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือว่าอยู่ในฝัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว...

อะไรบางอย่างที่เป่ารดมือของเขาอยู่ทำให้นัยน์ตาสีม่วงเหลือบลงไปมอง...โซระมารุ?...กำลังฟุบหลับอยู่ใกล้ๆกับฝ่ามือของเขา?...อ่า...ใช่แล้ว...นึกออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

มือใหญ่ขยับขึ้นไปวางไว้บนหัวสีดำก่อนจะลูบไล้มันช้าๆ ใบหน้าที่กำลังหลับปุ๋ยทำให้เขาถึงกับอมยิ้ม....นอนเฝ้าเขาอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยสินะ

“ อือ...?”   เสียงอืออาดังออกมาจากใบหน้าที่เริ่มขยุกขยิก นัยน์ตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นมาช้าๆ

“ คุณชิราสึ?”   เสียงงัวเงียเปล่งออกมาก่อนที่ร่างโปร่งจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างคนเพิ่งตื่นนอน และพอสติเริ่มจะกลับเข้าที่ โซระมารุก็ผวามาหาเขาทันที

“ คุณชิราสึ! ฟื้นแล้วเหรอครับ?! คุณจำผมได้ใช่ไหม? แล้วคุณไปทำอะไรที่นั่น คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงคุณจนแทบบ้าเลย ให้ตายสิเจ้าคนป้ำๆเป๋อๆนี่...ฮึก....”   โซระมารุทั้งตื่นตระหนก ทั้งดีใจที่เขาฟื้นขึ้นมา ทั้งต่อว่า ทั้งทุบลงมาที่แขนเขาเบาๆ ก่อนจะไปจบลงที่น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตา หัวสีดำเอนซบลงมาที่ไหล่ของเขาราวกับคนที่เพิ่งจะยกภูเขาออกจากอก แรงสะอื้นน้อยๆทำให้เขายกมือขึ้นไปลูบเส้นผมนิ่มอย่างปลอบโยน

“ ชั้นไม่เป็นไรแล้วโซระมารุ...”   ใบหน้าขยับไปคลอเคลียใบหน้าใสที่ซบอยู่ที่หัวไหล่ ริมฝีปากจูบซับรอยน้ำตาถึงแม้ว่าจะเป็นเขาเองที่ทำให้มันไหลลงมาก็ตาม...

ขอโทษนะโซระมารุ...ชั้นมันก็แค่ผู้ชายโรคจิตที่ไม่คิดจะยกนายให้ใครก็เท่านั้นเอง

เพราะขังนายเอาไว้เหมือนนกไม่ได้...ชั้นเลยต้องทำแบบนี้...


“ หิวไหมครับ?”   โซระมารุละออกไปก่อนจะถามเขาด้วยรอยยิ้ม และทันทีที่เขาส่ายหน้าความเจ็บแปลบก็แล่นลิ่วเข้ามาจนเผลอปิดเปลือกตาลงข้างหนึ่ง

“ อ้า! อย่าเพิ่งขยับตัวสิครับ! คุณน่ะโดนรถเฉี่ยวจนหัวแตก ส่วนขานี่ก็หักจนต้องผ่าตัดแล้วก็เข้าเฝือกเอาไว้ คงจะเดินเองไม่ได้ไปอีกสักพักนั่นแหละ จริงๆเลย คุณเดินลงไปทำอะไรครับ? ทั้งๆที่ผมบอกว่าไปแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแท้ๆ”   มือบางพยุงร่างกายของเขาให้นอนลงไปก่อนจะบ่นเป็นชุด ก็เพราะว่าอยู่กับผู้ชายไม่ได้เรื่องอย่างเขา เท็นกะ แล้วก็จูทาโร่มาตลอด โซระมารุถึงต้องคอยดูแลความเรียบร้อยราวกับแม่คนที่สองให้แบบนี้

“ ว่าจะไปหาหมอน่ะ แต่พอเดินลงมาถึงตรงนั้นจู่ๆก็วูบไป...ขอโทษด้วยนะ...แบบนี้นายก็ไม่ได้ไปงานวันเกิดเอริจังเลยสินะ?”

“ ครับ...โรงพยาบาลโทรไปตอนผมไปถึงบ้านเอริพอดี ก็เลยรีบมาที่นี่ก่อน ขอร้องละคุณชิราสึ คราวหลังช่วยพึ่งพาผมบ้างเถอะ ให้ผมพาไปหาหมอเอง...เพราะถ้าคุณเกิดไม่ฟื้นขึ้นมาผมจะทำยังไง”   โซระมารุทำหน้ายุ่ง คิ้วสีดำที่ขมวดเข้าหากันทำให้เขารู้ว่าโซระมารุกำลังโทษตัวเองที่ไม่ดูเขาให้ดี กำลังน้อยใจที่เขาไม่คิดจะพึ่งพา กำลังคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่แข็งแกร่งพอเขาถึงไม่ร้องขอให้ช่วยเหลือ....โซระมารุมักจะคิดแบบนี้เสมอ...มักจะมองว่าถูกเขากับเท็นกะทิ้งเอาไว้ข้างหลัง

ทั้งๆที่จริงแล้วเขาก็แค่อยากจะปกป้องเอาไว้....ในแบบที่ผู้ชายทั่วไปเขาทำให้กับคนที่เขารัก....

