Attack
on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] TERRORIST!!!
: Zwei [END]
:
Attack on Titan Fanfiction Au
:
Levi x Eren
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง
เป็นเหตุการณ์สมมติ ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ใดๆนะค้า
“
พรืด...ฮ่าๆๆๆ นายอีกแล้วหรอ?” นายทหารสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ในเต้นท์ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นว่าใครเดินดุ่มๆอยู่บนถนนหลังเวลาเคอร์ฟิลไปแล้วอยู่ตามลำพัง
“
หัวเราะอะไรกันเล่า?! ผมอยากจะโดนแท็กซี่ทิ้งแล้วมาเดินกลับบ้านเองแบบนี้ซะที่ไหน?!!” ใบหน้ามนหันไปแยกเขี้ยวใส่...สองขาพยายามเดินเลี่ยงให้ไกลจากเต้นท์นั่นให้มากที่สุด
ถึงแม้ว่าวันนี้ทหารพวกนั้นจะมีท่าทางที่เป็นมิตรขึ้น
แต่เขายังจำได้นะว่าเมื่อวานถูกทำอะไรลงไปบ้าง!!
ถึงจะไม่รู้เลยก็เถอะว่าเขาไปตื่นอีกทีบนเตียงในบ้านของตัวเองได้ยังไง?
ยิ่งสายตาเหลือบไปเห็นหน้าคนที่ยืนเท้าแขนลงบนโต๊ะข้างหนึ่งเหมือนกำลังคุยอะไรกับนายทหารที่นั่งอยู่หน้าวิทยุสื่อสาร
เขาก็รีบสะบัดใบหน้าหนี
ไม่อยากจะเห็นหน้า...เพราะทั้งอับอาย
ทั้งโกรธ ที่ถูกทำโทษโดยที่เขาไม่ได้ผิดอะไรสักนิดเดียว!
สองขารีบสาวเท้ายาวๆแล้วก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไป
วันนี้พวกนั้นคงจะไม่กักตัวเขาเอาไว้เหมือนเมื่อวานแล้วสินะ
น่าจะรู้แล้วมั้งว่าเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอะไรนั่น!
ปึก!!
ร่างกายถึงกับเซถอยหลังเมื่อเดินไปชนอะไรบางอย่างเข้า
และเมื่อใบหน้ามนเงยขึ้นมามองก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าของแข็งๆที่ชนเข้าจะเป็นร่างกายของมนุษย์
แล้วยิ่งเป็นมนุษย์ที่ไม่อยากจะเห็นหน้าด้วยแบบนี้มันทำเอาอยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอด!
“
จะไปไหน?” เสียงนิ่งยังมีหน้ามาถาม
ไม่ถามเปล่ามือแข็งแรงนั่นยังยึดต้นแขนของเขาเอาไว้แน่น....อยากจะรู้จริงๆว่าไปแถกับพ่อของเขาว่ายังไงถึงยังมายืนเบ่งอยู่ตรงนี้ได้! นี่ถ้าพ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นละก็.....
“
ปล่อยผม! ผมก็จะกลับบ้านน่ะสิถามได้!” อย่าบอกนะว่าจะลากเขาไปค้นตัวอย่างเมื่อวานอีก
ไม่เอาแล้วนะ! แค่คิดร่างกายก็สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...เพราะแบบนี้ไงเขาถึงได้เกลียดทหาร!!
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำสนิทถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางรำคาญๆ
ก่อนจะลากเขาให้เดินไปที่รถจีป
“
ขึ้นไป เดินไปแบบนั้นกว่าจะถึงก็เช้าพอดีละ”
เอ๋? จะไปส่งงั้นหรอ? นัยน์ตาสีมรกตได้แต่กระพริบปริบๆ
เมื่อเช้าหลังจากที่ตื่นขึ้นมา แม่ก็ถลามาหาด้วยท่าทางร้อนรน
เพราะดูเหมือนทหารกองที่กักตัวเขาเอาไว้จะไม่ใช่ทหารปกติ...แล้วไหงคราวนี้ถึงใจดีล่ะ?
ร่างโปร่งปีนขึ้นไปนั่งบนรถโดยไม่พูดอะไร
นัยน์ตาได้แต่เหลือบมองใบหน้านิ่งที่โหนตัวขึ้นมานั่งข้างๆ เสียงหนักๆของรถที่ประกอบด้วยเหล็กทั้งคันแล่นออกไปช้าๆ
ท่ามกลางความเงียบงันของคนที่นั่งอยู่บนนั้น
“
นี่คุณไม่คิดจะขอโทษผมเลยหรือไง?”
ใบหน้ามนเอ่ยทำลายความเงียบและความค้างคาใจของตัวเอง
“
ทำไมต้องขอโทษ?” แล้วดูผู้ชายโหดร้ายคนนี้ตอบกลับมาซิ!
“
ก็คุณ!...เอ่อ.........อ๊า!!! ช่างมันก็ได้!!!” จะให้พูดออกไปจากปากตัวเองได้ไง
ว่าเขาถูกคนคนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง!
ร่างโปร่งบางหันมาทำหน้ายู่ยี่พลางกอดกระเป๋าแน่น
แผ่นหลังบางทิ้งตัวลงไปบนเบาะแข็งๆ
เป็นเพราะจู่ๆก็เงียบไปทำให้ใบหน้าคมเหลือบตามอง
“
กลับบ้านเวลานี้เป็นปกติหรือไง?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่มองไปตามใบหน้าอ่อนเยาว์
ความละมุนละไมบางอย่างมันทำให้ดูแตกต่างจากเด็กผู้ชายทั่วไปซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร...แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกโล่งใจ...ที่เด็กนี่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายกันนะ
“
เปล่าครับ...อาทิตย์นี้มีเรียนพิเศษก็เลยกลับดึก แต่ไม่ต้องห่วง
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมก็จะไม่ต้องมาเห็นหน้าโหดๆของคุณแล้ว
เพราะว่าโรงเรียนเลิกตอนเย็นปกติ!” เป็นคนแรกเลยนะเนี่ย ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์หน้าของเขาแบบนี้
มือเลยยกไปขยี้หัวสีน้ำตาลนั่นด้วยความหมั่นไส้ เมื่อวานยังกลัวจนสลบไปอยู่แท้ๆ
วันนี้ก็ปากดีเหมือนเดิมซะแล้ว
“
อื้อ~~”
ใบหน้ามนส่ายไปมาอย่างพยายามจะหนีมือที่จับหัวตัวเองอยู่
นัยน์ตาสีขี้เถ้าลอบมองใบหน้าที่แลดูคล้ายกับลูกหมานั่นอย่างสงสัย...ว่าเป็นถึงลูกชายของผู้บัญชาการทหารอากาศ
แล้วทำไมไม่ให้รถที่บ้านมารับซ้ำยังไม่เอ่ยถึงพ่อซักคำตอนที่เขาใช้กำลังข่มขู่?
