Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word - : 05


Aldnoah.Zero Au.Fic [Cruhteo x Slaine] - Last Word: 05

: Aldnoah.Zero Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine
: Romance Period
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
     
    




นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นทีละน้อยตามการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ปลุกสติให้ฟื้นคืน แรงโยกไปมาทำให้รู้ว่าเขาคงนอนอยู่บนรถม้า

ความเจ็บที่แขนขวาทำให้ต้องนิ่วหน้า...นี่เขาสลบไปเพราะแผลนั่นงั้นหรอ?


ช่างอ่อนแอเสียจริงๆ....คงไม่พ้นจะถูกท่านเคาท์ครูเทโอแดกดันแบบนี้แน่ๆ


ลมหายใจถูกพ่นออกไปเบาๆก่อนจะพยายามปรับสายตาให้ภาพที่พร่ามัวค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นองค์หญิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพียงลำพัง

ท่านเคาท์ล่ะ? ไม่ได้กลับด้วยกันงั้นหรอ?


กึง!!


ถึงจะเป็นรถม้าอย่างดีแต่เวลากระแทกทีก็ยังรู้สึก และเพราะแบบนั้นเขาถึงเพิ่งจะรู้ว่าที่หัวหนุนอะไรบางอย่างอยู่...มันอบอุ่นจนไม่คิดว่าจะเป็นเสื้อนอกหรือหมอน...อย่าบอกนะว่า....

ใบหน้าพลิกกลับมาเงยมองหน้าคนที่ให้เขายืมตักหนุนก่อนที่ไหล่จะกระตุกด้วยความตกใจที่ใบหน้าที่เขามองเห็นมันเป็นใบหน้าหยิ่งทระนงของท่านเคาท์จริงๆ

“ ทะ...ทำไม....?”   ร่างโปร่งบางพยายามลุกขึ้นมาแต่กลับถูกมือใหญ่นั่นกดหัวให้นอนลงไปเหมือนเดิม

“ ทำไมอะไร? เจ้าคิดว่าจะได้หนุนตักขององค์หญิงหรือยังไง?”   คำพูดไม่รักษาน้ำใจทำให้เขาลอบยู่หน้า...รู้สึกว่าจะเริ่มชินกับการดูถูกเหยียดหยามไปเสียแล้วเขาจึงไม่เก็บเอามันมาคิดให้เจ็บปวดอีก


เพราะถึงจะด่าว่าเขายังไง...ก็ยังให้เขานอนหนุนตัก...


องค์หญิงเองก็ดูท่าว่าจะเหนื่อยจึงนั่งหลับตานิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง แต่ถ้าไม่ได้ท่านเคาท์มาช่วยเขาคงแย่ ริมฝีปากตั้งใจจะเอ่ยขอบคุณแต่จู่ๆเสียงทุ้มก็เอ่ยตัดหน้าออกมาเสียก่อน

เป็นคำพูด...ที่ทำให้ความอุ่นวาบฉาบไปทั่วหัวใจดวงน้อย...

“ ขอบใจเจ้ามากสเลน...ที่ปกป้ององค์หญิงด้วยชีวิตของเจ้า...เจ้าแสดงความจงรักภักดีให้เราได้เห็นแล้ว...”

นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างก่อนที่มันจะค่อยๆปิดลงด้วยความดีใจ...ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับคำชมจากผู้ชายที่โหดร้ายกับเขาเสมอมาคนนี้...ที่หัวใจมันปลาบปลื้มจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง...ใบหน้ามนจึงแนบลงไปที่หน้าตักด้วยความจงรักอยู่อย่างนั้น...









ข่าวเรื่องการปล้นปราสาทของเคาท์ฟราเมี่ยนถูกรายงานไปจนถึงพระราชวังและนั่นก็ทำให้องค์หญิงต้องกลับเมืองหลวงเร็วกว่ากำหนดเพราะพระราชาซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่นั้นทรงเป็นห่วง

“ เราเสียใจที่เราพาเจ้าไปด้วยไม่ได้สเลน....”   สองมือนิ่มเลื่อนมากอบกุมมือของเขาเอาไว้ นัยน์ตาสีเขียวมองมาที่เขาด้วยแววเสียดาย

“ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเจ้าโดนท่านเคาท์ครูเทโอรังแกละก็ เจ้าส่งคนไปบอกเรา เดี๋ยวเราจะมาช่วย”   ใบหน้าสวยยิ้มออกมาอย่างหยอกเย้าก่อนจะเหล่ตามองไปที่ร่างสูงใหญ่ที่ยังปั้นหน้าตายยืนอยู่ข้างๆ...อันที่จริงคงต้องบอกว่าองค์หญิงนั้นไว้ใจท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์ยิ่งกว่าใครถึงได้ยอมปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ได้

“ ดูแลตัวเองด้วยนะสเลน...”   นัยน์ตากลมโตทอดมองมาที่แผลบนแขนขวาของเขาด้วยความเป็นห่วง เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับไปด้วยรอยยิ้ม


