Attack
on Titan Au S.Fic [Levi x Eren] --
Wo Ai ni : REMAKE --01--
:
Attack on Titan AU Fanfiction
:
Levi x Eren
:
Romantic Action
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ปืน......นั้นเข้าใจง่าย....
มันไม่เคยทรยศ....มันไม่เคยเรียกร้อง....
มันไม่เหมือนกับสัตว์อ่อนแอที่เรียกว่ามนุษย์.....
ทั้งทรยศหักหลัง....ทั้งเรียกร้องต่างๆนานา....
มนุษย์......เข้าใจยาก......
ชิ้นส่วนอาวุธที่ฉุดคร่าชีวิตถูกเช็ดทำความสะอาดก่อนจะถูกประกอบกลับเข้าที่เดิม
ปืนสีดำสนิทถูกเสียบลงไปในซองใส่ซึ่งเหน็บอยู่ที่รักแร้ เสื้อโค้ทสีดำตัวยาวสะบัดสวมลงมาทับมันเอาไว้
แสงไฟรำไรลอดเข้ามาทางมู่ลี่บานเกล็ดหลุดห้อยของบานหน้าต่างเก่าคร่ำคร่าตกกระทบให้เห็นใบหน้าคมเย็นชาซึ่งเป็นเพียงส่วนเดียวที่มองเห็นได้ในความมืด
เพราะส่วนอื่นๆของร่างกายล้วนปกคลุมด้วยสีดำ
ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มก่อนจะสะบัดของอีกอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้จนมองเห็นเป็นประกายสีเงินแวววับในมือ
ถึงปืนจะเข้าใจง่ายและทำให้ทุกอย่างจบภายในนัดเดียว
แต่สิ่งที่เขาเลือกที่จะใช้กลับกลายเป็น.......มีดสั้น
เพราะมันทำให้ได้ลิ้มรสชาติการตายอย่างช้าๆ
ของเหยื่อที่ร่ำไห้ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว....สัตว์อ่อนแอที่มีแต่จะต้องโดนขย้ำ!
เสียงกอกแก่กดังขึ้นที่ด้านหลัง
ตามสัญชาตญาณของนักฆ่า มีดสั้นจึงพุ่งออกไปจากมือในทันทีก่อนที่มันจะไปปักลงที่ผนังห่างจากใบหน้าของผู้มาใหม่ไม่ถึงคืบ
“
มีงานใหม่น่ะ” และใบหน้าภายใต้กรอบแว่นของผู้ส่งสารก็ดูจะไม่ได้สะทกสะท้านกับการต้อนรับของเจ้าบ้านมากนัก
มือภายใต้ถุงมือสีดำหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อโค้ทหนังตัวยาว ก่อนจะไล่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่านให้อีกฝ่ายได้ยิน
“
งานนี้ท่าจะยากสำหรับนายนะ....เพราะสิ่งที่ต้องทำคือ.... “คุ้มครอง” .....ไม่ใช่
“ฆ่า””
“
...............”
“
เอเลน เยเกอร์.....นั่นคือชื่อที่เด็กนั่นจะใช้เมื่อไปถึงสนามบินนาริตะ
ประเทศญี่ปุ่น.....ผู้ว่าจ้างคือประธานกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ให้นายคุ้มครองทายาทเพียงคนเดียวให้ปลอดภัยในขณะที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น”
“
นานแค่ไหน”
“
ปีครึ่ง....คุณหนูนั่นจะไปเรียนในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน....แต่นั่นก็แค่เบื้องหน้าแหละนะ” ร่างสูงโปร่งยักไหล่อย่างไม่ยี่หระนัก
“
หึหึ......มาจ้างนักฆ่าชั้นแนวหน้าอย่างนายให้คุ้มครองเนี่ย....คิดว่าคงไม่ได้ไปเรียนแบบนักเรียนธรรมดาหรอก”
“
...............”
