Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 02


Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren]  Ai Kotoba : 02

: Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction  Au
: 8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         




ขบวนม้าราวห้าหกตัววิ่งข้ามสะพานก่อนจะลอดประตูเข้าสู่คฤหาสน์ทาคามัตสึ

ร่างในชุดทหารเต็มยศกระโดดลงจากหลังม้าก่อนที่พ่อบ้านจะเดินมาเชิญให้ทั้งหมดก้าวขาเข้าสู่ตัวอาคาร หมวกที่สวมอยู่บนหัวจึงถูกถอดออกมาถือไว้เช่นเดียวกับดาบญี่ปุ่นคู่กาย

นายช่างหนุ่มเดินเคียงคู่ไปกับโคงามิโดยมีทหารที่ติดตามมาด้วยเดินอยู่ข้างหลัง  อันที่จริงหมายการก่อสร้างฉบับใหม่นั้นยังมาไม่ถึงและจากการที่สอบถามไปยังผู้ใหญ่ในกรมคาดว่ากว่ามันจะมาคงเป็นการเสียมารยาทแน่ถ้าเขามาเตร็ดเตร่อยู่บนเกาะชิโกกุแต่กลับไม่ยอมมาทักทายเจ้าเมืองเลยแบบนั้น....วันนี้จึงถือว่ามาทักทายสักครั้งก่อนก็แล้วกัน

พ่อบ้านเชื้อเชิญพวกเขาให้เดินไปตามระเบียงที่เชื่อมต่อไปยังอาคารด้านใน ถึงจะคุ้นชินกับบ้านญี่ปุ่นขนาดใหญ่แต่บรรยากาศที่ดูเหมือนปราสาทเจ้าเมืองสมัยก่อนแบบนี้เขาก็เพิ่งเคยเห็น มันไม่ได้เป็นส่วนตัว ไม่ได้เงียบเชียบเหมือนบ้านของเขา แต่ที่นี่กลับมีผู้คนเดินไปเดินมา ยิ่งสองขาเดินผ่านส่วนที่น่าจะเป็นโรงฝึก เสียงดาบไม้มากมายก็ดังมาเข้าหูให้รู้สึกว่า....หากเรียกระดมพล...ที่นี่คงมีซามูไรเป็นกองทัพเลยแน่ๆ

พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลยามาโมโตะถึงได้ยิ่งใหญ่นัก เพราะจนยุคสมัยมันเริ่มจะเปลี่ยนไป แต่ที่นี่ก็ยังเลี้ยงคนของตนเอาไว้อยู่

ใครบางคนเดินออกมาจากในโรงฝึกทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบไปมองโดยอัตโนมัติ...เป็นเด็กหนุ่มอายุน่าจะใกล้ๆยี่สิบกับชายผมสีดอกเลาซึ่งเดินตามมาข้างหลัง...น่าแปลกที่ร่างกายสูงใหญ่ซึ่งสวมเพียงกางเกงฮากามะสีดำตัวเดียวนั่นกลับสะกดสายตาของเขา...แผ่นอกเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบที่เขาและโคงามิมี จากสายตาของผู้ชายด้วยกันคงต้องบอกว่าเด็กนี่มีร่างกายที่สมชายชาตรีมากทีเดียว แต่สิ่งที่สะกดสายตาของเขาเอาไว้นั้นไม่ใช่ร่างกายของเด็กหนุ่มแต่กลับเป็นจิตสังหารเย็นเยือกที่ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวจงใจปล่อยออกมาหรือว่าไม่รู้ตัวกันแน่

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปยังคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งถือดาบสีดำสนิทส่วนอีกข้างกำลังใช้ผ้าเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอ ดูจากท่วงท่าสบายๆและออกมาเดินอยู่บนระเบียงไม้ทั้งๆที่เปลือยท่อนบนแบบนี้ได้คงจะไม่ใช่ลูกน้องชั้นกระจอกแน่ๆ

และจังหวะที่เดินสวนกัน ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสั้นสีดำสนิทนั้นก็ยิ้มเย็นๆก่อนจะพยักหน้าให้เขาราวกับกำลังทักทาย ก่อนที่จะเดินสวนไปโดยไม่ได้พูดอะไร...

เด็กนั่น....

ถ้าพวกเขาไม่ใช่ทหาร ป่านนี้คงก้าวขาไม่ออกแล้ว...


พ่อบ้านหยุดลงที่หน้าห้องห้องหนึ่งก่อนจะนั่งลงไปเลื่อนเปิดประตูให้พวกเขา ดูเหมือนเจ้าเมืองทาคามัตสึจะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ ยินดีต้อนรับสู่เกาะชิโกกุนะ...นายช่าง”   เสียงดังกังวานเอ่ยออกมา อันที่จริงตอนที่มีการประชุมเกี่ยวกับโครงการนี้เขาก็เคยได้เจออีกฝ่ายมาบ้างแล้ว

“ ขอโทษที่มาทักทายช้าไปหน่อย พอดีเกิดเรื่องอย่างที่ท่านก็คงทราบแล้ว”   เรื่องหมายการก่อสร้างถูกทำลายไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะงั้นเขาจึงส่งคนมาแจ้งทางนี้ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนั่นแล้ว

“ น่าเสียดายจริงๆ งานของนายช่างเลยต้องล่าช้าขึ้นไปอีก แล้วนี่จับตัวคนร้ายได้หรือยัง”   นายช่างหนุ่มถึงกับสบถอยู่ในใจ  เถียงเป็นไฟขนาดนั้นจับมาก็คงหูแตกก่อนจะได้ลงโทษแน่ๆ อีกอย่างเจ้าเด็กพวกนั้นก็ไม่แน่ว่าจะใช่คนผิด....เขาจึงทำเพียงแค่ส่ายหน้า

“ งั้นรึ...มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน...แล้ววันนี้ที่มานี่มีอะไรหรือเปล่า?”

“ แค่จะมาทักทายเฉยๆ ไม่มีอะไรต้องรบกวนท่านเจ้าเมืองหรอก”  เขาลอบมองชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทางที่น่าเกรงขามนั่นช่างสมกับตำแหน่งหน้าที่เสียจริงๆ และถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีท่าทีว่าจะคัดค้านโครงการก่อสร้างสะพาน แต่สัญชาติญาณก็บอกเขาว่าควรจะระวังผู้ชายคนนี้เอาไว้

เพราะยังไงเสียตระกูลยามาโมโตะก็คือผู้ที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดหากมีสะพานเซโตะโอฮาชิ....

“ มีอะไรหรือเปล่านายช่าง?”   อาจจะเป็นเพราะเขาเผลอจ้องหน้าอีกฝ่ายนานไป ท่านเจ้าเมืองจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ เปล่า...ข้ากำลังคิดว่าหน้าของท่านนี่ช่างคุ้นตา เหมือนกับว่าข้าเคยเห็นคนที่หน้าคล้ายๆท่าน”   ชายวัยกลางคนหัวเราะร่า....ทว่า....ก่อนจะได้สนทนากันต่อ ประตูเลื่อนก็เปิดออกพร้อมกับการมาเยือนของใครบางคนที่ช่วยไขข้อข้องใจของเขา ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าท่านเจ้าเมืองนัก

ในเมื่อเด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหรือก็คือเด็กหนุ่มที่เขาเดินสวนที่ระเบียงเมื่อกี้นี้...ช่างมีใบหน้าคล้ายคลึงท่านเจ้าเมืองยิ่งนัก

“ อ้อ...มาพอดีเลย...ยังไงท่านก็ต้องอยู่ที่นี่อีกนานนะนายช่าง เพราะงั้นข้าจะแนะนำให้รู้จัก...นี่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....ลูกชายของข้า...ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลยามาโมโตะ”   เด็กหนุ่มที่แต่งชุดฮากามะครบเรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างๆผู้เป็นบิดาและชายผมสีดอกเลาซึ่งเดินตามเด็กหนุ่มมาด้วยก็นั่งลงเยื้องไปทางด้านหลัง...ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ข้ารับใช้ธรรมดาสินะ ถึงได้เข้ามานั่งฟังในนี้ได้

“ ยินดีที่ได้รู้จักครับนายช่าง...จากนี้ไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”   เด็กหนุ่มโค้งให้เขา...น่าแปลก...ที่ตอนนี้กลับไม่มีจิตสังหารแผ่ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

แสดงว่าเมื่อตอนเดินสวนกันที่ระเบียง...เด็กนี่จงใจปล่อยจิตสังหารมาทักทายเขางั้นสินะ?


หึ....งานนี้คงจะหินอย่างที่เจ้าโคงามิว่าไว้จริงๆ....


เขาโค้งตัวรับโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ท่านเจ้าเมืองชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับเกาะชิโกกุอีกหลายต่อหลายเรื่องจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปชั่วโมงกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีธุระอะไรต้องไปทำต่อแต่ก็ไม่อยากจะรบกวนอีกฝ่ายมากไปกว่านี้แล้ว

“ ท่านเจ้าเมือง...ข้าว่าจะขอตัวกลับก่อน ท่านจะได้พักผ่อนเสียที ข้ามารบกวนแต่เช้า”  

“ โอ้...เอาสิ...แต่ว่าถ้าวันหลังมีเวลาก็แวะมาคุยกับข้าอีกนะ มีลูกชายก็อยู่ไม่ค่อยจะติดบ้าน ฮ่าๆๆ”   เขาเพียงแค่โค้งตัวให้ก่อนที่ท่านเจ้าเมืองจะเดินมาส่งถึงหน้าบ้าน

“ จริงสินายช่าง...ไหนๆท่านก็ไม่มีอะไรทำ...คืนนี้ละครคาบุกิเปิดแสดงเรื่องใหม่เป็นรอบแรกนะ เชิญท่านไปดูสิ คาบุกิของที่นี่เลื่องชื่อจนแม้แต่คนจากฝั่งฮอนชูยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูกันเลยนะฮ่าๆๆ”   นายช่างหนุ่มพยักหน้าให้ก่อนจะควบม้าออกไป...คาบุกิงั้นหรอ?...ก็เคยไปดูตามในเมืองอยู่บ้างละนะ แต่สำหรับเขามันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเรื่องเพ้อฝันหาสาระอะไรไม่ได้นั่นแหละ

คำชวนนั้นจึงถูกเก็บเอาไว้ในใจโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะไปดูจริงๆ





มีเพียงม้าสีดำสองตัวที่ไม่ได้วิ่งเลี้ยวกลับเข้าไปยังที่พักชั่วคราวในเขตก่อสร้างของกรมช่างทหาร แต่มันกลับวิ่งตรงไปยังเส้นทางที่ทอดสู่เมืองโคโตฮิระ

“ แยกกันไปก็แล้วกันจะได้เร็วหน่อย ข้าอยากกลับไปดูแบบก่อสร้างมากกว่าจะมาเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองแบบนี้”   นายช่างหนุ่มเอ่ยบอกโคงามิในขณะที่ก้าวขาลงมาจากม้าสีดำ ใบหน้าคมของคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งหัวหน้าทหารที่ทำงานมาด้วยกันตลอดพยักรับก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินตรงไปยังร้านเครื่องเขียน

ส่วนนายช่างหนุ่มเดินเลี้ยวไปอีกทางเพื่อตามหาร้านขายยา จะว่าเขาคุ้นเคยกับเมืองใหญ่ดีหรือเคยเห็นมามากก็ไม่รู้นะ แต่พวกย่านร้านค้ากลับไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจสำหรับเขาเลย

ร่างที่ไม่มีสูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านที่มีตู้ยาเรียงรายอยู่ข้างใน...เขาก็แค่เตรียมยาสามัญประจำบ้านง่ายๆเอาไว้เผื่อจะต้องใช้ยามฉุกเฉิน  ฝ่าเท้าในรองเท้าบูทก้าวเดินเข้าไป แล้วร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ข้างในนั่นก็ทำให้ถึงกับเผลอหัวเราะในลำคอ

หึ...โลกมันช่างกลมจริงๆนะ

“ เจ้าเนี่ย....หัดระวังๆเสียหน่อยสิ อุตส่าห์มีผิวสวยๆปล่อยให้มีแต่แผลถลอกฟกช้ำแบบนี้ได้ไง ไม่ไหวเลยนะ”   เจ้าเด็กเหลือขอที่เขาไล่จับอยู่เมื่อวานกำลังยืนหน้ามุ่ยฟังป้าเจ้าของร้านบ่นในขณะที่มือก็จัดยาไปด้วย

“ เอายามาเถอะน่า...บ่นอยู่ได้ป้าเนี่ย ใครจะอยากไปลื่นล้มหัวทิ่มแบบนั้นบ่อยๆล่ะ”   ปากช่างเจรจานั่นเถียงออกมา ถ้าเขาเป็นป้าเจ้าของร้านคงได้ดีดหน้าผากเข้าให้สักทีแน่ๆ

“ ก็ถึงได้บอกระวังๆไง”   เจ้าเด็กนั่นยังคงทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังเถียงอยู่ในใจ มือบางยื่นเงินให้พลางรับห่อยามาถือไว้และเมื่อร่างโปร่งบางหันมาเห็นเขาเข้า...

