Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 23
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
นัยน์ตาทั้งสี่คู่จับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าเครื่องหนึ่ง...
ดูจากสภาพของมันแล้วคงไม่ต้องคิดจะไปหาอะไหล่ที่ไหนมาเปลี่ยนเพราะมันน่าจะมีอายุมากกว่าสิบปี
ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าอายุของเอเลน เยเกอร์หรือไม่ก็โกคุเดระ ฮายาโตะที่นั่งมองมันอยู่ด้วยซ้ำ
“
ผมแอบเข้าไปค้นห้องทำงานของพ่อ...ไม่มีเอกสารหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อสิบปีก่อนเลย...แต่ผมกลับไปเจอโทรศัพท์เก่าๆนี่เข้า...มันน่าสงสัยว่าทำไมพ่อถึงไม่ทิ้งมันไปทั้งๆที่เครื่องอื่นก็ทิ้งไปหมดแล้วแต่กลับยังเก็บเจ้าเครื่องรุ่นโบราณที่ไม่น่าจะใช้การได้เครื่องนี้ไว้ในกล่องอย่างดี”
ใบหน้ามนเล่าออกมาในขณะที่มือก็ประกอบเครื่องชาร์ตแบตที่เอาไว้ใช้กับรถบังคับวิทยุ
“
ผมเลยแอบเอามันออกมาแกะดู...มันไม่มีฟังก์ชั่นอะไรอย่างที่เห็น
กล้องถ่ายรูปยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ...แต่ตอนที่ผมกำลังจะถอดใจแล้วเอาไปคืนผมก็เห็นไฟล์เสียงอยู่ในบันทึกการอัดเสียงเข้า”
แน่นอนว่าโทรศัพท์รุ่นโบราณแบบนั้นคงหาแบตที่ไหนมาเปิดไม่ได้แล้ว
ยังดีที่เจ้าเด็กเหลือขอนี่เชี่ยวชาญด้านการถอดประกอบอะไหล่รถบังคับวิทยุ
การจะหาทางทำให้โทรศัพท์ที่นอนตายอยู่ตรงหน้าฟื้นคืนขึ้นมาจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้
รังที่เคยใส่แบตถูกถอดออกมาจนเหลือแต่สายไฟ
มือบางเอาขั้วตัวหนีบของเครื่องชาร์ตแบตสำหรับรถบังคับวิทยุหนีบลงไปก่อนจะปรับจูนกระแสไฟให้อยู่ในระดับที่โทรศัพท์ต้องการ
แล้วหน้าจอที่เคยดำสนิทก็ติดขึ้นมาเมื่อกดปุ่มเปิดเครื่อง...
มือบางค่อยๆกดไล่เข้าไปหาหน้าที่เป็นบันทึกการอัดเสียง...ก่อนจะเปิดไฟล์เพียงไฟล์เดียวที่อยู่ในนั้น...
เสียงซ่าๆดังขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงเหมือนคนกำลังเถียงกันอยู่
“
ยังไงที่ดินตรงนั้นมันก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่ในตอนนี้
ผมก็แค่คิดว่าเราน่าจะสร้างมูลค่าของมันขึ้นมา”
เสียงมันซ่าเสียจนไม่รู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร
“
แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะทำแบบนี้
ถ้าพวกมาเฟียที่ท่านแอบอ้างชื่อรู้ขึ้นมาเรื่องมันจะบานปลายใหญ่โตนะครับ
อีกอย่างจะให้เด็กพวกนั้นย้ายไปไหนได้
บ้านเด็กกำพร้าไม่ได้มีเงินมากมายอะไรขนาดนั้นท่านก็รู้” แต่เสียงๆนี้เป็นเสียงที่เอเลนกับรีไวรู้จักดี..เพราะมันเป็นเสียงของคริชา
เยเกอร์ไม่ผิดแน่...ส่วนคนที่สนทนาด้วย...ดูจากการพูดจาที่สุภาพเรียบร้อยและยังเรียกอีกฝ่ายว่า
“ท่าน”
ของพ่อเอเลนถึงแม้ลักษณะของเสียงจะเหมือนกำลังเถียงกันอยู่แบบนี้...นั่นก็หมายความว่าคู่สนทนาน่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า
แล้วคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า
คริชา เยเกอร์
รองตัวแทนรัฐบาลของแคว้นเวเนโตในตอนนั้นก็น่าจะมีอยู่แค่คนเดียวนั่นก็คือ....คนที่ดำรงตำแหน่งตัวแทนรัฐบาลนั่นเอง
“
ก็ช่างมันสิ เด็กที่แม้แต่พ่อแม่ของมันยังไม่ต้องการ เราจะไปสนใจทำไม ถ้าไล่ไม่ไปก็เผามันไปพร้อมบ้านนั่นเลย”
“
ท่าน!!”
