Attack
on Titan. Au S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren] พราว : 04
:
Attack on Titan Fanfiction
:
Levi x Eren
:
Warmhearted Sweet
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
ว่าไงนะ?! ไม่มีเช็คสำหรับงบเดินทางของชมรมเบสบอล?!!” เพราะเสียงดังลั่นของผมทำให้สมาชิกของชมรมที่กำลังซ้อมอยู่ใกล้ๆต่างหันมามองเป็นตาเดียว
“
อ่า...ก็...ในแฟ้มที่ประธานนักเรียนให้ชั้นเอามาให้นายมันมีแค่นี้นี่นา...เอกสารอนุมัติการลาสำหรับไปแข่ง...ใบขออนุญาตที่ต้องส่งให้ผู้ปกครอง...แล้วก็เอกสารรับรองสังกัด...อ่า...ก็...มีอยู่แค่นี้...”
“
เป็นไปไม่ได้! มันซุกอยู่ที่ไหนในแฟ้มหรือเปล่า? รุ่นพี่ลองหาดูให้ดีๆอีกทีได้ไหม?!” ผมคาดคั้นกรรมการนักเรียนรุ่นพี่ที่ยืนเลิกลั่กรื้อแฟ้มเอกสารไปมา
“
ไม่น่าจะมีหรอก เพราะถ้าเป็นเช็คเงินสดมันต้องมีเอกสารแนบมาด้วยหลายแผ่น
นายก็รู้นี่ว่าถ้ามี มันต้องเห็นเด่นชัดกว่าใคร”
ใบหน้าลนลานเอ่ยออกมาเสียงเบา ซึ่งมันก็เป็นความจริงตามที่คนตรงหน้าว่ามา
แต่ถึงอย่างนั้นมือของผมก็ยื่นไปคว้าแฟ้มมาพลิกดูจนทั่วด้วยใจที่เริ่มจะร้อนลน
ไม่มี....
ไม่มีจริงๆด้วย...
เช็คที่ต้องเอาไปขึ้นเงินสำหรับเป็นค่าที่พักและค่าเดินทางของการแข่งขันสองรอบสุดท้ายมันไม่มีจริงๆ....
สองขาได้แต่ถอยออกมา
ลำตัวเริ่มรู้สึกชาเพราะว่าถ้าไม่มีเช็คแผ่นนั้น...คนทั้งชมรมก็จะไปแข่งไม่ได้
“
ประธานนักเรียนอยู่ไหน? ผมต้องไปถามให้รู้เรื่อง!”
มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆและผมก็จะมัวมายืนคร่ำครวญไม่ได้ด้วย...ต้องถาม
ต้องหาทางแก้
ก่อนที่ความฝันของใครหลายๆคนกับการที่จะได้ไปแข่งในเวทีที่ใหญ่ที่สุดของเบสบอลม.ปลายจะต้องจบลงเพราะความไม่ได้เรื่องของผม
“
เกิดอะไรขึ้นน่ะเอเลน?”
มือใหญ่ๆที่จับไหล่ของผมไว้ก่อนที่จะได้พุ่งไปยังห้องกรรมการนักเรียนคือมือของกัปตันซึ่งยังมีสีหน้างงงวย
“
เช็คเบิกจ่ายงวดสุดท้ายมันหายไป ผมกำลังจะไปถามประธานนักเรียน” ใบหน้าของกัปตันชะงักค้างไปและผมก็ทันเห็นใบหน้าของอีกหลายๆคนที่บังเอิญได้ยินเข้า
ว่ามันไม่ได้ต่างไปจากหน้าของกัปตันเลย
สองขาก้าวเร็วๆไปตามทางที่คุ้นเคยก่อนที่ประตูห้องกรรมการนักเรียนจะเปิดออกราวกับถูกพายุพัดเข้าใส่
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นของประธานและรองประธานนักเรียนที่ยืนคุยอะไรกันอยู่หันมาดูผมทันที
“
เธอ? ผู้จัดการชมรมเบสบอลไม่ใช่หรอ? มีอะไรหรือเปล่า?”
“
เช็คเบิกจ่ายที่ขออนุมัติไปของชมรมเบสบอลล่ะครับ?” ริมฝีปากถามเข้าประเด็นทันทีเพราะในใจมันร้อนจนแทบจะลุกไหม้
“
เช็ค?”
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นแสดงความแปลกใจออกมากับสิ่งที่ผมถามหา
“
ก็ในแฟ้มที่ประธานให้กรรมการนักเรียนเอาไปให้มันไม่มี...เช็คเงินสดสำหรับค่าเดินทางไปแข่งรอบสุดท้ายที่โคชิเอ็งไงครับ” ผมเริ่มจะหงุดหงิดกับใบหน้าที่ทำราวกับไม่รู้เรื่องของคนตรงหน้า
“
เดี๋ยวนะ...ชมรมเบสบอลไม่ได้ยื่นขอเบิกงบไม่ใช่หรอ?
เอกสารรอบสุดท้ายไม่มีส่งมาเลยนะ?” แต่แล้วสิ่งที่ประธานนักเรียนตอบกลับมาทำให้นัยน์ตาของผมถึงกับเบิกกว้าง
ร่างทั้งร่างได้แต่ชะงักค้างไปกับสิ่งที่ได้ยิน...
“
ว่าไงนะครับ?!!” ริมฝีปากตะโกนออกไปทั้งๆที่สมองเริ่มรู้สึกมึนงง...มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อผมเป็นคนเอาแฟ้มนั่นมาวางไว้บนโต๊ะนี่กับมือ
“
ใบคำร้องขอเบิกงบไม่มีส่งมายังไงล่ะ พวกเราก็นึกว่างบที่ขอไปคราวที่แล้วยังเหลือเลยไม่ขอเพิ่ม....”
สีหน้าที่แสดงออกมาว่าตกใจระคนตื่นเต้นไปกับผมด้วยของประธานนักเรียนทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก
“
ไม่จริง.....ไม่จริงน่ะ ก็ผมเอาแฟ้มมาวางไว้บนโต๊ะนี่.....” ทั่วใบหน้ารู้สึกชาไปกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
แฟ้มนั่นมันหายไปตอนไหน? เป็นเพราะความสะเพร่าของผมเองที่ไม่รอส่งมันจนถึงมือประธานนักเรียน?
แล้วทีนี้จะทำยังไง? มีแต่คำถามอยู่เต็มหัวไปหมด
“
พวกเรา...ไม่เห็นแฟ้มของชมรมเบสบอลเลย....”
ประธานและรองประธานหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“
ถ้างั้น! ถ้างั้นขอเบิกใหม่ตอนนี้เลยได้ไหมครับ?!
เดี๋ยวผมกลับไปทำเอกสาร...”