เพราะถ้าว่ากันด้วยยศแล้วเขาหรือจะไปต่อกรกับพ่อของเด็กนี่ได้
ไม่ค่อยถูกกับที่บ้าน?
หรือไม่ชอบทหาร?
รถจีปสีเขียวจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่
เด็กนั่นกระโดดลงไปก่อนจะหันมาทำแก้มป่องให้
แต่อย่างน้อยก็ยังเอ่ยคำที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
“
ขอบคุณที่มาส่งตามหน้าที่นะครับ คุณทหาร!!”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองตามแผ่นหลังโปร่งบางนั่นจนหายเข้าไปในบ้าน...น่าแปลก...ที่เขารู้สึกติดใจร่างกายของเด็กนั่น...ทั้งๆที่ไม่เคยมีอะไรมาทำให้เขาหวั่นไหวจากหน้าที่ได้เลยแท้ๆ
ที่ผ่านมาก็แค่จับปืนเพื่อปกป้องประเทศชาติ...ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาถือปืนเพื่อปกป้องคนที่รัก....
ความกดดันจากการที่ถูกล้อมเอาไว้เริ่มปะทุออกมาบ้างแล้ว
กลุ่มผู้ประท้วงที่ยังปักหลักต่อต้านเริ่มก่อกวนพวกทหารด้วยการเอาระเบิดบ้าง
ปืนบ้างไปวางข่มขู่ไว้ตามที่ต่างๆ
อย่างเช่นเย็นวันนี้ตอนที่ใครๆต่างก็กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน
เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องไปทั่วถนนสายหนึ่ง
รถจีปสีเขียวรวมทั้งทหารต่างวิ่งกันให้วุ่น
การเคลียร์สถานที่โดยที่ผู้คนยังคงวิ่งกันอย่างแตกตื่นนั้นนับเป็นงานที่ทำได้ยากจริงๆ
ใบหน้าคมของคนที่นั่งอยู่รถทหารถึงกับสบถออกมา
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนขึ้นบัญชาการเหล่าทหารให้ช่วยกันกวาดต้อนผู้คนที่ยังสับสนอลหม่านออกมาและกว่าจะทำให้หน่วยกู้ระเบิดเข้าไปในพื้นที่ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยแทบตาย
ร่างแข็งแกร่งเดินฝ่าผู้คนที่ยังวิ่งด้วยใบหนาตื่นกลัว
ถึงจะบางตาลงไปบ้างแล้วแต่ก็นับว่าพื้นที่นี้ยังอันตรายอยู่
“
ทางนี้! เร็วๆ!!”
เสียงทหารใต้บังคับบัญชากำลังตะโกนต้อนฝูงชนที่ไม่รู้จะวิ่งไปทางไหน
ความวุ่นวายจากระเบิดแค่ลูกเดียวทำเอาใบหน้าคมถึงกับกัดฟันกรอด
คิดจะลองดีกับหน่วยรีไวหรือไง?
เข้าไปกวาดล้างพวกมันซะตอนนี้เลยดีไหม?
ในขณะที่กำลังนึกอยากจะนองเลือด
นัยน์ตาก็สังเกตเห็นชุดนักเรียนของกลุ่มเด็กๆที่วิ่งสวนออกมา...นี่มันชุดแบบเดียวกับที่เจ้าเด็กนั่นใส่?...โรงเรียนอยู่แถวนี้หรือไง?
แล้ววันนี้เด็กนั่นบอกว่าเลิกเรียนตามปกติ...ถ้างั้นตอนนี้ก็...กำลังจะกลับบ้าน?
ใบหน้าคมหันไปหันมา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ร่างกายออกวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปทั้งๆที่รู้ว่ายิ่งใกล้ใจกลางของความวุ่นวายมากเท่าไหร่
มันก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
นัยน์ตาคมกล้ากวาดมองหาร่างกายที่เคยสัมผัสมา...ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน...ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่นี่แน่หรือเปล่า...แล้วเขาห่วงอะไร?
ทั้งๆที่แม้แต่คนรู้จักก็ไม่ใช่...
ตูมมมมม!!!!
จู่ๆระเบิดลูกที่สองก็ดังขึ้นมา
ความอลหม่านที่กำลังจะสงบลงกลับแตกตื่นอีกครั้งพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องที่ดังไปทั่ว
ร่างโปร่งบางนั่งขดตัวสั่นอยู่หลังกำแพง
สองมือได้แต่ยกขึ้นมาปิดหัวเอาไว้ด้วยความกลัว...เสียงระเบิดเมื่อกี้มันอยู่ใกล้มาก...ใกล้...เสียจนคิดว่าแขนขาของเขาถูกมันเป่าไปด้วยหรือเปล่า?
นัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่ามองตรงไปข้างหน้า
บนถนนมีคนวิ่งกันอยู่เต็มไปหมด
ทั้งๆที่ปากเก่งบอกที่บ้านว่าออกมาได้ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว
แต่พอเอาเข้าจริงสองขากลับก้าวไม่ออก...ใช่...แค่จะวิ่งหนีไปพร้อมๆกับคนอื่นขาก็ยังก้าวไม่ออก
หึ...สมแล้วที่ใครๆก็บอก...ว่าเขามันไม่สมกับที่เป็นลูกชายของทหาร
แต่ที่น่าเจ็บใจกว่าก็คือ...ทำไมเวลาแบบนี้ถึงดันไปนึกถึงใบหน้าของผู้ชายที่ล่วงละเมิดทางเพศเขาซะแบบนั้น...ใครอยากจะให้มาช่วยกัน!
ใบหน้ามนก้มลงไปซุกเอาไว้กับอ้อมแขนของตัวเอง
เสียงผนังร่วงกราวลงมาเพราะแรงระบิดทำเอาสะดุ้งเฮือก
โครม!!!
เศษอิฐและคอนกรีตกระเด็นมากระทบตามแขนตามขา...แต่มันกลับไม่เจ็บเท่าที่คิดเขาจึงลืมตาขึ้นมาช้าๆ
แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมองเห็นว่ามีอ้อมแขนของใครบางคนกำลังยกขึ้นกันเศษผนังนั่นเอาไว้ให้
“
โฮ่ย...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
จู่ๆก็รู้สึกว่าดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำใสๆ
ใบหน้าคมที่ก้มลงมามองทำให้รู้สึกปลอดภัยจนสองแขนเอื้อมออกไปกอดเอวร่างแข็งแกร่งเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
“
คุณรีไว~~~”
เขาเคยได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้มาจากแม่
แต่นี่ก็คือครั้งแรกที่เขายอมเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไปจากปากของตัวเอง...ทั้งๆที่ถูกทำเรื่องเลวร้ายด้วย
แต่ทำไมกลับอุ่นใจยามที่อยู่ภายใต้แขนคู่นี้
“
ไม่เป็นไรแล้ว...”
