Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 17
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
เราตรวจเจอหัวกระสุนฝังอยู่ในล้อหน้าข้างซ้าย...ดูจากวิถีกระสุนที่ฝังเข้าไปตรงๆชั้นคิดว่าไม่น่าจะเป็นความบังเอิญ...คนยิงตั้งใจจะยิงยางเพื่ออำพรางว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” ใบหน้านิ่งฟังเสียงจากปลายสายโทรศัพท์ด้วยความเงียบงัน
ร่างแข็งแกร่งที่ดูอ่อนแรงของนักขับมือหนึ่งแห่งทีมม้าลำพองนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด...หลังจากส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในแคนาดาแล้ว
ทางทีมแพทย์ก็ลงความเห็นว่าให้กลับมาผ่าตัดใหญ่ที่อิตาลี
พวกเขาจึงบินกลับมาที่โรมแทบจะทันที....
“
พวกนาย...ไปเหยียบเท้าอะไรพวกมาเฟียเข้า? หรือว่าจะเป็นเพราะยามาโมโตะ ทาเคชิ?
ดูเหมือนจะคบกับโกคุเดระอยู่?”
เสียงของเอลวินที่ดังตามสายมาดูท่าว่าจะหนักใจอยู่ไม่ใช่น้อย
ทั้งๆที่ปกติแล้วคนคนนั้นสามารถจัดการจนทุกเรื่องดูง่ายดายไปเสียหมดแต่กับมาเฟียอย่างวองโกเล่แล้วมันต่างออกไป
“
เปล่า...มันน่าจะเป็นเรื่องของพวกชั้นเอง...ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน...”
ใบหน้านิ่งเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบราวกับจิตวิญญาณมันไม่ได้อยู่ในร่าง....ลองคิดๆดูแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวของยามาโมโตะกับคู่อริของมัน
เพราะอย่างหมอนั่นถ้ารู้ว่าจะมีใครสักคนมาแก้แค้นตัวเองด้วยการจะมาเล่นงานเจ้าฮายาโตะละก็...มันคงจัดการไปก่อนที่มือปืนนั่นจะได้มาเสนอหน้าอยู่ในสนามแข่งแน่ๆ...แต่นี่ยามาโมโตะกลับไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่น...ด้วยท่าทางที่ราวกับจะรู้ดีว่ามีศัตรูกำลังจะมาเล่นงานเจ้าฮายาโตะ...
เท่าที่คิดได้ก็คงจะมีแต่เรื่องเมื่อ
10 ปีก่อนและตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าที่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆตัวเขากับเจ้าเด็กในปกครองนั้นเป็นเพราะอะไร
หมอนั่นก็แค่มาทำงานที่ได้รับมอบหมาย....มาทำหน้าที่ของตัวเอง.....
เขาไม่รู้หรอกว่าสำหรับหมอนั่นแล้วคำว่ารักมันเป็นเพียงแค่คำโกหกหลอกลวงหรือเปล่า....แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือในสายตาของวองโกเล่...เขากับเจ้าฮายาโตะ...ก็เป็นเพียงแค่นกต่อที่ใช้ล่อคนบงการเรื่องเมื่อ
10 ปีก่อนให้โผล่หางออกมา...
พวกวองโกเล่ก็แค่หลอกใช้พวกเขา...
ในฐานะพยานที่ยังไงไอ้พวกที่เผาบ้านเด็กกำพร้ามันก็ต้องออกมาเก็บ...และพอพวกนั้นออกมาจัดการพวกเขา...พวกวองโกเล่ค่อยออกมารวบตัวมันไป...
แค่คอยเฝ้าดูเขากับเจ้าฮายาโตะเท่านั้นก็จะจัดการกับคนที่เอาชื่อตัวเองไปใช้ได้แล้ว...ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
แล้วคนที่รับหน้าที่นั้นได้อย่างแนบเนียนจนเขาเองยังเพิ่งจะรู้ตัว...ก็คือยามาโมโตะ
ทาเคชิ...ผู้ชายที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าที่มันมาตามตื้อเด็กในปกครองของเขาก็เพราะรักแต่ความจริงแล้ว...
หึ....แล้วงานของหมอนั่นก็สำเร็จเสร็จสิ้นไปด้วยดี...แลกกับความเชื่อใจที่เด็กในปกครองของเขาให้มันไปจนหมด!
มือแข็งแรงกำแน่นอย่างที่รู้สึกว่าความอึดอัดข้างในมันกำลังจะระเบิดออกมา...แค่คิดว่าหากเจ้าฮายาโตะรู้เรื่องนี้เข้า....
รู้ว่าตัวเองถูกหลอกใช้....จากความรักความไว้วางใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน...
แค่คิด...คนที่เลี้ยงดูเด็กนั่นมากับมืออย่างเขาก็แทบจะทนไม่ได้...ถึงจะไม่มีบ้านหลังใหญ่ให้
ไม่มีความสะดวกสบายอันเลิศหรู....แต่เขาก็ดูแลเด็กคนนั้นมาด้วยชีวิต
แผลเป็นบนแผ่นหลังรู้สึกร้อนจนแทบคลั่ง
สองมือกำแน่นอย่างพยายามระงับความโมโหจนเลือดแทบจะไหลซิบจากปลายเล็บที่จิกลงบนฝ่ามือ
เขาจะไม่อภัยให้มันแน่...ถ้าฮายาโตะเป็นอะไรไป...
ไม่มีวันให้อภัย...ไอ้คนที่เลือกที่จะทำเพื่อวองโกเล่มากกว่าปกป้องเด็กในปกครองของเขาแบบนั้นแน่…
จากที่เคยคิดจะยอมรับกลับชิงชังขึ้นมาทันที...พวกมาเฟียมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด...ไม่เคยเห็นอะไรสำคัญไปกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง
ครอบครัว...หัวใจ...พวกมันไม่เคยมี!!
ถึงจะพูดว่าวองโกเล่ยิ่งใหญ่คับฟ้าอิตาลีแต่เขตที่เป็นฐานบัญชาการจริงๆนั้นอยู่ที่ภาคกลางอย่างแคว้นลาซิโอเสียมากกว่า
โดยเฉพาะที่โรม...เมืองหลวงของอิตาลี....เพราะงั้นต่อให้ BMW สีดำจะขับได้เลวร้ายยังไงหรือแม้แต่พุ่งเข้าไปจอดขวางทางเข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่มีใครกล้าว่าอะไร
ร่างสูงใหญ่พรวดพราดลงมาจากรถก่อนจะวิ่งตรงไปยังทางเดินอันวังเวงของแผนกศัลยกรรม
เพราะเป็นส่วนที่ต้องพิถีพิถันจึงไม่พลุกพล่านเหมือนส่วนอื่นๆ
เสียงรองเท้าหนังที่กระทบพื้นอย่างรีบร้อนจึงดังก้องอย่างชัดเจน
กลิ่นเลือดที่โชยหึ่งออกมาจากเสื้อเชิ้ตสีดำทำให้นางพยาบาลที่เดินสวนมาต่างหันไปมอง
แต่ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณของวองโกเล่ก็ไม่ได้สนใจหรือคิดจะเสียเวลาไปเปลี่ยนมัน....ในเมื่อตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่า....
ใบหน้าคมหันมองประตูห้องผ่าตัดที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า...ทั้งๆที่มาที่นี่ตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแต่กลับไม่มีครั้งไหนที่จะเจ็บปวดที่อกซ้ายเท่าครั้งนี้เลย
เขาเคยเสียลูกน้อง พวกพ้อง
หรือแม้แต่เพื่อนไปจากที่แห่งนี้มาตั้งไม่รู้กี่คนต่อกี่คน...แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่อยากจะยื่นมือออกไปยื้อแย่งลมหายใจของคนเจ็บจากมัจจุราชเอาไว้เท่าครั้งนี้เลย
มัจจุราชที่จะพรากลมหายใจของโกคุเดระไป...
ถ้าฆ่ามันได้
เขาก็คงจะฆ่ามันไปแล้ว!
