Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 03
: Aldnoah.Zero Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine
: Romance Period
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
จดหมายปิดผนึกถูกส่งมาจากท่านเค้าท์แห่งตระกูลฟราเมี่ยน โดยใจความในจดหมายนั้นระบุไว้ว่า….
“ คุณหนูแห่งตระกูลฟราเมี่ยนต้องการชวนเราไปงานปาร์ตี้น่ะ” องค์หญิงที่ 1แห่งราชวงศ์อังกฤษเอ่ยออกมาก่อนที่ถ้วยชาชั้นดีจะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากนุ่ม
นัยน์ตาสีฟ้าไล่มองสถานที่ วัน เวลา ซึ่งระบุอยู่ในกระดาษ...กับคุณหนูแห่งฟราเมี่ยนนั้นก็ค่อนข้างสนิทกับองค์หญิงมากทีเดียว หากรู้ว่าพระองค์เสด็จมาแถวนี้ก็ต้องหาโอกาสจัดงานเลี้ยงให้เสียทุกครั้งไป
ร่างสูงใหญ่ตั้งใจจะเขียนจดหมายตอบรับอย่างทุกที แต่แล้วเสียงใสของเจ้านายเหนือหัวก็ทำเอากระดาษในมือแทบจะร่วงลงพื้น
“ จริงสิ! สเลนก็ไปด้วยกันนะ!”
“ องค์หญิง...ทรงลืมไปแล้วหรือไงว่างานปาร์ตี้นี้ท่านเค้าท์ฟราเมี่ยนอนุญาตเฉพาะลูกสาวขุนนางชั้นสูงเท่านั้น...ผู้ชายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้านะขอรับ” ใบหน้าหยิ่งทระนงรีบเอ่ยทัดทานเพราะคงจะปล่อยเจ้าเด็กที่ไม่รู้จักมารยาทของวงสังคมชั้นสูงไปออกงานแบบนั้นไม่ได้
เดี๋ยวได้ขายขี้หน้ามาถึงปราสาทวอร์วิคกันหมดพอดี...
“ จริงด้วยสินะ....” องค์หญิงวางถ้วยชาลงพลางทำหน้าครุ่นคิด แต่ใบหน้ามนของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันยังคงทำหน้างงราวกับไม่รู้ว่าเขากับองค์หญิงกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่...ก็ดูสิ..แม้แต่งานปาร์ตี้ยังไม่รู้จักแล้วจะให้ไปได้ยังไง?
“ ถ้าเช่นนั้นก็ให้สเลนปลอมตัวเป็นผู้หญิง แค่นี้ก็เข้าได้แล้ว!” แล้วเสียงใสของคนที่คิดอะไรแผลงๆก็ทำให้เจ้าของปราสาทวอร์วิคแทบจะยกมือขึ้นมากุมขมับไม่ทัน
“ ไม่น่าจะได้นะขอรับองค์หญิง....”
“ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ถ้าเคาท์ครูเทโอกลัวว่าจะปลอมตัวไม่แนบเนียนละก็ขอบอกว่าหายห่วงเลย ท่านดูหน้าของสเลนสิ แต่งนิดหน่อยก็แยกไม่ออกแล้ว” ปลายนิ้วเรียวแตะเชยคางมนขึ้นมา...ซึ่งเขาก็เถียงไม่ออกเหมือนกันเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“ รูปร่างก็ผอมๆบางๆแบบนี้ ใส่ชุดของเราได้สบายเลย” นี่ก็เถียงไม่ออกอีก....นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองใบหน้ามนที่หันมองเขาทีมององค์หญิงที ดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปไหนแต่คงจะรู้แล้วละว่ากำลังจะถูกจับแต่งตัวยังไง ใบหน้าของเด็กนั่นถึงได้แต่ยิ้มแห้งพลางมีเหงื่อซึมที่ขมับ
ยังไงก็เด็กผู้ชายละนะ...ไม่มีทางรับได้หรอกหากต้องถูกจับแต่งตัวเป็นผู้หญิง
“ นะสเลน! ไปด้วยกันนะ! เจ้าจะได้เจอเพื่อนๆมากมาย ในงานก็สนุกสนาน ได้พูดคุย ได้เล่น ได้เต้นรำกันจนเหนื่อยเลย นะ! ไปกับเรานะ!” มือนิ่มกอบกุมลงไปที่มือของสเลน ดวงตาระยิบระยับขององค์หญิงในตอนนี้หากถูกจ้องเข้าไปก็คงจะปฏิเสธได้ยากนั่นแหละ เด็กนั่นถึงได้หันมามองหน้าเขา
ใบหน้าหยิ่งทระนงพยายามส่งสายตาให้เด็กนั่นปฏิเสธต่อองค์หญิงไป...แต่แล้วร่างโปร่งบางกลับทำให้เขาถึงกับหงุดหงิดด้วยเสียงที่ตอบรับเบาๆว่า
“ ครับ....”