“
พรุ่งนี้วันเสาร์นะ ถึงจะขอทำเรื่องด่วน
เช็คก็ออกมาวันจันทร์อยู่ดี...พวกเธอต้องออกเดินทางกันพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรอ?
แล้วก็แข่งในวันจันทร์....”
สองขารู้สึกไร้แรงยืนขึ้นมาทันที...ไม่ทัน...ไม่ทันแน่ๆ....ทำยังไงดี....
“
ขอร้องละครับ! ช่วยทำอะไรซักอย่าง!
ถ้าไม่มีงบเดินทางนั่นแล้วพวกผมจะทำยังไง?!” เหมือนสติใกล้จะแตกเต็มที
สองมือจึงตรงเข้าไปดึงคอเสื้อของประธานนักเรียนที่ได้แต่ทำหน้าไม่รู้จะช่วยยังไง...ทั้งๆที่ผมก็รู้...ว่ามันไม่ใช่ความผิดของประธานนักเรียนเลยสักนิด
ในเมื่อมันเป็นความผิดของผมเอง....
“
เอเลน! พอได้แล้ว!”
ไม่รู้ว่ามือของผมเขย่าคอประธานนักเรียนไปแค่ไหน
เพราะในขณะที่ผมกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งมือแข็งแรงที่คอยช่วยเหลือผมเสมอก็เป็นคนมาหยุดผมเอาไว้
“
โค้ช.....”
เขาดึงตัวผมออกมาจากประธานนักเรียน...ไม่รู้ทำไม...แค่ผมเห็นหน้าเขา...ขอบตาก็รู้สึกร้อนผ่าวเพราะน้ำตาที่รื้นขึ้นมาทันที
“
กลับไปคุยกันที่ห้องชมรม”
เขากระซิบบอกผม...ห้องชมรมงั้นหรอ...คนที่ทำเรื่องเอาไว้แบบผมยังกลับไปที่นั่นได้อีกงั้นหรอ...
ยิ่งหันไปเห็นกัปตันและรุ่นพี่ปีสามที่ตามมาด้วยก็ยิ่งรู้สึกผิด...เป็นเพราะผม...ถ้าพวกเขาไม่ได้ไปแข่งในฤดูร้อนสุดท้ายของพวกเขา...มันก็เป็นเพราะความผิดพลาดของผมคนเดียว!
“
อึก....”
จู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจขึ้นมาจนสองขาถึงกับทรุด
มือยกขึ้นไปจับเสื้อบริเวณเหนืออกซ้ายก่อนจะพยายามสูดหายใจช้าๆ
“
เอเลน?” เขาประคองผมเอาไว้ก่อนจะมองลงมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“
ไม่เป็นไรครับ....”
....ไม่เป็นไร...ผมบอกทั้งตัวเองทั้งเขา...ว่าผมไม่เป็นไร....
นานแค่ไหนกันแล้วนะที่อาการโรคหัวใจของผมมันไม่กำเริบขึ้นมา....
รู้สึกว่าจะตั้งแต่ที่เจอเขา...
หัวใจของผมมันแข็งแรงขึ้นก็เพราะเขา...
เพราะงั้นตอนนี้มันก็จะไม่เป็นไร....
ผมกลับมานั่งซังกะตายอยู่บนม้านั่งยาวในห้องชมรม
ในหัวกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี
เพราะเป็นชมรมที่มีสมาชิกมาก
การเดินทางไปแข่งแต่ละครั้งจึงใช้เงินไม่ใช่น้อยๆเลย...ไปขอยืมพ่อก่อนดีไหมนะ...แต่ก็ไม่อยากให้พ่อต้องมาเดือดร้อนเพราะความไม่ได้เรื่องของผมเลยจริงๆ...เพราะที่ผ่านมา...พ่อก็ต้องเดือดร้อนกับเรื่องของผมจนแทบไม่ได้หยุดพัก
“
ร่าเริงไว้น่าเอเลน”
มือของใครบางคนตบลงมาที่ไหล่
“
ไม่ต้องคิดมากนะ
พวกเราตกลงกันแล้วว่าเรื่องค่าเดินทางค่ากินอยู่ในครั้งนี้ต่างคนก็ออกในส่วนของตัวเองไป
หารๆกันมันก็ไม่เยอะแล้วน่า”
ผมได้แต่เงยหน้าขึ้นมองพวกสมาชิกของชมรมด้วยดวงตาเบิกกว้าง
แค่พวกเขาไม่มองผมด้วยสายตาตำหนิหรือมองว่าผมเป็นคนผิด
ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว แล้วนี่ยังจะต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีกแบบนี้มัน...
“
....เดี๋ยวสิพวกนาย....” ผมตั้งใจจะเอ่ยค้านแต่ฝ่ามือที่โยกหัวผมไปมาก็ทำเอาพูดไม่ออก
“
ถือซะว่าเป็นการคืนทุน...ไงๆพวกเราก็ได้กำไรจากรูปของนายมาเยอะแล้ว
แค่นี้ไม่เป็นไรน่า”
ถึงแม้คำพูดมันจะน่าด่า แต่ว่าตอนนี้ผมกลับรู้สึกตื้นตันในใจอย่างบอกไม่ถูก
ครืด.....
เสียงประตูเลื่อนที่เปิดออกพร้อมกับร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครที่เดินเข้ามาทำให้ทุกสายตาหันไปมอง...เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้...
มันคือ...เช็ค?
“
เอาไปสิ...ชั้นไปขอตาแก่นั่นมา” ตาแก่?
หมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียนน่ะหรอ?
นี่เขาไปขอร้องผู้อำนวยการให้ออกเช็คด่วนให้งั้นหรอ?
เขาทำเพื่อผม...
เขาทำให้ผมอีกแล้ว....
“
แง~~~ โค้ช~~~~”
ผมโผเข้าไปกอดเขาพลางร้องไห้ราวกับเด็กๆท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างโล่งใจของคนในชมรม
อย่างน้อยๆความสบายใจมันก็ทำให้การซ้อมช่วงบ่ายผ่านไปได้ด้วยดีละนะ
สองมือประคองเช็คลงกระเป๋าอย่างทะนุถนอม...จะหายอีกไม่ได้แล้วนะ!...ผมตบกระเป๋าเบาๆก่อนที่จะเตรียมก้าวขาออกไปขึ้นเงินที่ธนาคารข้างๆโรงเรียน
แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมรู้สึกสะกิดใจจนต้องแอบดึงเช็คแผ่นนั้นออกมาดูอีกรอบ...อะไรกันนะที่สะดุดตาผมแปลกๆ?....ผมกวาดสายตามองไปจนทั่วกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ลายเซ็นบนเช็คแผ่นนั้น
“
เอ๋...?”
นี่มัน....ไม่ใช่ลายเซ็นของผู้อำนวยการโรงเรียนนี่นา...แต่ว่าเป็นลายเซ็นที่ผมคุ้นตาเสียยิ่งกว่าอะไร
ทำไมกันล่ะ?