ฝีเท้าก้าวเร็วๆจนแทบจะกลายเป็นวิ่งโดยที่สองมือยังคงทำได้แค่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว....แล้วเงาร่างที่คุ้นตาของใครบางคนที่นั่งอยู่หน้าห้องก็ทำให้รู้ว่าโกคุเดระอยู่ที่ห้องไหน
“
รีไว...”
เพราะอายุไม่ได้ต่างกันมากนักเขาจึงเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อโดยไม่มีคำนำหน้าใดๆ....ยามที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ใบหน้านิ่งเงยมองร่างสูงใหญ่ของคนมาใหม่
สันกรามกัดกันแน่นอย่างโกรธจัดทันทีที่เห็นหน้ายามาโมโตะ ทาเคชิ
“
แกมาที่นี่ทำไม....กลับไป....”
เสียงเย็นๆที่พยายามสะกดให้นิ่งที่สุดถูกเอ่ยออกไป
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าคมคายอย่างต้องการจะขีดเส้นให้รู้ว่าห้ามก้าวล้ำเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สองและไม่ว่าอีกฝ่ายจะแก้ตัวยังไงเขาก็จะไม่รับฟัง!
จะไม่ยอมให้เข้าใกล้
จะไม่ยอมให้หมอนั่นมาทำร้ายเด็กในปกครองของเขาอีก!
คราวที่แล้วเขาใจอ่อนเกินไป...และมันจะไม่มีคำว่า
“อีกครั้ง” สำหรับยามาโมโตะ ทาเคชิอีก
แต่ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำสนิทกลับยืนนิ่งราวกับคนที่ทำหัวใจหายไป
ใบหน้าคมคายราวกับว่าไม่ได้ยินคำต่อว่าของอีกฝ่ายเพราะมันเอาแต่เหม่อมองเข้าไปในห้องผ่าตัดที่ยังปิดตาย
“
โกคุเดระล่ะ...หมอ...ว่าไงบ้าง...”
ยิ่งใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสั้นสีดำนั่นเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดจะแก้ตัวใดๆมันก็ยิ่งทำให้โทสะที่พยายามจะกดเอาไว้ยิ่งลุกไหม้ไวกว่าเดิม
สองมือของนักขับมือหนึ่งตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายทันที
พลั่ก!!
แผ่นหลังกว้างจะกระแทกเข้ากับผนัง
ทั้งๆที่อีกฝ่ายตัวเล็กกว่าทว่าเรี่ยวแรงนั้นคงต้องบอกว่าสูสี...อีกอย่างร่างสูงใหญ่ก็ไม่คิดจะตอบโต้มาตั้งแต่แรกแล้วด้วย
ถึงใบหน้าคมจะไม่ได้ก้มหลบหน้าอีกฝ่าย
ถึงนัยน์ตาสีเปลือกไม้จะยังคงมองตรงไปที่นัยน์ตาสีขี้เถ้า แต่สองมือที่กำแน่นมาตลอดทางอย่างที่อยากจะระบายใส่อะไรสักอย่างหรือใครสักคนกลับคลายออกทันทีที่อยู่ต่อหน้านักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่
เพราะนัยน์ตาที่โกรธแค้นจากความห่วงใยที่มีให้กับโกคุเดระมากกว่าใครมันทำให้เขายอมรับต่อความผิดโดยไม่คิดจะแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น
เขายอมรับ...ว่าที่โกคุเดระต้องบาดเจ็บมันเป็นเพราะเขาเอง...
เขารู้....ว่าหากเขายังอยู่ข้างๆโกคุเดระ...สักวันเด็กคนนั้นต้องได้แผลเพราะเขาแน่
แต่จะให้เขาทำยังไง....ในเมื่อร่างกายของเขาก็ต้องการหัวใจ
แล้วจะให้เขาอยู่ห่างจากโกคุเดระได้ยังไง....
สำหรับคนเป็นพ่ออย่างรีไวคงจะเห็นว่าเขามันก็เป็นแค่ผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง...แต่เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยออกไป
“
ชั้น...จะอยู่ข้างๆเขา...จะอยู่กับโกคุเดระ...”
“
แก....ฮายาโตะเป็นแบบนี้เพราะแกยังไม่พอใจอีกหรือไง?!
ถ้าเป็นชั้นชั้นจะปกป้องเขา จะไม่ยอมให้คนที่คิดร้ายกับเขาเข้ามาใกล้ๆได้! ถ้าชั้นรู้ชั้นจะฆ่ามัน!
ชั้นจะเลือกคนที่ชั้นรักมากกว่าหน้าที่!!” คำพูดที่ระเบิดออกมาจากคนที่เขย่าคอเสื้อจนแทบขาดมีแต่จะทำให้เพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่พูดอะไรไม่ออก
“...............” ถึงจะไร้ซึ่งคำโต้แย้งแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ไม่หลบหนี
มันยังคงมองตรงไปที่ใบหน้าของรีไวอย่างแน่วแน่และนั่นก็ยิ่งทำให้คนที่ความอดทนไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วยิ่งเดือดดาลไปกันใหญ่
“
ชั้นขอเตือนแกนะ ยามาโมโตะ
ทาเคชิ....ต่อจากนี้ไปห้ามมายุ่งกับฮายาโตะอีก...ไสหัวของแกไปให้ไกลๆ
อย่าได้เหยียบเข้ามาที่มาราเนลโล่อีก....”
ใบหน้านิ่งกัดฟันพูดอย่างที่ไม่เคยโมโหอะไรเท่านี้มาก่อน…ตอนนี้ไม่ว่าอะไรที่จะทำให้หมอนี่เลิกยุ่งกับเด็กในปกครองของเขาได้
เขาก็จะทำ!
“
ถ้าแกไม่ฟังละก็...ต่อให้เป็นวองโกเล่ชั้นก็จะเหยียบพวกแกให้จมดิน จำเอาไว้!” เขาไม่ได้ขู่...ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลีเขาก็ไม่กลัว! มือที่กระชากคอเสื้อเชิ้ตสีดำอยู่ผลักมันออกไปเต็มแรงและทั้งๆที่แผ่นหลังกว้างกระแทกเข้ากับผนังจนเสียงดังลั่นแต่ใบหน้าคมกลับยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของตัวเองอย่างที่ไม่กลัวว่าจะถูกเขาฆ่าตายอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“
ชั้นจะอยู่กับโกคุเดระ...” ใบหน้าคมยังคงมองอีกฝ่ายตรงๆ....ต่อให้โดนฆ่าตายอยู่ตรงนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยมือ...ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันคือการรับผิดชอบเพราะขาก็แค่เลือกที่จะอยู่ใกล้ๆหัวใจของตัวเองก็เท่านั้นเอง
ผลั๊วะ!!!
หมัดหนักๆซัดเข้ามาที่ใบหน้าทันที
กลิ่นเลือดของตัวเองฉุนกึกในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับร่างทั้งร่างที่เซถลาไปตามแรงต่อย
คอเสื้อถูกกระชากขึ้นไปอีกครั้งให้รู้ว่าผู้ปกครองของโกคุเดระนั้นเอาจริง
ทั้งใบหน้าที่โกรธจัด
ทั้งหมัดที่เงื้อขึ้นอีกมันทำให้รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคงจะฆ่าเขาได้แน่ๆถ้ายังไม่ยอมปล่อยโกคุเดระไป
แต่ไม่รู้ทำไม...ใบหน้าถึงไม่ยอมหลบกำปั้นที่กำลังลอยเข้ามานั่น...
ไม่หลบ
ไม่หลีก ไม่หนี...เช่นเดียวกับที่เขาสาบานว่าจะอยู่กับโกคุเดระ ฮายาโตะ ตลอดไป...
“
คุณรีไว! อย่าครับ!!”
แต่แล้วจู่ๆหมัดที่กำลังจะซ้ำลงมาที่เดิมก็ถูกสองแขนบางรั้งเอาไว้...จากคนที่เพิ่งมาถึง
“
ปล่อยชั้นไอ้เด็กเหลือขอ! ชั้นจะกระทืบมันให้ตายอยู่ตรงนี้แหละ!!” ปกติก็เรี่ยวแรงมหาศาลอยู่แล้ว เอเลน
เยเกอร์จึงได้แต่กอดเอวนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่เอาไว้ด้วยความทุลักทะเล
“
ไม่ได้นะครับ! ใจเย็นๆก่อนสิ!”
