Aldnoah.Zero
Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : The Rose of Warwick
:
Aldnoah.Zero Fanfiction Au
:
Cruhteo x Slaine
:
Romance Period
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ถึงจะยังไม่ใช่ฤดูร้อนแต่ตอนนี้ปราสาทวอร์ริคก็กำลังต้อนรับแขกสำคัญที่มักจะมาเยือนเป็นประจำ
องค์หญิงที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อังกฤษนั่งทำแก้มป่องอยู่ในห้องโถงรับรองอย่างที่ดูก็รู้ว่าคงมีเรื่องไม่สบายพระทัยเกิดขึ้นเป็นแน่ถึงได้เสด็จมาถึงที่นี่
และด้วยความที่เสด็จมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ทั่วทั้งปราสาทต่างวิ่งกันให้วุ่นเพื่อเตรียมการต้อนรับ...แม้แต่เจ้าของปราสาทเองก็เช่นกัน...จากที่ยังไม่ลุกจากเตียงทั้งๆที่สายแล้วจึงจำต้องรีบแต่งกายลงมาต้อนรับแทบไม่ทัน
“
ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทวอร์ริคขอรับองค์หญิง”
ร่างสูงใหญ่ในชุดขุนนางชั้นสูงเดินเข้ามาก่อนจะโค้งคำนับ
ร่างระหงโบกมือน้อยๆอย่างไม่คิดจะมีพิธีรีตองอะไรในเมื่อต่างก็คุ้นเคยกันดี
“
เคานต์ครูเทโอ สเลนล่ะ?”
ใบหน้าสวยถามถึงอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยกัน
เป็นเพราะท่านเคานต์แห่งวอร์ริคเชียร์ไม่ได้จงใจจะปกปิดและไม่สนใจคำครหานินทา
องค์หญิงที่หนึ่งจึงรู้ดีว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นเกิดอะไรขึ้น...และตอนนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง....
“
ยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยนัก
กระหม่อมเลยลงมาก่อน...ว่าแต่องค์หญิงมีเรื่องร้อนใจอันใดรึถึงได้เสด็จมาด่วนแบบนี้”
ทั้งๆที่ปกติแล้วระดับองค์หญิงอัสเซลัมจะไปไหนทีไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องมีการส่งสาล์นไปแจ้งยังปลายทางเพื่อเตรียมการต้อนรับและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะพูดออกมาดีไหม
เพราะถึงเคานต์ครูเทโอจะเป็นขุนนางคนสนิทแต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่องครักษ์...อีกทั้งเรื่องที่เธอกำลังจะขอร้องมันก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ...เพราะมันเกี่ยวข้องกับอดีตเพื่อนรักของท่านเคานต์ซึ่งระหว่างทั้งสองคนก็ยังมีรอยร้าวเล็กๆที่ไม่อาจประสานกลับมาเป็นดังเดิมได้อีก...เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยด้วยซ้ำ
“
พูดออกมาเถิดองค์หญิง...กระหม่อมยินดีช่วยต่อให้ไม่มีหน้าที่ในส่วนนั้นก็ตาม” ความภักดีของร่างสูงใหญ่ทำให้ใบหน้าสวยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“
เราได้รับคำเชิญให้ไปเยือนจากทางปราสาทวาร์คเวิร์ธ...ท่านก็รู้ว่าเราผลัดคำเชิญมาหลายรอบแล้วและบรรดาเชื้อพระวงศ์เองก็ไม่ได้ไปเยือนดินแดนทางเหนือมานาน
คราวนี้ท่านปู่เลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง...เราอยากให้ท่านกับสเลนไปเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ไหม....” เป็นเพราะเชื้อพระวงศ์ต่างรู้กันดีว่าทางเหนือของอังกฤษนั้นอันตรายเพียงใด
ทั้งห่างไกลจากเมืองหลวงมาก ทั้งยังมีกลุ่มคนที่ต่อต้านระบอบกษัตริย์หลบซ่อนอยู่
หากเลือกได้จึงไม่มีใครคิดที่จะไปเยือน
“.....แต่ถ้าท่านลำบากใจ....ก็ไม่เป็นไรนะ....”
ใบหน้าสวยก้มมองมือของตัวเองที่วางอยู่บนตักด้วยสีหน้ากังวล...เป็นเพราะพอจะทราบมาบ้างว่าเคานต์ครูเทโอกับเจ้าของปราสาทวาร์คเวิร์ธคนนั้นมีเรื่องบาดหมางใจอะไรบางอย่างทั้งๆที่เป็นเพื่อนรักกัน
ทำให้สิบกว่าปีมานี้ปราสาทวอร์ริคจึงไม่ได้ติดต่อกับปราสาททางเหนือนั่นเลย...ทั้งๆที่รู้แต่เธอก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร
ราชองค์รักษ์ก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งพาได้แค่ไหน ซ้ำยังไม่มีขุนนางที่ไว้ใจคนอื่นอีก...