ทำไมลายเซ็นบนเช็คนี่ถึงไม่ใช่ลายเซ็นของผู้อำนวยการแต่กลับกลายเป็น....ลายเซ็นของเขา...?
เสียงวงล้อจักรยานผสมผสานไปกับสายลมบางเบาทำให้แผ่นหลังของเขานั้นดูช่างกว้างใหญ่...มันให้ความรู้สึกว่าต่อให้ต้องเจอกับเรื่องอะไรเขาก็จะใช้แผ่นหลังนี้โอบกอด
ช่วยเหลือ และปกป้องผมได้ทุกครั้งแน่ๆ
อย่างเรื่องในคราวนี้เองก็เช่นกัน...
ผมวางมือลงไปบนแผ่นหลังของเขาก่อนจะเอ่ยออกไปเบาๆ....
“
โค้ช...เงินนั่นเป็นเงินของคุณเองใช่ไหมครับ...”
“......” เขาไม่ตอบอะไรกลับมาแบบนี้แสดงว่ามันเป็นความจริง...
สองมือของผมกำเสื้อที่อยู่บนแผ่นหลังของเขาแน่น...ถึงจะดีใจที่เขายื่นมือมาช่วยแต่ถ้าถึงขนาดต้องควักเงินส่วนตัวจำนวนไม่น้อยแบบนี้มาให้ผม
ผมคงสบายใจอยู่ไม่ได้แน่ๆ
ในเมื่อผมกำลังทำให้เขาเดือดร้อน...
“
คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องชดใช้แทนความสะเพร่าของผมหรอกนะครับ!
เดี๋ยวผมจะกลับไปขอยืมพ่อมาคืนให้!”
ผมหลับหูหลับตาตะโกนออกไปทำให้เขาหยุดจักรยานกะทันหัน
รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของผมก็แนบอยู่กับโคนต้นไม้ด้วยแรงกดจากฝ่ามือของเขาแล้ว
“
สะเพร่า? นายเอาเอกสารนั่นไปยื่นแล้วไม่ใช่หรือไง?
คิดว่าชั้นจำไม่ได้หรอว่านายมาขอให้ชั้นเซ็นต์รับรองให้แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนั่นเลยน่ะ...ถ้ามันจะหายไปในห้องกรรมการนักเรียนแล้วมันจะเรียกว่าความสะเพร่าของนายได้ยังไง?” ท่อนแขนที่กางกั้นกักตัวผมเอาไว้กับโคนต้นไม้ทำให้หนีไปไหนไม่ได้มีแต่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาจริงจังของเขา
“
แต่ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบแทนผมด้วยเงินส่วนตัวของคุณหรอกนะครับ!” ผมเถียงกลับไปด้วยความดื้อดึง
เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเรื่องนี้เลย
ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเดือดร้อนเลยสักนิด
“
แล้วนายเอง...ควรจะต้องรับผิดชอบในเรื่องที่นายไม่ได้ทำด้วยหรือไง?!” แต่ดูท่าทางเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ตามลำพัง
ใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้มันบอกกับผมแบบนั้น
“
แต่ว่า....”
“
ถ้านายลำบากใจ ชั้นจะบอกความจริงให้ก็ได้” เขาทำหน้าเหมือนอยากจะถอนหายใจ
นัยน์ตาขี้รำคาญประสานกับสายตาของผมก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“
ชั้นไม่ได้ให้เงินนั่นกับนายฟรีๆ”
“
เอ๋?” หมายความว่ายังไง? หรือว่าเขาแค่ให้ยืม?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ค่อยยังชั่ว....
“
มันเป็นค่าตัวของนาย” ห๋า? ค่าตัวนี่มัน.....?
“........”
ผมมองเขาด้วยใบหน้าเลิกลั่ก...ก็ค่าตัวนี่มันหมายถึง....
แต่เขากลับยิ้มที่มุมปากพลางหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม
ก่อนที่เขาจะกลับไปตีหน้านิ่งแล้วมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน
“
ชั้นใช้เงินนั่นซื้อรอยยิ้มของนาย เพราะงั้นยิ้มให้ชั้นซะเอเลน” จู่ๆหัวใจก็เต้นรุนแรงขึ้นมาก่อนจะรู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย...เพราะมาคิดดูให้ดีๆแล้วเขาก็แค่อยากจะบอกกับผมว่า...สิ่งที่เขาทำให้ผม...เขาก็แค่ทำไปในฐานะคนรัก...ก็เท่านั้นเอง
“......โค้ช~~~~” มันอดที่จะไม่โผเข้าไปกอดเขาไม่ได้จริงๆ
สองแขนจึงโอบรอบเอวของเขาไว้ก่อนจะซบหน้าลงไปที่แผงอกแข็งแรงซึ่งพร้อมรับผมอยู่เสมอ
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้
ทั้งปลายคางที่เกยอยู่บนหัว ทั้งอ้อมแขนที่กอดรัดอยู่บนลำตัว
ทุกๆส่วนของร่างกายเขากำลังสื่อสารคำว่ารักออกมาแทนคำพูด
ใบหน้าค่อยๆละออกมาจากแผงอกก่อนที่นัยน์ตาจะช้อนขึ้นไปสบประสานกับดวงตาสีขี้เถ้า
แล้วริมฝีปากที่ไม่อาจคานอำนาจของหัวใจก็ขยับเข้าไปหากลีบปากที่รออยู่ช้าๆ....
ผมจูบเขา....
คราวนี้ผมเป็นคนเริ่ม...
และเขาก็สานต่อด้วยเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาพร้อมกับความหอมหวาน
ความอ่อนโยนของเขากำลังทำให้ผมแทบหลอมละลาย เขาไม่เคยเร่งเร้าราวกับรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ารุนแรงกับผมมากไม่ได้
เขามีวิธีจูบ...ที่ใช้กับผมคนเดียวอยู่....
เขาละริมฝีปากออกไปเมื่อผมทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ
หัวที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลนของผมจึงได้แต่เงยพิงโคนต้นไม้เอาไว้ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจที่หนักหน่วง
มือใหญ่ๆดึงเนคไทของผมลงก่อนจะตามด้วยกระดุมเสื้ออีกสองสามเม็ดที่ถูกปลดออก
ที่ซอกคอรับรู้ถึงแรงกดจูบก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะลากไล้ลงไปเรื่อยๆ ทุกๆรอยสัมผัสมันทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
และต่อให้ผ่อนลมหายใจแค่ไหน ความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกได้ก็ยังคงทำให้มีอากาศเท่าไหร่ก็ยังไม่พออยู่เหมือนเดิม
“
ฮ่า....ฮ่า.........” นัยน์ตาปิดลงพลางเบี่ยงใบหน้าเพื่อเปิดลำคอให้เขาซุกไซร้ตามแต่ใจ
ไอร้อนจากทั้งริมฝีปากและลมหายใจทำให้รู้สึกดีจนเผลอส่งเสียงครางออกมา
เขากดหัวเข่าลงที่กลางหว่างขาของผม...
