Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 20
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเด็กนั่นไป...
ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แบบนั้น...แต่พอได้ฟังความจริงบางอย่างจากปากของคนเป็นพ่อ...
“
คุณจะไม่ยอมเลิก...ถึงแม้จะรู้ว่า...คนที่สั่งเผาบ้านเด็กกำพร้าเมื่อ 10 ปีก่อน
คนที่ทำให้คุณต้องใช้ชีวิตร่อนเร่ คนที่สั่งเก็บโกคุเดระ ฮายาโตะ.......จะเป็นผมเองน่ะหรอ?”
ทุกความตั้งใจที่เคยตั้งมั่นเอาไว้....
กลับพังทลายลงแทบจะทันที...
เพล้ง!!!
เศษกระจกหน้าต่างร่วงกราวลงมาที่พื้นเมื่อร่างแข็งแกร่งเดินเข้าไประบายกับมัน
หมัดหนักๆซัดลงไปบนเงาร่างของคนที่นั่งอยู่ในกระจก
กำปั้นที่สั่นระริกพยายามอดทนอดกลั้นเพราะสติยังมีพอที่จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขาจะเข้าไปอาละวาดด้วยได้
สันกรามได้แต่กัดฟันแน่น นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองไปยังเงาในเศษกระจกอย่างเคียดแค้น
ตอนนี้ในหัวของเขามันมีแต่ภาพของเจ้าฮายาโตะที่โชกไปด้วยเลือด....ภาพ...ของเด็กคนนั้นที่จะต้องนั่งอยู่ในรถเข็นไปอีกไม่รู้ว่านานเท่าไหร่...อาจจะกลับมาเดินไม่ได้อีกแล้วก็ได้
ผู้ชายคนนี้คือคนที่พรากเอาชีวิตนับสิบของคนในบ้านเด็กกำพร้าไป...คือคนที่เกือบจะทำให้เขาต้องเสียครอบครัวคนสุดท้ายไปอีกคน
“
ออกไป....”
เสียงกดต่ำเอ่ยอย่างใช้ความพยายามอย่างที่สุด
ในหัวใจกำลังเต็มไปด้วยไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชังที่กำลังลุกไหม้
ใบหน้าแข็งเกร็งจ้องเขม็งไปที่ร่างภูมิฐานที่กำลังลุกขึ้นช้าๆ
ท่วงท่าที่ราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันก็ยิ่งทำให้ยากที่จะให้อภัย
พวกเขาต้องใช้ชีวิตมาราวกับเศษขยะ
แล้วในขณะที่อีกฝ่ายกลับมีความเป็นอยู่ที่แสนสบาย...พอคิดมาถึงตรงนี้...พอรู้ว่าความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเอเลนถูกหล่อเลี้ยงมาด้วยเลือดและเนื้อของพวกเขา...
แล้วจะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คบกันต่อไปยังไง...
“
คุณรีไว...” ร่างโปร่งบางถลามาหาเขาด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้
ทั้งหัวใจของเขาและของเด็กนั่นคงแหลกสลายจนความเจ็บมันกลายเป็นความด้านชา
คำสารภาพราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาทั้งหนักหน่วงและรวดเร็วจนไม่มีเวลาจะตั้งตัว ตอนนี้ในหัวของเขามันทั้งร้อน ทั้งสับสน
ทั้งโกรธจนแทบจะคุ้มคลั่งเสียให้ได้
รักสิ...เพราะเขารักเอเลนมาก
ถึงได้พยายามห้ามร่างกายที่สั่นระริกด้วยความโกรธนี้ให้ทำแค่ไล่อีกฝ่ายไปให้พ้น
“
ออกไป!” เพราะถ้าทั้งสองพ่อลูกยังอยู่ตรงนี้...เขาก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมปีศาจในตัวเองเอาไว้ได้อีกนานแค่ไหน
“
แต่ว่า” หยาดน้ำเอ่อล้นออกมาจากนัยน์ตาสีมรกตช้าๆ
รอยน้ำตาที่ไหลลงมาบนแก้มใสราวกับคมมีดที่ค่อยๆกรีดลงไปในหัวใจของเขา...
“
บอกให้ออกไป!!” รีบๆไปซะ
ก่อนที่เขาจะทนต่อความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวแล้วเผลอทำอะไรลงไป..ยังไงเสียอนาคตของพวกเรามันก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมเอเลนถึงพยายามปกปิดไม่ให้พ่อของตัวเองรู้ขนาดนั้น...