รถม้าสีขาววิ่งจากไปจนลับสายตา....จะว่าใจหายก็คงจะได้เพราะสามเดือนกว่าๆตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากองค์หญิงมาตลอด....พอไม่มีท่านอยู่ด้วยกันจึงอดที่จะรู้สึกเคว้งคว้างไม่ได้

ยิ่งเหลือบไปที่ใบหน้าหยิ่งทระนงซึ่งยังคงเหยียดมองเขาเหมือนมองสัตว์เลี้ยงแบบนั้นมันก็ยิ่งอดกังวลไม่ได้...ว่าเขาจะอยู่ร่วมกับท่านเคาท์ครูเทโอตามลำพังได้หรือเปล่า...









ได้ยินจากหัวหน้าพ่อบ้านว่าใกล้จะต้องส่งราคายื่นประมูลการขอสัมปทานในการจำหน่ายไวน์แล้ว ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักแต่ก็รู้ว่าช่วงนี้ท่านเคาท์จะยุ่งมากจนบางครั้งก็แทบไม่ได้ออกมาจากห้องทำงาน

ร่างโปร่งบางจึงมาแอบด้อมๆมองๆอยู่หน้าห้อง ใบหน้ามนมองประตูไม้สลักสลับกับแหวนที่อยู่ในมือ...กุหลาบแห่งวอร์วิค

ตั้งแต่จบจากงานเลี้ยงก็ยังไม่มีโอกาสได้คืนแหวนวงนี้ให้กับท่านเคาท์เลย ครั้นจะเก็บเอาไว้นานกว่านี้ก็คงไม่ดีเพราะมันไม่ใช่ของเขา แต่จะเข้าไปกวนท่านเคาท์ในเวลานี้ก็....

สองขาจึงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องอย่างคิดไม่ตก จนแล้วจนรอดก็ตัดสินใจที่จะเข้าไป ลมหายใจถูกสูดเข้าจนลึกก่อนจะรวบรวมความกล้ายื่นมือไปเคาะประตู


“ เข้ามา”   เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตออกมาจากด้านในทำให้เขาค่อยๆแง้มประตูเข้าไป

“ สเลน? มีอะไร?”   ใบหน้าเหมือนคนอดนอนมองมาจากด้านหลังกองเอกสาร

“ .........ผมเอาแหวนมาคืนครับ...”   กุหลาบแห่งวอร์วิคถูกยื่นออกไปตรงหน้า  นัยน์ตาสีฟ้าแค่เหลือบขึ้นมามองก่อนจะก้มลงไปสนใจเอกสารบนโต๊ะต่อ

“ เจ้าเอาไปเถอะ....ก็แค่แหวนราคาถูก”   ใบหน้าหยิ่งทระนงเอ่ยออกมาราวกับว่าแหวนนั่นมันไร้ค่าทั้งๆที่คนอื่นอยากได้มันแทบตาย....และสำหรับเขาแล้วมันคือของชิ้นแรกที่ได้มาจากคนตรงหน้า

“ ขอบคุณครับ...”   แก้มใสแดงระเรื่อด้วยความดีใจ ใบหน้ามนยิ้มน้อยๆเมื่อก้มมองแหวนที่อยู่ในมือ...ถึงท่านเคาท์จะไม่เห็นค่าของมันแต่นี่คือของสำคัญสำหรับเขา...

“ เจ้ามาก็ดี...ไปนอนที่โซฟาซะ”   คำสั่งที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทำให้เขาผวาอยู่เล็กน้อย...จะให้เป็นหมอนข้างให้อีกแล้วหรอ?

แต่นัยน์ตาสีฟ้าที่ขอบตาดำคล้ำซึ่งกำลังมองมาที่เขาราวกับคนกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะอดนอนก็ทำให้ไม่อาจจะเอ่ยคำทัดทานอะไรได้ ร่างโปร่งบางจึงต้องจำนอนลงไปที่โซฟา...เพื่อให้ร่างหนาทาบทับลงมา

“ ใส่เอาไว้สิ เดี๋ยวก็หายหรอก”   เสียงงึมงำเอ่ยบอกออกมาจากแผงอกของเขาก่อนที่ท่านเคาท์จะเงียบไป ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอด้วยเวลาเพียงไม่นาน...ที่บอกให้ใส่เอาไว้หมายถึงแหวนที่เขาถืออยู่สินะ...ไม่ไหวหรอกเพราะหัวรูปดอกกุหลาบของมันใหญ่มากทั้งยังทำจากเพชรทั้งอัน ใส่ไปไหนมาไหนก็น่าจะอันตรายเสียมากกว่า...เขาคงต้องหากล่องดีๆสักใบมาใส่มันเอาไว้

รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างสุขใจ นัยน์ตาสีมรกตทอดมองปรอยผมสีทองก่อนจะเกลี่ยมันออกไปจากใบหน้าที่หลับคาอกของเขาอย่างแผ่วเบา

ถึงจะทำประโยชน์ได้แค่นี้...แต่เขาก็ดีใจ...






กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้ทุกครั้งที่ได้นอนอยู่ใกล้ๆรู้สึกราวกับได้รับการเยียวยา ร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับกระปรี้กระเปร่าสดชื่นทั้งๆที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง

แล้วก็ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมา ทั้งๆที่บอกให้ปลุกเขาแต่เจ้าเด็กนี่กลับหลับไปด้วยกันตลอด

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองส่ายน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นมาจากร่างที่แทบจะจมหายลงไปในโซฟา  นัยน์ตาเหลือบไปเห็นแหวนที่มือบางยังคงประคองมันเอาไว้แม้ว่าจะหลับอยู่ก็ตาม


ทำไมมันจะไม่มีค่าล่ะ...

ในเมื่อนี่คือกุหลาบแห่งวอร์วิค....มีแต่คนของตระกูลครูเทโอเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้ครอบครองมัน...











เพราะมีแต่เรื่องที่อยากรู้เต็มไปหมดและพวกสาวใช้ก็ใช่ว่าจะว่างงานให้เขาซักถามได้  ร่างโปร่งจึงแอบย่องเข้าไปในห้องหนังสือที่ผนังด้านหนึ่งกลายเป็นชั้นหนังสือทั้งผนัง

แสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาจากหน้าต่างกระจกที่ผนังฝั่งตรงข้ามซึ่งมองออกไปเห็นสนามหญ้าหน้าปราสาทได้อย่างชัดเจน เก้าอี้อาร์มแชร์ตรึงหมุดบุผ้าสักกระหลาดเนื้อดีดูนุ่มน่าสบายตั้งอยู่หลายตัว นับว่าห้องนี้เป็นห้องหนังสือที่ดูผ่อนคลายทีเดียว

ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆ...เทียบกับห้องหนังสือรกๆที่บ้านเขาแล้วราวกับอยู่คนละโลกเลย

ร่างโปร่งบางเดินไล่มองไปบนชั้น...มีตั้งแต่หนังสือหายากที่คงจะตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน หนังสือเกี่ยวกับการปกครองและการบริหารที่ดิน หนังสือเกี่ยวกับไวน์ก็มีมากมาย รวมทั้งพวกหนังสือวรรณกรรมระดับโลกเองก็มีไม่ใช่น้อย...สมกับเป็นห้องหนังสือของปราสาทที่อยู่มาตั้งแต่ยุคกลาง หนังสือแต่ละเล่มล้วนบ่งบอกตัวตนของคนที่เคยอยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดีและเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านเคาท์ครูเทโอถึงเป็นแบบนั้น

จากที่ยืนดูอยู่ห่างๆร่างโปร่งบางก็ขยับเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วแตะไล่ไปบนสันหนังสือทีละเล่มๆเพื่อหาเรื่องราวที่อยากรู้....คิดว่ามันน่าจะมีบันทึกอยู่...เกี่ยวกับเรื่องราวของปราสาทวอร์วิคและสายตระกูลครูเทโอ...รวมไปถึงกุหลาบสายพันธุ์พิเศษนั่น

แต่ยังไม่ทันจะหาเจอ เสียงประตูที่จู่ๆก็เปิดออกทำเอาร่างโปร่งถึงกับสะดุ้งโหยงและเมื่อหันหน้าไปมองก็ต้องรีบซับเหงื่อ...ในเมื่อคนที่ยืนคาประตูอยู่นั่นคือคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอนัก

โธ่...ท่านเคาท์น่าจะอยู่ที่ห้องทำงานไม่ใช่หรือไง เขาอุตส่าห์แอบเข้ามาในช่วงเวลาที่คิดว่าจะไม่ต้องเจออีกฝ่ายแล้วแท้ๆ...

“ อะไร? เจ้าอ่านหนังสือออกด้วยหรอสเลน?”   นั่นไง...เพราะแบบนี้แหละถึงได้ไม่ค่อยอยากเจอ...

“ ครับ.....”   ร่างโปร่งขยับไปยืนตัวลีบอยู่ข้างชั้นหนังสือ  นัยน์ตาสีมรกตมองไปที่ร่างสูงใหญ่ซึ่งหอบหนังสือเกี่ยวกับไวน์มาเก็บไว้ในชั้น

“ เอ่อ...ผม...หยิบหนังสือพวกนี้ไปอ่านได้ไหมครับ?”   เขาลืมไปว่ายังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านจึงเอ่ยออกไปด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ

“ หึ...หนังสือพวกนี้มันอ่านยากนะ ถ้าเจ้าอ่านได้ก็ตามสบาย”  คำพูดคำจาไม่ได้รักษาน้ำใจเขาเลยแบบนี้มีแต่ต้องปลงแล้วสินะ ถึงจะปวดใจที่อีกฝ่ายยังคงเห็นเขาต่ำชั้นยิ่งกว่ามดปลวกอยู่แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดกั้นหัวใจให้มันชาชินไปเสีย