“
อ้า....แล้วก็น่าดีใจอยู่ไม่ใช่หรอ?....ที่นายจะได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน.....กลับไปใช้ชื่อที่ไม่ได้ใช้มาเสียนานอย่าง....รีไว....นั่นน่ะ”
มือภายใต้ถุงมือหนังพับเก็บกระดาษไว้ที่เดิมแล้วสาวเท้าไปยังประตูหน้าห้องบ่งบอกว่าเรื่องที่จะสนทนามีเพียงแค่นี้
“
อีกสองวัน...ช่วยไปรับตัวคุณหนูคนสวย
แล้วออกเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวให้ไปถึงญี่ปุ่นก่อน 6 โมงเย็นด้วยนะ”
“
อีกเรื่องนึง.....ชั้นไม่คิดว่าคุณหนูนั่นจะชอบให้นายทักทายเธอด้วยมีดสั้นแบบนี้หรอกนะ...ยังไงก็อดใจเอาไว้หน่อยล่ะ” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นของผู้มาเยือนเบือนไปมองมีดสั้นที่ปักอยู่ที่ผนัง
ก่อนจะยกมือขึ้นโบกแล้วเดินหายออกไป
ใบหน้าคมยังคงเหม่อมองไปยังทิวทัศน์ของราตรีที่แสนวุ่นวายภายในย่านพักอาศัยของคนชั้นล่างที่แออัดยัดเยียด....ห้องพักเก่าๆที่มีเพียงเตียงเหล็กขึ้นสนิมกับกลิ่นอับๆที่ใช้เพียงซุกหัวนอนและหลบซ่อนตัว....เขาอยู่ที่นี่จนเคยชินกับกลิ่นสกปรกและกลิ่นของเลือด...อยู่ที่นี่....ที่ย่านสลัมของเมืองใหญ่และศิวิไลอย่าง.....ฮ่องกง....
นัยน์ตาคู่คมเหลือบลงไปมองกลุ่มคนและเสียงดังเซ็งแซ่จากเบื้องล่าง.....อีกสองวันเขาก็จะหนีหายไปจากความวุ่นวายเหล่านี้.....ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์.....เพียงแต่รู้สึกราวกับว่าเลือดในกายมันจะร้อนขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องไปที่ไหน...และจะต้องกลับไปใช่ชื่อที่ทิ้งมาเสียนานจนเกือบลืมไปแล้วว่า
เขาชื่อ
รีไว....
ฮึ...แต่คิดดีแล้วหรอ
ที่จะให้นักฆ่าอย่างเขาไปคุ้มครอง..... ไม่กลัวหรือไงว่าเขาจะเผลอฆ่าไปเสียเองน่ะ?
ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
แต่กับคนที่ปลิดชีวิตผู้อื่นราวกับผักปลาแบบเขา
ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับกลับกลายช่วงเวลาแห่งฝันร้าย
เขาจึงใช้เวลาที่จะพักเพียงไม่นานแล้วเลือกที่จะตื่นแต่เช้าเพื่อลงมาสูดอากาศที่ก็ไม่ได้ถือว่าจะบริสุทธิ์สดใสอะไร
ขายังคงก้าวเดินผ่านไปยังย่านตลาดเก่าคร่ำคร่าที่ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายของฝูงชนซึ่งมาจับจ่ายใช้สอย
ถึงจะน่ารำคาญแต่มันก็เป็นแหล่งกลบดานชั้นดี เพราะกลิ่นที่ผสมปนเปพวกนี้มันช่วยลบเลือนกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งออกมาจากร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี
เสียงเจรจาต่อรองราคาไปจนถึงด่าทอดังข้ามหัวไปมา
ตรอกแคบๆนั้นเบียดเสียดไปด้วยชาวจีนจนดูน่าอึดอัด
แต่เขาก็ยังแฝงกายเข้าไป
เขาไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก....
ยังคงไม่ชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาสุมหัวกัน....แต่ที่ยังเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันของร้านอาหารข้างทางและเสียงดังเซ็งแซ่แบบนี้ได้นั่นก็เพราะเขามองไม่เห็น....ว่าที่อยู่รอบกายเป็นสิ่งมีชีวิต....
ตอนนี้สำหรับเขามีเพียงเป้าหมายเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตและต้องปลิดมันทิ้งไปก็เท่านั้น
สองขาเลือกที่จะไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านโจ๊กเก่าๆ
ก่อนจะตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะหนึ่งในสองตัว สภาพภายในร้านทั้งคับแคบทั้งเหม็นอับ
แต่ชามใส่โจ๊กนั้นกลับหอมกรุ่นและอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
สายตาเหลือบมองรอบๆกายอย่างระแวดระวัง เพราะเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับกลิ่นเลือด
ดวงตาจึงต้องถูกลับจนคมกล้าอยู่เสมอ
หนังสือพิมพ์ยับยู่ยี่ถูกกางขึ้นมาบังใบหน้าเอาไว้
หน้ากระดาษแผ่นข้างในถูกพลิกเปิดๆไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
จนกระทั่งดวงตาเหลือบไปเห็นหน้าที่เกี่ยวกับวงสังคมชั้นสูง.....ภาพทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มธุรกิจชื่อดังถูกพิมพ์หลาอยู่หนึ่งในสี่ของหน้า.....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงจับจ้องมองไปที่รูปอย่างจดจำรายละเอียด
เพราะพรุ่งนี้ชีวิตของเด็กนี่ก็กำลังจะตกอยู่ในกำมือของเขา...