มือหยาบกดหัวสีน้ำตาลลงไปซบที่แผงอกของตัวเองอย่างตั้งใจจะปลอบโยน
ทั้งๆที่การพบกันของเราทั้งคู่ต่างดูไม่น่าจดจำแต่ทำไมร่างกายกลับขยับไปเองแบบนี้....ไม่เข้าใจเลย
“
วิ่งไหวหรือเปล่า? เราต้องออกไปจากพื้นที่นี้ก่อนเพราะไม่รู้ว่ามีระเบิดซุกอยู่อีกหรือเปล่า” ใบหน้ามนพยักรับ แขนขาที่อ่อนปวกเปียกราวกับจะมีแรงขึ้นมาทันทีที่ถูกมือใหญ่ๆนั่นจับเอาไว้
“
อยู่ข้างๆชั้น แล้วจะไม่มีสิ่งใดทำอะไรนายได้”
นั่นอาจจะเป็นคำที่ต้องการแค่ให้กำลังใจ แต่คำที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจคำนี้มันกลับทำให้หัวใจดวงน้อยตกลงไปในหลุมที่มีชื่อว่า...ความรัก...
นัยน์ตาสีมรกตลอบมองใบหน้าคมตลอดเวลาที่ต้องวิ่งฝ่ากลุ่มควัน
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ต้องก้มหลบผนังคอนกรีตที่พังลงมาก็จะมีอ้อมแขนของคนคนนี้คอยปกป้องเอาไว้
ความน่ากลัวของจลาจล ความอลหม่านของผู้คนทำอะไรเขาไม่ได้เลยจริงๆ
เพราะทุกครั้งที่เกือบจะล้มลงไป
มือหยาบกร้านที่เคยถือแต่อาวุธสงครามนั่นก็จะช่วยฉุดรั้งให้เขาวิ่งต่อไปได้เสมอ
“
ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว...นายเดินต่อไปที่เต็นท์ทหารจากนั้นก็รีบหาทางกลับบ้านซะ
ชั้นต้องเข้าไปเคลียร์พื้นที่ต่อ เข้าใจนะ?”
ใบหน้าคมหันมากำชับก่อนที่จะหันกลับเข้าไปในความวุ่นวายที่เพิ่งจะหลุดออกมาได้
ผู้ชายคนนั้น...ไม่กลัวบ้างเลยหรือไง?
แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่กับอันตรายแบบนี้ตลอดเวลาเลยน่ะหรอ?
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่เหม่อมองแผ่นหลังที่วิ่งกลับเข้าไปในดงระเบิด
สีหน้าจริงจังตอนที่ไล่ต้อนฝูงชนออกมามันช่างยิ่งใหญ่จนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม....จากที่เกลียดความเผด็จการของทหารอย่างพ่อตัวเองมาตลอด...แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่ารั้วของชาติที่คอยปกป้องประชาชนอย่างคนตรงหน้านั้นช่างน่าหลงใหลเสียจริงๆ
ชักจะรู้สึกรักทหารขึ้นมาแล้วสิ...
กว่าจะเคลียร์พื้นที่สำเร็จก็ปาเข้าไปมืดค่ำ
ในขณะที่คิดว่าจะขอคำสั่งกวาดล้างมันซะเลยรถจีปก็จอดลงที่เต็นท์พอดี
“
คุณรีไว!” แล้วเสียงใสที่ตะโกนเรียกมาก็ทำให้แปลกใจ
ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่ราวกับลูกหมาเห็นเจ้าของก็ยิ่งทำให้สิ่งที่อยู่ใต้แผ่นอกซ้ายเต้นไม่ปกติ
“
ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกห๋าเจ้าเด็กเหลือขอ?” จะบอกว่าฝ่ามือที่ขยี้ขย๋ำลงไปบนหัวสีน้ำตาลนี่เป็นการทำแก้เขินก็คงไม่ผิด
แล้วดูเจ้าเด็กนี่ตอบกลับมาสิ
“
เหะเหะ...รอให้คุณไปส่ง”
“
ถ้างั้นก็ไม่ต้องกลับ วันนี้ชั้นเหนื่อย” สองขาทำทีเป็นเดินละออกมาจากเต็นท์แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกที่กลายเป็นค่ายพักทหารจำเป็น
“
เอ๋?” ได้ยินเสียงลากยาวก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าจะเหลือบมองไปข้างหลัง...ตามมาจริงๆด้วยสินะ
ฮึ...
“
จะตามมาให้ ค้นตัว อีกหรือไง?”
ใบหน้าคมเอ่ยหยอกเย้าในขณะที่เปิดประตูห้องพักแล้วเดินเข้าไปโดยมีอีกคนก้าวตามมาติดๆ
“
เปล่าซักหน่อย...ก็แค่อยากจะ...ขอบคุณ...”
ใบหน้ามนก้มลงพูดงึมงำ
แก้มใสที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อนั่นมันสุดจะทนจริงๆ
ตึง....
“
เอ๊ะ?”
กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างโปร่งบางก็ถูกกดลงกับพื้นโต๊ะเรียบร้อย
ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบรวมกันไว้เหนือหัว ลำตัวหนาแทรกคร่อมอยู่กลางหว่างขา
ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว....
แล้วริมฝีปากก็แนบลงไปที่กลีบปากสีระเรื่อ...
เป็นเพราะยังตื่นตะลึงทำให้กลีบปากเผลออ้าน้อยๆและนั่นมันก็ทำให้คนที่จู่โจมสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปได้โดยไม่ต้องล่อลวง
“
อื้ม~~!!” นัยน์ตาสีขี้เถ้าเปิดมองใบหน้ามนที่หลับตาปี๋...แม้แต่จูบยังไม่เคยเลยสินะเจ้าเด็กนี่...ปลายลิ้นที่ตอบโต้เขามันถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนี้...
น่าสนุก...
“
แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....”
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมามองด้วยแววสับสนระคนคาดโทษ
ริมฝีปากที่ถูกบดขยี้เปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำและเพราะว่าหายใจไม่ทันมันจึงจำต้องอ้าน้อยๆ
“
อื้ม!!”
