Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] TERRORIST!!!
: Eins
:
Attack on Titan Fanfiction Au
:
Levi x Eren
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง
เป็นเหตุการณ์สมมติ ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ใดๆนะค้า
ฝีเท้ามากมายวิ่งกระทบพื้นถนนที่กำลังร้อนระอุ
ฟังจากเสียงที่แตกต่างจากรองเท้าทั่วไปประกอบกับความพร้อมเพรียงในการวิ่งก็พอจะรู้แล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้ถูกฝึกฝนมาอย่างดี
“
หลบไป!! ใครที่ไม่เกี่ยวข้องขอให้ออกไปจากพื้นที่โดยไว!”
เสียงตะโกนก้องดังอยู่ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คน
แล้วไม่นานถนนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายก็ถูกยึดโดยรถทหารจำนวนมาก
ชายชาตรีในชุดสีเขียวกระโดดลงมาจากรถพร้อมด้วยอาวุธสงครามครบมือ
กระสุนถูกสาดขึ้นฟ้าเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า
ใจกลางเมืองหลวงของประเทศนี้...กำลังมีรัฐประหาร!
“
โทรทัศน์...วิทยุ...ถูกปิดเรียบร้อย
ตอนนี้สื่อที่ยังไม่ถูกปิดกั้นคืออินเตอร์เนตอย่างเดียวครับ”
วิทยุทหารเงยหน้าขึ้นมาจากเครื่องมือสื่อสารเพื่อรายงานสถานการณ์ต่อผู้บังคับบัญชา
ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำสนิทพยักหน้ารับรู้ก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าจะเฝ้ามองไปยังปลายถนนอีกด้าน...จุดนี้เป็นจุดที่อันตรายที่สุดเพราะยังมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง
และหากการทำรัฐประหารของทหารทั้งสามเหล่าทัพสำเร็จมันอาจจะกลายเป็นจลาจลจากกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับพวกนั้น
เพราะงั้น...หน่วยของเขาถึงต้องมาเฝ้าอยู่ที่นี่
“
รัฐประหารสำเร็จแล้วครับหัวหน้า”
วิทยุทหารถอดหูฟังออกข้างหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอก
ใบหน้าที่ดูอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลาพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากด้วยนัยน์ตาจริงจัง
“
บอกให้หน่วยรีไวเตรียมตัว...ถ้าใครมันกล้าก่อจลาจล...ยิงหัวมันทิ้งซะ”
เพราะหน่วยรีไวคือชื่อที่เข้าใจตรงกันในหมู่ทหาร
ว่าเป็นหน่วยที่ถูกฝึกมารับมือกับจลาจลและการก่อการร้ายโดยเฉพาะ
ทหารในกองนี้ล้วนฝีมือดีและมีความโหดที่ไม่เหมือนใคร ไร้ความปรานี
มีหัวใจที่เด็ดเดี่ยว...เรียกว่าต่อให้มีความวุ่นวายขนาดไหน
หากหน่วยนี้ไปถึงทุกอย่างมันก็จะจบลงทันที
แต่ก็ไม่เคยบอกนะว่าจะจบลงด้วยดีโดยไม่มีการนองเลือด...
รถจีปทหารวิ่งวนสังเกตการณ์อยู่รอบๆจุดที่ยังมีการประท้วง
แต่ดูเหมือนพวกนั้นยังไม่ทำอะไรที่เข้าข่ายจลาจล
พวกเขาจึงยังใช้กำลังบุกเข้าไปจัดการตอนนี้ไม่ได้
น่ารำคาญจริงๆ...
นัยน์ตารีขวางจ้องเขม็งไปที่เต้นท์กว่าครึ่งร้อยด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
สงสัยว่าพวกนั้นก็คงจะรู้ละมั้งว่าถูกหน่วยของเขาเฝ้าอยู่...ถ้าลุกฮือขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็...ตายเมื่อนั้น
“
หัวหน้าครับ! ประกาศเคอร์ฟิล 4ทุ่มถึงตี 5 ครับ!” จีปทหารอีกคันวิ่งมาประกบข้างก่อนที่นายทหารจะตะโกนบอก
ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วกอดอกจ้องเขม็งไปที่พื้นที่ประท้วงต่อไป
โฮ่ย...รีบๆกลับบ้านไม่งั้นก็ต่อต้านกันได้แล้ว...กระสุนในเอ็ม16ที่วางอยู่ข้างๆตัวชั้นมันรอเจาะสมองพวกแกอยู่
รู้ไว้ซะ!