ร่างโปร่งดูบอบบางแต่กลับโดดเด่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมจากผู้คนที่อยู่ในชุดสูทหรูหราของงานราตรี
แต่ที่น่าแปลกใจคือเด็กนี่เป็นผู้ชายหาใช่คุณหนูคนสวยอย่างที่ยัยแว่นบ้านั่นบอก
ถึงรูปร่างจะไม่ใกล้เคียงกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกันแต่ถึงอย่างนั้น
ทายาทนักธุรกิจพันล้านก็มางานในสูทเข้ารูปสีขาวทั้งตัว.....ถ้าเป็นลูกสาวคงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนยอมให้มาเปิดตัวด้วยชุดแบบนั้นแน่
“
นี่อะไรน่ะ?” เสียงเจือความสงสัยปนเอาแต่ใจของใครบางคนแว่วเข้ามาในหูและเมื่อเหลือบมองอยู่เบื้องหลังหนังสือพิมพ์
นัยน์ตาของเขาก็ถึงกับหรี่ลงอย่างใช้ความคิด
ไม่น่าจะเป็นไปได้.......
“
ปลาหมึกเสียบไม้ไงแม่หนู...มีอยู่ทั่วเกาะฮ่องกงขนาดนี้อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักน่า...ว่าไง...จะเอากี่ไม้?
ถ้าไม่เอาก็หลีกไปซะ! เกะกะๆ” เจ้าของร้านเชื้อชาติจีนแท้พูดจากับลูกค้าแบบไม่ใส่ใจนัก
มือปัดๆไล่คนที่ยังคงยืนจ้องถาดอาหารเสียบไม้ย่างข้างถนนที่เต็มไปด้วยมันเยิ้มอย่างสนอกสนใจ
“
กินได้หรอ?” ใบหน้ามนที่ไม่ต่างไปจากในหนังสือพิมพ์ที่เขาถืออยู่เบ้ปากหลังจากมองกองอาหารบนถาดอยู่นาน
“
วะ! ยัยเด็กนี่! หาเรื่องกันหรือไง ห๊ะ!”
ร่างท้วมหน้ามันจากควันเตาย่างเดินอาดๆออกมาจากหลังร้าน แต่ร่างโปร่งบางในเสื้อแขนยาวมีฮูดสีดำกับกระโปรงสั้นลายสก๊อตสีแดงเลือดนกส่งให้ขาขาวยิ่งดูเรียวสวยภายใต้ถุงน่องสีดำกับรองเท้าบูทสูงคนนั้นกลับไม่เกรงกลัว
ใบหน้ามนเชิดขึ้นจนผมสีน้ำตาลสั้นระต้นคอส่องประกายเมื่อจับต้องกับแสงแดด
ไม่น่าจะเป็นไปได้........
“
ก็ถามดีๆนี่!” แต่ไอ้ท่าทางไม่กลัวใครและเอาแต่ใจแบบนั้นมันกลับทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้
ก่อนจะตรงดิ่งไปคว้าแขนเล็กแล้วออกแรงลากจนร่างทั้งร่างแทบจะติดมือไป
“
อ๊ะ!! คุณเป็นใครเนี่ย! ปล่อยนะ!!
บอกให้ปล่อย!”
เสียงโวยวายลั่นนั่นไม่ได้ทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจมากนัก...เพราะย่านร้านตลาดแบบนี้ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่ว่าจะร้องแค่ไหนหรือจะเป็นจะตายยังไง ก็ยังคงไม่มีใครสนใจและต่างดำเนินต่อไปแต่ชีวิตของตน
มือที่แข็งแรงดุจคีมเหล็กของเขายังคงบีบข้อมือเล็กแล้วลากให้เดินตามมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้างอง้ำนั่นเป็นระยะๆสลับกับลอบสังเกตรอบๆกายที่เห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ.....
