Attack
on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 04
:
Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction Au
:
8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
:
Period Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
รถม้าวิ่งฝ่าอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงปลายฤดูร้อน...อีกไม่นานใบไม้ที่เคยเขียวขจีก็จะเปลี่ยนสีแล้วร่วงหล่นลงไป
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างซึ่งมีแต่ความมืด...คืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาจะต้องไปนอนที่บ้านพักชั่วคราวในเขตก่อสร้างตามที่ตกลงกันไว้กับนายช่าง...ทั้งๆที่คิดว่ามันเป็นเพียงความฝันแต่รถม้าคันนี้ก็มารอรับเขาจริงๆ
และมันก็ทำให้เรื่องน่ารำคาญที่เขาจะต้องถูกตามตื้ออยู่ทุกๆคืนนั้นหายไปแทบจะทันที
นายช่างเองก็ถูกเอาไปพูดถึงในสังคมชนบทเล็กๆแห่งนี้ไม่ใช่น้อย
จากรูปร่างหน้าตา
การศึกษาหรือแม้แต่หน้าที่การงาน...เรียกว่าถูกยกย่องจนเอามาเทียบชั้นกับคุณชายยามาโมโตะได้ในเวลาไม่นานเลยละ
หญิงสาวในหมู่บ้านจึงพากันอิจฉาเขาที่จะได้เข้าใกล้ผู้ชายคนนั้น
ส่วนพวกตาลุงหื่นๆเองต่างก็ถอดใจเพราะคงสู้ราคาขนาดนั้นกับนายช่างไม่ไหว
“
.....แบบนี้...ข้าก็ถูกมองว่าไม่บริสุทธิ์แล้วน่ะสิ?....” ดูเหมือนร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ตามลำพังในรถม้าจะเพิ่งรู้ตัวถึงได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลราวกับกำลังบ่นกับตัวเอง…ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง
เพราะงั้นป่านนี้คนคงคิดว่าเขากับนายช่างคงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันไปแล้ว
“
อ๊า~~ ไม่นะ~~~ ทั้งๆที่ข้ายังบริสุทธิ์อยู่แท้ๆ~~” สองมือทุบพื้นรัวๆเหมือนเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจ...ลืมคิดถึงความจริงข้อนี้ไปเลย...แต่นี่แปลว่านายช่างก็รู้อยู่ก่อนแล้วสินะ?
เหมือนจะเคยบอกเขาว่าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองยังไง?
“
อื้อ~~~ แต่ข้าสนใจนี่~~”
คราวนี้สองขายืดออกมาตีพื้นด้วยอีกแรง จนคนขับรถม้าถึงกับตะโกนเข้ามาถามด้วยความสงสัย
“
มีอะไรหรือเปล่าขอรับ?” ใบหน้ามนชะงักน้อยๆ...จริงสิ...ถ้าหนีกลับไปตอนนี้…
“
ถึงแล้วนะขอรับ” บ้าจริง!
ทำไมถึงไวขนาดนี้? นี่มันไวกว่าเกวียนของปู่หลายเท่าเลยนะ!
ในเมื่อคนที่เพิ่งจะเอะใจถูกตัดหนทางหนีไปแล้ว
ร่างโปร่งบางจึงยอมลงจากรถม้าด้วยใบหน้าปลงตก...ชาตินี้เขาคงจะหาเจ้าสาวไม่ได้แล้ว...คงต้องอยู่เป็นโสดไปชั่วชีวิต
ฮือ~~~
“
ร้องไห้กระซิกๆอะไรน่ะเจ้าเด็กเหลือขอ?
ดูซิว่าคนงานมันสงสัยจนโผล่ออกมาดูกันหมดแล้ว”
นายช่างหนุ่มเดินออกมารับร่างบางที่ยังครวญครางไม่หยุด มือแข็งแรงจับต้นแขนเล็กก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน
นัยน์ตาขี้รำคาญเหลือบมองใบหน้าที่โผล่ออกมาจากหน้าต่างห้องพักคนงานให้สลอน
ยิ่งได้เห็นเด็กนี่ที่ดูอ้อนแอ้นเหมือนเด็กผู้หญิงก็ยิ่งปิดสายตาแห่งความต้องการไม่มิด
ชิ...น่ารำคาญจริง
แม้แต่ที่นี่ก็คงปล่อยให้อยู่นอกสายตาไม่ได้งั้นสินะ
เรนจึงถูกพามาที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งถูกทำไว้ให้นายช่างทหารโดยเฉพาะ...
แต่ถึงมันจะเป็นบ้านพักของนายช่างหนุ่ม
มันก็ไม่ได้หรูหรามากไปกว่าจะมีแค่ห้องนอนห้องเดียวกับห้องน้ำส่วนตัวอีกห้อง
ร่างโปร่งบางหยุดยืนอยู่กลางห้องที่ดูแตกต่างจากห้องแบบญี่ปุ่นที่ตนคุ้นเคยมาชั่วชีวิต...เพราะในห้องนี้กลับมีสิ่งของแปลกๆอย่างกล่องอะไรบางอย่างที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
ข้างบนนั้นมีฟูกสำหรับปูนอนอยู่ด้วย อย่าบอกนะว่านายช่างนอนอยู่บนนั้น?
“
นั่นเรียกว่าเตียง...เป็นที่นอนของชาวตะวันตก”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกจากทางด้านหลัง ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆคลอมาด้วย
“
เอ๋? แล้วทำไมต้องปีนขึ้นไปนอนบนนั้นด้วยล่ะ? ดูยุ่งยากออกไม่ใช่หรอ?”
กับคนที่เคยชินกับการปูฟูกนอนบนเสื่อทาทามิมาตลอดก็คงจะไม่เข้าใจ
“
พื้นมันสกปรก แล้วก็แมลงเอย สัตว์เลื้อยคลานเอย น่าขยะแขยงกว่าไม่ใช่หรือไง” นายช่างหนุ่มเดินไปนั่งลงที่เตียง
นึกขำใบหน้าที่ดูเหวอๆของเจ้าเด็กแสบจนเผลออมยิ้ม
“
แล้ว...ข้าต้องนอนบนนั้นด้วยหรือเปล่า?”
เป็นคำถามที่ดีนี่....ใบหน้าคมถึงกับหลุดหัวเราะก่อนจะหันไปบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“
ใช่” ใบหน้ามนผงะไป
แต่ก็กลับมาทำใจดีสู้เสือ
“
แล้วท่านจะไปนอนที่ไหนล่ะ?” ถึงจะถามมาด้วยน้ำเสียงตีมึน
แต่เขาก็รู้ว่าเด็กนี่ไม่ได้โง่ ถึงจะไม่ได้ฉลาดเท่าโกคุเดระ ฮายาโตะ
แต่เอาตัวรอดมาได้จนป่านนี้คงจะไม่ธรรมดานักหรอก...คำถามเมื่อกี้นี้เขาจึงรู้ว่าเด็กนั่นกำลังไล่เขาทางอ้อมให้ไปนอนที่อื่นแล้วยกเตียงนี่ให้ตนคนเดียว
และหากคนฟังเป็นสุภาพบุรุษพอก็คงจะยอมทำตาม
หึ...ไม่รู้หรือไงว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร?
“
นี่เตียงของข้า ข้าก็ต้องนอนที่นี่สิ”
เห็นใบหน้ามนนั่นแอบหันไปสบถเบาๆ...เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆสินะ
“
ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบๆเข้านอนซะ
วันนี้นอนเตียงเดียวกับข้าไปก่อนก็แล้วกัน ไว้จะให้คนงานต่อเตียงใหม่ให้เจ้าอีกหลัง” เด็กนั่นเหมือนอยากจะอ้าปากเถียง
แต่เขาก็ตัดบทไปเสียก่อนทำให้ร่างโปร่งบางกระทืบเท้าตึงตังออกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกระเบียง
ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มานอนด้วยกันที่นี่เลยไม่ได้เตรียมไว้ให้แม้แต่ฟูก
แต่ดูจากสายตาของคนงานคนอื่นแล้ว....ให้เด็กนั่นอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า
ฝ่ามือปิดหนังสือลงเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู
และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างเตียงแล้วก็ให้เผลอใจกระตุกไปวูบหนึ่ง
เด็กนั่นปล่อยผมทั้งหมดลงมา...เส้นผมสีน้ำตาลจึงพลิ้วไหวเคลียไหล่บอบบาง...
สภาพแบบนี้...เหมือนเขาต้องนอนข้างๆเด็กผู้หญิงเลยไม่ใช่หรือไง?
นี่มันเกือบจะคดีอาญาข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วไหม?
“
ถามหน่อย...เจ้าอายุเท่าไหร่?”
“
....?....15...” ชัดเลย.....ศาลทหารชัดเลย....
นายช่างหนุ่มได้แต่ถอนหายใจก่อนจะขยับร่างกายให้เรนปีนขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆ
ถึงแม้นัยน์ตาสีมรกตจะมีแววหวาดๆแต่มันก็แฝงเอาไว้ด้วยประกายซุกซนของเด็กที่เห็นอะไรแปลกใหม่
ใบหน้ามนจึงก้มลงไปสำรวจรอบๆเตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กว่าจะยอมนอนลงมาได้มือใหญ่ก็ต้องกดหัวสีน้ำตาลลงกับหมอน
แล้วร่างโปร่งบางก็พลิกหนีไปอีกทางทันที....เจ้าเด็กนี่....
“
หันหน้ามาหาข้า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปอย่างกดดันทำให้ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆก่อนจะค่อยๆหันมา
“
ข้าไม่ชอบให้ใครนอนหันหลังให้...จำไว้”
......ก็พูดไปงั้นแหละเพราะเคยมีคนนอนข้างๆเขาเสียที่ไหน
ถึงจะเคยนอนกับผู้หญิงมาบ้างแต่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว
ไม่เคยจริงจังกับใครถึงขนาดอยู่ด้วยกันนานๆแบบนี้หรอก
เขานอนมองใบหน้ามนที่อยู่ใกล้แค่ปลายหมอน
นัยน์ตาสีมรกตที่ช้อนขึ้นมามองเหมือนลูกหมาระแวดระวังภัยนั้นมันทำให้นึกอยากจะแกล้งขึ้นมาตะหงิดๆ
ฝ่ามือจึงเอื้อมไปรั้งเอวบางก่อนจะดึงเข้ามาหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเด็กนั่นดิ้นขลุกขลัก
“
ไหนท่านบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง?!”