ใบหน้าคมเปลี่ยนมุมแล้วประกบจูบลงไปอีก
ริมฝีปากที่พยายามต่อต้านทำให้น้ำลายที่ผสมปนเปไหลลงมาจนถึงปลายคางแต่ความไร้เดียงสาก็ต่อสู้กับความช่ำชองไม่ไหว
ปลายลิ้นจึงทำได้แค่ตอบรับกับความเร่าร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้
“
แฮ่ก....แฮ่ก...”
แผ่นอกถึงกับขยับขึ้นลงอย่างหนักหน่วงเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
ใบหน้าเงยมองฝ้าเพดานที่ไม่ได้ทาสี
ริมฝีปากที่ลากไล้ไปคลอเคลียอยู่ที่ลำคอทำให้ร่างกายราวกับจะไร้แรงขัดขืน
“
คุณน่ะ...จูบกับประชาชนทุกคนที่เข้ามาขอบคุณแบบนี้หรือไงครับ...” ใบหน้ามนแดงระเรื่อ ถึงริมฝีปากจะบ่นขมุบขมิบแต่ก็ยอมให้กระดุมเสื้อถูกแกะออกไปแต่โดยดี...ที่เข้าไปช่วยเขา...เห็นเขาเป็นมากกว่าประชาชนคนหนึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้...
ใบหน้าคมละออกมาจากแผ่นอกแบนเรียบก่อนจะเสยสายตาขึ้นไปมอง...ก็จริงที่ว่าเด็กนี่ทำให้เขาทำแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจตัวเองแทบทั้งนั้น...แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้ตัวดี
“
หึ...ชั้นไม่ได้มีเซ็กส์กับประชาชนที่ตัวเองเข้าไปช่วยไว้หรอกนะ” เข้าใจหรือเปล่า...ว่าที่เข้าไปช่วยนาย
ชั้นไม่ได้เห็นว่ามันเป็นแค่หน้าที่
“
ถ้าจะขัดขืนก็ทำซะตั้งแต่ตอนนี้ เพราะจากนี้ไปต่อให้นายร้องไห้ชั้นก็ไม่หยุดหรอกนะ” ถึงจะรู้ว่าหลายๆอย่างมันไม่สมควรและคงมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีกเป็นขบวนแน่แต่เขาเองก็เหมือนจะโดนร่างกายตรงหน้าร่ายมนต์ใส่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น...ไม่งั้นคงไม่เป็นขนาดนี้หรอก...
“.......ทหารก็เผด็จการชอบใช้กำลังแบบนี้ทุกคนแหละ
อื้อ!!” ปากดีๆถึงกับครางออกมาเมื่อจู่ๆปลายนิ้วก็สอดใส่เข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่แม้แต่จะมีอะไรช่วยหล่อลื่น
“
หึ...แล้วทหารหน่วยปราบปรามผู้ก่อการร้ายก็ไม่ใช่ทหารที่อ่อนโยนเสียด้วย”
ปลายนิ้วจงใจคาเอาไว้แบบนั้นก่อนที่อีกมือจะตรงเข้าไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่อยู่ด้านหน้าให้คนที่ไม่คุ้นกับเรื่องแบบนี้ถึงกับร้องไม่เป็นภาษา
“
อึก...อะ...” แก้มใสแดงไปจนถึงใบหูเมื่อมือแข็งแรงรูดขึ้นลง
ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าที่ได้แหลับตาแน่น
ริมฝีปากประกบปิดลงไปบนกลีบปากที่กำลังส่งเสียง
“
อื้อ!!” ความรัญจวนที่คนด้านบนทำให้มันทำเอาแทบขาดใจ
น้ำสีขาวขุ่นจึงพุ่งออกมาเป็นสายเมื่อถึงปลายทางแห่งความสุขสม
“
ฮ้า...ฮ้า....” นัยน์ตาสีมรกตเชื่อมปรอยแลมองหัวสีดำที่กำลังกวาดสิ่งที่อยู่บนหน้าท้องให้ไหลลงไปยังนิ้วที่ยังค้างคาอยู่ด้านหลัง
“
อื้อ!!”
แรงเสียดสีจากการที่คนด้านบนดึงมันออกไปเล่นเอาต้องกัดฟันแต่พอมันถูกดันเข้ามาใหม่ก็ดูเหมือนจะมีอะไรช่วยให้เข้ามาได้ง่ายขึ้น?
สองขาถูกจับแยกออกมากกว่าเดิม
ข้างหนึ่งถูกยกพาดเอาไว้บนบ่า สายตานิ่งๆที่ไล่มองไปทั่วโคนขาทำเอาใบหน้ามนแทบจะลุกเป็นไฟ
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริงๆที่ยอมมีอะไรกับผู้ชายคนนี้ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงอาทิตย์!
“
อ๊ะ? อ้า!”
นิ้วถูกดึงออกไปก่อนที่ความเป็นชายร้อนระอุจะถูกสอดใส่เข้ามาแทน เพราะขนาดที่ต่างกันมากทำเอาร่างโปร่งบางแทบดิ้นพล่าน
“
เจ็บ....” น้ำตาที่ปริ่มอยู่ตามขอบตาไหลลงไปเป็นทาง
ร่างกายที่สั่นสะท้านทำได้เพียงแค่พยายามผ่อนลมหายใจ
“
อื้อ!!” แต่คนด้านบนก็ไม่มีความอดทนพอที่จะรอ
ร่างแข็งแกร่งขยับช้าๆทว่าหนักหน่วงจนคนรับถึงกับหลับตาแน่น
“
ฮะ อา...อืม...”
เสียงครางถูกริมฝีปากปกปิดเอาไว้อีก ร่างข้างใต้โยกคลอนไปตามแรงขยับของคนด้านบน
ผนังภายในที่ตอบรับอย่างไร้เดียงสาทำเอาคนกระทำแทบคลั่ง ท่อนแขนจึงกอดยึดสะโพกมนเอาไว้ก่อนจะกระแทกกายเข้าไปอย่างไร้ความปรานี
โต๊ะไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะมันไม่ได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อรองรับเรื่องแบบนี้
ความต้องการอันรุนแรงที่ได้รับกลับทำให้ร่างโปร่งบางรู้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้า
พลังล้นเหลือจากร่างกายที่แข็งแรงทำเอาแทบจะสลบไปคามือ สติที่ขาวโพลนจึงพยายามประคองเอาไว้จนถึงจุดสูงสุดของพายุที่โหมกระหน่ำ
หยาดหยดของเมล็ดพันธ์ที่พวกเขาช่วยกันสร้างมันขึ้นมาอุ่นวาบอยู่ภายใน ถึงจะเจ็บแต่ความรู้สึกดีกลับมีมากกว่า
ใบหน้ามนถึงได้ยิ้มให้ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะปิดลง
แล้วคืนนี้...ก็เป็นอีกคืนที่พันเอกแห่งหน่วยปราบจลาจลอุ้มร่างที่สลบไสลของลูกชายนายพลซึ่งเป็นใหญ่ในน่านฟ้าไปส่งให้ถึงบ้าน...
