Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 03


Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren]  Ai Kotoba : 03

: Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction  Au
: 8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         




นัยน์ตาสีมรกตทั้งสองคู่ต่างก็จ้องอยู่ที่ถุงใส่เงินซึ่งวางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้า โกคุเดระ ฮายาโตะนั้นถึงกับอ้าปากค้างพลางมีเหงื่อซึมที่ไรผมสีเงินในขณะที่ฟังเพื่อนสนิทตัวดีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยเสียงสั่นๆ

“ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ...ข้าตกใจ...ก็เลยแหกปากตะโกนตัวเลขไปมั่วๆแล้วก็วิ่งหนีเข้าบ้าน...ไม่คิดว่าเช้ามา...นายช่างโรคจิตนั่นจะเอาเงินมาให้ข้าจริงๆ....”   ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริก ใบหน้าที่ดูเหมือนลูกหมาที่กำลังกลัวคงจะดูน่าสงสารสำหรับคนอื่นแต่กับคนที่ต้องคอยแก้ปัญหาที่อีกฝ่ายก่อเอาไว้อยู่ตลอดแล้ว...มันน่าดึงแก้มให้ยืดเลยจริงๆ!

“ แล้วเจ้าก็รับเงินเค้ามา?”   ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินถามเสียงห้วน

“ เปล่านะ...เค้าเจอแม่ข้าก็เลยฝากไว้ให้ข้า...แม่ข้าไม่รู้ว่ามันคือถุงอะไรก็เลยรับไว้.....ฮืออออ ทำไงดีล่ะฮายาโตะ....เจ้าต้องช่วยข้าด้วยนะ ไม่งั้นข้าคงเสร็จนายช่างปีศาจนั่นแน่ๆ.....”   แล้วคนที่พยายามอดทนเล่าเรื่องจนจบได้ก็โผเข้าไปกอดเอวบางของเพื่อนสนิท น้ำตาไหลพรากๆลงมาบนสองแก้มใสให้โกคุเดระ ฮายาโตะ นึกหมั่นไส้ระคนเอ็นดู

“ อาจจะดีก็ได้นะ นกกระจิบซื่อบื้ออย่างเจ้ามันต้องให้เหยี่ยววายร้ายแบบนั้นคอยดูแล นายช่างก็ดูเป็นผู้ใหญ่น่าจะเอาเจ้าอยู่ แถมท่าทางจะรวยมากอีกต่างหาก คงสบายไปทั้งชาติละ”  โกคุเดระ ฮายาโตะกัดออกไปด้วยความหมั่นเขี้ยวคนที่ยังงอแงไม่หยุด เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นละเก่งนักแต่พอเจอคนจริงเข้าเจ้าลูกหมานี่ก็ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

“ ฮึก...ไม่เอาหรอก...ก็ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้วนี่นา...ข้าไม่ไปจากเจ้าหรอกฮายาโตะ”   พูดอะไรไม่รู้เรื่อง....ใบหน้าสวยจึงได้แต่ถอนหายใจ...คนที่เจ้ารักน่ะมันยามาโมโตะไม่ใช่รึไง ไม่ต้องมาอ้อนข้าหรอก

“ เจ้านี่มันจริงๆเลย...”   นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองถุงใส่เงินที่ปักตรารูปปีกอีกครั้ง หลังจากที่ลองนับดูแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะเอาเงินมากขนาดนี้มาให้เรนง่ายๆ เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย จำนวนขนาดนี้เผลอๆไถ่ตัวพวกโออิรันระดับสูงๆได้สองสามคนเลยนะนั่น...นายช่างนั่นต้องรวยมากแน่ๆถึงได้มีเงินติดตัวขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะมาจากตระกูลที่ใหญ่จนไม่รู้สึกรู้สาอะไรถ้าเงินมันจะหล่นหายไปบ้างอะไรบ้าง

ชิ!...นึกว่าจะใช้ข้ออ้างว่าเงินมันน้อยไปแล้วปฏิเสธข้อเสนอสักหน่อย แต่ให้มาขนาดนี้คงบอกว่าน้อยไม่ได้แล้วละ

ใบหน้าสวยก้มลงไปมองเพื่อนสนิทที่ยังกอดเอวตนร้องไห้เป็นเด็กๆ...ก็เป็นซะแบบนี้แหละถึงได้มีแต่คนแปลกๆมาพัวพัน

มือบางยกขึ้นมาลูบคางอย่างใช้ความคิด เท่าที่ฟังเรนเล่ามาก็ไม่คิดว่านายช่างนั่นจะเลวร้ายอย่างที่เด็กนี่พยายามจะป้ายสี...ดีไม่ดีอาจจะแค่อยากช่วยเรนให้หลุดพ้นจากวงจรที่ต้องถูกตามตื้ออยู่ทุกคืนๆนี่ก็ได้

นะ...คนนึงก็อย่างกับเด็กแล้วก็ตามคนเจ้าเล่ห์ไม่ค่อยจะทัน  ส่วนอีกคนก็ขวานผ่าซากแล้วก็ดูท่าจะปากร้าย...มันก็เลยชวนให้เข้าใจผิดแบบนี้ไง

“ เอาเงินไปคืนก่อนก็แล้วกัน จากนั้นลองเจรจาดูว่าเมื่อคืนเจ้าแค่ตกใจน่ะ”   คงไม่มีวิธีไหนดีกว่านี้แล้วริมฝีปากสีสดจึงเอ่ยออกไป...ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นทหาร การพูดกันตรงๆน่าจะดีกว่า

“ เอ๋?....เจ้าจะให้ข้าไปคนเดียวงั้นหรอ?...ไม่ไหวหรอก...รับรองว่าข้าถูกจับกินแน่”  ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งกัดริมฝีปากน้ำตาปริ่ม

“ เฮ้อ...เดี๋ยวข้าไปด้วย...เจ้านี่มันตัวก่อเรื่องจริงๆ”  ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยให้ไปคนเดียวอยู่แล้วละ...เพราะจะว่าไปเขาก็มีส่วนผิด...ก็ถ้าเมื่อคืนยามาโมโตะไม่เดินไปส่งเขา เรนก็คงไม่ต้องเจอกับนายช่างจนเรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้


อีกอย่าง...เขาก็อยากจะจบเรื่องนี้ก่อนที่ใครๆจะรู้....โดยเฉพาะยามาโมโตะ...









สองดาวเด่นแห่งโรงละครคานามารุสะจึงมายืนอยู่ในหมู่อาคารที่พักชั่วคราวของเขตก่อสร้างกรมช่างทหารในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา...

มือแข็งแรงที่กำลังเอื้อมไปหยิบหนังสือภาษาอังกฤษที่อยู่บนชั้นชะงักค้างเมื่อนายช่างหนุ่มหันมาเห็นเจ้าเด็กแสบทั้งคู่เข้า ร่างแข็งแกร่งในชุดทหารที่วันนี้ไม่ได้สวมเสื้อนอกคอปกแต่มีเพียงเชิ้ตสีขาวเดินไปนั่งลงที่หลังโต๊ะทำงาน นัยน์ตาขี้รำคาญจ้องไปยังสองคนที่กำลังก้าวขาเข้ามาในห้อง แต่ดูเหมือนดวงตาสีมรกตของเจ้าเด็กหัวเงินจะลดความแข็งกร้าวลงหลังจากที่ได้เห็นชั้นหนังสือที่อยู่ด้านหลังเขา? แววตาของเด็กนั่นกลับทวีความเป็นประกายทั้งๆที่สันปกเป็นภาษาต่างประเทศที่ไม่น่าจะรู้จัก? สนใจงั้นหรอ?

“ มีอะไร?”   เสียงของนายช่างหนุ่มเรียกให้ใบหน้าสวยหันกลับมาหา มือบางจึงวางถุงเงินลงไปบนโต๊ะตรงหน้า

“ ข้าเอาเงินมาคืนเจ้า เมื่อคืนเด็กคนนี้ตกใจก็เลยตะโกนตัวเลขมั่วๆออกไป....ไม่ได้คิดจะขายตัวให้เจ้า”   โกคุเดระ ฮายาโตะเอ่ยด้วยใบหน้าเชิดขึ้น นัยน์ตาที่กลับไปแข็งกร้าวนั่นบ่งบอกว่าไม่ได้เกรงกลัวแม้ว่าตนจะอยู่ในถิ่นของศัตรูก็ตาม  ส่วนเจ้าเด็กเหลือขอตัวต้นเรื่องถึงจะแอบอยู่หลังเพื่อนสนิทแต่ก็มองมาที่เขาด้วยแววตาเหมือนลูกหมาดุๆเช่นกัน...เหมือนจะได้ยินเสียงขู่ฮื่อๆดังมาจากใบหน้ามนนั่นเลยแหะ....หึ...น่ากลัวเสียไม่มีละ

มือแข็งแรงเลื่อนถุงเงินกลับคืนไปราวกับปฏิเสธที่จะให้อีกฝ่ายคืนคำ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำยกยิ้มที่มุมปากซึ่งท่าทางแบบนั้นของนายช่างหนุ่มมีแต่จะทำให้สองดาวเด่นแห่งโรงละครคาบูกิได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน....การเจรจาไม่สำเร็จงั้นรึ?....

“ เอาเงินนั่นคืนไป เพราะข้าถือว่ามันคือค่าตัวของเจ้า”   ใบหน้ามนเตรียมจะอ้าปากคัดค้านแต่นายช่างหนุ่มก็ชิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ งานที่เจ้าต้องทำน่ะ ไม่ใช่การนอนกับข้า แต่ข้าต้องการให้เจ้ามาช่วยข้าสร้างสะพานต่างหาก”   แล้วคำพูดที่ออกมาจากปากของนายช่างหนุ่มก็ทำให้ร่างบอบบางทั้งคู่ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก....ช่วยทำสะพานเนี่ยนะ?