ความสับสนอลหม่านของผู้คนที่ต่างก็เร่งรีบกลับบ้านหลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิลค่อยๆบางตาขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้จะได้เวลาตามที่กำหนด
ถนนหนทางที่เคยคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์มากมายแม้ว่าดึกดื่นแค่ไหนกลายเป็นถนนว่างโล่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และเมื่อถึง
4 ทุ่มตรง ทุกอย่างก็สงบลงในทันที
ไม่มีใครออกจากบ้าน...ร้านสะดวกซื้อที่เคยเปิด
24 ชั่วโมงก็ให้ความร่วมมือด้วยดี
ทำให้ในตอนนี้เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยแสงสีจึงไม่ต่างอะไรไปจากเมืองร้างเลยสักนิด
แต่จะบอกว่ามันสงบซะทีเดียวก็อาจจะไม่ใช่...
เพราะหน่วยรีไวเองนั่นแหละ...ที่กำลังส่งเสียงดังกว่าใคร...
“
ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอะไรนั่น!! ไอ้รถแท็กซี่คันนั้นมันทิ้งผมไว้กลางทางเพราะมันกลัวว่าจะกลับบ้านมันไม่ทัน
ผมเลยต้องมาเดินกลับบ้านเองอยู่นี่ไง!” เสียงเถียงฉอดๆดังมาจากในเต้นท์ทหารที่ถูกกางเอาไว้สำหรับดูแลความสงบตามจุดต่างๆจนคนที่เพิ่งกระโดดลงจากรถจีปทหารถึงกับหันไปมอง
ใครมันกล้ามาเถียงทหารของหน่วยรีไวแบบนี้?
ไม่กลัวตายเลยหรือไงเจ้าเด็กนั่น?
“
เกิดอะไรขึ้น?”
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้าไปในเต้นท์ก่อนจะประสานสายตากับใบหน้ามนที่เงยขึ้นมามอง...นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวทำให้เขาสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย
เป็นดวงตาที่ดีเลยนี่...
“
ก็เจ้าเด็กนี่น่ะสิครับ
เลยเวลาเคอร์ฟิลมาแล้วแต่ยังมาเดินดุ่มๆอยู่บนถนนใกล้ๆค่ายพักทหารของหน่วยเรา
ก็เลยสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายจะมาแอบวางระเบิดหรือเปล่า”
ร่างแข็งแกร่งขยับเข้าไปใกล้ๆร่างโปร่งบางที่อยู่ในชุดนักเรียนก่อนที่ปลายคางมนจะถูกบีบให้เงยหน้าขึ้นมาด้วยมือหยาบกระด้างเพราะวันๆก็ถือแต่ปืน
“
โฮ่ย...แกชื่ออะไรไอ้เด็กเหลือขอ?”
ขนาดโดนเขาใช้ท่าทางข่มขู่ขนาดนี้
เจ้าเด็กนี่มันยังไม่สั่นเลยแม้แต่น้อย...จะว่าไม่เคยกลัวอะไรหรือไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนดีล่ะ...
“
เอเลน เยเกอร์ครับ! เป็นแค่เด็กนักเรียนอายุ 15ปี!! คุณเป็นหัวหน้าทหารพวกนี้ใช่ไหม?
บอกเค้าปล่อยผมกลับบ้านได้แล้ว ผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอะไรนั่นซักหน่อย!”
โฮ่...กล้าสั่งแม้แต่หัวหน้าทหารยศพันเอกแบบเขาเลยหรอเจ้าเด็กนี่? ว่าแต่นามสกุลนั่นรู้สึกคุ้นหูยังไงชอบกล?
“
ค้นตัวมันหรือยัง?”
เขาสะบัดปลายคางมนจนเด็กนั่นได้แต่ทำหน้าบูด
ก่อนจะหันไปถามทหารที่จับเด็กนี่มา
“
ยังเลยครับ...ผมกลัวว่ามันจะไม่ปลอดภัยถ้าไม่มีหน่วยเก็บกู้ระเบิดอยู่ด้วย....”
นัยน์ตาขี้รำคาญหันไปมองของที่ติดตัวเด็กนี่มา...ก็มีแค่กระเป๋านักเรียนใบเดียวเองไม่ใช่หรือไง
“
ปล่อยมัน” คำสั่งสั้นๆถูกเอ่ยออกไปให้ทหารที่เฝ้าอยู่ในเต้นท์ได้แต่ทำหน้าตกใจ
“
แต่ว่าหัวหน้าครับ...”
“
ชั้นบอกให้ปล่อยมัน...เพราะว่าชั้น...จะเป็นคนค้นตัวมันเอง....”
ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปากทำเอาคำค้านหายไปพร้อมๆกับน้ำลายที่กลืนแทบไม่ลงคอของเหล่าทหาร
จะมีก็แต่ร่างโปร่งบางที่ยังนั่งงงเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“
เอ่อครับ...เอ..แต่หัวหน้ากำลังจะออกเวรแล้วนี่ครับ?”