เสียงตะโกนลั่นทำให้รู้ว่าพ่อของเอเลนค้านหัวชนฝากับเรื่องนี้แค่ไหน...เช่นเดียวกับคนสองคนที่มาจากบ้านหลังนั้นซึ่งกำลังฟังอยู่ด้วยสองมือที่กำแน่น...จริงอยู่ที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่ต้องการจนเอามาทิ้งไว้ที่บ้านเด็กกำพร้า...แต่ว่าพวกเขาก็ยังมีชีวิต
แล้วผู้ชายคนนั้นมีสิทธิอะไรมาพรากมันไป
“
........ผมไม่ทำ”
พ่อของเอเลนสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างระงับความโมโห
ก่อนจะพูดออกไปอย่างชัดเจน
“
เฮ้อ....นายนี่มันจะเถรตรงไปไหนนะเยเกอร์
ชั้นจะแบ่งหุ้นของห้างสรรพสินค้าให้นายด้วย เป็นข้อเสนอที่ดีนะว่าไหม?”
“
ไม่ครับ แล้วก็ไม่ต้องมาคุยกับผมเรื่องนี้อีก”
คู่สนทนาของพ่อเอเลนเงียบไป
ก่อนที่น้ำเสียงสบายๆนั่นจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังข่มขู่
“
นายเองก็มีลูกชายเล็กๆอยู่สินะ....เอ...ชื่ออะไรนะ?
รู้สึกจะคล้ายๆเด็กผู้หญิง...อืม...เอเลน?”
คนที่นั่งฟังอยู่ทางนี้ถึงกับมีเหงื่อชื้นที่มือ
“..........” พ่อของเอเลนเงียบไปราวกับรับรู้คำขู่นั่นได้
“
ไม่อยากให้ลูกชายของนายมีเงินใช้สุขสบายงั้นหรอ?”
“
.....ท่านคิดจะใช้ครอบครัวของผมมาเป็นตัวประกันงั้นหรือครับ?” ดูเหมือนพ่อของเอเลนก็จะฉลาดพอตัว
ถึงได้ถามแบบนั้นออกไป
“
ฮ่าๆๆ ตัวประกันอะไร...ก็แค่...จะดูแลให้อย่างดี ถ้านายทำตามที่ชั้นบอก”
เท่านี้....อีกฝ่ายก็ดิ้นไม่หลุดแล้วว่ากำลังข่มขู่อยู่จริงๆ
“
เอางี้...เห็นว่านายลำบากใจ...งั้นชั้นให้นายทำแค่เซ็นต์อนุมัติการก่อสร้างให้ไวๆก็แล้วกัน
ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวพวกชั้นจัดการเอง”
“
......ก็ได้ครับ...ผมจะยอมแค่เรื่องเซ็นต์อนุมัติการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า
แต่เรื่องอื่นผมจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยทั้งนั้น...แล้วท่านก็อย่าลืม....เรื่องความปลอดภัยของครอบครัวผมด้วย” เป็นอย่างที่คิดจริงๆ...ว่าที่พ่อของเอเลนต้องเข้าไปพัวพันกับคดีนี้นั่นก็เพราะมีครอบครัวเป็นตัวประกัน
“
ไม่มีปัญหา...งั้นนายเตรียมเอกสารรอได้เลย...อีกไม่นานหรอก...เราจะได้ที่ดินผืนนั้นมาแน่”
น้ำเสียงที่ไม่มีสำนึกในการกระทำที่เลวทรามของตัวเองมีแต่จะทำให้คนที่ต้องรับบาดแผลพวกนั้นรู้สึกแค้นจนแทบจะคลั่ง
“
ถ้างั้นชั้นกลับบ้านก่อนละ”
คู่สนทนาลุกจากโซฟา
“
ท่านครับ”
แต่พ่อของเอเลนก็เรียกเอาไว้เสียก่อน
“
อังเดรลูกชายท่านกับคุณหญิงลอร่าสบายดีไหมครับ?”
ถึงจะไม่ได้เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายตรงๆให้สงสัยว่ามีการแอบบันทึกเสียงเอาไว้
แต่การพูดถึงชื่อลูกและภรรยาออกมาแบบนี้ก็ทำให้ระบุได้ทันที....ว่าคนที่พ่อเอเลนคุยอยู่ด้วยนั่นเป็นใคร
“
สบายดี มีอะไรรึ?”