“ หลังจากแสดงเสร็จแล้วข้าจะให้รถม้าไปรับเจ้าทุกคืน เจ้าต้องมานอนที่นี่ เพื่อจะได้ตื่นแต่เช้าพาข้าลงไปสำรวจสภาพใต้น้ำของทะเลแถบนี้....เจ้าจะป่าวประกาศว่าข้าซื้อตัวเจ้าก็ได้ ข้าไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองยังไง”  นายช่างหนุ่มอธิบายด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งเฉยก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเย้ยๆที่มุมปากเมื่อจะเอ่ยประโยคถัดไป

“ หึ ข้าไม่คิดจะมีอะไรกับเด็กกะโปโลอย่างเจ้าหรอก ไม่ต้องห่วง”   ถึงจะดีแล้วก็เถอะแต่ร่างโปร่งบางที่เคยถูกใครต่อใครรุมแย่งตัวมาตลอดพอได้มาฟังอีกฝ่ายพูดแบบนี้มันก็อดที่จะเจ็บใจไม่ได้ ใบหน้ามนจึงได้แต่กัดฟันกรอดอย่างนึกหมั่นไส้ใบหน้าที่ดูเหนือกว่านั่น...วันหลังอย่ามาหลงรักเขาก็แล้วกัน!

“ มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม? กลับไปได้แล้ว ข้าจะทำงาน”  นายช่างหนุ่มตัดบทก่อนจะโบกมือไล่

“ เอ๋? แต่ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะทำเลยนะ?!”   ร่างโปร่งบางเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกมัดมือชกจึงเอ่ยคัดค้าน

“ มีข้ออ้างในการเล่นน้ำแบบนี้ไม่ดีหรือไง? ถ้าคัตสึระ โคทาโร่ถามเจ้าจะได้อ้างว่ามาช่วยงานข้าไง?”   นายช่างหนุ่มพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ใช่...อย่างเขาไม่เคยง้อใคร...แต่ที่ยอมเจ้าเด็กแสบนี่ขนาดนี้...

ไม่หรอก...

ไม่มีอะไร...เขาก็แค่อยากสร้างสะพานให้เสร็จไวๆก็เท่านั้นแหละ


“ ตกลง”   แต่คนที่ตอบแทนให้ดันเป็นโกคุเดระ ฮายาโตะ?

“ เอ๋? เดี๋ยวสิฮายาโตะ เจ้าไปรับปากมั่วๆงั้นได้ไง? คนที่ต้องมาอยู่กับนายช่างปีศาจนั่นคือข้านะ เกิดหน้ามืดขึ้นมาแล้วข้าถูกทำมิดีมิร้ายจะว่าไง?”  ....ปากช่างเจรจานั่นพูดออกมาไม่มีเกรงใจเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยนะ จะนินทาก็ไปให้ลับหลังหน่อยสิ

“ เอาเถอะน่า”   ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินหันไปบอกเจ้าเด็กเหลือขอก่อนจะหันกลับมาเจรจากับเขาหลังจากที่เหมือนจะยืนคิดอะไรอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้

“ ข้าจะยอมให้เรนมาช่วยเจ้า แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้ข้ามาด้วยและเจ้าก็ต้องสอนภาษาต่างประเทศนั่นให้ข้า”  เจ้าเด็กหัวเงินเอ่ยข้อต่อรองออกมา ดูท่าว่าความเฉลียวฉลาดที่เขารู้สึกได้จะไม่ใช่ของปลอม แต่เด็กนี่ขยันที่จะเรียนรู้และจากที่ลองคิดๆดูแล้ว....อย่างเด็กคนนี้คงจะไม่ทำให้เขาเสียเวลาเปล่าหากต้องสอนภาษาอังกฤษให้

“ ก็ได้”  นายช่างหนุ่มยอมรับข้อเสนอ ในเมื่อมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง ดีไม่ดีเจ้าเด็กหัวเงินนี่อาจจะช่วยงานเขาได้ดีกว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นก็ได้


ใบหน้ามนหันไปหันมาเมื่อจู่ๆคนทั้งคู่ก็ตกลงกันเองเสร็จสรรพ...นี่ไม่คิดจะถามความเห็นเขาที่เป็นผู้เสียหายบ้างหรือไงเนี่ย?!

“ นั่นเรียกว่าภาษาอะไร?”   โกคุเดระ ฮายาโตะถามนายช่างหนุ่มอย่างสนใจและอีกฝ่ายก็ตอบให้อย่างที่ไม่ได้นึกรำคาญอะไร

“ ภาษาอังกฤษ...เป็นภาษาสากลที่ยอมรับให้ใช้กันทั่วโลกในตอนนี้”

“ ภาษาอังกฤษ....”

“ ใช่...อังกฤษเป็นประเทศมหาอำนาจในยุโรป เราเรียกพวกนั้นว่าชาวตะวันตก ส่วนพวกเราคือชาวตะวันออก”

“ เจ้าเคยไปประเทศนั้นด้วยหรอ?”

“ ใช่...ข้าไปเรียนเกี่ยวกับระบบการก่อสร้างที่ก้าวหน้าไปกว่าระบบเดิมๆของเรา เพื่อที่จะเอากลับมาพัฒนาให้ญี่ปุ่นไม่แพ้ใครในโลก”

“ ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”

“ ต่างจากญี่ปุ่นมากมาย ในเมืองที่ข้าไปเรียนนั้นมีแต่ตึกรามบ้านช่องที่ทำจากคอนกรีต ผู้คนแต่งตัวด้วยชุดสากลและเดินทางกันด้วยยานพาหนะอย่างรถยนต์หรือรถราง ไม่มีใครเค้าใช้เกวียนแบบพวกเราแล้วละ”

ใบหน้ามนยังคงหันไปหันมา บทสนทนาของเพื่อนสนิทกับนายช่างหนุ่มมันฟังดูน่าสนุกจนทำให้เรนเริ่มจะลืมไปแล้วว่าตนคือผู้เสียหาย...เรื่องใหม่ๆที่ได้ยินประกอบกับท่าทางที่ดูจะสนใจสิ่งที่นายช่างพูดไม่ใช่น้อยของฮายาโตะ ทำให้เขาเองก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย

“ ข้าก็จะเรียนด้วย!”   และเมื่อริมฝีปากสีระเรื่อโพล่งออกไป คนที่กำลังคุยกันอยู่ก็ถึงกับหันหน้ามามองก่อนที่โกคุเดระ ฮายาโตะจะแอบหัวเราะในลำคอ

“ ข้าก็จะเรียนภาษาอะไรนั่นด้วย”   แม้แต่ชื่อภาษายังพูดไม่ถูกเลยเจ้าเด็กนี่...นายช่างหนุ่มได้แต่นึกขำอยู่ในใจ ความน่าเอ็นดูทำให้โบกมือรับง่ายๆ เจ้าเด็กเหลือขอจึงหันไปทำท่าดีใจกับเพื่อนสนิท...เหมือนจะเห็นหางเป็นพวงสะบัดไปมาเลยแหะ

“ อะไรกันเจ้าน่ะ...ขนาดคันจิยังจำได้ไม่หมดแล้วจะเรียนอย่างอื่นได้หรอ ฮ่าๆๆ”   โกคุเดระ ฮายาโตะเอ่ยแซวทำให้หัวสีน้ำตาลไถลงไปบนไหล่บางของเพื่อนสนิทอย่างงอนๆ

ภาพของเด็กสองคนตรงหน้าทำให้คนที่เฝ้ามองรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ฉาบไล้อยู่บนหัวใจ...นานแล้วที่พระอาทิตย์ส่องเข้าไปไม่ถึง...

ไม่สิ...อาจจะต้องบอกว่าดวงอาทิตย์สำหรับเขามันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาต่างหาก...

อยากจะปกป้องมันเอาไว้ให้สวยงามแบบนี้ตลอดไป...


นั่นคือความรู้สึกแรกที่เขามีให้ทั้งคู่

และมันก็ไม่เคยมีให้ใครแบบนี้มาก่อน...













เสียงโหวกเหวกโวยวายปลุกนายช่างหนุ่มให้ลืมตาขึ้นมาพบกับเช้าวันใหม่...

เมื่อคืนเจ้าเด็กเหลือขอไม่ได้มานอนที่นี่ตามที่คุยกันเอาไว้ เพราะเจ้าตัวอยากจะนอนกับแม่เป็นคืนสุดท้าย....ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าไม่ใช่ส่งตัวเจ้าสาวสักหน่อย...พอจบงานแล้วก็กลับไปนอนที่บ้านได้ตามเดิมนั่นแหละ

ร่างแข็งแกร่งลุกขึ้นมาจากเตียงนอนก่อนจะมองผ่านบานหน้าต่างออกไปยังต้นเสียง...ใครมันมาทำอะไรแต่เช้า?

“ ฮ่าๆๆ ท่าเจ้าตลกมากเลยฮายาโตะ”

“ เจ้าก็ไม่ได้ต่างกันหรอกน่า จับให้ข้าดีๆสิ”   อ้อ...เจ้าเด็กแสบสองคนนั่นเอง...มาแต่เช้าเลยนะ...

นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองทั้งสองคนที่กำลังหัดขี่จักรยานของเจ้าโคงามิอยู่? สงสัยว่าจะมาเจอตอนที่เจ้านายทหารเพื่อนของเขากำลังซ่อมบำรุงจักรยานนั่นอยู่ละสิ แล้วอย่างเจ้าเด็กสองคนที่ซนเหมือนลิง เห็นอะไรน่าสนใจไม่ได้เป็นต้องเข้าไปเล่นด้วยคงไม่วายไปก่อกวนโคงามิเข้าแน่ๆ

“ หึ....”   ใบหน้านิ่งส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะลุกออกจากเตียง


ถึงแม้ว่านายช่างหนุ่มจะคิดว่าเรนกับฮายาโตะมาก่อกวน แต่โคงามิ ชินยะกลับไม่คิดเช่นนั้น...

ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ นัยน์ตาสีดำทอดมองร่างบอบบางทั้งคู่ คนหนึ่งกำลังหัดขี่ตามที่เขาสอนส่วนอีกคนก็ช่วยจับให้ เขาไม่ได้แปลกใจตอนเห็นสองคนนี้เดินเข้ามาในเขตก่อสร้างเพราะเจ้านายช่างบอกเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะให้เรนพาลงไปสำรวจใต้ทะเล แต่สิ่งที่เขาแปลกใจก็คือเขาไม่คิดว่าร่างโปร่งบางที่ดูน่ารักอ่อนหวานตอนอยู่บนเวทีที่เขาไปดูมาจะแก่นกะโหลกแบบนี้ เจ้าเด็กสองคนไม่ได้ห่วงสวยห่วงภาพลักษณ์อย่างที่เขาคิดว่าเด็กจากคณะละครคาบูกิน่าจะเป็น แต่ทั้งคู่กลับตรงดิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นของแปลกๆอย่างจักรยานที่เขากำลังหยดน้ำมันลงโซ่อยู่หน้าบ้านพัก  จากเสียงซักถามอย่างอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาอดที่จะยอมให้ขี่เล่นไม่ได้

พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าคนดุร้ายและไม่เคยคุยกับใครได้เกินห้านาทีอย่างเจ้านายช่างเพื่อนยากถึงได้ตกหลุมเจ้าเด็กพวกนี้...