“
ไม่เป็นไร พวกนายเฝ้าที่นี่ต่อไปแล้วกัน ส่วนเจ้าเด็กนี่เดี๋ยวชั้นจัดการเอง” มือคว้าข้อมือผอมแห้งก่อนจะกระชากให้ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมาแล้วลากให้เดินตามไปด้วยกัน
“
จะพาผมไปไหนน่ะ? นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านของผมนี่?!”
ริมฝีปากช่างเจรจาโวยวายขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าทางที่ถูกลากไปนั้นแทนที่จะเป็นถนนใหญ่กลับกลายเป็นทางเข้าของตึกสูงตึกหนึ่งแทน
“
นี่!! ปล่อยผมนะ!! ผมจะกลับบ้าน!!” ข้อมือบางพยายามสะบัดมือที่แข็งแรงดั่งคีมเหล็ก
ใบหน้ามนยังคงตะโกนออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของพวกรัฐประหารอย่างคนตรงหน้านี่แหละที่ทำให้เขาต้องมาติดแหง่กกลับบ้านไม่ได้
แล้วยังจะมาหาว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายอะไรนั่นอีก บ้าจริง!
ริมฝีปากสีระเรื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะมองไปที่ท้ายทอยไถเกรียนของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
ถึงจะตัวเตี้ยกว่าเขาแต่ทำไมถึงได้แข็งแรงขนาดนี้นะ
พยายามสะบัดข้อมือเท่าไหร่ก็ไม่หลุดซักที
และเมื่อฝ่าเท้าเหยียบลงไปบนพื้นกระเบื้องข้างในอาคาร
นัยน์ตาสีมรกตก็เบิกขึ้นน้อยๆเมื่อตึกที่คิดว่ามันเป็นแค่อาคารออฟฟิศธรรมดาๆแต่บัดนี้ที่โถงชั้นหนึ่งมันกลายเป็นค่ายพักทหารไปแล้ว
พื้นที่ที่เคยว่างโล่งกลับมีทหารหลายสิบคนนอนเรียงกันอยู่
แล้วยังมีกระเป๋าอีกหลายร้อยใบที่ยังไม่มีใครกลับมานอนวางรออยู่อีก บริเวณคอร์ตซึ่งมีแสงแดดส่องลงมาถึงก็ถูกขึงด้วยเชือกง่ายๆกลายเป็นราวตากผ้าซึ่งมีแต่ชุดสีเขียวพาดเต็มไปหมด
การใช้ชีวิตแบบง่ายๆตามประสาลูกผู้ชายทำให้เขารู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย
คนพวกนี้คือรั้วของชาติ คือชายชาติทหารที่ละทิ้งซึ่งความสบายส่วนตัวแล้วใช้กำลังทั้งหมดของตัวเองเพื่อปกป้องประชาชน
เพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก
สุดยอดเลยแหะ...
หรือว่าเขาก็ควรจะ....
แกร่ก...
เสียงเปิดประตูห้องทำให้เขาละจากความคิดของตัวเองออกมามองคนตรงหน้าที่กำลังเปิดประตูห้องห้องหนึ่งเข้าไป
มันน่าจะเคยเป็นห้องเก็บของมาก่อนเพราะเขาเห็นผ้าใบสีเขียวขึงปิดอีกครึ่งหนึ่งของห้องเอาไว้
ทำให้ห้องทั้งห้องเหลืออยู่แค่โต๊ะกับเก้าอี้ชุดเดียว...อ้อ...แล้วก็กระเป๋าทหารที่คงจะเป็นของชายตรงหน้า
แสดงว่าคนคนนี้คงจะมียศสูงน่าดู
ไม่งั้นคงไม่มีห้องพักส่วนตัวแยกออกมาขนาดนี้...ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่...
