Attack
on Titan. Au S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren] พราว : 03
:
Attack on Titan Fanfiction
:
Levi x Eren
:
Warmhearted Sweet
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“
โค้ช...ทำยังไงดีครับ....ผมคิดว่า...ผมรักคุณ”
ผมมองเขาด้วยใบหน้าที่ชะงักค้างน้อยๆ
ก่อนจะก้มลงมองผืนน้ำที่กระเพื่อมอยู่รอบกายอย่างทนที่จะรับรู้ความจริงไม่ได้
ความเงียบโรยตัวเข้ามาถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีแต่สำหรับผมแล้วมันช่างนานแสนนาน
“
...............งั้นหรอ....”
เอ๊ะ?
เสียงทุ้มที่พูดออกมาสั้นๆแค่นั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
และเพราะใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรเลยมันทำให้ขอบตารู้สึกร้อนขึ้นมา
เขารับฟัง....รับฟังความรู้สึกของผม...
แต่ผมไม่รู้...ว่านั่นคือการปฏิเสธหรือว่าตอบตกลงกันแน่...บางทีที่เขาไม่ใช้คำพูดไร้เยื่อไยที่มักจะใช้กับเด็กสาวที่เข้ามาสารภาพรัก
อาจจะเป็นเพราะอยากจะรักษาน้ำใจคนคุ้นเคยกันอย่างผมก็ได้
สองมือกำแน่นอยู่ที่หน้าตัก...ผมไม่ควรจะบอกเขา....ไม่ควรจะบอกเขาเลยจริงๆ...
"
กลับห้องพักกันเถอะ นายไม่ควรจะแช่น้ำนานนะเจ้าเด็กเหลือขอ"
ฝ่ามือเปียกๆประคองอยู่ที่ข้างแก้มของผม...เขายังคงอ่อนโยน...ยังคงทำกับผมเหมือนปกติ
และเพราะว่าเขาปกติเกินไป
มันเลยทำให้น้ำตาของผมไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่....
ช่วยอย่า....ทำดีกับผมมากไปกว่านี้จะได้ไหม
ในห้องพักนั้นถูกความเงียบเข้าปกคลุมอย่างที่คิดไว้จริงๆ…มีเพียงเสียงพับเสื้อผ้าเพื่อรอเอาไปใส่ตะกร้าในวันพรุ่งนี้
ปลายจมูกที่เห็นอยู่รำไรแดงระเรื่อไม่ได้ต่างไปจากขอบตาที่ร้อนผ่าว
ผมยังคงก้มหน้าอยู่กับกองเสื้อผ้าที่พับแล้วพับอีกเพราะไม่กล้าจะเงยหน้าสบตาเขา....คืนนี้....ผมไปนอนกับพวกสมาชิกชมรมเบสบอลดีไหมนะ
เขา...อาจจะไม่อยากนอนใกล้ๆคนอย่างผมก็ได้...
“
รังเกียจ....หรือเปล่าครับ....ที่ผมเป็นผู้ชายแต่ดันไปรู้สึกแบบนั้นกับโค้ช........” เสียงงึมงำตัดสินใจถามออกไป
ถ้าเขาพูดสักคำ ผมก็จะออกไปจากห้องนี้ทันที
“
.............”
นัยน์ตาช้อนมองเขาอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเขาจ้องผมเขม็ง....นี่จ้องผมแบบนี้อยู่นานแล้วหรือเปล่า?....เขาถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า
“..........ถ้ารังเกียจ...นายคิดว่าชั้นจะมาพูดกับนายอยู่แบบนี้หรอ?
นายก็รู้ว่าถ้าชั้นไม่ชอบ ไม่ต้องการ ชั้นก็จะปฏิเสธออกไปตรงๆ ไม่ต้องห่วงหรอก
ชั้นสามารถใช้คำพูดไร้เยื่อไยพวกนั้นกับคนที่คุ้นเคยกันดีได้” สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้ความอบอุ่นแผ่นซ่านเข้ามาในหัวใจจนมันไปปรากฏเป็นประกายในดวงตา
ถ้างั้นก็หมายความว่า.....
แล้วน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งไปก็รื้นขึ้นมาอีก
แต่คราวนี้ผมร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป...