แต่สำหรับเขาอาจจะต่างออกไปนิดหน่อย...นั่นก็เพราะว่าเขามีเรื่องที่อยากจะถามเด็กสองคนนี้อยู่พอดี...เป็นเรื่องที่คิดว่าอย่างสองดาวเด่นของโรงละครน่าจะพอรู้อยู่บ้าง...

“ นี่...ข้าถามอะไรหน่อยสิ...กิโนสะ โนบุจิกะ คนที่เขียนบทละครให้พวกเจ้านี่เค้าไปที่โรงละครบ่อยไหม?”   เสียงทุ้มเอ่ยถามทำให้สองคนที่กำลังง่วนอยู่กับของเล่นใหม่อย่างจักรยานเงยหน้าขึ้นมามองด้วยใบหน้าอึ้งๆ

อะไรน่ะ?  หรือว่ามันเป็นเรื่องที่เขาไม่ควรถาม?

“ เอ่อ...ข้าถามได้หรือเปล่า? หรือเรื่องของกิโนสะ โนบุจิกะจะเป็นความลับ?”   แต่เจ้าเด็กสองคนกลับส่ายหน้าราวกับว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร

“ ไม่ได้เป็นความลับหรอก เพียงแต่พวกข้าก็ไม่รู้จักเค้าเหมือนกัน ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง”   แล้วสิ่งที่โกคุเดระ ฮายาโตะบอกออกมาก็มีแต่จะทำให้เขาอึ้งแทน...หมายความว่ายังไงกัน? ทั้งๆที่เด็กสองคนนี้เป็นนักแสดงคนสำคัญของโรงละครไม่ใช่หรือไง? แล้วคนเขียนบทจะไม่เคยมาดู ไม่เคยมาฝึกให้เลยงั้นหรอ? เท่าที่เขารู้มาเด็กสองคนนี้ก็อยู่กับโรงละครมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่ใช่รึไง?

“ เอ๋? ไม่ใช่ว่าอาจารย์กิโนสะจะแก่หง่อมจนเดินไม่ไหวแล้วหรอ?”   เรนหันไปพูดกับเพื่อนของตนและนั่นก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย...โกคุเดระ ฮายาโตะที่หันมาเห็นเข้าจึงอธิบายให้ฟัง

“ ปกติอาจารย์กิโนสะจะให้เด็กรับใช้ที่บ้านเอาบทละครมาส่งให้ แล้วไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็จะให้ติดต่อผ่านคนคนนั้นน่ะ พวกเราเลยไม่เคยเจอตัวสักครั้ง ก็มีข่าวลือไปต่างๆนานาว่าอาจารย์แกคงแก่จนเดินไม่ไหว หรือไม่ก็ไม่ค่อยสบายอะไรแบบนี้”   ร่างสูงใหญ่นิ่งค้างพลางใช้ความคิด...ที่ว่าแก่นี่ไม่น่าจะใช่? ไม่สบายยังจะดูเข้าเค้ากว่า? แต่ว่าเขาเองก็ยังเจอกิโนะออกมาเดินไปเดินมาทะเลาะกับอีกาอยู่เลยนี่นา...ดูจากท่าทางแล้วถึงจะไม่ใช่คนที่แข็งแรงอะไรมากนักแต่ก็ไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อถึงขนาดไปไหนมาไหนไม่ได้นี่? หรือว่าจะปลอมตัวออกมา?

“ เด็กรับใช้ที่ว่านั่นเป็นผู้ชายหรือเปล่า? ตัวสูงพอๆกับข้า? ผิวขาวมากๆ? ผมสีดำ?”   ใช่แล้ว...กิโนะเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจและขี้อาย อาจจะไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วก็ปลอมตัวเป็นเด็กรับใช้ออกมาแทนก็ได้?

“ เปล่านะ...เด็กรับใช้ของอาจารย์กิโนสะเป็นผู้หญิง ตัวเล็กๆ ดูเงียบๆเหมือนพวกชิคิงามิเลย!”   ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง....ถ้าเข้าใจไม่ผิด...ชิคิงามินี่เป็นเทพรับใช้ของพวกองเมียวจิ? เป็นร่างจำลองที่เสกขึ้นมาจากกระดาษรูปคนอะไรเทือกๆนั้นสินะ?...หึ...สมัยนี้มันยังจะมีไอ้ของแบบนั้นเสียที่ไหน

ใบหน้าคมหันไปมองสองคนที่ยังคงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวหัดขี่จักรยานเพื่อรอนายช่างต่อไป  ในหัวมีแต่เรื่องให้ครุ่นคิดว่าอะไรมันเป็นอะไรกันแน่

ขนาดนักแสดงของโรงละครยังไม่เคยเจอ เชื่อเลยว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปถามชาวบ้านคนอื่นๆก็คงจะไม่มีใครรู้

.......ทำไมกิโนะถึงต้องทำตัวลึกลับขนาดนั้นด้วยนะ?










“ เรน ระวังกระแสน้ำด้วยล่ะ”   ใบหน้ามนพยักรับกับคำเตือนของเพื่อนสนิท เพราะนายช่างบอกว่าให้เขาลงไปกับตนคนเดียวก็พอ ฮายาโตะจึงนั่งฝึกเขียนตัวอักษรภาษาอะไรนั่นอยู่ในห้องทำงานตามลำพัง

“ ตรงนั้นกับตรงนั้นมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ท่านอย่าเข้าไปใกล้มันล่ะ กระแสน้ำมันแรงมากเดี๋ยวจะโดนพัดไป”   นิ้วเรียวชี้ไปที่เหนือน่านน้ำสีฟ้าคราม ใบหน้านิ่งของนายช่างหนุ่มได้แต่มองมันอย่างไม่เข้าใจเพราะจากที่ดูอยู่ข้างบนแบบนี้มันก็ไม่เห็นจะต่างจากรอบๆตรงไหน พื้นน้ำที่มีคลื่นน้อยๆซัดสาดเข้ามามันก็ราบเรียบเสมอเหมือนกันทั้งผืน แล้วเจ้าเด็กนี่มันแยกออกได้ยังไงว่าตรงไหนมีกระแสน้ำอะไรนั่น?

ดูเหมือนจะเกิดเพราะแรงปะทะของน้ำในระหว่างน้ำขึ้นกับน้ำลงซึ่งมีการถ่ายเทน้ำระหว่างทะเลเซโตไนไกกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ถึงแม้ว่าทะเลตรงหน้าจะดูเหมือนสงบนิ่งแต่อันที่จริงข้างใต้ของมันนั้นกลับมีกระแสน้ำที่รุนแรง

คิดถูกแล้วจริงๆที่ให้เรนมาช่วย

“ นายช่าง...จะดำลงไปดูเองเลยหรอครับ? อันที่จริงให้คนงาน….   มือแข็งแรงยกขึ้นขัดคำพูดของลูกน้องระดับหัวกะทิที่ทำงานด้วยกันมานาน กลุ่มคนที่ยืนอยู่บนสะพานปลาซึ่งทำยื่นออกมาจากฝั่งต่างมองร่างแข็งแกร่งอย่างเป็นห่วง...ใครๆก็รู้กันดีว่าทะเลนั้นกว้างใหญ่และธรรมชาติก็ไม่เคยปรานีใคร มีอะไรเกี่ยวกับมันที่พวกเขาไม่รู้อีกมากมายและหากจมหายไปก็คงไม่มีวันหาเจอได้ง่ายๆเหมือนในแม่น้ำ

“ ฟังจากคนอื่นก็ไม่เหมือนลงไปดูด้วยตาของตัวเองหรอก”   ความจริงจังที่ส่งผ่านสายตาแน่วแน่ออกมาทำให้เสียงคัดค้านค่อยๆเบาลง

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินตามร่างโปร่งบางไปจนสุดสะพานปลา  ก่อนจะหายลงไปในทะเลด้วยกัน...





การลืมตาในน้ำทะเลนั้นไม่ใช่ว่าจะกัดฟันทำกันได้ง่ายๆเลยจริงๆ แต่พอข้ามพ้นความแสบสันมาได้แล้วก็รู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่า ฝูงปลาสีสันสวยงามว่ายผ่านไปราวกับไม่ได้สนใจสิ่งแปลกปลอมอย่างพวกเขา ขนาดเด็กนั่นเคยบอกว่าแถวๆนี้ใต้น้ำไม่ค่อยสวยแต่มันก็ยังเต็มไปด้วยสีสันของชีวิตเล็กๆที่แหวกว่ายไปมา นี่ถ้าเขาไปแถวๆที่มีแนวปะการังจะงดงามขนาดไหนกันนะ

นัยน์ตาสีขี้เถ้าหันกลับมามองคนที่ว่ายน้ำอยู่ข้างหน้า ท่าทางที่เหมือนปลาซึ่งกำลังดำลึกลงไปเรื่อยๆกลับสะกดสายตาของเขาอย่างน่าประหลาด ร่างโปร่งที่อยู่ในกิโมโนสั้นตัวบางให้ความรู้สึกที่พลิ้วไหวราวกับสายน้ำ แล้วยิ่งเวลาที่เด็กนั่นพลิกตัวหมุนกลับมาหาเขา...มันช่างงดงามราวกับนางเงือกในนิทานเลยจริงๆ

ตอนอยู่บนเวทีเขาก็ยอมรับว่าเด็กนี่สวยมาก...แต่เขากลับชอบแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างตอนอยู่ใต้น้ำมากกว่า

ใบหน้ามนหันมาส่งยิ้มให้เมื่อเห็นเขาจ้องอยู่ ก่อนจะหันหน้ากลับไปดำดิ่งสู่เบื้องล่าง

เขาดำตามลงไป...ในจุดแรกที่ตั้งใจมาดูนั้นยังไม่ลึกเท่าไหร่ แสงอาทิตย์จึงยังส่องทะลุลงมาจนเห็นพื้นข้างล่างได้อย่างชัดเจน...และเพราะว่ามันชัดเจน....สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงมีแต่จะทำให้รู้สึกว่ากำลังมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาตามหน้าผาก


นี่มันอะไรกันน่ะ...