“ ดีใจจัง! ขอบใจนะสเลน! ดูท่าว่าเราคงต้องเตรียมชุดให้เจ้าเสียแล้ว จะตัดใหม่คงไม่ทัน คงต้องปรับเปลี่ยนจากชุดของเราเอา!” ร่างระหงในชุดกระโปรงสูงศักดิ์ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ทำให้ภายในห้องเหลืออยู่แค่เขากับเจ้าเด็กนั่น
ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่ดึงให้เข้าไปหาก่อนที่ไม้เท้าจะกดลงไปบนลำคอให้แผ่นหลังบางแนบชิดไปกับพื้นโซฟา
“ ทำไมเจ้าไม่ปฏิเสธองค์หญิงไป...เจ้าคนไร้มารยาทอย่างเจ้าคิดหรือว่าเข้าไปในงานนั้นได้แล้วอีกาจะกลายเป็นหงส์...ถ้าคิดจะไปหาคนอุปการะใหม่ในงานละก็ขอบอกว่าไม่มีทาง” นัยน์ตาสีมรกตได้แต่เบิกกว้างไปกับความคิดที่อีกฝ่ายยัดเยียดมาให้ ทั้งๆที่เขาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้ามนพยายามจะส่ายหน้าปฏิเสธแต่แรงกดที่ลำคอก็มีไม่ใช่น้อย ฝ่ามือบางพยายามดันร่างของเคาท์ครูเทโอออกไปแต่แรงอันน้อยนิดหรือจะไปสู้อีกฝ่ายได้
“ อื้อ...” ใบหน้ามนครางออกมาอย่างทรมานเพราะหายใจแทบไม่ออก น้ำตาปริ่มขอบตาสีมรกต ริมฝีปากสีระเรื่อได้แต่อ้าออกอย่างพยายามจะหายใจ
“ แค่กๆๆๆ!” และเมื่อแรงที่ไม้เท้ายอมผ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใกล้จะตายให้ได้แล้ว ร่างโปร่งก็เด้งตัวขึ้นมาไอพร้อมๆกับหอบหายใจหนักหน่วง หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงไปที่พื้นโซฟาอย่างห้ามไม่อยู่
“ ก็ท่าน....บอกผมเองไม่ใช่หรือไง...ว่าหากผมช่วยปกป้องคุ้มครององค์หญิง...แล้วท่าน....จะให้ผมอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย....” เสียงแผ่วเบากล่าวทั้งเสียงสะอื้น ไหล่ที่สั่นสะท้านไปพร้อมกับความในใจที่บอกออกมานั้นมันทำให้คนกระทำนิ่งค้างไป
ส่วนลึกในใจของเขาก็รู้ดีว่าสเลนไม่ใช่คนอย่างที่เขาพยายามจะกล่าวหา...เด็กคนนี้บริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ...เขารู้...เขารู้ดี...แต่ที่ยังคงตอกย้ำเรื่องชาติกำเนิดของอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้มันคงเป็นเพราะ....
ไม่อยากให้เด็กนั่นรู้....ว่าตัวเองมีค่า....
จะได้ไม่มีความกล้าที่จะเดินจากที่นี่ไป....
“ มีอะไรกันหรือเปล่า?” องค์หญิงเดินกลับเข้ามาพร้อมสาวใช้ซึ่งในมือมีกล่องกระดาษแบนๆ ใบหน้าสวยหันมามองเขาสลับกับสเลนด้วยสายตาสงสัย แต่เด็กนั่นก็ไม่คิดจะฟ้องออกไปทั้งๆที่ทำได้ ใบหน้ามนเพียงแค่ก้มหลบเพื่อเช็ดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแย้มตามเดิม
“ ไม่มีอะไรครับ...”