นับว่าพ่อของเอเลนฉลาดมากทีเดียวที่ทำให้เทปการอัดเสียงครั้งนี้เป็นหลักฐานมัดตัวชั้นดีที่อีกฝ่ายไม่มีทางดิ้นหลุดแน่นอน
“
ภรรยาผมอยากจะไปเยี่ยม ท่านก็รู้ว่าเรามีลูกชายเหมือนกัน
ภรรยาผมเค้ากำลังเตรียมหาโรงเรียนดีๆให้เอเลนอยู่”
“
อ้อ ฮ่าๆๆ ไปได้เลยๆ เรื่องหาของที่ดีที่สุดให้ลูกน่ะ พวกแม่ๆเค้าถนัด”
“
ขอบคุณครับท่าน แล้วผมจะขอนัดวันอีกที....”
เทปบันทึกเสียงหมดลงแค่ตรงนี้....
แต่แค่นี้มันก็ทำให้ร่างโปร่งบางของคนเป็นลูกชายถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก....เพราะพ่อของตนไม่ได้เป็นคนทำ
“
พ่อคงเก็บไฟล์ที่แอบอัดเสียงการสนทนาในตอนนั้นเอาไว้อย่างดี...ก็เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผาบ้านเด็กกำพร้าสินะ...” ใบหน้ามนดูผ่อนคลายเมื่อได้รู้ความจริงทุกๆอย่าง
“
นอกจากมันจะทำให้พ่อนายเป็นฝ่ายบริสุทธิ์
มันยังเป็นหลักฐานยืนยันที่แน่นหนาว่ามันมีการวางแผนที่จะเผาบ้านเด็กกำพร้าจริงๆ...และเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...คนที่เป็นเจ้าของเสียงอีกคนในไฟล์เสียงนี้...ก็เป็นคนทำ” กลับเป็นยามาโมโตะ ทาเคชิที่เผยยิ้มร้ายบนใบหน้า
แค่นี้ก็มีทั้งหลักฐานและพยานครบแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจ้างวานฆ่าโกคุเดระเพื่อปิดปากพยานหรือเป็นเรื่องเผาบ้านเด็กกำพร้าเมื่อสิบปีก่อนล้วนเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด
“
มีทั้งหลักฐานและพยานขนาดนี้แล้ว...พวกวองโกเล่จะเอายังไงต่อ? ฟ้อง?” นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ถามขึ้นมา
ในเมื่อสู้อุตส่าห์หาหลักฐานมาจนขนาดนี้
เขาก็ชักอยากจะรู้ว่าจุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง
“
ไม่หรอก...กระบวนการยุติธรรมทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก...แล้วอีกอย่าง
นายก็รู้ว่าวองโกเล่...เป็นมาเฟีย....”
แต่คำตอบของร่างสูงใหญ่ก็ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากกระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“
ก็แล้วถ้างั้นพวกแกจะมามัวหาหลักฐานพยานทำไมให้วุ่นวายห๊ะ?! ไปเก็บพวกมันตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือไง?” ท่าทางที่แทบจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทำให้ร่างสูงใหญ่ถอยห่างออกมาก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมาด้วยใบหน้ากวนประสาท
“
ไม่ได้หรอกครับคุณรีไว....ถึงพวกเราจะเป็นมาเฟียก็ใช่ว่านึกอยากจะกระทืบใครก็ทำได้นะครับ...ยังไงก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ไว้ก่อน
การไปเก็บคนของรัฐบาลแบบสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะจะทำให้คุยกันยากเปล่าๆ
ของเถื่อนบางอย่างเราก็ต้องพึ่งพวกนั้นให้เอาเข้ามาให้อยู่นะครับ....อีกอย่าง....คนทั่วไปยิ่งไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ามาเฟีย
ขืนไปฆ่าล้างบางพวกคนใหญ่คนโตที่อาจจะมีคนนับหน้าถือตาบูชาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่บ้างแบบนั้นมันจะมีปัญหาตามมาเปล่าๆ”
“
ถึงจะเป็นมาเฟีย...แต่วองโกเล่ก็จะรับบทพระเอก...ไม่ใช่ผู้ร้าย...”
จะบอกอะไรให้นะว่าหน้าแกน่ะมันไปคนละทางกับบทพระเอกที่ว่านั่นเลย....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหล่มองใบหน้าของยามาโมโตะ
ทาเคชิอย่างนึกหมั่นไส้
“
เราจะเปิดโปงเรื่องนี้ให้สาธารณะชนรับรู้....ตรงนี้คือหน้าที่ของพวกนายทั้งคู่” นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปที่สองนักขับของเฟอร์รารี่ที่มีสื่ออยู่ในกำมือ
“
พอคนทั่วไปรู้ก็คงกดดันให้ฝ่ายนั้นยอมรับผิดแต่อย่างพวกนั้นก็คงจะกระเสือกกระสนทำอะไรสักอย่างขึ้นมา...ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นแล้ว...วองโกเล่จะลงมือในฐานะผู้เสียหายก็คงจะไม่มีใครว่าอะไรได้....” นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่มองร่างสูงใหญ่อย่างอึ้งๆ
ไม่น่าเชื่อว่าหน้าโง่ๆอย่างนี้จะคิดแผนซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนั้นได้...