เขาถูกเหวี่ยงให้นั่งลงบนเก้าอี้
นัยน์ตาราวกับปีศาจร้ายนั่นข่มขู่ว่าถ้าคิดจะหนี...ตาย!...อะไรแบบนั้นมันจ้องมาที่เขาแว่บหนึ่งก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเดินไปที่กองสัมภาระของตัวเอง
ปืนที่เอาไว้ใช้ในสงครามถูกวางพิงไว้กับผนังก่อนที่ชายคนนั้นจะถอดเสื้อออก
กล้ามเนื้อที่เข้ารูปสวยงามนั้นดูแข็งแกร่งสมชายชาตรีจนแม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายด้วยกันเห็นแล้วยังหน้าร้อนเป็นไฟ
จากที่จ้องตามว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเป็นต้องก้มลงมามองที่พื้นด้วยความอายแทน
“
กระเป๋า” คำสั่งสั้นๆถูกเอ่ยออกมาใกล้ๆ
เขาจึงเงยหน้าพรวดขึ้นไปเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเสื้อยืดตัวในของทหารเรียบร้อยแล้ว
“
เอากระเป๋าของแกมา”
เพราะมัวแต่จ้องอีกฝ่ายจึงเพิ่งรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าสั่งอะไร
มือรีบเลื่อนกระเป๋านักเรียนไปให้...อยากค้นอะไรก็ค้นไป...เขาก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆ
ทั้งหน้ากระดาษของหนังสือและสมุดในนั้นถูกเปิดดูอย่างละเอียดเพราะกลัวว่ามันจะมีโค้ดทางทหารอะไรซ่อนอยู่...แต่ก็ดูเหมือนมันจะเป็นแค่ตำราเรียนธรรมดาๆ...มือแข็งแรงโยนหนังสือเล่มสุดท้ายลงไปข้างโต๊ะก่อนจะสอดมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วรื้อค้นมันจนแม้แต่ขอบตะเข็บ
แต่ก็ไม่พบอะไร...
นัยน์ตาขี้รำคาญย้ายมาจับจ้องที่ลำตัวโปร่งบางซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า...ก็เหลือที่สุดท้ายที่จะต้องค้น...
“
ลุกขึ้นยืน” คำสั่งง่ายๆถูกเอ่ยออกไป
แต่ก็ดูเหมือนเจ้าเด็กตรงหน้าจะฟังไม่เข้าใจ
“
เอ๋? ยืน?”
แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอดทนสั่งอะไรซ้ำสองได้ มือจึงจับลงไปที่ต้นแขนผอมบางแล้วกระชากมันขึ้นมา
“
เดี๋ยว?! คุณจะทำอะไรน่ะ?!!” พูดไปก็เสียเวลา
สองมือจึงตรงเข้าถอดเสื้อผ้าของเด็กนั่นโดยไม่สนใจท่าทางต่อต้านของอีกฝ่าย...แต่มันก็น่ารำคาญ...เพราะงั้น...
กริ๊ก....
กุญแจมือล็อคเข้าไปที่ข้อมือบางข้างหนึ่งก่อนจะล่ามมันเอาไว้กับขาโต๊ะ
ใบหน้ามนถึงกับตกตะลึง นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง
“
นี่!! คุณจะทำอะไร?! ปล่อยผมนะ!!” ถึงแม้ร่างโปร่งบางจะต่อต้านหนักกว่าเดิม
แต่เพราะมือข้างหนึ่งถูกล่ามเอาไว้จึงทำอะไรไม่ได้นัก...แล้วไม่นาน...การค้นตัวก็จบลงที่เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกโยนไปกองอยู่บนพื้น....
ตึง...
เพราะไม่ได้นุ่มนวลด้วย
เมื่อพลิกร่างกายบางให้นอนหงายกับโต๊ะมันถึงได้เกิดเสียงดังขึ้น
ฝ่ามือข้างเดียวที่เหลืออยู่ยังคงพยายามต่อต้าน
ริมฝีปากน่ารำคาญนั่นก็ยังตะโกนไม่หยุด...แบบนี้เดี๋ยวไอ้พวกข้างนอกก็ตื่นกันหมดพอดี...มันรบกวนการพักผ่อนนะ
เนคไทที่กองอยู่ที่พื้นจึงถูกหยิบขึ้นมาก่อนจะวางทาบลงไปที่ริมฝีปากช่างเจรจา
จากนั้นจึงมีแค่เสียงอื้อๆเท่านั้นที่หลุดรอดออกมา
ฝ่ามือหยาบกร้านวางลงไปบนลำตัวบางเพื่อจับจับดูว่าเจ้าเด็กนี่ซุกซ่อนอะไรไว้ในร่างกายหรือเปล่า...เพราะผู้ก่อการร้ายสมัยนี้มันใช้
“ตัวเอง” นั่นแหละเป็นภาชนะสำหรับขนอาวุธสงครามอย่างพวก...ระเบิด
แต่ก็ดูเหมือนผิวเนื้อเนียนนุ่มนี่จะไม่มีสิ่งผิดปกติปกปิดอยู่ภายในอย่างที่คิด...