มือบางพยายามผลักไสเขาออก แต่แรงแค่นี้มีหรือจะสู้เขาไหว
“
ก็ไม่ได้ทำนี่? แค่กอดไว้เฉยๆ”
ถ้าคนที่บ้านหรือแม้แต่เพื่อนๆมาเห็นใบหน้าของเขาตอนนี้เข้าก็คงจะตะลึงจนอ้าปากค้างแน่ๆ
เพราะคงไม่มีใครคิดว่าคนอย่างเขาจะหยอกเย้าใครเป็น...แบบที่กำลังทำกับเด็กนี่
“
กอดก็ถือว่าทำแล้ว! ปล่อยข้าสิ” เรนยังคงดิ้นไม่หยุด
เส้นผมสีน้ำตาลกระจายอยู่เต็มหมอน
กลิ่นหอมฟุ้งของมันทำให้เขาชักจะตาลายพอๆกับรอยแหวกตรงอกเสื้อกิโมโนที่ยิ่งมากขึ้นๆตามแรงดิ้น
“
หึ...ดูท่าทางเจ้าจะไม่รู้สินะว่า ถ้าทำจริงๆน่ะมันจะเป็นยังไง?
แล้วก็ถ้าเจ้ายังไม่ยอมนอนดีๆละก็...ข้าจะเปลี่ยนใจทำกับเจ้าแน่” เสียงทุ้มกระซิบลงไปที่ใบหูทำให้คนได้ฟังตัวแข็งเป็นหิน
จากที่ดิ้นแทบเป็นแทบตายกลับหยุดชะงักแล้วกลับมานอนตัวตรงอยู่ในอ้อมแขนแต่โดยดี
ใบหน้ามนก้มงุดและไหล่บางที่ห่อเข้าหาตัวน้อยๆทำให้เขาเผลอกดจมูกลงไปที่หัวสีน้ำตาลก่อนจะสูดกลิ่นของมันเบาๆ
เด็กนั่นเงยขึ้นมามองหน้าเขาด้วยสายตางงๆก่อนจะก้มลงไปเหมือนเดิม
ยามดึกที่เงียบสงัดค่อยๆกล้ำกลายเข้ามา
พอสิ้นสุดซึ่งการขัดขืนในตอนนี้จึงมีเพียงเสียงลมหายใจกับเสียงเต้นที่แผ่นอกซ้ายเท่านั้นที่อยู่รอบกาย
จะว่าอึดอัดก็ไม่ใช่...แต่มันคืออะไรเขาก็บอกไม่ได้เช่นกัน
ไม่นานนัยน์ตาดื้อดึงก็ปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
แพขนตาที่แนบอยู่บนแก้มใสของใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบทำให้เขารู้สึกว่านี่คงจะเป็นบทลงโทษจากสวรรค์ที่เขาคิดจะแกล้งเด็กนี่....เจอแบบนี้เข้าไป...จะหลับลงได้ยังไง?!
“
ไหวไหมนั่น?....”
ร่างโปร่งบางที่กำลังหันหลังสวมกิโมโนของตนหันมามองนายช่างหนุ่มด้วยสายตาระแวงระคนเป็นห่วง
“
อือ...”
เสียงทุ้มตอบรับในลำคอก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด
นัยน์ตาที่ปกติก็ดูดุดันอยู่แล้วยิ่งมีรอยคล้ำดำเป็นหมีแพนด้าอยู่ที่ขอบตาก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า...แหงละ
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะได้นอนไปแค่วูบเดียวเองน่ะสิ...แล้วสาเหตุมันก็ไม่ใช่อะไรเลย...
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปที่ร่างโปร่งบางซึ่งได้แต่หันกลับไปรวบผมของตัวเองอย่างไม่กล้าหันมาสบตาอีก....เจ้าเด็กนี่มันตัวอันตรายจริงๆ!
“
แล้วจะไม่ปลุกคนอื่นๆหรอ?”
ร่างโปร่งบางหันมานั่งทับส้นถามคนที่กำลังตวัดเสื้อทหารคอปกทับบนไหล่ก่อนจะสวมลงไปบนร่างกายแข็งแกร่ง
“
ไม่ละ ถึงปลุกไปพวกนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้”
ในเมื่อไม่มีใครคิดจะลงไปดูด้วยกัน พาไปด้วยเขาก็ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์อะไร
แล้วกว่าจะตื่นกว่าจะยืดยาดออกมาจากที่นอนได้ตะวันก็คงจะเลยหัวไปไกล
นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่ยังมืดสนิท
มีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่ลอยเข้ามาทักทาย
วันนี้พวกเขาว่าจะไปดำดูสภาพใต้น้ำสองที่
เลยตัดสินใจออกกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง
ชายฝั่งทางเหนือคือที่ที่เขาเลือกไปก่อน
ม้าสีดำจึงพุ่งทะยานไปตามถนนที่มุ่งสู่ทาคามัตสึ
แล้วไม่นานมันก็ไปหยุดอยู่ตรงที่ที่ผู้คนแถบนี้เรียกกันว่า...สุสานเรือ...
ร่างโปร่งบางกระโดดนำลงไปตามด้วยร่างแข็งแกร่ง
แสงแดดเริ่มส่องลงมาจางๆทำให้พอจะมองเห็นว่าใต้น้ำบริเวณนี้มีแต่ซากเรือเป็นวงกว้าง...นี่ไม่ใช่แค่ลำหรือสองลำ...แต่มันน่าจะมีมากกว่าห้าสิบ...ไม่ไหวแน่...จะให้กู้ซากเรือขนาดนี้ขึ้นมาไม่ใช่งานง่ายๆเลย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกว่าหากกู้มันขึ้นมาแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน
อีกอย่างเรือบางลำที่ดูท่าว่าจะถูกจมมานานก็เริ่มผุพังและมีปะการังมาเกาะ
เขาเห็นในเงาดำมืดของห้องคนขับหรือแม้แต่ใต้ท้องเรือก็มีปลาอะไรบางอย่างผลุบๆโผล่ๆอยู่...เรือที่ไม่มีค่าอะไรสำหรับมนุษย์แล้วแต่กลับยังมีปลาพวกนี้ต้องการ...มันกลายเป็นบ้านของเจ้าพวกนี้ไปเสียแล้ว
ซ่า......
นายช่างหนุ่มดีดตัวขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะลอยตัวเพื่อโกยอากาศเข้าไป
ร่างโปร่งบางก็ตามขึ้นมาติดๆ
“
เจ้าพอจะรู้ไหมว่าซากเรือพวกนี้มันมีทั้งหมดกี่ลำ?” เขาหันไปถามเรนทั้งๆที่ยังหอบถี่
“
น่าจะเกือบๆแปดสิบลำนะ ข้าก็เคยแข่งกันนับกับฮายาโตะ
แต่ตรงน้ำลึกพวกข้าดำลงไปดูไม่ไหว ก็เลยนับได้แค่นี้....คนเค้าลือกันว่าถ้านับเรือทั้งหมดตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ...พวกยามาโมโตะมีเรือเป็นพันๆลำเลยละ!”
เสียงใสตะโกนแข่งกับเสียงคลื่นก่อนจะวักน้ำขึ้นมาใส่หน้าของตัวเอง....เป็นพันลำเลยหรอ?
นั่นมันมากกว่ากองทัพเรือของญี่ปุ่นอีกนะ
“
พาข้าว่ายไปดูหน่อยซิว่าเรือลำสุดท้ายถูกจมเอาไว้ตรงไหน”
ใบหน้ามนพยักหน้าให้ก่อนจะว่ายนำออกไป...แล้วเขาก็คงต้องถอดใจจากพื้นที่แถบนี้จริงๆเมื่อมองเห็นว่าเรือลำที่อยู่ริมสุดนั้นมันก็ต่อจากแนวชั้นหินหน้าเขตก่อสร้างของเขานั่นเอง
ไม่มีประโยชน์เลยที่จะย้ายตำแหน่งฐานรากมาตรงนี้...
ม้าสีดำทะยานออกจากสุสานเรือเมื่อแสงแดดยามสายย่างกรายเข้ามา
มันวิ่งเลยบ้านพักทหารไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่โคโตฮิระ
แล้วไม่นานมันก็ไปหยุดลงตรงที่ที่เรนกับฮายาโตะมักจะมากระโดดน้ำเล่นกัน
ด้วยความที่เขาไม่ใช่ลูกทะเลจึงไม่เคยรู้เลยว่าแนวปะการังนั้นสวยงามขนาดไหน
ต่อให้ในตำราเรียนจะมีเขียนเอาไว้แต่มันก็เป็นเพียงภาพขาวดำหาได้จินตนาการออกไม่
จนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง...เขาจึงรู้ได้ในวินาทีแรกที่ภาพตรงหน้าเข้ามาสู่ดวงตา...ว่าเขาจะไม่มีวันย้ายตำแหน่งฐานรากมาทำลายสมบัติของท้องทะเลแห่งนี้แน่ๆ
สีสันอันละลานตาทำให้อดที่จะตื่นตะลึงไปกับภาพที่งดงามตรงหน้าไม่ได้
ทั้งดอกไม้ทะเลทั้งปะการังพากันอวดโฉมด้วยรูปร่างอันสวยสด
แล้วยังมีปลาตัวเล็กตัวน้อยที่แหวกว่ายไปตามกอของพวกมันยิ่งส่งให้ภาพตรงหน้าราวกับสรวงสวรรค์
ยิ่งได้เห็นร่างโปร่งบางพลิกตัวไปมาโดยมีปะการังพวกนั้นเป็นฉากหลังมันก็ยิ่งทำให้หลงใหลโดยไม่รู้ตัว
สวย...เสียจนวูบหนึ่งก็นึกอยากจะเป็นเจ้าของ...
“
เอ๋...จะกลับแล้วหรอ...?”
ไม่ได้มีแต่เด็กนั่นหรอกที่ครางออกมาอย่างเสียดาย...เขาเองก็เสียดาย!
“
เจ้าต้องกลับไปซ้อมละครตอนบ่ายไม่ใช่หรือไง?
ข้าไม่อยากจะมีเรื่องกับเจ้าของโรงละครของเจ้าหรอกนะ ดูท่าจะเอาเรื่องอยู่?”
เขาหอบห่อผ้าที่ใส่อาหารกับสมุดเล่มใหญ่มาวางลงไปข้างๆตัว
ยังไงก็กินมื้อกลางวันก่อนแล้วกัน เช้านี้พวกเขาก็ใช้พลังงานไปเยอะ
“
นี่ท่านดูออกด้วยหรอ? คุณคัตสึระน่ะโหดสุดๆเลย!”