“
อือ....” มือบางยกขึ้นมาขยี้ตา
ความเมื่อยล้าที่ช่วงล่างทำเอาไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลยแหะ
‘
เอเลน! แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเพิ่งไปโรงเรียน
ดีนะที่พันเอกรีไวไปเจอเข้า ไม่งั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
เห็นบอกว่าสลบอยู่ในกองผนังที่พังลงมา’
นั่นคือประโยคที่แม่บอกเขาหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาเมื่อวาน...อ๋อ...เจ้าผู้พันนั่นมาแถเอาไว้แบบนี้นี่เอง
ทั้งๆที่คนที่ทำให้เขาสลบไปคือตัวเองแท้ๆยังจะมีหน้าไปโทษผนังตึก!
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง
วันนี้ดีขึ้นหน่อยแล้วแหะ...เมื่อวานแทบจะลุกไม่ขึ้น
ช่างเป็นผู้ชายที่รุนแรงจริงๆ...
“
โธ่~~~”
แล้วจากที่นั่งอยู่ก็เป็นอันต้องล้มกลิ้งไปกลิ้งมาเอาหมอนปิดหน้าเมื่อดันไปนึกถึงกล้ามหน้าท้องที่มองเห็นจากมุมที่กำลังมีอะไรกันเสียได้
น่าอายชะมัด...
มือควานหาโทรศัพท์มือถือก่อนจะเปิดเวบไซต์เพื่อตามข่าวแล้วเรื่องราวที่กำลังถูกโพสหราก็ทำเอาใบหน้ารู้สึกชา
‘ ม็อบสุดท้ายกำลังถูกสลายโดยทหารปราบจลาจล’
‘
พื้นที่อันตราย วันนี้อย่าเข้าไปใกล้’
ร่างโปร่งบางลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงก่อนจะแต่งตัวลวกๆแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
“
แม่!! พ่อล่ะ?”
ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาทำหน้างงแต่ก็ตอบกลับมาด้วยยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเขาจะถามไปทำไม
“
ไปประชุมกับคณะรัฐประหาร...เอเลนมีอะไรหรือเปล่า?”
“
ไม่มี...แล้วก็ที่ว่ามีสลายม็อบน่ะ จริงหรือเปล่า?”
“
เห็นพ่อว่าแบบนั้นเหมือนกัน...นี่!! เอเลน!! จะไปไหน?!!”
สองขาวิ่งออกจากบ้านโดยไม่ฟังเสียงที่เรียกอยู่ด้านหลัง
ถนนหนทางช่างดูโล่งผิดปกติจริงๆด้วย
“
ไปแยก A”
ปากบอกแท็กซี่ด้วยความละล่ำละลัก
“
เหวอ! ไม่ไหวหรอกพ่อหนู แถวนั้นกำลังมีการปะทะกันอยู่เลยนะ เข้าไปใกล้ๆไม่ไหวหรอก” ลุงขับแท็กซี่ส่ายหน้าปฏิเสธ
แต่ความร้อนรนก็ทำให้เขาเผลอตะคอกออกไป
“
ไปได้แค่ไหนก็ไปแค่นั้นแหละครับ!!”
ลุงคนขับจึงหันกลับไปขับรถต่อด้วยเหงื่อที่เกาะทั่วใบหน้า
เขาได้แต่ทิ้งตัวลงที่เบาะหลังพลางยกมือขึ้นมากดหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำ
เป็นห่วง...
กลัว...
กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นอีก...
เพราะเขาเห็นมาแล้วว่าจลาจลนั้นน่ากลัวขนาดไหน
จะมีระเบิดซุกอยู่ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ แล้วครั้งนี้ยังมีการยิงปะทะกันอีก...โธ่เว้ย!!...มีคำสั่งแบบนี้ออกมาทำไมไม่บอกเขาซักคำ!...นี่มันคำสั่งให้ไปตายไม่ใช่หรือไง?!...ได้เขาไปแล้วจะทิ้งไปด้วยการตายง่ายๆไม่ได้นะ! ไม่ยอม...ไม่ยอมหรอก!!
สองขาวิ่งเร็วเท่าที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ที่เต็นท์ไม่มีทหารเหลืออยู่เลย คนทั้งกองคงไปรวมกันอยู่ที่ม็อบสินะ
ปรี๊นนนนน....
เสียงแตรดังมาจากรถทหาร
ในขณะที่เขากำลังหันไปหันมาสายตาก็เหลือบไปเห็นในรถเข้าเสียก่อน
ร่างของทหารหลายนายกำลังนอนร้องครวญคราง พยาบาลกำลังพยายามเช็ดเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
ไม่นะ...
คุณรีไว...
ยังไงก็ต้องไปดูให้รู้ว่าคนคนนั้นยังปลอดภัยอยู่!!
ร่างโปร่งบางวิ่งฝ่าเข้าไป
เสียงปืนดังจนไม่รู้ว่ามันมาจากตรงไหนกันแน่ ทั้งเสียงตะโกน ทั้งควันไฟทำให้มองอะไรแทบไม่รู้เรื่อง
คนที่วิ่งสวนมามีทั้งคนธรรมดาและทหาร ความชุลมุนวุ่นวายทำให้ไม่รู้เลยว่าเขาจะไปหาคุณรีไวได้ที่ไหน....
“
คุณรีไว!!”
ปากตะโกนเรียกออกไปทั้งๆที่ไม่รู้แม้แต่ทิศทาง ใบหน้ากังวลได้แต่หันไปหันมา
สองขามีแต่ต้องวิ่งฝ่าไปเท่านั้น
ยิ่งใกล้แนวปะทะเสียงปืนก็ยิ่งดังมากขึ้น
ไหล่บางสะดุ้งโหยงทุกครั้งที่มันดังขึ้นมา เวลาวิ่งก็พยายามก้มหลบไปตามกำแพงและบังเกอร์
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองหาเงาร่างที่คุ้นตาผ่านฝุ่นควันที่ลอยฟุ้ง
แล้วในที่สุดก็หาเจอจนได้....
หาเจอจนได้...ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครที่มาเพื่อปราบปรามจลาจล
หาเจอจนได้...คนที่เขาจะรักจนหมดหัวใจ
“
คุณรีไว!!”