เพราะเด็กนี่เองก็คงจะรู้เช่นกัน...ว่าพ่อของตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องในอดีตของเขา
คงจะรู้...ตั้งแต่วันที่ไปเวโรน่าด้วยกันนั่นแล้ว...
“
คุณรีไว เดี๋ยวพ่อ! ผมไม่กลับ! ปล่อยผม!” ร่างโปร่งบางโดนคนเป็นพ่อลากออกไป
สองมือพยายามไขว่คว้ามาหาด้วยน้ำตานองหน้า
ถ้าไม่มีเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องเขาคงจะยื่นมือออกไปฉุดรั้งมือคู่นั้นเอาไว้...
แต่ตอนนี้เขาได้แต่ปล่อยมันไป...
ปล่อยให้เอเลนถูกพ่อลากกลับบ้านไป...
ไม่คิดเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาแบบนี้
เมื่อกี้พวกเขายังมีความสุขอยู่ด้วยกันอยู่เลยไม่ใช่หรอ?
ทำไม...ทำไมพระผู้เป็นเจ้าถึงต้องส่งเอเลนมาเป็นลูกของผู้ชายคนนั้นด้วย
ทำไม...
ทำไม!!
โครม!!
เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ถูกเหวี่ยงใส่ผนังจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงข้าวของแตกกระจายดังก้องไปทั่วบ้าน
ความรู้สึกทุกอย่างที่กำลังสุมอยู่ข้างในถูกระบายออกมาด้วยความรุนแรง...จากบ้านที่เคยเต็มไปด้วยไออุ่นกลับเละเทะไม่เหลือชิ้นดี
ครอบครัวที่จะเดินไปด้วยกันทั้งสี่คน....มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว...
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทรุดนั่งลงไปบนโซฟาที่เต็มไปด้วยเศษกระจกอย่างหมดแรง
มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกด้วยใบหน้าเลื่อนลอย....
ร่างสูงใหญ่กลับเข้ามาในห้องของตึกพิรุณอีกครั้งเมื่อท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์วองโกเล่กลายเป็นสีส้ม
สายลมอ่อนๆพัดให้ม่านโปร่งพลิ้วไหวน้อยๆ
อาคารเก่าแก่ที่มีอายุเป็นร้อยปีหลังนี้ถูกประดับประดาด้วยเครื่องเรือนแบบโบราณเพื่อให้เข้ากับตัวอาคารที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์
สองขาก้าวเข้าไปหาเตียงสี่เสาที่ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของห้อง
ใบหน้าคมอมยิ้มน้อยๆเมื่อมองเห็นคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนนั้น...
ร่างสูงใหญ่นั่งลงไปที่ขอบเตียงก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบที่ขมับใสเบาๆ...เขาไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นบ้าน...จนกระทั่งวันนี้
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นน้อยๆทำให้มือใหญ่ตรงเข้าไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่ของคนที่ยังหลับสนิทให้ก่อนจะผละออกมา
“
ครับ?”
ถึงจะแปลกใจไม่ใช่น้อยกับเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาแต่ปลายนิ้วก็กดรับอย่างไม่ลังเล
“
แกรู้ใช่ไหม...ว่าคริชา เยเกอร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้....” เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์
ต่อให้พ่อของเอเลนจะเป็นคนสารภาพออกมาเองแต่เขาก็ยังหวังว่ามันจะไม่ใช่
หวังว่ามันอาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิด
หวัง....ว่ามันจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้ไม่ต้องเลิกกับเด็กนั่น
รัก...เพราะรักมาก....
เพราะฉะนั้น...
ปฏิเสธ....ได้โปรดปฏิเสธชั้น
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
“
อ่า...รู้แล้วงั้นหรอ....” แต่เสียงปลายสายกลับตอบมาโดยไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง...นั่นแสดงให้เห็นว่า...พ่อของเอเลนเป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆ
ปลายนิ้วกดวางสายไปพร้อมกับร่างกายที่ทิ้งตัวลงพิงโซฟาอย่างหมดแรง
เรื่องเมื่อ
10 ปีก่อนเขาให้อภัยได้ แต่สำหรับเรื่องที่เกือบจะทำให้เขาเสียฮายาโตะไป...
เขาให้อภัยไม่ได้จริงๆ...
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้านิ่ง...ปลายสายตัดไปก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น...แล้วโทรกลับไปก็ปิดเครื่องไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?
ทำไมจู่ๆรีไวถึงรู้เรื่องที่ว่าพ่อของเอเลน
เยเกอร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยได้?