“
เป็นไง...แผนเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายแบบนี้สมเป็นแผนที่เจ้ามุคุโร่คิดขึ้นมาไหม? อ๊ะ!
แต่นายยังไม่เคยเจอผู้พิทักษ์สายหมอกของเราสินะ
ลองถามโกคุเดระดูแล้วกันว่าเป็นคนไม่น่าเข้าใกล้ขนาดไหน ฮะฮะ” ร่างแข็งแกร่งถึงกับถอนหายใจ
อาจจะดีแล้วก็ได้ที่ไอ้บ้าตรงหน้านี่มันไม่ได้เป็นคนคิดแผนพวกนี้ขึ้นมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหล่มอง
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่นับว่ามีทักษะทางร่างกายดีเยี่ยมกับจิตสังหารที่นิ่งสงบอย่างที่คงจะไม่มีความลังเลในการสังหารเป้าหมาย
แล้วก็นึกไปถึง ฮิบาริ เคียวยะ ที่เคยสู้กันอยู่นิดหน่อย
แค่สองคนนี้ก็ว่าน่ากลัวแล้วแต่วองโกเล่ยังมีจอมวางแผนแสนเจ้าเล่ห์อยู่ด้วยอีกทั้งคน นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบไปมองเด็กในปกครองของตน
ถ้าพวกนั้นดึงเจ้าฮายาโตะเข้าไปเป็นพวกด้วยคงจะน่ากลัวกว่านี้แน่เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าเจ้าเด็กในปกครองมีหัวสมองที่เป็นเลิศเลยทีเดียว....ใบหน้านิ่งเงยมองท้องฟ้า....แต่ทั้งหมดกลับยอมอยู่ภายใต้ท้องนภาผืนเดียวกัน....แค่นั้นก็รู้แล้วว่าคนที่น่ากลัวที่สุดในวองโกเล่คือใคร....วองโกเล่เดซิโม่....สินะ
แผนการที่วางเอาไว้ค่อยๆดำเนินไปตามนั้น...
สองนักขับของเฟอร์รารี่ค่อยๆปล่อยข่าวออกไปว่าแท้ที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้โกคุเดระ
ฮายาโตะรถคว่ำนั้นไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ
แต่มันเป็นการจ้างวานฆ่าเพื่อปิดปากพยานที่จะโยงไปถึงคดีเผาบ้านเด็กกำพร้าเมื่อสิบปีก่อน
ทางทีมเฟอร์รารี่เองก็ออกมาช่วยยืนยันว่ามันเป็นการลอบสังหารจริงๆไม่ใช่อุบัติเหตุเพราะมีกระสุนฝังอยู่ในล้อรถของโกคุเดระ
แต่ที่ปิดข่าวเอาไว้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวโกคุเดระเอง....พวกนักฆ่าคงตั้งใจว่าจะทำให้มันเป็นเหมือนอุบัติเหตุด้วยการยิงยางให้ระเบิดแล้วความเร็วขนาดนั้นต้องพลิกคว่ำแน่
พวกนั้นคงคิดว่าไฟจะไหม้รถทั้งคันจนทำลายหลักฐานอย่างกระสุนไปด้วย
แต่ทางทีมวิศวกรก็ออกมากล่าวว่าถึงรถจะพลิกคว่ำจริงแต่อย่าดูถูกวงการฟอร์มูล่าวันที่จะให้ความสำคัญกับนักขับมาเป็นอันดับหนึ่ง
เพราะงั้นกรณีที่จะเกิดไฟไหม้รถทั้งคันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะอย่างน้อยห้องนักขับก็จะปลอดภัยจากไฟไหม้ทุกกรณี
แล้วก็ทางนั้นพลาดเองที่ยิงยางเส้นหน้าเพราะมันจะแค่ระเบิดแต่ไม่มีทางที่จะเกิดไฟไหม้
เพราะหากจะเกิดไฟไหม้รถได้ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตัวเครื่องที่อยู่ด้านหลัง
ถ้าเป็นยางคู่หลังยังจะมีโอกาสที่จะถูกไฟไหม้จนหลักฐานอย่างกระสุนอาจจะหายไปได้ แต่กับยางคู่หน้าแล้วแทบจะไม่มีโอกาสเลย
ยังไงเสียกระสุนมันก็ยังจะคาอยูในยางนอกถึงแม้ว่ามันจะแตกเป็นเสี่ยงๆก็เถอะ
และด้วยความที่ปกติก็เป็นที่สนใจไม่เฉพาะในอิตาลีอยู่แล้ว
ข่าวนี้เลยดังไปทั่วโลก บรรดานักข่าวต่างช่วยกันขุดคุ้ยเรื่องของเมื่อสิบปีที่แล้วขึ้นมา
จากคดีที่ใครๆก็คิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุเพลิงไหม้กลับถูกรื้อขึ้นมาใหม่