ใบหน้ามนพยักรับด้วยท่าทางหงอยๆ นัยน์ตาสีฟ้าจึงลอบมองร่างโปร่งบางนั่นโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว....เพราะอันที่จริงก็รู้สึกทึ่งอยู่เล็กน้อยที่สามัญชนอันต่ำต้อยไม่ค่อยมีจะกินนั่นอ่านหนังสือออก เพราะในสมัยนี้นอกจากพวกลูกหลานขุนนางแล้วก็มีเพียงศิลปิน กวีและพวกนักปรัชญาเท่านั้นที่ได้รับการศึกษา ต้องเป็นคนที่ขวนขวายถึงจะอ่านออกเขียนได้ แล้วยิ่งอายุแค่นี้หากอ่านหนังสือในห้องนี่ได้ก็นับว่าไม่ธรรมดา

“ ไปเรียนมาจากที่ไหน?”   ใบหน้าหยิ่งทระนงถามออกไปในขณะที่มือก็หยิบหนังสือเกี่ยวกับไวน์ออกมาอีกเล่ม

“ พ่อสอนครับ....”   อ้อ...เขาลืมไปว่าพ่อของเด็กนี่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่น่าจะต้องอ่านออกเขียนได้

“ งั้นรึ...ถ้าเช่นนั้นถ้าแค่คัดตัวหนังสือเจ้าก็คงทำได้สินะ?”  ใบหน้ามนผงะไปก่อนจะเผลออ้าปากค้างน้อยๆเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะยอมให้ช่วย

“ คิดว่า...น่าจะได้ครับ...”   แต่ก็ตอบออกไปอย่างเจียมตัวเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคาดหวัง ซ้ำเขาเองก็ไม่เคยเขียนหนังสืออย่างจริงๆจังๆ ทั้งๆที่ในใจตอนนี้กำลังดีใจที่ตัวเองพอจะมีประโยชน์

“ หอบนี่ไป แล้วก็ตามมา”   หนังสือเกี่ยวกับไวน์เล่มหนาถูกโยนใส่อ้อมแขนโดยไม่สนใจว่าเขาจะถือไหวไหม แต่ใบหน้ามนกลับยิ้มน้อยๆแล้วหอบมันเดินตามร่างสูงใหญ่ไปยังห้องทำงาน


เพราะไม่มีอุปกรณ์ทันสมัยการคัดลอกบทความเพื่ออ้างอิงในการยื่นเอกสารต่างๆจึงต้องคัดลอกกันด้วยมือจากหน้าสู่หน้าแล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์จะไม่ต้องเสียเวลาออกไปจ้างพวกนักเขียนในการคัดลอกเอกสารแล้ว

มือใหญ่หยิบแผ่นกระดาษที่หมึกยังไม่แห้งดีขึ้นมาดู...ลายมือที่เรียบร้อยสวยงามก็ดูสมกับที่เป็นเด็กนั่นจริงๆ

“ ใช้ได้...หรือเปล่าครับ...?”   นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมามองอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ อืม”  เขาตอบสั้นๆก่อนจะวางกระดาษนั่นลงไปที่เดิม ปล่อยให้ใบหน้ามนเฝ้าสงสัยต่อไปว่าตกลงมันใช้ได้หรือไม่ได้


ไม่อยากให้เด็กนั่นรู้....ว่าตัวเองมีค่า....

จะได้ไม่มีความกล้าที่จะเดินจากที่นี่ไป....


ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...ที่เขาคิดจะเก็บสเลนเอาไว้ข้างๆกายแบบนี้...


“ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ถือเอกสารนั่นแล้วตามเรามา”  เสียงทุ่มเอ่ยสั่งให้ใบหน้ามนได้แต่พยักรับอย่างงงๆ ปึกเอกสารบางๆถูกหยิบติดมือก่อนที่ร่างโปร่งจะก้าวขาตามร่างสูงใหญ่ไป

แล้วใบหน้ามนก็มองรถม้าอย่างแปลกใจ สองขารีบก้าวตามท่านเคาท์ขึ้นไป ไม่นานทิวทัศน์รอบกายก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากปราสาทสีเทาอันน่าเกรงขามลอดผ่านซุ้มประตูของกำแพงสูงเป็นสิบเมตรออกมา ภาพของป้อมปราการและหอคอยใหญ่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีเพียงถนนโรยกรวดและทุ่งใบชาเขียวขจี

นัยน์ตาสีมรกตมองทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่ปราสาทวอร์วิคนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบย่างออกมาภายนอก...ถ้าไม่นับคืนที่ต้องไปงานเลี้ยงคืนนั้น...

ใบหน้าหยิ่งทระนงลอบมองใบหน้ามนของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม...ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองนึกยังไงถึงให้เจ้าเด็กนี่มาด้วย

เพียงแต่...มีหลายครั้งที่เขาเห็นสเลนนั่งเหม่ออยู่ในสวนกุหลาบ...และภาพนั้นมันก็ทำให้เขากลัวขึ้นมา


กลัว...ว่าจะเป็นเหมือนในอดีต...