สัมผัสที่ราวกับจะล่อลวงนั้นมันทำให้หัวคิ้วถึงกับขมวดเข้าหากัน...
แต่ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านั้น...
เขาก็หยุดมือลง....
“..........” เขาได้แต่แนบหน้าผากลงมาที่หน้าผากของผมพลางหอบหายใจหนักๆ
ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามกักเก็บความต้องการและสัญชาตญาณดิบลงไป
“
โค้ช.....”
เสียงที่เรียกออกไปกลับสั่นพร่าอย่างไม่ได้ตั้งใจ และนั่นมันทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้วแน่น
“
ถะ ถ้าจะทำมากกว่านี้...กะ ก็ได้นะครับ...ผม...ไหว...” แล้วก็ต้องมารู้สึกอายกับคำพูดของตัวเองจนต้องเสใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปมองที่พื้นเพราะทนสู้หน้าเขาไม่ไหว...ได้ยินเสียงเขาสบถเบาๆก่อนที่คอเสื้อจะถูกดึงออกอีกครั้ง
“
อึ๊ก!.....” คราวนี้มันไม่ใช่แค่จูบคลอเคลียเหมือนก่อนหน้า
แต่ว่าเขากำลังฝังร่องรอยลงไปบนซอกคอของผม
“
หึ เจ้าเด็กแก่แดด...วันนี้ฝากนี่ไว้ก่อนก็แล้วกัน
ไว้แข่งเสร็จเมื่อไหร่จะมาเอาที่เหลืออีกที...เพราะถ้าทำตอนนี้...พรุ่งนี้นายลุกไม่ขึ้นแน่” เขาละใบหน้าออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าจะเจ้าเล่ห์หรือจะกัดฟันกันแน่
รู้แต่ว่าผมอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี
มือแข็งแรงขยับคอเสื้อของผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินกลับไปที่จักรยาน
ได้ยินเขาบ่นมาตามสายลม
“
ชั้นขี้เกียจฟังเจ้าพวกนั้นครวญคราง ถ้านายลุกไม่ขึ้นจนไปไม่ไหวน่ะ” ใบหน้าของผมได้แต่อมยิ้ม...ที่เขาไม่ทำเพราะว่าเขาเป็นห่วงผมยิ่งกว่าอะไร
ยิ่งกว่าการที่ตัวเองต้องทนทรมานอยู่อย่างนี้
ปลายนิ้วแตะลงไปที่รอยบนคอ....
ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาราวกับว่ามันมีมนต์ตราปกคลุมอยู่...
ผมเอง...ก็อยากตอบสนองต่อความต้องการของเขาให้ได้บ้างเหมือนกัน....
“
พรุ่งนี้...เจอกันที่สถานีรถไฟนะครับ”
ผมบอกเขาด้วยรอยยิ้มเมื่อสองขาลงมายืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง
“
...อย่ามัวแต่คิดไปถึงไหนจนนอนไม่หลับซะล่ะ”
เขาพยักหน้าน้อยๆก่อนจะปล่อยคำกำกวมออกมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปลายนิ้วยาวแตะลงบนรอยที่ต้นคอของผมอย่างจงใจหยอกเย้าจนผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
“
ใครมันจะไปคิดละครับ!....โธ่........”
กว่าจะเถียงกลับได้ เขาก็ปั่นจักรยานไปจนลับสายตา
แล้วก็ทั้งๆที่พูดออกไปแบบนั้น....
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น...ผมกลับมีสภาพตามที่เขาแซวเอาไว้เป๊ะๆ
สองขาก้าวลงบันไดมาด้วยนัยน์ตาสะลึมสะลือ
จะบอกว่าเป็นเพราะรอยบนคอนี่ที่ทำให้ผมได้แต่กอดหมอนนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนหลับตาไม่ลงมันก็คงไม่ผิดนัก
ฮึ่ม....จะให้เขารับผิดชอบด้วยการให้ผมยืมไหล่ไปจนถึงปลายทางเลยคอยดู!
“
มากินข้าวก่อนสิเอเลน...ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม? ยาล่ะเอาใส่กระเป๋าไปรึยัง?”
แม่ส่งเสียงทักทันทีที่ผมก้าวขาเข้าไปในห้องทานอาหาร
“
ครับ....”
ปกติแล้วแม่จะมีสีหน้ากังวลทุกครั้งที่ผมจะออกจากบ้าน
แต่พักหลังๆพอรู้ว่าผมไปกับโค้ช
ใบหน้าแบบนั้นของแม่ก็ค่อยๆหายไปกลายเป็นรอยยิ้มและเสียงบ่นแทน
“
จริงสิ...มีกระดาษนี่ใส่อยู่ในตู้จดหมายล่ะ ของลูกน่ะ” เอ๋? กระดาษอะไรกัน? ผมหยิบมันขึ้นมาดูโดยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
......เอเลน.....ไปเจอกันที่ห้องชมรมก่อน......
ชื่อที่ลงท้ายเอาไว้เป็นชื่อของโค้ช
ถึงจะแปลกใจที่คนคนนั้นทิ้งโน้ตเอาไว้แทนที่จะรอรับผมไปด้วยกันแบบนี้
แต่อาจจะมีเรื่องด่วนอะไรให้ต้องไปจัดการก่อนก็ได้มั้ง
“
ขอแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ ไปก่อนนะแม่”
ผมงับขนมปังไว้ที่ปากก่อนจะก้าวขาออกจากบ้านทันที
ถึงจะไม่รู้ว่ามีอะไรแต่รีบไปก่อนก็แล้วกัน
มือตั้งใจจะเลื่อนประตูห้องชมรมให้เปิดออกแต่มันกลับล็อคไว้
“
เอ๋?” โค้ชไปไหนกันนะ?
น่าจะมาที่ห้องชมรมแล้วนี่นา...
ช่วยไม่ได้
เขาอาจจะไปทำอะไรอยู่ที่อื่นละมั้ง? ผมจึงควานหากุญแจห้องชมรมของผมออกมา
เสียงปลดล็อคดังแทบจะพร้อมๆกับที่มือของใครบางคนเอื้อมมาปิดปากของผมเอาไว้
นี่มันอะไรกันน่ะ?!!
“
อื้อ?!!” ผมสะบัดตัวหนี
แต่กลับกลายเป็นว่าถูกผลักเข้าไปในห้องชมรมแทน
กระเป๋าที่สะพายอยู่ที่ไหล่ถูกใครบางคนดึงออกไป
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว ในหัวของผมยังเต็มไปด้วยความมึนงงจนกระทั่ง
ปัง!!!