พื้นหินตะปุ่มตะป่ำก้อนใหญ่บ้างเล็กบ้างกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด ตะกอนที่ทับถมกันมาอย่างยาวนานเปลี่ยนพื้นทะเลแถบนี้ให้กลายเป็นชั้นหินขรุขระไปหมดแล้ว

งานใหญ่ละทีนี้....

มือแข็งแรงแตะลงไปบนก้อนหินสีดำ ใบหน้านิ่งหันมองไปรอบกายที่มีแต่ชั้นหินกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา...ถึงจะขยับตำแหน่งฐานรากไปก็ไม่มีผลอะไรในเมื่อบริเวณนี้มีแต่หินและหินเต็มไปหมด

ใบหน้ามนพยักหน้าให้เขาเพื่อส่งสัญญาณว่าจะต้องกลับขึ้นไปเหนือผิวน้ำเนื่องจากจะหมดอากาศหายใจแล้ว มือแข็งแรงจึงยอมละจากหินโสโครกพวกนั้นแล้วลอยตัวขึ้นมา


“ ฮ่า....ฮ่า....ฮ่า....”   ใบหน้าที่สะบัดเงยขึ้นสู่เหนือน้ำหอบหายใจหนักหน่วง มือเกาะยึดเสาไม้ของสะพานปลาเอาไว้เช่นเดียวกับร่างโปร่งบางที่อยู่ไม่ไกล

“ นายช่าง!!”   เสียงลูกน้องดังอยู่เหนือหัวทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง

“ เป็นยังไงบ้างครับ?”   สิ่งที่พวกนั้นถามมามีแต่จะทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน...ท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้วงานนี้...เพราะไม่ใช่ว่าจะสักแต่ทำงานของตัวเองไปเหมือนตอนไปสร้างสะพานหรือทางรถไฟในที่ดินของรัฐ...แต่คราวนี้อาจจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยเฉพาะ...ชาวประมง

“ พรุ่งนี้ข้าจะดำลงไปดูใต้ทะเลที่อยู่ใต้ลงไปจากตรงนี้ซึ่งเด็กนี่บอกว่ามีแนวปะการังอยู่...แล้วก็คงต้องไปดำดูทะเลทางด้านเหนือที่เป็นสุสานเรือด้วย...แต่ถ้าหากเราไม่สามารถย้ายตำแหน่งของฐานรากไปไว้สองที่นั้นได้จริงๆ....”   ใบหน้านิ่งส่ายช้าๆอย่างลำบากใจแต่ก็คงไม่มีทางเลือก

“ ทางเดียวคือต้องระเบิดชั้นหินใต้น้ำเพื่อปรับหน้าดินให้เรียบพอที่จะวางฐานรากได้...”


ระเบิด...


แค่ได้ฟัง...คนทั้งเขตก่อสร้างก็ถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอแล้ว....










ร่างสูงใหญ่ของนายทหารผู้ดูแลกรมช่างอาสาจะขี่ม้ามาส่งสองดาวเด่นแห่งคณะละครคาบูกิให้เมื่อได้เวลาต้องกลับแล้ว

อันที่จริงมันก็เป็นแค่ข้ออ้างในการหาทางหลบออกมาจากเขตก่อสร้างอย่างแนบเนียนเพราะเขามีจุดประสงค์อย่างอื่นมากกว่า

เพราะงั้นเมื่อส่งเด็กสองคนลงตรงหน้าทางขึ้นศาลเจ้าเสร็จ โคงามิ ชินยะจึงควบม้ากลับไปยังทางเดิม แต่แทนที่จะตรงกลับที่พักของกรมช่างทหาร ม้าสีดำกลับเลี้ยวเข้าไปยังทางที่โอบล้อมไปด้วยป่าไผ่แทน

เป็นเพราะทางปูหินเส้นเล็กๆนั่นคดเคี้ยวไปมาแถมยังขึ้นๆลงๆเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากบังคับม้าให้เดินไปช้าๆ ทั้งๆที่ในใจนั้นอยากจะเจอหน้าคนที่กำลังตามหาไวๆแท้ๆ

นัยน์ตาสีดำทอดมองไปยังทางปูหินที่ยังคงทอดยาวต่อไปราวกับมันไม่มีที่สิ้นสุด...นี่จะยาวไปถึงไหนกันแน่เนี่ย? แล้วกิโนะเดินออกมาจากข้างในนี้น่ะหรอ? จากป่าไผ่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ บรรยากาศที่ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทำให้จู่ๆขนแขนก็ลุกซู่ขึ้นมา....ไม่ใช่ว่าเขาถูกดึงเข้าไปอยู่ในมิติอื่นไปแล้วหรอกนะ?

“ หึๆ”   ใบหน้าคมเผลอหัวเราะในลำคอ สงสัยจะได้รับอิทธิพลเรื่องจินตนาการมาจากกิโนะมากไปเลยคิดไปถึงนั่น

สองมือยังคงกุมบังเหียนต่อไป เป็นเพราะว่าวันนี้ต้องเข้ามาในเมืองเขาจึงต้องแต่งกายด้วยชุดทหารเต็มยศ  แต่แล้วเสียงอะไรบางอย่างทำให้เขาบังคับม้าให้หยุดเดินเพื่อเงี่ยหูฟัง...น้ำ?...เหมือนเสียงน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว?

ให้ตายเถอะ...ถึงเขาจะเป็นพวกจิตแข็งแต่การที่ต้องมาอยู่กลางป่าที่ดูลึกลับซับซ้อนนี่ตามลำพังมันก็ทำให้หลอนได้นะ

ร่างสูงใหญ่ตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้า ต้องหาต้นเสียงแล้วพิสูจน์ด้วยตาว่าเขาไม่ได้หูแว่วไป มันจะต้องมีหนองน้ำอยู่แถวๆนี้แน่!

แล้วไม่นานเขาก็หามันเจอจริงๆ....เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และในสระเองก็เต็มไปด้วย...ใบบัว?

ใช่...มีแต่ดอกบัวสีขาวชูช่ออยู่เต็มไปหมด....

ภาพตรงหน้าทำให้นัยน์ตาเบิกค้าง...ความงดงามที่ดูลึกลับไม่ได้ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงไปได้มากกว่าการที่ได้เห็นคนที่ตามหามาหลายวันกำลังพายเรือเล่นอยู่ในนั้น!!


นั่นกิโนะ!


กิโนะจริงๆด้วย! เขาไม่ได้ตาฝาดไป...ไม่ได้ตาฝาดหรือหลอนไปเองแน่ๆ

เพราะแม้แต่ครั้งนี้...กิโนะก็ยังทำให้เขากลั้นขำแทบไม่ไหวอีกแล้ว

“ อุ๊บ.....”   ริมฝีปากต้องพยายามเม้มเอาไว้ไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออกไป....ก็ไอ้ใบหน้าเชิดๆนั่นมันช่างขัดกับเรือที่พายเป็นวงกลมเหมือนคนพายไม่เป็นเสียนี่กระไร มือบางยังคงจ้วงไม้พายลงในน้ำทั้งๆที่มันไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนเลยสักนิด ไปถึงตรงนั้นได้นี่ก็ถือว่าเก่งน่าดูแล้วนั่น

ไม่ไหว...เขาหันกลับไปเอามือยันต้นไม้ก่อนจะสูดหายใจอย่างตั้งสติ...ขำจนปวดท้องเลยแหะ

และเมื่อเขาหันกลับไปมองคนที่กำลังพายเรือเล่นอยู่ในสระ จากที่คิดว่าคราวนี้คงหลุดหัวเราะออกไปจริงๆแต่มันกลับไม่ใช่...

เพราะภาพของกิโนะที่กำลังก้มลงไปดมกลิ่นของดอกบัวที่อยู่ข้างๆเรือมันกลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง...ใบหน้าเรียวสวยที่อมยิ้มน้อยๆนั้นสะกดสายตาจนละไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว....ไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าสองขาพาตัวเองมายืนอยู่บนท่าน้ำที่ทำจากไม้ง่ายๆนี้ได้ยังไงด้วยซ้ำ...ซึ่งนั่นมันก็ทำให้คนที่อยู่ในเรือรู้ตัวว่าถูกเขามองอยู่

“ เจ้าอีกแล้วหรอ?! ไม่มีอะไรจะทำรึไงถึงได้คอยมาแอบดูคนอื่นอยู่แบบนี้?”   ใบหน้าละมุนละไมเปลี่ยนกลับมาเชิดใส่เขาตามเดิม

“ ก็มีแหละ แต่อยู่กับเจ้าสนุกกว่า”   เขาจึงตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“ .......”   นัยน์ตาเข้มงวดจ้องมาที่เขาเขม็งก่อนที่ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นจะเม้มแน่นแล้วสะบัดหน้าหนีไป

“ แล้วเจ้าจะพายวนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหมน่ะ? กำลังทำอะไรอยู่? เก็บดอกบัวหรอ?”  ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงไปนั่งคุยกับอีกฝ่ายอยู่บนท่าน้ำ แน่นอนว่ากิโนะก็ไม่ยอมคุยกับเขาดีๆเช่นเคย

“ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า จะไปไหนก็รีบๆไปเลย คนอุตส่าห์กำลังคิดอะไรออก เห็นหน้าเจ้าแล้วพาลจะอารมณ์เสีย”

“ ให้ข้าช่วยเก็บไหม?”  เขาทำท่าจะเดินลงไปลุยน้ำเก็บดอกบัวให้  ทว่า...

“ อย่าลงมา!!”   จู่ๆกิโนะก็ตะโกนออกมาให้สองขาถึงกับชะงักค้าง....ไม่อยากให้เขาเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวขนาดนั้นเลยหรอ?