นายช่างหนุ่มลอบหัวเราะในลำคอ...ก็แสบกันซะขนาดนี้ถ้าไม่โหดจะเอาอยู่หรอ?...แต่ก็นะ...เขาเองก็ใช่ว่าจะจับสัมผัสอะไรบางอย่างจากร่างระหงนั่นไม่ได้...ดูเหมือนคัตสึระ
โคทาโร่คงจะผ่านอะไรมามากมายถึงได้มีกลิ่นอันตรายน้อยๆลอยอยู่รอบตัว...หากไม่เข้มแข็งก็คงจะดูแลโรงละครคนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอก
“
กินก่อนแล้วค่อยกลับเขตก่อสร้างแล้วกัน ป่านนี้เพื่อนเจ้าคงรออยู่” ใบหน้ามนพยักรับอย่างว่าง่าย
มือบางรับข้าวปั้นไปเคี้ยวตุ้ยๆ
ท่าทางน่าอร่อยแบบนั้นมันทำให้ข้าวปั้นง่ายๆนี่ดูน่ากินขึ้นมาทันที
มือหยิบสมุดเล่มใหญ่ที่ไม่มีเส้นเล่มนั้นขึ้นมา...มันคือสมุดที่เขาเอาไว้วาดแบบหรือแนวความคิดเกี่ยวกับการก่อสร้างที่มักจะแล่นเข้ามาในหัว
แล้วตอนนี้เขาก็กำลังใช้มันถ่ายทอดภาพที่กำลังอยู่ในหัวเช่นกัน...
แท่งดินสอขีดๆเขียนๆจนกระดาษที่เคยขาวสะอาดกลับเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ทั้งโครงหน้า หู ตา จมูก ปาก ล้วนเป็นของคนที่นั่งเคี้ยวข้าวปั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนโขดหินนั่นทั้งสิ้น
เด็กนั่นหันมายิ้มให้เขาเพราะคิดว่าเขาคงกำลังเขียนอะไรยากๆที่ตัวเองไม่เข้าใจอยู่...โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า
สิ่งที่อยู่ในภาพวาดของเขาในตอนนี้ก็คือ...ตัวเอง
“
แล้วท่านไม่กินหรอ?”
เขาส่ายหน้าก่อนจะวาดรูปต่อและเมื่อนัยน์ตาสีมรกตเห็นเขาเดี๋ยวก้มมองกระดาษ
เดี๋ยวเงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง เจ้าเด็กที่มักจะรู้ตัวช้าตลอดจึงเริ่มจะสงสัยขึ้นมา
“
ท่านเขียนอะไรอยู่น่ะ? ขอข้าดูด้วยสิ”
ใบหน้ามนชะโงกเข้ามาทำให้เขารีบพับสมุดเก็บ
เด็กนั่นจึงทำแก้มป่องพลางมองสมุดของเขาเขม็ง
“
น่าสงสัยจริงๆ เอามาให้ข้าดูนะ!”
แล้วร่างโปร่งบางก็กระโดดเข้ามายื้อแย่งสมุดนั่นกับเขา
เจ้าเด็กเหลือขอวิ่งวนอยู่รอบตัวราวกับลูกหมา
อันที่จริงเขาจะไม่ยอมปล่อยสมุดนั่นก็ได้...แต่เขากลับอยากรู้...ว่าหากเด็กนี่เห็นรูปนั่นเข้า...จะทำหน้ายังไง?
จะรังเกียจและไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกเลยหรือเปล่า?
มือแข็งแรงจึงปล่อยให้มือบางแย่งสมุดไปจนได้
และเมื่อเรนเปิดสมุดออกมา...นัยน์ตาสีมรกตก็ถึงกับเบิกกว้าง
“
.....นี่มัน.....ข้างั้นหรอ?”
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไปกับสิ่งที่มองเห็น
ก็ถ้ามันจะไม่ได้เหมือนราวกับส่องกระจกขนาดนี้ก็คงไม่อาจเอื้อมคิดไปเองว่านี่คือเขาหรอก
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองรูปของตัวเองที่นายช่างเป็นคนวาดด้วยใบหน้าร้อนผ่าว...เอ๋?...นี่มันอะไร?....ทำไมกันล่ะ?...ทำไมถึงวาดรูปเขาล่ะ?...
“
กลับกันได้แล้ว”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับสมุดที่ถูกดึงออกไปจากมือ
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินกลับไปที่ม้าทำให้เขาต้องรีบก้าวขาวิ่งตามไป
ถึงจะมีแต่ความสงสัยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มถามยังไง
ยิ่งต้องกลับด้วยม้าตัวเดียวกัน
ความใกล้ชิดก็มีแต่จะทำให้ใบหน้ายิ่งร้อนหนักกว่าเก่า...ทำไมจู่ๆก็รู้สึกอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง
ลมหายใจที่ขยับขึ้นลงอยู่ที่ข้างแก้มตามแรงโยกของม้านี่ก็ทำให้รู้สึกตาลาย
ทั้งงงทั้งสับสน...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่?
จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ถามออกไป...
ร่างโปร่งบางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะก้าวขาเดินตามร่างแข็งแกร่งกลับไปยังห้องทำงาน
เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทำให้สองขาก้าวช้ากว่านายช่างไปมาก...มากเสียจนคนที่เดินมาก่อนนั้นเดินเข้าไปหาร่างบอบบางซึ่งกำลังฝึกคัดตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ที่โต๊ะทำงาน
และโกคุเดระ
ฮายาโตะก็ทำได้ดีจนมือแข็งแรงยกขึ้นไปขยี้ผมสีเงินอย่างนึกหมั่นไส้ในคำทักทาย
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังคละเคล้ากันไปจนทำให้คนที่เพิ่งตามมาทีหลังถึงกับนิ่งค้างอยู่หน้าห้อง
นายช่างกำลังยิ้มให้ฮายาโตะ?
จู่ๆหัวใจดวงน้อยก็กระตุกแปลกๆ
ทั้งๆที่ภาพตรงหน้านั้นสวยงามแต่ทำไมเขาถึงไม่ชอบใจเอาเสียเลย
ไม่ชอบ...
ร่างโปร่งตรงเข้าไปก่อนจะคว้าตัวเพื่อนสนิทมากอดเอาไว้พลางจ้องหน้านายช่างแล้วขู่ฟ่อว่าห้ามเข้ามาใกล้...ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองคงจะหวงเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา
ไม่อยากให้ใครแย่งฮายาโตะไป...ทั้งๆที่มัน...อาจจะไม่ใช่...
“
แย่แล้วครับนายช่าง!!!”
เสียงโหวกเหวกทำให้คนที่ยังอึ้งๆกับท่าทางของเจ้าลูกหมาหวงก้างละจากร่างบอบบางทั้งคู่หันไปมองลูกน้องที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
“
มีอะไร?” ใบหน้านิ่งเหลือบตาลงไปมองคนที่ก้มตัวพลางหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้า...มีอะไรเกิดขึ้นถึงได้แตกตื่นกันขนาดนี้?
“
แย่แล้วครับ...แฮ่ก...แฮ่ก...คือ....พวกชาวประมงเอาเรือหาปลามาปิดอ่าวที่เราอยู่ครับ!
พวกนั้นมารวมตัวกันต่อต้านเรื่องที่เราจะเอาระเบิดมาใช้และมันจะทำให้ปลาตายน่ะครับ!”
นายช่างหนุ่มถึงกับสบถออกมา
พวกนั้นรู้ได้ยังไง? ทำไมข่าวมันไวขนาดนี้?!
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจึงก้าวขาฉับๆตรงไปยังสะพานปลาที่พวกชาวประมงมารวมตัวกันอยู่ทันที...เวลาเขาไปทำสะพานหรือสร้างทางรถไฟก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอปัญหา...สิ่งที่ดาหน้าเข้ามาก็มีแต่จะต้องแก้ไขเพื่อให้งานมันเดินผ่านไปได้ก็เท่านั้นแหละ
“
มีอะไรกัน”
นายช่างหนุ่มแหวกกลุ่มลูกน้องของตนเข้าไปเผชิญหน้ากับชาวประมงรูปร่างสูงใหญ่
ภายใต้ยูกาตะมอซอนั้นเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างที่ดูก็รู้ว่าต้องแข็งแรงมากแน่ๆ แหงละ
อยู่กับทะเลที่เต็มไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติขนาดนี้คงจะปวกเปียกไม่ได้...คนพวกนี้คงจะหาปลามาทั้งชีวิต
และหากใครจะมาพรากเอาแหล่งทำมาหากินของตนไป หากเป็นเขาก็คงไม่ยอมแน่
“
เจ้าคือนายช่างใช่ไหม? คือคนที่คิดจะใช้ระเบิดกับทะเลของเราใช่ไหม....” เสียงกดต่ำเอ่ยออกมาจากใบหน้ากร้านแดด คนนี้คงจะเป็นหัวหน้าชาวประมง?
“
ใช่” และเมื่อเขาตอบออกไป
อะไรบางอย่างก็สาดเข้ามาที่ใบหน้าทันที...กลิ่นคาวของมันทำให้รู้สึกเหม็นไปถึงทรวงใน...นี่มันอะไรกันน่ะ?
และเมื่อนัยน์ตาที่ปิดลงโดยอัตโนมัติค่อยๆเปิดขึ้นมาแล้วเหลือบลงไปมองที่พื้นก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้น้ำเหม็นๆนี่มันคืออะไร.........ปลาเน่า....
ซากปลาที่ยังกองเป็นหลักฐานทำให้นายช่างหนุ่มเลือดขึ้นหน้า
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้!
แล้วร่างแข็งแกร่งก็ตรงเข้าไปกระชากคอกิโมโนของหัวหน้าชาวประมงก่อนจะทุ่มลงกับพื้นทันที
ถึงจะเป็นวิศวกรแต่ก็อย่าลืมว่าเขาเป็นทหาร
ไอ้เรื่องที่ว่าจะแข็งแรงจนถึงขั้นจับคนตัวใหญ่ๆกดลงไปกับพื้นได้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
มือแข็งแรงยังคงตรงไปกระชากคอกิโมโนของคนที่ล้มกองอยู่ที่พื้น
นัยน์ตาดุดันทั้งสองคู่จ้องมองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
โคงามิ
ชินยะ
เตรียมจะเข้าไปห้ามความเลือดร้อนของเพื่อนรักพร้อมกับตั้งใจจะส่งสัญญาณให้ใช้กำลังทหารปราบปรามเพราะที่เขาติดตามพวกกรมช่างมาก็เพื่อทำหน้าที่นี้
แต่ทว่า...
ฝ่ามือที่จับคอเสื้อหัวหน้าชาวประมงอยู่นั้นจู่ๆก็ยอมผละออกมา...