ประตูถูกเลื่อนปิดไปต่อหน้าต่อตาพร้อมด้วยเสียงล็อคกุญแจจากภายนอก!
เอ๋?
นี่มันอะไรกัน? ทำไมผมมาอยู่ในนี้ล่ะ?
ผมนั่งงงอยู่ที่พื้นราวๆสองนาทีก่อนจะลุกขึ้นมารัวฝ่ามือใส่ประตู
“
นี่!! ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!!”
มันถูกแม่กุญแจล็อคจากข้างนอกแน่ๆ
เพราะไม่ว่าผมจะออกแรงดึงแค่ไหนประตูมันก็ไม่ยอมเปิดออก
อะไร?
ทำไม? มีแต่คำถามลอยอยู่เต็มหัว
และต่อให้รัวฝ่ามือลงไปที่ประตูแค่ไหนก็ไม่มีเสียงอะไรตอบรับกลับมาเลย
หรือว่า...ผมจะถูกขัง...อยู่ในห้องชมรมของตัวเอง....
มาคิดดูให้ดีๆแล้วมันก็น่าสงสัยตั้งแต่โน้ตของโค้ชนั่นแล้ว...หรือว่าที่จริงโค้ชจะไม่ได้เป็นคนส่งโน้ตนั่นมาแต่เป็นฝีมือของใครบางคนที่ต้องการล่อผมให้มาที่ห้องชมรม...แล้วก็ตั้งใจจะขังผมเอาไว้ที่นี่?
แล้วใครคนนั้น...มันเป็นใครกันล่ะ?
จากมือที่ทำงานอย่างรวดเร็วทั้งปิดปากผม
เปิดประตู ดึงกุญแจและกระเป๋าไปจากผม
แล้วก็ผลักผมเข้ามาพร้อมกับปิดประตู....ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำคนเดียวแน่ๆ...และที่สำคัญ...มันมีกลิ่นที่ผมรู้จักดีอยู่ด้วย...
เป็นกลิ่นน้ำหอม....
ซึ่งในโรงเรียนชายล้วนที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อเน่าๆ
จะมีอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ใช้น้ำหอม
พวกชมรมเชียร์!!!
แล้วเจ้าพวกนั้นมันจะขังผมไว้ที่นี่ทำไมกันล่ะ?
ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไงว่าวันนี้ผมต้องเดินทางไปแข่งพร้อมๆกับสมาชิกของชมรมเบสบอล?
หรือว่า....
พวกนั้น....อยากให้ชมรมเบสบอลไปแข่งไม่ทัน?
ไม่สิ...ไม่ใช่ทั้งชมรม...แต่เป็นผมคนเดียวมากกว่าที่พวกนั้นต้องการให้ไปไม่ทัน...
เพราะอะไรกันล่ะ?
ผมไปทำอะไรให้หรือไง?
หรือว่า....
เรื่องงบเดินทางของชมรมเบสบอลก็จะเป็นฝีมือของพวกนั้นด้วย?
เพราะผมจำได้ว่าก่อนที่ผมจะเอาแฟ้มไปยื่น...ผมเจอกับประธานชมรมเชียร์....
ผมได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดปากไปกับความคิดของตัวเอง
ถึงไม่อยากจะเชื่อแต่ระหว่างผมกับพวกชมรมเชียร์ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอื่นแล้ว....
เจ้าพวกชมรมเชียร์ต้องการให้ผมผิดใจกับสมาชิกชมรมเบสบอลคนอื่นๆ
ทั้งเรื่องเงินค่าเดินทางที่เกือบจะต้องเดือดร้อนไปทั่ว
แล้วถ้าในการเดินทางไปแข่งนัดสำคัญแบบนี้ผมยังไม่รับผิดชอบจนไปสายแล้วก็พาลจะทำให้คนทั้งชมรมตกรถไฟอีก....ต่อให้เจ้าพวกบ้าพลังนั่นจะโอ๋ผมขนาดไหนก็คงต้องมีเอือมระอาแน่ๆและถ้ามันลุกลามไปจนเป็นเรื่องใหญ่
ดีไม่ดีพวกนั้นอาจจะอยากเปลี่ยนผู้จัดการใหม่....
สองมือได้แต่กำแน่น....
ถ้าผมไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมของชมรมเบสบอลแล้ว...เจ้าพวกชมรมเชียร์มันคิดว่าจะกล่อมผมให้ไปเข้าชมรมของพวกมันได้หรือยังไง?
ผมไม่เข้าใจ...ว่าทำไมถึงอยากได้ตัวผมจนถึงขนาดต้องลงทุนทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้
แล้วถ้าเรื่องมันบานปลายไปในทางที่ไม่คาดคิดขึ้นมาล่ะ?
อย่างถ้าชมรมเบสบอลไปแข่งไม่ทัน
ไม่คิดหรอว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่น่ะ?...ชื่อเสียงของโรงเรียนแลกกับตัวผมมันสมควรแล้วหรอ?
“
บ้าเอ้ย!!”
มือได้แต่ทุบลงไปที่ประตูด้วยความโมโห
ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมพวกนั้นถึงอยากได้ตัวผมนัก
ถ้าคนหน้าตาดีก็ยังมีคนอื่นอีกเยอะไม่ใช่หรือไง?
หรือเพราะผมเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าปฏิเสธ...ศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอเลยทำให้ยอมไม่ได้?
ถ้าไม่ได้ตัวผมก็จะไม่รู้สึกว่าชนะ?
“
โธ่โว้ย!!” จะด้วยอะไรก็แล้วแต่
แต่ผมจะไม่ยอมง่ายๆแน่! ใบหน้าจึงหันไปมองรอบกาย มือถือก็ถูกดึงไปพร้อมกับกระเป๋าจะโทรบอกใครก็ไม่ได้
และต่อให้แหกปากตะโกนไปแต่วันหยุดแบบนี้คงไม่มีใครมาโรงเรียนแน่
คงจะมีแต่ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเองเท่านั้น
...คิดสิเอเลน
เยเกอร์....นายอยู่ชมรมนี้มาตั้งนาน
เป็นผู้จัดการที่รู้ทุกอย่างของที่นี่...กะอีแค่ทางหนีออกจากห้องชมรม
นายก็ต้องรู้สิ!
สองขาวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องเก็บของที่มีตั้งแต่บอร์ดเก่าๆ
ถุงมือขาดๆ ไม้เบสบอลหักๆและอะไรต่อมิอะไรที่ใช้ไม่ค่อยจะได้แล้วอีกสารพัด
นัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่เครื่องซักผ้าเก่าๆที่ผมทนใช้มันจนพังไปต่อหน้าต่อตา
และถึงมันจะพังไปแล้วแต่หน้าที่ต่อชมรมเบสบอลของมันก็ยังไม่จบไม่สิ้น
ในเมื่อมันไม่ได้ถูกเอามาตั้งเอาไว้ในห้องนี้เฉยๆเหมือนอุปกรณ์รอทิ้งชิ้นอื่นๆ
แต่เจ้าเครื่องซักผ้านี่มันถูกเอามาใช้ปิดรูที่ฝาผนังต่างหาก!