“ จะไปที่ไหนหรอครับ?”   ใบหน้าที่ดูสดใสสมวัยหันมาถามเขาราวกับเด็กๆ

“ โรงบ่มไวน์”  นัยน์ตาสีมรกตระยิบระยับราวกับกำลังตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายบอก  ใบหน้ามนหันกลับไปมองข้างทางที่ค่อยๆเปลี่ยนจากไร่ใบชากลายเป็นไร่องุ่นไกลสุดลูกหูลูกตา คงจะเป็นเพราะตระกูลครูเทโอเลือกที่จะผลิตแต่ของชั้นสูงมีราคาทั้งใบชาทั้งไวน์แบบนี้ ปราสาทวอร์วิคถึงได้ไม่เคยตกอับ


โรงบ่มไวน์ ตั้งอยู่ไกลออกมาจากปราสาทพอสมควร อาคารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยถังไม้และกลิ่นองุ่นทำให้ใบหน้ามนมองมันด้วยสายตาทึ่งๆ

ร่างโปร่งบางเดินตามร่างสูงใหญ่เข้าไปในอาคารที่ดูเหมือนจะมีการควบคุมอุณหภูมิ อากาศภายในถึงได้ต่างจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัด ผนังที่ปิดทึบทั้งสี่ด้านทำให้มองเห็นทางเดินได้ด้วยแสงไฟสลัวๆ ถังไม้ขนาดใหญ่นอนเรียงรายอยู่สองข้าง ที่ฝาถังมีปีคศ.เขียนติดอยู่ บางถังก็มีอายุมากกว่าเขาเสียอีก

ท่านเคาท์ครูเทโอเดินเข้าไปเช็คจำนวนถังตามรายการปีคศ.ที่เขียนอยู่ในกระดาษ  นัยน์ตาสีมรกตลอบมองใบหน้าหยิ่งที่ดูจริงจังมากเวลาทำงาน ความอคติและความเจ้ายศเจ้าอย่างแทบจะไม่มีให้เห็น ในเมื่อร่างในชุดขุนนางชั้นสูงนั่นก็สามารถพูดคุยกับพวกคนงานได้โดยไม่มีแววตาเหยียดหยามส่งให้แต่อย่างใด มีเพียงอำนาจของความเป็นเจ้าของที่นี่เท่านั้นที่แผ่ออกมาจากร่างกายทำให้ทุกสายตาล้วนมองท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์ด้วยความเคารพและชื่นชม

“ เราจะไปดูโรงบ่มอีกหลัง เจ้าเดินเล่นอยู่แถวนี้ไปก่อนแล้วกัน ตามไปก็ไม่มีประโยชน์”  ใบหน้าหยิ่งทระนงหันมาบอก...ไม่รู้จะดีใจหรือเจ็บใจดีนะที่ตัวเองไร้ประโยชน์จนร่างสูงใหญ่นั่นปล่อยให้นั่งเล่นอยู่ในที่ที่สวยงามแบบนี้

“ ครับ...”   นัยน์ตาสีฟ้าปรายมามองเขาทีหนึ่งก่อนจะเดินไปกับกลุ่มหัวหน้าคนงาน  ปกติหน้าที่ติดตามท่านเคาท์ไปไหนต่อไหนนั้นจะเป็นของหัวหน้าพ่อบ้านแต่เพียงผู้เดียว แต่อาจจะเป็นเพราะชายชราก็แก่ไปมากหมู่นี้ท่านเคาท์จึงไม่ค่อยให้ตามไปไหนนัก

ใบหน้ามนหันมามองไร่องุ่นด้วยแววตาสนุกสนาน ร่างโปร่งเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางแถวของเถาองุ่นสีเขียว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ให้ความรู้สึกที่แสนสดชื่นจนอดที่จะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆไม่ได้

คนงานหญิงที่เก็บองุ่นอยู่หันมามองเขาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ คงจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาจึงยิ้มให้อีกฝ่าย จากที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าจึงยอมหันมาพูดคุยด้วย

“ คงจะเป็นคุณนี่เอง...ที่แมรี่บอกว่าท่านเคาท์เพิ่งรับเข้ามาอยู่ในปราสาท”   แมรี่? อ๋อ...สาวใช้ที่ทำงานอยู่ในปราสาทวอร์วิค...จริงสินะ....เรื่องของเขาเองก็คงจะถูกพูดถึงในหมู่คนงานและชาวบ้านที่อยู่รอบๆปราสาทเหมือนกันสินะ

ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็คงจะรู้...ว่าฐานะของเขาเองก็ไม่ได้เหนือไปกว่าคนอื่นๆหรอก

บางทีอาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ...