สองแขนบอบบางพยายามรั้งคนที่จะเข้าไปต่อยคนที่นั่งกองอยู่ที่ผนังอย่างไม่คิดจะต่อสู้...แค่มองดูก็รู้แล้วว่านี่ไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุธรรมดาๆ...ไม่งั้นคุณรีไวคงไม่โกรธจนน่ากลัวขนาดนี้
นัยน์ตาสีมรกตพยายามมองหาตัวช่วย
พอไม่มีโกคุเดระอยู่ด้วยแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามทัพยังไงดี แต่จนแล้วจนรอดทุกการกระทำที่กำลังเกิดอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดก็ต้องหยุดชะงักลงทันที...ที่ประตูห้องค่อยๆเปิดออกมา...
“
หมอ!!”
มือแข็งแรงปล่อยคอเสื้อเชิ้ตสีดำออกก่อนจะหันไปคว้าคอของหมอแทน
ใบหน้าที่ซึมไปด้วยเหงื่อดูอ่อนแรงจากการผ่าตัดที่ยาวนานจนเห็นได้ชัด
“
คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาจากใต้หน้ากากอนามัยทำให้หัวใจที่ร้อนรนทั้งสามดวงผ่อนคลายลงทันที
สองมือที่จับคอเสื้อกราวน์สีขาวค่อยๆทิ้งลงข้างลำตัวอย่างโล่งอก
“
แต่ว่า....”
นัยน์ตาทั้งสามคู่ตวัดกลับมามองหน้าของหมอซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
“
ถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้...แต่คนไข้อาจจะกลับไปขับรถไม่ได้อีก...เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างยังไม่มีอาการตอบสนองใดๆทั้งสิ้นครับ”
แล้วความรู้สึกโล่งใจก็ราวกับจะถูกฉุดลงเหวอีกครั้ง
“
หมายความว่าไงหมอ?!”
คนเป็นผู้ปกครองเข้าไปประชิดตัวหมอส่วนร่างสูงใหญ่ได้แต่ยืนนิ่งราวกับร่างทั้งร่างมันไม่ใช่ของตัวเอง
“
โกคุเดระ ฮายาโตะทนรับการผ่าตัดนานไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ
เราจึงจำเป็นต้องหยุดการผ่าตัด...ถึงเขาจะฟื้นขึ้นมาแต่ขาทั้งสองข้างอาจจะขยับไม่ได้....”
สิ่งที่หมอบอกมีแต่จะทำให้คนทั้งสามได้แต่นิ่งอึ้งไป...เพราะนั่นหมายความว่านักขับมือสองของเฟอร์รารี่จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต
ไม่ต่างอะไรกับนกที่บินไม่ได้....
หมัดหนักๆซัดเข้าไปที่กำแพงอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์ที่ร้อนระอุเอาไว้อีก
ใบหน้าของคนเป็นผู้ปกครองเจ็บปวดไม่แพ้ใบหน้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน
ทำไมเด็กนั่นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมัน....
ไอ้พวกที่เผาบ้านเด็กกำพร้านั่น!!!
ใบหน้าของนักขับมือหนึ่งหันกลับมามองเพชฌฆาตของวองโกเล่ด้วยสายตาราวกับจะฆ่าคนและนั่นก็ทำให้ร่างโปร่งบางขยับเข้ามาขวางอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“
คุณรีไว!” มือบางลากร่างแข็งแกร่งที่คิดว่าจะเข้าไปต่อยยามาโมโตะ
ทาเคชิอีกให้ไปนั่งลงที่ม้านั่งยาวหน้าห้อง
ก่อนจะเดินกลับมาหาร่างสูงใหญ่ที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“
คุณ...กลับไปก่อนดีกว่านะครับ...ผมขอร้องละ...เอาไว้ให้คุณรีไวใจเย็นๆกว่านี้ค่อย......” สองมือพยายามดันร่างสูงใหญ่ให้กลับไปก่อน
“
..........เอเลน........เยเกอร์.......”
แต่มือใหญ่กลับกำแน่นก่อนจะพยายามบังคับมือที่โกรธแค้นนั้นให้ทำแค่ปัดมือของเด็กตรงหน้าออกไป
ใบหน้ามนไม่รู้เลยว่าเสียงทุ้มต่ำที่เรียกชื่อตนออกมานั้นมีความหมายว่ายังไง...ไม่รู้เลยว่าสายตาเคียดแค้นที่ส่งมาให้นั้นมันคืออะไร
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ดำมืดนั่นไปจนลับสายตา
ไม่รู้เลยว่า...เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...มันอาจจะเกี่ยวข้องกับตัวเอง...
สายฝนที่เทลงมาจากฟากฟ้าราวกับกำลังหลั่งน้ำตาให้กับคนที่เดินฝ่ามันไปเรื่อยๆ
น้ำที่ไหลลงมาจากชุดสีดำกลับมีสีแดงอ่อนๆเจือจางอยู่
ฝ่าเท้าก้าวเข้ามายังบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาเสียนานเพราะเขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นบ้าน
คฤหาสน์วองโกเล่…
ร่างสูงใหญ่เดินฝ่าสายฝนไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะแวะเข้าไปยังตึกใหญ่อันเป็นที่อยู่ของท้องนภาผู้โอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เอาไว้
ไม่คิดจะเดินไปตามระเบียงทางเดินเพื่อหลบสายน้ำที่ไหลลงมาจากเบื้องบน
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนกลับมองตรงไปยังตึกเมฆาที่ไม่ค่อยจะมีใครกล้าเหยียบย่างเข้าไปนัก
ถึงแม้ร่างกายจะเย็นเฉียบจากสายฝนแต่คนที่ได้ชื่อว่าเพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่ก็ยังคงก้าวขาต่อไป...ร่างกายที่ขาดหัวใจมันก็ไม่ต่างไปจากซากศพเดินได้...เขาก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน...ตอนที่ยังไม่ได้เจอกับโกคุเดระ...
ประกายเงาวับของคมดาบสะท้อนแสงไฟสลัวๆยิ่งทำให้ดูน่ากลัว
ก้าวย่างที่เชื่องช้าทว่าเย็นเหยียบนั้นราวกับซาตานที่กำลังจะเข้าไปสังหารเหยื่อ...ต่อให้เป็นคนของผู้พิทักษ์แห่งเมฆาก็ไม่กล้าที่จะทัดทานสายฝนอำมหิตของวองโกเล่ในเวลานี้
ลูกน้องของ ฮิบาริ เคียวยะจึงปล่อยให้ร่างสูงใหญ่เดินผ่านเข้าไปได้โดยง่าย
และยิ่งเข้าใกล้คุกใต้ดินมากขึ้นเท่าไหร่จิตสังหารก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น....
ทุกก้าวย่างมีเพียงใบหน้าของคนที่ยังอยู่ในห้องไอซียูลอยวนเวียนอยู่ในหัว…
โกคุเดระ....
ฉันจะไม่ถอยห่างไปจากนาย...ถึงแม้ว่าบาดแผลบนร่างกายของนายจะได้มาเพราะฉันก็ตาม...
ฉันจะไม่ยอมทิ้งหัวใจของฉันไป...เพียงเพราะว่าไม่สามารถปกป้องมันเอาไว้ได้...
ฉันจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร...เพื่อที่จะทำลายคนที่คิดจะทำร้ายนาย...
ฉันจะฆ่ามันให้หมด........คนที่ทำให้นายต้องกลายเป็นแบบนี้.......
ไอสีดำทำให้ลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องต่างถอยให้ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในห้องขัง
ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้านักฆ่าที่ถูกจับกลับมา คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นมีสภาพใกล้จะหมดสติเต็มที
ดูจากสองมือของมันที่ไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ก็พอจะเดาได้ว่าฮิบาริ เคียวยะ
เคยลงมาที่นี่แล้วแน่ๆ หมอนั่นจะไม่ทรมานเหยื่อที่ไม่มีทางสู้
แต่จะหยิบยื่นอาวุธให้แล้วปล่อยให้มันดิ้นรนเอาชีวิตรอด...จากทอนฟาปิศาจคู่นั้น.......มันก็แค่การเล่นสนุกของผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่...