เพราะมัวแต่วุ่นวายกับการเดินสายแข่งจนไม่มีเวลาซ่อมฝาผนัง
ผมจึงให้เจ้าพวกบ้าพลังทั้งหลายช่วยกันยกเจ้าเครื่องซักผ้าผู้เสียสละมาช่วยอุดรูไปพลางๆก่อน...เท่าที่จำได้รูมันก็ไม่ถึงกับใหญ่มากนักหรอกนะ...ถ้าเป็นขนาดตัวของสมาชิกชมรมคนอื่นๆคงรอดออกไปไม่ได้แน่
แต่ก็โชคดีที่เป็นผมซึ่งตัวเล็กที่สุดในชมรม เพราะงั้น....
สองมือออกแรงดันเครื่องซักผ้ารุ่นโบราณที่หนักเอาการออกไปช้าๆ
สลับกับต้องไปโกยกองถุงมือกับยกลังใส่ไม้เบสบอลเพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอที่จะดันเครื่องซักผ้าไปแทนได้
“
ฮึบ.....” แค่ยกของพวกนั้นผมก็แทบจะหอบแฮ่กแล้ว
การต้องมาดันเครื่องซักผ้าต่อจึงเป็นงานหนักสำหรับผมทีเดียว
ถึงจะรีบ...แต่ก็ต้องหยุดผ่อนลมหายใจเป็นพักๆ....
แสงสว่างจากภายนอกเริ่มจะลอดเข้ามา
แสดงว่าเครื่องซักผ้าเริ่มพ้นออกไปจากรูที่ผนังแล้ว
ผมได้แต่ยิ้มพลางปาดเหงื่อก่อนจะออกแรงดันมันต่อไป
จนในที่สุดรูที่มีขนาดพอๆกับตัวผมก็โผล่ออกมาให้เห็น
นัยน์ตาก้มลงมองนาฬิกา...ไม่มีเวลาแล้ว....อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลารถไฟออกแล้ว
ผมต้องวิ่ง....ต้องวิ่งไปจนถึงสถานีรถไฟ!
สองขาคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะมุดรูที่ผนังออกไปได้อย่างฉิวเฉียด
แสงแดดอ่อนๆแยงตาจนต้องเผลอปิดเปลือกตาชั่วครู่
และเมื่อมันเปิดขึ้นมาผมก็เพิ่งจะนึกได้ว่ามันยังมีอุปสรรคอีกอย่างขวางทางผมอยู่นั่นก็คือ....รั้วของโรงเรียน!!
ผมกัดริมฝีปากพลางหันไปหันมา...จะโวยวายให้เจ้าพวกชมรมเชียร์รู้ตัวไม่ได้ว่าผมหลุดออกมาจากห้องชมรมได้แล้ว...แต่ก็นั่นแหละ...ถึงจะหลุดออกมาจากห้องได้แต่ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ในสนามเบสบอลซึ่งถูกล้อมเอาไว้ด้วยรั้วลวดตาข่ายกับรั้วของโรงเรียน
ทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้คือต้องปีนข้ามรั้วโรงเรียนออกไป
โธ่เว้ย....ทำไมผมไม่มีร่างกายสูงใหญ่หรือแข็งแรงเท่าเจ้าพวกนั้นบ้างนะ
ไม่งั้นละก็ กะอีแค่รั้วโรงเรียนแค่นี้....
“
ฮึ่ม....”
จะมัวครวญครางไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
ผมจึงได้แต่ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปด้วยก่อนจะวางมันไว้ข้างรั้ว
บอกตามตรงว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมเพิ่งเคยทำอะไรโล้ดโผนแบบนี้เป็นครั้งแรก
ผมหลับหูหลับตาปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนรั้วได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงจะต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อคิดว่าต้องโดดลงไปอีกฝั่ง
แต่จนแล้วจนรอดผมก็ลงมานั่งกองอยู่บนพื้นฟุตบาทได้สำเร็จ
“
อุก....”
รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าแต่ก็ไม่มีเวลาจะก้มลงไปดู ต่อให้มันจะทุลักทุเลหรือจะโซซัดโซเซแค่ไหน
ผมก็ต้องไปให้ถึงสถานีรถไฟให้ได้!
สองขาได้แต่ออกแรงวิ่ง....
วิ่ง....
วิ่งไปเรื่อยๆ....
วิ่งจนที่ข้อเท้าไม่รู้สึกเจ็บอีกเพราะมันชาไปแล้ว...
วิ่งจนเหงื่อที่เกาะพราวทั่วใบหน้าไหลลงมาราวกับสายน้ำ...
วิ่งจนลมหายใจเริ่มหอบหนัก...
วิ่งถึงแม้จะรู้สึกเจ็บที่หน้าอกและเริ่มหายใจไม่ออก...
วิ่งถึงแม้ว่าน้ำตาจะไหลเพราะหัวใจมันเจ็บจนทรมาน...
วิ่ง....
จนวิ่งไม่ไหวอีกต่อไป....
โค้ช....คุณอยู่ที่ไหน.....
“
เอเลน!!!”
“
โฮ่ย....เอเลน!!!”
“
เอเลน!!!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“
ผมน่ะ...อาจจะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวพอที่จะอยู่กับคุณไปจนแก่เฒ่า...ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”
“
เพราะงั้นพระเจ้าถึงได้ส่งนายมาหาชั้นด้วยอายุที่ต่างกัน 15 ปีแบบนี้ไงล่ะ
ถ้านายตายด้วยโรคของนาย ตอนนั้นชั้นเองก็อาจจะแก่ แล้วก็ตายตามนายไปก็ได้”
ผมเคยพูดกับคุณเอาไว้แบบนี้หรือเปล่านะ?
แต่ว่าตอนนี้.....
ผม....
ขอโทษนะครับ....โค้ช....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
END
โดนตบ!!! จะหักมุมจบก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง!!!
ก็ได้....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
เล่นเอาไม่รู้เลยนะเนี่ย ว่าจะเล่นงานคนเขียนรึพวกชมรมเชียร์ดี แหง่งงงงงง
ตอบลบต่อด่วนเลยน้อพี่ กำลังมันส์และค้างสุดๆเลยยยยยยยย
เอเลนจ้าอย่าเป็นไรนะลูกพ่อ เกิดเป็นภรรยารีไวต้องอดทนนะลูก
พี่กวางงงงงงงงงงงงรีบมาต้อออออออออ
อย่าดองอย่าหน่วงนะเด้อ//^ ^)*
พี่กวางเล่นซะเเอบช็อคไปชั่ววูบ ดีนะเห็นจุดๆต่อ เอเลนนู๋ต้องไม่เป็นไรนะเพราะมีใจอีกดวงคอยอยู่นะเอเลน
ตอบลบโกรธชมรมเชียร์อยู่ดีๆ เกือบจะโกรธคุณกวางแทนแล้วค่ะ 55555555555
ตอบลบฉากพิงต้นไม้คือหวานมากค่ะ เขินนนนน >/////<
โค้ชดูอ่อนโยนมากกกกกก ทำหน้าโหดแต่อบอุ่นมันก๊าวมากค่ะ!!!