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครดูออกเลยก็ตาม....
แขนเล็กยังพยายามที่จะสะบัดมือของเขาให้หลุด
ท่าทางพยศยิ่งกว่าม้าอีกทั้งนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวเอาแต่ใจบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเด็กนี่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างถูกตามใจแค่ไหน
ก็สมกับที่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มธุรกิจอันดับหนึ่งของฮ่องกง....
แต่ยิ่งสะบัด
มือของเขาก็ยิ่งบีบรัดข้อมือเล็กๆนั้นมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีแดงนั่นตั้งใจจะโวยวายออกมาอีกแต่ชั่วพริบตาที่ประกายสีเงินของอะไรบางอย่างแว่บเข้ามาในดวงตา
ทั้งริมฝีปากทั้งข้อมือต่างก็ถูกเขาหยุดและฉุดรั้ง
ร่างบางๆเซถลาซบลงมาที่หน้าอกก่อนที่แขนอีกข้างของเขาจะตวัดกอดเอาไว้แล้วกลิ้งไปตามพื้นพร้อมๆกัน
ปัง!
ปัง! ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นและไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วย่าน
ความสับสนอลหม่านจากผู้คนมากมายที่พยามจะวิ่งหนีตายทำให้เขาพลิกตัวก่อนจะดันร่างในอ้อมแขนเข้าไปยังซอกตึกหลบสายตาของนักฆ่าชั้นปลายแถวได้อย่างไม่ยากเย็น
พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเลือกให้เขามาคอยคุ้มครองเด็กนี่
ทั้งๆที่เขาเป็นนักฆ่า
นักฆ่าย่อมเข้าใจนักฆ่า....และน่าจะรู้ว่ากระสุนจะมาจากทางไหน
ฮึ...แบบนี้ก็น่าสนุกดี....เหมือนกับกำลังเล่นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต
ปกติเคยคิดแต่จะหาวิธีฆ่า...แต่คราวนี้กลับต้องมาหาวิธีว่าจะปกป้องเด็กนี่จากกระสุนได้ยังไง....
ร่างในอ้อมแขนขยุกขยิกให้เขาก้มหน้าลงไปมอง
ใบหน้าใสที่อยู่ใกล้แค่คืบนั่นกำลังพยายามยื่นหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆออกไปมองภาพเบื้องหลังโดยใช้ไหล่ของเขาเป็นที่กำบัง...เสียงหัวใจเต้นระรัวได้ยินชัดเจนจากร่างกายที่แนบชิด...จากใบหน้าที่เอาแต่ใจกลับกลายเป็นกังวล...แต่โดนตามล่าขนาดนี้เด็กนี่กลับไม่ได้หวาดกลัวจนไร้สติ
แปลว่าคงรู้ตัวอยู่แล้วงั้นสิ?
ก็แค่ลูกหมาตัวเล็กๆที่ต้องเป็นเหยื่อในเกมไล่ล่าของเขา
ริมฝีปากเผลอแสยะยิ้มเพราะในใจกำลังตื่นเต้นกับการละเล่นตรงหน้า.....ดูซิว่าพวกมันจะทำยังไง....ถ้าหากเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเหยื่อตัวนี้ไปจากเขา....หากเด็กนี่จะต้องตายเขาจะเป็นฝ่ายเชือดมันเอง
แขนบางๆถูกลากให้ออกเดินอีกครั้งท่ามกลางซอกซอยเหม็นอับที่เขารู้จักทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี
เจ้าลูกหมานั่นยังคงพยศเหมือนเดิมถึงแม้จะต่างจากก่อนหน้านี้นิดหน่อยตรงที่ริมฝีปากสีแดงนั่นไม่ร้องโวยวายให้หัวกระสุนมันตามหาพวกเขาเจอได้ไวขึ้น
โทรศัพท์มือถือสีดำแอบยกขึ้นมายามที่เด็กนั่นคิดว่าเขากำลังเผลอ
แต่ก่อนที่จะได้กดอะไรลงไปไหล่บอบบางทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับจนแผ่นหลังกระแทกกำแพง
นัยน์ตาสีมรกตปิดลงด้วยรู้สึกเจ็บเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาจ้องมองที่เขาเขม็งอย่างเคียดแค้น
ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอออกคงตั้งใจจะด่าอะไรแต่เขากลับหยุดมันด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
“
เอเลน เยเกอร์...”