“ อ่ะ!....”   ใบหน้ามนถึงกับผงะอย่างไม่คิดจะปิดบัง สองขาวิ่งปรู๊ดหนีออกไปจากร้านทันที....เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาวิ่งไล่จับด้วยเสียหน่อยวันนี้

“ เรน! เดี๋ยวสิ! เงินทอน......”   ป้าเจ้าของร้านยกมือค้างได้แต่ยืนมองฝุ่นเป็นทางที่เจ้าเด็กนั่นทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ใบหน้าอวบอูมส่ายไปมาพร้อมกับหันมาหัวเราะกับเขา

“ อย่างกับม้าดีดกะโหลกเลยนะเด็กคนนี้ ไม่เคยจะเรียบร้อยอ่อนหวานกับใครเค้าหรอก ถึงจะน่าเอ็นดูดีก็เถอะ”   พอพูดจบถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เคยรู้จักเขา ความเป็นกันเองแบบนี้มักจะมีให้เห็นได้ทั่วไปในสังคมชนบท

“ อ้าว? เจ้าไม่ใช่คนแถวนี้หรือเปล่า? ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้า? เอ๊ะ?! หรือว่าจะเป็นนายช่างที่เค้าลือกัน? ที่ว่ามาตั้งบ้านอยู่ตรงริมทะเลจะทำอะไรแปลกๆนั่นใช่ไหม?”  แปลกๆ?....น่าจะหมายถึงเครื่องมือก่อสร้างของเขาสินะ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนที่นี่จะไม่รู้จักเพราะสะพานที่เขาสร้างอยู่มันเปลี่ยนรูปแบบจากโครงสร้างไม้ไปเป็นโครงสร้างแบบใหม่ที่ใช้เหล็กแทนแล้ว พวกเครื่องมือหนักที่เอาไว้ใช้กับเหล็กคนที่นี่เลยไม่เคยเห็น 

“ ใช่”  เขาจึงเลือกตอบออกไปสั้นๆเพราะรำคาญที่จะต้องอธิบายอะไรยืดยาวกับชาวบ้านที่คงจะไม่เข้าใจระบบโครงสร้างแบบใหม่ที่เขาเองยังต้องใช้เวลาศึกษามาเป็นแรมปีนั่นเลย 

“ เด็กคนเมื่อกี้...”   และพอเขาเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเจ้าเด็กเหลือขอที่เพิ่งจะหนีไปเมื่อกี้ คุณป้าเจ้าของร้านก็จ้อให้ฟังอย่างเต็มใจทันที 

“ นายช่างเพิ่งมาคงจะไม่รู้สินะ เด็กคนนั้นชื่อเรน เป็นเด็กของคณะละครคาบุกิ”   คาบุกิอีกแล้ว?

“ ถึงจะกะโปโลอย่างที่เห็นแต่เวลาขึ้นแสดงนะ นายช่างจะละสายตาจากเด็กคนนั้นไม่ได้เลยล่ะ แล้วเด็กคนนั้นก็ไม่เหมือนพวกเด็กจากคณะละครคาบุกิคนอื่นๆ ชาวบ้านร้านตลาดเลยพากันเอ็นดู”   หญิงวัยกลางคนตรงหน้าชื่นชมน่าดู...อย่างเจ้าเด็กเหลือขอจอมแสบนั่นน่ะนะ?


เห็นที...คงต้องมาดูสักครั้งแล้วมั้งคืนนี้...


“ โรงละครอยู่ตรงไหน?”   นายช่างหนุ่มเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนที่กำลังชั่งสมุนไพรให้เขา...ที่นี่แม้แต่ยาก็ยังเป็นแบบเก่า อย่างนี้ถ้ามีใครเจ็บป่วยเฉียบพลันขึ้นมาจะทำยังไง? ต้องข้ามทะเลไปฝั่งฮอนชูงั้นหรอ?

“ ท่านเดินไปตามทางขึ้นศาลเจ้านะ แยกซ้ายมือแรกเลยนั่นแหละ เดินตรงไปอีกนิดก็ถึง  อ้อ  ถ้านายช่างจะไปดูเรนละก็ถามคนขายตั๋วเค้าก่อนล่ะว่าใช่รอบนั้นหรือเปล่า”   เขาเก็บความสงสัยเรื่องยูกยาของที่นี่ไปแล้วทำหน้าสงสัยกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากของป้าเจ้าของร้านแทน...ทำไมต้องถามแบบนั้นด้วยล่ะ?...และเมื่อเห็นสีหน้าของเขา หญิงวัยกลางคนก็หัวเราะออกมาทันที

“ ฮ่าๆๆ ลืมไปว่านายช่างเพิ่งมาที่นี่ ก็ที่โรงละครคานามารุสะน่ะจะมีนักแสดงสองชุดผลัดกันขึ้นแสดง แน่นอนว่าสองดาวเด่นของโรงละครอย่างเรนกับฮายาโตะจะแสดงบทเดียวกันแต่ขึ้นคนละรอบ ถ้าท่านไม่ถามก่อนเดี๋ยวได้เข้าไปดูรอบที่ฮายาโตะแสดงหรอก”   อ้อ...แบบนี้นี่เอง...ว่าแต่ฮายาโตะนี่...

“ ใช่เด็กผมสีเงินหรือเปล่า”  หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารัวๆก่อนจะเล่าให้ฟังยืดยาวราวกับเด็กนั่นเป็นลูกหลานของตัวเองก็ไม่ปาน ดูท่าจะเอ็นดูกึ่งๆภาคภูมิใจในตัวเด็กสองคนนั่นมากเลยสินะ

มือแข็งแรงรับห่อยามาก่อนที่จะเดินออกไปจากร้าน....หากตัดความแสบสันกับปากที่ราวกับกรรไกรนั่นทิ้งไปซะ เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของป้าเจ้าของร้าน...ในเมื่อเจ้าเด็กสองคนนั่นสะกดสายตาของเขาเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น...

จนถึงตอนนี้ภาพที่ทั้งคู่เล่นน้ำด้วยกันมันยังอยู่ในหัวของเขาอยู่เลย







ห่อยาถูกวางลงไปบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ กระดาษแบบก่อสร้างส่งเสียงกรอบแกรบราวกับจะเอ่ยคำต้อนรับกลับบ้าน ทั้งหมวกทั้งดาบญี่ปุ่นถูกวางตามลงไปก่อนที่มือแข็งแรงจะเลื่อนมาปลดเสื้อนอกออกจากไหล่จนเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว

“ หาอะไรน่ะ?”  นายช่างหนุ่มหันไปถามโคงามิที่กำลังรื้อค้นชั้นวางของในห้องทำงานของเขา

“ อ่ะ เจอแล้ว ขอยืมนี่หน่อยนะนายช่าง”   ร่างสูงใหญ่หันมาพร้อมกับขวดน้ำมันจารบีในมือ

“ จะเอาไปหยอดโซ่จักรยานน่ะ เจ้าไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม?”   ใบหน้าของนายช่างหนุ่มพยักให้ โคงามิจึงได้ขอตัวออกมาแล้วก้าวขากลับไปยังเรือนพักของตน

เสื้อนอกของทหารถูกพาดเอาไว้กับราวระเบียงที่ตอกขึ้นจากไม้ง่ายๆ  มือใหญ่พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นจนถึงข้อศอกก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงที่หน้ารถจักรยานซึ่งถือว่าเป็นของแปลกใหม่ในสมัยนี้...ใบหน้าเฉยชาทอดสายตามองล้อโปร่งที่ทำจากเหล็กของมันแล้วก็อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้....เขามั่นใจเลยว่าเจ้านี่ต้องเป็นจักรยานคันแรกบนเกาะนี้แน่นอน!

มือใหญ่หยอดน้ำมันลงบนโซ่ที่รู้สึกจะฝืดๆไปก่อนจะหมุนบันไดให้น้ำมันหล่อลื่นจนโซ่ทั้งวงกลับมาหมุนได้คล่องดังเดิม มือไขน็อตตรงนู้นทีตรงนี้ทีก่อนจะตบฝ่ามือลงไปบนเบาะหลังสำหรับคนซ้อนเบาๆเมื่อเขาซ่อมบำรุงมันจนเสร็จ

เอาละ ใช้ได้!

ถึงเขาจะไม่ใช่ช่างจริงๆ แต่จากการที่ต้องคลุกคลีกับพวกกรมช่างทหารมานานกับอีแค่ซ่อมจักรยานเลยไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ร่างสูงใหญ่คร่อมลงไปบนอาน...เอาไปลองปั่นแถวๆนี้ดูดีกว่า

และเมื่อรองเท้าบูทเหยียบลงไปบนบันได จักรยานที่เป็นเหล็กทั้งคันก็วิ่งฉิวไปตามถนนดินที่พวกเขาเพิ่งจะขี่ม้าผ่านมาเมื่อกี้นี้ทันที

ลมทะเลที่ปะทะเข้ามายังใบหน้าถึงจะหอบกลิ่นเค็มมาด้วยแต่มันกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด โคงามิปล่อยจักรยานให้ไหลไปตามแรงโน้มถ่วงเมื่อถึงช่วงที่วิ่งลงเนิน ทิวทัศน์ที่แตกต่างจากตอนอยู่บนหลังม้าทำให้ร่างสูงใหญ่ทอดสายตามองไปยังท้องทะเลระยิบระยับอย่างไม่รู้เบื่อ

ดีจริงๆที่ตัดสินใจรับงานนี้แล้วติดตามเจ้านายช่างเพื่อนยากมาอีกครั้ง...เพราะมันคงจะเป็นงานสุดท้ายที่จะลงพื้นที่แบบนี้ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของเขามันก็ควรจะเข้าไปอยู่อย่างสงบๆในกรมได้แล้ว

ควรจะกลับไปอยู่บ้านแล้วแต่งงานแต่งการตามที่แม่ขอร้องสักที...

ในเมื่อเขาไม่ได้พยายามจะหนีจากครอบครัวเหมือนเจ้านายช่าง...เพียงแต่...เขายังหวังว่าจะมีอะไรหรือใครมาทำให้คนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างเขาหันไปสนใจได้บ้างจากการออกพื้นที่ก็เท่านั้นเอง

“ หยุดนะ!”   หื๋อ? พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ถึงกับหลอนจนได้ยินเสียงใครสักคนสั่งให้เขาหยุดอยู่ตรงนี้เลยหรือยังไง...หึหึ...ใบหน้าได้แต่ส่ายไปมา....ทว่า...

“ บอกให้หยุดไงไอ้หัวดำงี่เง่า!”   เสียงตะโกนจากที่ไกลๆนั่นมันก็ยังดังอยู่? แถมเรียกไอ้หัวดำงี่เง่านี่มัน....เขาหรอ?

วงล้อที่หมุนช้าๆอยู่แล้วค่อยๆหยุดลง ร่างสูงใหญ่ที่คร่อมมันเอาไว้เอี้ยวตัวมองรอบกายเพื่อหาต้นตอของเสียง...ไม่น่าจะหลอนไปเองแล้วมั้งแบบนี้?

“ เจ้า!! เอาคืนมานะ!”   เสียงเหมือนคนทะเลาะกัน? ฟังจากรูปประโยคก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขาแล้วไหมนะในเมื่อเขายังไม่ทันจะได้เอาอะไรของใครไป?

ร่างสูงใหญ่ไหลจักรยานไปอีกนิดหน่อยเพื่อให้พ้นเนินที่บังตลิ่งสูงๆต่ำๆตามธรรมชาติที่อยู่ด้านหลัง....ในที่สุดก็รู้แล้วว่านั่นเป็นเสียงอะไร....

มีคนทะเลาะกันอยู่จริงๆด้วย...ไม่สิ...จะพูดว่าทะเลาะกันก็คงไม่ถูกนักเพราะร่างโปร่งบางที่อยู่ในกิโมโนสีเข้มนั่นกำลังทะเลาะกับอีกาอยู่ต่างหาก...

“ อุ๊บ!....หึหึ....”  ภาพตรงหน้าทำเอาถึงกับกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว  ก็รู้อยู่หรอกนะว่าไม่ควรจะไปหัวเราะคนที่กำลังเดือดร้อน แต่ร่างโปร่งบางที่กำลังยื้อแย่งแผ่นกระดาษกับอีกานี่มันก็....นะ

“ ปล่อยนะ! นี่มันของข้า เอาคืนมา!”   มันจะรู้เรื่องไหมนั่น...ร่างโปร่งบางตะโกนด่าอีกาไปมือก็ไล่ตะครุบกระดาษไป อีกไม่นานคงโดนอีกาลากตกทะเลแน่อีแบบนี้...แล้วมีหรือคนดีอย่างเขาจะทนเฉยอยู่ได้ คงต้องยื่นขาเข้าไปช่วยคนคนนั้นจากการถูกอีการังแกซะแล้ว

“ อุ...ฮ่าๆๆ”   ไม่ไหว...แค่นึกก็ขำจนท้องจะแตก เขาจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนอีกามันตกใจบินขึ้นไปสังเกตการณ์อยู่บนฟ้า ใบหน้ามนของคนที่ทะเลาะกับอีกาอยู่จึงหันมามองเขาตาเขียว

แต่เพราะใบหน้าเรียวหันมานั่นแหละ...หัวใจที่ตายด้านของเขามันถึงได้เต้นราวกับมีชีวิตขึ้นมา...


อะไรกันนะ?


คนคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดใจแต่ก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร

จะว่าเป็นเพราะใบหน้าที่สวยละมุนละไมแต่ก็ดูจะเอาแต่ใจนั่นก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นเพราะท่าทางแสนงอนจากริมฝีปากที่เม้มแน่นจนเกือบจะงอง้ำนั่นก็ไม่เชิง  จะว่าเป็นเพราะร่างกายที่ดูโปร่งบางติดจะอ่อนแอเพราะถึงแม้จะอยู่ปลายฤดูร้อนก็ยังสวมเสื้อคลุมฮาโอริเหมือนคนป่วยแบบนั้นมันก็ไม่น่าจะใช่

เป็นเพราะอะไรกันนะ...ที่ทำให้เขาก้มลงไปหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาก่อนจะไล่อีกาตัวนั้นไปด้วยจิตสังหารที่มันคงจะรับรู้ถึงได้บินหนีไปไม่กลับมาอีก

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาเดินทางมามาก ได้พบกับผู้คนหลากหลาย ได้เจอกับผู้หญิงสวยๆตั้งไม่รู้เท่าไหร่...แต่กลับไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้เลย...


น่าสนใจ....น่าสนใจจริงๆ....


“ อะ....คือ.....”   ร่างโปร่งบางอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่จู่ๆก็หยุดไป ใบหน้าขาวซีดกลับขึ้นสีแดงทีละน้อยจนเขาอดที่จะขำไม่ได้ และเมื่อนัยน์ตาเรียวสวยคู่นั้นเหลือบขึ้นมาเห็นปฏิกิริยาตัวสั่นจากการกลั้นขำของเขา เจ้าของใบหน้าได้รูปจึงเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะสะบัดตัวแล้วเดินหนีไปทันที ร่างในกิโมโนสีเข้มก้มลงเก็บกระดาษพลางเหลือบมองมาที่เขาด้วยสายตาเคืองๆ....คนคนนี้...น่าสนุกจัง...