แถมขี้แกล้งด้วย พูดอะไรให้เพ้อ เก๊าก็เพ้อด้วยยยยยยย
เอเลนน่าสงสารโดนแกล้งแต่ก็มีคนรัก ก็น่าโอ๋ซะขนาดนี้
หวานมากค่ะ ชอบ จบแบบนี้รีบต่อด่วนนะคะ มันค้างมากกกก
เอิ่ม แอบช็อคกะคำว่า 'END' =_____=;; อย่าแกล้งนักอ่านแรงอย่างนี้สิค่ะ //แผ่รังสีอาฆาต
ตอบลบตอนเห็นคำว่าENDใจร่วงไปอยุ่ตาตุ่ม แง๊
ตอบลบยังไม่ได้เอาคืนอีกฝ่ายอย่าพึงจบนะคะ !!!
เอเลนลูกกกกก ลูกสาว(?)ต้องไม่เป็นอะไรนะ แง๊
โค้ชคะ ฟันหลังคอพวกชมรมเชียร์ให้หมด แง๊
พี่กวาง เกือบหัวใจวายตอนเห็นคำว่า END
ตอบลบแงงงงงงงงงง เอเลนอย่าเป็นอะไรนะ พวกชมรมเชียร์ทำเกินไปแล้ว
ฉากปั่นจักรยานซบหลัง จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามัน อบอุ่น อ่อนโยน
แล้วตอนคิสมาร์ค โค้ช ร้อนแรงไปแล้วนะคะ -///-
พี่กวางทำเก๊าตกใจกับประโยคสุดท้ายยยยยย!!!! ทะ ทูบีคอน...งือออ (โล่งอก)
ตอบลบเปิดมานี่เล่นเอาฟึดฟัดฮึดฮัดอยู่หน้าคอมค่ะ "ใครแกล้งลูกขุ่นมี้!!!" อยากตะโกนให้มันลั่นบ้าน สงสารหนูเลนจับใจเลยค่ะตอนนั้น คิดสภาพคนที่ทำอะไรไม่ถูกแล้วแบกความหวังคนทั้งชมรม! อ๊ากกก!!! ไอ้ตัวไหนทำแบบนี้ โผล่มาสิฟะ!! ณ จุดนี้ไม่สนอะไร อยากโอ๋หนูเลนอย่างเดียวเลยง่ะ คืออ่านเรื่องนี้นี่อยากกลายร่างเป็นสมาชิกสักคนในโรงเรียนจริงจัง (เหม็นเหงื่อก็ยอมเค่อะ!) เพราะอิจฉามากๆ ได้ลูบหัว ได้ปลอบหนูเลนด้วย มันโคตรซึ้งเลยอ่ะพี่กวาง การที่เวลาท้อๆแล้วมีคนมาปลอบเนี่ยนะ มันสุดยอดอ่ะ T_T b
คุณรีไวคะ...โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คุณรีไวป๋ามากกกกกกกกกกกก แค่นี้ไม่เป็นไร จ่ายได้ โฮกกกกกกกกกกกกกกกก หลง หลงเลยง่ะ หล่อโฮกอ้ะ แต่หนูเลนเอ๊ย! โคแก่// โดนฟัง เขาทำทุกอย่างเพื่อได้หญ้าอ่อน // โดนฟันอีกรอบ เพราะงั้นประโยคนี้โผล่มา กรี๊ดสุดชีวิต
“ มันเป็นค่าตัวของนาย” ห๋า? ค่าตัวนี่มัน.....?
ไม่ใช่หนูเท่านั้นที่คิด...เก๊าก็คิด โฮววววววววววววววววววว ย้อนกลับขึ้นไปอ่านแนวเรื่อง เรื่องนี้มันอบอุ่นหัวใจ เพราะงั้นคงไม่ใช่ที่นี่ (ห๊า!!) แต่ฉากตรงต้นไม้นั่นทำเอาบิดม้วนต้วนจริงๆค่ะ
“ ชั้นใช้เงินนั่นซื้อรอยยิ้มของนาย เพราะงั้นยิ้มให้ชั้นซะเอเลน”
TTvTT b โฮววววววววกกกกกกกกกกกกกก หวานมาก คุณรีไวคะ เอาใจขุ่นมี้คนนี้ไปเถอะ ยกให้เลยเรื่องนี้
แต่มารผจญยังไม่จบไม่สิ้น ต่อมานี่ทำให้ประโยคแรกหวนกลับมาอีกครั้ง "ใครแกล้งลูกขุ่นมี้!!" คราวนี้พ่นไฟจริงจังค่ะ คือมันต้องไม่ง่ายแน่ แล้วมันก็ไม่ง่ายจริงๆด้วย แบบ...สงสารเอเลนจับใจจริงๆพี่กวาง คือมันหอบ มันเหนื่อย แล้วดิ้นรนอ่ะ กลัวทีสุดว่าจะล้มไปทุกนาทีๆเลยค่ะ แบบ ตอนวิ่งนี่ไม่ไหวแล้ว น้ำตาจะไหลพรากๆ ยิ่งได้อ่านสองประโยคนั่น มันยิ่งทำให้อินอ่ะ
งือออออออออออออออออออ จะเฝ้ารอตอนต่อไปสุดใจขาดดิ้นค่ะ ตอนเห็นคำว่า END นี่หัวใจเค้าจะหยุดเต้น จะเป็นโรคหัวใจตามหนูเลนจริงๆนะ โฮวววว TT[]TT
โอ๊ยๆๆๆ ให้ตายเถอะ 2 ประโยคก่อนจบตอนนี้มันช่างสุดยอดมากค่ะ
ตอบลบอ่านไปเขินไป กัดหมอนกัดผ้าห่ม คุณโค้ชคิดได้อะ โรแมนติคมว๊ากกกก
ก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้เด็กมันหลงได้อย่างไร
........เค้าจะโกรธ(?)ที่กวางซามะทำเค้าเบิกตากว้าง(?)เกินไป(?)จนเจ็บตา(?)เพราะเห็นคำว่า END ดีมั้ยยยยยยยยเนี่ย #ทึ้งหัวตัวเอง(?)