“ งั้นหรอ? ถ้างั้นก็...นี่ไง! ชุดที่เราอยากให้เจ้าใส่” มือบางหยิบชุดกระโปรงฟูฟ่องออกมาจากกล่อง สีเหลืองอ่อนๆของเนื้อผ้าที่ดูหรูหรานั้นช่างเข้ากับเส้นผมสีชาเสียจริงๆ ถ้าเป็นชุดของผู้หญิงคงต้องเชื่อในสายตาขององค์หญิงละนะ
แต่คนที่ต้องใส่มันกลับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ก็ชุดที่เปิดไหล่เอวคอดแบบนี้คงไม่มีผู้ชายที่ไหนอยากใส่
“ เป็นไงสเลน? เคาท์ครูเทโอคิดว่าไง?”
“...............” ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีชาได้แต่กระพริบตาปริบๆอย่างพูดอะไรไม่ออก
“ น่าจะเหมาะนะขอรับ” กลับเป็นร่างสูงใหญ่ที่พูดออกไปและมันก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับนิ่งค้าง...เพราะคำพูดของเขามันเท่ากับยอมรับความตั้งใจของเด็กนั่น
นัยน์ตาสีมรกตเงยขึ้นมามองด้วยสายตาเป็นคำถามว่า...ให้ผมไปได้หรือครับ?
ซึ่งเขาก็เลือกที่จะเมินหน้าหนีแทนคำตอบว่า...ถ้าอยากไปก็ไป...
“ แต่ว่าสเลนตัวสูงกว่าเรา เพราะฉะนั้นคงต้องแก้ชุดนิดหน่อย...อืม....” ใบหน้าสวยขององค์หญิงดูสนุกสนานกับการออกแบบว่าจะแต่งเติมชุดยังไงให้เข้ากับร่างโปร่งบางนั่น
“ ต้องหาเครื่องประดับผมด้วย! จริงสิ! คงต้องหาผมมาต่อให้เจ้าด้วย” มือเรียวลูบลงไปที่ปรอยผมสีชาซึ่งตัดสั้นในทรงของเด็กผู้ชายทั่วไป ใบหน้ามนได้แต่ยิ้มแห้ง ร่างโปร่งบางนั่งนิ่งๆยอมเป็นตุ๊กตาตัวสวยให้องค์หญิงจับแต่งตัวตามใจ
ถ้าเด็กนั่นเป็นแค่ตุ๊กตา...แค่แต่งตัวก็คงจะพอ...แต่เพราะว่ามันไม่ใช่ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงต้องพูดออกไป
“ กระหม่อมคิดว่า...ถ้าจะพาสเลนเข้าไปในงานสังคมชั้นสูงแบบนั้น...คงต้องเริ่มจากการฝึกมารยาทก่อนนะขอรับ...อีกอย่าง...คงต้องคอยตอบคำถามว่าเด็กคนนั้นเป็นใครมาจากไหน...”
“ จริงด้วย...ลืมไปเลย...แบบนี้คงต้องให้ครูมาฝึกพิเศษแบบหลักสูตรเร่งรัด...อดทนหน่อยนะสเลน” ใบหน้ามนพยักหน้ารับด้วยสีหน้างงๆ
“ ส่วนที่ว่าเป็นใครมาจากไหน....อืม....” องค์หญิงถอยออกไปมองเด็กนั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็เหมือนเพิ่งจะนึกออก ร่างระหงนิ่งค้างไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเชยปลายคางมนขึ้นพิจารณา
“ ถ้าบอกว่าเป็นหลานสาวของภรรยาท่านเคาท์ล่ะ?...เราคิดว่าคงไม่มีใครติดใจสงสัยแน่...เพราะว่าหน้าของสเลน.....” เสียงพูดขององค์หญิงเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์
“ ก็ไม่มีปัญหาหรอกขอรับ...” เสียงทุ้มตอบรับออกไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย ตอนนี้คนทั้งปราสาทคงจะรู้กันหมดแล้ว จะมีก็แต่สเลนเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเขากับองค์หญิงพูดเรื่องอะไรกัน
เพราะสิ่งที่ติดอยู่ในใจของร่างโปร่งบางมันคือเรื่องที่ว่า...แล้วภรรยาของท่านเคาท์ครูเทโอไปอยู่ที่ไหนเสียมากกว่า...