“
มันยอมคายออกมาบ้างหรือยัง” เสียงทุ้มเย็นเยือกเอ่ยถามลูกน้องที่เฝ้าอยู่ในห้อง
“
ยังเลยครับ” ดาบคมกริบในมือใหญ่จึงตวัดออกไปทันที
“
อ๊ากกกกกกก!!!” สติที่ใกล้จะหายไปจึงถูกดึงกลับมาด้วยบาดแผลฉกรรจ์
แขนที่เคยอยู่ติดกับหัวไหล่หลุดกระเด็นออกไปในเสี้ยววินาที
สีแห่งชีวิตสาดย้อมผนังเก่าๆจนกลายเป็นสีแดง
ร่างสูงใหญ่ที่ยังยืนค้ำหัวคนที่ก้มลงไปร้องโอดโอยจ่อปลายดาบลงไปที่แขนอีกข้างอย่างไม่มีความปรานีและไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ
ไม่คิดจะขู่กรรโชกให้มันบอกข้อมูลของคนจ้างวานออกมาแต่แสดงให้มันเห็นไปเลยดีกว่าว่าเขาเอาจริง
“
ยามาโมโตะ!!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อที่ดังอยู่ข้างหลังไม่ได้ทำให้คมดาบลดลงไป
คนที่สั่งให้เขาไปจับตัวมันมากำลังยืนหอบ...สึนะคงจะวิ่งมาเพราะเสียงร้องโหยหวนของมัน
“
หยุดนะยามาโมโตะ!” ถึงแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะอ่อนโยนแต่เพราะอยู่ในห้องใต้ดินมันถึงได้ก้องกังวานจนน่าเกรงขาม
“
อย่าห้ามชั้นสึนะ” คมดาบยังคงชี้ลงไปที่แขนอีกข้างที่เหลืออยู่...เทียบกับขาของโกคุเดระแล้ว...แขนคนที่เอาชีวิตคนอื่นอย่างพวกมันนั้นไม่มีค่าอะไรเลย
ตัวเขาเองก็เช่นกัน...
“
พูดออกมา....ว่าใครเป็นคนจ้างแกมา...คายออกมาให้หมด...ทุกชื่อที่แกรู้...”
แล้วมันก็จะเป็นทุกชื่อที่จะต้องตายด้วยคมดาบนี้...เหมือนกับแก...
“
อย่ายามาโมโตะ...เราจำเป็นต้องเก็บมันไว้เป็นพยาน” คนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิททั้งนายเหนือหัวเอ่ยห้ามอย่างพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพราะบอสของวองโกเล่นั้นรู้ดีว่าตอนนี้ผู้พิทักษ์พิรุณของตนเป็นยังไง...ยามาโมโตะที่มีนัยน์ตามืดมนขนาดนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งที่สอง...ครั้งแรกคือตอนที่ยามาโมโตะเดินเข้ามาบอกกับเขา...ว่าจะขอรับหน้าที่เพชฌฆาตของวองโกเล่เอง
จะเป็นคนจัดการงานสกปรกๆพวกนั้นเอง จากเด็กหนุ่มใจดีที่มีแต่รอยยิ้มร่าเริงกลับพูดออกมาแบบนั้น
นั่นเพราะสูญเสียสิ่งสำคัญที่เรียกว่าหัวใจไปแล้ว...
เคร้ง!!!
เสียงเหล็กปะทะกันทำให้วองโกเล่เดซิโม่หลุดออกมาจากภวังค์
เงาร่างของคนที่ชอบทำให้ปวดหัวแต่ก็มักจะพึ่งพาได้อย่างไม่น่าเชื่อในเวลาแบบนี้ปรากฏอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลไหม้
ดาบที่เคยจ่ออยู่ที่แขนมือสังหารจำต้องยกขึ้นมาปัดป้องทอนฟาที่ฟาดลงไปอย่างไม่มีออมแรง
“
ฮิบาริ”
ใบหน้าคมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเข้ามาขัดขวางตน
ร่างสูงใหญ่จำต้องถอยหลบท่อนเหล็กที่หวดเข้ามาไม่ยั้ง คมดาบที่จะเอาไว้ฆ่ามือสังหารนั่นจึงจำต้องเอามาต่อกรกับทอนฟาคู่นั้นแทน
“
อย่ามายุ่งกับเหยื่อของชั้น” เสียงนิ่งๆของฮิบาริ
เคียวยะเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
บอสของวองโกเล่ตัดสินใจปล่อยให้ผู้พิทักษ์เมฆาตีกับผู้พิทักษ์พิรุณของตัวเองไป
เพราะรู้ดีว่ามันจะทำให้ยามาโมโตะใจเย็นลง
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของท้องนภาอันยิ่งใหญ่เหลือบมองลงไปที่มือสังหารซึ่งกุมแผลที่หัวไหล่ด้วยท่าทางเจ็บปวดจะเป็นจะตาย…หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มีทางยอมแน่ที่จะจับศัตรูมาทรมานเพื่อให้ได้ข้อมูลแบบนี้
แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมามันสั่งสอนให้เขารู้ว่าความใจอ่อนมันใช้กับโลกใบนี้ไม่ได้
“
ไปเรียกหมอมา ยังไงก็ปล่อยให้มันตายไม่ได้”
ใบหน้าเล็กหันไปสั่งลูกน้องก่อนจะเหยียดตามองมือปืนนั่นอีกครั้ง...คราวหน้าคราวหลังถ้าจะรับงานก็หัดดูตาม้าตาเรือหน่อยว่าเป้าหมายน่ะเป็นคนของวองโกเล่หรือเปล่า...
ถึงจะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียูแต่คนเป็นผู้ปกครองก็พาตัวเองออกไปจากที่นี่ไม่ได้
ร่างกายมันหนักจนขยับด้วยตัวเองไม่ไหวนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ถึงได้นั่งอยู่บนม้านั่งยาวตัวเดิม
แผ่นหลังเอนพิงผนังแข็งๆ ใบหน้าเหม่อมองฝ้าเพดานสีขาวด้วยดวงตาเหม่อลอย
ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำใจเรื่องอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อน...ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าพวกเขาทั้งคู่อาจจะตายเพราะแข่งรถได้ทุกนาที...แต่ว่า...มันต้องไม่ใช่เป็นเพราะคนอื่นแบบนี้
“
คุณรีไว...” เสียงของเอเลนเรียกให้เขาหันไปมองกระป๋องน้ำผลไม้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้
“
ดื่มหน่อยนะครับ
คุณไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกลางวัน....คุณเป็นห่วงโกคุเดระแต่ก็อย่าลืมว่าผมก็เป็นห่วงคุณเช่นกัน”
ใบหน้ามนเสหลบไปมองที่อื่นพลางยื่นกระป๋องน้ำมาตรงหน้า
“
อืม...”
มือแข็งแรงยื่นไปรับมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่เลื่อนลอย....ก็ยังดีที่มีเด็กนี่อยู่กับเขา
ไม่งั้นจะอาละวาดแค่ไหนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ร่างโปร่งบางนั่งลงข้างๆร่างแข็งแกร่ง
รอบกายเต็มไปด้วยความเงียบงันเพราะนี่มันก็เข้าสู่ช่วงดึกสงัดแล้ว
บรรยากาศของโรงพยาบาลจึงดูวังเวงขึ้นอีกหลายเท่า
ใบหน้ามนหันมองไปทั่วโถงทางเดินซึ่งไม่มีใครอื่นนั่งอยู่อีก นัยน์ตาสีมรกตเหลือบกลับมามองเสี้ยวใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด...คงจะเป็นห่วงโกคุเดระมากแต่เขาก็อยากให้คุณรีไวได้พักบ้างเหมือนกัน
ริมฝีปากสีระเรื่อจึงเอ่ยชวนออกไป
“
ไปขับรถเล่นกันไหมครับ?”