“ ........จันทร์ข้างขึ้น...โดย กิโนสะ โนบุจิกะ?”   มือใหญ่ทิ้งกิ่งไม้ลงไปบนพื้นก่อนจะหยิบกระดาษที่กระจัดกระจายแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน

“ นี่อะไรน่ะ?....ณ เส้นขอบฟ้าสุดปลายพสุธาเจ้านั้นยังอยู่ สายฝนวนผ่านฤดูกาลเวียนไหลไม่ว่าสิ่งใดย่อมเปลี่ยนแปล...แต่เจ้าเชื่อไหมว่าใจข้ายังมั่นคง............บทละคร....หรอ?”   ริมฝีปากรสบุหรี่ไล่อ่านตามตัวอักษรอันสวยงามซึ่งอยู่บนกระดาษอีกแผ่นที่เขาเก็บขึ้นมาได้ ภาษาที่สละสลวยนั้นมันไม่น่าจะเป็นคำพูดที่คนปกติจะใช้กัน ถึงเขาจะไม่เคยคุ้นกับพวกละครอย่างคาบุกิแต่จากการคาดเดาแล้วเขาก็คิดว่าน่าจะใช่....นี่น่าจะเป็นบทละครคาบุกิ?

“ เจ้าเป็นคนแต่งงั้นหรอกิโนะ?”   คำเรียกชื่ออีกฝ่ายที่ตั้งขึ้นให้เองเสร็จสรรพทำให้ร่างโปร่งก้าวฉับๆเข้ามาหาก่อนจะดึงกระดาษในมือเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

“ อย่ามาเรียกชื่อคนอื่นตามใจชอบแบบนั้นนะเจ้าบ้า!”   แล้วกิโนะก็กลับไปหอบกระดาษและข้าวของที่กองอยู่ก่อนจะเดินหนีไปจนสุดปลายเนิน

ร่างโปร่งบางเดินดุ่มๆไปจนคิดว่าไกลพอแล้วจึงวางข้าวของลง ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วแก้มป่องพยายามจะไม่หันไปมองเจ้าคนหยาบคายนั่นอีก...ถึงจะรู้สึกขอบคุณที่ไล่อีกาให้แต่ผู้ชายแบบนั้นไม่สมควรได้รับคำขอบคุณจากเขาหรอก!...แย่ชะมัดที่หมอนั่นดันมาเห็นเขาในสภาพน่าอายแบบนั้นซะได้

ร่างในกิโมโนสีเข้มนั่งลงไปบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ สายลมอ่อนๆพัดเอากลิ่นทะเลเข้ามาใบหน้าเรียวจึงเงยขึ้นสูดมันเข้าไป เส้นผมสีดำเคลียไล้ไปตามแก้มจนเผลออมยิ้มไปกับสัมผัสจักกะจี้น้อยๆนั่น นัยน์ตาสีดำทอดมองไปยังท้องคลื่นที่ซัดสาดเบาๆเข้ามายังโขดหินที่อยู่เบื้องล่าง ประกายระยิบระยับที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้จินตนาการถึงเรื่องราวต่างๆนานาได้ไม่ยาก....เอาละ...ได้เวลาที่ต้องลงมือเขียนเรื่องใหม่เสียที เพราะถึงแม้ว่าหลังจบจากเรื่องจันทร์ข้างขึ้นนี่ไป โรงละครคานามารุสะจะนำผลงานเก่าอย่างนกกระสากับพญาเหยี่ยวมาแสดงต่อ ทว่า เขาก็ต้องเตรียมบทสำหรับเรื่องต่อจากนั้นไว้ให้ แล้วเวลาก็นับว่ามีไม่มากนักหรอกสำหรับคนที่มีร่างกายไม่ค่อยจะดีนักแบบเขา

มือเรียวหยิบกระดาษกับพู่กันขึ้นมา ปลายนิ้วอีกข้างทัดปลายผมเอาไว้กับใบหู เขาไม่รู้หรอกว่าใบหน้ายามเขียนหนังสือของตัวเองนั้นเป็นเช่นไร แต่ในใจยามนี้กำลังมีความสุข


ใช่...กิโนะคงจะไม่รู้...แต่คนที่เฝ้ามองอยู่อย่างเขากลับหัวใจเต้นระรัวไปกับภาพตรงหน้า...

จากที่แค่นึกสนุกเลยนั่งคร่อมบนจักรยานแอบดูอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นเผื่อว่าจะโดนอีกาแกล้งอีก แต่กลับกลายเป็นว่าภาพตอนที่กิโนะกำลังเขียนหนังสือมันสะกดสายตาจนไม่อาจละไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

ทั้งอบอุ่น ทั้งสวยงาม...จนบางครั้งก็เผลอคิดไปว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้....


ปลายพู่กันตวัดหมึกสีดำให้กลายเป็นลายมือสวยงามอยู่บนแผ่นกระดาษ  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่ดูเหมือนโครงเรื่องที่ตั้งใจจะวางให้เสร็จวันนี้มันก็เป็นไปตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว

ดีละ...รายละเอียดที่เหลือค่อยเอากลับไปเขียนต่อที่บ้าน ถึงในหลายๆจุดจะยังไม่ค่อยเข้าใจเพราะเขาเองก็ไม่ค่อยจะได้ข้ามไปเมืองใหญ่ๆอย่างบนฝั่งฮอนชูสักเท่าไหร่ เอาไว้คงต้องหาข้อมูลเพิ่ม เรื่องราวคราวนี้เขาตั้งใจจะให้เป็นเรื่องของชายหนุ่มที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองใหญ่เพื่อทำหน้าที่ในเกาะเล็กๆแล้วก็ไปหลงรักเด็กสาวในหมู่บ้านนั้นจนต้องช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ...มือวางพู่กันลงพร้อมกับบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า เวลาที่เขาเขียนหนังสือทีไรมักจะจมอยู่ในโลกของมันจนไม่รู้เลยว่าสภาพรอบกายเป็นอย่างไร

คราวนี้เองก็เช่นกัน เพราะเขาเพิ่งจะเห็นว่า...เจ้าผู้ชายหยาบคายที่ช่วยเขาไล่อีกาคนนั้นยังอยู่!

ใบหน้าเรียวถึงกับผงะไป...ทำไมยังอยู่อีกล่ะ? เขานึกว่าไปตั้งนานแล้ว แล้วนี่คงเห็นหมดเลยสินะว่าเขาทำหน้ายังไงบ้างตอนที่เขียนหนังสือน่ะ...

คิดถึงตรงนี้ใบหน้าก็ร้อนผ่าวด้วยความอายขึ้นมาทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะปั้นหน้าบึ้งตึงปนรำคาญทั้งๆที่ข้างในอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียให้ได้...ให้ตายเถอะ ไม่มีอะไรจะทำหรือไงหมอนั่น!

ริมฝีปากแยกเขี้ยวใส่รอยยิ้มที่ผู้ชายคนนั้นส่งมาให้ สองมือช่วยกันโกยกระดาษก่อนจะหอบมันไว้แล้วลุกพรวดพราดเดินออกไป...กลับบ้าน...หนีกลับบ้านก่อนดีกว่า...เขาไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้แปลว่าคงไม่ใช่คนที่นี่ เพราะงั้นก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เจอกันอีก!

ร่างโปร่งบางยืนรอเกวียนของชายชราที่น่าจะกลับมาในอีกไม่นานโดยมีคนที่คร่อมอยู่บนจักรยานตามมาส่ง ใบหน้าเรียวหันไปเชิดใส่และไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ทำเป็นไม่สนใจ

“ โคงามิ ชินยะ หรือเจ้าจะเรียกโคเฉยๆเหมือนเพื่อนๆของข้าก็ได้”   ชายคนนั้นแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ...ใครจะไปเรียก ใครจะไปอยากรู้จัก เพราะคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ

“ แต่เจ้านี่สุดยอดไปเลยนะกิโนะ ข้านึกว่าคนแต่งบทละครคาบุกิจะเป็นตาแก่หงำเหงือกอะไรเทือกนี้”   อย่ามาดูถูกวิชาที่เขาต้องศึกษามาแทบตายกว่าจะเขียนได้แบบนี้นะ! นัยน์ตาดุๆตวัดไปมองร่างสูงใหญ่อย่างเอาเรื่องแต่เป็นเพราะรอยยิ้มที่ส่งกลับมาทำให้กลายเป็นเขาเองที่ต้องเสสายตาไปมองอย่างอื่น

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆที่เขาเป็นใครก็ไม่รู้แต่หมอนั่นกลับเข้ามาพูดคุยด้วยตั้งมากมายแบบนี้ การพูดคุยกับคนอื่นมันง่ายดายขนาดนั้นเชียว?

“ เจ้าอยู่ที่โคโตฮิระสินะ ไว้วันหลังช่วยพาข้าชมสถานที่หน่อยได้ไหมล่ะ”   โคงามิยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียว ถึงแม้ใบหน้าเรียวจะทำเหมือนรำคาญอีกฝ่ายเต็มทีแต่ก็แอบเหลือบมองร่างสูงใหญ่นั่นด้วยความสนใจ...ก็บอกแล้วไงว่าเขากำลังเขียนเรื่องราวของชายหนุ่มที่มาจากเมืองใหญ่ แล้วทั้งเครื่องแต่งกายของหมอนั่น ทั้งจักรยานที่เขาเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้งตอนข้ามไปหาหมอที่ฝั่งฮอนชูมันก็ทำให้เขาสนใจอยู่ไม่น้อย...ถ้าแค่เอ่ยปากถาม...คนที่กำลังพล่ามไม่หยุดนี่คงยินดีเล่าให้ฟังแน่ๆ...แต่ริมฝีปากมันก็ยังคงปิดแน่นอยู่อย่างนั้นจึงทำได้แค่ลอบมองอยู่เงียบๆ

ใบหน้าเรียวชะเงื้อมองไปที่สุดปลายโค้ง...เย็นป่านนี้แล้วทำไมชายชราถึงยังไม่มาอีกนะ?

ใบหน้าของกิโนะก้มมองถนนดินด้วยท่าทางกังวลจนคนที่คร่อมจักรยานอยู่ข้างๆรู้สึกได้ แดดที่เริ่มจะอ่อนแสงลงทำให้ร่างสูงใหญ่ตัดสินใจเอ่ยออกไป

“ ให้ข้าไปส่งไหม?”   ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมามองเขาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

“ นี่ไง ซ้อนจักรยานข้าไป รับรองว่าถึงไวกว่าเกวียนแน่ๆ”  วูบหนึ่งที่นัยน์ตาของกิโนะมองเขาราวกับซาบซึ้งแต่ไม่นานมันก็กลับไปเข้มงวดตามเดิม ใบหน้าเรียวก้มลงไปมองเบาะหลังของจักรยานราวกับคนกำลังต่อสู้กับความต้องการของตัวเองจนเขานึกอยากจะขำขึ้นมา...อยากนั่งใช่ไหมล่ะ? เขาก็รู้อยู่หรอกนะว่ากิโนะแอบมองจักรยานของเขาอย่างสนใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่ความดื้อรั้นปากแข็งทำให้ไม่ยอมพูดออกมา ถึงพยายามจะปกปิดเอาไว้แต่กลับเป็นคนที่ดูง่ายและน่าสนุกจนเขาอดที่จะเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้เลยละ

“ มาสิ”  มือใหญ่เอื้อมออกไปหมายจะคว้าตัวบางๆนั่นให้นั่งซ้อนลงมา ทว่า กิโนะกลับสะบัดปัดมือของเขาทิ้ง  จะด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติหรือไม่คุ้นกับการถูกจับเนื้อต้องตัวก็ไม่แน่ใจแต่สัมผัสเพียงไม่ถึงวินาทีที่ปลายนิ้วของเขาแตะลงที่หลังมือสีซีดนั่นมันก็ทำให้เขาถึงกับชะงัก...ทำไมตัวถึงเย็นขนาดนั้น...

“ อะ...โทษทีกิโนะ”   เขาเอ่ยขอโทษหลังจากที่เห็นใบหน้าเรียวนั่นก้มลงแทบจะคางชิดอก  นัยน์ตาของกิโนะที่แอบเหลือบมองขึ้นมามันทำให้เขารู้ว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายคงไม่ได้ตั้งใจจะปัดมือเขาทิ้ง แต่ด้วยความปากแข็งเลยไม่รู้จะสื่อสารกับเขายังไง

ให้ตายเถอะ เจ้าคนไร้เดียงสาแบบนี่น่ะหรอที่เป็นคนเขียนบทละครคาบุกิที่ทั้งดราม่า เศร้าเคล้าน้ำตา แล้วไหนจะยังบทรักหวานซึ้งกึ่งๆอีโรติกแบบนั้นน่ะ

สงสัยต้องลากเจ้านายช่างไปดูซะหน่อยแล้วคืนนี้!

“ มาเถอะกิโนะ อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว มันจะอันตรายนะ”   ร่างโปร่งยังลังเลอยู่อีกพักใหญ่จนในที่สุดก็ยอมเดินมานั่งลงที่เบาะหลังจักรยานของเขาจนได้...แล้วทำไมเขาถึงดีใจขนาดนี้กันนะ

วงล้อที่เป็นซี่เล็กๆซึ่งทำมาจากเหล็กกล้าค่อยๆหมุนวนช้าๆ กลิ่นเค็มของทะเลค่อยๆจางหายไปจนกลายเป็นกลิ่นของผืนป่าแทน อันที่จริงระยะทางจากทะเลถึงโคโตฮิระก็ใช่ว่าจะใกล้ๆแต่ร่างสูงใหญ่กลับขี่จักรยานด้วยท่าทางสบายๆ คนที่นั่งหันข้างซ้อนท้ายอยู่เกลี่ยปรอยผมออกจากใบหน้าอมยิ้ม ยังดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นว่านัยน์ตาที่เขาทอดมองแผ่นหลังกว้างนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นไร



ก่อนจะถึงตัวเมืองโคโตฮิระกิโนะกลับบอกให้เขาเลี้ยวเข้าไปยังทางที่โอบล้อมไปด้วยป่าไผ่  ร่างโปร่งลงจากจักรยานก่อนจะเดินหายไปตามขั้นบันไดกว้างๆที่ทอดขึ้นสู่เนินเขาที่เป็นป่าทึบ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บนนี้นั้นสูงเสียดฟ้าจนเผลอคิดไปว่าอายุคงมันคงจะเป็นร้อยๆปี...กิโนะอยู่ที่นี่งั้นหรอ...