“
แค่ปลาไม่ตายก็พอแล้วใช่ไหม?”
สิ่งที่นายช่างหนุ่มพูดออกมาทำให้พวกชาวประมงนิ่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าพวกทหารจะยอมอ่อนข้อให้
“
ข้าจะหาทางทำให้ใช้ระเบิดได้โดยที่ปลาไม่ตาย
แบบนี้พวกเจ้าก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”
ร่างแข็งแกร่งลุกออกมาจากร่างของหัวหน้าชาวประมง
อีกฝ่ายจึงได้แต่ลุกขึ้นจับคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่ด้วยท่าทางที่ยังงงๆ
“
ถ้าทำได้จริงพวกข้าก็ไม่มีปัญหาหรอก!
แต่ขอให้จำเอาไว้ว่าพวกข้าจะไม่เชื่อใจพวกเจ้าจนกว่าจะมีการทดสอบให้พวกข้าดู
ถ้าทำอะไรโดยที่พวกข้าไม่รู้แล้วทำให้ปลาตายละก็...เจอดีแน่นายช่าง!” ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามยกขึ้นมาชี้หน้า
ทุกสายตาที่มองมาของพวกชาวประมงบ่งบอกว่าเอาจริง
แต่แค่ยอมอยู่ในความสงบจนกว่าเขาจะหาทางได้แบบนี้ก็นับว่าดีแล้วละ
“
เอาละ! หมดเรื่องแล้วพวกเจ้าก็กลับกันไปได้แล้ว!” เสียงเอ่ยไล่พวกชาวประมงนั้นไม่ใช่เสียงของนายช่างหนุ่มแต่เป็นเสียงของโกคุเดระ
ฮายาโตะที่ก้าวออกมาช่วยไกล่เกลี่ย และเมื่อเห็นเจ้าเด็กแสบทั้งคู่
ใบหน้าดุดันของพวกชาวประมงก็อ่อนลงทันที...เหมือนจะรู้จักเด็กสองคนนี้ดีอยู่แล้ว? แต่ก็อาจจะไม่แปลกถ้าเรนกับฮายาโตะชอบหนีมาเล่นน้ำแล้วก็คงจะไปก่อกวนพวกชาวประมงอยู่บ้าง
“
เรน พานายช่างไปอาบน้ำสิ เหม็นเป็นปลาเน่าเลย
ส่วนพวกเจ้าก็กลับไปกันได้แล้ว!
ถ้าว่างนักก็ไปหาปลามาให้ข้ากินซะ!” ร่างบอบบางดันร่างสูงใหญ่ของพวกชาวประมงให้กลับลงเรือไป
น่าแปลกที่คำพูดเอาแต่ใจแบบนั้นกลับทำให้สถานการณ์เบาลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ท่อนแขนแข็งแรงถูกมือบางของเรนจับเอาไว้ก่อนจะออกแรงลากให้ออกมาจากตรงนั้น
ร่างโปร่งบางพาเขากลับไปที่บ้านพัก
หลังจากที่ปล่อยให้เขายืนอยู่กลางห้องน้ำได้ไม่นาน
เด็กนั่นก็กลับมาพร้อมกับผ้าผืนเล็กๆ
“
อยู่นิ่งๆนะ”
มือบางบรรจงเช็ดผ้าเปียกๆผืนนั้นลงไปบนแก้มของเขา
ความเจ็บแสบที่แล่นขึ้นมาทำให้เพิ่งรู้ตัวว่ามีแผลอยู่บนใบหน้าของเขาด้วย
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ามนของคนที่กำลังเช็ดแผลให้...มันอยู่ใกล้....ใกล้เสียจนเผลอคิดไปว่า
หากยื่นใบหน้าออกไปอีกนิดก็คงจะจูบที่ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นพอดี....
“
ทะ ที่เหลือท่านก็อาบน้ำเองได้แล้ว”
เด็กนั่นเอ่ยติดๆขัดๆเมื่อเหลือบลงไปเห็นกล้ามหน้าท้องของเขาจากเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกแนบอยู่กับลำตัว
ใบหน้าที่ค่อยๆขึ้นสีแดงแบบนั้นมันช่างน่ารังแกเสียจริงๆ
“
อาบให้ข้าสิ...นี่ก็รวมอยู่ในค่าจ้างด้วยนะ”
“
ห๋า?!” เขาต้องพยายามตีหน้านิ่งทั้งๆที่ข้างในกำลังขำแทบตายกับใบหน้าเหวอๆของเจ้าเด็กเหลือขอนี่
สองแขนกางออกไปเป็นเชิงบอกว่าให้ถอดเสื้อของเขาออกซะ
“
ปะ เป็นง่อยหรือไงถึงต้องให้ข้าอาบให้น่ะ
นั่นมันแค่ปลาเน่าเองนะไม่ได้มีพิษอะไรสักหน่อย”
ถึงจะบ่นขมุบขมิบแต่มือเก้ๆกังๆนั่นก็ขยับมาที่กระดุมเสื้อของเขา...แล้วก็เจอปัญหาเข้าจนได้...
“
แล้วมันถอดยังไงอ่ะ?” ให้ตายเถอะ
แม้แต่เสื้อเชิ้ตแบบชาวตะวันตกก็ไม่เคยเห็น
ไม่เคยใช้เลยสินะเจ้าเด็กบ้านนอกนี่
เขาหลุดหัวเราะออกไปก่อนจะแกะกระดุมเม็ดบนให้ดู
“
ยังไงน้า?” และพอเขาให้แกะเม็ดต่อไปเอง
เจ้าเด็กนั่นก็ยังทำหน้างง....นี่มันไม่ใช่แล้ว!
กำลังจะหลอกให้เขาแกะทั้งหมดนี่เองใช่ไหม? ก็บอกแล้วว่าเด็กนี่มันไม่ได้โง่!
“
ฮ่าๆๆๆ ยอมแล้ว! ยอมแล้ว!”
เขาลูบไล้ลงไปที่เอวบางแล้วคนบ้าจี้ก็หมุนตัวหนีแทบไม่ทัน
ร่างโปร่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาได้ยังไงก็ไม่รู้และนั่นก็ทำให้ร่างกายของพวกเราต่างก็นิ่งไป
“
มะ เหม็น....”
ใบหน้าแดงระเรื่อก้มงุดทำให้เขาผงะก่อนจะปล่อยลำตัวบางออกไป
จนแล้วจนรอดเด็กนี่ก็ยอมแกะกระดุมให้เขาแต่โดยดี
ยิ่งไม่มีสิ่งกีดขวางอย่างเสื้อเชิ้ตที่ลงไปกองอยู่ที่พื้นไปแล้ว
ใบหน้ามนก็ยิ่งแดงแปร๊ดเมื่อได้เห็นกล้ามหน้าท้องของเขาตรงๆ
มือบางยกขันน้ำขึ้นมาก่อนจะราดมันลงที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขา
มือที่กล้าๆกลัวๆแตะลงที่ผิวแข็งๆก่อนจะชักกลับไปราวกับไม่คุ้นเคย
กว่ามันจะยอมลูบลงไปตามกล้ามเนื้อของเขาได้ก็นานเลยทีเดียว
นายช่างหนุ่มยืนมองคนที่กำลังอาบน้ำให้ตัวเองด้วยใบหน้านิ่ง
ปฏิกิริยาไร้เดียงสาของเด็กนี่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“
นะ นึกว่าจะมีเรื่องกันซะแล้วนะครับ”
ดูเหมือนเจ้าคนที่กำลังอายจนหน้าจะกลายเป็นมะเขือเทศอยู่แล้วพยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความเงียบ...ใบหน้านิ่งลอบยิ้มน้อยๆเมื่อได้เห็นว่าเด็กนี่เริ่มจะพยศกับเขาน้อยลงอย่างเช่นการเลียนแบบพวกลูกน้องของเขาโดยการลงหางเสียงว่า
“ครับ” แบบนี้
เด็กนี่ค่อนข้างจะหัวอ่อนกับคนที่ตนเคารพ...ต่างจากโกคุเดระ
ฮายาโตะ ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยยอมเลิกใช้สรรพนามว่า “เจ้า”
กับเขา...ดูท่าว่าคนที่จะปราบพยศเจ้าม้าขนเงินตัวนั้นได้จะต้องไม่ใช่คนปกติ
“
ว่าแต่...ทำไมท่านถึงหยุดล่ะ? ทั้งๆที่ถ้าจะใช้กำลังท่านก็น่าจะชนะ?”
สิ่งที่เรนถามออกมามันทำให้เขานึกถึงดวงตาของหัวหน้าชาวประมง
“
นัยน์ตาของผู้ชายคนนั้นมันเป็นนัยน์ตาของคนที่เตรียมใจมาสู้...ไม่ได้สู้เพื่อสิ่งไร้สาระอย่างพวกศักดิ์ศรีหรือวงศ์ตระกูล....แต่สู้เพื่อปกป้องปากท้องของตัวเอง
สู้เพื่อที่ลูกเมียจะได้มีข้าวกิน....กับคนแบบนั้นข้าทำร้ายไม่ลงหรอก” นัยน์ตาสีมรกตถึงกับนิ่งค้างไปกับความคิดของคนตรงหน้า
ใบหน้ามนมองตามแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินไปใส่เสื้อด้วยสายตาชื่นชม...ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้...เขาคงวางใจที่จะฝากชีวิตเอาไว้ได้สินะ...
มือแข็งแรงติดกระดุมเสื้อคอปกตัวนอกยังไม่ทันจะเสร็จดี
ลูกน้องก็ตรงรี่เข้ามาหาทันที
“
นายช่างครับ! ผู้ใหญ่บ้านส่งคนมาขอพบครับ!”
ใบหน้านิ่งถอนหายใจออกมาเงียบๆ...วันนี้มันอะไรกันนักกันหนานะ!