“ ถะ ถึงจะดูเหมือนน้ำตื้น...แต่ข้างล่างมันเป็นบ่อโคลน...ถะ ถ้าเจ้าลงมาละก็...ได้กลายเป็นผีเฝ้าสระอยู่ที่นี่แน่....”   ใบหน้าเรียวก้มลงไปพูดงึมงำ ถ้อยคำที่เปล่งออกมาอย่างตะกุกตะกักทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกขึ้นอย่างดีใจ...ที่แท้ก็เป็นห่วงเขา?

“ งั้นเจ้าก็พายเรือกลับมาสิ ข้าจะได้ลงไปช่วย”   สาบานได้ว่าปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอกนะ แต่กับกิโนะนี่กลับอยากจะเข้าไปยุ่งมันซะทุกเรื่อง

“ ข้าไม่ได้มาเก็บดอกบัวแต่มาจำลองฉากที่จะใช้เขียนบทละครต่างหาก!   อ้อ...ที่แท้ก็ทำเพื่อเขียนบทอีกแล้วสินะ....ในที่สุดกิโนะก็ยอมเฉลยออกมาจนได้

“ อ้าว? หรอ? บทนางเอกพายเรืองั้นหรอ?”

“ เจ้าบ้า! นางเอกพายเรือแล้วข้าจะลงมาทำไม มันก็ต้องเป็นบทพระเอกอยู่แล้วสิ!   อุ๊บ....พระเอกงั้นหรอ? ดูยังไงเจ้าก็ไม่ได้ใกล้เคียงซักนิดเลยกิโนะ...เขาได้แต่พูดอยู่ในใจเพราะกลัวไม้พายจะขว้างขึ้นมา

“ แล้วเจ้าลงไป เจ้าจะเห็นหรอว่าท่าทางมันเป็นยังไง? จะบรรยายถูกหรอ? หรือว่าอยากได้พวก...อืม...ความรู้สึกตอนพายอะไรแบบนี้?”   ใบหน้าเรียวผงะไปเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าตนไม่ได้เห็นเลยนี่นาว่าเวลาตัวเองพายเรือนั้นมันเป็นยังไง กิโนะเม้มริมฝีปากน้อยๆก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมามองเขา เหมือนจะอยากขอความช่วยเหลือแต่ก็ปากแข็งไม่ยอมพูดออกมา

ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะขอทีเถอะ...มันน่ารักเกินไปแล้ว!

“ ให้ข้าลงไปพายแทนไหม? แล้วเจ้าก็ขึ้นมานั่งดูตรงนี้?”

“ กะ ก็ได้...เห็นว่าเจ้าอยากพายเรือเล่นหรอกนะ จะให้ยืมก็ได้....”   ไหงกลายเป็นเขาอยากพายเรือไปได้ละนั่น? ใบหน้าคมได้แต่หัวเราะน้อยๆกับความปากไม่ตรงกับใจของคนตรงหน้า

ร่างโปร่งบางพายเรือกลับมา...ซึ่งกว่าจะมาถึงได้ก็วนรอบตัวอยู่หลายรอบ...ทั้งๆที่ระยะทางมันใกล้แค่นี้แต่สำหรับคนที่พายไม่เห็นก็เอาการอยู่ละนะ

“ ส่งมือมาสิ”   มือใหญ่ยื่นออกไปให้อย่างตั้งใจจะช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นมา แต่สายตาไม่ไว้วางใจก็มองมือเขาอยู่นาน~~ทีเดียวกว่าจะยอมยื่นมือออกมา

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่สัมผัสจากมือบางนั่นทำให้เขาขนลุกโดยไม่ทราบสาเหตุ...


ทำไมมันเย็นขนาดนี้?

นี่มือของคนแน่หรอ?


เขาเปลี่ยนลงไปนั่งในเรือแทน ถึงแม้ว่าสัมผัสที่เย็นเฉียบนั้นจะทำให้เขาสงสัยแต่ความนุ่มนวลจากฝ่ามือที่เพิ่งได้จับเต็มๆครั้งนี้ครั้งแรกก็ทำให้เขาลืมทุกอย่างไป...ต้องเป็นมือของคนอยู่แล้วสิ ไม่งั้นจะนิ่มขนาดนั้นหรอ

“ เท่านี้พอไหม?”   ร่างสูงใหญ่ตะโกนกลับไปถามคนที่นั่งอยู่บนท่าน้ำหลังจากพายเรือออกมาเกือบกลางสระ

“ พายไปเรื่อยๆสิ ช้าๆด้วย!”   ได้ทีละสั่งใหญ่เลยนะ...ใบหน้าคมอมยิ้มให้กับคนที่จ้องตนตาไม่กระพริบ...ถ้าเป็นเรื่องข้อมูลที่ใช้เขียนบทละครละก็...กิโนะจะจริงจังแบบนี้แหละและท่าทางแบบนั้นมันก็ทำให้เขาหลงใหล...

มือใหญ่ยื่นออกไปดึงดอกบัวแรกแย้มสีขาวดอกหนึ่งก่อนจะเก็บมันกลับมา...แล้วมอบมันให้กับคนที่นั่งห้อยขาอยู่บนท่าน้ำ....

ใบหน้าเรียวแดงระเรื่อขึ้นทันทีที่นัยน์ตาเข้มงวดเห็นมันเข้า  ท่าทางที่ไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้านั้นช่างติดตรึงอยู่ในใจเขา...ทั้งๆที่เป็นคนเขียนบทละครรักจนคนติดกันไปทั่วเกาะแต่กลับไม่เคยมีความรักเป็นของตัวเอง


น่ารัก...

กิโนะน่ารักเกินไปแล้วจริงๆ....


“ ช่วยรับไว้หน่อยได้ไหมครับ...”  เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อนๆทำให้มือบางที่กำๆแบๆอย่างตื่นๆนั่นยื่นออกมาแตะที่ก้านของดอกบัวจนได้

“ ขะ...ขะ...ขอบคุณ.....”   ใบหน้าแดงแปร๊ดนั่นทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก...อยากจะรู้จักอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ อยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรให้


ความรู้สึกแบบนี้...มันคือ “รัก” หรือเปล่า?....













ที่ตระกูลยามาโมโตะยังทรงอิทธิพลอยู่ได้ เรื่องหนึ่งที่เหนือกว่าใครคงต้องยกให้การข่าวที่รวดเร็วว่องไว ไม่ว่าใครจะทำอะไรในเกาะชิโกกุหรือแม้แต่โดยรอบทะเลเซโตะ พวกเขาก็มักจะรู้ก่อนใครและใช้ความได้เปรียบในจุดนั้นเพื่อเอาชนะทุกอย่าง

แน่นอนว่าข่าวเรื่องลูกชายนอกสมรสถูกนายช่างจากต่างเมืองมาซื้อตัวไปย่อมต้องรู้ถึงหูเจ้าบ้านใหญ่ยามาโมโตะแทบจะเป็นคนแรก และตอนนี้ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายก็กำลังนั่งเผชิญหน้ากับร่างโปร่งบางยู่ภายในบ้านหลังเล็ก

“ แม่เจ้าล่ะ?”   เสียงทุ้มถามออกมาจากร่างกายสูงใหญ่ที่นั่งนิ่ง

“ แม่ไปตลาดน่ะ ถ้าเจ้าอยากเจอคงต้องรออีกสักพัก...”   ต่างจากร่างโปร่งบางที่นั่งทับส้นลอบมองผู้เป็นพี่ชายอย่างลุกลี้ลุกลน...พวกเขาไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองมากนัก เพราะปกติเวลาที่เจอผู้เป็นพี่ชายทีไรก็มักจะมีฮายาโตะอยู่ด้วยเสมอ

“ เปล่า...ข้ามาหาเจ้า”

“ เอ๋?”   ร้อยวันพันปีไม่เคยมาเหยียบบ้านหลังนี้ แล้วจู่ๆก็บอกว่าจะมาหาเขาเนี่ยนะ?

“ ข้าได้ข่าวว่านายช่างซื้อตัวเจ้า ไม่สิ ต้องบอกว่าเหมาเลยมากกว่า?”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกดดันซึ่งมันก็ทำให้ร่างโปร่งชาไปวูบหนึ่ง...เขาลืมไปเลยว่าเรื่องนี้ต้องรู้ถึงหูของพ่อแน่นอน...แล้วคนคนนั้นก็คงจะไม่ยินดีกับข่าวแบบนี้นักหรอก...คงไม่มีพ่อคนไหนดีใจที่ลูกชายจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน ยิ่งเจ้าบ้านยามาโมโตะผู้ยิ่งใหญ่ย่อมรับไม่ได้ที่ลูกชายจะขายตัว ถึงเขาจะเป็นแค่ลูกนอกสมรสแต่คนคนนั้นก็ดูแลเขาอย่างลับๆมาโดยตลอด

“ เอ่อ....ไม่ใช่นะ!...คือ...มันก็ใช่แหละ...คือ....ท่านพ่อโกรธหรอ?....แต่ว่านายช่างไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีกับข้านะ อันที่จริงเขาก็แค่อยากให้ข้าไปช่วยงานเขาในการสร้างสะพานก็เท่านั้นแหละ”   ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยออกไปอย่างลนๆ แม้แต่ตัวเองยังรู้เลยว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง!

“ ช่วยสร้างสะพาน?”   แต่ผู้เป็นพี่ชายกลับไม่สนใจประเด็นที่ควรจะสนใจ สิ่งที่ร่างสูงใหญ่พูดออกมาทำให้เรนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง

“ ใช่....เค้าให้ข้าพาดำลงไปดูสภาพใต้น้ำน่ะ”   นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมองใบหน้าครุ่นคิดของผู้เป็นพี่ชายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ เอ่อ...เจ้า...จะห้ามไม่ให้ข้าไปทำงานกับนายช่างงั้นหรอ....”   เสียงหงอยๆถามออกไป อีกฝ่ายคงกำลังคิดว่ามันเป็นงานใช้แรงงานที่คนชั้นล่างเค้าทำกันและไม่คู่ควรที่คนของตระกูลยามาโมโตะจะทำงั้นสิ...เดิมทีกว่าเขาจะทำให้พ่อยอมให้เล่นละครคาบุกิได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ ถึงกับต้องแลกมาด้วยการที่เขาจะไม่ได้ใช้นามว่ายามาโมโตะ...เพราะงั้นคราวนี้.....