งานปาร์ตี้จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้....
ร่างสูงใหญ่ของท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์เดินไปตามระเบียงหน้าห้องโถงที่ดูจะวุ่นวายอยู่ไม่ใช่น้อย สาวใช้หอบผ้าลูกไม้พับใหญ่ออกมาจากห้องก่อนจะเอี้ยวตัวหลบเขาแทบไม่ทัน ร่างในชุดเมดสีดำโค้งคำนับให้เพราะมองไม่เห็นว่าเขามาเดินอยู่ตรงนี้ ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงส่ายน้อยๆว่าไม่เป็นไร....นี่อย่างกับว่าเขาเข้ามาเกะกะเลยนะ ทั้งๆที่เป็นเจ้าของปราสาทแท้ๆ
นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองไปทั่วห้องโถงใหญ่ของชั้น 1 แต่กลับพบเพียงองค์หญิงที่กำลังขะมักเขม้นให้ความเห็นเกี่ยวกับชุดสีเหลืองอ่อนนั่นอยู่...ดูเหมือนมันจะถูกเพิ่มระบายข้างล่างเข้าไปอีกหลายชั้นตามความสูงของเด็กนั่นแล้วก็ดูเหมือนจะประดับด้วยดอกไม้ผ้าแถวๆเอวคอดอีกหลายดอก? ดูจากกล่องใส่ดอกไม้ผ้าที่จะใช้ประดับคงบอกได้แค่ว่าองค์หญิงคงไม่อยากให้เขาเข้าไปกวนแน่ๆในเวลาแบบนี้
ร่างสูงใหญ่ในชุดขุนนางชั้นสูงจึงเดินต่อไปในบ้านของตัวเอง...ได้ยินเสียงเพลงลีลาศดังแว่วมาจากแถวๆสวนกุหลาบ?
นัยน์ตาสีฟ้าจึงทอดมองไปยังซุ้มไม้สีขาวซึ่งมีกุหลาบเถาสีชมพูพันอยู่โดยรอบ...สเลนกำลังฝึกเต้นรำอยู่ข้างใน....
จริงด้วยสินะ...นอกจากมารยาทบนโต๊ะอาหาร การพูดการจาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งซึ่งชนชั้นสูงทุกคนต้องทำให้เป็นนั่นก็คือการเต้นรำ
ใบหน้าที่ดูเกร็งๆกับท่าทางเก้ๆกังๆแบบนั้นมันทำให้รู้ว่าเด็กนั่นกำลังกังวล...ถึงจะเป็นงานเลี้ยงที่มีแต่เด็กผู้หญิงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการเต้นรำ...เพราะงั้นเขาคงจะปล่อยให้เจ้าเด็กที่ยังก้าวขาเหยียบคู่เต้นแบบนั้นไปออกงานไม่ได้
“ เราจะเป็นคู่ซ้อมให้เอง” ร่างสูงใหญ่ก้าวขาเข้าไปก่อนจะดึงเอวบางนั่นมาจากครูฝึกที่เป็นผู้หญิง ด้วยร่างกายที่ใกล้เคียงกันมันเลยควบคุมเด็กนั่นลำบากซึ่งหากเป็นร่างสูงใหญ่ของท่านเค้าท์ครูเทโอแล้วมันคงต่างออกไป...
“ เอ๋?” มือใหญ่จับมือบางมาวางไว้ที่ไหล่ของตัวเองก่อนจะจับกระชับมือบางอีกข้างเอาไว้ มือใหญ่ข้างที่เหลือโอบไปรอบเอวผอมแห้งจนอดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้ของที่กินเข้าไปมันเอาไปเก็บไว้ตรงไหนหมด
“ ไม่ต้องมาเอ๋ แล้วเต้นตาม เราจะนำให้” ขายาวก้าวออกนำทันทีโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะทันหรือเปล่า แต่เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้คนที่มัวแต่กังวลเรื่องการก้าวขาลืมมันไปได้ แล้วก้าวตามอีกฝ่ายจนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน จากที่เคยเหยียบเท้าครูฝึกอยู่ตลอดกลับก้าวตามจังหวะได้มากขึ้น
“ เงยหน้ามองคู่เต้นด้วย ก้มหลบแบบนั้นมันเสียมารยาท” ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มมองใบหน้ามนที่ค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร่างกายในอ้อมแขนช่างเข้ากับกลิ่นของกุหลาบแห่งปราสาทวอร์วิคเสียจริงๆ
ร่างสง่าพาร่างโปร่งบางก้าวไปรอบๆซุ้มสีขาว นัยน์ตาที่สบประสานต่างดึงดูดให้จ้องมองกันและกันอยู่อย่างนั้น...จวบจนบทเพลงจบไปตั้งไม่รู้กี่รอบ ขาทั้งสองคู่ต่างก็ยังก้าวไปด้วยกันราวกับอยู่ในความฝัน
ช่างเป็นความฝันที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มจะพองโต...