ร่างแข็งแกร่งเดินตามลูกน้องมายังห้องทำงานซึ่งมีเรน
โกคุเดระ โคงามิ แล้วก็ชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้านั่งรออยู่
“
สวัสดีขอรับนายช่าง ข้าเป็นรองผู้ใหญ่บ้าน
ที่มาวันนี้ก็อยากจะปรึกษาเรื่องงานเทศกาลกับท่านนายช่างสักหน่อย” หลังจากผ่านการแนะนำตัว
ชายร่างท้วมก็เล่าเข้าประเด็นเลยว่าต้องการให้เขาส่งใครสักคนในเขตก่อสร้างนี่ไปตีกลองเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลสินะ
ใบหน้านิ่งได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้มากนัก
แต่หลังจากที่ทำงานตามหมู่บ้านชนบทมาหลายที่ก็ทำให้รู้ว่าเรื่องความเชื่อโบร่ำโบราณแบบนี้ไหลไปตามน้ำดีกว่าจะไปขัดพวกชาวบ้าน
“
ได้สิ”
เขาจึงตอบรับไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
ก็แค่หาใครสักคนซึ่งในบรรดาคนงานของเขาก็มีให้เลือกมากมาย
“
นายช่างพอจะระบุตัวเลยได้ไหมขอรับ เพราะต้องมีการฝึกซ้อม” ใบหน้านิ่งเงยขึ้นมาพลางหันไปมองนอกหน้าต่าง
ใครมันเดินผ่านมาก็เอาคนนั้นแหละ
แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบไปงานสังสรรค์
การเจอคนเยอะๆนั้นน่ารำคาญ
ไอ้ความคิดที่ว่าจะไปตีเองเลยไม่มีอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย
ทว่า...
“
รองผู้ใหญ่บ้าน
โทษทีที่ต้องขอขัดสักครู่นะ งานนี้มันสำคัญใช่ไหมล่ะ ขอข้าปรึกษากับนายช่างสักครู่ก่อนเถอะ” จู่ๆโคงามิก็พูดขึ้นมา
ใบหน้าคมที่ปกติจะคิดอะไรซับซ้อนไปมาอยู่ในหัวหันมามองเขาราวกับกำลังจะบอกว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น เขาจึงเชิญรองผู้ใหญ่บ้านนั่นออกไปรอข้างนอกก่อน
“
มีอะไร?”
เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงรำคาญแต่เจ้าโคงามิกลับหันไปถามเด็กสองคนที่นั่งอยู่ด้วยแทน
“
ปกติแล้วใครเป็นคนตีกลองที่ว่านั่น?”
นายช่างหนุ่มจึงได้แต่ยืนกอดอกฟังอยู่เงียบๆ
“
จริงสิ เมื่อวานข้ายังไปดูกลองอยู่เลย
ปีนี้เห็นว่าจะให้ตีคู่กันสองใบล่ะ
ปกติแล้วพวกเราจะตีเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าเพียงองค์เดียว ตามธรรมเนียมแล้วจะเป็นใครในตระกูลผู้นำชิโกกุก็ได้
แต่พวกยามาโมโตะก็มักจะให้ผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปมาตี ซึ่งก็คือเจ้าบ้า ยามาโมโตะ
ทาเคชิ นั่นแหละ” โกคุเดระ
ฮายาโตะเล่าให้ฟังและมันก็ทำให้ใบหน้าคมของโคงามินิ่งไป...เขาเองก็เริ่มจะเข้าใจความหมายของมันเลาๆแล้วเช่นกัน
“
เจ้าเด็กยามาโมโตะนั่นตีทุกปีเลยหรอ?”
ใบหน้าสวยจึงพยักหน้าให้แทนคำตอบ...ไม่ต้องสงสัย...ไม่ต้องคิดอะไรให้มากอีกต่อไป...โคงามิหันมาหาเขาพร้อมกับคำพูดที่เขาเองก็คิดอยู่ในใจ
“
เห็นทีงานนี้เจ้าต้องเป็นคนตีเองแล้วละนายช่าง...”
ถึงแม้
“จันทร์ข้างขึ้น” จะเปิดแสดงมาแล้วเป็นสิบๆรอบ
แต่ผู้ชมก็ยังคงหลั่งไหลมาดูไม่ได้ขาดสาย
ในแต่ละคืนที่นั่งยังคงถูกจองจนเต็ม...และในคืนนี้เองก็เช่นกัน
เหล่าคนดูต่างมายืนรออยู่ที่หน้าโรงละครจนแทบจะล้นลานด้านหน้าและภาพแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าของโรงละครคนงามที่จะยิ้มจนแก้มปริ
สองขาเตรียมจะก้าวไปตรวจดูความเรียบร้อยด้านหลังเวที...ทว่า...เสียงแตกฮือของผู้คนก็ทำให้ฝ่าเท้าต้องหยุดชะงักลง
จากที่ทุกอย่างเคยสงบสุข
ผู้คนต่างวิ่งกันให้จ้าละหวั่นเพื่อแหวกทางให้อะไรบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามา
ใบหน้าที่หวาดกลัวกับตัวที่สั่นงันงกของผู้ชมคนอื่นๆทำให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังใกล้เข้ามานั้นคงจะเป็นที่หวาดหวั่นของคนแถบนี้มากๆ...ไม่หรอก...ไม่ใช่เฉพาะคนแถบนี้...
แต่กลุ่มคนพวกนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วภูมิภาคคันไซเลยต่างหาก
กลุ่มคิเฮย์ไต
ถึงแม้จะตั้งตนเป็นซามูไรผู้คุ้มครองหัวเมืองใหญ่ๆอย่างโอคายาม่า
โอซาก้า เกียวโต และฮิโรชิม่า
แต่อันที่จริงสิ่งที่พวกคิเฮย์ไตทำก็คือการเรียกค่าคุ้มครอง เปิดแหล่งเงินกู้ คุมบ่อน
ค้าอาวุธ และกวาดล้างพวกอันธพาลชั้นต่ำ
ไม่มีคนดีๆที่ไหนอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เพราะหากมีอะไรที่ทำให้ไม่พอใจก็อาจจะโดนฆ่าเอาได้ง่ายๆ
เนื่องด้วยชื่อเสียงในความโหดเหี้ยมนั้นลือกระฉ่อนจนแม้แต่ภาครัฐเองยังไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง
เรียกง่ายๆก็ยากูซ่าดีๆนี่เอง
เจ้าของโรงละครคนงามมองกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าโหดที่กำลังเดินขึ้นบันไดหินมา
ท่าทางกร่างซะเต็มที่ทำให้ผู้ชมคนอื่นต่างหนีกันกระเจิง ถึงแม้กลุ่มผู้นำที่เดินอยู่ด้านหน้าจะรูปร่างหน้าตาดีไม่ขี้ริ้วขี้เหล่
แต่รังสีอำมหิตและรอยยิ้มเย็นๆก็ทำให้ดูอันตรายกว่าพวกปลายแถวหลายเท่า
ยิ่งคนที่เดินอยู่หน้าสุดหากไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มคิเฮย์ไตแล้วก็คงไม่ต่างจากลูกชายของผู้รากมากดีเลยแท้ๆ
ชายกิโมโนสีม่วงพลิ้วไหวไปตามแรงก้าวเดิน
ผีเสื้อสีทองที่ปักอยู่บนกิโมโนราวกับจะโผบินได้เอง
รอยแหวกของสาปเสื้อที่ผ่าลงไปเกือบจะถึงหน้าท้องทำหน้ามองเห็นมัดกล้ามที่สวยงามสมชายชาตรี
ถึงแม้คนตรงหน้าจะไม่ใช่ผู้ชายที่สูงมากนักทว่ากลับดูน่าเกรงขามจนใครๆก็ยอมเดินตาม
เส้นผมสีรัตติกาลอมม่วงน้อยๆล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา
รอยยิ้มเย็นๆนั้นชวนให้วิ่งหนีมากกว่าจะดีใจหากได้รับ
ไม่ต้องพูดถึงไออันตรายที่แผ่ออกจากร่างกายซึ่งทำให้ใครต่อใครตัวสั่นได้
ผ้าพันแผลที่พันไว้รอบหัวปกปิดดวงตาข้างหนึ่งซึ่งใช้การไม่ได้แล้วเอาไว้
ปล่อยให้นัยน์ตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวมองมายังร่างระหงที่ยืนอยู่ที่หน้าโรงละครด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“
ทากาสุงิ....”
เสียงแผ่วเบาหลุดออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อก่อนที่ใบหน้าสวยจะถอนหายใจ
“
คืนเงินให้ผู้ชมคนอื่นไปซะ”
เจ้าของโรงละครคนงามหันไปสั่งเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว
หลังจากที่กลุ่มคิเฮย์ไตเดินเข้าไปในโรงละครแล้ว
ผู้ชมคนอื่นๆต่างก็กรูมารับเงินคืน บางคนรีบไปถึงขนาดทิ้งตั๋วเลยก็มี
สรุปว่าคืนนี้คณะละครคาบูกิก็ยังต้องแสดงต่อไปทั้งๆที่มีคนดูเพียงหยิบมือ…
แน่นอนว่าไม่มีใครอื่นนอกจากพวกคิเฮย์ไต...
“
ซึระนะซึระ!
ทำไมไม่ไล่ไอ้พวกยากูซ่านั่นไปก็ไม่รู้?! จะแสดงให้มันดูทำไม?!
เงินก็ไม่ได้ เปลืองแรงเปลืองเวลาชะมัด!” โกคุเดระ ฮายาโตะบ่นด้วยเสียงฟึดฟัด
ในขณะที่มือก็ช่วยจับกิโมโนให้เรนไป...พอดีว่าคืนนี้เรนแสดงเป็นรอบแรก
แล้วก็ดูท่าว่าคงได้แสดงรอบเดียวนั่นแหละ
“
เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรอว่าพวกนั้นน่ากลัวขนาดไหน...คุณคัตสึระก็คงไม่กล้าไล่นั่นแหละ...นี่ไม่รู้ว่าโดนข่มขู่อะไรหรือเปล่านะ?
ดีไม่ดีอาจจะโดนรีดไถเรียกเก็บค่าคุ้มครองด้วยก็ได้” เรนทำหน้าหวาดหวั่นแทนเจ้าของโรงละครคนงาม
ทำให้ใบหน้าสวยเจ้าของผมสีเงินนิ่งคิดเพื่อเตรียมจะหาทางหนีทีไล่...ควรจะวางแผนอะไรไว้ดีไหมนะ?
หรือเขาควรจะไปตามยามาโมโตะมาช่วยดี?
ถ้าเป็นพวกนั้นน่าจะทำอะไรพวกยากูซ่านั่นได้บ้าง?