“ เจ้าอยากทำอะไรมันก็เรื่องของเจ้า...โตแล้วนี่...เพียงแต่...เจ้าต้องบอกข้อมูลกับข้า...ว่าตอนนี้ที่เขตก่อสร้างนั่นกำลังทำอะไรอยู่ งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้วและมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า ถ้าทำได้ข้าก็จะยอมกลับไปขอร้องพ่อให้”   แล้วสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายพูดออกมาก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนตรงหน้าจะยอมช่วยเขา เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ยามาโมโตะ ทาเคชิ คือคนเดียวที่ไม่เคยยอมรับว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นน้องชาย

“ เอ๋? ข้อมูล? เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม?”  ถึงจะดีใจที่อีกฝ่ายยอมช่วยเหลือแต่ความสงสัยก็ทำให้เอ่ยปากถามออกไป

“ เจ้ามันไว้ใจคนนอกง่ายไป ถ้าเกิดพวกนั้นทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อเกาะของเราล่ะ อย่างน้อยถ้าเจ้าบอกข้าได้ไว ข้าจะได้ไปจัดการมันก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปไง”  ก็จริงอย่างที่ผู้เป็นพี่ว่านั่นแหละนะ เขาเองก็ยังเด็ก ยอมรับว่าบางทีเขาก็ตามพวกผู้ใหญ่ไม่ทัน ยิ่งเครื่องมือแปลกๆพวกนั้นของนายช่าง มันเอามาไว้ทำอะไรเขาก็ยังไม่รู้เลย

“ อื้อ ได้สิ”   ใบหน้ามนจึงพยักรับอย่างคนมองโลกในแง่ดี แต่ผู้เป็นพี่ชายกลับลอบยิ้มอยู่ในใจ...คงต้องขอบคุณแม่ของเด็กนี่ที่เลี้ยงมาได้ใสซื่อขนาดนี้...

ถ้าเรนเปรียบเสมือนผ้าสีขาวบริสุทธิ์ เขาก็คงกลายเป็นผ้าที่ถูกย้อมจนดำมืด....





ร่างสูงใหญ่ก้าวขาออกมาจากห้องรับแขกเพื่อเตรียมตัวกลับ เสียงทุ้มเอ่ยสั่งชายผมสีดอกเลาที่เดินตามอยู่ข้างหลัง

“ ชิโนดะ...เดี๋ยวเจ้ากลับไปก่อน...แล้วก็เอาเรือออกข้ามไปบอกพวกชาวประมงบนเกาะโยชิม่า...ว่าจะมีการระเบิดชั้นหินใต้น้ำเพื่อสร้างสะพาน...งานนี้ทำให้ปลาตายเป็นเบือแน่นอน....”   ใบหน้าคมลอบยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงความวุ่นวายที่คงทำให้สะพานนั่นต้องชะลอการสร้างลงไป ดีไม่ดีอาจจะสร้างต่อไม่ได้เลยด้วยซ้ำถ้ามันส่งผลกระทบต่อการหาปลา เพราะการประมงในน่านน้ำทะเลเซโตะนั้นถือเป็นแหล่งใหญ่มาก  ปลากว่าครึ่งที่เลี้ยงคนทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่นก็มาจากที่นี่แทบทั้งนั้น  

ร่างสูงใหญ่นึกถึงใบหน้าบอกบุญไม่รับของผู้ชายคนนั้น...หึ...ดูซิว่าเจ้าจะทำยังไงนายช่าง...

อย่าคิด...ว่าที่นี่จะต้อนรับเจ้า....


“ ขอรับ...”   ชายผมสีดอกเลาน้อมรับคำสั่ง นัยน์ตาที่ผ่านน้ำร้อนมามากมองไปที่แผ่นหลังกว้างของเด็กหนุ่ม กับคำสั่งนี้เขาไม่มีข้อกังขา  ทว่ากลับมีเรื่องหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นด้วย

“ นายน้อย...คือ...เรื่องของคุณหนูเรน.....”   ด้วยความที่เป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลยามาโมโตะ ชายผมสีดอกเลาจึงเป็นคนเดียวที่กล้าตักเตือน ยามาโมโตะ ทาเคชิ

“ อะไร?”  แต่ก็ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะฟังเสมอไป เสียงทุ้มจึงถามกลับมาด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดอะไร

“ นายน้อย...ถ้านายช่างนั่นรู้ว่าข่าวมันรั่วมาจากคุณหนู...คุณหนูเรนจะเป็นอันตรายนะขอรับ...ทำไมเราไม่ไปถามจากโกคุเดระ ฮายาโตะ.....”

“ หุบปาก! เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง เจ้าอย่ายุ่ง...เจ้าเรียกเด็กนั่นว่าคุณหนูใช่ไหมล่ะ นั่นแปลว่าเด็กนั่นก็เป็นหนึ่งในตระกูลยามาโมโตะเช่นกัน เพราะงั้นก็ต้องทำงานเพื่อตระกูลยามาโมโตะด้วย....โกคุเดระน่ะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!”   ร่างสูงใหญ่เดินผ่านประตูรั้วออกไปโดยไม่คิดจะฟังอะไรอีก เขาจึงได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยสายตานิ่งสนิท

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายน้อยกำลังปกป้องโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่...รักเด็กนั่นยิ่งกว่าน้องแท้ๆของตัวเองเสียอีก....นัยน์ตามืดมนทอดมองไปยังทางขึ้นสู่ศาลเจ้า...คราวนี้มันคงจะไม่ง่ายที่เขาจะลงมือทำอะไร....เพราะนายน้อยทาเคชิไม่เหมือนผู้เป็นพี่ชาย...คงต้องโทษการเลี้ยงดูของเขาที่ทำให้เด็กหนุ่มโหดเหี้ยมและเย็นชาจนแม้แต่หากเกิดผิดใจกันขึ้นมา ยามาโมโตะ ทาเคชิคงฆ่าได้แม้แต่คนที่เลี้ยงมากับมืออย่างเขา

ได้แต่หวัง...ว่าประวัติศาสตร์มันจะไม่ซ้ำรอยเดิม...










เสียงเกตะกระทบพื้นดังเป็นจังหวะตามสองขาที่กำลังก้าวเดิน ร่างบอบบางหมุนตัวรอบหนึ่งเมื่อเท้าแตะลงไปบนพื้นก่อนจะก้าวกระโดดต่อไปในท่าทางราวกับหงส์กำลังเริงระบำ เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวล้อมกรอบใบหน้าสวยที่กำลังอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ปลายนิ้วเรียววาดเป็นตัวอักษรต่างภาษาที่กำลังฝึกเขียนกลางอากาศ เสียงฮั่มเพลงน้อยๆลอยออกมาจากลำคอระหงเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีใครเห็น ก็ตรงนี้มันเป็นทางขึ้นศาลเจ้าที่อยู่ด้านหลังซึ่งมีทางเชื่อมต่อไปยังบ้านของเรน เพราะงั้นคนที่ใช้ส่วนใหญ่จึงมีแค่พวกเขาสองคน

แต่หารู้ไม่ว่าคนที่เพิ่งออกมาจากบ้านของเรนอย่างร่างสูงใหญ่ของผู้นำตระกูลยามาโมโตะรุ่นต่อไปนั้นได้ยืนมองร่างบอบบางอยู่นานแล้ว

“ ง่ะ?!!”   ใบหน้าสวยผงะไปเมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆขึ้นสีด้วยความอาย...ยะ อย่าบอกนะว่าไอ้บ้านี่มันเห็นทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่เขาเดินลงจากศาลเจ้ามา? 

แน่ๆ...ใบหน้าคมที่กำลังอมยิ้มแบบนั้น...มันต้องเห็นทั้งหมดแน่ๆ!

อยากตายจริงๆ~~~


ใบหน้าที่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆรีบปรับกลับไปเชิดหยิ่งตามเดิม นัยน์ตาสีมรกตดุดันหันมาจ้องคนที่ยังอมยิ้มไม่หยุด ไหล่กว้างสั่นน้อยๆอย่างคงจะพยายามกลั้นขำเต็มที่....อะ...ไอ้บ้านี่!

“ โอ๊ย?!”   เกตะไม้เหยียบลงไปบนฝ่าเท้าภายใต้กางเกงฮากามะสีดำจนเจ้าบ้านยามาโมโตะรุ่นต่อไปถึงกับก้มตัวลงไปกุมเท้าของตัวเอง ใบหน้าคมเงยขึ้นมามองโกคุเดระ ฮายาโตะด้วยดวงตาที่บ่งบอกว่า...ฝากไว้ก่อนเถอะ...

“ สมน้ำหน้า ฮึ!”   แต่ร่างบอบบางหาได้กลัวไม่ ใบหน้าสวยงอหงิกใส่ก่อนจะสะบัดตัวเตรียมจะเดินหนี...ว่าจะแวะมาหาเรนเพื่อนั่งเล่นรอเวลาไปโรงละครเสียหน่อย ดันมาเจอเจ้าบ้ายามาโมโตะเสียได้

เอ๊ะ?

แล้วทำไมยามาโมโตะมาอยู่ตรงนี้ล่ะ? นี่มันหน้าบ้านของเรนชัดๆ?

หรือว่าจะ.....มาหาเรน?

ใบหน้าที่กำลังงอหงิกเผลอเม้มริมฝีปากแน่น....เดี๋ยวนี้มาหาถึงที่บ้านแล้วหรอ....

ฝ่าเท้าในรองเท้าเกตะหมุนตัวกลับเพราะจู่ๆก็รู้สึกว่าไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้ แต่ยังไม่ทันจะเดินได้กี่ก้าวข้อมือเล็กกลับถูกฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน

“ เดี๋ยวสิโกคุเดระ”   เสียงทุ้มเรียกเขาเอาไว้

“ อะไร!”   ยังจะมีอะไรกับเขาอีกหรือไง? มาหาเรนไม่ใช่หรอ?