แล้วป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นยังไงกัน?
“
โกคุเดระ”
ถึงไม่อยากจะปลุกขึ้นมาแต่ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ถึงใบหน้าสวยจะทำเป็นไม่สนใจผู้ปกครองคนนั้นมากนักแต่ที่จริงก็คงห่วงน่าดูที่ต้องปล่อยให้อยู่คนเดียว
“
อือ?...”
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“
เดี๋ยวนะ”
เขาหันไปบอกร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะเดินไปเปิดประตู
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือลูกน้องของฮิบาริ เคียวยะ
“
มีอะไร?”
ร่างในสูทสีดำพยักหน้าก่อนจะกระซิบให้เขาได้ยินเบาๆ....เป็นคำพูดที่ทำเอารอยยิ้มร้ายถึงกับฉายขึ้นมาบนใบหน้า...
ในที่สุด...เรื่องราวมันก็ดำเนินมาถึงจุดจบเสียที...
เพราะเจ้านักฆ่าที่ถูกเค้นคอทรมานมานานหลายเดือน...มันสารภาพออกมาแล้วว่าเรื่องทั้งหมด...ใครเป็นคนบงการ
“
ปล่อยผมออกไปนะ!!!” สองมือยังคงทุบประตูปังๆ
ร่างโปร่งบางถูกขังอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
เพราะพูดกับพ่อไม่รู้เรื่องอีกต่อไป
เขาเองก็โมโหกับเรื่องที่พ่อทำลงไปถึงมันจะทำเพื่อให้เขาสุขสบายแต่การไปทำร้ายคนอื่นแบบนั้นเขายอมรับไม่ได้
พ่อที่เคยเป็นฮีโร่ เป็นคนดีที่หนึ่งในสายตาของเขามันไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว
พ่อเองก็โมโหที่เขาไม่รักดีหนีไปคบกับผู้ชายด้วยกันไม่พอยังเป็นคนที่มีประวัติไม่ดีอย่างคุณรีไวอีก
ตอนนี้ในบ้านจึงเต็มไปด้วยความร้อนระอุจนแทบจะระเบิดออกมาให้ได้
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหันหน้าเข้าไปคุยกันดีๆ
เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างเชื่อในความคิดของตัวเอง
“
พ่อ!! ปล่อยผม!! ยังไงผมก็ไม่ยอมเลิกกับคุณรีไวหรอก!”
ด้านนอกของบานประตูยังคงไม่ตอบอะไรกลับมาเช่นเคย
มีเพียงแค่เขาที่แหกปากโวยวายอยู่ฝ่ายเดียว พ่อยังคงใช้วิธีนิ่งเงียบแล้วตอบโต้เขาด้วยแม่กุญแจ
ตอบโต้ด้วยการขังเขาเอาไว้
ปังๆๆๆ!!
ฝ่ามือทั้งทุบทั้งเขย่า
แต่ประตูก็แข็งแรงกว่าที่เขาคิด ร่างโปร่งบางทุบแรงๆไปอีกทีก่อนจะสะบัดกายเดินกลับมาทิ้งตัวลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด
จากตอนแรกที่ร้องไห้แทบเป็นแทบตายแต่ตอนนี้เขาพอจะเริ่มตั้งสติได้
ในใจนึกเป็นห่วงคุณรีไวไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง คนคนนั้นยิ่งโมโหร้ายอยู่ด้วย
ถึงจะรู้ตัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะพ่อของเขา
ถึงจะรู้ว่ามันยากที่จะให้อภัย....แต่เขากับพ่อก็ไม่ใช่คนคนเดียวกัน
มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหรือที่เราจะไม่ต้องเลิกกัน
ใบหน้ามนถอนหายใจก่อนจะหันมองรอบกาย
ทั้งกุญแจรถ ทั้งโทรศัพท์ ทั้งกระเป๋าเงินถูกริบไปจนหมด พ่อตั้งใจจะขังเขาเพื่อให้เขาแยกจากคุณรีไว
ไม่ยอม...
ไม่ยอมหรอก...
เขารักผู้ชายคนนั้นและจะไม่ยอมปล่อยให้ทุกอย่างจบลงง่ายๆแบบนี้
จะใช้ความรักทั้งหมดที่มีเอากลับมาเป็นของเขาอีกครั้งให้ได้!