“
ฮายาโตะ ข้าว่าเจ้ารีบกลับบ้านดีกว่านะ”
เรนหันมามองเพื่อนสนิทอย่างนึกห่วง
“
อื้อ ถ้างั้นข้าจะไปบอกรถม้าของเจ้าให้เขาอ้อมมารับข้างหลังนะ
แสดงเสร็จแล้วก็อย่ามัวโอ้เอ้ กลับไปทั้งๆอย่างนี้เลยก็ได้
อย่างไอ้พวกยากูซ่านั่นคงไม่สนใจหรอกว่าจะมีใครซื้อตัวเจ้าไว้ก่อนหรือเปล่าน่ะ” มือบางผูกเชือกรัดโอบิจนแน่นเป็นอันเสร็จการแต่งตัว
“
เจ้าก็อย่าขู่ให้ข้ากลัวสิ~~”
นัยน์ตาสั่นระริกเหมือนลูกหมาทำให้โกคุเดระต้องลูบหัวปลอบใจด้วยรอยยิ้มแห้ง
จะทิ้งเด็กนี่ไว้คนเดียวก็น่าเป็นห่วงยังไงไม่รู้
ม่านสีทองเปิดขึ้นช้าๆ
หน้าฉากนั้นเต็มไปด้วยต้นซากุระกำลังเบ่งบาน...แล้วการแสดงก็เริ่มต้นในที่สุด...
ซามิเซ็งบรรเลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงกลางเรื่อง
ถึงคนดูที่อยู่ในโรงละครตอนนี้จะไม่ได้มีท่าทางซาบซึ้งเหมือนผู้ชมทั่วไปแต่ก็นับว่ายังดีที่ไม่ลุกขึ้นมาพังเวทีเข้าเสียก่อน
ร่างโปร่งบางที่กำลังรอให้ถึงฉากของตัวเองแอบดูอยู่หลังเวทีอย่างนึกหวาดหวั่น
ถึงแม้ฉากสนุกสนานคนพวกนั้นจะหัวเราะกันเต็มที่อย่างที่คนปกติเค้าก็ไม่ทำกันมันจะทำให้พวกนักแสดงรู้สึกดีก็เถอะนะ
แต่เนื้อเรื่องช่วงหลังที่ออกแนวเจ็บปวดรวดร้าวก็ได้แต่หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่เบื่อจนลุกขึ้นมาทำอะไรเข้าหรอกนะ
นัยน์ตาสีมรกตลอบมองร่างในชุดกิโมโนสีม่วงที่นั่งอยู่หน้าสุด
ทั้งๆที่ผู้ชายคนนั้นก็มีท่าทางสบายๆในมือถือกล้องยาสูบข้างหนึ่งแต่ทำไมกลับไม่รู้สึกว่าเป็นมิตร
จะว่าด้วยรูปลักษณ์ที่มีผ้าพันแผลปิดตาไว้ข้างหนึ่งทำให้ดูน่ากลัวมันก็ไม่น่าใช่เพราะใบหน้าที่เหลือนับว่าหล่อเหลาเอาการทีเดียว
ทั้งๆที่มีรอยยิ้มแต่มันกลับทำให้ดูน่าขนลุกมากกว่าจะน่าเข้าใกล้...อีกอย่าง...อาจจะเป็นเพราะผู้ชายคนนี้มีบรรยากาศคล้ายๆพี่ชายของเขาก็เป็นได้
ถึงได้ทำให้อยากจะวิ่งหนีให้ไกล
ผู้นำกลุ่มคิเฮย์ไตคนนี้ช่างคล้าย
ยามาโมโตะ ทาเคชิ....
“
เรน”
เสียงเรียกเบาๆทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆอย่างเพิ่งรู้ตัวว่าถึงฉากของตัวเองแล้ว นางเอกของเรื่องจึงเดินซอยเท้าออกไปที่หน้าเวที
นัยน์ตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวจับจ้องไปที่ร่างบอบบางราวกับสาวน้อยแรกแย้มบนเวทีด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
แต่จากการที่ทากาสุงิ
ชินสุเกะจ้องเด็กคนนั้นไม่วางตาก็ทำให้เหล่าลูกน้องพากันคิดไปว่าลูกพี่ของตนคงจะถูกใจเด็กนั่นเข้าให้แล้ว
เพราะแบบนั้น...ทันทีที่ละครจบลงและม่านยังไม่ทันจะได้ปิด
นักแสดงยังไม่ทันจะเดินเข้าหลังเวที...ร่างโปร่งบางของนางเอกในละครเรื่องนี้ก็ถูกรวบตัวไว้ก่อนจะลากมาหาหัวหน้ากลุ่มคิเฮย์ไต...
“
ปล่อยข้านะ!! พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?!
ที่นี่ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนที่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรก็ได้นะ! บอกให้ปล่อยข้า!”
แน่นอนว่าอย่างเรนนั้นสู้ไม่ถอย ทั้งริมฝีปากสีแดงที่ร้องโวยวายลั่น
สองขาสองแขนเล็กๆที่โดนลากไปก็ทั้งเตะทั้งต่อยจนเหล่าชายหน้าโหดต้องเข้ามาช่วยกันหิ้วลงไป
“
คิดจะทำอะไร?!”
ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจนสวยซะจนผู้หญิงยังอายตะโกนใส่หน้าทากาสุงิ
ชินสุเกะอย่างไม่ได้กลัวเกรง
“
หึ...”
แต่ใบหน้าภายใต้ผ้าพันแผลกลับหัวเราะอย่างชอบใจ
ริมฝีปากดูดกล้องยาสูบก่อนจะพ่นควันเข้าใส่ใบหน้ามนจนเรนถึงกับสำลักก่อนจะไอจนตัวโยน
“
จะ เจ้า! แค่กๆๆ”
ถึงจะยังไอไม่หยุดแต่คนดื้อรั้นก็มิวายหันมาหาเรื่องหัวหน้ากลุ่มคิเฮย์ไต
จนบรรดาลูกน้องต้องเข้ามาล็อคตัวเอาไว้
“
จัดการนังเด็กตัวดีนี่เลยไหมลูกพี่”
เสียงเหี้ยมถามออกมาทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง
ใบหน้ามนเริ่มจะผงะน้อยๆเพราะรู้ตัวดีว่าตนสู้แรงคนพวกนี้ไม่ได้แน่
และก่อนที่จะถูกลากไปไหน...เสียงราวกับสวรรค์ส่งมาก็ดังขึ้น
“
หยุด!” ไม่ใช่ใครที่ไหนที่เดินเข้ามาขวางระหว่างเรนกับทากาสุงิ
ชินสุเกะ....เจ้าของโรงละครคนงามนั่นเอง....
“
ช่วยปล่อยเด็กในคณะของข้าจะได้หรือไม่”
ใบหน้าสวยของคัตสึระ โคทาโร่ยังคงตั้งตรง ร่างระหงยังคงงามสง่า
ทำให้หัวหน้ากลุ่มคิเฮย์ไตยิ้มร้ายออกมา
มือใหญ่ยกขึ้นโบกเป็นสัญญาณให้ปล่อยตัวเรนไป ทว่า
ในเวลาชั่ววินาทีมันกลับจับหมับลงไปที่ข้อมือของเจ้าของโรงละครแทน
“
ได้สิ...ข้าจะปล่อยเด็กคนนั้นไปและจะสั่งห้ามไม่ให้ใครไปยุ่ง...แต่ว่า...คืนนี้เจ้าต้องมาดูแลข้าแทน...ตกลงไหม...ซึระ”
ประโยคแรกที่ทุ้มเย็นเยือกพูดออกมาก็มีแต่จะทำให้เจ้าของโรงละครได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาที่สบประสานกันต่างไม่มีฝ่ายใดยอมลดละ
แล้วในที่สุด...
ก็เป็นคัตสึระ
โคทาโร่ที่ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูดออกไป
“
ก็ได้...บอกคนของเจ้าด้วยว่าห้ามละลานเด็กๆของข้า”
ร่างระหงพาหัวหน้ายากูซ่าชื่อกระฉ่อนมายังห้องรับรองด้านหลังซึ่งอันที่จริงแล้วมันอยู่ในเขตบ้านส่วนตัวของเจ้าของโรงละครมากกว่า
กาน้ำชาถูกรินลงไปในถ้วยก่อนที่มันจะถูกยกส่งให้กับร่างในกิโมโนสีม่วง
“
เจ้าคงไม่คิดว่าที่ข้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อจะนั่งจิบชากับเจ้าตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้หรอกใช่ไหม?” ถ้วยชาถูกกรอกไปมาโดยมีนัยน์ตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวจับจ้องอยู่
“
ขอโทษก็แล้วกัน บ้านข้าไม่มีสาเก ถ้าเจ้าไม่อยากดื่มชาก็พาลูกน้องเจ้ากลับไปซะ”
และทันทีที่พูดจบถ้วยชาที่เคยอยู่ในมือใหญ่ก็ลงไปกลิ้งอยู่ในถาด
น้ำสีใสหกเรี่ยราดเลอะเต็มพื้น
ตุ้บ...
ข้อมือบางถูกกดลงกับเสื้อทาทามิเช่นเดียวกับแผ่นหลังโปร่ง
ร่างระหงถูกพลิกให้นอนหงายโดยมีร่างแข็งแกร่งคร่อมอยู่ด้านบน
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาจนคัตสึระไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน ใบหน้าภายใต้ผ้าปิดตาข้างเดียวก้มลงไปใกล้ๆใบหูก่อนจะกระซิบด้วยเสียงนิ่ง...หากเป็นคนอื่นได้ฟังก็คงนึกว่าข่มขู่
“
ใช่ ข้าไม่อยากดื่มชา แต่ข้าอยากทำอย่างอื่น”
หากเป็นคนอื่นคงจะตื่นกลัว
แต่เจ้าของโรงละครคนงามกลับยังนิ่งเฉย ใบหน้าสวยยังคงมองตรงมาที่ทากาสุงิ ชินสุเกะโดยไม่คิดจะปัดป้องมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ต้นขาเนียนซึ่งอยู่ภายใต้รอยแหวกของกิโมโน
มือบางแทนที่จะผลักไสแผงอกแข็งแกร่งที่กำลังแนบเข้ามาแต่มันกลับยกขึ้นไปลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะหยุดลงที่...ผ้าปิดตา...
หากจะพูดว่าเขาถูกมันพันธนาการเอาไว้ก็คงไม่แปลกนัก...ดวงตาข้างนี้มันใช้แลกกับชีวิตของเขา...ผู้ชายตรงหน้าเสียดวงตาไปก็เพราะเขา....
เพราะงั้นไม่ว่าทากาสุงิจะต้องการอะไรจากเขา...เขาก็ยินดีที่จะให้
ถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บแค่ไหนก็ตาม...
“
อึก!” แทบจะทันทีที่ต้นขาถูกรั้งขึ้นมา
ปลายนิ้วก็สอดใส่เข้ามาทักทายโดยไม่แม้แต่จะเล้าโลม
ช่องทางด้านหลังซึ่งไม่มีใครผ่านเข้ามาเป็นเวลานานทำให้มันคับแน่นจนแทบจะขยับไม่ได้
รอยยิ้มร้ายบนใบหน้าหล่อเหลาดูจะพอใจกับปฏิกิริยาของคนที่อยู่ใต้ร่างตัวเอง
“
อื้อ!”