เพราะถึงจะนั่งอยู่ตรงนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ห้องไอซียูนั้นห้ามเยี่ยม
อีกอย่างถ้าบอกให้ไปนอนตรงๆอย่างคุณรีไวคงไม่ยอมไปแน่
“..........” ใบหน้านิ่งหันมามองอย่างช่างใจ
“
ผมเอารถมา เดี๋ยวผมขับเอง...นะครับ...” เพราะคิดว่าน่าจะต้องใช้รถเขาถึงได้ขับ Alfa romeo ของตัวเองมาจากมาราเนลโล่ ถึงได้มาช้าอย่างที่เห็น
ใบหน้านิ่งพยักลงช้าๆ
ร่างโปร่งบางจึงลุกขึ้นด้วยใบหน้าอมยิ้ม
“
งั้นเดี๋ยวผมไปเอารถก่อน รออยู่นี่นะครับ”
แล้วโถงหน้าห้องไอซียูก็เหลือนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่อยู่ตามลำพัง
ชั่วขณะที่คิดว่าตัวเองคงจะเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าเวลามันเดินผ่านไปจนเด็กนั่นกลับมาแล้ว
แต่เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นสองเสียงทำให้เขารู้ว่ามันไม่น่าจะใช่...คนที่เดินมาไม่ใช่เอเลน...
ใบหน้านิ่งจึงเงยขึ้นไปดูก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าจะชะงักค้างเมื่อเห็นผู้มาเยือนยามวิกาลทั้งคู่...เงาร่างสองร่างที่กำลังเดินเข้ามากลับกลายเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกันตรงๆแบบนี้เลย
เพราะนั่นมัน....วองโกเล่เดซิโม่...ซาวาดะ
สึนะโยชิ.....กับผู้พิทักษ์ที่มีแต่คนบอกว่าแข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่...ฮิบาริ
เคียวยะ...
บอสของวองโกเล่....มาที่นี่ทำไม?
ทั้งๆที่มันเป็นคนสั่งให้ยามาโมโตะปล่อยให้ฮายาโตะถูกเล่นงานเองไม่ใช่หรือไง
จะมาดูว่าตายแล้วหรือยัง?
จะได้ช่วยออกค่าทำศพให้งั้นใช่ไหม?
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปที่ร่างเล็กในสูทสีขาวที่กำลังก้าวขาเข้ามา
ใบหน้าราวกับท้องนภาไม่ได้ทำให้ความโกรธที่สั่งสมอยู่ในใจลดลงไปได้เลย
จากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมีเรี่ยวแรงขึ้นทันทีที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย
เลือดในกายร้อนเป็นไฟยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ร้ายจนแทบจะกลายเป็นสัตว์ป่า
มาให้กระทืบถึงที่นี่ก็ดี!
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่ากำหมัดพร้อมกับพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่คิดจะฟังคำทักทายใดๆทั้งสิ้น...ถ้าไม่ได้ทำให้พวกมันเจ็บเหมือนที่เจ้าฮายาโตะเจ็บ
เขาคงนอนตายตาไม่หลับแน่!
แต่ก่อนที่กำปั้นหนักหน่วงจะได้ไปถึงใบหน้าของคนที่มีท่าทางตกใจ
หัวสีน้ำตาลฟูฟ่องนั่นก็ถูกดึงหงายหลังจนแทบจะโขกกับผนังด้วยมือใหญ่ของคนที่มาด้วยกัน
แล้วประกายของท่อนเหล็กที่ตวัดมาในพริบตาก็ทำให้ร่างกายของเขาถอยหลบโดยอัตโนมัติ
นั่นมันอะไรน่ะ?....ทอนฟา?...
ท่อนเหล็กขนาดสั้นสองอันที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนถูกแนบไว้กับท่อนแขนทั้งสองข้างของฮิบาริ
เคียวยะ
ใบหน้าคมคายนั่นดูมีประกายของความสนุกสนานมากกว่าจะสะทกสะท้านที่จะต้องสู้กับเขา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองไปรอบกายแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่พอจะเอามาเป็นอาวุธได้...ช่างเถอะ....พวกระดับสูงของวองโกเล่เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้พกปืนแต่กลับมีแต่อาวุธระยะประชิดแปลกๆกันทั้งนั้น
หึ...คงจะมั่นใจในตัวเองกันมากเลยสินะ
ก็ดี...เขาจะใช้การต่อสู้ระยะประชิดนี่แหละ...เล่นงานมัน!
นัยน์ตาคมกล้าทั้งสองคู่ต่างจ้องใส่กันไม่ลดละ
ได้ยินเสียงห้ามของวองโกเล่เดซิโม่ตะโกนอยู่ข้างหลังแต่เวลานี้ทั้งเขาทั้งฮิบาริ
เคียวยะคงไม่มีใครคิดจะฟังแน่ๆ
ต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าหากันก่อนที่เขาจะเอี้ยวตัวหลบทอนฟานั่นได้อย่างฉิวเฉียด
ปลายเท้ากะว่าจะตวัดซัดใบหน้าเย็นชานั่นทีเผลอแต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะฮิบาริ
เคียวยะก็หลบได้เช่นกัน
โครม!!
ม้านั่งยาวที่เขานั่งมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะรับความหนักหน่วงของทอนฟาที่อัดลงไปไม่ไหว
ท่อนขาหวดเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายแต่มันก็ทำได้แค่ตวัดโดนปลายผมสีดำ
ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำโดนอาวุธของอีกคนและนั่นมันก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่าพวกระดับสูงของวองโกเล่นั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หากที่นี่ไม่ใช่ในโรงพยาบาลมันคงจะเป็นการต่อสู้ที่น่าดูมากทีเดียว
แต่เพราะไม่ใช่สถานที่ที่จะมาสู้กันได้ ในขณะที่ท่อนขากำลังจะแลกกับทอนฟาอีกครั้ง....ประกายไฟบริสุทธิ์สีส้มใสก็สว่างวาบขึ้นมาอยู่ระหว่างใบหน้าของเขากับฮิบาริ
เคียวยะ
แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันคงร้อนจนหลอมได้แม้แต่เหล็กกล้า....
มันเป็นไฟที่ถูกปล่อยออกมาจากถุงมือของวองโกเล่เดซิโม่....
“
หยุดก่อนเถอะครับ...ทั้งคุณฮิบาริแล้วก็คุณรีไว...ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้กับคุณ”
รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของวองโกเล่เดซิโม่ทำให้เขาได้แต่มองด้วยความตื่นตะลึง...เคยได้ยินมาอยู่บ้างเหมือนกันว่าท้องนภาแห่งวองโกเล่นั้นมีอาวุธอยู่ที่เปลวไฟบริสุทธิ์ซึ่งสามารถเผาทุกอย่างได้ภายในพริบตา...แล้วตอนนี้มันก็อยู่ตรงหน้าเขา
ท่อนขาลดลงพร้อมๆกับทอนฟาในมือของฮิบาริ
เคียวยะที่ถูกเก็บไปด้วยใบหน้าหงุดหงิด
ร่างสง่าในสูทสีดำเดินหน้าหงิกไปยืนกอดอกอยู่ที่หน้าต่างบานที่ไกลออกไปอย่างไม่คิดจะร่วมวงสนทนาด้วย
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงตวัดกลับมามองร่างเล็กในสูทสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า...จะมาไม้ไหนกัน?
“
ผมอยากมาเยี่ยมโกคุเดระคุง...แล้วก็...อยากจะมาขอโทษคุณครับ...คุณรีไว...ผมขอโทษ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าได้แต่เบิกกว้างกับการกระทำของอีกฝ่ายที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน...
ไม่คิด....ว่าบอสของมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี...จะกำลังก้มหัวขอโทษเขาอยู่ในตอนนี้...