แน่นอนว่าทางเดินคดเคี้ยวนั่นคงไม่ทำให้เขามองเห็นบ้านของกิโนะได้ อีกเดี๋ยวก็จะมืดแล้วเขาจึงต้องตัดใจกลับไปที่เขตก่อสร้างก่อน เพราะยังไงคืนนี้ก็คงต้องมาที่โคโตฮิระอีกรอบ....สรุปว่าวันนี้เขามาที่นี่กี่รอบกันแล้วเนี่ย

รองเท้าบูทเหยียบที่บันไดจักรยานก่อนจะปั่นออกไป น้ำหนักที่แบกรับไม่ได้ต่างจากตอนที่กิโนะนั่งซ้อนมาเท่าไหร่จนบางทีเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าภายใต้กิโมโนนั่นจะผอมขนาดไหนกันนะถึงได้ตัวเบาขนาดนี้

“ ขะ...ขะ....ขอบ....ขอบคุณ.....”   คำพูดตะกุกตะกักและต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะเอ่ยออกมาจากเป็นคำได้ของกิโนะทำให้เขาอมยิ้มเมื่อนึกถึงมันขึ้นมา....

...น่ารัก...









ที่หน้าโรงละครคานามารุสะในคืนนี้คึกคักสมกับที่เป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์จริงๆ

ร่างระหงของเจ้าของโรงละครยืนต้อนรับผู้ชมที่กำลังทยอยเข้ามาจนเริ่มจะหนาตา ที่นั่งถูกจับจองจนเต็มตั้งแต่หัวค่ำ เห็นแบบนี้แล้วใบหน้าสวยก็อดที่จะยิ้มแก้มปริไม่ได้

แต่รอยยิ้มก็ถูกชักกลับไปเมื่อคนกลุ่มหนึ่งมาถึง...


พวกยามาโมโตะ...


ฝูงม้าหยุดลงที่ด้านหน้าก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของคุณชายเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจะเดินเข้ามาหา...เอาม้ามาแบบนี้แสดงว่าคนพ่อไม่ได้มาด้วยสินะ เพราะถ้าเป็นกลุ่มคนหนุ่มของลูกชายมักจะไปไหนมาไหนด้วยม้ามากกว่าจะใช้รถเทียมม้า

และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเจ้าของโรงละครผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย...

เด็กหนุ่มจากตระกูลสูงศักดิ์โค้งให้เขาก่อนจะก้าวขาเข้าไปด้านใน  อันที่จริงเขาไม่มีอะไรกับยามาโมโตะ ทาเคชิหรอก...แต่กับคนที่เดินตามหลังมานั้นไม่ใช่

ถึงแม้ว่าเขาจะโค้งให้ ยามาโมโตะ ชิโนดะ คนสนิทที่เลี้ยงดูคุณชายเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลมา...ทว่า...สายตาที่เขาสบประสานกับอีกฝ่ายนั้นมันแข็งกร้าวอย่างที่ชายผมสีดอกเลาก็คงรู้ดีว่าเขาไม่เคยให้อภัยอีกฝ่าย

แน่นอนว่าชายคนนั้นก็ไม่เคยให้อภัยเขาเช่นกัน...

แต่อีกไม่นานหรอก....

อีกไม่นาน...


เจ้าจะได้รับการแก้แค้นจากข้าอย่างสาสม...


แล้วนัยน์ตาคู่สวยก็หันไปมองตามแผ่นหลังของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก....

เขารู้...ว่าเด็กคนนี้ต้องแก้แค้นให้เขาได้แน่ๆ...เพราะว่าถูกเลี้ยงดูมาด้วยความหวังทั้งหมดของตระกูลและมันจะเป็นตัวหล่อหลอมให้ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่เหมือนกับ.........

เสียงม้าหยุดลงที่ตรงหน้าทำให้เจ้าของโรงละครคนงามหลุดออกมาจากภวังค์

ชายสองคนที่ก้าวลงมาจากหลังม้านั้นเขาไม่เคยเห็นหน้า ท่าทางสง่าผ่าเผยชวนให้นึกถึงพวกทหารทั้งๆที่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในชุดยูกาตะสีเข้ม  คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่แต่อีกคนหนึ่งมีร่างกายที่เล็กกว่าทว่ากลับดูแข็งแกร่ง...หรือว่าจะเป็น...

“ นายช่าง? พวกท่านคือคนที่เค้าล่ำลือกันว่าจะมาสร้างสะพานข้ามไปฝั่งฮอนชูใช่หรือไม่?”  ใบหน้าสวยทักทายชายสองคนที่พยักหน้ารับ

“ เด็กที่ชื่อเรนแสดงรอบไหน?”  แทนที่เจ้าของโรงละครคนงามจะผงะไปเมื่ออีกฝ่ายจงใจถามถึงเรน แต่ใบหน้าสวยกลับยิ้มรับอย่างไม่แปลกใจที่ได้รู้ว่านายช่างจะรู้จักนักแสดงของตน....ในเมื่อเจ้าเรนของเขาก็เอาอีกฝ่ายมาด่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ

“ เรนแสดงรอบหลัง ท่านจะนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้”

“ งั้นไม่เป็นไร ดูตั้งแต่รอบนี้เลยก็แล้วกัน”   เขายื่นตั๋วให้นายช่างก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นบันไดไปยังที่นั่งชั้นบนที่ฝั่งซ้าย...ถ้าจำไม่ผิดเหมือนพวกยามาโมโตะจะอยู่ที่ฝั่งขวา?

นัยน์ตาคู่สวยทอดมองแผ่นหลังแข็งแกร่งนั่นด้วยสายตาอ่อนโยน...ถ้าเป็นเหมือนที่เขาหวังไว้ก็คงจะดี เพราะเท่าที่ดูแล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เรนเอามาบ่นให้ฟัง...ไหนว่าท่าทางเหมือนปีศาจ? ไหนว่าดุโฉดโหดเลว? ไหนว่าเป็นตาลุงโรคจิต? ที่เขาเห็นนี่มันไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิดไม่ใช่หรือไง?

ว่าแล้วก็เดินไปดูเจ้าตัวดีของเขาสักหน่อยดีกว่า





ที่ห้องแต่งตัวด้านหลังเวทีนั้นกำลังวุ่นวายได้ที่ ถึงจะตระเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้พร้อมแต่ถึงเวลาขึ้นแสดงจริงทีไรก็เป็นอันต้องเห็นนักแสดงวิ่งไปวิ่งมาหยิบนู่นหานี่กันแบบนี้ทุกที นี่ขนาดโรงละครของเขามีห้องแต่งตัวหลายสิบห้อง มีตั้งสองชั้นบนล่างแต่ก็ดูเหมือนไม่เคยพอเพียงเลย ร่างระหงก้าวขาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งมีเสียงที่คุ้นเคยดังลอดออกมา

“ เงยหน้าขึ้นอีกนิดซิข้ามองไม่ถนัด”   เรนที่แสดงในรอบถัดไปจึงมาช่วยฮายาโตะแต่งตัวก่อนและตอนนี้มือบางก็กำลังเชยคางมนของเพื่อนสนิทให้เงยขึ้นอีกนิดเพื่อที่จะใช้พู่กันเขียนปากให้  ปลายสีแดงถูกแต่งแต้มลงไปบนกลีบปากของฮายาโตะ นัยน์ตาสีมรกตต่างจ้องมองกันและกัน คู่หนึ่งมองไปที่ใบหน้าของคนที่กำลังแต่งหน้าให้ตน ส่วนอีกคู่ก็จ้องไปที่ริมฝีปากของอีกคน

“ เรียบร้อย...มา...ข้าจะใส่ผมให้เจ้า”  เส้นผมสีเงินถูกรวบตึง ถึงแม้จะแต่งหน้าขาวตามแบบอย่างของละครคาบุกิแต่รูปหน้าที่จัดว่างงดงามก็ทำให้โกคุเดระ ฮายาโตะเข้ากับผมปลอมทุกอันรวมไปถึงเสื้อผ้าทุกชุดด้วย เรนครอบผมปลอมที่เกล้าสำเร็จอยู่แล้วลงไปก่อนจะก้มลงไปติดยึดมันให้แน่น 

ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนก่อนจะถอดกิโมโนที่สวมอยู่จนเหลือแค่กิโมโนตัวใน สองแขนกางออกมาเพื่อให้เรนช่วยสวมกิโมโนที่ใช้ในการแสดงให้ มันทั้งหนาและหนักเพราะมีกลไกที่ใช้สำหรับแสดงการเปลี่ยนชุดแบบรวดเร็วที่หน้าเวทีซึ่งถือเป็นสีสันของคาบุกิ มันจึงไม่ใช่ชุดที่จะสวมด้วยตัวเองได้ง่ายๆเลย

มือบางของเรนช่วยจัดแต่งคอกิโมโนให้เรียบร้อย เท่านี้สาวน้อยก็จะได้ไปรอคอยชายหนุ่มคนรักอยู่บนเวทีแล้ว

“ ไปกันเถอะ”   เสียงใสเอ่ยเรียกกันและกันอย่างตื่นเต้น ทุกครั้งก่อนการแสดงเจ้าสองดาวเด่นนี่ก็มักจะไปแอบดูผู้ชมอยู่ที่หลังม่านอยู่เสมอ คราวนี้เองก็เช่นกัน

“ .......มากันเต็มเลยนะ....”   มือบางแอบแหวกม่านน้อยๆเพื่อส่งสายตาให้ลอดผ่านไป ที่นั่งถูกจับจองจนเต็มไม่ว่าจะตรงกลาง ข้างซ้ายหรือข้างขวา...ชั้นบนเองก็เต็มเหมือนกัน

“ อ๊ะ!”   เรนอุทานออกมาเมื่อสายตาไปสะดุดกับใบหน้าที่คุ้นตา ถึงแม้ว่าจะมาในชุดยูกาตะไม่ใช่ชุดทหารแต่เขาก็จำได้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร...เจ้าผู้ชายที่ไล่จับเขา!

“ มาดูด้วยหรอเนี่ย...จะเสียสมาธิไม่ได้นะเรน”   ฮายาโตะเอ่ยแซวเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสนิทกำลังกัดฟันกรอดเมื่อมองไปที่ชายคนนั้น ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะหันกลับมามองให้ดีๆอีกที...ที่นั่งชั้นบนฝั่งซ้ายนั้นถูกแบ่งเป็นล็อคๆอาจจะไม่ถึงกับเป็นห้องส่วนตัวแต่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนทีเดียว...ชายที่เคยช่วยน้องๆที่ศาลเจ้าของเขาอยู่ในชุดยูกาตะสีเข้ม ถึงจะดูแปลกตาไปจากตอนที่เคยเจอกันแต่ความโดดเด่นนั้นก็ต้องยอมรับ เชื่อได้เลยว่าคงจะเป็นที่รู้จักและมีแต่หญิงสาวรุมตอมแน่ๆ และถ้าพูดถึงความโดดเด่น....

นัยน์ตาสีมรกตหันกลับมามองที่ชั้นสองทางฝั่งขวา ไม่ต้องเดาเลยว่าพวกยามาโมโตะนั่งอยู่ตรงไหน เพราะคุณชายเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลนั้นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน  ใบหน้าสวยลอบมองไปที่ร่างสูงใหญ่ วูบหนึ่งที่ในใจรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้....ยิ่งอีกฝ่ายทอดสายตามองลงมายังหน้าเวทีก็ยิ่งรู้สึกถึงฐานะที่แตกต่าง...

“ เอาละๆ พวกเจ้าพร้อมกันแล้วหรือยัง? ได้เวลาแสดงแล้วนะ มารวมตัวกันได้แล้ว”   เสียงของคัตสึระ โคทาโร่ ที่เรียกให้รวมตัวทำให้ใบหน้าสวยหลุดออกมาจากภวังค์ อะไรกันนะความรู้สึกแบบนั้น.....

ใบหน้าสวยสะบัดไล่ทุกอย่างออกไปก่อนจะกลับมามีสมาธิไปกับการแสดงที่อยู่ตรงหน้า...

และแล้ว “จันทราข้างขึ้น”  ก็ได้อวดโฉมแก่ผู้ชมในที่สุด....








“ ณ เส้นขอบฟ้าสุดปลายพสุธาเจ้านั้นยังอยู่ สายฝนวนผ่านฤดูกาลเวียนไหลไม่ว่าสิ่งใดย่อมเปลี่ยนแปล...แต่เจ้าเชื่อไหมว่าใจข้ายังมั่นคง....”   ....ต้องยอมรับเลยว่าโกคุเดระ ฮายาโตะในยามนี้นั้นราวกับมีมนต์สะกด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังร่างบอบบางซึ่งยืนถือร่มอยู่ใต้ต้นซากุระ ใบหน้าสวยที่โหยหาชายคนรักซึ่งจากไปยังแดนไกลไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่เพราะไฟสงครามทำให้บรรดาหญิงสาวที่เข้ามาดูต่างหลั่งน้ำตาลงมาโดยไม่รู้ตัว ทุกสรรพสิ่งในโรงละครต่างก็นิ่งงันราวกับทุกคนกำลังเอาใจช่วยให้สาวน้อยคนนั้นได้พบกับชายหนุ่มที่รักเสียที

นายช่างหนุ่มยกมือขึ้นกอดอกพลางจ้องมองลงไปยังเวที ถึงจะเป็นละครรักโศกเศร้าเคล้าน้ำตา ทว่า ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้เขาสนใจได้ไม่น้อย ทั้งเรื่องราว ทั้งฉาก ทั้งดนตรี ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด แน่นอนว่าคนที่มีส่วนสะกดสายตาของเขาไว้มากที่สุดก็คงไม่พ้นนักแสดง

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองลงไปยังร่างบอบบางที่ยืนอยู่กลางเวที....นั่นมันเจ้าเด็กหัวเงินปากเป็นกรรไกรจริงๆรึ? มาเห็นแบบนี้แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ป้าๆในย่านการค้านั่นจะชมนักชมหนา...เขาเองก็ยอมรับ...ว่าถูกใจในความเฉลียวฉลาดของเด็กนั่นอยู่มากทีเดียว

แล้วก็ไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่เขาจ้องมอง โกคุเดระ ฮายาโตะ มันถึงได้รู้สึกราวกับมีคมมีดพุ่งเข้ามากรีดผิวหนังให้รู้สึกอึดอัด

จิตสังหาร?

ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำเงยขึ้นไปมองที่ฝั่งตรงข้าม...เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆในเมื่อนัยน์ตาเย็นเฉียบของคุณชายยามาโมโตะกำลังจ้องมาที่เขาเขม็ง...เจ้าเด็กนั่น...คิดจะเป็นศัตรูกับเขาอย่างไม่มีปิดบังเลยสินะ....ได้...

สรุปว่ากว่าการแสดงจะจบ...ประกายราวกับไฟฟ้าช็อตก็ถูกส่งไปมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ....






การแสดงแต่ละรอบมีเวลาพักราวๆครึ่งชั่วโมง ผู้ชมต่างผลัดเปลี่ยนหรือไม่ก็ออกไปสูดอากาศหายใจที่ด้านนอก ที่ห้องแต่งตัวด้านหลังเองก็กำลังวิ่งกันวุ่น นักแสดงก็แต่งตัวกันไป ทีมงานก็เช็คอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการแสดง

“ เจ้านี่อยู่นิ่งๆสิ!”   โกคุเดระ ฮายาโตะเอ็ดเพื่อนสนิทที่ยังสูดน้ำมูกไม่หยุด มือบางจับยึดปลายคางมนของเรนเอาไว้ก่อนจะลงแป้งสีขาวลงไปบนใบหน้าและลำคอ

“ มีอย่างที่ไหนมัวแต่ดูข้าแสดงแล้วก็ยืนร้องไห้ขี้มูกโป่งจนไม่ลงแป้งของตัวเองเนี่ย...แทนที่ข้าจะมาช่วยเจ้าแต่งหน้าได้เลย นี่กลับต้องมาเริ่มตั้งแต่ต้นแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”   ริมฝีปากสีสดที่ยังไม่ทันจะได้ลบเครื่องสำอางบนใบหน้าของตัวเองบ่นยาวเป็นหางว่าว มือก็ปาดแป้งเหลวลงบนใบหน้าใสของอีกฝ่ายไปด้วย

“ ก็มันซึ้งนี่นา...”   เรนนั่งนิ่งๆให้ฮายาโตะแต่งหน้าให้ ในใจยังคงชื่นชมให้กับความสามารถของเพื่อนสนิทที่แสดงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ

“ บ้ารึเปล่าเจ้าเนี่ย เดี๋ยวตัวเองก็ต้องแสดงแบบนั้นแท้ๆ อยู่นิ่งๆสิข้าจะทาปาก”   ปลายคางมนถูกเชยขึ้นไปก่อนที่ใบหน้าสวยของฮายาโตะจะยื่นเข้ามาใกล้ พู่กันแต่งแต้มลงไปจนกลีบปากกลายเป็นสีแดงสด

ผมปลอมถูกครอบลงไปบนเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดเป็นจุกอยู่บนหัว ปิ่นปักผมห้อยละลงมาเสริมให้ใบหน้ามนดูน่ารักราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ร่างโปร่งบางยืนขึ้นก่อนจะกางแขนให้ฮายาโตะช่วยสวมชุดกิโมโนให้ แล้วก็แทบจะทันทีที่โอบิถูกประดับประดาเรียบร้อยเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู

“ เรน...มีคนเรียกให้เจ้าไปพบน่ะ”   นักแสดงที่แสดงจบไปเมื่อรอบก่อนยืนพิงประตูอยู่ด้วยใบหน้าติดจะไม่พอใจ สายตาที่เหยียดมองมานั้นแสดงซึ่งความอิจฉาอย่างไม่มีปิดบัง

อ้อ...สำหรับพวกที่แสดงรอบแรกจบไปแล้ว ช่วงเวลานี้ก็คือเวลาแห่งการเจรจาเรื่องค่าตัวในการหาลำไพ่พิเศษสินะ....ใบหน้ามนหันไปทำหน้าหงิกใส่ก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด

“ ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ขายตัวและไม่คิดจะเจรจากับใครทั้งนั้น อีกอย่างข้ายังไม่ทันจะขึ้นแสดงเลย!

“ เจ้า....รู้รึเปล่าว่าใครเรียกเจ้าไปพบน่ะ?!  อีกฝ่ายขึ้นเสียงตอบกลับมา สายตาที่บ่งบอกว่าเขานั้นโง่จริงๆที่คิดจะปฏิเสธทำให้เรนชักจะหมดความอดทนเลยขึ้นเสียงถามกลับไปบ้าง

“ ก็แล้วมันใครล่ะ?! แต่ไม่ว่าใครข้าก็ไม่สนใจทั้งนั้น!  อีกฝ่ายจึงกำมือแน่นอย่างรำคาญเต็มที เสียงกดต่ำเป็นคำพูดออกมาว่า

“ แม้แต่คุณชายยามาโมโตะเจ้าก็ยังคิดที่จะปฏิเสธอีกงั้นหรอ? หึ ถือว่าเลือกได้งั้นสินะ”   แล้วชื่อที่หลุดออกมาจากใบหน้าจัดจ้านก็ทำให้สองดาวเด่นแห่งโรงละครคานามารุสะถึงกับชะงักไป.....หนึ่งก็แค่แปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเรียกตนไปหาในเมื่อปกติแม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ....ส่วนอีกหนึ่งที่นิ่งไปเพราะเหมือนหัวใจจะหยุดทำงาน จู่ๆมันก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาเมื่อต้องรับรู้ว่าคนที่ยามาโมโตะเลือกคือเรน...ไม่ใช่ตน...

“ เอ๊ะ? คุณชายยามาโมโตะ?”  เรนตอบรับด้วยสีหน้าที่ยังมึนงง

“ ก็ใช่น่ะสิ! เค้าเรียกเจ้าไปพบ!   แล้วคนที่มาส่งข่าวก็กระทืบเท้าจากไป ร่างโปร่งบางเตรียมจะก้าวขาไปหาคนเรียก...ทว่า...ฝ่ามือของเพื่อนสนิทก็รั้งต้นแขนเอาไว้เสียก่อน

“ เรน....”   เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยออกมาพร้อมกับสายตาเป็นห่วงทำให้ใบหน้ามนส่ายไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร มือสีขาวจึงยอมปล่อยเพื่อนรักแต่โดยดี

นัยน์ตาสีมรกตมองตามแผ่นหลังของเรนไป....เด็กคนนั้นคงจะคิดว่าเขาเป็นห่วงจึงได้ทักท้วง....มันก็จริงที่เขาไม่อยากให้เรนยอมมอบร่างกายให้กับชายที่ไม่ได้รัก...ทว่า...ตัวเขารู้ดีว่าลึกๆในใจแล้วเขาทำเพื่อตัวเอง...อยากให้เรนปฏิเสธ...ผู้ชายคนนั้นจะได้หันมามองเขาแทน

“ เลวจริงๆเลยเจ้าเนี่ยฮายาโตะ....”   ร่างบอบบางนั่งลงที่พื้นเสื่อทาทามิอย่างหมดแรง นัยน์ตาสีมรกตทอดมองเข้าไปในกระจกที่สะท้อนใบหน้าของตัวเองออกมา...เขาควรจะดีใจสิ ที่เพื่อนสนิทจะมีคนรัก มีคนอุปการะที่เพียบพร้อมขนาดนั้น ถึงยามาโมโตะจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้...ปกป้องเรนได้...

มือถอดต่างหูออกก่อนจะวางมันลงไปในกล่องด้วยใบหน้าเลื่อนลอย...ความเจ็บปวดที่เกิดอยู่ในอกซ้ายคงปฏิเสธหรือหลอกตัวเองต่อไปอีกไม่ได้แล้วว่า


เขารักผู้ชายคนนั้น...

เขารักยามาโมโตะ ทาเคชิ...


ทั้งๆที่รู้ว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังรัก

เพราะรู้ว่าไม่คู่ควรจึงได้แต่แอบมองมาตลอด หลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายนอกไปจากความไม่ชอบขี้หน้า ต่อหน้าก็ปฏิเสธก็ด่าว่า ดีแต่ดื้อดึง ดีแต่ปากแข็ง...แล้วเป็นไง...ผู้ชายคนนั้นถึงได้หันไปเลือกคนที่น่ารักกว่า พร้อมที่จะเชื่อฟังมากกว่า...


เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปหรอก ไม่คิดจะไปยื้อแย่งให้ได้มาเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นใครและยามาโมโตะเป็นใคร

ยิ่งคราวนี้...คงต้องตัดใจให้ได้จริงๆ เพราะคนที่ยามาโมโตะเลือกคือเรน...ไม่ใช่เขา....


ใบหน้าสวยเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคอ...แพขนตากระพริบถี่ๆเช่นเดียวกับริมฝีปากที่เม้มแน่น...จะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่ได้...ต้องเก็บมันเอาไว้ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม....










ร่างโปร่งบางในชุดกิโมโนหนาหนักหันไปหันมาเพื่อมองหาคนที่เรียกตนออกมา.....มีอะไรกันนะ?

แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็มองเห็นแผ่นหลังกว้างในยูกาตะสีดำยืนอยู่ไม่ไกล...ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยต้องการตนเลยแต่ก็อยากจะลองเรียกดูสักครั้งในชีวิต ใบหน้าซุกซนจึงมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก่อนที่ริมฝีปากจะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย...

“ พี่....”  ยามาโมโตะ ทาเคชิ หันขวับกลับมาด้วยสายตาเย็นเฉียบ ใบหน้าคมถึงจะยังนิ่งเฉยแต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่ถูกเขาเรียกแบบนั้น

“ ขอโทษ....”  กลับเป็นใบหน้ามนที่หม่นลงแล้วเอ่ยขอโทษออกไปแทน...ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เคยบอกอย่างชัดเจนมาตั้งนานแล้วว่าไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องแล้วยังจะดึงดันให้มันได้อะไรขึ้นมา....เส้นแบ่งเขตระหว่างเขากับคนตรงหน้าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ควรที่จะข้ามไป...

“ ช่างเถอะ พ่อให้เอานี่มาให้”   ใบหน้าคมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะยื่นกล่องแบนๆยาวๆมาให้และเมื่อมือบางรับมันมาเปิดดู...นัยน์ตาก็ถึงกับเบิกกว้าง...เพราะข้างในมันคือปิ่นหยกสีเขียวมรกต...เหมือนกับสีตาของเขา

“ ขอบคุณ...”  หัวใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ถึงจะเลิกหวังว่าจะได้รับความรักจากพ่อแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รับของขวัญจากอีกฝ่าย

“ ใกล้จะได้เวลาแสดงแล้ว กลับเข้าไปข้างในพร้อมกับข้า”   จู่ๆมือใหญ่ก็จับลงมาที่ต้นแขนพร้อมกับออกแรงลากให้เดินไปด้วยกัน ใบหน้ามนได้แต่เงยมองเสี้ยวหน้าคมด้วยความมึนงง ปกติแล้วจะไม่อยากให้ใครเห็นตอนเจอกับเขาไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้...

ร่างสูงใหญ่เดินมาส่งเขาที่ทางเข้าหลังเวที แน่นอนว่ากว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ก็มีใครต่อใครเห็นกันมากมาย หลายๆคนก็ทำหน้าตกใจ หลายๆคนก็ซุบซิบกันให้ได้ยินตั้งแต่ที่เขายังไม่ทันจะเดินผ่านไปด้วยซ้ำ และเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินจากไป...เสียงแดกดันระคนอิจฉาก็ดังขึ้นมาจากประตูห้องแต่งตัวทันที

“ ดีจังเลยนะเรน ที่ไปต้องตาคุณชายยามาโมโตะเข้าน่ะ เค้าซื้อตัวเจ้าเท่าไหร่ล่ะคืนนี้?”

“ ก็คงจะมากโขอยู่ละมั้ง ถึงได้ยอมขายทั้งๆที่เล่นตัวมาตลอดน่ะ”

สองขาเดินผ่านหน้าพวกนั้นไปทั้งๆที่คันปากอยากจะหันไปด่าแทบตายว่าระหว่างเขากับยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เขาก็เปิดเผยความสัมพันธ์พวกนี้ไม่ได้ ขนาดฮายาโตะยังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายคนละแม่ของเขา!

ร่างโปร่งบางเดินแก้มป่องเลี่ยงไปเงียบๆ...แต่พอคิดอีกที...หรือว่านี่จะเป็นวิธีการปกป้องเขาในแบบของผู้เป็นพี่ชาย? เพราะคงจะรู้ว่าคืนนี้เขาคงต้องยุ่งยากจากพวกตาเฒ่าหัวงูแน่ๆ เลยจงใจประกาศให้คนอื่นรู้ไปเลยว่าเขามีคนจองแล้วและถ้าคนอื่นรู้ว่าอีกฝ่ายคือคุณชายของตระกูลยามาโมโตะคงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขาอีก

ใบหน้ามนจึงก้มลงไปอมยิ้มกับกล่องใส่ปิ่นในมือ...ดีใจอย่างบอกไม่ถูก...




ร่างโปร่งบางเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวของตน หัวใจดวงน้อยกำลังมีความสุขจนไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเพื่อนสนิท ยิ่งใบหน้ามนก้มลงไปมองของในมือด้วยสายตาราวกับว่ามันคือของสำคัญแค่ไหน ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินก็มีแต่อยากจะเบือนหนี

ถึงจะยังหวังดีกับเรนไม่เปลี่ยน แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะรับรู้....

ในเมื่อตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเวลาเจอกับยามาโมโตะก็มักจะมีเรนอยู่ด้วยเสมอ...อาจจะเป็นเพราะเขาเอาแต่ตั้งแง่กับยามาโมโตะจึงไม่ทันสังเกตเลยว่าทั้งสองคนไปชอบพอกันตอนไหน....

พออะไรๆมันชัดเจนเขาถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่า...เขากำลังสูญเสียคนที่ตัวเองรักให้กับเพื่อนสนิทไป....


เจ้าต้องรับมันให้ได้ฮายาโตะ....

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรนคือคนเดียวที่เจ้าจะไม่มีวันทรยศหักหลัง...