แล้วทั่วทั้งโลกก็แทบช็อคไปตามๆกันเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด...กับเหตุสลดที่เป็นฝีมือของมนุษย์ด้วยกันเอง
ทางวองโกเล่ก็ออกมาลบข้อกล่าวหาว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเผาบ้านเด็กกำพร้าแต่ถูกคนกลุ่มนี้เอาชื่อไปใช้
เอาหลักฐานที่ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับราบรับรายจ่ายของห้างสรรพสินค้าออกมาให้ดู
จากนั้นก็เผยแพร่ข้อมูลที่ตามสืบมาได้รวมทั้งจากปากคำของโกคุเดระกับรีไวจนพอจะรู้ตัวคนทำและมันก็ยิ่งมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อมือปืนที่ยิงยางรถโกคุเดระสารภาพออกมาว่าใครเป็นคนจ้างวาน
ทั้งสื่อทั้งคนทั่วโลกที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดจึงหันไปกดดันท่านตัวแทนรัฐบาลของแคว้นเวเนโตและอีกหลายๆคนที่มีชื่ออยู่ในลิสทันที
แต่ทางนั้นก็ยังปฏิเสธและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น
คงกำลังดิ้นทุลนทุลายอยู่เลยสินะ....
และถ้าหลักฐานชิ้นสุดท้ายถูกเปิดเผยออกไปเมื่อไหร่
คงจะไม่มีที่ให้คนพวกนั้นหนีอีกต่อไป!
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างลงข่าวเรื่องที่สองนักขับของเฟอร์รารี่จะจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการขึ้น
และจะนำหลักฐานชิ้นสุดท้ายนั่นมาเปิดเผยต่อสาธารณะชนด้วย
ในขณะที่สำนักข่าวทั่วโลกต่างแย่งพื้นที่กันเพื่อให้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานแถลงข่าวนี้
หมาจิ้งจอกที่เริ่มจนตรอกก็ออกมาดิ้นรนอย่างที่พวกวองโกเล่คิดเอาไว้จริงๆ...
ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรมในโบโลญญ่าถูกวางเก้าอี้ไว้เกือบเต็มพื้นที่
บรรดานักข่าวจากทั่วโลกค่อยๆทยอยเข้ามานั่งรอเวลาที่ใกล้จะถึงอยู่อีกไม่กี่อึดใจ
“
พร้อมแล้วนะครับ?” มือบางจับคอเสื้อเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกให้ร่างแข็งแกร่ง วันนี้นักขับทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ในชุดลำลองของเฟอร์รารี่ตามปกติ
“
อืม นายอย่าไปไหนล่ะเจ้าเด็กเหลือขอ ยืนอยู่ตรงหลังฉากนั่นตามที่บอกนะ” มือแข็งแรงยกขึ้นมาดึงแก้มเขาราวกับเป็นเด็กๆ
“
โธ่...รู้แล้วครับ” เขาก็ไม่ได้ดื้อหรือซนอะไรขนาดนั้นซักหน่อย
ให้ยืนอยู่ตรงไหนก็ยืนได้อยู่แล้ว
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองคุณรีไวเข็นรถของโกคุเดระออกไปเมื่อได้ยินเสียงพิธีกรของงาน...ที่อีกฝ่ายย้ำเขาขนาดนั้นเพราะไม่รู้ว่าพวกผู้แทนรัฐบาลแคว้นเวเนโตจะทำอะไรลงไปอีกหรือเปล่า
คนของพวกวองโกเล่เองก็เฝ้าอยู่รอบๆงานเช่นกัน
“
ไง?” เสียงทุ้มสบายๆทักเขาจากด้านหลัง
ใบหน้าคมของคุณยามาโมโตะยิ้มให้ก่อนจะเดินมายืนอยู่ใกล้ๆ....ทั้งๆที่ร่างสูงใหญ่ดูเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้แต่เอาเข้าจริงเขาก็เพิ่งจะคุยด้วยได้เมื่อไม่นานมานี้เอง....เหมือนกับที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะรู้มาตลอดว่าพ่อของเขามีส่วนพัวพันจึงไม่เคยยิ้มให้เขาแบบจริงใจเลยสักครั้ง...ต่างจากตอนนี้....
“
โกคุเดระนี่น่ารักจังเลยน้า....น่าจะใส่หมวกแมวเหมียวที่ชั้นซื้อให้ออกไปด้วย...”
......อ่า...เขาชักจะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคุณรีไวขึ้นมาตะหงิดๆแล้วแหะ.....