เขาตะโกนออกไปและใบหน้าคมก็หันมามองด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
ปังๆๆๆ!!!
เสียงปืนที่ดังขึ้นมาทำให้เขาเผลอหลับตา
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่และมือที่กดหัวเขาเอาไว้แนบอกนั้นเอื้อมมาตั้งแต่ตอนไหน
รู้ตัวอีกทีสองแขนของเขาก็กำลังกอดคนที่ตามหาแน่น
“
โฮ่ย...นายมาทำอะไรที่นี่เจ้าเด็กเหลือขอ”
เมื่อเสียงปืนเงียบลงมือแข็งแรงก็บีบปลายคางของเขาขึ้นมามอง สองมือตบตามลำตัวเพื่อสำรวจดูว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
“
ผมเป็นห่วงคุณ! ทำไมคุณไม่บอกผมเลยล่ะว่ามีคำสั่งปราบจลาจล?!”
แต่ใบหน้าคมกลับมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตานิ่งค้าง
ปลายคางถูกบีบแน่นขึ้นราวกับว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจที่เขามา
“
นี่มันเป็นหน้าที่ของชั้น ชั้นมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อทำแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? นายมาก็เป็นตัวถ่วงชั้นเปล่าๆ
ไม่เห็นหรอว่ามันอันตราย”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำให้ใบหน้ามนถึงกับชาวาบ
จริงสินะ....ทำไมเขาไม่คิด...ว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดาแต่คนตรงหน้าเป็นถึงทหารปราบปรามจลาจล...การฝึกฝนมันต้องต่างกันอยู่แล้ว
มันก็จริงอย่างที่คุณรีไวว่า...ว่าเขามาก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง...นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังต้องคอยดูแลอีกต่างหาก...
ใบหน้ามนที่หงอยลงไปทำให้ใบหน้าคมถึงกับถอนหายใจ
ท่อนแขนดึงลำตัวบางเข้ามากอดเอาไว้ก่อนจะพูดออกไปเบาๆ
“
นายไม่ได้เป็นห่วงชั้นอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ...ที่ชั้นไม่บอกมันก็เหตุผลเดียวกันนั่นแหละ...ถ้านายเป็นอะไรไปแล้วชั้นจะทำยังไง” นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างไปกับคำพูดของอีกฝ่าย...เพราะแบบนั้นเองน่ะหรอ...ความรู้สึกของพวกเรามันไม่ใช่รักข้างเดียวนี่นะ
เขาลืมไปได้ยังไง...
สองแขนกอดกระชับร่างแข็งแกร่งให้แน่นๆก่อนจะละออกมา
“
ผมจะกลับไป...ไปรอคุณอยู่ที่เต็นท์ทหารนะครับ”
ใบหน้ามนยิ้มให้ แต่ก่อนที่จะได้ก้าวขาจากไป ต้นแขนก็ถูกดึงรั้งเอาไว้
ริมฝีปากประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว
ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างเอาแต่ใจและกว่าจะยอมปล่อยได้ร่างโปร่งบางก็ได้แต่หอบหายใจ
“
เดี๋ยวชั้นตามไป...ไม่นานหรอก”
แล้วแผ่นหลังแข็งแกร่งก็วิ่งจากไป
ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนเขาก็มีแต่ต้องเชื่อมั่นในคำพูดนั้น...
กว่าเหตุปะทะและการปราบจลาจลจะสิ้นสุดลงได้ก็กินเวลาไปทั้งวัน
ตอนนี้ไม่มีม็อบไหนเหลืออยู่ในเมืองหลวงอีกแล้ว...
รถจีปทหารคันสุดท้ายแล่นมาจอดลงที่หน้าเต็นท์
และทันทีที่ขาของผู้บัญชาการหน่วยรีไวลงมาแตะพื้นได้
ร่างกายก็แทบจะล้มลงด้วยน้ำหนักของคนที่โถมเข้าไปกอด
ใบหน้าดีใจของคนที่รอคอยให้กลับมามันทำให้มีความสุขแบบนี้เองหรอ...เขาเพิ่งรู้...
บางที...
การทำรัฐประหารมันก็มีเรื่องดีๆเหมือนกันนะ...
“
คุณน่ะ...ชอบผู้ชายหรอครับ...” ใบหน้าคมถึงกับผงะไปก่อนจะละจากขวดน้ำในมือไปมองนัยน์ตาใสแจ๋วที่จ้องมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“
ห๋า? มาถามเอาหลังจากที่นอนกับชั้นไปแล้วเนี่ยนะ?”
“
ก็มัน....” ใบหน้าคมถึงกับถอนหายใจให้กับใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยความกังวล...มั่นใจในตัวเองหน่อยสิเจ้าลูกหมานี่
“
ถ้านายเป็นผู้ชาย ชั้นก็ชอบผู้ชาย แต่ถ้านายเป็นผู้หญิง ชั้นก็ชอบผู้หญิง
เข้าใจหรือยัง?” มือวางขวดน้ำก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นปล่อยให้ใบหน้ามนครุ่นคิดอยู่คนเดียว
“
อ๊ะ....แบบนั้นมันก็หมายความว่า........คุณชอบผม? ใช่ไหมครับ?” หลังจากเพิ่งตีความได้ก็พยายามจะรบเร้าเขาให้พูดออกไปให้ได้...นี่เขาเป็นชายชาติทหารนะ
จะให้พูดเรื่องน่าอายแบบนั้นมันก็แย่น่ะสิ
“
จะไปรู้หรอ! กลับบ้านไปได้แล้ว ชั้นยังมีอะไรต้องจัดการอีกเยอะ ไปๆ”
มือรีบลากเจ้าตัวดีก่อนจะเอาไปยัดไว้ในรถจีปพลางสั่งทหารให้เอาไปส่งที่บ้านให้ที
คนที่นั่งอยู่บนรถซึ่งกำลังแล่นออกไปยื่นตัวออกมาโบกมือให้พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
มันน่าปราบให้อยู่หมัดจริงๆนะ...เจ้าผู้ก่อการร้ายคนนี้...
ค่ายพักทหารชั่วคราวถูกเคลียร์พื้นที่ให้กลับไปเป็นแค่ออฟฟิศธรรมดาๆเมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งหลายคลี่คลายไปในทางที่ดี...หน่วยปราบปรามจลาจลและผู้ก่อการร้ายจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว
ลังไม้ที่ใส่อาวุธสงครามถูกยกขึ้นรถทหารนับสิบไป
ทหารหลายร้อยนายต่างช่วยกันเคลียร์พื้นที่เพื่อจะคืนให้กับประชาชนและร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็ยืนสั่งการอยู่ท่ามกลางหมู่ทหารพวกนั้น
“
คุณไม่อยู่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายก่อนหรอครับ?” เสียงที่คุ้นหูทำให้ใบหน้าคมหันกลับไปมอง...เจ้าเด็กเหลือขอของเขานี่เอง...คงจะมากวนเพราะไม่อยากให้เขากลับค่ายทหารที่ต่างจังหวัดสินะ
“
หื๋อ? ผู้ก่อการร้าย?”