ฝ่ามือวางลงไปบนแผ่นอกบางๆอีกครั้งหลังจากสำรวจโดยถี่ถ้วนไปแล้วรอบหนึ่ง
ก่อนจะลากไล้ลงมาตามแนวซี่โครงจนถึงหน้าท้องแบนเรียบ....นี่คือร่างกายของเด็กอายุ
15
อย่างงั้นหรอ?...ทั้งๆที่เขาก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนแต่กลับไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันเคยเป็นแบบนี้
“
อื้อ!!!” เสียงอื้อๆทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบขึ้นไปมองใบหน้ามนที่ยังไม่ยอมแพ้
ต่อให้จะกลัวจนตัวสั่นเหมือนลูกนก ต่อให้น้ำตาจะปริ่มอยู่ที่ขอบตา
แต่เจ้าเด็กนี่กลับยังขัดขืนไม่เลิก
ฝ่ามือลากลงไปยังต้นขาขาวด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก....ยังเหลืออีกที่...ที่จะสามารถซุกซ่อนอาวุธได้อยู่...
สองมือพลิกร่างสั่นระริกให้นอนคว่ำไปกับพื้นโต๊ะ
หัวสีน้ำตาลหันมามองด้วยนัยน์ตาสั่นระริก เสียงอื้อๆดังมากขึ้นเมื่อเขายกสะโพกมนขึ้นก่อนที่จะ...
สอดปลายนิ้วเข้าไป...ในช่องทางคับแน่นด้านหลัง...
“
อื้อ!!!!!!!!!” น้ำตาร่วงกราวลงไปบนพื้นโต๊ะ
ยิ่งเขากวาดนิ้ววนอยู่ในนั้นเท่าไหร่ เจ้าเด็กตรงหน้าก็ทำท่าราวกับจะตายให้ได้
ยังบริสุทธิ์อยู่สินะ...
นิ้วทั้งสองที่ถูกส่งเข้าไปสำรวจภายในช่องทางที่รัดแน่นถูกดึงออกมา
ผ้าสะอาดถูกเช็ดที่ปลายนิ้วก่อนที่นัยน์ตาจะไล่มองไปยังร่างที่นอนคว่ำอยู่บนโต๊ะ
กลัวจนสลบไปเลยหรือไง?
ร่างแข็งแกร่งชะโงกตัวไปดูพลางยกมือขึ้นเกลี่ยไล้เส้นผมสีน้ำตาลให้ออกไปจากใบหน้า...สลบไปแล้วจริงๆด้วย...
เขาจับจ้องแพขนตาที่ชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำอย่างรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ
เด็กนี่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย...ไม่ได้ซุกซ่อนอะไรไว้ในร่างกาย...เขาเข้าใจผิดไปเอง
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูทำให้หันไปมอง
มือหยิบเสื้อนอกทหารมาคลุมร่างที่ยังไม่ได้สติเอาไว้
“
มีอะไร?” เมื่อประตูเปิดออกไปนัยน์ตาก็มองเห็นใบหน้าลุกลี้ลุกลนของทหารที่เป็นคนจับตัวเด็กนั่นมา
“
คือว่าหัวหน้า...เมื่อกี้มีวิทยุทหารส่งมา...ว่านายพลคริชา เยเกอร์กำลังตามหาลูกชายที่ยังกลับไม่ถึงบ้าน...ถ้าใครเจอ.......เอ่อ.........”
เขาปิดประตูลงก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ยังสลบไสล...
เด็กนั่นเป็นลูกชายของผู้บังคับบัญชาการทหารอากาศอย่างงั้นหรอ?
เป็นเพราะอยู่คนละเหล่าทัพจึงเพิ่งจะนึกออกว่า “เยเกอร์” คือนามสกุลของผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดคนนั้น
ร่างแข็งแกร่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้...
ไม่ได้เสียใจหรอกที่ทำแบบนี้ลงไป...
แต่มันกลับกลายเป็นความโล่งใจมากกว่า....