ถึงปากจะพูดเรื่องเพี้ยนๆออกมาแบบนั้นแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้คมกล้ากลับจ้องมองไปทั่วงาน
ดาบญี่ปุ่นในมือใหญ่ยังคงให้ความรู้สึกน่าเกรงขามไม่เปลี่ยน
เขาหันหน้ากลับเข้าไปมองนักข่าวมากมายที่นั่งอยู่ภายในงาน
ถ้าให้ตอบคำถามของทุกคนวันนี้ก็คงจะแถลงข่าวไม่เสร็จ
ทางพิธีกรจึงเลือกมาเฉพาะคำถามที่น่าสนใจเท่านั้น แต่งานก็ยังดำเนินต่อไปได้ไม่เท่าไหร่
จู่ๆมือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ดึงต้นแขนของเขาอย่างแรงจนหน้าเกือบทิ่ม
อะไรน่ะ?
“
คุณ?”
ปังๆๆๆๆๆ!!!
แล้วจู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้นมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เสียงกรีดร้องดังลั่นในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับบรรดานักข่าวที่ต่างวิ่งหลบกระสุนกันให้จ้าละหวั่น เกิดอะไรขึ้นกัน?!
“
นั่งอยู่ตรงนี้นะ!”
ใบหน้าคมหันมาตะโกนบอกเขาก่อนจะวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปราวกับสายฝนสีดำที่กำลังจะกลายเป็นพายุ
ถึงเขาจะกลัวจนต้องหดหัวปิดหูเอาไว้แต่ก็พอจะมองเห็นได้ว่าคุณยามาโมโตะวิ่งเข้าไปอุ้มโกคุเดระก่อนจะพาหนีไปอีกทาง
คุณรีไว?
แล้วคุณรีไวล่ะ?
ใบหน้ามนกัดฟันแน่น
ถึงจะบอกว่าให้หลบอยู่ตรงนี้ก็เถอะแต่มันก็เป็นห่วงจนอยู่เฉยไม่ได้
ร่างกายจึงพยายามที่จะคลานออกไปดู
“
เจอตัวแล้ว!!”
เสียงใครไม่รู้ดังฝ่าเสียงกระสุนมา ทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเขาแต่จู่ๆกลับมีชายท่าทางไม่น่าไว้ใจมายืนล้อมเอาไว้
อะไรน่ะ?
“
ปล่อยนะ?! อื้อ?!!”
มือหยาบกร้านตรงเข้ามาล็อคตัวเขาก่อนที่มืออีกข้างจะปิดลงมาที่ปาก
ร่างทั้งร่างพยายามดิ้นต่อต้านอย่างมึนงง
ทำไมมาจับเขาล่ะ?
ไม่ได้ตั้งใจแค่จะมาถล่มงานแถลงข่าวเท่านั้นหรอกหรอ?
อะไรเป็นอะไรเขาก็งงไปหมดแล้ว
รู้แค่เรื่องเดียวคือจะต้องดิ้นให้หลุด!!
“
คุณรีไว!!!”
เขาพยายามตะโกนเรียกหาร่างแข็งแกร่งแต่ก็โดนเสียงกระสุนกลบไปจนหมด
สองมือพยายามทุบตีคนที่พยายามจะลากเขาออกไป
สองขาทั้งเตะทั้งถีบจนคนพวกนั้นคงจะหมดความอดทน
ตุ้บ!
หมัดหนักๆเลยซัดเข้ามาที่หน้าท้องจนชาไปทั้งตัว
และเมื่อเขาขยับไม่ได้อีกฝ่ายเลยอุ้มไปตามอำเภอใจ
“
เอเลน?” นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ที่หลบอยู่ใต้โต๊ะแถลงข่าวเหมือนจะได้ยินเสียงของเจ้าเด็กเหลือขอเรียกชื่อเขา ใบหน้านิ่งจึงหันไปหันมาเพื่อจะมองหาว่าเด็กนั่นยังหลบอยู่ตรงบริเวณที่บอกเอาไว้หรือเปล่า
“
ชิ!”
แล้วริมฝีปากก็สบถออกมาเมื่อพบว่ามองไม่เห็นเงาของใครยืนอยู่ตรงนั้น...อันที่จริงเรื่องที่พวกนั้นจะส่งมือปืนมาถล่มเพื่อล่มงานแถลงข่าวมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาด
เขาถึงได้กำชับนักกำชับหนาว่าให้ยื่นอยู่ตรงนั้นมันจะได้อยู่ในสายตาของเขา
แล้วนี่เจ้าเด็กนั่นไปไหน?