ใบหน้าสวยถึงกับกัดฟันเมื่อปลายนิ้วถูกดึงออกไปแต่กลับเป็นหัวเข่าที่ขยับเข้ามาหยอกเย้ากับส่วนอ่อนไหวของเขาแทน...หัวเข่าของทากาสุงิรู้ดี...ว่ากดลงมาตรงไหนที่จะทำให้เขาดิ้นพล่านจนแทบจะทนไม่ได้
ร่างโปร่งแอ่นกายขึ้นไปรับพร้อมๆกับลมหายใจที่เริ่มหอบหนัก
มือใหญ่จึงได้ทีสอดเข้ามาพร้อมกับพยุงแผ่นหลังซึ่งยังอยู่ในกิโมโนสีฟ้าเอาไว้
สาปเสื้อถูกแหวกออกจนไหล่ขาวโผล่พ้นคอกิโมโน
แล้วปลายลิ้นเปียกแฉะก็ตรงเข้าเล่นงานยอดอกทันทีอย่างไม่มีรีรอ
“
ฮ้า..อะ....”
คิ้วเรียวถึงกับขมวดเข้าหากันแน่นกับความเสียวซ่านที่ส่งผ่านมาตามผิวเนื้อที่ถูกปลายลิ้นร้ายกาจนั่นลากผ่าน ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆพยุงร่างโปร่งให้ลุกขึ้นนั่งและนั่นก็ทำให้คอกิโมโนหลุดจากไหล่ก่อนที่มันจะไหลไปกองอยู่ที่ข้อศอก
ใบหน้าหล่อเหลาย้ายจากแผ่นอกแบนเรียบขึ้นมาซุกไซร้ที่ซอกคอระหงก่อนจะกดจูบจนขึ้นสีแดง
เส้นผมดำขลับยาวสลวยที่ตัดกับแผ่นหลังขาวเนียนนั้นช่างเป็นภาพที่งดงาม
นัยน์ตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังเคลิบเคลิ้มก่อนจะค่อยๆยกสะโพกมนขึ้นมา…
แล้วกดมันลงไปให้รับเอาความเป็นชายที่ขยายใหญ่เข้าไป…
ทั้งๆที่เล้าโลมทุกส่วนบนร่างกายแต่กับช่องทางข้างหลังกลับจงใจปล่อยเอาไว้
“
อึ่ก! ฮะ..อื้อ!”
ใบหน้าสวยที่ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันถูกฉุดให้จมดิ่งลงมาในนรก ความเจ็บแปลบแล่นลิ่วมาจากเบื้องล่างทำให้ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับเม้มแน่น
มือบางขย๋ำคอกิโมโนสีม่วงบนไหล่แข็งแรงอย่างหาที่ระบายออก
ซึ่งภาพตรงหน้าล้วนทำให้ทากาสุงิพอใจ...ชอบ...ที่จะเห็นใบหน้าราวกับจะขาดใจตาย
ทุลนทุลาย ทรมานจนแทบจะหายใจไม่ได้ของคัตสึระที่เกิดจากน้ำมือของตน
ไม่มีคำว่าอย่า
ไม่มีคำว่าหยุด ไม่มีเสียงร้องห้าม ถึงแม้น้ำตาจะไหลลงมาแล้วก็ตาม
หากทำให้ผีเสื้อที่แสนงดงามตัวนี้ปีกขาดรุ่งริ่งอยู่บนฝ่ามือของเขาตลอดไปได้...เสียแค่ตาข้างเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นไร
เขาจะใช้มันมัดตัวคัตสึระ
โคทาโร่เอาไว้...ให้เหมือนใยแมงมุมที่ผีเสื้อจะไม่มีวันดิ้นหลุด....
ไหล่บางถูกดันให้นอนลงกับพื้นก่อนที่เบื้องล่างจะขยับอย่างหนักหน่วง
เส้นผมสีดำแผ่สยายอยู่เต็มพื้นเสื่อทาทามิเช่นเดียวกับเสียงหอบหายใจที่ดังก้องไปทั่วห้อง
ริมฝีปากสีระเรื่อจำต้องกัดแน่นเพื่อไม่ให้เสียงครางหลุดรอดออกไป
เพราะต่อให้เริ่มต้นด้วยความรุนแรงแค่ไหนแต่ในท้ายที่สุดทากาสุงิก็มักจะทำให้เขาสุขสมจนแทบจะคุ้มสติตัวเองไม่ได้
“
ทากะ อะ....จะ...อื้อ!!”
แรงกระแทกหนักหน่วงสอดใส่เข้ามาเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมๆกับริมฝีปากที่ต้องเม้มแน่น
ในหัวรู้สึกขาวโพลนเช่นเดียวกับความอุ่นวาบที่ฉาบไล้อยู่ทั่วกาย
ได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมๆกับใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมาหาช้าๆ
ปลายจมูกคมดอมดมอยู่ใกล้ๆก่อนที่ริมฝีปากจะจุมพิตลงมาแผ่วเบา
“
คิดถึง....”
ถ้อยคำที่ไม่เข้ากับหน้าโหดๆทำให้ใบหน้าสวยเผลอหัวเราะออกมา ร่างแข็งแกร่งถอนตัวออกไปก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆ
ร่างโปร่งบางจึงพลิกตัวเอาหัวไปหนุนไว้บนท่อนแขนแข็งแรงนั่นต่างหมอน
“
ไม่ต้องมาทำเป็นปากดี เจ้าเองไม่ใช่หรือไงที่ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียว”
เจ้าของโรงละครทำหน้าแง่งอนก่อนจะนอนนิ่งๆให้มือใหญ่ลูบไล้เส้นผมสีดำเล่น
ใช่...พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้น
ไม่ได้ถูกรีดไถ ไม่ได้ถูกบังคับ
แต่พวกเขาเป็นคู่รักกัน...
รักกันมาเป็นสิบๆปี
เพราะเช่นนั้นจึงยินดีที่จะถูกอีกฝ่ายพันธนาการ...
“
คืนนี้จะกลับเลยหรอ? เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ได้มาหาข้านานแค่ไหนกัน?”
เจ้าของโรงละครตัดพ้อกับแผงอกแข็งแรงที่ตนหนุนนอนอยู่
“
เหงารึไง? ดึกดื่นแบบนี้ข้าคงไม่เอาเรือออกทะเลหรอก แต่ข้าคงกลับแต่เช้า...ก่อนที่เจ้าพวกน่ารำคาญนั่นจะรู้ว่าข้ามา” ใบหน้าสวยยิ้มจางๆให้กับคำว่า “พวกน่ารำคาญ”
ของทากาสุงิ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร
แล้วพอพูดถึงเรื่องนี้เขาจึงนึกขึ้นมาได้
“
เจ้าไม่ควรทำให้ลูกน้องของเจ้าเข้าใจผิดแบบนั้น...มันไม่ดีต่อเรน” ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากใบหน้าหล่อเหลา
ก่อนที่ทากาสุงิจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“
ดีนะที่เด็กนั่นเหมือนแม่ หากเหมือนพ่อคงน่าสงสารแย่”
“
ถ้าเหมือนพ่อ งั้นก็เหมือนเจ้าด้วยน่ะสิ? อืม...น่าสงสารจริงๆนั่นแหละ” มือใหญ่จึงตรงมาโยกจมูกคนที่บังอาจแซวจนเจ้าของโรงละครต้องส่ายหน้าตาม
เสียงหัวเราะดังออกมาจากริมฝีปากทำให้รอบกายมีแต่ความผ่อนคลาย
ถึงใครต่อใครจะบอกว่าทากาสุงิ
ชินสุเกะนั้นน่ากลัวราวกับปีศาจ...แต่สำหรับคัตสึระ โคทาโร่ที่ผ่านความทุกข์ทรมานมาด้วยกันกลับไม่คิดเช่นนั้น
ทากาสุงิอาจจะเป็นปีศาจสำหรับคนอื่น...แต่สำหรับเขาอีกฝ่ายก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาๆที่รักเป็น
โกรธเป็น แค้นเป็น และ...ร้องไห้เป็น...
“
ปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรอ? เจ้าไม่คิดจะกลับมาทวงของของตัวเองคืนหรอ?”
ร่างโปร่งบางพูดออกมาลอยๆด้วยนัยน์ตาที่กำลังเหม่อมองแสงไฟจากเปลวเทียน
“
ทำไม? เจ้าอยากเป็นนายหญิงยามาโมโตะหรือไง?”
เสียงที่ติดจะหัวเราะเอ่ยแซวขึ้นมา
เพราะสำหรับทากาสุงิแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องของคนอื่น...เขาไม่คิดจะกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
“
จะบ้าหรอ ไอ้พวกที่ทำให้ข้าแทบเอาชีวิตไม่รอดน่ะ
ข้าไม่คิดจะไปยุ่งด้วยหรอกนะ” ใบหน้าสวยผงกหัวขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“
ข้าก็แค่อยากให้เจ้าอยู่ใกล้ๆ กลุ่มคิเฮย์ไตของเจ้ามันอันตรายเจ้าก็รู้
ยิ่งอยู่ไกลตาข้าก็ยิ่งห่วง” แล้วหัวสีดำก็ซบลงไปบนแผงอกแข็งแรงอีกครั้ง
มือใหญ่จึงลูบเส้นผมเป็นเงานั่นเบาๆพลางเหม่อมองไปที่ผนัง
“
ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าเป็นเหยี่ยว...ข้าก็จะเป็นเหยี่ยวที่บินอย่างอิสระบนท้องฟ้า...ข้าไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกหรอกหากไม่มีเจ้า...ซึระ” ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ฝ่ามือบางแกล้งทุบลงไปที่หน้าอกของคนที่พูดจาหวานเลี่ยนไม่เข้ากับหน้า
“
บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ซึระ...คัตสึระ ต่างหาก!”
“
หึๆ...เจ้าเองยังไม่เรียกข้าว่าชินสุเกะเลย”
“
แต่ก็ไม่เรียกว่ายามาโมโตะเหมือนกันแหละน่า!” ทากาสุงินั้นคือนามสกุลของผู้เป็นแม่และทากาสุงิ
ชินสุเกะก็ใช้นามนี้ปิดบังเขามาตลอด ใช้มันเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าตัวเองคือลูกชายคนโตของตระกูลยามาโมโตะ...ตอนนั้น...หากเขาก้าวขาออกไปจากโรงละครบ้าง...ก็คงรู้ได้ไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะชิโกกุ
แล้วก็คงจะรู้ตัวก่อนที่จะตกหลุมรัก....รู้ตัวก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป
เพราะโลกของผู้ใหญ่นั้นไม่ได้สวยงามเหมือนที่พวกเขาเห็น....เหยี่ยวก็คือเหยี่ยว...นกกระสาก็คือนกกระสา...ไม่อาจจะมาอยู่ร่วมกันได้...