ทำไมกันนะ?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
อึก....นี่ตรูทำอัลไลลงไป...มันชั่ววูบมากกกกกค่ะ
โฮววววววววววววว TvT
ก็นะ...นานๆทีก็ขออินเทรนด์(?)กับเค้าซักที
กร๊ากกกกก (ปล.อย่ามาการเมืองอัลไลกับคุณกวางนะคะ ตรูเป็นแค่โอตาคุค่ะ
สนใจแค่ลูกชายเท่านั้น สีอะไรตรูไม่รู้เรื่อง)
ขอออกนอกอ่าวเปลี่ยนบรรยากาศนิดดดดนึง
คือนั่งเขียนตอนจบของพราวมาราวๆสองอาทิตย์แล้วค่ะ แต่ทำไมมันไม่เสร็จซักทีว้า TT[ ]TT กราบขอประทานอภัยจริงๆค่ะ ฮือออออออ ก็อยากจะแต่งให้จบไวๆอยู่หรอกนะ TT^TT
ส่วนฟิคเรื่องนี้ก็พอๆกับฟิคสดอ่ะนะ
ไม่ได้เน้นอะไรมาก สนองนีดตัวเองอย่างเดียวเลย555 ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค้า
^ ^
สวัสดีค่ะคุณกวาง เพิ่งจะเข้ามาเม้นท์เป็นครั้งแรกค่ะอิอิ ตั้งแต่ตามอ่านฟิคคู่ รีไวล์เอเลนของคุณกวางมา สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ
ตอบลบเรื่อง ภายในห้อง..ที่แสงส่องไม่ถึง เป็นเรื่องแรกที่อ่านค่ะ ช่วงนั้นกำลังเห่อคู่นี้มาก ปกติในมังงะก็จิ้นกันระเบิดเถิดเทิงอยู่แล้ว พอเจอฟิคของคุณกวาง เอเลนเป็นเด็กสถาปัตยฯและท่านเฮย์โจวเป็นวิญญาณรอเอเลนอยู่ในปราสาท ทั้งซึ้งทั้งน่ารัก เศร้า ซึ้ง ทำเอาฟินไปล้านรอบ นอนตายอย่างสงบ เลยค่ะ รู้สึกว่าอ่านแล้วเหมือนเป็นเนื้อเรื่องจริงยังไงยังงั้นเลยค่ะ ภาษาที่ใช้ก็เพราะมาก ตอนนึงก็อ่านยาวจุใจ..แบบว่า เจอขุมทรัพย์ที่เฝ้าตามหามานาน......เรายังรอความหวังรีปริ้นท์ฟิคเล่มนี้อยู่นะคะ ปิ๊งๆ ตอนพิเศษของเรื่องนี้ก็ยิ่งน่ารักขึ้นไปอีกล้านเท่าเลยค่ะ
เรื่องถัดมาก็เป็น Glide เรื่องนี้ก็ออกแนวกุ๊กกิ๊กของสองคู่ที่แข่งกันหวานแล้วหวานอีก และเริ่มมีแววดราม่าตอนหลังๆซะด้วยสิ แต่อ่านแล้วก็ปลื้มอยู่ดีค่ะ เฮย์โจวเป็นนักขับเฟอรารี่ เท่สุดๆเลยค่ะ>,< เอเลนก็น่าร้ากกก คู่ยามะกับโกคุก็ดาร์คซึนกันได้โล่จริงๆ
ต่อมาก็ SantyClaus is coming to town ถึงแม้ว่ามันจะออกมามึนๆแต่เราก็ยังรอตอนต่ออยู่นะค๊าาา
BiOS : another story B เรื่องนี้แบบซอมบี้น่ารักและเซะซี่เกินไปแร้วววววว บาดใจคนอ่านเหลือเกิน
พราว....เรื่องนี้ดาเมจรุนแรงมากค่ะ ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นประโยคได้จริงๆ บอกได้คำเดียวว่า ฟินมากกกกกกกก ตอนที่สี่มีแอบเล่นมุก ทำเอาร้อง ฮื้มมมม กันเลยทีเดียว
รอตอนจบอยู่นะคะ -w-b
beLIEve เรื่องนี้ก็เป็นความน่ารักของ ไรเนอร์พี่ใหญ่ของรุ่น กับหมาน้อยเอเลน ดาเมจตั้งแต่ชื่อเรื่อง ฮรืออ เห็นใจไรเนอร์ขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าตอนจบของฟิคเรื่องนี้จะเป็นยังไง เอเลนจะให้อภัยไรเนอร์มั้ยนะ หรือว่าจะพลิคล๊อคเปลี่ยนสมการไปหาเฮย์โจวเหมือนเดิมกันนะ เหอๆๆ (//โดนตบ)....ไม่ว่าคุณกวางจะแต่งคู่ไหนมา เราก็จะตามอ่านทุกคู่เลยค่ะ เอเลนเคะ บันไซ TwT
ส่วนเรื่องสุดท้าย ณ ปัจจุบัน....ถูกใจมากที่สุดเลยค่าาาาา (โดนเตะ) อ่านตอนต้นๆแล้วถึงกับขำก้าก เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ที่สุดเลยค่ะ อ่านฟิคนี้แล้วเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดที่อยู่ในใจเล็กๆ มันใช่เลยค่ะ!! แบบว่าถ้าโดนค้นตัวแบบนี้ก็..แหม่ๆๆๆ เฮย์โจวร้ายไม่ใช่เล่นนะเนี่ยยย(เหมือนจะโหดกว่านี้เป็นเรื่องปกติ//ผัวะ =3=) อารมณ์เหมือนเป็นตัวแทนทหารที่ออกมายืนตรวจตราตอนกลางคืน...เค้าคงจะคิดแบบนี้สินะ....