“ อึก?!” จู่ๆใบหน้ามนก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทางเหมือนกำลังเจ็บปวด สองขาที่เคยเดินตามอีกฝ่ายหยุดชะงักไปเสียดื้อๆ
“ เป็นอะไร?....ตะคริวงั้นรึ?” ร่างสูงใหญ่นั่งคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งก่อนจะไล่สายตาสำรวจท่อนขาเล็ก รอยเกร็งของกล้ามเนื้อปรากฏให้เห็นค่อนข้างชัดเจน...สงสัยจะก้าวขามากไป
“ ท่านเคาท์ลุกขึ้นมาเถอะครับ! โอ๊ย?!” สเลนเอ่ยออกมาด้วยท่าทางตกอกตกใจที่เห็นเขาคุกเข่าลงไปตรงหน้า...อันที่จริงคงต้องบอกว่าลืมตัวไปชั่วขณะ...เขาจึงแก้เขินด้วยการทำหน้านิ่งก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นมาแล้วอุ้มร่างโปร่งบางนั่นเข้าไปยังห้องโถงด้านในปราสาท
ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยสั่งสาวใช้ให้ไปเอาน้ำมันมานวดขาให้ ก่อนจะหันหน้ามากำชับร่างโปร่งบางที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ วันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่างเจ้ายังต้องฝึกซ้อมอีกมาก ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน วันนี้พักเสียเข้าใจใช่ไหม?”
“ ครับ....”
แล้วร่างสูงใหญ่ก็สะบัดตัวเดินออกไปจากห้อง นัยน์ตาสีมรกตมองตามแผ่นหลังสง่างามนั้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเคารพ ทั้งหวาดกลัว แล้วก็....ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างที่มันเป็นอยู่นี้มันคืออะไรกันนะ...
ไม่เข้าใจ...
ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ!
ท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์เดินหงุดหงิดไปตามทางเดินชั้นสองของปราสาทก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงดาดฟ้าซึ่งมองลงไปเห็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองในเขตปกครองนี้
เกือบสิบปีแล้วที่เขาอยู่ที่นี่ตามลำพังโดยไม่คิดจะหาใครมาแทนที่...ต่อให้มีหญิงสาวชาติตระกูลดีมาให้เลือกมากมาย ผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่ายก็อาสาจะหาให้แต่เขาก็ได้แต่ปฏิเสธเรื่อยมา
คงต้องบอกว่าเริ่มกลัวที่จะรักใครสักคนอีก...
กลัวว่ามันจะกลับไปซ้ำรอยเดิม...
มือใหญ่คลายผ้าพันคอออกก่อนจะนั่งลงไปที่เก้าอี้เหล็กดัดลวดลายวิจิตร นัยน์ตาเหยียดมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ
ไม่เห็นจะต้องสนใจ...ยังไงซะเด็กนั่นก็ไม่ใช่ชนชั้นสูงที่มาจากตระกูลผู้รากมากดีอะไร...เขาจะทำยังไงด้วยก็ได้
ยังไงซะก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยง ที่เลี้ยงเอาไว้ให้อยู่แต่ในปราสาทอยู่แล้วนี่...
ร่างโปร่งบางนั่งนับนิ้วเพื่อทบทวนจังหวะการก้าวขาอยู่บนเตียงสี่เสาในห้องของตัวเอง บทเพลงลีลาศยังคงดังก้องอยู่ในหัว...แต่สิ่งที่ติดตรึงอยู่ในใจยิ่งกว่าอะไรก็คือสัมผัสของฝ่ามือใหญ่ที่ประคองแผ่นหลังของเขาเอาไว้
ใบหน้ามนชะงักไปเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มจะไม่มีสมาธิในการทบทวนเรื่องที่เรียนไปในวันนี้แต่ดันไปนึกถึงใครบางคนเสียได้
เป็นคนที่ใจร้ายกับเขายิ่งกว่าใคร...แต่มือใหญ่ๆนั่นก็สัญญาแล้วว่าจะปกป้องเขาจากทุกสิ่งทุกอย่าง....