ร่างโปร่งบางดีดตัวลุกขึ้นไปที่หน้าต่าง
ห้องของเขาอยู่ชั้นสอง แล้วตอนนี้ที่สนามหญ้าข้างล่างก็มีลูกน้องของพ่อเฝ้าอยู่หนึ่งคน...มั่นใจได้เลยว่ารอบๆบ้านต้องมีเฝ้าอยู่อีกหลายคนแน่
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นอย่างเจ็บใจ
ถ้าพูดถึงเรี่ยวแรงหรือการต่อสู้แล้วเขาคงจะแพ้ราบคาบ….ถ้าอย่างนั้นยังมีทางอื่นที่จะหนีออกไปจากบ้านได้อีกไหมนะ
เขาจะหนี! จะไปคุยกับคุณรีไวให้รู้เรื่อง!
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปเห็นมินิออสตินที่วางอยู่ข้างๆ
F138ที่คุณรีไวทำให้...จริงสิ...ถ้าใช้เจ้านั่น...
รอยยิ้มซุกซนปรากฏอยู่บนใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยความกังวลมาตลอด...ครั้งแรกเขาก็ใช้มันเพื่อสื่อสารกับคุณรีไวจนได้อีกฝ่ายมา...ครั้งนี้มันก็อาจจะช่วยให้เขาหนีรอดไปอีกก็ได้
มือบางลูบเบาๆลงไปบนมินิออสตินเพื่อนยากที่มักจะอยู่กับเขาตลอดเวลา...โชคดีที่พ่อเห็นว่ามันก็เป็นแค่ของเล่นไม่มีพิษมีภัยเลยไม่คิดจะริบมันไปด้วย....แต่สำหรับเขาแล้วมันทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างจนพ่อคาดไม่ถึงเลยละ
นัยน์ตาสีมรกตทอดมอง
F138
ที่วางอยู่ข้างๆกัน...รอก่อนนะครับคุณรีไว...ต่อให้คุณจะรังเกียจมือของผมจนสะบัดหนีอีกสักกี่ครั้ง...แต่ผมก็จะไม่ละความพยายามที่จะจับมันให้ได้อีกหน
มือบางผูกเอ็นเส้นเล็กๆเอาไว้ที่ตัวรถก่อนจะค่อยๆหย่อนมินิออสตินคันจิ๋วลงไปทางหน้าต่าง
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเป็นระยะๆว่าลูกน้องของพ่อยังหันไปมองทางอื่นอยู่
และมินิออสตินก็ลงไปถึงพื้นดิน
เส้นเอ็นก็ถูกกระตุกให้หลุดจากตัวรถก่อนจะดึงกลับมาช้าๆ
มืออีกข้างหยิบคันบังคับขึ้นมาก่อนที่นัยน์ตาจะจ้องลงไปที่มินิอสตินที่จอดอยู่ข้างล่าง
จากที่เคยนิ่งสนิทมันก็เริ่มวิ่งตามสัญญาณวิทยุที่ส่งผ่านคันบังคับไป
แซ่กๆๆๆ
เสียงแหวกกอหญ้าและพุ่มไม้ที่ไหวสั่นเพราะมินิออสตินวิ่งมุดอยู่ข้างใต้ทำให้ลูกน้องของพ่อหันไปมองอย่างตกใจ
ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งไปดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นใครลอบเข้ามาช่วยเขาหรือไม่ก็เป็นเขาเองนี่แหละที่หนีออกไป
มินิออสตินวิ่งมุดพุ่มดอกไม้ไปจนสุดกำแพงและร่างสูงใหญ่นั่นก็ยังวิ่งตามไป
ตอนนี้แหละ!!
มือบางหยิบผ้าปูที่นอนที่ผูกรอเอาไว้อยู่แล้วมาโยนลงไปนอกหน้าต่าง
ถึงจะคิดว่าวิธีนี้มันโบราณไปหน่อยแต่ก็ใช้ได้ผลจริงๆ
ร่างโปร่งปีนลงมาจนสองขาแตะพื้นดินจนได้ ก่อนจะก้มหลบลงไปในพุ่มไม้พร้อมกับมือที่กระตุกผ้าปูแรงๆจนมันร่วงลงมา
นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องอยู่ที่ลูกน้องของพ่อที่ยังควานหาอะไรอยู่ในกอดอกไม้ที่กำแพงอีกฝั่ง...ได้แต่หวังว่าถ้าเห็นว่ามันเป็นมินิออสตินของเขา
หมอนั่นจะไม่กระทืบมันพังไปเสียก่อนนะ
มือบางยัดผ้าปูที่นอนเอาไว้ใต้พุ่มไม้ก่อนจะก้มตัวต่ำวิ่งเลาะตัวบ้านไปเรื่อยๆ
เขาอาจจะยังเด็ก
อาจจะยังคิดอะไรง่ายๆ อาจจะไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป
อาจจะไม่เคยรู้ว่าการใช้ชีวิตบนกองขยะมันลำบากขนาดไหน
แต่เขาก็ไม่ผิด...ที่คิดจะทำตามหัวใจของตัวเอง
ความรักไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรมากมาย
ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เลือกคุณรีไวที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยมาตั้งแต่ต้น
ก็แค่รัก...