ใบหน้านิ่งหันไปมองที่ว่างข้างกาย...ไอ้หมีวายร้ายวิ่งมาอุ้มเจ้าฮายาโตะออกไปแล้วคงไม่มีอะไรน่าห่วง
ไอ้ที่น่ากังวลคือทางนี้มากกว่า
ร่างแข็งแกร่งตัดสินใจวิ่งฝ่าดงกระสุนออกไปด้านหลังฉาก
แล้วเสียงอื้อๆก็ทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างเมื่อมองเห็นว่าเอเลนกำลังถูกจับตัวไป
ครืด!!
ประตูรถตู้ปิดลงต่อหน้า
การกระทำของพวกนั้นมีแต่จะทำให้เขามึนงง....ทำไมถึงจับตัวเอเลนไป?
คนที่พวกมันน่าจะต้องการตัวน่าจะเป็นเขาหรือไม่ก็เจ้าฮายาโตะไม่ใช่หรอ?
“
บัดซบ!” ริมฝีปากสบถอย่างเจ็บใจ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปที่รถตู้ซึ่งกำลังออกตัว
อย่าคิดว่าจะเอาคนของเขาไปได้...ไม่มีทาง...
ไม่มีทาง!!!
ร่างแข็งแกร่งรีบวิ่งไปที่เฟอร์รารี่สีแดง
แล้ว F12
Berlinetta ก็ทะยานตามออกไปในทันที!
ต่อให้ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนแต่คนที่ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆก็ยังคงสะบัดมือที่ถูกจับกุมเอาไว้มาตลอดทาง
ริมฝีปากถูกมัดด้วยผ้า น้ำตาปริ่มอยู่ที่ขอบตาสีมรกตแข็งกร้าวอย่างเจ็บใจ
มีแต่ความสงสัย
มีแต่คำถามเต็มไปหัวไปหมดว่าจะจับเขามาทำไม?
จะจับเขาเป็นตัวประกันเพื่อให้คุณรีไวยอมยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งๆที่คนเค้าก็รู้เรื่องนี้กันทั่วโลกแล้วน่ะหรอ?
“
ลงไป!” ต้นแขนถูกกระชากขึ้นมาก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกผลักให้ลงไปจากรถ
โกดังเก่าๆตั้งอยู่ตรงหน้าแล้วเขาก็ถูกพาเข้าไป
กลิ่นเหม็นอับที่ฉุนกึกขึ้นจมูกทำให้เขาเผลอหลับตา...และเมื่อมันเปิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง....
“
เอเลน?!”
เสียง....ของคนที่คุ้นเคยก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ทำไม....
ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แฮ่กๆๆ
ทางนี้ก็กำลังระทึก ทางดาวอังคารก็กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มน่าลุ้น
ง๊ากกกกกกกกกกกก แยกร่างปั่นไม่ถูกเบยค่ะฟฟฟฟฟฟ เอาเป็นว่าไม่เวิ่นแบ้วค่ะ
ขอตัวปั่นตอนต่อไปก่อง หงิงๆๆ >////<
ขอบคุณทุกๆการติดตามนะค้า
สำหรับ GLIDE
ตอนหน้าก็จบแบ้ว เย้~~~
โฮรวววววววว เค้าประทับใจมากๆๆๆเลยค่ะกวางซามะ กับเรื่องที่กวางซามะเอาความความเชี่ยวชาญด้านการถอดประกอบอะไหล่รถบังคับวิทยุของเอเลนมาโยงเข้ากับการทำให้โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่นอนตายอยู่ติดได้ อ้ากกกกกกกกกกกกก ชาบูกวางซามะมากจริงๆนะคะ เค้าประทับใจจริงๆ ประทับใจมากจนอยากจะให้เอเลนมาต่อที่ชาร์ตแบตให้กับมือถือเครื่องเก่าของค้าที่เค้าทำสายชาร์ตหายไปแล้ว(?)เลยค่ะถถถถถถถถถถถ #ไอ้นี่ก็จะโยงเข้าชีวิตจริงตัวเองไปไหนนน