ริมฝีปากสีระเรื่อกลับมาเม้มแน่นก่อนจะพยักหน้าให้กับตัวเอง ก่อนอื่นต้องตั้งใจทำหน้าที่ของเขาให้ดีเสียก่อน
ร่างโปร่งนั่งทบทวนบทเรียนอยู่อีกสักพักก่อนที่ความรู้สึกเจ็บๆชาๆที่ยังหลงเหลืออยู่จากตะคริวที่ขาจะประท้วงขึ้นมาว่าถ้าเขาไม่นวดมันด้วยน้ำมันเพิ่ม พรุ่งนี้เขาจะลำบากแน่ถ้าต้องก้าวขาเหมือนวันนี้อีก นัยน์ตาสีมรกตเหลือบไปมองหากระปุกที่ใส่น้ำมันนวดขาเอาไว้แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
เอ๋?...สงสัยว่าจะลืมหยิบขึ้นมาจากห้องโถง....
ร่างโปร่งบางจึงขยับตัวลงจากเตียง ใบหน้ามนหันไปมองความมืดที่อยู่รอบกาย...ป่านนี้คนในปราสาทคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว เพราะงั้นร่างโปร่งจึงเดินออกไปจากห้องด้วยชุดนอนคอกว้างตัวยาวกับกางเกงขาสั้นข้างใน...ก็ใส่เสื้อคลุมแล้วมันเดินลำบากนี่นา...อีกอย่างถึงจะบอกว่านี่เป็นชุดนอนแต่แพรไหมสีขาวพวกนี้มันยังดูดีกว่าเสื้อผ้าปกติตอนที่เขายังอยู่บ้านของตัวเองตั้งไม่รู้เท่าไหร่
แสงไฟสลัวๆจากตะเกียงและโคมระย้าทำให้บรรยากาศภายในปราสาทนั้นดูขลังระคนวังเวง ร่างโปร่งบางรีบเดินลงไปที่ห้องโถงใหญ่ชั้นล่างก่อนจะกลับขึ้นมาตามทางเดิม...ตอนนี้เขาเดินอยู่ในปราสาทได้โดยไม่หลงทิศหลงทางอีกต่อไปแล้ว...เพราะไม่อยากโดนท่านเคาท์หาเรื่องเอาอีก เขาถึงได้ต้องพยายามแทบเป็นแทบตายที่จะจดจำผังอาคารที่กว้างใหญ่ของปราสาทวอร์วิคให้ได้ ห้องหับที่มีมากมายอีกทั้งยังปีกต่างๆที่เชื่อมต่อไปยังป้อมปราการเขาก็จำได้ทั้งหมด
รู้...ว่าห้องนอนของเคาท์ครูเทโออยู่ตรงไหนและเขาก็ต้องค่อยๆลงฝ่าเท้าให้เบาที่สุด...เมื่อต้องก้าวผ่านหน้าห้องนั้นไป
“ นั่นใคร?” ร่างโปร่งถึงกับสะดุ้งโหยงกับน้ำเสียงที่ทักขึ้นมาในขณะที่กำลังจะก้าวขากลับไปยังห้องของตัวเอง...เสียงท่านเคาท์? แต่เขาก็เดินผ่านหน้าห้องนอนของผู้ชายคนนั้นมาแล้วนี่?
ใบหน้ามนหันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพบว่าเงาร่างที่คุ้นตานั่นยืนอยู่ที่ระเบียงดาดฟ้าซึ่งไม่คิดว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ สองมือได้แต่บีบกระปุกน้ำมันอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี...วิ่งหนีไปเลยดีไหม? หรือว่าจะออกไป?