“
องค์หญิงไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ...กระหม่อมจะไปด้วย”
แล้วเสียงทุ้มก็ทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาด้วยดวงตาสั่นระริกจากความซาบซึ้ง นัยน์ตาสีฟ้าที่ไม่สั่นไหวแม้จะต้องก้าวขาไปเผชิญหน้ากับอดีตเพื่อนรักทำให้หญิงสาวรู้สึกเบาใจที่อย่างน้อยคำขอของเธอก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้อีกฝ่าย
“
เคานต์ครูเทโอ...เราขอบใจท่านมาก...บอกตามตรงว่าเราค่อนข้างจะกังวลที่จะต้องไปที่นั่น....”
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองเจ้าหญิงพระองค์น้อยที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ฝ่าเท้าเท่าฝาหอย...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดองค์หญิงอัสเซลัมถึงได้หวาดกลัวที่จะไปเยือนดินแดนทางเหนือนัก
นั่นก็เป็นเพราะเมื่อครั้งที่ยังทรงพระเยาว์
ในระหว่างที่กำลังเสด็จกลับเมืองหลวงจากการไปเยือนปราสาทวาร์คเวิร์ธ ขบวนรถม้าขององค์หญิงถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่คิดจะลอบปลงพระชนม์จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด...ความกลัวนั้นคงจะฝังใจ...
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาและคนที่ก้าวขาเข้ามาก็ทำให้องค์หญิงถลาเข้าไปหาด้วยความดีใจ
“
สเลน...เจ้าเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้ถูกท่านเคานต์รังแกเอาใช่ไหม?
เราคิดถึงเจ้ามากเลยนะ”
ท่าทางตื่นเล็กๆกับแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูทำให้องค์หญิงอมยิ้มไปกับการได้หยอกเย้าคนที่เข้ามาใหม่
“
สบายดีครับ...ท่านเคานต์...ดูแลผมเป็นอย่างดี....” เสียงนุ่มตอบออกไปด้วยความประหม่าซึ่งในสายตาขององค์หญิงที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อังกฤษกลับมองว่ามันช่างเป็นปฏิกิริยาที่น่ารักเหลือเกิน
“
ว่าแต่องค์หญิง....”
“
เรามาที่นี่ก็เพราะอยากให้เจ้าไปเป็นเพื่อนเราหน่อย”
แล้วคำเชิญจากปราสาททางเหนือก็ถูกเล่าให้สเลนฟังอีกครั้ง
ร่างสูงใหญ่มองทั้งคู่สนทนากันพลางครุ่นคิด...ยังไงซะ
ดินแดนที่ห่างไกลจากเมืองหลวงนั่นก็อันตรายจริงๆ
อีกทั้งจนป่านนี้แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครถึงจะไม่คิดว่าอดีตเพื่อนรักจะทรยศต่อราชวงศ์ได้ก็เถอะ
แต่ปลอดภัยไว้ก่อนย่อมจะดีกว่า ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงเอ่ยบอกองค์หญิงไปว่า
“
กระหม่อมจะให้สเลนอยู่กับองค์หญิงตลอดเวลา”
“
เอ๋?” ใบหน้ามนได้แต่เงยขึ้นมองทั้งสองคนอย่างงงๆ...เพราะตลอดเวลาที่ว่านั่นมัน....
และแล้ว...
ร่างโปร่งบางก็ได้ไปยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจก...เป็นอย่างที่คิดจริงๆ...ว่าหากจะต้องอยู่กับองค์หญิงตลอดเวลา
จะให้เขาไปในฐานะเด็กผู้ชายคงไม่เหมาะนัก....
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากัน
นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมองภาพของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจก
ถึงจะน่าอายที่ต้องถูกจับแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงอีกครั้งแต่เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงแล้ว...เขาทำได้
แค่สองอาทิตย์เองน่า....แค่สองอาทิตย์เอง....
ถึงจะพยายามท่องไว้ในใจยังไง
แต่ความอายมันก็ยังไม่ยอมให้ไปจากใบหน้าเสียที
“
เฮ้อ....”
“
ถอนหายใจอะไรของเจ้า?”
เสียงทุ้มที่ทักขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาไหล่บอบบางสะดุ้งน้อยๆ
“
ท่านเคานต์....”