เขาเกือบจะโดนฆ่าตายเพื่อที่จะแยกทายาทของตระกูลยามาโมโตะออกไป....จนกระทั่งทากาสุงิลุกขึ้นมาตัดพ่อตัดลูกตัดขาดจากตระกูลเพื่อปกป้องเขา
ทากาสุงิเลือกเขาแล้วก้าวขาทิ้งตระกูลยามาโมโตะไปพร้อมๆกับดวงตาข้างซ้าย
พวกนั้นถึงยอมเลิกราแล้วหันไปทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้น้องชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างยามาโมโตะ
ทาเคชิ
และคนที่ฝากแผลเป็นในใจของพวกเขาเอาไว้ก็ไม่ใช่ใคร...ยามาโมโตะ
ชิโนดะ...คนที่เลี้ยงทากาสุงิมากับมือนั่นเอง
“
เจ้ายังคิดมากอยู่อีกหรือไง?
ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าตระกูลยามาโมโตะไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ...ในเมื่อสิ่งที่ข้าอยากได้
ตระกูลยามาโมโตะยังให้ข้าไม่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” มือใหญ่ๆยังคงลูบอยู่ที่หัวของเขา
ทั้งๆที่อยู่ไกลแสนไกลแต่เขากลับรู้สึกได้ว่ามือข้างนี้มันจับมือของเขาเอาไว้เสมอ
“
ข้าไม่เสียใจหรอกนะที่เดินออกจากตระกูลไป...เพราะท้องฟ้าข้างนอกมันกว้างใหญ่และข้าก็ทำตามใจได้มากกว่าอยู่ที่นี่...ถ้าเจ้าคิดว่าข้าอยู่ไกลไป
เจ้าก็ไปอยู่กับข้าสิ” เสียงทุ้มเอ่ยหยอกเย้าและมันก็ทำเอาบรรยากาศที่กำลังชวนฝันหายไปในพริบตา
“
ไม่เอาหรอก! ดูลูกน้องเจ้าแต่ละคนสิ น่ากลัวจะตาย ทำผู้ชมของข้าหายหมด!”
“
หึ อย่างเจ้าน่าจะเหมาะกับตำแหน่งนายหญิงของกลุ่มคิเฮย์ไตนะ” ใบหน้าสวยถึงกับทำหน้าย่น
“
จะให้ลูกน้องเจ้าเรียกข้าว่าอาเจ๊น่ะ ไม่อาด้วยหรอก สยองจะตาย”
“
ฮ่าๆๆ”
“
นี่....บางที...น้องชายของเจ้าก็อาจจะกำลังเดินตามรอยเจ้าอยู่” ใบหน้าสวยกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ใจว่าหมากที่เขาพยายามจะวางเอาไว้มันสำเร็จด้วยดีหรือเปล่า
แต่พักหลังๆมานี้ยามาโมโตะ ทาเคชิเองก็เริ่มออกอาการชัดเจนจนเขาเริ่มจะแน่ใจ
“
หื๋ม?...กับคนไหน?”
“
ฮายาโตะน่ะ”
“
อย่าบอกนะว่าเจ้าปั้นขึ้นมาเพื่อเอาไว้แก้แค้นชิโนดะน่ะ” เสียงทุ้มถามออกมาอย่างรู้ทัน
“
ก็.....”
“
ฮ่าๆๆๆ” ดูท่าว่าทากาสุงิจะไม่คิดจริงจังกับเรื่องนี้ถึงได้เห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก
“
แต่ข้าก็ห่วงเด็กคนนั้นนะ เค้าก็เหมือนลูกเหมือนหลานของข้า” ใบหน้าสวยถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทั้งคู่จะต้องเจอหากยังคิดจะรักกันต่อ
“
ไม่เป็นไรหรอก...เชื่อข้าสิ” ทากาสุงิเอ่ยออกมาด้วยเสียงราวกับเข้าใจดี
“
เจ้าก็รู้ใช่ไหมล่ะว่าผู้ชายบ้านนี้ทำเรื่องชั่วช้ากับคนอื่นได้หน้าตาเฉย แต่กับหัวใจของตัวเองแล้วใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดมาแตะต้อง”
เจ้าของโรงละครหัวเราะในลำคอ...รู้สิ...รู้ดีเลยละ...ในเมื่อมีตัวอย่างตัวเป็นๆนอนอยู่ตรงนี้ทั้งคน
“
อีกอย่างทาเคชิไม่เหมือนข้า...ข้าไม่ได้ยึดติดกับตระกูลมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ข้าเลยทิ้งมันไปได้ง่ายๆโดยที่ไม่มีการนองเลือด...มั้ง?...แต่น้องชายของข้าไม่ใช่...หมอนั่นน่ะ ตัวอันตรายเลย”
“
แล้วพ่อของข้าจะได้รู้....ว่ามันผิดที่คิดจะยกตระกูลยามาโมโตะให้เด็กนั่น”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...
เคี๊ยกกกกกก
เอ็นซีแรกของเรื่องที่มาแบบสายฟ้าแล่บ5555
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะค้าพ่อเหยี่ยวทากะ >v< คือคุณกวางไม่ได้ตามสปอยด์กินทามะนานจัด
แล้วพอแต่งฟิคเรื่องนี้ก็เลยมีคนส่งสปอยด์ช่วงปัจจุบันมาให้ดู....=[ ]=!!!! ไหงทากะตรูเดี้ยงงั้นละถถถถถถถถ!! ไปกว้านซื้อกล้วยแป๊บ
จะส่งไปบรรณการโซราจี้ก่อน อาจ๊านนนนน ไม่ต้องมาดราม่าตามเรื่องอื่นเค้าก็ได้
ฮีลเดี๋ยวนี้เลยน้า~~~ TT[ ]TT
แล้วก็ขอบคุณคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วมากๆๆๆๆเลยนะคะ
คืออ่านทุกอันแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้นน่ะค่ะ
ตอนแรกค่อนข้างกังวลว่าคนอ่านจะเบื่อกันเปล่าว้า ดำเนินเรื่องยืดยาดซะขนาดนี้
แต่พอมีหลายๆคนบอกว่าดีแล้วที่มันค่อยเป็นค่อยไปก็เลยโล่งใจ เหะเหะ
แล้วก็ชื่อเรื่องอ่านว่า อัย โคโตบะ ค่ะ แปลว่า คำว่ารัก , คำรัก >////< มดขึ้นตั้งแต่ชื่อเรื่อง555
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะค้า
>3<
โอ้วว~~นายช่างงงงงงง!!!!!....ไม่ใช่แค่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนของนายช่างหรอกน้า~~~ที่ตกตะลึงอ้าปากค้างน่ะ
ตอบลบทางนี้ก็เป็นค๊าาาา~~~~อ๊า!!!..ไม่นกไม่ฝันว่านายช่างจะมีมุมแบบนี้ด้วยแต่ถึงขนาดทำให้นายช่างอดนอนตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าได้แบบนี้ต้องยอมรับจริงๆค่ะว่าเด็กนี่อันตรายจริงอะไรจริง!!!...ฮะฮะฮะ...อันตรายมากๆด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าคนอย่างนายช่างจะทำอะไรที่ขัดกับภาพลักษณ์ได้ขนาดนี้แต่บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าฟินนนนน~~~~จนหุบยิ้มไม่ลงเลย...
ทางฝั่งกองทัพอสุรา....ดว่าจะได้เลือดซะแล้วแต่ที่ใหนได้คนอ่านเสียเลือดจนจะหมดตัวแล้วนะเจ้าค๊าาาา!!!!
แหม่นี้ก็อีกรายที่ทำอะไรขัดกับภาพลักษณ์เหมือนกัน...
ไอ้คำว่า"คิดถึง"น่ะ...ท่านไม่อายแต่อินี่อายจนจิกหมอนขาดกระจุยไปแล้วนะค๊ะะะ!!!!
ฉากเสียเลือดมาแบบๅม่ทันตั้งตัวแบบนีเตรียมทิชชู่
ม่ายยยทานนนนน~~~~~
ตอนต่อไปรีบมาให้ไวด้วยนะคะไม่อยากให้อารมณ์ขาดห้วงง
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า!....ยินดีต้อนรับกลับมานะคะพ่อมหาจำเริญญญญ~~~~~
ตอบลบการปรากฏตัวของพ่อคุณทำเอาหลงคิดว่าตายแน่ซึระโดนฉุกแน่ๆแต่ซะที่หนายยย~~~~
เก๊ารักกันอยู่เป็นสิบปีแล้วเฟ้ยยย!!!@...แถมยังพูดอะไรไม่เข้ากับหน้าอีกอร๊อยย~~เขินแทนซึระ
เฮ้อ!...โล่งอกไปอีกรายแต่ฉาก NC น้อยไปหน่อยนะคะพี่กวางตอนแรกนึกว่าจะตบจูบๆ
อะไรงี้แทบหายใจไม่ทั่วท้อง
แล้วพอพ่อมหาจำเริญปรากฏพ่อมหาจำเนียนเลยเหลือแต่ชื่อเลยนะคะ...แฮะ...แฮะ...
หลงมโนไปว่าสองพี่น้องประลองฝีมือกันซะแล้วใช้ดาบทั้งคู่ซะด้วยเน้อะ
กลับมาที่นู๋เรน...ไอ้อาการแบบนั้นเค้าเรียกว่าหึงนะคะลูกแต่อย่างเรนเนี้ยคงไมรเก็บไปคิดเองเออเองเหมือนลูก(สาว?)ผมเงินใช่มั้ย...สงสัยอะไรก็ถามไปเลยลูกไม่ต้องเก็บไว้!!
เพราะนายช่างน่ะเค้าหลงเค้ารักแค่นู๋นั่นแหละ....ถึงขนาดอดหลับอดนอนใจเต้นไม่เป็นปรกติเนี้ย
โคม่าแล้วนะคะนายช่างงงง!!!!!!
เอ่อ....ปล.1-ลืมบอกน่ะค่ะพี่กวางว่ากลับมาต่อไวๆนะคะ!!
ตอบลบกร๊ากกกกก ผู้ชายบ้านยามาโมโตะยังเหลืออีกสักคนสองคนไหม??? อยากได้เหลือเกินนน 555
ตอบลบ