ตอบลบคือเค้าเบิกตากว้างจริงจังค่ะ
ด้วยความแบบ.....จบแบบนี้จริงอ่ะ!!!!!!!!!!!! O __ O
ถึงประโยคจบมันจะโดนโฮกฮาก(?)ทะลุทะลวงไปทั่วร่าง(?)แบบลงไปชาบูกวางซามะที่คิดประโยคสุดยอดแบบนี้ได้ก็ตามนะคะ แต่ คือความรู้สึกอบอุ่นมุ้งมิ้งหน้าบานม้วนตัวหมุนติ้วกิ๊วก๊าวชุ่มฉ่ำใจวิ๊ดวิ้ว(พอเถ๊อะ!)ก่อนหน้านี้มันแบบ......หายไปชั่วขณะ(?)เลยจริงจัง นิ้วก็ชา(?)จนไม่สามารถจะเลื่อนเม้าส์ลงมาอ่านบรรทัดต่อไปได้ 555555 กวางซามะจะทำให้คนอ่านเป็นโรคหัวใจ(?)ตาม(?)แบ้ววววนะคะ!
เค้าดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้มากๆๆนะคะ T __ T ดีใจมากๆจริงๆน้า
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบความอบอุ่นแบบนี้มากๆจริงๆ
คือถึงกวางซามะจะเอาแต่พูดบ่อยๆว่าพอแต่งแนวนี้แล้วมันดูเอื่อยๆและราบเรียบ
แต่เค้าบอกตรงๆว่าในทุกๆจุดมันมีเสน่ห์มากๆจริงจังค่ะ อ่านแล้วมันอิ่มเอม และอบอุ่นมากๆๆๆๆ
ในหลายๆจุดที่แบบ โอ่ยยยยยย จะให้ฉันลงไปดิ้น(?)อีกกี่รอบก๊านนนนนน
ท่านท่อนขาปกติแบบดาร์คก็หล่อโฮก(?)อยู่แล้ว (เวลาพูดถึงความหล่อเราจะไม่โยงเข้าเรื่องส่วนสูง(?) 555555 คือได้ข่าวว่านี่มันก็กำลังโยง)
แต่แบบอบอุ่นแบบนี้แล้วมันจะละลายยยยยยยย(?) > __ <
แล้วพ่อคุณเป็นพระเอกม้าขาว(?)มากกกกกกกก
มันให้ฟีลอยากโผเข้ากอดแบบที่เอเลนเป็นแบบนั้นจริงๆง่ะ
อ๊ากกกกกกก ไม่ทนนนนนนนนนน > ___ <
พาร์ทนี้เค้ารู้สึกว่าเอเลนโดนกลั่นแกล้งหนักมาก T _ T
ไอ้พวกคุณชมรมเชี๊ยร์(?)~~~~~ จะให้เอเลนตกที่นั่งลำบากไปถึงไหนก๊านนนน
อ่านไปห่วงสุขภาพเอเลนไป พร้อมๆกับฟีลที่อยากจะให้ท่านท่อนขาได้ใช้ท่อนขา(?)สักฉากเหลือคณาเบยค่ะ 5555555
พาร์ทนี้เค้าฟินฉากโดนกดเข้ากับโค่นต้นไม้(?)มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก > ___ < คือถ้าจะหวานกันได้ละมุนจนจะละลายขนาดนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!! (ลงไปชาบูกวางซามะสามตลบ)
อ่ะ!! เค้ารู้สึกแปลกใหม่(?)กับการที่เห็นท่านท่อนขา(?)อดทน(?)เป็นกะเค้าด้วยมากๆเลยล่ะค่ะ 5555555 (อะหือกระทืบมาซะไม่ยั้งเบยย 5555) แต่มันก็จริงๆนา การเห็นเอเลนยอมเอ่ยปากว่าไม่ต้องทนแล้วท่านท่อนขาต้องเก็บกดสัญชาตญาณดิบลงไปนี่มันได้ใจ(?)จริงจัง 5555 > _ <
ตอนที่เอเลนโดนขัง เค้าชอบการปูเนื้อเรื่องของกวางซามะมากๆเลยจริงจัง ที่บอกว่า [ อยู่ชมรมนี้มาตั้งนานกะอีแค่ทางออกของห้องนี้ต้องรู้สิ ] รู้สึกชอบมากๆ > __ < ฟีลเอเลนที่แม้จะป่วย แม้จะตกที่นั่งลำบาก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังใช้สมองคิดหาทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้นๆอยู่เสมอ แม้จะป่วยแต่ก็ไม่เคยทำตัวอ่อนแอเลย คลั่งงงงงงงงงงงงงงง > ____ <
เค้ารออ่านตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้กวางซามะอยู่เสมอเลยจริงจัง
ชอบเรื่องนี้ที่ทำให้เรื่องอายุที่ห่างกันมาก(?)หวานได้ขนาดนี้ > __ <
ชอบสองประโยคก่อนจบพาร์ทนี้มากๆจริงจังค่ะ!!!!!!
ปล.[นอกเรื่อง(?)] ยืนยัน(?)ย้ำ(?)อีกครั้งว่าซีพียู(?)เก๊าแปะรูปเอเลน(?)ไม่พอแบ้ว 55555555 โอ่ยยย คลั่งทุกรูปมากๆๆๆๆๆๆๆจริงๆนะคะ ฮือออออออ ชอบบบบบบบบบบบบบบบ ดีใจที่ได้เซฟ(?)มากๆๆเลย > __ <
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ แอบช๊อคเหมือนทุกคนนั่นแกละเจ้าก๊าาา
ตอบลบดีที่มือมันทะลึ่งปัดเล่นไปเรื่อยไม่งั้นคงได้นอนโกรธคุณกวางทั้งคืนอแน่ๆ
กำลังหวานกำลังซึ้งอยู่ดีๆก็มีเรื่องมาบีบหัวใจดวงน้อยๆของข้าเจ้าซะง้านนน
ตอนเห็นคำว่า End. งี้อ้าปากค้างเบิกตากว้างอยู่สิบวิเชียวนะ
//แอร์เป่าตาแห้งเลยรู้สึกตัวฮ่ะๆๆ//
ขอตอนต่อไปด่วนด้วยนะก๊ายังรอ ยังรอ ยังรอ ก๊าาา
โค้ชชชชชชชชชชชชช
ตอบลบอย่าเท่อ่ะ
โผล่มาแบบหล่อๆพร้อมเช็ค
แถมยังพูดตาชวนคิดลึกให้้มโนไปไหนต่อไหรอีก
"ค่าตัว" ของเอเลนเลยนะ
ฉากต้รไม้ก็หวานและแซ่บไปพร้อมๆกัน
เอเลนสุดยอดอ่ะ
สู้เพื่อชมรมสมศักดิ์ศรีผู้จัดการจริงๆ
ขอให้ชมรมเชียร์โดนโค้ชเฉือนหหลังคอ