ใบหน้าใสนิ่งค้างอย่างตกตะลึง
ร่างกายที่เคยต่อต้านกลับนิ่งงันในทันที
“
คะ....คุณรู้จักชื่อนั้นได้ยังไง....”
เพราะมันเป็นชื่อที่เด็กนี่จะใช้ตอนไปถึงญี่ปุ่นในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน...แน่นอนว่าทายาทกลุ่มธุรกิจพันล้านของฮ่องกงไม่ได้ใช้ชื่อแบบนั้นแน่
“
เพราะฉันคือคนที่จะต้องไปญี่ปุ่นพร้อมกับแก”
เขาตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหันหลังไประแวดระวังใครก็ตามที่กำลังจะเดินผ่านไปและในขณะที่กำลังจะขยับกายมือของเจ้าลูกหมานั่นก็คว้ามาที่แขนเสื้อ
“
คุณคือบอดี้การ์ดของผมตามที่ป๊าบอกงั้นหรอ? ผมจะไม่เชื่อจนกว่าคุณจะบอกชื่อของคุณมา!”
นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวมองสบประสานมาอย่างเอาจริงเอาจัง
มันทำให้เขาเบือนหน้าหนีก่อนจะยิ้มเหยียด...ชื่อของเขาน่ะหรอ......
“
รีไว”
โครม!!!
เสียงลังไม้ล้มระเนระนาด
เขาเพียงแค่เหลือบตาไปมองและไวเท่าสัญชาติญาณมือก็คว้าหัวสีน้ำตาลให้ก้มหลบลง
ปังๆๆ!!!
เสียงปืนดังติดต่อกันอีกหลายนัดทำให้ไม่มีเวลาสงสัยอะไรอีกต่อไป
ขาทั้งสองคู่วิ่งไปตามตรอกเล็กๆที่ทั้งมืดทั้งแคบ เสื้อโค้ทสีดำถูกตวัดคลุมร่างบางที่ก้มหัวซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เสียงกันสาดผุพังร่วงกราวไล่หลังมาไม่ขาดสาย...... ช่างเป็นพวกที่ใช้กระสุนได้เปลืองจริงๆ....
แสงสว่างตรงหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าตรอกแคบๆนี่กำลังจะสิ้นสุดลง
เสียงรถวิ่งทำให้รู้ได้ว่าข้างหน้าคือถนนใหญ่ เขารู้ดีว่าไม่ควรจะวิ่งออกไป....แต่ทว่า.....อีกคนที่อยู่ด้วยกันนั้นไม่รู้...
มันไม่ทันแล้ว
เมื่อคนในอ้อมแขนวิ่งนำออกไปด้วยความตระหนกจนไม่ได้มองหรือรับรู้สิ่งรอบกาย
สิ้นสุดแสงสว่างจ้า นัยน์ตาสีมรกตจึงเบิกกว้างเมื่อต้องยืนเผชิญหน้าอยู่กับชายในชุดสีดำที่ต้องการชีวิตของตน….
แผ่นหลังบางได้แต่ชะงักงันราวกับเวลานั้นหยุดอยู่กับที่....
ปัง!!!
มือบางจับกุมอยู่ที่หน้าอกของตัวเอง
แต่ทว่าคนที่ล้มลงไปกลับเป็นชายตรงหน้า ใบหน้ามนที่ยังคงหวาดผวาและเกร็งเขม็งค่อยๆหันมามองเขาที่ก้าวเข้าไปยืนเคียงข้าง
เขม่าลอยคลุ้งจากปากกระบอกปืนในมือ….
ไม่มีเวลาให้แม้แต่จะหายใจ....มือของเขาคว้าแขนบางให้ร่างของเด็กนั่นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้งก่อนจะตวัดตัวกลับไปหาตรอกคับแคบ....เปล่า...เขาไม่ได้จะก้าวเข้าไป.....เพียงแต่ยืนมั่นอยู่กับที่พร้อมปากกระบอกปืนที่แน่วแน่....และใครก็ตามที่ก้าวขาออกมา......
ปัง! ปัง!
ปัง!!
ระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าเด็กนั่นยังคงมีเท่าที่แขนจะเอื้อมถึง
จะบอกว่าเด็กนั่นยอมเดินตามมาอย่างเงียบๆก็คงไม่ถูกนักในเมื่อเขาเป็นฝ่ายลากมาเอง
ใบหน้าใสดูเหนื่อยล้าและการที่เห็นเขาฆ่าคนไปต่อหน้าต่อตาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกเช่นนี้คงทำให้อีกฝ่ายเข็ดขยาดและหวาดกลัว....เพราะเช่นนั้นจึงเลิกคิดที่จะต่อต้านแล้วละมั้ง
ประตูเหล็กเก่าๆถูกเปิดออกโดยไม่ต้องไขกุญแจ
ในห้องนี้ไม่มีของมีค่าอะไรให้ต้องรักษา อีกทั้งหากต้องหนีมาก็คงไม่มีเวลาพอที่จะมัวมานั่งไข
และเมื่อเหวี่ยงร่างโปร่งบางเข้าไปในห้อง กลอนที่ดูแน่นหนาพอสมควรก็ถูกสับลง
นัยน์ตาสีมรกตมองที่ประตูสลับกับหน้าของเขาราวกับอยากจะพูดอะไร
แต่จนแล้วจนรอดก็ทำเพียงแค่เสหน้าไปอีกทาง
พฤติกรรมทุกอย่างก็เป็นเหมือนสัตว์กินพืชทั่วๆไป....ที่จะหวาดกลัวต่อสัตว์กินเนื้อที่ร้ายกาจราวกับปิศาจเช่นเขา.....
ไม่มีอะไรต่างไปเลย.......
ไม่ว่าใครก็หวาดกลัว
ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเข้าใกล้
จนสุดท้ายแล้วก็จะหนีไปไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยบอกว่าจะรักและจะอยู่เคียงข้างกันจนกว่าหมดลมหายใจ....คนที่ทำให้เขาทิ้งชื่อ
“รีไว” แล้วจากบ้านเกิดมา....
ถึงแม้เจ้าเด็กนี่จะทำให้เขาต้องกลับไปใช้ชื่อที่ไม่อยากคิดถึงนั่นอีกครั้ง.....แต่มันกลับไม่มีอะไรที่ต่างไปเลย.....
“
เหม็น......” เสียงเอาแต่ใจทำเขาหลุดออกจากภวังค์แล้วหันใบหน้าเรียบเฉยกลับไปมองเจ้าตัวดีที่เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงเหล็กขึ้นสนิม
“
จะให้ผมอยู่ที่นี่น่ะหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก ทั้งสกปรกทั้งเหม็น พาไปหลบในที่ที่มันดีกว่านี้หน่อยสิ
อย่างเช่นในร้านเค้กที่คนธรรมดาเค้าไปกินกัน”
ใบหน้าดื้อดึงกลับมาเชิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสองแขนที่ยกขึ้นมากอดอก....จะบอกว่าความเอาแต่ใจมันมีมากกว่าความหวาดกลัวอย่างงั้นหรอ?
ชักจะน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อย....แบบนี้คงต้องปล่อยเอาไว้ดูเล่นก่อนที่จะฆ่าทิ้ง
เขาแสยะยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องกลับมาอย่างไม่กลัวเกรง
มือยกขึ้นจับลำคอระหงอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวก่อนจะออกแรงกดให้แผ่นหลังบางๆติดไปกับผนัง
นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวปิดลงข้างหนึ่ง...เขาคงจะเผลอใส่แรงมากไปหน่อย....ถึงจะปากกล้าแต่เด็กนี่ก็ยังเป็นแค่เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินแถมบอบบางเสียยิ่งกว่าแก้ว
“
ผู้ชายสินะ...” มือที่บีบต้นคอลูบอยู่ที่คอหอย...อวัยวะอีกอย่างที่สามารถทำให้แยกแยะได้ว่าคนตรงหน้าเป็นเพศอะไรกันแน่
ถึงแม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กนี่เป็นผู้ชาย
แต่ยามที่แต่งตัวราวกับเด็กผู้หญิงแบบนี้แล้วมันก็ทำเอาสับสนได้ไม่ยาก
“
ห๊ะ!! อ๊ะ!! ผะ ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้นะ
แต่ว่า...แต่ว่า........”
ใบหน้าเนียนก้มงุด สีแดงระเรื่อลุกลามไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่นานใบหน้านั้นก็เชิดกลับมาพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวเฉกเช่นเดิม
“
แต่ว่า...?”