ต่อให้หัวใจจะพังจนย่อยยับแค่ไหนก็ตาม...


“ อะไรน่ะ?”   ใบหน้าสวยยื่นเข้าไปดูในกล่องที่เรนถืออยู่ น้ำเสียงพยายามปรับกลับไปให้เหมือนเดิมถึงแม้จะยากเย็นเต็มทีที่จะบังคับมันไม่ให้สั่นสะท้าน

“ ปิ่นน่ะ...พะ...เอ่อ...ยามาโมโตะให้ข้ามา”   ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวยิ่งตอกย้ำให้หัวใจเจ็บแปลบ อยากจะหันหน้าหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อมือบางของเรนเปิดกล่องออกมาให้ดู

“ มาสิ...ข้าจะปักมันให้”   ใบหน้ามนพยักรับก่อนจะยื่นปิ่นมาให้  นัยน์ตาสีมรกตทอดมองปิ่นหยกในมือด้วยสายตาปวดร้าว

แต่ก็พยายามฝืนจนปักมันไว้บนเส้นผมของเรนได้สำเร็จ...สีของปิ่นนั้นเข้ากับสีตาของเรนจนแทบจะเป็นสีเดียวกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนให้นั้นตั้งใจเลือกมาขนาดไหน...



หากเขารักเจ้าจากหัวใจข้าก็พร้อมที่จะยินดี

คงไม่มีสิ่งใดจะให้เจ้าได้มากกว่านี้อีกแล้ว...









การแสดงรอบต่อไปน่าจะใกล้เข้ามาเต็มทีดูจากผู้ชมที่เริ่มทยอยกลับเข้าไปในโรงละคร นายช่างหนุ่มจึงลากโคงามิที่ยังสูบบุหรี่ปุ๋ยๆกลับไปยังที่นั่งเดิม

ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายมันเปลี่ยนไปจากเดิม?

เพราะไม่ว่าจะเดินผ่านไปตรงไหนเป็นต้องเห็นผู้คนซุบซิบพูดคุยเรื่องอะไรบางอย่างราวกับมันเป็นข่าวใหญ่ที่ทุกคนสนใจ ขนาดกลับขึ้นมายังที่นั่งของเขาแล้วคนข้างๆก็ยังพูดคุยกันไม่ได้หยุด  ถึงที่นั่งด้านข้างจะดูเหมือนถูกกั้นเป็นส่วนตัวแต่เอาเข้าจริงมันก็มีเพียงราวเตี้ยๆโปร่งๆกั้นอยู่แค่นั้นเพราะงั้นใครพูดอะไรเขาจึงได้ยินทั้งหมดโดยไม่ต้องเงี่ยหูฟังด้วยซ้ำ

“ จริงหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย...อย่างเรนเนี่ยนะ...”   ชื่อที่คุ้นเคยถูกเอ่ยออกมาจากปากของป้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รู้สึกว่าหัวข้อของบทสนทนาจะเกี่ยวกับเจ้าเด็กเหลือขอนั่นสินะ  ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจึงนิ่งฟังทั้งๆที่ดวงตาทอดมองลงไปยังหน้าเวทีที่ม่านค่อยๆเปิดขึ้นทีละน้อยๆ

“ มีคนมากมายเห็นเลยว่าเดินออกมาด้วยกัน น่าจะถูกคุณชายยามาโมโตะซื้อตัวไม่ผิดแน่...แหม...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง บนเกาะนี้จะมีใครดีไปกว่าว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปของยามาโมโตะอีก อีกอย่างเด็กพวกนั้นก็ไปไหนมาไหนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก อาจจะชอบพอกันอยู่แล้วก็เป็นได้”   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสิ่งที่ได้ฟังถึงทำให้ใบหน้ารู้สึกชาๆ  ความหงุดหงิดที่พุ่งพล่านขึ้นมานี่ก็อีก เพราะอะไรกัน?

ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังเวทีที่สวยงามนี้มันมีแต่คราบคาวโลกีย์

เขาเป็นผู้ชายแล้วก็อยู่ในหมู่ทหารที่เป็นผู้ชายทั้งนั้น ไอ้เรื่องแบบนี้จึงได้ยินมาจนเบื่อ  ว่าหากต้องการระบายออกโดยเลี่ยงเรื่องความเสี่ยงในการมีบุตรที่จะนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่น่าปวดหัวต่างๆนานาแล้ว...การนอนกับผู้ชายด้วยกันถือว่าปลอดภัยที่สุดซึ่งพวกเด็กจากคณะละครคาบุกิจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แล้วทำไมเขาไม่เอะใจเลยนะ...ว่าเด็กนั่นก็คงจะไม่ได้ต่างไปจากเด็กของคณะละครคาบุกิคนอื่นๆ...

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองลงไปยังร่างบอบบางที่ยืนอยู่กลางเวที...ใบหน้ามนที่เงยขึ้นมาทำให้หัวใจกระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ...ร่างโปร่งบางของเด็กนั่นราวกับสาวน้อยแรกแย้ม....ความสดใสนั้นหลงให้คิดว่าเป็นดอกไม้แสนบริสุทธิ์

ทั้งๆที่จริงแล้วคงไม่ใช่....


หึ...ไม่ได้ขายแค่การแสดงสินะ....


น่าขยะแขยงจริงๆ....










ตอนนี้...โคงามิ ชินยะ กำลังประสบปัญหาใหญ่...

เมื่อจู่ๆเจ้านายช่างเพื่อนยากก็ปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำยุ่งเหยิงกระตุกยิ้มที่มุมปากพลางลอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างอ่อนใจ...เป็นอะไรเข้าอีกละนั่น?...แต่เห็นผู้เป็นเพื่อนนั่งจ้องเขม็งไปที่นางเอกของการแสดงรอบนี้อย่างกับจะมองให้ท้องกันไปข้างแล้วก็ไม่กล้ายื่นขาเข้าไปสอดเลยแหะ  เขาจึงได้แต่ยกมือขึ้นกอดอกแล้วหัวเราะแหะแหะอยู่ในใจ

รอบที่ผ่านมาก็นั่งส่งกระแสไฟฟ้าผ่านสายตากับเจ้าเด็กตระกูลยามาโมโตะ ยังดีที่ไม่นัดไปตีกันหลังโรงละครนะนั่น...ว่าแต่...ดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลคนนั้นจะไม่อยู่แล้วหรือไงนะ เจ้านายช่างถึงได้หันไปจ้องคนบนเวทีแทน

ใบหน้าคมหันไปมองที่นั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งดูเหมือนคนของตระกูลยามาโมโตะส่วนใหญ่จะยังอยู่เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปกลับหายไปจากตรงนั้น?

นะ...จะยังไงก็ช่างเถอะเพราะตอนนี้เขามีสิ่งที่น่าสนใจกว่าการมองดูผู้ชายเถื่อนๆอย่างเจ้าพวกนี้

นัยน์ตาสีดำไม่แม้แต่จะสนใจคนที่อยู่บนเวทีเพราะตอนนี้ร่างโปร่งบางที่หลบอยู่หลังม่านนั่นน่ามองกว่าเป็นไหนๆ


กิโนะก็มาดูละครที่ตนเขียนบทเรื่องนี้ด้วย....


ใบหน้าที่ดูจะลุ้นการกับแสดงบนเวทีกับท่าทางที่หลบๆซ่อนๆอยู่หลังม่านทำให้เขาเผลออมยิ้ม...เป็นถึงคนเขียนบททั้งทีน่าจะไปนั่งดูดีๆอยู่หน้าเวทีสิ แต่หมอนั่นกลับไปแอบอยู่ตรงนั้น...จะขี้อายหรือปากไม่ตรงกับใจเขาก็ไม่รู้ละ รู้แต่ว่าการได้แอบมองอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้มันน่าสนุกดีทีเดียว

เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆน้า...









เสียงการแสดงยังคงดังต่อเนื่องมาจากหน้าเวที ร่างบอบบางที่รู้ดีว่าอีกไม่นานการแสดงคงใกล้จะจบลงจึงเร่งมือลบเครื่องสำอางออกจากใบหน้า...เส้นผมสีเงินกลับมาแผ่สยายเป็นประกายอีกครั้งหลังจากที่ต้องมัดมันเอาไว้  กิโมโนลวดลายวิจิตรบรรจงถูกถอดแขวนไว้ก่อนจะเปลี่ยนมาใส่กิโมโนของตน

ใบหน้าสวยหันไปมองกองเสื้อผ้าของเรน.....จากข่าวเรื่องยามาโมโตะที่คงจะลือกันให้ทั่วโรงละครแล้ว...เขาคิดว่าคืนนี้เด็กคนนั้นคงปลอดภัยดี

แต่เขานี่แหละถ้ายังไม่รีบไปจะลำบากแน่ๆ!

เจ้าพวกตาแก่ตัณหากลับ ลูกเมียมีทำไมไม่ไปดูแล เงินทองที่จะเอามาให้เขาเอาไปบริจาคให้ศาลเจ้ายังมีประโยชน์กว่าตั้งเยอะ....ร่างบอบบางเดินก้มหน้าก้มตาบ่นขมุบขมิบออกมาจากห้องแต่งตัว แล้วยังไม่ทันจะเดินไปได้กี่ก้าว คำถามที่ทำเอาโมโหจี๊ดก็ดังขวางหน้า

“ ฮายาโตะ คุณอาคนนั้นอยากพบเจ้าน่ะ”   แน่นอนว่าโกคุเดระ ฮายาโตะด่ากราดกลับไปทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมองหน้าเลยด้วยซ้ำ

“ ไสหัวไปบอกมันเลยนะว่าข้าไม่สนใจแล้วก็ไม่ต้องมาถามอีก!”   สองขาก้าวพรวดๆหมายจะรีบหนีกลับบ้าน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โดนรังควานถึงขั้นจะทำงานนี้ต่อไม่ได้ เพียงแต่รู้สึกไม่ชอบใจเสียมากกว่าที่ใครต่อใครพากันมองศิลปะการแสดงที่เขารักว่ามันเป็นเพียงเวทีที่มีแต่เรื่องคาวโลกีย์

ใบหน้าสวยงอหงิกและหงุดหงิดทุกครั้งที่ถึงช่วงเวลาแบบนี้ ร่างบอบบางเดินดุ่มๆอย่างไม่สนใจใครออกไปทางประตูหลัง แล้วทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก นัยน์ตาสีมรกตก็ถึงกับเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของยามาโมโตะ ทาเคชิ ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ตรงนั้น


มาดักรอเขา?


ไม่สิ...อาจจะมารอเรน....

ร่างบอบบางจึงก้าวขาต่อไป ใบหน้าสวยพยายามปั้นหน้าบูดบึ้งราวกับไม่สนใจอีกฝ่าย...ขอแค่เดินผ่านไป...แค่ผ่านไปให้พ้นๆเท่านั้น


ทว่า...


ต้นแขนกลับถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้ แรงดึงทำให้ร่างกายเซถลาไปปะทะแผงอกแข็งแรง

“ จะไม่ทักทายข้าหน่อยหรอโกคุเดระ”   เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบอยู่ที่ใบหู...เขาละเกลียดน้ำเสียงหยอกเย้าของเจ้าบ้านี่นัก...ในเมื่อเลือกเรนแล้วยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก สองมือจึงผลักไสร่างสูงใหญ่นั่นออกไปทันที

“ ให้ทักเจ้า ข้าไปคุยกับหมายังจะดีกว่า!”   ฝืนทำปากดีทั้งๆที่จริงอยากจะปิดหน้าร้องไห้ให้รู้แล้วรู้รอด ร่างทั้งร่างจึงสะบัดกายแล้วเดินหนีออกมาจากตรงนั้น สองขาตั้งใจจะเดินกลับบ้าน ทว่า อีกฝ่ายก็ยังคงเดินตามมา

“ ..........”   นัยน์ตาดุๆหันไปหาเรื่องเจ้าคนใจร้ายที่เดินตามมาด้วยท่าทางสบายๆ

“ ถ้าเจ้าแวะไปคุยกับหมาเมื่อไหร่ข้าจะได้คอยห้ามไง ใครรู้เค้าจะหัวเราะเอานะ ฮะฮะ”   ใบหน้าสวยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นี่เขาคงบ้าไปเองสินะที่ไปชอบหมอนี่ แล้วก็คงบ้าไปเองสินะที่เอาแต่ทุกข์ใจอยู่แบบนี้!

“ เจ้าน่ะ...กลับไปที่โรงละครได้แล้ว...ป่านนี้การแสดงคงจบแล้วแล้วเรนก็คงรอเจ้าอยู่...”  เขามันก็ปากไม่ตรงกับใจแบบนี้แหละ เพราะต่อให้อยากจะอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจหักหลังเรนได้

“ เด็กนั่นไม่เป็นไรหรอก...ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคนของคุณชายยามาโมโตะหรอก”   ใบหน้าคมยิ้มออกมาราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร...ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้นกับเรน?  ใบหน้าสวยสะบัดหนีอย่างนึกหมั่นไส้....หึ...ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคนของคุณชายยามาโมโตะงั้นหรอ? ระวังเถอะ มาเดินลอยชายอยู่อย่างงี้ เรนถูกตาลุงที่ไหนคาบไปกินละก็เขาไม่รู้ด้วยหรอกนะ!

“ แล้วจะมาเดินตามข้าทำไม?!” 

“ ข้าจะไปไหว้ศาลเจ้า”

“ ตอนนี้เนี่ยนะ?!” 

“ อื้อ”   ฟังดูก็รู้ว่าเป็นแค่ข้ออ้าง ร่างบอบบางตวัดสายตามองใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างไม่เชื่อก่อนที่ใบหน้าบูดๆจะเสไปอีกทางแล้วปล่อยให้ร่างสูงใหญ่เดินไปส่งจนถึงศาลเจ้า

ถึงแม้จะยังสับสนกับปฏิกิริยาที่ยามาโมโตะมีต่อเรน แต่เขาก็อยากจะขอเห็นแก่ตัวสักนิด

หากในวันพรุ่งนี้ต้องยอมตัดใจ ก็ขออยู่ข้างกายแค่ในคืนนี้ก็ยังดี









การแสดงจบลงไปท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง ม่านสีทองปิดลงและผู้ชมต่างก็กำลังทยอยกันออกจากโรงละคร

แต่ร่างสูงใหญ่ของโคงามิกลับเดินฝ่าผู้คนเพื่อจะเข้าไปที่หน้าเวที

กิโนะไปไหนแล้วนะ?