ก็แค่อยากอยู่ด้วย...
สำหรับเขาแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สองขาวิ่งออกไป
ต่อให้เจอกันแล้วจะถูกทำร้ายถูกด่าว่ายังไงก็ยอม
ลมหายใจเริ่มจะหอบถี่
ใบหน้ามนเงยมองรั้วหน้าบ้านที่อยู่อีกไม่ไกล
ที่ฝ่าเท้ารู้สึกแสบๆจากการถูกใบหญ้าบาดเอา...ก็เขาวิ่งมาด้วยเท้าเปล่านี่นา...
ใบหน้ามนหันกลับไปมองบ้านของตัวเองอีกครั้ง...ถึงเขาจะโกรธพ่อแต่ก็ไม่ได้เกลียด...เพราะเขารู้ว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน...รักมากจนทำได้ทุกอย่างขนาดนี้
แล้วในที่สุดร่างโปร่งบางก็หลุดออกจากรั้วมาจนได้
ท่อนแขนเล็กโบกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี
“
ไปเขตอุทยานครับ!”
ชายชราหันมาพยักหน้าด้วยท่าทางงงๆ
คงจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครเรียกให้ไปแถวนั้นบ่อยเท่าไหร่
ประกอบกับเขาเองก็ออกมาในสภาพเหมือนคนที่ไม่มีเงินจะจ่าย
อ่า...จริงด้วย...เขาไม่มีเงินติดตัวมาสักแดงเดียวเลยนี่
รถแท็กซี่วิ่งพาเขามาส่งที่หน้าบ้านในเขตอุทยานจนได้
สร้อยสีเงินถูกดึงออกมาจากคออย่างไม่ลังเลและไม่เสียดาย
ถึงแม้ว่ามันจะทำมาจากโลหะที่หายากและมีค่ามากกว่าทองคำ
“
นี่เป็นแพลททินั่ม คุณเอาไปแทนค่าแท็กซี่ก็แล้วกัน ผมไม่มีเงิน” คนขับแท็กซี่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
แต่เป็นเพราะไม่อยากจะอยู่ในป่าในเขานานไปกว่านี้เลยรับมันไปอย่างเสียมิได้
ร่างโปร่งบางยืนมองเข้าไปในบ้าน...รถของคุณรีไวยังอยู่...มือบางหยิบกุญแจรั้วออกมา...ถึงพ่อจะยึดกุญแจรถของเขาไปแต่ก็ไม่ได้ยึดกุญแจบ้านคุณรีไวไปด้วย
เขาจึงเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย
ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงไปบนเฉลียงไม้ก่อนจะเดินเข้าไปหาบ้านฝั่งซ้ายช้าๆ
ภายในบ้านปิดไฟมืด
มีเพียงนัยน์ตาลุกวาวราวกับเสือที่จ้องมองมาเท่านั้นที่ทำให้เขารู้ว่าคุณรีไวนั่งอยู่บนโซฟา
“
มาทำไม...” เสียงนิ่งเอ่ยถาม
บรรยากาศช่างน่ากลัวจนถ้าเป็นคนอื่นคงจะวิ่งหนีไปแล้ว
แต่เขากลับเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟและเมื่อแสงสว่างฉาบไล้เขาถึงได้เห็นว่าห้องนั่งเล่นที่เคยสวยงามมันเละเทะขนาดไหน
และใบหน้าของคุณรีไวเองก็โทรมไม่ได้แพ้กัน...เขาเห็นรอยแดงที่ขอบตาซึ่งกำลังมองมาอย่างหาเรื่องนั่น...คุณรีไวก็เสียใจ
ก็ร้องไห้เหมือนกับเขาใช่ไหมละ ที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นระหว่างเรา
“
ผมมาหาคุณ...ผมไม่ยอมหรอก....ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมเลิกกับคุณ...”