“
กะ...ก็แค่.....” ถึงจะทำเป็นห้าวหาญ แต่เจ้าลูกหมาตัวเล็กๆนี่ก็ยังอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมบอกตามเดิม
“
หนีออกมาเลยต้องปลอมตัว?”
และราวกับเขาพูดแทงใจดำ ร่างตรงหน้าจึงสะอึกก่อนจะสะบัดหน้าหนี
“
ก็ผมไม่อยากไปญี่ปุ่น...” ใบหน้าใสพ่นลมหายใจทำแก้มป่องก่อนจะบ่นงึมงำถึงความในใจ
นัยน์ตาที่แข็งกร้าวคู่นั้นดูราวจะหงอยเหงาไปชั่วครู่
“
ลูกแหงติดบ้าน ?”
“
คุณ!!” และเมื่อเจอเขาพูดจายั่วโมโห
นัยน์ตาคู่นั้นก็กลับมาแข็งกร้าวพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่อย่างไม่กลัวเกรง....วูบหนึ่งที่เขาเผลอยิ้มออกมาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานาน
“
แกจะอยากไปหรือไม่อยากก็ไม่ใช่ธุระของฉัน....แต่วันพรุ่งนี้แกจะต้องไปถึงญี่ปุ่นก่อน
6 โมงเย็น...และอยู่ที่นั่นจนกว่าหน้าที่ของฉันเสร็จสิ้น”
ชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ....
การใช้ชีวิตร่วมกัน.....ระหว่าง....
คนที่ทิ้งสิ่งที่เรียกว่าหัวใจไปแล้วแบบเขา....
กับคนที่ยังมีหัวใจแต่ไม่อาจกลับไปอยู่ใกล้ๆหัวใจของตัวเองได้อย่างเด็กนี่.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
นี่มันฟิคปลอบโยนยังง๊ายยยยยยยยยยยย
=[
]=!!!!
ขะ
ขออภัยค่ะถถถถถถถถ
คืออันที่จริงคุณกวางกำลังคิดจะรีเมคโปรเจคนี้เพื่อทลายไหอยู่แล้ว
ประกอบกับเมื่อวานคุยกับน้องอิงเกี่ยวกับสปอยด์ไททันตอน 62
แล้วแม่งแบบ.....นะ....ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอะไรมันจะโหดร้ายกับเอเลนขนาดน้านถถถถถถถถถถถถถ
ฮืออออออ มี๊ละเจ็บปวดแทน เพราะงั้นก็เลยคุยกันว่ามาแต่งฟิคเยียวยาเอเลนกันเถอะ!!!
นะ
ตอนแรกว่าจะเปิดเรื่องใหม่ไปเลย แต่ก็กลัวไหจะบานปลาย555 เลยกลับมามองฟิคเรื่องนี้ใหม่....มันก็น่าจะใช้ได้น้า...ถึงคุณรีไวอาจจะผีเข้าผีออกไปบ้างแต่เอเลนในเรื่องนี้จะถูกปกป้องอย่างดีทีเดียวเชียวแหละ
เพราะงั้นก็เลยตัดสินใจเอาฟิคเรื่องนี้กลับมารีเมคใหม่ เพื่อ โปรเจคฟิคปลอบใจเอเลน
งดทำร้ายลูกชายแสนรัก 7 วัน TvTbbb งดรังแกเอเลน 7
วันนี้มี๊ต้องใช้ความอดทนขนาดไหนรู้บ้างไหมฟฟฟฟฟฟ โอ๋ๆๆๆๆ
ใครสนใจฟิคที่อยู่ในโปรเจคนี้ซึ่งตอนนี้มีของน้องอิงลงแล้ว
(ไวมาก!!!) เชิญติดตามกันได้ที่บลอคน้องอิงเลยจ้ะ
จิ้ม>> Melting in the dark
ส่วนฟิคเรื่องนี้นี่ไม่ใช่ไหใหม่แต่อย่างใดนาคะ
อย่าเพิ่งขว้างอะไรมา :v
แหะแหะ
อันที่จริงมันเป็นฟิคที่รีเมคมาจาก Wo ai ni เวอร์ชั่น
1859 ของคุณกวางเองค่ะ คืออันที่จริงแทบจะเปลี่ยนแค่ชื่ออ่ะ