“
ก็ผมไง...เดี๋ยวผมจะไปก่อความวุ่นวายให้ทั่วเลยถ้าคุณไม่อยู่คอยดู” เขาได้แต่พยายามกักเก็บรอยยิ้มเอาไว้ด้วยใบหน้านิ่งๆ
ก็บอกไปแล้วตั้งไม่รู้กี่รอบว่าค่ายทหารของเขามันไม่ได้อยู่คนละซีกโลกสักหน่อย ถ้าจะไปจะมาก็แค่แป๊บเดียว
“
หึ...ถ้างั้นชั้นคงต้องจับเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยสินะ” มือแข็งแรงจับข้อมือบางก่อนจะลากให้เดินตามไป
“
เหะ เหะ...” ดูเหมือนจะดีใจอยู่สินะที่ถูกจับน่ะ...เป็นผู้ก่อการร้ายภาษาอะไร...
ใบหน้าคมส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเปิดประตูห้องที่เคยใช้เป็นห้องพักของเขาเข้าไป
ถึงข้าวของส่วนใหญ่จะถูกขนไปหมดแล้วแต่โต๊ะตัวเดิมก็ยังคงอยู่
“
นั่งลง” ร่างโปร่งบางนั่งลงไปบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย
“
ยื่นแขนออกมา” แล้วสองแขนเล็กๆก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“
ข้อมือมีอยู่แค่นี้ยังคิดจะเป็นผู้ก่อการร้ายอีกนะนายน่ะ” ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันก่อนที่กุญแจมือจะล็อคมันเอาไว้
ปลายอีกข้างล่ามไปยังขาโต๊ะ
“
เอ๋?!! คุณรีไว!!!”
ใบหน้ามนตื่นน้อยๆก่อนจะเงยขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาใกล้
“
ก็บอกแล้วไง....” ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบที่ใบหู
“
ว่าถ้าจะจับ...ก็ต้องจับตั้งแต่ตอนนี้...” จะจับให้แน่น ไม่ปล่อยไปไหนเลยละ
เอเลน เยเกอร์….
ลมหายใจอุ่นๆถูกเป่ารดใบหูจนใบหน้ามนได้แต่ก้มหน้าแดงเถือกลงไปมองพื้น
“
รออยู่ที่นี่ล่ะ ชั้นจะไปจัดการงานก่อน” ร่างแข็งแกร่งเดินออกไปจากห้องปล่อยให้อีกคนได้แต่นั่งอมยิ้มรอ
“
ครับ!”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองพื้นที่ที่กลับไปเรียบร้อยตามเดิมก่อนจะหยุดลงที่ห้องซึ่งเขาเคยใช้หลับนอนมาหลายอาทิตย์...
เขาปราบปรามจลาจลและจัดการกับผู้ก่อการร้ายมาก็มากมาย
แต่เพิ่งเคยมีก็ครั้งนี้แหละที่เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
พ่ายแพ้ให้แก่
เอเลน เยเกอร์…
พ่ายแพ้ให้แก่เด็กอายุ
15....
ผู้ก่อการร้าย...ต่อหัวใจของเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
FIN
=[
]=!!! มาไวไปไวชั่ววูบมากมายค่ะคุณแม่ขรา~~~
อยากจิบอกให้รู้เอาไว้~~
ว่าอย่าคาดหวังอัลไลกับฟิคเรื่องนี้ เย้เย~~
5555
คือมันเป็นฟิคที่ไม่มีที่มาที่ไป แค่อยากเขียนเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็เท่านั้นแหละ อย่าไปเอาสาระอะไรกับมันเลยนะคะ ^ ^”” ไม่เน้นทั้งภาษาและเนื้อเรื่อง
กร๊ากกกกก แน่นอนว่าเขียนรวดเดียวจบ
ไม่มีการอ่านทวนใดๆทั้งสิ้น เพราะงั้นเจอประโยคงงๆก็ข้ามไปนะค้า5555 //
เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีไหมเนี่ยหล่อน
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆการติดตามและคอมเม้นต์จากเมื่อตอนที่แล้วมากๆๆๆนะคะ
ปลื้มมากเลยอ่า >/////<
แล้วเจอกันที่ฟิคเรื่องหลักๆค่า
ดูเหมือนพระเอกของเราจะแถอะไรไว้กับเยเกอร์คนพ่อซักอย่างเลยรอดพ้นคุกทหารมาได้ ฟฟฟฟ
ตอบลบโถๆๆๆๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท หัวหน้าหน่วยสำรวจ หรือทหารปราบปรามกบฏก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าดวงกินเด็กก็ยังเกาะติดแน่นไปกับคุณรีไวไม่ยอมปล่อยเลยนะคะ ฟฟฟฟฟฟฟ
เอเลนน่ารักมากเลยค่ะพี่กวาง >< ถ้าเมทเป็นรีไวก็คงอดใจไม่ไหวเหมือนกัน ฟฟฟ ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆมากเลยนะค้า >< น่ารักมากเลยค่ะ จุ๊บๆ
และแล้วมุมมองในการเมืองของดิชั้นก็เปลี่ยนไปตลอดกาลค่ะ 5555555
ตอบลบในการทำรัฐประหารมันก็มีเรื่องดีๆอยู่จริงๆด้วยแหละ รู้สึกชอบฟิคเรื่องนี้มากเลยค่ะ มันก๊าวมากกก ฉากเรียกชื่อคุณรีไวล์ครั้งแรกนี่มโนว่าคุณท่านคงฟินน้าาาาา (คือเราฟินอ่ะ5555) นึกถึงตอนเอาแขนมาบังให้นี่คือหล่อไปมั้ย ถ้าเอเลนยืนคงบังไม่ได้สินะ//ผิดดดด ตอนที่เอเลนบอกว่าชักจะรู้สึกรักทหารขึ้นมาแล้วสิ...นี่นึกถึงแฮชแทค #ทหารหล่อบอกด้วยเลยค่ะ 55555 มันช่างเข้ากับสถานการณ์ เสียดายรัฐประหารในนี้จบไวจังค่ะ ได้ค้นตัวกันแค่รอบเดียวเอ๊ง >////< ตอนแรกตกใจมาก ตอน2มาไวแถมendด้วย คุณกวางสุดยอดดดดดดดด ชอบสไตล์นี้ ขอให้มีชั่ววูบหลายๆวูบนะคะ ฮ่าาาาา