ในเมื่อความดื้อดึงเป็นสิ่งเดียวที่เขามีเหนือกว่าใครๆ เขาก็จะใช้มันให้ถึงที่สุด
“
...........” ร่างแข็งแกร่งกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าเจ็บปวด...เขาไม่รู้หรอกว่าคุณรีไวคิดยังไง
แต่เขาจะบอกสิ่งที่เขาคิดออกไปและทำได้แค่โน้มน้าวให้อีกฝ่ายกลับมาก็เท่านั้น
“
ผมกับพ่อ...เป็นคนละคนกัน....ถึงพ่อจะผิดแต่ผมไม่ได้ทำอะผิด...มันอาจจะดูเอาแต่ใจ...แต่ผมไม่รู้แล้วว่าจะรั้งคุณเอาไว้ได้ยังไง...ผมก็แค่รักคุณ...รัก....” นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นระริก
ทั้งๆที่เขาคือครอบครัวของฆาตกรแต่กลับไม่รู้สึกสำนึกผิดต่อเหยื่อ
ซ้ำยังเรียกร้องความรักจากคนที่ตัวเองทำร้ายไป...มันโลภมากใช่ไหมคนอย่างเขาน่ะ...
“
กลับไปซะ...อยู่ห่างๆจากชั้นไว้”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเหมือนกำลังกัดฟัน แต่เขาก็ยังยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น
ไม่ไป…
เขาจะไม่ไปไหน...
และเมื่อต่างฝ่ายต่างเอาแต่จ้องมองกัน...ในที่สุดความอดทนของคุณรีไวก็เริ่มจะถึงขีดสุด
ร่างแข็งแกร่งลุกพรวดขึ้นมาด้วยใบหน้ามืดมนจนน่ากลัว
ไหล่ทั้งสองข้างเผลอสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่หลับแน่นอย่างพร้อมรับทุกการกระทำที่อีกฝ่ายจะมอบให้
จะแก้แค้นกับเขาก็ได้
จะเอาความโกรธมาลงกับเขาก็ได้
ขอแค่อย่าทิ้งเขาไปก็พอ...
แล้วเสียงทุ้มต่ำของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ก็ทำให้เขาลืมตาขึ้นมา
ใบหน้าหันไปมองรอบกายซึ่งมีเพียงความว่างเปล่า
เอี๊ยด!!
Ferrari
F12 Berlinetta ถอยออกไปราวกับพายุ คุณรีไวไม่ได้ทำอะไรเขา
แต่ทิ้งให้เขาอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครอยู่อีกแล้วตามลำพัง...
ร่างโปร่งบางทรุดนั่งลงบนโซฟา
สองขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะตามไป
ไม่สิ...เขาไปไหนไม่ได้เพราะไม่มีทั้งรถทั้งเงิน
เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่มีติดตัวก็ใช้มันเพื่อมาที่นี่ไปจนหมดแล้ว
เพราะงั้นเขาจะไม่ไปไหน จะรออยู่ที่นี่...
เขารู้ว่าคุณรีไวหนีเขาไปเพราะอะไร
ผู้ชายคนนั้นก็แค่ไม่อยากทำร้ายเขา
เพราะยังให้อภัยพ่อของเขาไม่ได้…ฝ่ามือที่เคยโอบกอดเขาเอาไว้จึงไม่อยากจะระบายความเคียดแค้นที่สุมอยู่ในใจลงมาที่เขา...ถึงได้บอก....ว่าให้อยู่ห่างๆตนเอาไว้
นัยน์ตาสีมรกตกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำใสๆที่กำลังไหลมาเอ่อคลอให้หายไป
ปลายนิ้วเกลี่ยไล้มันก่อนจะพยายามตั้งสติ
เข้มแข็งไว้เอเลน...มัวแต่ร้องไห้ฟูมฟายไปก็ไม่มีประโยชน์...ก่อนหน้านี้ก็เคยโดนมาสารพัดแล้วไม่ใช่หรือไง
เรื่องคราวนี้ก็ต้องผ่านไปให้ได้!
ใบหน้ามนหันไปมองรอบกายที่เละเทะจนไม่เหลือสภาพเดิม
ทั้งเศษเก้าอี้ เศษกระจกเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด...ร่างโปร่งบางลุกขึ้นช้าๆก่อนจะหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดมาค่อยๆเก็บมันให้กลับมาเรียบร้อยดังเดิม
บ้านที่น่าสงสารเต็มไปด้วยรอยแผล
แต่ในที่สุดเขาก็เก็บมันจนเสร็จ...
ภายนอกมืดสนิทไปนานแล้ว
แต่ร่างโปร่งบางก็ยังนั่งหงอยอยู่บนโซฟาคนเดียว...คุณรีไวยังไม่กลับมา...