“ ไปดูกลองไทโกะกับข้าหน่อยสิ...ของปีนี้เห็นว่าทำใหม่ก็เลยอยากจะตรวจความเรียบร้อยเสียหน่อย”   นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองมือใหญ่ที่จับข้อมือของตนเอาไว้ มันบีบรัดอย่างตั้งใจจะไม่ให้ขัดขืนมากกว่าจะขอร้องอย่างที่ปากบอก

“ ก็ไปกับเรนสิ!   แต่เขาก็ยังพยายามจะสะบัดมันทิ้ง...เขาควรจะรีบไปจากตรงนี้ก่อนที่เรนจะออกมาเห็น...การชอบคนรักของเพื่อนสนิทน่ะมันไม่สนุกนักหรอกนะ

“ แล้วทำไมข้าต้องไปกับเด็กนั่นด้วย....”   ทว่า ยามาโมโตะกลับดึงตัวเขาเข้าไปหาได้อย่างง่ายได้ เสียงทุ้มถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ กะ...ก็....”   ก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ยังจะต้องให้เขาพูดตอกย้ำให้มันเจ็บช้ำไปมากกว่านี้อีกหรอ

“ ก็?”

“ ก็...ก็ข้าไม่อยากไปกับเจ้านี่!   คราวนี้มือบางสะบัดอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็รู้อยู่หรอกว่าคนตรงหน้าชอบแกล้งเขา แต่แบบนี้มันจะใจร้ายเกินไปแล้ว!

และแรงดิ้นคงจะทำให้ผู้นำตระกูลยามาโมโตะรุ่นต่อไปรู้สึกรำคาญ มือใหญ่นอกจากจะรั้งลำตัวบางจนแทบจะแนบชิด ใบหน้าคมยังก้มลงไปพูดให้ได้ยินที่ใบหู

“ เจ้าจะอยากไปหรือไม่อยากข้าไม่สนหรอก เพราะข้าอยากให้เจ้าไปกับข้า”  

“ เอ๊ะ?”  ประโยคที่ฟังดูเอาแต่ใจนั่นทำให้โกคุเดระ ฮายาโตะชะงักไป  ทั้งๆที่ต้องไม่ชอบสิแต่นี่หัวใจกลับเต้นแรง  แต่คนปากไม่ตรงกับใจยังไงก็ยังดื้อดึง ร่างบอบบางถึงยังได้ขัดขืนแรงที่อีกฝ่ายลากให้เดินตามไป

“ ข้าไม่ไปไง! เดี๋ยวสิ! ปล่อยข้านะไอ้เจ้าบ้านี่!  ฝ่ามือบางทั้งทุบทั้งตี จนคนที่ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้ด้วยชักจะหมดความอดทน  ใบหน้าคมหันไปมองใบหน้าสวยที่ยังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อไม่หยุด...รู้บ้างไหมว่าอย่างเขาน่ะมีแต่ผู้หญิงจะเดินตาม ไม่เคยต้องมาเปลืองแรงกับใครมากเท่านี้มาก่อนเลยให้ตายเถอะ

“ จะเดินไปดีๆหรือจะให้อุ้ม?”   ร่างสูงใหญ่หยุดเดินก่อนจะหันไปถามด้วยเสียงเจ้าเล่ห์

“ ไม่เดิน แล้วก็ไม่อุ้ม แล้วก็ไม่ไปด้วย!!   กะแล้วว่าต้องดื้อจนหยดสุท้าย

“ ถ้างั้น...”   มือใหญ่จึงย้ายไปโอบรอบเอวก่อนจะยกร่างบอบบางขึ้นไปพาดไว้บนไหล่กว้าง

“ เหวอ?!!   มุมมองที่เปลี่ยนไปชั่วพริบตาทำให้ใบหน้าสวยยังมึนงง และเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองถูกอุ้มพาดบ่าอยู่ ร่างบอบบางก็โวยวายทันที

“ ปล่อยข้าลงนะ!!   แต่ต่อให้ทุบตีแผ่นหลังกว้างนั่นไปร่างสูงใหญ่ก็ยังไม่รู้สึกสะเทือน ยามาโมโตะยังคงก้าวขาด้วยท่าทางสบายๆแม้ว่าจะมีเจ้าลูกแมวจอมดื้อดิ้นไปมาอยู่บนบ่าก็ตาม





“ ฮ่าๆๆ ไปทำอะไรเข้าอีกล่ะเจ้าน่ะ? ถึงได้โดนหิ้วมาแบบนั้น?”  แล้วระหว่างทางที่เดินผ่านไป ใครต่อใครก็แทบจะทักเป็นเสียงเดียวกัน

“ ไม่ใช่เวลามาหัวเราะนะตาลุงนี่! รีบช่วยข้าจากไอ้ปีศาจนี่สิ!”   ไปแว้ดๆใส่เค้าแบบนั้นแล้วจะมีใครยอมช่วยไหมเนี่ย? ใบหน้าคมได้แต่อมยิ้มเย็นๆ ร่างสูงใหญ่ยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อไปราวกับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านต่อแรงต้านบนไหล่เลยสักนิด

ตลอดทางที่ร่างบอบบางถูกอุ้มพาดบ่าไปจึงไม่มีใครคิดจะช่วยแถมยังมีแต่คนอมยิ้มไม่ก็หัวเราะร่าใส่อีกต่างหาก...แต่นั่นไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นแล้งน้ำใจ ไม่ใช่ว่าจะสมน้ำหน้าหรือไม่อยากช่วย...เพียงแต่นั่นมันเป็นภาพชินตา เป็นเรื่องปกติที่มักจะเห็นตอนคุณชายยามาโมโตะอยู่กับโกคุเดระ ฮายาโตะ ทั้งทะเลาะกันบ้างละ ด่าเค้าบ้างละ แต่ก็โดนเค้าปราบพยศได้โดยง่าย...ระหว่างเด็กสองคนนี้ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอีกอย่าง...คนที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างยามาโมโตะ ทาเคชิ กลับมีบรรยากาศที่อ่อนโยนลงเมื่ออยู่ข้างๆโกคุเดระ ฮายาโตะ

เพราะงั้นตอนที่ได้ข่าวว่าผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลยามาโมโตะและจะเป็นคนที่ปกครองเกาะชิโกกุในอนาคตหันไปเลือกเรน...ชาวบ้านจึงประหลาดใจจนอดเอามาซุบซิบด้วยความสงสัยไม่ได้


“ จะยอมเดินดีๆได้หรือยัง?”   ใบหน้าที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเอ่ยออกมาให้ใบหน้าสวยหันควับไปแยกเขี้ยวใส่ทั้งๆที่ยังอยู่บนบ่า

“ ฮึ่ม...ก็มาถึงนี่แล้วนี่ ไปก็ได้!  เสียงฟึดฟัดดังอย่างไม่ค่อยจะพอใจนักซึ่งยามาโมโตะก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจ มือใหญ่โอบอุ้มเอวบางก่อนจะปล่อยโกคุเดระลงกับพื้น แต่แทนที่จะปล่อยให้เดินเองอย่างอิสระ มือใหญ่กลับจับมือบางเอาไว้

“ ถ้าไม่จับไว้ เจ้าก็จะวิ่งหนีข้าอีกใช่ไหม”   ใบหน้าคมหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ใบหน้าสวยงอหงิก

“ ใช่! ข้าจะหนีเจ้า!”   เพราะงั้นก็จับข้าเอาไว้ให้ดีๆล่ะ...ขอแค่ในตอนที่เรนไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ก็พอ...

ถึงภายนอกจะทำเป็นแข็งกร้าวใส่อีกฝ่าย แต่ข้างในนั้นกลับตรงข้าม นัยน์ตาสีมรกตลอบมองเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของร่างสูงใหญ่ อันที่จริงเขายังมีเรื่องคาใจอยู่แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป....เพราะจะว่าไปเขาเองก็มีส่วนผิด

“ นี่.....”   ใบหน้าสวยก้มมองพื้นก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา

“ หื๋ม?”

“ เจ้า...ไม่โมโหหรอ...ที่นายช่างซื้อตัวเรนไป...แต่ข้ายืนยันได้นะว่าเค้าไม่ได้คิดจะทำอะไรเรน เพียงแต่ให้ไปช่วยงานเท่านั้น”   ร่างบอบบางพยายามแก้ต่างให้...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าลึกๆในใจแล้วเขาก็อยากจะเมินเฉย อยากจะให้ทั้งคู่ผิดใจกัน....เผื่อว่า....

ใบหน้าสวยสะบัดไปมาจนเส้นผมสีเงินฟุ้งกระจาย จะคิดแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด! คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ใบหน้าที่พยายามจะทำให้ดูบูดบึ้งกลับหม่นหมองโดยไม่รู้ตัว

ทว่า...ยามาโมโตะกลับตอบออกมาด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน...

“ เปล่านี่...ข้าจะโมโหทำไม เด็กนั่นจะเป็นยังไงก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับข้า”   เอ๊ะ? นี่ไม่สนใจจริงๆหรือว่ากำลังทะเลาะกันอยู่เลยประชด?

“ แต่ว่านะโกคุเดระ...”   ในขณะที่ร่างบอบบางกำลังคิดไปต่างๆนานา จู่ๆร่างสูงใหญ่ก็หยุดเดินแล้วรั้งข้อมือเล็กเอาไว้ ใบหน้าของยามาโมโตะที่กำลังจ้องมาที่เขาบ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกมานั้นตนเอาจริง


“ ถ้าคนที่ถูกซื้อตัวไปคือเจ้า...ข้าสัญญาเลยว่าจะฆ่ามันซะ...ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม”  


แล้วมันก็เป็นคำพูด...ที่ทำให้เขาถึงกับนิ่งค้างไป

ในหัวมีแต่ความสับสน นัยน์ตาสีมรกตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้ด้วยแววสั่นระริก...ตกลงว่ายามาโมโตะจะเอายังไงกันแน่...มาพูดแบบนี้กับเขา มาทำเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ...ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นยังไปหาเรนอยู่เลยไม่ใช่หรือไง....