“ ครับๆ”   เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มใสก่อนจะยิ้มให้...ได้สิ....ถ้าอยากให้เขาพึ่งพาขนาดนั้นละก็....

“ ถ้างั้นจนกว่าจะหาย ก็ฝากนายดูแลชั้นด้วยก็แล้วกันนะ โซระมารุ”  ใบหน้ามนพยักรับอย่างแข็งขันโดยไม่คิดจะสงสัยในตัวเขาอีกตามเคย....ไม่รู้เลยว่านี่มันคือแผนการที่เขาวางเอาไว้ตั้งแต่แรก...












เขาออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นอยู่ที่อพาทเม้นต์โดยมีโซระมารุคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

นอกจากไปโรงเรียนหรือออกไปซื้อของสดสำหรับทำอาหาร โซระมารุก็ไม่ได้ไปไหนอีก ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะโทรมาชวนอยู่บ้างแต่โซระมารุก็มักจะหันมามองเขาก่อนที่จะปฏิเสธคำชวนของเด็กสาว  นัยน์ตาที่สดใสคู่นั้นคงไม่ไว้ใจที่จะให้เขาอยู่คนเดียวอีก

ดี...แบบนี้แหละดีแล้ว....อีกไม่นานหรอก....

ความอดทนของคนเรา...มันไม่ได้มีมากมายนักหรอก....


โดยเฉพาะกับเด็กสาวในวัยที่กำลังเพ้อฝัน...




“ แอบทำงานอีกแล้วหรอครับ?”   ถ้วยชาหอมกรุ่นวางลงที่โต๊ะหน้าโซฟาที่เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ทั้งไข้ ทั้งแผลที่หัวแทบจะหายสนิทแล้วก็ยังเหลือแค่เฝือกที่ขานี่แหละที่หายช้ากว่าอย่างอื่น

“ ถ้าแค่ทำงานกับคอมพิวเตอร์นี่ ไม่เป็นไรหรอกโซระมารุ”   เขาหันไปยิ้มให้คนที่นั่งลงบนเบาะรองนั่งข้างๆโต๊ะเตี้ย 

โทรทัศน์ที่เปิดเอาไว้มีแต่ภาพบรรยากาศของวันคริสต์มาส ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นแต่บรรดาคู่รักต่างออกไปเดินเล่นท่ามกลางไฟสีแดงสีเขียวที่ประดับประดาอยู่ทั่วเมือง เสียงจิงเกอร์เบล จิงเกอร์เบล ไม่ได้ดังออกมาจากในโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว แต่รอบๆอพาท์เม้นต์เองก็มีเช่นกัน  ป่านนี้ตามถนนหนทางคงจะสวยน่าดู

“ ขอโทษนะ...ทั้งๆที่เป็นวันคริสต์มาสกลับต้องมาอยู่เป็นเพื่อนชั้นแทนที่จะได้อยู่กับเอริจัง”   สองมือที่รัวอยู่บนคีบอร์ดของโน้ตบุคหยุดลง ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวซึ่งถูกคาดเอาไว้ด้วยที่คาดผมที่โซระมารุให้มาแกล้งทำเป็นสลดทั้งๆที่ในใจกำลังเย้ยหยันผู้หญิงคนนั้น

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมไม่ดูคุณให้ดีก็เลยบาดเจ็บแบบนี้ ผมก็ต้องคอยดูแลสิ”  .....หึ  รู้ทั้งรู้ว่าที่โซระมารุยังอยู่ตรงนี้เพราะอะไร...ไม่ได้อยู่เพราะว่ารักเขา....แต่เขาก็ยังใช้ความรู้สึกผิดเพื่อรั้งโซระมารุเอาไว้

จะมีใครเลวร้ายเท่านายอีกไหมนะ ชิราสึ...

แต่เขาก็ยอมรับ...

ว่าหากย้อนเวลากลับไปได้...เขาก็ยังจะทำเหมือนเดิม...


“ โซระมารุ ไปด้วยกันหน่อยสิ”   มือใหญ่ปิดโน้ตบุคลงก่อนจะดึงเสื้อกันหนาวที่พาดอยู่บนโซฟามาสวม

“ เอ๋? จะไปไหนน่ะครับ? คุณยังออกไปเดินไกลๆไม่ได้นะ”   ร่างโปร่งพุ่งเข้ามาช่วยพยุงเขา ก่อนจะคว้าไม้ค้ำมาส่งให้ โซระมารุหยิบเสื้อกันหนาวมาสวมลวกๆก่อนจะเดินตามมาด้วยความสงสัย

“ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก...เพราะบางทีอะไรดีๆก็อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิดนะโซระมารุ”   เสียงทุ้มเอ่ยลอยๆออกไปพลางก้าวขาขึ้นบันไดอพาทเม้นต์  นัยน์ตาสีม่วงแอบเหลือบมองใบหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างๆพลางลอบยิ้ม


ใช่...บางทีมันก็อยู่ใกล้เสียจนนายไม่เคยมองเห็นมันเลยยังไงล่ะ...