ตอบลบและในที่สุดก็มีหลักฐานเรื่องทั้งหมดที่เป็นจุดเริ่มต้นเสียที ฮืออออออ ดีใจที่ยังมีขีวิตรอด(?)มาถึงตอนนี้มากๆเลยค่ะ #ตกลงนี่หล่อนกำลังอยู่ในโลกที่ซอมบี้(?)บุกหรือยังไงถถถถถ สารภาพตามตรงว่ากวางซามะปูทางเรื่องคนร้ายของเรื่องชั่วร้ายที่บ้านเด็กกำพร้าได้ดีโฮกมากๆ เค้าลุ้นมากจริงๆค่ะว่าท้ายที่สุดแล้วจะเป็นพ่อของเอเลนจริงๆน่ะเหรอที่ยอมทำเพื่อเรื่องแบบนั้นเพียงเพราะอยากปกป้องลูก แต่พอเรื่องกลับตาลปัตรมาที่พ่อของเอเลนถูกข่มขู่แทนเค้าล่ะโล่งเลยค่ะ ฮือออออ แล้วเค้าก็ชอบมากที่ตอนนี้วองโกเล่กลับมามีบทบาท(?)อีกรอบแล้ว ฮืออออ คิดถึงวองโกเล่จริงๆนะคะะะ เค้าชอบมากที่ตาเนียนพล่ามๆๆๆแผนการออกมาซะจนรู้สึกตะหงิดๆว่าหมอนี่พอโต(?)แล้วคิดเองได้ขนาดนี้จริงๆน่ะเหรอ แถมยังเป็นแผนการที่จะต้องได้ผลดีแบบสุดๆอีกด้วย แล้วสุดท้ายมาเฉลยว่าเป็นผู้พิทักษ์สายหมอก เค้านี่เงิบเลยถถถถถ เพราะมันใช่กว่า(?)เยอะ ตาเนียนไม่มีทางมาคิดอะไรซับซ้อนซ้อนเงื่อนแยบยลได้แบบนี้พอๆกับท่านท่อนขาน่ะแหละเนาะค่ะถถถถถถถถถถ #โดนทั้งดาบทั้งท่อนขาประเคน
แล้วคือทำไมหนูเลนถึงได้โดนอุ้มอีกแบ้วววววววว อ้ากกกกกกกกกก คนบ้าทางนี้ยังได้อุ้มสักครั้ง(?)เลยน้าาาาา #โดนท่อนขาเตะเสยถาม(?)ว่าใช่เวลาไหมถถถถถ ฮือออออ นึกว่าจะไม่ต้องลุ้น(?)มากแล้ว นี่เอเลนโดนอุ้มจะไม่ลุ้นมากยังไงไหววว ฮืออออ หนูเลนน่าอุ้มจริงๆน่ะล่ะ > __ < #ยังไม่สำเหนียกอีกรอบถถถถถถถถ แต่เค้าตื่นเต้นกับงานแถลงข่าวโดนบุกจริงจังค่ะ ชอบมากๆๆที่ยามะฝ่าดงกระสุนเข้าไปอุ้มหนูก๊ก มันได้ฟีลจริงๆนะคะฟีลที่สายตายามะมีแค่หนูก๊กคนเดียวจริงๆ และก็คงไม่มีทางให้เกิดอะไรขึ้นกับหนูก๊กอีกครั้งเหมือนตอนแข่งรถอีกแล้วแน่ๆถึงได้กระโจนออกไปแบบไม่ต้องคิดอะไรแบบนี้ คือยามะหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฮือออ ถึงจะเพี้ยน(?)แต่ก็เป็นถึงเพชฌฆาตของวองโกเล่เชียวนี่นะ ถถถถถ เค้าอ่านตรงนี้วนหลายรอบเลยค่ะ มันได้ฟีลบอดี้การ์ดส่วนตัวจริงๆ ฮือออ อยากอ่านแนวบอดี้การ์ดเหมือนกันน้า > __ < #โดนกวางซามะปาไหเก่าใส่รัวๆ(?) และถึงแม้ว่ายามะจะหล่อมาก แต่การที่ท่านท่อนขาขับรถF12 Berlinettaทะยานตามออกไปหล่อกว่ามากกกอ้ากกกกกกกก พอใกล้ตอนจบแล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยจริงจัง ฮืออ แถมจบพาร์ทนี้กวางซามะยังทำให้เค้ารู้อีกว่าเหตุผลที่เอเลนชอบโดนอุ้มนั้นมาจากกรรมพันธุ์(?) ก็คุณพ่อก็โดนอุ้มมาเหมือนกัน(?)….นี่นะ……..#มันใช่เวลาม้ายยยยยถถถถถถถ
เรื่องเดินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วสินะ
ตอบลบแผนการของสึนะรัดกุมมากจนรีวไล์ยังต้องเกรง
ไหนจะประโยคพลิกโแมมาเฟียของยามะอีก
“ ถึงจะเป็นมาเฟีย...แต่วองโกเล่ก็จะรับบทพระเอก...ไม่ใช่ผู้ร้าย...”
คือทุกคนดูหล่อขึ้นทันที
เอเลนหนอเอเลน
เขาก็สั่งแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ
ดันดื้อไม่ถูกเวลา
นั่นรีไวล์นะ!
ดูแลตัวเองได้อยุ่แล้ว
ตัวเองนั่นแหละที่น่าห่วงกว่า
โดนอุ้มไปแล้วเห็นมั๊ย
รีีไวล์รีบๆมานะคะ
จะได้เป็นซาตานขับเฟอรารี่มาช่วยคนรัก