“ เราถามว่าใครอยู่ตรงนั้น? ออกมาเดี๋ยวนี้!” แต่ก็ดูเหมือนกับว่าร่างสูงใหญ่จะไม่ให้โอกาสเขาเลือกมากนัก สองขาจึงจำต้องก้าวออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ ผมเอง...ครับ.....” นัยน์ตาสั่นระริกช้อนมองร่างสูงใหญ่ซึ่งฉาบไล้ไปด้วยแสงจันทร์....ในใจได้แต่คิดว่าจะโดนดุโดนตีอีกหรือเปล่า....ดูจากนัยน์ตาสีฟ้านิ่งสนิทที่ไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า...รู้งี้สวมเสื้อคลุมออกมาด้วยก็ดี....
“ เจ้าเองรึ” ไหล่บางสั่นหงึกๆด้วยความกลัวแต่ชั่วขณะที่กำลังก้มหน้ามองพื้น ร่างกายก็รับรู้ได้ถึงแรงดึงจนมันเซถลาเข้าไปหาแผงอกแข็งแรง
“ เอ๊ะ?” มือใหญ่รั้งเอวบางจนร่างเข้าไปแนบชิด...ชิด...พอที่เขาจะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยออกมาจากร่างสูง...นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าเย็นชาที่ก้มลงมาก่อนจะเหลือบไปเห็นแก้วสีอำพันและขวดบรั่นดีที่วางอยู่บนโต๊ะเหล็กดัด
เมาหรือเปล่า? แล้วเสื้อผ้านี่ยังเป็นชุดเมื่อตอนกลางวันอยู่เลยไม่ใช่หรอ?
ท่านเคาท์เป็นอะไรไป? ปกติไม่เคยเห็นดื่ม? หรือว่าดื่มแต่เขาไม่เคยได้ออกจากห้องมาเห็น? มีแต่เรื่องที่ไม่รู้ไม่เข้าใจเต็มไปหมด...
เรื่องเดียวที่เพิ่งรู้ในตอนนี้ก็คือ...สุภาพบุรุษผู้แสนหยิ่งทระนงคนนั้นก็มีมุมที่เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาๆเหมือนกัน
เป็นผู้ชายธรรมดาๆ...ที่กำลังโน้มใบหน้าลงมาหาเขา?!
กลีบปากถูกฉวยไปด้วยริมฝีปากของท่านเคาท์ครูเทโอ เป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้จึงทำให้ใบหน้าใสกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตา ถึงจะไม่รู้ประสีประสาแต่เขาก็รู้ว่านั่นมันเรียกว่า...
จูบ...
ใบหน้าคมที่ละออกไปขยับเปลี่ยนมุมก่อนจะแนบลงมาใหม่ ร่างโปร่งบางได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก ที่แผ่นหลังและลำตัวรับรู้ถึงอ้อมแขนที่กอดกระชับมากยิ่งขึ้น
แล้วความเปียกแฉะที่แตะลงมาบนริมฝีปากก็ทำเอาสะดุ้งสุดตัว...อะไรน่ะ?...ลิ้นงั้นหรอ?
“ ท่านเคาท์?” แค่จะเอ่ยถามว่าจะทำอะไรแต่แค่เขาอ้าปากเรียวลิ้นก็สอดเข้ามาทันที
นี่มันอะไรน่ะ?
สองมือจึงพยายามดันไหล่หนาออกไป แต่เรียวลิ้นที่เอาแต่ใจก็ยังคงไล่กวาดต้อนพัวพันอยู่ในโพรงปาก จากความตกใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างแทรกเข้ามา
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองละออกไปก่อนจะทอดนัยน์ตาสีฟ้ามองเขาด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยนจนไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะได้เห็น
“ เดี๋ยวนี้กล้าขัดขืนเราแล้วรึ?” ......เดี๋ยวนี้? หมายความว่ายังไง? ก็เรื่องแบบนี้เพิ่งเคยทำด้วยกันเป็นครั้งแรก...ท่านเคาท์พูดราวกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่เขา
ทั้งน้ำเสียง ทั้งแววตา...มันไม่ได้มีไว้เพื่อเขา?
ถ้าเช่นนั้นท่านเคาท์มองเห็นเป็นใครกัน...
“ อื้อ?!” ลมหายใจยังไม่ทันจะได้เข้าที่ ริมฝีปากของร่างสูงก็จุมพิตลงมาอีก แล้วก็ดูเหมือนมันจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น...