“
ผมยอมรับว่าการตัดสินใจของผมมันผิดต่อโกคุเดระคุงและผิดต่อคุณจนไม่น่าให้อภัย...ผมยอมรับว่าที่ทำไปก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงและผลประโยชน์ของวองโกเล่เอง...อยากจะจับคนร้ายให้ได้เพราะเกรงว่าชื่อของวองโกเล่จะถูกเอาไปใช้ทำอะไรไม่ดีอีก...ถึงมันจะเป็นแบบนั้นแต่คุณรู้ไหมว่าพวกเราจริงจังกับคดีนี้มากกว่าทุกๆคดีทีผ่านมา...นั่นก็เพราะว่าด้วยส่วนลึกในใจพวกเราไม่อยากให้มีใครต้องตกเป็นเหยื่ออย่างบ้านเด็กกำพร้านั่นอีก...”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงตาที่แสดงออกซึ่งความจริงใจหรือเป็นเพราะคนระดับบอสของวองโกเล่ยอมมาขอโทษด้วยตัวเองกันแน่นะถึงทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวในใจเบาบางลงไปจนยอมรับฟังอีกฝ่าย
“
ก็แล้วทำไม...ถึงไม่ใช่อิทธิพลกดดันตำรวจให้สืบคดีนี้ให้...แทนที่จะมาไล่จับเองแบบนี้...อย่างพวกแกน่ะอำนาจมืดมีล้นมืออยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“
ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ...เพราะคดีนี้คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นพวกนักการเมืองและคนของรัฐบาล
เราจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้...การที่วองโกเล่จะไปงัดข้อกับคนพวกนั้นจำเป็นจะต้องมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน
ต้องวางแผนให้รอบคอบเพื่อให้พวกมันดิ้นไม่หลุดแล้วกลับมาแว้งกัดพวกเราไม่ได้” คำตอบที่บอสของวองโกเล่พูดมาใช่ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
เพราะยามาโมโตะก็เคยบอกเขาแบบนี้เหมือนกัน
เพียงแต่เขาไม่คิดว่าจะต้องรัดกุมกันขนาดนี้...แสดงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องใหญ่น่าดู
“........ใคร....เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้........” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแววอาฆาตเอ่ยถามวองโกเล่เดซิโม่....จากตอนแรกที่เขาคิดว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันอีก
จะปล่อยให้อดีตนั้นผ่านไปแล้วใช้ชีวิตที่อุตส่าห์หนีรอดมาได้นี้ในโลกที่สดใสเสียที....ทว่า...หากพวกมันยังไม่คิดจะหยุด...ยังตามจองล้างจองผลาญเขาแบบนี้
คำว่าให้อภัยก็จะไม่มีอีกต่อไป....
“
ยามาโมโตะน่าจะเคยบอกคุณแล้ว ว่าเท่าที่เรารู้มาพวกนั้นเป็นนักการเมืองและคนของรัฐบาลที่เคยดูแลแคว้นเวเนโตเมื่อ
10 ปีก่อน และตอนนี้เราก็กำลังง้างปากนักฆ่าที่ถูกส่งมายิงยางรถโกคุเดระคุงอยู่ครับ....คราวนี้...ยังไงก็ต้องได้ชื่อของคนบงการออกมาแน่นอน”
ใบหน้าที่ปรับกลับไปเรียบเฉยนั้นดูแตกต่างจากท้องนภาในเวลาปกติ
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ในเวลาแบบนี้นั้นมันช่างทรงอำนาจและทำให้เชื่อได้จริงๆว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามที่พูดออกมา
จนแม้แต่คนที่ไม่เคยไว้ใจใคร
ไม่เคยเชื่อใครง่ายๆอย่างเขา กลับพยักหน้ารับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
นี่สินะ...Blood of Vongola…
“
อีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณให้ได้นั่นก็คือเรื่องของยามาโมโตะ....ถึงมันจะดูเหมือนเขาทำไปตามหน้าที่
แต่ที่จริงแล้วเขารับงานนี้ไปทำด้วยความต้องการของเขาเอง
เขารักและอยากปกป้องโกคุเดระคุงจากใจจริง...ผมคิดว่า...คุณเองก็น่าจะรู้ดี”
“
...............”
เขาเลือกที่จะนิ่งเงียบแทนที่จะแสดงความเห็นอะไรออกไป....บางที....คนที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้คงไม่ใช่เขาแล้วละ
ขึ้นอยู่กับเจ้าฮายาโตะ...ว่าจะยอมให้อภัยหมอนั่นหรือเปล่า
ถึงแม้ว่าเขาอยากจะยุยงให้ขับไล่ไสส่งไอ้หมีวายร้ายนั่นไปให้พ้นๆหน้านักก็เถอะนะ
ร่างในชุดสูทสีขาวเดินตามร่างในชุดสูทสีดำออกไปจากโถงหน้าห้องผ่าตัดเมื่อได้ปรับความเข้าใจกับนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่เรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าราวกับท้องนภาหันมองไปด้านข้างเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับไปมองทางข้างหน้าเช่นเดิม
รอยยิ้มที่ริมฝีปากฉายขึ้นบางๆอย่างรู้ทันว่าตลอดบทสนทนาของเขากับรีไว...มีใครบางคนแอบฟังอยู่....
แผ่นหลังบางไม่กล้าขยับออกไปจากผนังที่ใช้กำบังร่างกาย....เอเลน
เยเกอร์กลับมาได้สักพักแล้วเพียงแต่ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป....
คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันน้อยๆอย่างกังวลไปกับบทสนทนาที่ได้ยินอยู่เมื่อครู่
ได้แต่ภาวนาจากหัวใจ...ว่าพ่อของเขาจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้...
เพราะดูจากความโกรธแค้นที่คุณรีไวมีต่อคนที่ทำให้โกคุเดระต้องเป็นแบบนั้น....มันมากมายจนเขาอดที่จะกลัวไม่ได้....
สายลมแผ่วเบาที่ปะทะเข้ามายังใบหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่ากำลังนั่งอยู่บนรถเปิดประทุน
อัลฟ่าโรเมโอสีขาววิ่งไปตามถนนที่มีเพียงแสงไฟฉาบไล้โดยแทบจะไม่มีรถคันอื่นสวนมาเลยสักคันเพราะมันเป็นเวลาแห่งการนิทราไปนานแล้ว
ใบหน้ามนของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆพลางยิ้มออกมา...คุณรีไวหลับไปแล้ว....
คงจะเหนื่อยมากจริงๆถึงได้เผลอหลับไปบนรถของเขาแบบนี้...ทั้งๆที่ปกติแล้วคุณรีไวจะไม่เคยให้เขาขับรถให้
ไม่เคยห่างจากพวงมาลัยหากต้องนั่งอยู่บนรถ....ราวกับใครๆก็ขับไม่ได้ดั่งใจหรือไม่ก็ไม่เคยไว้ใจคนอื่น
รถสีขาวยังคงแล่นไปช้าๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายลมหรือเพราะคำพูดของวองโกเล่เดซิโม่กันแน่นะที่ทำให้คุณรีไวดูจะใจเย็นลงแบบนี้...แต่ที่แน่ๆเป็นเพราะรู้ว่าโกคุเดระปลอดภัยและคงจะลืมตาขึ้นมามองพวกเขาในอีกไม่ช้า....ถึงแม้ว่าที่ขาจะ........ก็ตาม
ใบหน้ามนถอนหายใจที่เต็มไปด้วยความกังวลนั่นทิ้งไป...ไม่ได้ๆ...เขาจะมามัวเศร้า
มัวจิตตกไม่ได้...เพราะคนที่ต้องคอยปลอบประโลมคอยประคับประคองคุณรีไวในช่วงที่แย่ๆแบบนี้ก็คือเขาเอง
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าที่ยังหลับใหล...มันแปลกประหลาดแต่เขากลับดีใจที่อีกฝ่ายยอมแสดงด้านที่อ่อนแอให้เขาเห็นแบบนี้...เพราะนั่นมันหมายความว่าเขาน่าจะดีพอที่จะอยู่ข้างๆคุณรีไวในทุกเวลาได้...