แค่คิดว่าร่างโปร่งบางนั่นจะต้องเดินกลับบ้านผ่านป่าไผ่และต้นไม้ใหญ่สูงทึบแบบนั้นตอนมืดค่ำแบบนี้มันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้เรื่องของอีกฝ่ายมากนัก กิโนะอาจจะเดินอยู่ในป่านั่นจนเคยชินแต่ร่างกายที่ดูไม่ได้แข็งแรงก็ทำให้เขาสอดส่ายสายตามองหา เผื่อว่าจะแวะไปส่งในระหว่างทางที่กลับที่พักริมทะเล

แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามนักแสดงที่ยืนอยู่แถวนั้น

“ จะซื้อตัวข้างั้นหรอ?”   สิ่งที่อีกฝ่ายทักขึ้นมาตั้งแต่ที่เขายังไม่ทันจะได้ถามอะไรทำเอาเหงื่อตกใน ใบหน้าที่จ้องเขาตาเป็นมันทำให้ต้องรีบปฏิเสธออกไป

“ เอ่อ...เปล่า...คือข้ากำลังตามหาคนน่ะ เจ้าเห็นกิโนสะ โนบุจิกะ คนที่เขียนบทละครเรื่องนี้บ้างไหม? เค้าไปไหนแล้ว?”   ทว่า...ชื่อที่เขากล่าวถึงกลับทำให้นักแสดงตรงหน้าถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้างซ้ำยังอ้าปากค้างอย่างตื่นเต้น

“ กิโนสะ โนบุจิกะ?! เค้ามาด้วยหรอ? บอกตามตรงว่าขนาดข้าเองอยู่โรงละครนี้มาหลายปียังไม่เคยเจอเลยสักครั้ง”  ท่าทางที่ดูเหมือนไม่รู้จักจริงๆนั่นทำให้เขาถอยออกมา

“ อ่า...งั้นก็ไม่เป็นไร”   ยังไงกันนะ? ก็เขาเห็นกิโนะยืนอยู่หลังฉากแท้ๆนี่นา...หรือว่าจะปกปิดฐานะไม่ให้ใครรู้? เพราะมันก็จริงอยู่ว่าอาจจะโดนซื้อตัวกันได้ง่ายๆ ดูจากผู้คนที่แห่แหนมาดูละครกันจนแน่นขนัดขนาดนี้คงไม่ได้มีดีแค่นักแสดงอย่างเดียว แต่เนื้อเรื่องที่เข้มข้นของบทละครเองก็เป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะงั้นก็น่าจะมีโรงละครอื่นสนใจบทที่กิโนะเขียนอยู่ไม่น้อยละมั้งนะ

ร่างสูงใหญ่ยอมตัดใจก่อนจะเดินกลับมายังหน้าโรงละคร...จะว่าไปเขาทิ้งเจ้านายช่างเอาไว้บนที่นั่งคนดูนี่นะ ลงมารึยังเนี่ย?








ฮายาโตะ นะ ฮายาโตะ...จะรอเขาหน่อยก็ไม่ได้...

ใบหน้ามนบ่นงึมงำหลังจากที่กลับเข้ามาแล้วพบว่าห้องแต่งตัวนั้นว่างเปล่า....ก็รู้อยู่หรอกว่าช่วงเวลาหลังจบการแสดงมันจะเป็นเวลาที่น่ารำคาญแต่มันก็อดงอนไม่ได้ที่อีกฝ่ายหนีกลับไปก่อนไม่อยู่รอเขาเหมือนเคย

แต่คิดดูอีกที เด็กคนนั้นอาจจะคิดว่าคืนนี้เขาคงมีพี่ชาย...เอ่อ...คุณชายยามาโมโตะไปส่ง....แต่ที่ไหนได้...รายนั้นก็หายหัวไปเลยเหมือนกัน!

ถึงแม้ว่าข่าวที่คงจะเลื่องลือไปไกลว่าเขาเป็นคนที่คุณชายเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลยามาโมโตะหมายตามันจะช่วยให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขาเท่าเมื่อก่อนก็เถอะนะ แต่มันก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี แล้วบางทีมันก็มีตาลุงที่อยากลองดีอยู่บ้างเหมือนกัน

เพราะงั้นรีบกลับดีกว่า

ร่างโปร่งบางแอบย่องออกมาทางประตูหลัง นัยน์ตาสีมรกตจ้องทางกลับบ้านเขม็งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งออกไป กะว่าต่อให้ใครเรียกก็ไม่มีทางหยุดเขาอยู่แน่

แต่เขาก็ลืมไป...ว่าเสียงเรียกอาจจะหยุดเขาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นร่างกายแข็งๆนี่ละก็....


พลั่ก!!!


ร่างโปร่งชนโครมเข้ากับร่างกายของใครบางคนที่จู่ๆมาอยู่ตรงนี้ได้ไงก็ไม่รู้ ในเมื่อเขาอุตส่าห์มองแล้วมองอีกว่าทางสะดวกแล้วใครมันโผล่มาขวางเขาซะได้เนี่ย?!

ร่างที่ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นลูบสะโพกตัวเองปรอยๆก่อนจะหันหน้ามาหมายจะหาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่

“ เจ้า!”   แต่แล้วใบหน้าโหดๆของคนที่ไล่จับเขามาหลายวันก็ทำเอาปลายนิ้วที่เตรียมจะชี้หน้าด่าสั่นพั่บๆขึ้นมา...ทำไมเจ้าผู้ชายโรคจิตนั่นถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ? แถมสถานที่ที่ควรจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาแต่ยามนี้กลับไม่มีใครสักคน แล้วความทรงจำตอนที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ไม่มีดีเลยสักครั้ง ร่างโปร่งบางจึงได้แต่อ้าพะงาบๆด้วยความกลัว

คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่ร่างโปร่งบาง ร่างแข็งแกร่งที่ถึงแม้จะถูกชนก็ยังยืนอยู่ได้ก้มมองคนที่ไม่คิดว่าจะเจอด้วยใบหน้าชะงักน้อยๆ...เขาก็แค่เดินตามหาเจ้าบ้าโคงามิที่จู่ๆก็หายตัวไป...ไม่คิดว่าจะมาเจอเจ้าเด็กเหลือขอนี่...แถมยังอยู่คนเดียว?

“ ไม่ได้ไปกับคุณชายยามาโมโตะรึยังไง?”  เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันน้อยๆ สายตาที่ทอดมองอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยแววดูถูก ถึงมันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเด็กนี่ แต่มันก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวของเขาด้วยเหมือนกันที่จะรังเกียจคนที่ใช้ร่างกายแลกกับเงิน

“ อะ...เอ่อ.....”   ใบหน้ามนเงยขึ้นมองร่างแข็งแกร่งอย่างไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าถ้าบอกความจริงออกไปจะดีหรือเปล่า ในเมื่อเขายังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีเท่าไหร่...กลัว...ว่าผู้ชายที่ทำท่ารังเกียจเด็กที่ขายร่างกายอย่างพวกเขาจะกลายเป็นตาเฒ่าหัวงูพวกนั้นเสียเองเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับคุณชายยามาโมโตะ ริมฝีปากที่นึกอยากจะเถียงเลยเงียบไว้  

“ หึ แค่เงินค่าการแสดงอย่างเดียวมันคงไม่พอสินะ ถึงได้ต้องทำเรื่องน่าอายอย่างการขายตัวด้วยน่ะ?”  แต่แล้วคำพูดที่จงใจดูถูกก็ทำให้เผลอเถียงออกไปจนได้

“ ข้าไม่ได้ขาย! เอ่อ.......”  สองมือที่ยกขึ้นมาปิดปากกับท่าทางลนลานเหมือนคนโกหกทำให้นายช่างหนุ่มรู้สึกมึนงง...อะไรของเจ้าเด็กนี่น่ะ?

“ ไม่ได้ขาย?”   เสียงทุ้มจึงถามย้ำออกไป

“ ฮึ่ม...เจ้าจะคิดยังไงก็เรื่องของเจ้าเถอะ! ถอยไป! ข้าต้องรีบกลับแล้วไม่งั้นพวกตาเฒ่าหัวงูอย่างเจ้าจะมาคอยตามตื้อข้าอีก!   แล้วร่างโปร่งบางก็ลุกพรวดพราดก่อนจะวิ่งหนีไปอีกจนได้ ทิ้งให้นายช่างหนุ่มมองตามด้วยสายตาที่มีแต่คำถาม

ทำไมกันล่ะ? ถ้าขายตัวอยู่แล้วก็ไม่เห็นจะต้องกลัวใครมาตามตื้อเลยนี่? ดีเสียอีกไม่ใช่หรือไงที่ใครต่อใครก็ต้องการตัว?

ร่างในยูกาตะสีดำยืนกอดอกสงสัยอยู่ได้ไม่นาน....เจ้าเด็กที่คิดว่าวิ่งไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาใหม่?

ร่างโปร่งก้มลงหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้า ปรอยผมสีน้ำตาลประบ่าละใบหน้ามนเมื่อเด็กนั่นก้มลงไปหอบหายใจโดยเอามือยันต้นขาเอาไว้ รอยแหวกของกิโมโนนั้นมองเห็นไปถึงไหนต่อไหน นี่จงใจยั่วเขาหรือไม่ระวังตัวกันแน่?

“ นี่เจ้าน่ะ! ไม่ได้คิดจะซื้อตัวข้าใช่ไหม?”  จู่ๆใบหน้ามนก็เงยขึ้นมาถามคำถามที่ทำเอาผงะ เขาจึงมองตอบกลับไปด้วยสายตาเหยียดๆ

“ ที่ที่ข้าจากมาน่ะ มีหญิงสาวที่สวยกว่าเจ้า เพียบพร้อมกว่าเจ้าตั้งไม่รู้เท่าไหร่  เพราะงั้นข้าไม่สนใจเด็กกะโปโลอย่างเจ้าหรอก”   แห้งก็แห้ง หน้าอกก็ไม่มี ทำลูกให้เขาก็ไม่ได้ ไม่เห็นจะน่าอยากได้ตรงไหน

“ ดีเลย! ถ้างั้นเดินไปส่งข้าหน่อย!”   เจ้าเด็กตรงหน้ายืดตัวขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งเล่นเอาเขาตามไม่ทัน...ไม่ได้อยากจะยั่วเย้าเขางั้นรึ?

ท่อนแขนบางสอดเข้ามาควงแขนเขาเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตามไป สองขาก้าวตามแรงลากนั่นอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก หากเด็กนี่ใช้จริตมารยาเข้าหาเขามันยังจะรับมือง่ายกว่า แต่พอเจอท่าทางเหมือนเด็กๆแบบนี้เข้าไปเขาเลยได้แต่เดินตามด้วยความมึนงง

เจ้าเด็กนี่เข้าใจที่เขาพูดแน่หรือเปล่า?

หรือเขาบอกไม่ชัดพอว่าไม่คิดจะนอนด้วยน่ะ?

แล้วนี่จะลากเขาไปไหน?

ใบหน้านิ่งเหลือบตามองรอบกายเมื่อก้าวขาพ้นออกมาจากรั้วด้านข้างของโรงละคร....มีรถลากจอดรออยู่หลายคัน...และบรรดาลุงๆอาๆท่าทางหื่นๆก็ยืนอยู่กับเด็กหนุ่มที่คงจะเป็นพวกนักแสดงคาบุกิ ท่าทางที่เหมือนกำลังเจรจาตกลงอะไรบางอย่างทำให้ทุกความสงสัยไขกระจ่าง....อย่างงี้นี่เอง....


ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนี่มันเอาเขามาเป็นไม้กันหมานี่เอง!


แล้วก็เป็นอย่างที่เด็กนี่คิดจริงๆ ไม่ว่าใครที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าราวกับจะไปฆ่าคนของเขาเข้าต่างก็หันหนีกันให้ควั่ก เจ้าตัวดีที่ควงแขนเขาอยู่จึงเดินตัวปลิวผ่านไปได้โดยไม่มีใครคิดที่จะเข้ามาวอแว

ทำไม? ลุงๆพวกนั้นไม่รวยพอ? หรือให้ค่าตัวไม่สูง? หรือไม่หล่อเหลาเท่าคุณชายยามาโมโตะ เจ้าเด็กนี่ถึงไม่ยอมพลีกายให้

หรือว่าจะไม่ได้ขายตัวอย่างที่ปากบอกจริงๆ?


หึ...ลองนอนด้วยก็รู้แล้วว่าบริสุทธิ์จริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า...






“ เจ้าส่งข้าแค่นี้ก็ได้ จากตรงนี้ไปเป็นเขตศาลเจ้า คนชิโกกุเราไม่มีใครกล้าทำเรื่องไม่ดีไม่งามในเขตศาลเจ้าหรอก”   เสียงใสเอ่ยบอกก่อนจะก้าวไปตามทางเดินที่มีเพียงแสงสลัวๆของคบไฟที่ปักห่างๆกัน...นี่จิกหัวใช้แล้วก็จะไล่กลับง่ายๆเลยใช่ไหมเจ้าเด็กนี่...พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกยอมไม่ได้ยังไงไม่รู้แหะ...สองขาจึงยังคงก้าวตามร่างโปร่งบางต่อไป

“ ?...จะไปส่งข้าที่บ้านหรอ?...ไม่ใช่ว่าวันหลังจะมาดักฉุดข้าหรอกนะ?”   ใบหน้ามนที่หันมามองเขาด้วยใบหน้าทะเล้นนั่นมันชวนหมั่นไส้เสียจริงๆ มือแข็งแรงจึงจับหมับลงไปบนหัวสีน้ำตาลก่อนจะโยกไปมาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อนั่น

“ ถ้าข้าจะมาดักเจ้าเนี่ยคงมีเรื่องเดียวแหละเจ้าเด็กเหลือขอ...ก็แค่จะจับเจ้ายัดตะรางข้อหาลักขโมยและทำลายข้าวของของราชการต่างหาก”  

“ โธ่...ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ทำน่ะ...”   ร่างโปร่งหมุนตัวก่อนจะหลุดจากการจับกุมของเขา เจ้าเด็กแสบก้าวขาเดินต่อไป ท่าทางหวาดผวาที่มักจะเป็นเวลาที่เจอเขาดูเหมือนจะไม่มีเหลืออยู่อีก นัยน์ตาสีมรกตสดใสนั่นมองมาที่เขาราวกับเป็นผู้มีพระคุณ...แค่เดินมาส่ง...ไม่สิ...อันที่จริงต้องบอกว่าแค่เป็นไม้กันหมาให้นี่มันถือเป็นบุญคุณขนาดนั้นเชียว? ทั้งๆที่เขาแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรแต่สำหรับเด็กนี่การที่เขาทำให้หนีออกมาจากลุงๆพวกนั้นได้นี่มันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ?