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้คุณกวางโชคดี สุขภาพแข็งแรง สรรค์สร้างฟิคมาให้เราอ่านอีกนะคะ
คอยเป็นกำลังใจและติดตามอ่านเสมอค่ะ m(_ _)m
พี่ครับ.................= =
ตอบลบเรื่องเก่าล่ะก้าบบบบบบบ ไหดองใหม่มาแล้ว
จะดีใจรึเสียงใจดีล่ะเนี่ย กระซิกๆ
ช่างเป็นการค้นตัวที่ถึงใจยิ่งนัก ล้วงสอดได้อะหึๆๆๆๆๆๆๆ
คือสารภาพว่าเปิดมาแล้วขำกร๊ากเลยค่ะ5555
ตอบลบไม่นึกจริงๆว่าจะมาแนวนี้ ก็อ่านต่อ ยิ่งอ่านมันยิ่งใช่ นี่คือเรียลมากๆ!
ว่าแต่เฮย์โจวเนี่ย ไม่ได้กลัวเกรงอำนาจท่านนายพลเลยใช่มั้ย ไปกระทำลูกชายเขาเนี่ย! เอเลนน่าสงสาร น่าโดนรังแกมากๆลูกกกกกกกก
คุณกวางตัดได้ค้างมาก คือชักสงสัย ว่าจะโล่งใจอะไรนักคะ!? >_<
เกาะติดสถานะการมากค่ะ 55555555 ถ้าทหารจะหล่อเท่และดิบขนาดนี้ประชาชนจะไม่ทน 5555
ตอบลบพี่ท่านโหดมาก “ บอกให้หน่วยรีไวเตรียมตัว...ถ้าใครมันกล้าก่อจลาจล...ยิงหัวมันทิ้งซะ”
เป็นประโยคโหดๆ แต่ให้ความรู้สึกเท่และตลกในคราวเดียวกัน ไม่รู้ทำไม 5555
เอเลนลูก เปิดตัวแบบไม่คาดฝัน แล้วย้ำว่าตัวเองเป็นเด็กนักเรียนอายุ 15 ปีนี้คืออะไร
ตีความหมายได้สองอย่าง ว่าจะย้ำว่าตัวเองอายุแค่นี้ไม่มีทางเป็นผู้ก่อการร้ายไปได้
หรือจะย้ำให้ใครบางคนตระหนักถึงอายุกันค่ะ -..-
แต่ถึงจะย้ำไปก็ถูก ล่วงละเมิด(?) พรากผู้เยาว์(?) อยู่ดี หัวหน้าทหารมือไวใจเร็วมาก กรี๊ดดดด
ความรู้สึกตอนอ่านพารากราฟแรก ไม่รู้ทำไมเมทถึงได้นึกถึงบรรยากาศของ Guilty crown ฟฟฟฟฟ
ตอบลบอาจจะเป็นเพราะเอเลนกับชูเสียงคนพากย์คนเดียวกัน แล้วเรื่องนั้นก็ตีมประมาณนี้ล่ะมั้งคะ เลยทำให้นึกถึงเรื่องนั้นซะได้ อีกอย่างทหารของเราก็ไม่โหดเหมือนรีไวด้วย กร๊ากกกกกกกก (แต่ความหล่ออาจจะมีสูสี)
ว่าแต่ ถ้าเมทเป็นรีไวเมทไม่โล่งอกนะคะ 5555555 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดกองทัพอากาศเชียวนะนาย ทั้งล้วงทั้งควักทำให้ตกใจขนาดนั้น ถ้าเค้าแล่นกลับไปฟ้องพ่อ (ซึ่งก็น่าจะทำแน่) แล้วพ่อเค้าเอาเรื่องขึ้นมาล่ะก็ คุกทหารรออยู่ไม่ไกลเลยนะเฮ้ย ฟฟฟฟฟฟ
แต่ไม่แน่ค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีเอเลนอาจจะใจเด็ดเกินกว่าจะฟ้องพ่อ หรือบางทีคุณพ่อรู้เรื่องแล้วอาจจะจับแต่งงานกันแทน กร๊ากกกกกกก ตอนจบจะเป็นยังไงน้า อยากรู้จัง ไปอ่านดีกว่า แล้วเจอกันในคอมเม้นท์ตอนหน้าค่ะ ฟฟฟฟฟ
ช่วงที่ผ่านมาเค้าค่อนข้างจิตตกกับชีวิตที่เครียดๆเรื่องงาน
ตอบลบแถมยังต้องคอยระวังเรื่องการประกาศของทางXXX(?)ด้วยอีกว่าจะประกาศให้ตูทำอะไร(?)อีก
จะเคอร์ฟิวกี่ยามถึงกี่ยาม จะสั่งปิดอะไรให้ตูลำบากเกือบต้องเดินกลับบ้าน(?)อีก
เพราะงั้นเค้าเลยหมดแรงจนไม่มีสติเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้ในช่วงเวลานั้นเลยค่ะ