อยู่ในบ้านนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ
ทั้งๆที่ตอนอยู่ด้วยกันเขาไม่เคยจะได้นั่งเฉยๆแบบนี้เลย...ร่างโปร่งบางลุกยืนช้าๆก่อนจะถืออุปกรณ์ทำความสะอาดไปยังบ้านฝั่งขวา...เจ้าของบ้านไม่อยู่
คุณรีไวก็ไม่อยู่ คงไม่มีใครมาดูแล
ไม้ปัดขนไก่ไล่ปัดเศษฝุ่นที่มีไม่มากอย่างที่คิดไปตามโซฟาสีขาวและเคาน์เตอร์ครัว...ในบ้านของโกคุเดระแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไร
เขาจึงใช้เวลาไม่นานในการทำความสะอาด
ร่างโปร่งบางหยุดยืนมองไปที่ผนังข้างบันไดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก
กรอบรูปหลายสิบอันแขวนเรียงรายขึ้นไปตามขั้นบันได...บางอันมันก็มีรูปใส่อยู่
บางอันก็ยังไม่มี
ทุกรูปล้วนชวนให้คิดถึง...มีทั้งรูปคู่ของโกคุเดระกับคุณยามาโมโตะ
มีทั้งรูปคุณรีไวที่กำลังทำหน้าราวกับจอมมาร
แล้วก็มีทั้งรูปที่ถ่ายอยู่ในรถ...ของพวกเราทั้งสี่คน
น้ำตาที่พยายามจะกักเก็บเอาไว้ค่อยๆไหลลงมา
ตอนนั้นเขาไม่เคยคิดเลยว่า...
กรอบรูปพวกนี้...มันอาจจะไม่มีวันเต็ม...
ร่างโปร่งบางเดินลอยๆออกมาจากบ้านฝั่งขวาเพราะว่าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปเห็นต้นกระบองเพชรของโกคุเดระที่ตั้งอยู่บนเฉลียงไม้...มีใครรดน้ำมันบ้างหรือเปล่านะ?
สายยางถูกดึงออกมาก่อนที่เขาจะจ่อปลายสายไว้ใกล้ๆลำต้นที่เต็มไปด้วยหนาม
แล้วเสียงของคุณยามาโมโตะที่เขาเคยได้ยินก็วนซ้ำกลับมาในหัวของเขาอีกครั้ง...เสียงร่างเริงที่กำลังพากย์เป็นต้นกระบองเพชรสองต้นกำลังคุยกัน
ภาพในวันนั้นช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน
เขายิ้มและหัวเราะไปกับมันโดยที่ไม่รู้เลย...ว่านั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย...ที่ได้เห็นภาพครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา…
อยากได้กลับคืนมา...
อยากได้ครอบครัวของเขากลับคืนมา...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
ลดอาการปวดตับด้วยภาพนี้ดีก่า....
เพิ่งได้บอร์ดี้โอบิสึมาค่ะ
แล้วก็ยังจงใจไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้ ก็เลยต้องอยู่สภาพนี้ไปก่อนนะหนูเลน เหะเหะ =w=
ที่จริงก็ทำเสื่อมกับด๋อยเอาไว้ไม่ใขช่น้อยเหมือนกันค่ะ
เพียงแต่ว่าไม่ได้ลงในเฟส 555 *กุมขมับกับความโม่ยของตัวเอง*
แอบแปะซักหน่อย
ใครมันจับหนูถอดกางเกงคะลูกขรา!