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองไปยังร่างโปร่งบางของคนที่เดินอยู่ข้างหน้า...จะว่าเดินก็ไม่ถูกนักเพราะเจ้าเด็กนั่นมันกำลังกระโดดขาคู่ไปตามก้อนหินที่ใช้ปูพื้นทาง...เล่นอะไรเป็นเด็กเลยไม่ใช่หรือไง

น่าแปลก...ทั้งๆที่เมื่อกี้เขายังตั้งแง่รังเกียจอยู่เลยแท้ๆ แต่พอได้สัมผัสกับตัวจริงของเด็กนี่ถึงได้รู้ว่ามันต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิง

ชั่วชีวิตนี้เขาเจอมารยาหญิงมาเยอะ แน่นอนว่าไม่เคยมีใครใช้มันผูกมัดเขาเอาไว้ได้สักราย คงจะมีครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละที่เขาอาจจะพ่ายแพ้ให้แก่ความไร้เดียงสาที่เหมือนเด็กๆของเด็กนี่

เส้นผมยาวสีน้ำตาลขยับขึ้นลงตามแรงกระโดดเช่นเดียวกับจุกที่มัดอยู่ที่หลังหัว ใบหน้ามนอมยิ้มราวกับกำลังสนุกสนานไปกับการละเล่นที่เล่นอยู่คนเดียว แล้วจู่ๆเด็กนั่นก็เงยหน้าขึ้นมาถามเขาราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

“ นี่...เห็นคนพูดๆกัน...ว่าเจ้าเป็นนายช่างทหารงั้นหรอ? จะมาทำอะไรตรงนั้นน่ะ?”

“ ใช่ ข้ากำลังจะสร้างสะพานเพื่อข้ามไปยังฝั่งฮอนชู แต่ข้าก็ยังสร้างไม่ได้เพราะเจ้าฉีกหมายการก่อสร้างของข้าไง?”   เขาเอ่ยเป็นเชิงหยอกเย้าให้ใบหน้ามนนั่นบ่นงึมงำ

“ อ่ะ....ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ทำ.....”  

“ เจ้าไปเล่นน้ำแถวนั้นบ่อยรึ?”  ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วเขาจึงว่าจะถามเกี่ยวกับสภาพใต้น้ำของทะเลแถวนั้นดู

“ ข้าเล่นน้ำอยู่แถวนั้นตั้งแต่เด็กๆแล้ว ท่านนั่นแหละมาแย่งที่เล่นของข้า!”   พูดเสียอย่างกับเขาเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กเลยนะเจ้าเด็กนี่ ว่าแต่...เหมือนสรรพนามที่ใช้เรียกเขามันจะเปลี่ยนไป...ไม่ถือดีเรียกเขาว่า “เจ้า” แล้วสินะ

“ แปลว่าเจ้าคงรู้สภาพใต้น้ำแถวๆนั้นดี?”

“ ก็ดำลงไปดูอยู่บ่อยๆละนะ แต่ตรงที่ท่านอยู่น่ะมันไม่สวยหรอกมีแต่หินเต็มไปหมด ต้องขยับขึ้นมาอีกหน่อยถึงจะมีแนวปะการังสวยๆ” 

“ มีแต่หินอย่างงั้นหรอ....”   สิ่งที่เด็กนี่บอกทำให้เขาเผลอยกมือขึ้นมาลูบคางอย่างใช้ความคิด...แย่ล่ะ...ถ้ามีแต่หินละก็ดูท่าว่าต้องรีบลงไปสำรวจให้เร็วๆซะแล้ว เพราะคงได้เสียเวลาปรับชั้นหินกันอีกพักใหญ่แน่ๆ

“ ใช่  หินก้อนใหญ่ๆเลย แล้วถัดลงไปจากตรงที่ท่านอยู่น่ะนะ ตรงนั้นเป็นสุสานเรือ”

“ สุสานเรือ?”   เขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้ามนด้วยความสงสัย ในเมื่อมันคือคำศัพท์ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งที่ผ่านมาก็ทำแต่สะพานข้ามแม่น้ำมาตลอดจึงต้องยอมรับว่าหลายๆเรื่องในทะเลเขาเองก็ยังไม่รู้อยู่มาก....ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าพวกยามาโมโตะยอมร่วมมือด้วยก็คงจะดี แต่เท่าที่ดูแล้วคงจะเป็นไปได้ยาก...

“ ก็เรือที่ใช้ไม่ได้หรือเก่าแล้วของพวกยามาโมโตะไง เค้าจะจมมันเอาไว้ตรงนั้น ข้าเคยดำลงไปเล่นกับฮายาโตะ มีซากเรือเพี้ยบเลยละ ปะการังก็กำลังขึ้นเพี้ยบ~~ เลยเหมือนกัน”   อืม...ด้านหนึ่งเป็นแนวปะการัง ส่วนอีกด้านก็เต็มไปด้วยซากเรืองั้นหรอ...ดูท่าว่าเขาคงไม่สามารถจะขยับตำแน่งการวางฐานรากได้แล้วสินะ...

“ มีปลาสีสวยๆเยอะเลย เสียแต่มืดไปหน่อย ถ้าท่านไม่จับข้าไปลงโทษละก็ วันหลังข้าพาลงไปดูก็ได้นะ”   มีต่อรองซะด้วยนะเจ้าเด็กเหลือขอนี่  เขาปล่อยให้ร่างโปร่งกระโดดไปตามหินปูพื้นโดยไม่ได้ถามอะไรอีก แต่เวลาที่เด็กนี่พูดถึงทะเลช่างแลดูมีความสุข ยิ่งใบหน้ามนนั่นสะท้อนแสงจันทร์นวลตาก็ยิ่งส่งให้ดูสวย

ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมป้าๆในย่านร้านตลาดถึงได้พากันเอ็นดู แล้วก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายพวกนั้นถึงได้อยากจะนอนด้วย...


จะต้องคอยวิ่งหนีแบบนี้ทุกคืนเลยรึไง?

แล้วถ้าวันไหนเกิดหนีไม่พ้นขึ้นมา....


“ ถึงบ้านข้าแล้ว ขอบคุณที่เดินมาส่งนะนายช่าง”   มือบางเกาะรั้วตีไม้ไผ่ง่ายๆก่อนจะหันมายิ้มให้...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมนต์สะกดของจันทราหรือเทพยดาองค์ไหนดลใจ....เขาถึงได้หลุดปากออกไป....

“ อย่างเจ้า...ค่าตัวเท่าไหร่?”

“ ห๋า?”


“ คิดมา...ถ้าจะเหมาตัวเจ้าทุกคืนนี่มันเท่าไหร่?”





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...





ก่อนจะเวิ่นอัลไลขอแฮปย้อนหลังให้กิโนะก่อน ฮืออออออ


สุขสันต์วันเกิดนะก๊ากิโนะ~~~


มีความสุขมากๆๆ สวยขึ้นๆ หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า หมาหายก็ขอให้ได้คืน ขอให้อายุมั่นขวัญยืนอยู่ในอนิเมะเรื่องนั้น(?)ไปจนแก่เฒ่านาคะ TvTb ฟิคตอนนี้เป็นของขวัญจากคุณกวาง ส่วนของขวัญจากคุณโคน่ะ.....



กร๊ากกกก ถึงขั้นให้นามสกุลเป็นของขวัญเลยนะนั่นฟฟฟฟฟฟฟ

เลยมาซะหลายวัน5555 แต่ในที่สุดตอนนี้กิโนะก็ได้ออกมาแล้ว เย้ๆๆ ยังเหลืออีกหนึ่งรายที่ค่าตัวอาจจะแพงไปสักนิด TvT ก็....ฝากติดตามกันต่อไป แหะแหะ ต้องขอขอบคุณคอมเม้นต์ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์จากตอนที่แล้วมากๆเลยนะคะ คือแต่ละคู่ในฟิคเรื่องนี้นี่เกือบจะแรร์ไอเท็ม555 เพราะงั้นน่าจะทอนคนอ่านไปเยอะ เวลามีคนมาบอกว่าอ่านแบ้วน้า เลยดีใจจนแทบจะลอยไปดาวลูกไก่ >////< ขอบคุณมากๆๆนะคะ มันน่าจะยาวนรกเลยแหละฟิคเรื่องนี้ เพราะตั้ง 4 คู่ แถมเขียนไปเขียนมาคู่รองเองก็แทบจะบทเยอะเท่าคู่หลักเลยถถถถถถ ความรู้สึกเลยเหมือนเอาฟิค 4 เรื่องมายำรวมกัน TvTb บทบรรยายก็เยอะ อ่านไปก็อย่าเพิ่งหลับกันไปซะก่อนนะคะ เรื่องมันอาจจะไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเรื่องอื่นๆอ่ะนะ เก๊าขอโต๊ด แต่ตั้งใจให้มันเนิบๆแบบนี้แหละ ^ ^

และ!!

มีคนส่งรูปแฟนอาร์ตมาให้ค่ะ งื้อออออออออออออออ ขอบคุณมากๆๆนะค้าน้องบี คือเห็นเอเลนแล้วมี๊จิไม่ทนมากฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ







ลงไปดิ้นตายด้วยความปริ่ม >//////<

แล้วก็น้องบีนี่แหละที่ส่งเพลง Jougen no Tsuki เวอร์ชั่นไทยมาให้ฟัง แบบว่าพลังทำลายล้างมหาศาลมากเลยค่ะ โฮวววววว ชอบบบบ เนื้อเพลงแปลงได้สละสลวยมากเลยค่ะ >/////<





แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ งื้ออออออ





3 ความคิดเห็น:

  1. ตัดจบตอนเเบบนี้รู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดเลยค่ะ!!!!! //เขย่าพี่กวางรัวๆ นายช่างคะพูดเเบบนี้โดนนู๋เรนเกลียดเอาไม่รู้ด้วยนะ ทั้งที่อุตส่าห์รู้สึกดีด้วยบ้างเเล้วเเท้ๆ ระวังปากพาจนนะคะ ถึงนายช่างอาจจะอยากปกป้อง(เเกมหวังผล)เเต่ถามเเบบนี้ติดลบนะคะ!!!!!!!!!! เเล้วก็ฮายาโตะคิดเองสรุปเองเลยเหรองืออออออ เเค่ยามาโตะมารอเจอเเทนรอเรนก็น่าจะพอบอกได้ละนะว่ามันน่าจะมีอะไรเเอบเเฝง ทีเรื่องอื่นเก่งนักเเต่เรื่องหัวใจตัวเองนี่ยังก่ะมีหมอกมาบังเลยนะงืออออออออ กลับมาที่นายช่าง ถ้าเด็กงอนท่านต้องตามง้อด้วยยยย เพราะปากเเบบนี้ล่ะนะ หมั่นไส้เเทนนู๋เลน!!!! ชอบมากค่ะพี่กวาง ตอนฟังเพลงนี่ทำเอาคลั่งเช่นกัน ว่างๆละจะวาดรูปให้อีกนะคะเผื่อได้ตอนใหม่เป็นผลพลอยได้ เเต่ตัเคาใจเเบบนี้ต่อให้น้องเร็วๆเถอะค่ะ!!!! //เกาะขา

    ตอบลบ
  2. -w- หนูก๊กน่ารักจังค่ะ ยามะน่ากลัวไปนะเรื่องนี้ มีดักรงดักรอ 55555

    ตอบลบ
  3. บอกให้หยุดไงไอ้หัวดำงี่เง่า!ย่างแรกเลย!
    สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยคนน้ากิโนะ!!!!@
    แต่ไอ้ทะเบียนในมือคุณโคนั่นมัน!!!!.....ก๊ากกกก!!!
    ไม่ค่อยมัดมือชักเลยนะท่านนนนนนน!!!!...
    การปรากฏตัวของกิโนะน่ารักจังค่ะชอบจังไอ้ประโยคที่ว่า
    "หยุดนะไอ้หัวดำงี่เง่า!"แล้วคุณโคสะดุ้งเนี้ยชอบม๊ากกกกก!!!!
    น่ารักจนไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้ว~~~
    ส่วนนูก๊กหนอก๊ก...คิดเองเออเองได้อีกนะคะ....อย่างอิเนียนเนี้ยนะมันจะชายตาแลคนอื่น
    มันเกิดมาเพื่อก๊กคนเดียวเท่านั้นจริงๆ...เรื่องนอกใจนี่มันไม่ทำแน่ๆแต่ถ้าให้ฉุดกระชาก
    ลากนู๋ก๊กไป.....นี่มันทำจริงแน่ๆ!!!!//เฮ้ยอะไรของเองฟร๊ะ!!??////
    แต่ไอ้ความไร้เดียงสาของนู๋เรนก็น่าร๊ากกกกกกก!!!!
    ถึงขนาดทำให้นายช่างเผลอตัวของแต่งงานออกไปเนี้ยมัน!!!...เอ่อไม่ใช่แล้วเอง!!!!
    รับเหมาต่างหากถึงจะถูก...รับเหมาเป็นผู้พิทักษ์ที่รักเธอต่างหากว้อยยย!!!!!

    อ่า~~~...ชักจะเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วพอๆๆๆๆๆ
    อิซายะตั้งตารอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่ออยู่นะคะพี่กวางแถมยังตั้งตาครอการปรากฏตัวของ
    ชินสึเกะอยู่นะคะอย้าใจซึระคอยนานนักน้าาารีบๆมาให้วายยยยยย!!!

    ตอนหน้ามาไวๆนะคะพี่กวางงงงงงง!!!!!!

    ตอบลบ