ขาข้างที่เป็นปกติก้าวสลับกับขาข้างที่เข้าเฝือกจนในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบานที่อยู่บนสุด

มือจับลงไปที่ลูกบิดประตูก่อนจะหันไปมองหน้าโซระมารุพลางยิ้มให้ ใบหน้ามนดูจะตื่นเต้นเล็กๆกับสิ่งที่อยู่หลังบานประตู


และเมื่อเขาเปิดมันออกมา


ใบหน้าท้องฟ้าของเขาก็ถึงกับยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีดำเบิกค้างอย่างตื่นตะลึงไปกับภาพที่สวยสดงดงามตรงหน้า

สองขาก้าวออกไปบนดาดฟ้าที่ราวกับเป็นระเบียงยื่นเข้าไปในอากาศ แสงไฟวันคริสต์มาสระยิบระยับสุดลูกหูลูกตา เสียงเพลงที่ดังมาจากที่ไกลๆก็ทำให้ร่างโปร่งเผลอกางแขนหมุนตัวด้วยท่าทางมีความสุข

“ ว้าว~~ สวยจังครับคุณชิราสึ มาดูตรงนี้ด้วยกันสิ”   โซระมารุกวักมือเรียกเขาที่ยังคงยืนอยู่ข้างหลังบานประตู แค่ได้มองดูนายยิ้มนายหัวเราะก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ร่างสองร่างต่างยืนเกาะผนังราวกันตกคอนกรีตก่อนจะชี้ชวนให้ดูตรงนั้นตรงนี้ สีสันแห่งความสุขฉาบไล้ไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี


โดยที่ไม่รู้เลยว่า...



โทรศัพท์มือถือที่ทิ้งเอาไว้ในห้องกำลังสั่นอย่างต่อเนื่องด้วยสายเรียกเข้าของใครบางคน


และ  “ เอริ ”   ก็คือชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น









.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.




โปรดฟังเพลงนี้.....




Planetarium piano ver.ร้องโดย neroซัง โฮวววววววววววววว เพราะอ่า~~~ ทำคลั่งเลย ขอบคุณรีเซทคุงที่ส่งมาให้นะคะ คือกำลังปั่นเรื่องนี้อยู่แล้วก็รู้สึกว่ามันช่างเข้ากันเสียนี่กะไร *กระซิก* ให้ความรู้สึกหวานๆแต่ก็ขมๆ เงียบๆงึมๆอะไรแบบนี้ โฮววววววว อยากจะเปิดคลอตอนสองคนเค้าขึ้นไปดูไฟวันคริสต์มาสบนดาดฟ้าจริงๆ >////<

เพลงนี้เวอร์ชั่นออริจินัลเป็นของ Otsuka Ai ประกอบละครรักใสๆหัวใจ 4 ดวงเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอ่ะ คือคุณกวางแม่งสครีมดับมาตั้งแต่เพลงของ ai แล้ว โคตรเพราะ  นี่เพิ่งจะเคยได้ยินเวอร์ชั่นเสียงผู้ชาย ง๊ากกกกกกกกกกกกก ไม่ทน!!!

ปล่อยไอ้คนข้างบนมันเพ้อไปค่ะ มาพูดถึงฟิคกันบ้าง

อย่าเพิ่งแขยงชิราสึซังกันนะค้า TT[ ]TT ถึงจะดูโรคจิตไปนิด(นิดเร๊อะ) แต่เค้าก็ทำเพราะเค้ารักอ่ะนะ *พราก* จะโดนแฟนๆชิราสึซังฆ่าตายไหมถถถถถ

ขอบคุณคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วมากๆๆนะคะ >v< กร๊ากกกก ถ้าตัวร้ายละครไทยละก็..ไม่ใช่เอริหรอกค่ะ...ชิราสึซังของเรานี่ต่างหากถถถถถถถถถถถ

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า...กำลังเข้าขั้นวิกฤตสุดชีวิตแบ้วเนี่ยตอนนี้ TTvTTb






3 ความคิดเห็น:

  1. ชิราสึซังงงงช่างลงทุนยิ่งนักกกก น้องโซระมารุช่างขี้บ่นสมเป็นคุณแม่ประจำบ้านคุโมจริงๆค่ะ(?) แต่ความใสซื่อนั่นก็บังตา หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายน่ะร้ายนักกก แม่หนูเอริเอ๋ย ริจะเป็นสะใภ้บ้านคุโมยังต้องผ่านอีกหลายด่าน

    ตอบลบ
  2. โอ๊ะ - - ไม่ธรรมดาแล้วค่ะ
    ปล.อย่าลืมหนูเสลนนะเคอะ ; - ;

    ตอบลบ
  3. ชอบความยันของชิราสึมากค่ะ แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