“ นายน้อยยามาโมโตะ?”   เสียงของใครบางคนทำให้ดวงตาที่กำลังสบประสานผละออกจากกันก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่...ผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง

“ มาดูกลองไทโกะหรือขอรับ เชิญทางนี้เลย”   ชายวัยกลางคนเชื้อเชิญพวกเขาไปยังโรงเก็บอุปกรณ์ที่ตั้งอยู่ข้างๆลานอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน

ภายในโรงไม้ที่กว้างใหญ่มีกลองไทโกะขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบๆสองเมตรตั้งอยู่สองใบ...มันคือกลองที่จะใช้ในงานเทศกาลที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้...ส่วนคนที่จะตีมันก็คือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ

งานเทศกาลของศาลเจ้าโคโตฮิระนั้นจัดเป็นประจำทุกๆปี นอกจากการออกร้านที่มีตั้งแต่ลานกลางหมู่บ้านขึ้นไปจนถึงตัวศาลเจ้าที่อยู่ด้านบนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งถือว่าคนแทบจะทั้งเกาะชิโกกุต่างก็ตั้งตารอ

นั่นก็คือพิธีการบวงสรวงต่อเทพเจ้าเพื่อขอพรให้ท่านช่วยคุ้มครองคนบนเกาะชิโกกุให้อยู่ดีมีสุข ให้ท่านช่วยปกป้องพวกเขาจากเหตุอาเพศทั้งปวง โดยลูกหลานของตระกูลผู้นำเกาะชิโกกุจะเป็นคนตีกลองเพื่อบอกกล่าวต่อเทพเจ้า...ถึงแม้ประเพณีที่สืบต่อกันมานานจะไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องเป็นใครในตระกูลแต่พวกยามาโมโตะก็มักจะให้ผู้นำรุ่นต่อไปมาตีกลองให้เสมอ ทั้งๆที่จะให้เครือญาติชั้นปลายแถวมาตีแทนก็ยังได้

เพราะแบบนั้นผู้คนถึงได้ให้ความเคารพต่อตระกูลยามาโมโตะถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านยุคสมัยมานานแค่ไหนก็ตาม

“ ทำไมถึงมีสองใบล่ะ?”   โกคุเดระ ฮายาโตะหันไปถามผู้ใหญ่บ้านอย่างสงสัย เพราะปกติแล้วคนที่จะตีก็มีเพียงยามาโมโตะคนเดียว

“ ที่ประชุมของหมู่บ้านเห็นว่าควรจะบวงสรวงเทพแห่งทะเลด้วย...เพราะพวกนายช่างกำลังจะสร้างสะพานใช่ไหมล่ะ? ยังไงมันก็ถือเป็นการลุกล้ำต่ออาณาเขตของท่านเทพแห่งท้องทะเล เราก็ควรจะขอบอกท่าน”  ใบหน้าสวยพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันไปมองหน้ายามาโมโตะ  ใบหน้าคมจึงพยักหน้าให้ว่าตนก็รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วเพราะพวกผู้ใหญ่บ้านก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพ่อของตน

ไม่สิ...อันที่จริงคงต้องบอกว่าคนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาก็คือเขาเองต่างหาก....

“ ถ้างั้น...ใครจะเป็นคนตีกลองใบนี้ล่ะ?”   โกคุเดระ ฮายาโตะ ยังคงถามต่อไปตามประสาคนช่างสงสัย

“ กำลังส่งคนไปถามนายช่างอยู่น่ะ...ว่าจะให้ใครมาตีดี ยังไงทางนี้ก็อยากได้คนของเขตก่อสร้างมากกว่า”   ใบหน้าสวยเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แต่ใบหน้าคมกลับลอบยิ้มร้าย...


นายช่าง....

เจ้าจะเข้าใจบ้างไหมนะ....ว่าในเกาะเล็กๆแห่งนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่าความภาคภูมิใจอยู่...

หากคนที่ตีกลองไม่ใช่เจ้าแล้วละก็...คนทั้งเกาะก็จะไม่มีใครเชื่อใจเจ้าอีกเลย...





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...





สุขสันต์วันพ่อกันนะก๊า >v<

ขออภัยในความล่าช้าสำหรับตอนนี้ด้วยค่ะ55555 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่สครีมดับอยู่หลายรอบ ทั้งข่าวการกลับมาของคุณโคในมูฟวี่ที่แทบจะทำเอาติ่งเกือบจะหันไปเปิดไหใหม่ถถถถถ ข่าวคุณโคยังไม่ทันจาง A/Z ก็ปล่อยPVตัวอย่างออกมาอีก แล้วคือท่านเคานต์ซ. รอดด้วยอ่ะ ง๊ากกกกก เลยแอบอู้ไปปั่นตอนพิเศษสำหรับรวมเล่มด้วยความติ่ง แฮ่กๆๆๆ รอดซักคน(?)ก็ยังดีว้า งื้ออออออออ

สำหรับพญาเหยี่ยวก็ต้องขอขอบคุณคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วมากๆๆๆๆเลยนะคะ งื้อออออ >/////< ดีใจอ่า~~~

และมีคนส่งแฟนอาร์ตมาให้อีกแล้ว ปลื้มจนแทบจะลอยไปดาวลูกไก่แล้วเนี่ยฟฟฟฟฟฟ คือไม่คิดว่าฟิคที่ออกแนวยืดยาดนี่จะมีคนชอบถึงขนาดวาดรูปมาให้อ่ะ ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะน้องเอแคล >3<






แล้วก็มีข่าวฝากจากคุณกวางเรื่องรวมเล่มที่แล้วๆมาค่ะ....จิ้ม >> MY BOOK

อันที่จริงเรื่องที่เขียนว่ายัง On Sale อยู่ แปลว่ายังมีนาคะ บางเล่มก็มีที่หลุดจองแต่คุณกวางมันกั๊กไม่ได้ประกาศออกสื่อว่ายังมีอยู่(โดนตบ) ก็...ถ้าผู้ใดสนใจก็เชิญสอบถามมาได้ค่า กะลังเตรียมพื้นที่สำหรับเก็บรวมเล่มใหม่(ที่จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ถถถถ) เลยขอเคลียร์ของเก่าซะหน่อย เหะเหะ


แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^






3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2557 เวลา 04:19

    ขณะที่กำลังส่องๆก้มๆเงยๆสารบัญฟิคในคลังของพี่กวางอยู่ เมื่อข้าน้อยคลิกหน้าแรกก็ได้พบกับแหล่งน้ำโอเอซิส! (?)

    ว๊ากกกกก อิโคโตบะ (อ่านงี้รึเปล่านัะ ช่างๆๆ 555) อิโคโตบะสามมมม คลิกสิคะรออัลไรรรรรร *w*

    หนูเลน...

    'วันหลังก็อย่ามาตกหลุมรักเขาก็แล้วกัน!'

    โฮกกกกกกกก >///< หนูเลนนนนนน โอ๊ยยย มามี๊ว่าพี่เตี้ยเขาหย่อนขาลงไปแล้วล่ะลูกกกกกกกกก แล้วไหนจะฉากใต้น้ำ มีความรู้สึกเหมือนตอนอยู่ในงานแต่งงานยังไงก็ไม่รู้ค่ะ..ตอนที่เฮย์โจวคิดว่าเอเลนสวย ในใจของมามี๊นี่...

    'จูบเลย จูบเลย จูบเลย!!'

    ว่าด้วยเรื่องของลูป 8059 .. ฮายาโตะซังตาสว่างได้แล้วนะ ยามะเขาจะฆ่าคนตายอยู่แล้ว ยามะเขาหวงเมีย(?)เอ๊ยยยย ไม่ช่ายยยยย ยามะเขาหวงว่าที่(?)ตะหาก กร๊ากกกก//โดนโกคุเตะสลบ

    กำลังรอ nc อย่างใจจดใจจ่อ(?) *v* กวางซามะสู้ๆนะคะ.โบกพัด

    ตอบลบ
  2. อรั๊ยย่ะ!!!! ต่อเเล้วกับความค้างใจตอนที่เเล้ว นายช่างคะพอมาตอนนี้สติเริ่มเย็นลงสินะคะ เเหมๆตอนเเรกตั้งใจซื้อตัวนู๋เรนไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่สำรวจทะเลนะคะ บรรยากาศตอนเเรกไม่ใช่มากๆค่ะ. หุหุ ยามาโตะก่ะนายช่างค่อยเเงบลงสนามมากันทีละนิด ยามาโตะท่าทางจะเริ่มเดินหมากก่อน จะรอลุ้นค่ะว่านายช่างจะรับมือได้ไหม เเละถ้ารู้ว่าเรนโดนหลอกให้เป็นตัวส่งข่าวนายช่างจะทำไงต่อไปค่ะ ลุ้นค่ะลุ้น!!!

    ตอบลบ
  3. อ้า!...เข้ามาแต่ละทีเนี้ยไม่มีผิดหวังเลยจริงๆๆๆๆๆๆ!!!!
    รักพี่กวางที่สู๊ดดดดดดดดด!!!!!ค๊าาาาาา!!!!!!

    ฮะฮะฮะ...เปิดเรื่องมาลูก(สาว?)ก็ทำเอาปล่อยฮาเป็นบ้าเป็นหลังนู๋เอเรนนนน!@@
    บอกตัวเลขน้อยไปรึป่าววววว!!!!!!
    ทำไมไม่เอาแบบสร้างร.พได้เลยล่ะค๊าาา~~~//คนละเรื่องแล้วเฮ้ย!!///
    อ้า~~~ชักจะทนความน่ารักของเด็กสองคนนี้ไม่ไหวแล้วพี่กวางรีบๆมาต่อให้โดยไวด้วยนะคะ!

    คู่หลักว่าหวานปนน่าหยิกแต่ทำไมรู้สึกว่าคุณโคกะกิโนะขึ้นรถไฟฟ้าไปก่อนแล้วเน้อะ?
    ///แต่น่าร้ากกกกก~~~ไม่คิดไม่ฝันว่าคุณโคจะดูอบอุ่นได้ขนาดเน้~~~////

    แต่คู่หลักให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้แหละค่ะดีแล้วเอาให้ลุนจนติ่งหลุดกันไปข้างเลย!!
    นายช่างก็กำลังหลงเด็กอิเนียนก๊ชักจะส่อแววดาร์กขึ้นทุกวันๆ....แต่ชอบค่ะเอาให้มันร้ายสุดติ่งไปเลยตบจูบๆอะไรงี้....อ๊ากกกกก~~~~~~
    ชักจะเพ้อไปกันใหญ่แล้ว!!!
    ตอนหน้ารีบมาไวๆนะค๊าาาาา////คุกเข่ากอดขาพี่กวางงงง/////

    ตอบลบ