ใบหน้ามนมองคนที่เดินเข้ามาจากภาพสะท้อนในกระจก...ก็น่าจะรู้อยู่ว่าเขาถอนหายใจเรื่องอะไร
ยังจะมาถามอีก!
“
พวกเจ้าออกไปก่อน”
ร่างสูงใหญ่เอ่ยไล่ช่างเย็บผ้าและช่างแต่งหน้าทำผมออกไปก่อนจะยืนมองผลงานจากในกระจกด้วยใบหน้าพอใจ
“
จากใจจริงของเราคงต้องบอกว่าไม่อยากจะพาเจ้าไปด้วยเลย สเลน” แต่สิ่งที่ท่านเคานต์พูดออกมากลับทำให้ใบหน้ามนที่กำลังขึ้นสีอย่างเขินอายได้แต่นิ่งค้างไป....เพราะในใจเต็มไปด้วยความสงสัย....ทำไมกันล่ะ?
ทำไมถึงไม่อยากให้เขาไปด้วย? กลัวว่าเขาจะไปทำให้ขายหน้าหรือยังไง? เป็นเพราะเขามันต่ำชั้นไม่คู่ควร?
หรือจะเป็นเพราะไม่รู้จะบอกกับคนอื่นๆว่ายังไงเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเขา?
แต่แล้วทุกคำถามที่เกิดจากความน้อยใจก็ถูกตอบด้วยเสียงทุ้มที่อยู่ข้างๆใบหู
เพราะร่างสูงใหญ่ขยับมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะโอบกอดมารอบเอวแล้วเกยคางเอาไว้ที่หัวไหล่ของเขา
“
ที่นั่นมันอันตราย...เราคงเป็นห่วงเจ้าจนไม่เป็นอันทำอะไร
ยังไงก็อย่าอยู่ห่างจากเราล่ะ” เสียงที่แสดงออกมาว่าเป็นห่วงทำให้เรื่องที่คิดมากไปเองถูกปัดเป่าจนสลายหายไป
เขาเองก็ควรจะเชื่อมั่นในความรักที่ท่านเคานต์มอบให้ให้มากกว่านี้...เชื่อ...ให้หมดหัวใจ
“
ครับ....”
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองร่างโปร่งบางในชุดกระโปรงยาวสีอ่อนที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา
ใบหน้ามนที่เสมองพื้นด้วยท่าทางเอียงอายแบบนั้นมันทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา
คนที่เคยเป็นเพื่อนรักแต่กลับแตกหักกันเพราะผู้หญิงคนเดียว…
ถ้าเจ้าเห็นสเลนของเรา...เจ้าจะทำหน้ายังไงกันนะ....เคานต์ซาสบาร์ม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
ตัวอย่างประกอบการตัดสินใจสำหรับรวมเล่มๆนี้ค่ะ
ก็...The
Rose of Warwick
จะเป็นตอนพิเศษที่จะอยู่ในรวมเล่มนั่นแล
บางทีก็ไม่แน่ใจว่ามันควรจะเรียกว่าตอนพิเศษหรือภาคสองของ
Last
word
ดี555 ดูท่าว่าจะไม่ได้จบง่ายๆซะแล้วถ้าท่านเคานต์ซ. จะโผล่มาด้วยแบบนี้ถถถถถถถถ
แปะปกให้ดูกันไปแล้ว
คราวนี้เลยแอบมาแง้มในเล่มบ้าง *w* ก็น่าจะประมาณนี้แหละค่ะ อิอิ
ผิดรูปแบบหนังสือได้ตลอดอ่ะ5555
ยังไงก็จะพยายามปั่นให้เสร็จก่อนช่วงต้นเดือนพฤศจิกานะคะ จะโดนรถ F1 ชนดับอยู่แบ้วเนี่ย TvT
กรี๊ดดดดดดดดดด ท่านซาสบาร์มขาาาาา //วิ่งไปซบอก #โดนถีบออก
ตอบลบภาคต่อเถอะคะ ขออินาโฮะออกด้วย-----โลภมาก
อ้าาาา อยากได้หนังสือเร็วๆ คุณกวางมาแง้มได้แบบ...........//เสียเลือดให้ท่านเคาท์รัวๆ
เป็นกำลังใจให้นะค๊าาาาาาาาา
กริ้สสสสสสสสสสสสสส ศึกชิงเสลนกำลังจะเริ่มมมมมมมมม อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้วค่าาาาา กลับมาเขียนต่อไวๆนะค๊าาาา เป็นกำลังใจให้ค่า ถ้าออกรวมเล่มจะตามเก็บแน่นอนค่าาาา
ตอบลบ