ใบหน้ามนละกลับไปมองถนนตามเดิม...สถาปัตยกรรมเรเนซองส์ที่ก่อด้วยอิฐและกระเบื้องหลังคาสีส้มสะท้อนแสงไฟทำให้ยามค่ำคืนแบบนี้เมืองหลวงของอิตาลีก็ยังคงให้ความรู้สึกที่แสนโรแมนติก
โรมยังคงเป็นเมืองที่สวยงามไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
วองโกเล่เกือบทั้งตอน5555
อ่านะ เผื่อจะนึกหน้ามหาบุรุษเหล่านี้ไม่ออก
แปะรูปแนะนำตัวซักหน่อยสำหรับคนที่ไม่เคยอ่านรีบอร์นมาก่อน
เรียงจากซ้ายไปขวาเลยนะคะ อิเนียน(ยามาโมโตะ ทาเคชิ) ทูน่า(ซาวาดะ สึนะโยชิ/วองโกเล่เดซิโม่) คุณฮิ(ฮิบาริ เคียวยะ) สัปป้า(โรคุโด มุคุโร่) อันที่จริงยังมีผู้พิทักษ์อีกสองคนแต่ไม่ค่อยจะได้กล่าวถึงในเรื่องนี้
ข้ามไปแบ้วกัน (โดนเขาวัวขวิด)
เห็นแบบนี้แบ้วคิดถึงจริงๆ
งุ้งงิ้งๆ >w< อันนี้เป็นภาพจาก Vongola77 ลายเส้นอ.อามาโนะขราเอง
ร้ากกกกก อ.ที่สุด >3<
แล้วก็...ก่อนจะไปปั่นที่เหลือต่อ
แปะภาพหลักฐานการออกทะเล(?)ซักหน่อย555
สี่หนุ่มแห่ง GLIDE ใน Ferrari California ค่ะ อิอิ >////< ต้องสลับตำแหน่งเล็กน้อยเพราะหัวด๋อยใหญ่ไปนั่งเบาะหน้าไม่ได้ *ทรุด* โอยยยย เห็นแบ้วอยากได้ด๋อยก๊กกับด๋อยยามะ.................
ก็เลยว่าจะโมด๋อยเองค่ะ
รอชิ้นส่วนอยู่ ถถถถถถถ ยิ้มนรกไม่ทำ ตรูทำของตรูเองก็ได้ฟ๊ะ 5555
ถ้าไม่ง่อยไปซะก่อนจะเอามาให้ดูนะคะ >v<
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
เริ่มต้นพาร์ทนี้มาบอกตรงๆว่าเค้าตีกันเองในหัวยุ่งเบยค่ะ ใจนึงก็อยากมองในมุมยามะให้กว้างๆ(?)เพราะตัวยามะเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วความคิดความอ่านก็จะต้องเป็นในมุมผู้ใหญ่ที่เหมือนจะยอมรับว่าแท้จริงแล้วโลกมันโหดร้าย แต่อีกใจก็โดนท่านท่อนขาประโคมใส่ไฟ(?)ให้ขับไล่ไสส่งยามะออกไปเพียงเพราะทุกอย่างมันก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกใช้ หลอกเอาหัวใจทั้งหนูก๊กทั้งคนอ่านนนนน #อย่าเพิ่งแหกโค้งตั้งแต่ย่อหน้าแรกจะได้มั้ยยยยฟฟฟฟฟ แต่มันก็จริงที่ ถ้าหากยามะเลือกที่จะไม่ปล่อยให้หนูก๊กเป็นนกต่อ มันก็คงไม่ต้องมาจบที่โรงพยาบาลแบบนี้ ไม่ต้องจบที่หมอออกมาบอกว่าหนูก๊กจะเดินไม่ได้ TT อ๊ากกกกกกกก พออ่านแล้วเพ้อเจ้อวกวนไปมาเองก็ขนลุกกับคำว่าโชคชะตามากๆเลยค่ะกวางซามะ เรื่องนี้ทุกอย่างมันถูกโชคชะตากำหนดมาจริงๆ โฮรกกกกกกก
ตอบลบมันเหมือนกับว่าโชคชะตาที่โหดร้ายเมื่อสิบปีที่แล้วมันยังไม่จบ โชคชะตายังไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ไป รีไวยอมทุ่มทั้งชีวิตเพื่อยื้อหนูก๊กเอาไว้ ช่วยหนูก๊กจากเหตุไฟไหม้เอาไว้ ช่วยเอาไว้โดยที่หนูก๊กไม่บาดเจ็บอะไร และพอคิดแบบนั้นเค้าก็ยิ่งขนลุกเลยค่ะ เพราะเหมือนพอรอดมาครั้งนึงแล้วโชคชะตาถึงได้เพิ่มพูนส่วนที่ต้องเอาจากหนูก๊กมากขึ้น ฮืออออออออออ เพ้อเจ้อเองไปถึงดาวลูกไก่เลยค่ะ อ๊ากกกกกกก พลอตเรื่องนี้มันสุดยอดจริงๆนะคะกวางซามะ มันยังกับสิบปีที่ผ่านมาโชคชะตาเพียงแค่หลบไปคอยมองดูการดิ้นรนของรีไวและหนูก๊ก รอคอยเวลาที่จะช่วงชิงเอาลมหายใจของหนูก๊กอยู่ตลอด ฮืออออออออออออ ตอนนี้โชคชะตากลับมาเอาขาของหนูก๊กไป แม้จะไม่ได้ลมหายใจแต่การเดินไม่ได้ ขับรถไม่ได้ ก็เกือบจะเทียบเท่าตายทั้งเป็น ปวดใจจจจจจจจ ถ้าทุกอย่างจะจบโดยที่ทั้ง4คนได้มีความสุขจริงๆก็คงดีมากๆเลยค่ะ TT
ฉากที่ยามะวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องไอซียูและปะทะกับรีไว เป็นอีกฉากสะเทือนใจที่กวางซามะทำเค้าอัดอั้นมากๆๆ ฮืออออ บีบหัวใจมาก แต่ก็เค้าก็ยังชอบบบบฟิคกวางซามะมากๆๆๆ ฮืออ ชอบที่เห็นยามะเป็นแบบนี้(?)ด้วย เพชฌฆาตที่รู้ว่าตัวเองก็มีหัวใจ เพชฌฆาตที่ตอนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อได้หัวใจคืนกลับมา เอาแต่พูดว่าจะไม่ไปไหนจะอยู่กับโกคุเดระ คือเค้าโฮกมากกกกกกกกกกกกกก โฮกมากจริงๆๆนะคะ ไม่รู้จะบรรยายฟีลนี้ยังไงให้เป็นภาษาคนจริงๆ เค้ารักคู่นี้มากๆๆฮืออออ ชอบท่านท่อนขาด้วย ฟีลอารมณ์ของท่านท่อนขาเป็นอะไรที่ตอบแทนแฟนคลับหนูก๊ก(?)มาก #เดี๋ยวๆ ถถถถถถ แต่มันใช่ฟีลที่เค้ารู้สึกกับยามะตอนนี้มากๆๆจริงจังง่ะ คือสองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรกเลยแม้แต่น้อย เป็นแค่คนที่โดนหางเลขจนต้องไปใช้ชีวิตแบบดิ่งลงเหวเพียงเพราะขัดขืนการถูกเอาชีวิตจากโชคชะตาไปเมื่อสิบปีก่อนแค่นั้น และทั้งๆที่ทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น แต่โชคชะตาก็วกยังกลับมาเล่นตลกอีกกก ทำไมมันดราม่าแบบเน้แงงงงงงงง และแถมพออ่านถึงฉากที่เอเลนเข้ามาห้ามจนเจอสายตาเครียดแค้นของยามะเข้าไปก็ยิ่งเห็นภาพสี่คนนี้ถูกโยงด้วยเส้นด้ายแห่งโชคชะตาพันกันมั่วไปหมดจนยากที่จะหลุดพ้น ถถถถถถถ เพ้อเจ้อต่อเองจนคลั่งจริงๆนะคะกวางซามะ แต่เรื่องนี้นางเอกเด็ก(?)ทั้งคู่เค้าน่าสงสารทั้งคู่เลยจริงๆอ้ะ ทั้งคู่แทบจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยแท้ หนูก๊กนี่โดนทั้งเกือบโดนเผาตาย ทั้งรถคว่ำเดินไม่ได้ ส่วนเอเลนก็ต้องมากลายเป็นคนที่ต้องมารับความเครียดแค้นทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนทำอะไรเลย โดนร่างแหเพียงเพราะเป็นลูกชายของคนที่ทำ อ๊ากกกกกกกกกกกก ลงไปหกกบบบบ!! #จะทำเพื่อออออออออออออถถถถถถถถ