ริมฝีปากร้อนละจากปากของเขาก่อนจะกดลงไปที่ซอกคอ การกระทำที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนมีแต่จะทำให้รู้สึกกลัวจนสองแขนได้แต่รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงใหญ่ออกไป
สองขาวิ่งหนีออกมา ก่อนจะหลับหูหลับตาวิ่งจนกลับมาถึงห้องของตัวเองจนได้
เสียงลมหายใจหอบหนักดังก้องไปทั่วห้อง นัยน์ตาสีมรกตยังคงเบิกกว้างอย่างตกใจ....เมื่อกี้มันอะไร....
ท่านเคาท์เป็นอะไร?
แล้วทำไม...หัวใจของเขามันถึงได้เต้นรุนแรงขนาดนี้?
ทำไมกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.ไหม๊ถถถถถ
ขะ ขอบคุณคอมเมนต์จากตอนที่แล้วๆมากๆนะก๊า เหะเหะ แต่งไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่แน่ใจว่าจะมีคนอ่านหรือเปล่า เพราะงั้นตอนที่รู้ว่ามีคนอ่านด้วยนี่มันสุดจะฟินเลยค่ะ *พราก*
คือนอกจากคาแรกเตอร์ของสเลนกับท่านเค้าท์ในเรื่องออริแล้ว อีกอย่างที่ทำให้คุณกวางเป็นบ้าเป็นหลังกับ A/Z ก็คงหนีไม่พ้น เพลงประกอบ....ซาวาโนะซ๊างงงงงงงงงงงงง อีกแล้วนะคะ!!! ฟฟฟฟฟฟฟ ทำไมเป็นคนแบบนี้ >[ ]< จะสร้างดาเมจให้หนูไปถึงไหน ฮืออออออ *กอดขาก่อนจะโดนยันออกมา*
ชอบเพลง aLIEz มากๆเลยค่ะ ฮือออออ แปะ
แล้วเจอกันตอนหน้านะก๊า ง๊ากกกก เริ่มวิกฤตจริงจังแบ้วตอนนี้ ฟิคสเลนนี่ก็อยากจะแต่ง แต่ GLIDE ก็จ่อคอหอยอยู่ หงั่กๆๆๆ
ฟิคปอบก็จ่อคออยู่เหมือนกันนะครับ
ตอบลบคนตามทวงเพียบ...
ระวังโดนคากุเนะเสียบนะเด้ออออออออออ555
เพลงนี้ก็อยุ่ในหัวผมก่อนหน้านี้เหมือนกันครับ
แต่พอปอบมาก็กลายเป็นopปอบมาอยู่ในหัวแทน
และแล้วท่านเคาร์ทก็....................................................................กินเด็ก//โดนไม้ตะพดตบ
โฮกกกกกกกก ฟิน สเลนน่าฟาดมากคะ----------
ตอบลบสนุกค่ะะะะ
ตอบลบโอ้ยยยยยยย ท่านเคาท์จะซึนไปไหนคะนั่น หนูสเลนก็ใสเหลือเกิ๊นนน /จำเลยรักชัดๆ
ตอบลบอ่านไปเชียร์ไป กดเลยค่ะท่าน กด!!!! //โดนโยนเข้าคุก
โอย ตอนนี้ฟินมากๆค่ะ ///w\\\ /ฮีลตัวเอง
ตอบลบเสียใจไปกับน้องสเลนตอนที่ท่านเคานต์ดูจะมองน้องเป็นภรรยา แวแว
แต่เพราะเมาเลยรู้ว่าท่านเคานต์เองก็มีมุมแบบชายหนุ่มธรรมดา มันดู.. น่ารั--- /โดนฟาด
แล้วสเลนก็เกือบจะกลายเป็นตุ๊กตาขององค์หญิงไปจริงๆ แถมยังเจอฝึกมารยาทหลักสูตรเร่งรัดด้วย เกิดเป็นสเลนช่างลำบากยิ่งนัก แอบรู้สึกว่าฉากสอนเต้นรำสเลนดูสาวน้อยขึ้นมาเบาๆ นะคะ ลองจินตนาการแล้วเปิดเพลงฟังไปด้วย >< ว่าแต่ท้ายตอนนั่นมันอะไรกัน ท่านเคานต์คะ! ท่านเคานต์! มั่นใจว่านั่นคือเฟิร์สคิสของสเลน ท่านเคานต์จะทำอะไรเด็กคะ! //อะ กรี๊ด หลบไม้เท้า
ตอบลบ