อ้อ....คนนี้นี่เอง...ไม่ยุ่งก็ได้
=3=
ส่วน
GLIDE ก็ปั่นกันต่อไป โฮวววววว
แล้วเจอกันตอนหน้านะก๊า...มาถึงขั้นนี้แล้ว...ไม่ทันคงไม่เป็นไรเนอะคะ :v
กวางซามะะะะ ฮือออออออออออออ อ่านพาร์ทนี้แล้วเค้าอยากบอกรักเอเลนสักล้านๆรอบเลยยยยจริงจังง ฮืออออออ เอเล๊นนนนนนนนนนนนนน คนบ้า(?)คนนี้รักหนูมากนะคะ ฮือออออออ รักหนูมากจริงๆๆนะะะ อ้ากกก ทำไมเป็นแบบนี้กันนะะะะะ ถึงเค้าเข้าใจความเจ็บปวดของท่านท่อนขาและสภาพของหนูก๊กก็เถอะ แต่ผลสุดท้ายจะต้องจบที่แบบนี้จริงๆน่ะเหรอ ต้องลงเอยแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ โชคชะตาของคนทั้งสี่คนนี้มัน……ฮืออออออ เนื้อเรื่องมันมาถึงจุดปวดตับที่สุดแล้วมากมายยยยยจริงจังเลยค่ะอ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก #คือพาร์ทนี้มันปวดตับจนต้องร้องอ้าก(?)ทั้งตอนจริงๆนะคะถถถถถถถ
ตอบลบฉากเอเลนโดนคุณพ่อลากกลับบ้านไปแบบที่ท่านท่อนขาก็ไม่คิดจะรั้งเอาไว้เค้าช้ำมากจริงจังนะคะ มันได้ฟีลเอเลนถูกผลักไสแล้วจริงๆ ถึงเค้าจะเข้าใจมุมท่านท่อนขาก็เถอะ อ้ากกกกกกกก #ทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง(?) แล้วคือในขณะที่เค้ากำลังมืดมนตามเรื่อง กวางซามะก็ทำให้เค้าเหมือนจะมีความหวัง(?)ตามท่านท่อนขาที่ยังพยายามหาแสงสว่างอยู่ แม้ว่าจะเป็นเพียงแสงสว่างเท่าหิ่งห้อยก็จะคว้าไว้ให้แน่นหากมันทำให้เค้าได้รักกับเอเลนต่อ แต่แล้วสุดท้ายคำตอบของหมีเนียนก็ทำให้ดิ่งลงเหวหนักลงไปกว่าเดิม ฮือออออออ เค้าชอบจุดเล็กๆตรงนี้จริงๆนะคะ คือดูจะเป็นจุดที่ไม่สำคัญอะไร แต่มันก็ทำให้รู้ว่าท่านท่อนขายังรักเอเลนมากแค่ไหน ยังพยายามหาทางออกอยู่จุดของทางตันมากแค่ไหนน ฮือออออ
และเค้าขอสารภาพว่าในระหว่างทางดิ่งลงเหว เค้าก็กรี๊ดกับฉากคู่ 8059นะคะ ฮืออออถถถถถ ถึงบรรยากาศมันจะมืดมนมาก แต่การได้เห็นหนูก๊กหลับสนิททั้งๆที่อยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยแท้ๆมันเป็นอะไรที่ก๊าวใจมากจริงๆ อ้ากกกกกก นี่เพราะคิดว่ามีหมีอยู่คอยคุ้มกันใช่มั้ยยยยยถึงได้หลับสนิทไม่ระหวังตัว(?)แบบนี้ #นี่หล่อนยังจะมีอะไรมาบิ้วท์เรื่องแบบนี้อีกเร๊อะะะฮืออออออโดนบอมสามเท่า
แต่พาร์ทนี้เค้าร้าวมากจริงๆนะคะ แล้วแววร้าวมากโฮก(?)ก็มารอจ่อแล้วด้วย ฮืออออ ฉากที่เอเลนพยายามสุดชิวิตจนหลบหนีออกจากบ้านเพื่อไปหาท่านท่อนขาจนได้ แถมยังยอมทุกอย่างให้ท่านท่อนขาทำอะไรก็ได้เพื่อขอแค่ไม่ทิ้งกันแค่นั้น นี่เค้าแบบปวดหัวใจจริงจัง อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ปล. รูปการโม่ยเอเลนของกวางซามะทำให้เค้าตะกุยจอจนจะทะลุ(?)แล้วนะคะ ถถถถถถถถถถถถถถถถ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กแต่ละรูปปปปปปอ้ากกกกก ทุกวันนี้โม่ยเอเลนหนัก(?)เพราะกวางซามะจริงจัง #ก็โบ้ยกันเลยทันทีค่ะถถถถถ
ดาเมจมากตอนนี้
ตอบลบท่านพ่อคือกะไม่ไว้หน้าใครเลยจริงๆ
ยังไงๆก็อยากให้ลูกชายมีอนาคตที่ดี
แต่!!!!!
หัวใจของลูกชายแทบสลาย(คนอ่านก็ด้วย)
รีไวล์โกรธจัดจริงๆ
โทสะรุนแรงมากแต่ก็ยังพยายามยั้งเพราะรักเอเลนมาก
เลยต้องไล่
คือมันปวดใจทั้งคู่อ่ะ
ตอนนี้ได้แต่หวังว่ารีไวล์จะรีบกลับมาซะที
สงสารน้องต้องอยู่คนเดียวและเหงาด้วย