ใบหน้ามนยิ้มจางๆให้ก่อนจะหันไปถามเรื่องขององุ่นแทน และเมื่อเห็นว่าเขาสนใจ คนงานหญิงคนนั้นก็อธิบายให้ฟังด้วยความดีใจ

ตั้งแต่สายพันธุ์ขององุ่นที่ปลูกอยู่บนที่ดินของตระกูลครูเทโอซึ่งมีมากกว่า 50 สายพันธุ์ ทุกพันธุ์ล้วนถูกคัดสรรมาอย่างดีเพื่อที่จะเอามาหมักทำไวน์ อธิบายตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งวิธีเก็บผล รวมไปถึงการกลั่นก่อนจะเอาไปบ่มในถังไม้นั่นด้วย

ทุกๆเรื่องล้วนไม่เคยรู้มาก่อนทำให้ใบหน้ามนฟังอย่างตั้งใจและตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่เคยคิดว่ามันช่างอยู่ไกลตัวเขาเสียเหลือเกินอย่างไวน์พวกนี้

ร่างโปร่งเดินดูต้นองุ่นไปพร้อมกับคำอธิบาย จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเพราะความรู้ใหม่เหล่านี้มันช่างน่าสนุก  สองขาก้าวกลับมายืนอยู่หน้าโรงบ่มไวน์พร้อมๆกับคนงานหญิงคนนั้น เก้าอี้ถูกเลื่อนออกให้เขานั่งพัก

เสียงเจื้อยแจ้วยังคงชวนเขาคุยเรื่อย ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับองุ่นและไม่ใช่....


“ เมื่อก่อนตอนที่ท่านหญิงครูเทโอยังอยู่ เธอก็เคยตามท่านเคาท์มาเดินเล่นที่นี่เหมือนกัน เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งอ่อนโยน”   ถึงไม่รู้ว่ามันวกมาเข้าเรื่องนี้ได้ยังไงแต่เขาก็ตั้งใจฟัง...เพราะอันที่จริงก็อยากจะรู้เรื่องของภรรยาของท่านเคาท์อยู่เหมือนกัน...ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่เคยเจอเลยสักหน

“ เฮ้อ...พูดแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้...ท่านหญิงเธอเป็นคนน่าสงสาร...เธอจากไปด้วยความทรมาน....”   จู่ๆเรื่องไม่คาดฝันก็ลอยเข้ามาในหูทำให้ใบหน้ามนหันไปถามคนงานหญิงด้วยสีหน้าชะงักค้าง

“ จากไป?”

“ เอ๊ะ?!...คุณยังไม่ทราบเรื่องนี้หรอ?”   ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกปีกกว้างทำหน้าตกใจราวกับพูดเรื่องไม่สมควรออกไป

“ ไม่ทราบครับ...ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม...”  คนงานหญิงทำหน้าลำบากใจก่อนจะพยายามหลบสายตาของเขา

“ หรือว่าท่านเคาท์จะสั่งไม่ให้พูด......”   เสียงพึมพำดังออกมาจากใบหน้าที่ก้มอยู่  แต่ด้วยความอยากรู้เขาจึงโกหกออกไป ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าท่านเคาท์สั่งคนอื่นๆไว้แบบนั้นหรือเปล่า

“ ท่านเคาท์ไม่ได้สั่งแบบนั้นครับ เพียงแต่ผมไม่มีโอกาสได้ถามใคร”  เพราะแววตาแน่วแน่ที่จะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ของเขา คนงานหญิงจึงยอมเอ่ยออกมาเบาๆ

“ .....อือ....ค่ะ  ท่านหญิงครูเทโอท่านเสียไปแล้ว...ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนได้...จากนั้นมาท่านเคาท์ก็ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีก ไม่ให้ใครเข้าใกล้ ไม่คิดจะผูกสัมพันธ์กับใคร วันๆก็เอาแต่ทำงานอย่างที่เห็น....พวกเราเลยแปลกใจที่ท่านพาคุณมาด้วยในวันนี้”


ภรรยาของท่านเคาท์เสียไปแล้วงั้นหรอ....


คำพูดของคนงานหญิงยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

ตอนนี้คำถามที่ค้างคาใจของเขาตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ที่ปราสาทวอร์วิคว่าสตรีหมายเลขหนึ่งของที่นั่นไปไหนเสียก็ได้รับคำตอบแล้ว


เธอไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว...


ทั้งๆที่คำถามรับคำตอบ แต่ความสงสัยกลับยังทวีคูณ

เพราะคำพูดของคนงานหญิงคนนั้น...ที่บอกว่าท่านจากไปด้วยความทรมาน

มือบางยกขึ้นมาปิดปากอย่างหวาดๆ...หรือจะมีโศกนาฏกรรมอะไรขึ้นในปราสาทโบราณหลังนั้นกันนะ? ดูจากลักษณะของท่านเคาท์แล้วมันก็เป็นไปได้เสียด้วย

ไม่ใช่ว่าถูกขัง ถูกตี ถูกทรมานเหมือนเขาหรอกนะ?