จริงๆตั้งแต่พาร์ทที่แล้วแล้วที่รู้สึกว่าคนร้ายที่ถูกส่งไปให้ฮิบารินั้นสาสม(?)กว่าคนที่ถูกยามะฟัดคอขาดเยอะเบย ถถถถถถ มันได้ฟีลว่าการถูกส่งไปให้ฮิบาริมันนรกกว่าการถูกฆ่าตายซะอีก 555555 #โดนทอนฟาประเคนเข้าเบ้าตา แล้วก็พาร์ทนี้ทำให้เค้าคิดถึงวองโกเล่มากๆๆๆเลยค่ะกวางซามะ คิดถึงมากจริงๆๆนะ ยิ่งเห็นหนูก๊กเป็นแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึงจนแอบไปคว้ารัตติกาลไม่หวนกลับมาอ่านอีกแบ้ววว ต้องเปิดเรื่องสิ่งที่เรียกว่าหัวใจอ่านอีกรอบแบบจัดหนักเบยยยฟฟฟฟฟฟฟ ชีวิตหลังอ่านสองตอนนี้ติดแล้วมันต้องการการปลอบขวัญญญญญญ แงงงงงงง
ลบและพาร์ทนี้ก็ยังมีจุดเติมเต็มให้เค้าด้วยยยยย คือแม้จะไม่ได้ฟินในการอ่านรอบแรก(?)เพราะจิตใจมันอ่อนล้า(?)มากกับหนูก๊ก ถถถถถถถ #เก๊าเป็นพวกเวอร์ที่สุดในสามโลกนะคะ แต่หลังจากที่ไปเยียวยา(?)ด้วยฟิคเก่าๆของกวางซามะมา พาร์ทนี้ก็มีเรื่องที่ในที่สุดเค้าก็ถูกเติมเต็มมมมมมมมม โฮรกกกกกกกกกกกก อะไรคือการที่ท่อนขาปะทะทอนฟาาาาา โฮวกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ทนมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คือชอบมากกกกกกก ฟินมากกกกกก จะแข่งกันหล่อไปไหนนนนน ท่านฮิคงติดใจการปะทะครั้งนี้จนต้องแอบมาขอดวลบ่อยๆ(?)แน่ๆ
และทูน่าาาาาาาาาการโผล่มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอสาวให้พ่อตาขาโหด(?)ยอมสงบนี่บันซายยยยยมากกกกกกกกก #นอนตายตั้งแต่คำว่าเถ้าแก่(?)เพราะโดนเอ็กซ์เบิร์นเนอร์(?) สึนะบอกช่วยกรุณาอย่าแหกโค้งบ่อยครับ55555 สึนะเค้ามาช่วยพูดให้เรื่องมันกระจ่างขึ้น การที่บอสออกมาพูดเองมันก็มีน้ำหนักแบบนี้ล่ะนะ อีกอย่างโลกที่ข้องเกี่ยวกับมาเฟียมันก็โหดร้ายแบบนี้ จะให้ไม่มีเรื่องสูญเสียก็คงจะไม่ใช่วงการนี้ TT คิดถึงเรื่องนี้ชะมัดเลยค่ะกวางซาม้า
ขอพักหัวใจกับการตื่นแต่เช้าตรู่มาสครีมกับฟิคกวางซามะ ตอนนี้หนูก๊กดราม่าแล้วต่อไปก็ต้องเตรียมดราม่าหนูเลนสินะสินะสินะสินะสินะ ฮืออออ ทุกอย่างใกล้จะได้รู้กันแล้วแน่ๆแบบนี้ ท่านท่อนขาจะทำยังไงนะ กลัวใจพ่อคุณชะมัดยากเลย TT คุณท่านไม่เหมือนยามะที่ต่อให้ตายก็จะยื้อแย่งหัวใจของตัวเองเอาไว้ รักแบบที่ต้องได้มา ชอบแนวคิดนี้ของกวางซามะมากๆๆๆเพราะมันใช่มากๆๆๆ แต่เพราะคุณรีไวดันเตี้ย(?)สูงวัย(?)แล้วยังจะมาทำเป็นรักแล้วเสียสละอีก #สภาพบ่าวตอนนี้คือเข้าเฝือกทั้งตัว(?)นอนเตียงข้างหนูก๊กแล้วววจะกระทืบส่วนไหนอีกค๊าถถถถถถถ
ฮือออ ขออภัยที่เค้ามาช้ามากๆ อาทิตย์ที่แล้วก็โดนโปะตาเป็นโจรสลัดไปหมองดให้จ้องคอมนาน สรุปเลยลงแดงไปอีกอาทิตย์ เพราะงั้นอาทิตย์นี้เค้าจะไม่ยอมเลยตื่นมาอ่านแต่เช้าเบยยยย ขนาดตื่นแต่เช้ามันยังเม้นท์น้ำได้แค่สองตอน TT แต่เค้าจะตามสครีมให้ทันคนแต่ง(?)แน่นอนนะคะ ฮือออออ #ชีวิตอนาถอ่านไม่ทันคนแต่งฟฟฟฟฟฟ
ปล. เค้าโฮกรูปครอบครัว(?)นั่งรถมากกกกกกกกกกกกกกกกจริงจังงงงงง ซีพียูเพื่อนข้างๆที่ว่างยังเหลือไหมมมมฟฟฟฟ คือเค้าดีใจที่ตัวเองซื้อแคลิฟอร์เนีย(?)มาเล่นตามกวางซามะจริงๆ ฮือออออออออออ รู้สึกรักรถคันนี้มากๆๆเพราะกวางซามะเลย เอาไว้เค้าจะเอามาถ่ายเล่นให้เสื่อม(?)บ้าง
ความโกรธของรีไวล์ทำเอาเรากลัวเลยค่ะ
ตอบลบนี่ขนาดลงมือกับยามะเพืือระบายอารมณ์ไปแล้วทีนึงยังแทบลดระดับความโกรธไม่ได้เลย
แต่เป็นใครที่ไหนก็โกรธ
รีไวล์ดูแลก๊กมาได้ตั้งนานหลายปีอย่างมีสวัสดิภาพ
แต่วันดีคืนดีก๊กก็ต้องประสบเหตุเพราะคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิต
แถมเหตุนั้นทำให้ก๊กต้องอยู่รับความทรมานใจไปทั้งชีวิตเลยนะถ้าขารักษาไม่หาย
แล้วตกใจมากฉากท่านฮิปะทะรีไวล์
คือไม่คิดว่าในเรื่องนี้จะถูกจับมาฟาดฟันกันจริงๆ
นี่ขนาดในโรงพยาบาลยังดุเดือดขนาดนี้
ถ้าเป็นลานกว้างล่ะก้อ...คิดว่าคงไม่ตา่งกับระเบิดลง
ถ้าสึนะไม่มาปรามไว้โรงบาลอาจพังไปแล้วก็เป็นได้
แต่รีไวล์คงโกรธจัดมากจริงๆ
สึนะถึงกับต้องเข้าไฮเปอร์โหมดเพื่อให้ท่านยอมฟัง
แถมยังวางแผนซับซ้อนเพื่อล่าตัวคนร้ายอีก
สมกับเป็นมหารานี(!)แห่งวองโกเล่จริงๆ
ก๊กของแม่! รีบตื่นขึ้นมานะลูก ตาเนียนและผปค.รออยู่ / ฉากนี้รู้สึกอินกับความรู้สึกขุ่นพ่อ เข้าใจยามะ เอ็นดูเอเลนและแอบสงสารเอเลนล่วงหน้า และสะใจฉากตัดแขน! ฮึ่ม! มันน่านัก!! / กลับมาอ่านต่อแล้วนะคะพี่กวาง คิดถึงมากก ทั้งเรื่องนี้และคนเขียนด้วย คอมเมนท์อาจจะสั้น แต่ความรักนี้ยาวนะคะ ♡♡♡
ตอบลบ