ฮืออออออออออออออออออออออออออออ
ตอบลบกวางซามะ เค้าชอบง่ะ(?) (ดิ้น)
เหตุการณ์บ้านเมืองก็ยังไม่จบ(?)นะคะ ต่ออีกสักตอนสองตอน(?)ไหมคะ
(มันใช่เรื่องมั้ยยยยยยคะหล่อน ถถถถถ)
คือเป็นฟิคอินเทรนด์ที่เค้าจะต้องปริ้นท์(?)พับใส่กระเป๋าไว้อ่านตอนช่วงกลับบ้านเพราะเคอร์ฟิวจริงจัง!!! (ยังไม่เลิก)
เค้าเดาไม่ออกเลยค่ะว่าสองคนนี้จะไปเจอกันในสถานการณ์ไหนต่อ และกวางซามะก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย > __ < เอเลนที่โดนหัวเราะพรืด(?)เพราะตกรถอีกรอบจนต้องมาเดินผ่านหน้าเต้นท์ทหารให้เป็นผู้ต้องสงสัยอีกรอบนั่นน่ากด(?)มากกกกกกกกกกกกกกก แถมยังจะไปเดินชนสารถี(?)(โดนกระทืบไม่เลิก = . , = ) ให้เค้าขับรถไปส่งได้ถูกคนด้วยนะนั่นแถมยังจะทิ้งท้ายว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีกให้คนหน้าโหดได้รู้สึกโหวงขึ้นมาไม่รู้ตัวซะด้วยแน่ะ ถูกใจจริงจัง 55555
แต่คู่กันแล้วมันก็ต้องไม่แคล้วกัน (คือสำนวนหล่อนโบราณมาก 555555)
ท่านท่อนขาหล่อไปไหนนนนนนนนนนนน อะไรคือการเห็นชุดนักเรียนชุดเดียวกับเด็กเหลือขอ แล้วห่วงแค่(?)เด็กเหลือขอกันนน > ___ < ไม่พอยังจะรู้พิกัด(?)ทันเอาอ้อมแขนบังเศษผนังให้อีก โอ้ แม้ หล่อละลายยยยยยโคตร แม่จ๋า(?)ทหารหล่อแบบนี้ทำไมแม่ไม่บอก(?) (ออกนอกโลกตล๊อดดดด) แล้วพอพ่อคุณได้ล้วง(?)เจ้าเด็กนี้ไปรอบนึง ถึงกับห่วงใยอ่อนโยนให้กันขนาดนี้เลยยยยยยยทีเดียวเชียว > ___ < ยอมรับมาซะว่าตกหลุมไปตั้งจ้องตาตอนแรกแล้ววว (คนหรือปลากัดคะหล่อน)
และเค้าก็ไม่ทน จะเอาโต๊ะ(?)ในห้องงงงงงง
ฮัลโหล เอลวินนน(?) (มันคนละเรื่องแล้วโฟ้ยยยยย 555555)
ฮืออออ ความสัมพันธ์(?)มันก๊าวใจมากกกกกกจริงๆๆๆนะคะ
ถึงกวางซามะจะบอกว่าเป็นฟิคอินเทรนด์(?)ที่ไม่ได้เน้นอะไรให้สวยหรู แต่มันก๊าวใจมากกกกกกกกกจริงๆค่ะ มันมีทั้งอารมณ์บีบหัวใจด้วย เค้าไม่รู้นะคะ แต่เค้าชอบที่เอเลนรีบออกไปหาเพราะห่วงอีกฝ่ายแต่พอถูกบอกว่าออกมาแบบนี้ก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ แล้วท่านท่อนขากลับยอมพูดอะไรที่แบบลงไปดิ้นอย่างแรง > ____ <
แถมยังมีการดึงมาจูบก่อนปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปหลบที่เต้นท์พร้อมคำพูดแสนเท่ว่า เดี๋ยวตามไป ไม่นานหรอก อีก โอ่ยยยยยยยย พ่อโกโบริไว(?)จะหล่อลากใส่แม่อังศุมาเลน(?)ไปไหนนนนนนนนนน นี่มันกำลังอยู่ในสงคราม(?)นะเฮ้ยยยย (ฮัลโหลลหล่อนเอาสติกลับมาด่วน 555555555 เค้าเม้นท์บ้า(?)มากจริงจังอ่ะ หยุดหัวเราะตัวเองไม่ได้ ตกลงนี่มันแค่ประกาศรัฐประหาร+เคอร์ฟิวไม่ใช่เรอะ แล้วทำไมเก๊าได้ฟีลฉากในเรื่องคู่กรรม(?) 55555555555)
เค้าชอบจริงจังนะคะ แล้วก็จะปริ้นท์จริงจังด้วยค่ะ 5555555
เค้าขออนุญาต(?)เลย จะพับใส่กระเป๋า(?)นะคะ จะอ่านตอนกลับบ้าน(?)นะคะ
(หล่อนจะตกรถเพราะมัวมาอ่านนี่ละ 55555 แถมทหารก็คงไม่มาล้วง(?) พ่อคุณ(?)คงยิงทิ้ง(?)เลยอีกตะหาก - _ - )
ขอบคุณที่ทำให้สถานการณ์เครียดๆแบบนี้ก๊าวใจ(?)ขึ้นมานะคะ
ดีใจที่ได้อ่านมากๆๆเลย > ___ <
ปล. สกิลใหม่(?)ของท่านท่อนขาที่ค้นพบตอนนี้(?)
งานแถ(?)พี่แก(?)ก็ทำได้ 5555555555555 (โดนกระทืบตาย)
ปราบจลาจลหรือก่อการร้ายมาก็เยอะ
ตอบลบแต่ปราบผู้ก่อการร้ายต่อหัวใจตัวเองไม่ได้สินะคะพันเอกรีไว
เพราะคอนเซ็ปประจำตัวท่านคือการกินเด็ก//โดนเฉือนหลังคอ
และความหมายของคำว่า "ค้นตัว" ก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาลรับจากครั้งแรกที่พันเอกรีไวพูดขึ้น
ไหนจะกุญแจมือที่ใช้ "จับ" เอเลนอีก
มัน กร๊าว มากกกกกกกกก
คือยอมรับค่ะว่าอยากให้มีฉากแถมหลังจากพันเอกเคลียร์งานเสร็จ
แล้วสรุปคือพ่อเขารู้รึยังคะนั่นว่าพันเอกไป "ค้นตัว" ลูกชายเขานะ