ใบหน้ามนส่ายไปมาอย่างพยายามไล่ความคิดในแง่ร้ายออกไป...ถึงจะเป็นผู้ชายโหดร้ายแต่ก็ไม่ได้จะใจไม้ไส้ระกำ...ละมั้งนะท่านเคาท์น่ะ


“ ดื่มชาก่อนนะคะ...นี่เป็นใบชาของไร่เราเอง รับรองกลิ่นหอมยวนใจรสชาตินุ่มลิ้นแน่ๆค่ะ”  คนงานหญิงถือถาดที่มีแก้วง่ายๆสองใบมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ถึงจะไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายเหมือนตอนอยู่ในปราสาทแต่วัตถุดิบที่มาจากไร่สดๆก็ทำให้ลืมมันไป 

“ อืม...ท่านเคาท์ยังไม่กลับมาสินะคะ อุตส่าห์ว่าจะเอาไวน์สูตรใหม่มาให้ท่านลองชิม”  เขาพยักหน้ารับไปด้วยกระจิตกระใจที่ยังไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว

และก็เพราะมัวแต่ใจลอยถึงเรื่องที่อยู่ในหัว เลยทำให้เผลอหยิบแก้วที่ไม่ใช่ใบชามาจรดริมฝีปากก่อนจะดื่มเข้าไปรวดเดียว

“ คุณ!! นั่นมันไวน์.........”   ............ทำไม...ถึงได้รู้สึกว่าเสียงของคนงานหญิงนั้นช่างอยู่ไกลเสียเหลือเกินกันนะ?....







“ ถ้ามันใช้ไม่ได้ก็เอาไปทิ้งเสีย อย่าให้คุณภาพไวน์ของไร่ครูเทโอตกลงเป็นอันขาด”  ใบหน้าหยิ่งทระนงหันไปกำชับหัวหน้าคนงานที่เดินกลับมาด้วยกัน ที่โรงบ่มอีกโรงดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอุณหภูมิทำให้ไวน์ที่บ่มไว้บางส่วนรสชาติเปลี่ยนไป

มือใหญ่ยกขึ้นโบกไล่คนงานว่าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองเงยขึ้นมองไร่องุ่นที่กำลังฉาบไล้ไปด้วยสีส้ม....เย็นขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย

ร่างสูงใหญ่เดินกลับมาที่หน้าโรงบ่มแรกก่อนจะผงะไปเมื่อเห็นร่างโปร่งบางนั่งซบหน้าอยู่บนโต๊ะ

“ สเลน! เจ้านี่มันไร้มารยาทจริงๆมานอนตรงนี้ได้ยังไง? ถึงเจ้าจะไม่อับอายแต่ก็ควรจะเห็นแก่หน้าเราบ้าง”  มือใหญ่จับลงไปที่ไหล่ของคนที่ยังไม่ยอมตื่น...แล้วไม่ว่าจะเขย่ายังไงก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา


ที่แผ่นอกข้างซ้ายเผลอกระตุกไปวูบหนึ่ง


“ เกิดอะไรขึ้น?!”   เสียงทุ้มตะโกนถามจนคนงานหญิงรีบลนลานออกมาจากข้างโรงบ่มเพื่อที่จะบอกว่า

“ คุณสเลนหยิบแก้วผิดค่ะ เลยดื่มไวน์ที่ตั้งใจจะเอามาให้ท่านเคาท์ชิมเข้าไป.....”


เมา?


ใบหน้าหยิ่งทระนงถอนหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายอยู่บนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว...เป็นคนของปราสาทวอร์วิคที่ขึ้นชื่อเรื่องการส่งออกไวน์แต่กลับเมาไวน์ง่ายๆเนี่ยนะ?...ช่างน่าไม่อายเสียจริงๆ

มือใหญ่หิ้วต้นแขนบางให้ร่างโปร่งลอยขึ้นมาก่อนจะพยุงให้เดินไปยังรถม้า...






แล้วกว่าสติจะกลับคืนมาอีกที...ร่างโปร่งก็ถูกจับเอาไปโยนไว้ในอ่างอาบน้ำลอยตัวของห้องน้ำในปราสาทวอร์วิค

ความเย็นของสายน้ำที่ฉีดพุ่งเข้ามาเต็มใบหน้าอย่างไร้ความปรานีทำให้รู้สึกราวกับจะจมน้ำตายเสียให้ได้ นัยน์ตาสีมรกตที่ปิดอยู่จึงเปิดขึ้นพร้อมกับตะเกียกตะกายหนีให้พ้นสายน้ำอันโหดร้ายนั่น

“ อื้อ?!”   สองมือยกขึ้นมาปัดป้องใบหน้าทั้งๆที่ยังมึนงง แล้วเมื่อสายน้ำหยุดลงจนเห็นหน้าคนกระทำ ไหล่บางก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก


ท่านเคาท์? นี่เขาไปทำอะไรให้โกรธอีกล่ะ?