ถ้าไปอ่านเวอร์ชั่นนั้นก็จะรู้ว่าเหมือนกันแทบจะทุกตัวอักษร5555 (โดนกระทืบ)
แบบว่าไปฟังเพลงที่ทำให้นึกถึงฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา เลยลองเอามารีเมคใหม่ในเวอร์ชั่น
รีเอ ...เอาน่า...สำหรับคนที่รอของเวอร์ชั่น 1859 อยู่ก็ไม่ต้องน้อยใจไป
ถ้ารีเอได้แต่งต่อ 1859 ก็แค่เปลี่ยนชื่อกลับไป เดี๋ยวคุณกวางจัดให้ กร๊ากกกกก
(โดนกระทืบอีกรอบ) จากตอนที่ 3 ไปจะลงคู่กันค่ะ (เพราะเรื่องนี้ค้างอยู่ตอนที่ 2
มาชาติเศษได้ถถถถถ) ก็....เลือกอ่านแค่เวอร์ชั่นเดียวก็พอ เพราะเหมือนกันทุกอย่างค่ะ
ก็นะ
เพราะมันดัดแปลงมาจากฟิค 1859 (Hibari x Gokudera)
เพราะงั้นหลายๆอย่างเลยเขียนเอาไว้ให้เอื้อต่อคู่ 1859 อย่างเรื่องชื่อก็เหมือนกัน
ตอนต้นเรื่องเพราะเลี่ยงที่จะเรียกชื่อตัวเอกในภาษาจีน(ฮ่องกง)
จึงเขียนเป็นทำนองว่าเมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วสองคนนี้จะใช้ชื่อแบบไหนกัน
(ตอนบรรยายบทของคุณฮิ นี่ขนลุกมากค่ะ...คนที่ทำให้เขาทิ้งชื่อ ฮิบาริ เคียวยะ
แล้วจากบ้านเกิดมา....แบบนี้อ้า >/////<)
นะ...แต่พอมาเป็นคู่รีเอมันจะดูประหลาดๆหน่อยตรงที่แทนที่ชื่อมันจะเป็นภาษาญี่ปุ่นสมกับที่เกิดและอยู่ในญี่ปุ่น
ดันเป็นภาษาเยอรมันซะงั้นถถถถถถถ แต่จะแก้โลเคชั่นก็ขี้เกียจอีก
ก็เลย....ช่างมันแล้วกัน ยังไงจุดประสงค์หลักๆก็แค่อยากจะทลายไห 1859 บ้าง
ก๊ากกกกก
ในส่วนของตัวละครคิดว่าคุณรีไวกับคุณฮิเนี่ย
ใกล้เคียงกันมว๊ากกกกกกก ฟิคเรื่องนี้เลยแปลงได้อย่างเนียน
จะมีก็หนูเลนกับหนูก๊กที่จะต่างกันอยู่นิดหน่อย คือเอเลนเองเค้าจะตรงๆใสๆซื่อๆดื้อๆอะไรแบบนี้ใช่มะ
แต่ก๊กนี่จะซึน เอาแต่ใจและป่วนกว่านิดหน่อย
เพราะงั้นถ้าเห็นว่านิสัยหนูเลนในเรื่องนี้มีเพี้ยนๆไปบ้างก็ข้ามๆมันไปนะคะ555(โดนโบก)
ก็ถือซะว่าอ่านเพลินๆไปแบ้วกันนะคะ
^
^v
สำหรับฟิคเรื่องนี้จะมีบรรยากาศประมาณเงียบๆงึมๆ
ไม่เร่าร้อนอ่ะนะ จะเป็นแนวกระสุนเพื่อฆ่า น้ำตาเพื่อเธออะไรแบบนี้
(แนวไหนของมันฟร๊า~~~) ก็อย่าไปคาดหวังอะไรกับมันมาก (อีกแล้วหรอถถถถถถ)
ใครสนใจว่าฟิคเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปที่งงและฮายังไงก็เชิญอ่านช่วงทอล์คของเวอร์ชั่น
1859 ได้ค่ะ
อันที่จริงแล้วเป็นฟิคที่แต่งให้ในวันเกิดน้องสโนว์เมื่อนานมาแล้วอ่ะนะ
(เค้าขอโต๊ด TvT) สำหรับผู้ที่สนใจก็ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องนาคะ
ไม่ใช่ไหใหม่ค่ะ จริงจริ๊งงงง *ซับเหงื่อ...*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น