และเค้าขอบอกว่า เค้าจะเป็นบ้า(?) จะบ้าจริงจังนะคะ (ได้ข่าวหล่อนก็บ้าอยู่แล้ว 555)
อะไรคือการทำให้เหตุการณ์XXX(?)แบบนี้ฟินได้ขนาดนี้ค๊าาาาาา คือเหมือนถูกกวางซามะเปลี่ยนโลก(?) 555555555555555
ตอนนี้เค้าพยายามมองหาเต้นท์ทหาร และตึกที่ใช้เป็นที่พัก (ไม่ใช่แล้วโว้ยยยย) คือถ้าอยู่ใกล้ๆเค้ากอดแน่นๆแล้วค่ะ ใครไม่ชอบ ใครไม่โดน เค้าไม่รู้ เค้ารู้ว่าเค้าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกและกำลังเป็นบ้า(?) 555555
แม่เจ้าถ้าจะมีหน่วยรีไวมาลงพื้นที่แบบนี้ ข้าพเจ้ายอมตกรถไฟใต้ดิน(?)แล้วเดินกลับเผื่อจะได้ไปส่องผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อการร้าย(?)โดนXXX(?)โดยพันเอกรีไว (หล่อนโดนหลุมดำดูดไปโลกไหนแล้วววว)
โอ่ยยยยยยฟิคอินเทรนด์(?)แบบนี้เค้าไม่ทนจริงจังง่ะ
ชาบูกวางซามะจริงๆนะคะ > ___ < คือมันทำให้เค้าอยากจะปริ้นท์พับใส่กระเป๋าไว้อ่านยามโดนเคอร์ฟิว(?)มาก 5555555555
จริงๆตอนแรกเปิดเข้ามาอ่านด้วยความงงๆค่ะว่าทำไมอยู่ๆถึงได้มีฟิครถด่วน(?)มาเร็วเคลมเร็ว(?)ขนาดนี้
ลงก่อนพราวแถมจบด้วย(?) และพออ่านจบเท่านั้นล่ะค่ะ
แม่จ๋า(?)หนูจะไปส่องทหาร (ทหาร: ไม่ต้องงงงงงม๊าาา 555555)
อ่านแล้วลื่น(?)จริงๆนะคะ ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองก็เจอปัญหานี้มาเหมือนกันกับเอเลนหรือเปล่า (แค่หารถกลับไม่ได้นะคะ ไม่มีโดนล้วง มีแต่จะล้วงคนอื่น(?)นะคะช่วงนี้ไม่มีจะกิน(?)ค่ะ 5555) อ่านแล้วก็รู้สึกว่าเอเลนฉบับปกติ(?)นี่มันน่ากดจริงๆให้ตาย ไอ้ความไม่กลัวอะไรที่บอกผ่านแววตานี่แหละที่ทำให้ท่านท่อนขาตกหลุมไปแล้วแบบไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เด็กนี่ จะลงทุนตรวจสอบจริงจัง(?)ขนาดนี้หรือออออออออ เอาซะจะทุกซอกทุกมุม(?)แล้ววววววววววววววพ่อคุณ ล่อซะเจ้าหมาสลบ(?) คืออะไร~~~~~~~~ ไม่ทนนนนนนนนนนนนนนนน (รู้สึกว่าหล่อนแซะใครไม่มีความอดทน หล่อนก็ไม่ได้ต่างเลย 5555555)
แล้วคือกวางซามะจบให้แบบ……..พ่อพันเอกงานเข้า(?)ไปยุ่งกับลูกชายนายพลเข้าแล้วไง
งานแถต้องมา(?)!!! ถถถถถถถถถถถถถถถถ (ตามไปแซะ(?)ต่อตอนต่อไปอย่างด่วนเลยค่ะ)
มาอ่านไม่ทันวันที่เกิดเหตุแต่ความฟินก็ไม่ได้น้อยลง
ตอบลบโธ่เอเลน ทำไมหนูน่าสงสารแบบนี้ล่ะลูก โดนแท็กซ๊่ทิ้งกลางทางต้องเดินกลับบ้าน
แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของคนอ่านหรือโชคร้ายคนเอเลนที่ดันเจอหน่วยรีไวและถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
แถมยังถูกรีไวคุมตัวและค้นตัวอีก
คือเขินกับคำว่า "ค้นตัว" มาก ณจุดจุดนี้บอกเลย
เอ่อพันเอกรีไวคะ
ลูกชายท่านนายพลถูกค้นตัวจนสลบไปแล้วนะคะ คิดคำแก้ตัวไว้รึยังคะ