“ ตื่นแล้วงั้นหรอเจ้าเด็กขี้เมา”  ......ขี้เมา?.....สมองพยายามนึกย้อนไปก่อนที่เขาจะหลับไป...เหมือนจะได้ยินเสียงจากไกลๆของคนงานหญิงว่าเขาหยิบแก้วผิด? จากชาเป็นไวน์?......เขาเมาไวน์งั้นหรอ?

ถึงว่า....ความรู้สึกจี๊ดๆในหัวอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรนี้มันกำลังทำให้ร่างกายของเขาทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่แถมยังมึนจนรู้สึกพะอืดพะอมแปลกๆ

“ ถ้าตื่นแล้วก็จัดการตัวเองซะ มีอย่างที่ไหนต้องให้เราที่เป็นเจ้านายแบกกลับมาเนี่ย”   เขาพยักหน้ารับอย่างมึนๆ คงจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้รู้สึกน้อยใจขึ้นมาแปลกๆ ถึงจะขอบคุณที่อีกฝ่ายแบกเขากลับมาแต่ว่าจะเบามือกับเขาหน่อยไม่ได้หรือไงกันนะ

“ แค่กๆ”  ริมฝีปากสีระเรื่อไอออกไปเพราะยังสำลักน้ำอยู่ มือบางพยายามปาดหยดน้ำบนใบหน้า เสื้อผ้าก็เปียกจนออกไปเดินข้างนอกไม่ได้แล้วมั้งแบบนี้  มือบางจึงแกะกระดุมออกช้าๆ

นัยน์ตาสีฟ้าของคนที่ยืนค้ำอยู่บนหัวเหยียดมองลงมาก่อนจะสะบัดร่างกายสูงใหญ่นั่นเดินออกจากห้องไป

แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูห้อง


โครม!!!!


เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ทำให้สองขาถึงกับชะงัก

“ สเลน?”   ใบหน้าหยิ่งทระนงหันกลับไปก่อนจะเผลอกลืนน้ำลายไปกับภาพตรงหน้า

ร่างโปร่งบางที่เหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกแนบลำตัวนั่งพับเพียบเกาะอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำ...คงจะลุกออกมาแล้วด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังตกค้างอยู่ในร่างกายก็เลยทำให้ทรงตัวไม่อยู่จนล้มลงมานั่งกองอยู่ข้างๆอ่าง...ลำตัวบางเผยผิวพรรณขาวผ่องให้เห็นในเมื่อเสื้อเชิ้ตนั่นถูกปลดกระดุมออกจนหมด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันใบหน้ามนของคนที่ดูเหมือนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในสายตาของคนที่จ้องมองอยู่

ใบหน้าหยิ่งทระนงถึงกับกัดฟันแน่น...ปล่อยไว้แบบนั้นก็คงจะได้นอนตากยุงอยู่ตรงนี้แน่

ร่างสูงใหญ่จึงเดินกลับเข้าไป

แต่สายตาอ้อนๆที่ช้อนขึ้นมามองจากใบหน้าที่แดงระเรื่อมันกลับทำให้ร่างกายของเขาถึงกับนิ่งค้าง กำแพงแห่งความอดทนเหมือนจะกำลังสั่นคลอนจนในที่สุดมันก็พังทลายราบคาบ


เพราะต่อให้ท่านเคาท์แห่งวอร์วิคเชียร์จะเป็นสุภาพบุรุษแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของมนุษย์ไปได้...







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.ไหม๊ถถถถถ




จะ เจอกันตอนหน้าค่ะ ไม่ไหวแล้วถถถถถถถถถถถถ รู้สึกสนุกจนหยุดไม่ได้ อร๊ากกกกกกกกกกกกก วิ่งหลบ F138ที่พุ่งเข้ามาชน > <””




6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2557 เวลา 02:35

    อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยขยยย ค้างค่ะ ค้างงงงงงง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2557 เวลา 05:18

    ค้างค่าาาาาาาาาาาาาาา//อ๊ากกกก
    สารภาพว่าช่วงนี้กดเข้ามาดูทุกวัน//ติดงอมแงม
    รีบมาอัพน้าาา//ไม่ได้เร่งนะตัว (*-*)/

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2557 เวลา 21:42

    เอ๊ยยย ค้างไปปะเนี่ยยยย><

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ14 กันยายน 2557 เวลา 20:44

    รออ่านต่อค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ15 กันยายน 2557 เวลา 16:37

    รอร๊อรอ ' w '

    ตอบลบ
  6. แหวนราคาถูก . . . สะดุดกับคำนี้มากค่ะ ท่านคะ ท่านจะซึนเกินไปแล้วนะคะ!

    ส่วนสเลน ดื่มน้ำผิด ชีวิตเปลี่ยน #เดี๋ยวนะ ;-; โชคดีนะสเลน ท่านเคานต์คงไม่ทำอะไรหรอก(แต่ดูจากประโยคสุดท้ายแล้ว ไม่น่าใช่)

    ตอบลบ