“
ขอบคุณครับ โค้ช...” สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาเป็นเด็กๆ
เสียงหัวเราะทั้งสะอื้นของผมทำให้เขาทำหน้ายุ่งพลางจับหัวผมโยกไปมา
“
จะร้องไห้ไปถึงไหนเจ้าลูกหมา เดี๋ยวไอ้เด็กบ้าพวกนั้นก็หาว่าชั้นรังแกนายหรอก
นอนได้แล้ว”
เสียงดุๆเอ่ยออกมาแต่ผมกลับดีใจจนหยุดร้องไห้ไม่ได้ และกว่าคืนนั้นจะได้นอน
ตาผมก็บวมเป่งในเช้าวันถัดมาจนได้
การซ้อมผ่านไปตามปกติถึงแม้จะเปลี่ยนสถานที่แต่สมาชิกทุกคนก็ยังคงเอาจริงเอาจังเหมือนเดิม
ใช่...เหมือนเดิมทุกอย่าง...
เขา...ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งๆที่ถูกผมสารภาพรัก...ไม่มีอึกอัก ไม่มีเขินอาย ไม่แสดงท่าทางรังเกียจ ไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อผมเข้าใกล้...ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
จนผมไม่รู้...ว่าตกลงแล้วตอนนี้เราเป็นอะไรกัน?
เขายอมรับว่าผมเป็นคนรัก?
หรือว่าเรายังเป็นแค่ครูกับศิษย์เหมือนเดิม?
ผมยืนเหม่ออยู่ข้างราวตากผ้า
ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาเก็บชุดที่ซักไว้แต่เพราะมัวแต่คิดอะไรเต็มหัว
ตะกร้าที่หิ้วมาด้วยจึงยังคงว่างเปล่า
โป๊ก!!!
อะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่ขมับทำให้ผมหลุดจากภวังค์...ใครมันลอบทำร้ายผมกัน?!!
และเมื่อหันไปดูก็เห็นลูกปิงปองสีขาวกลิ้งอยู่ที่พื้น
“
อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆ เฮ้ย!! โดนหัวเอเลนด้วยว่ะ” สมาชิกของชมรมคนหนึ่งวิ่งตามลูกปิงปองมาก่อนจะฮาก๊ากเมื่อเห็นผมยืนลูบขมับพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ลูกสีขาวเบาๆนั่น
“
จริงเด้ ฮ่าๆๆๆๆ ขนาดลูกปิงปองยังรักนายเลยเอเลน ดีนะมันไม่จูบเข้าที่ปาก
ไม่งั้นน่าอิจฉาแย่” ....ยัง...ยังจะมีลูกคู่ดังตามมาจากห้องสันทนาการใกล้ๆซึ่งใช้เป็นที่วางโต๊ะปิงปอง
และไอ้พวกบ้าพลังนั่นหลังจากซ้อมเสร็จก็ยังมาดวลปิงปองต่อกันอีก
“
ถ้าพวกนายว่างมากนักละก็ มาพับเสื้อผ้าของตัวเองสิ!!”
ผมตะโกนสวนกลับไป...เท่านั้นละ...หุบปากกันเงียบกริบเชียวนะ
ผมพ่นลมหายใจใส่เสื้อของใครสักคนที่ถือมานานแล้วก่อนจะพับมันวางลงตะกร้า
เสียงตีปิงปองยังคงดังต่อไปจนผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับเสียงเฮฮาที่เชียร์กันลั่น ป่านนี้แขกเหรื่อของเรียวกังคงพากันหนีไปหมดแล้วแน่ๆ
เสียงโบกสะบัดของผ้าปูฟูกสีขาวมากมายที่เรียวกังตากเอาไว้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง...ถึงจะด่ากันอยู่ทุกวันและพวกนั้นก็ป่วนประสาทผมไม่ใช่น้อยแต่ผมก็รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน
เพราะทุกวันมีแต่ความสนุกสนานแล้วก็ได้อยู่ใกล้ๆเบสบอลที่รัก...ได้อยู่ใกล้ๆ...คนที่รัก...
อ้า~~~
พอนึกถึงเขาทีไร ใบหน้าผมก็จะร้อนเป็นไฟทุกที!
ทั้งๆที่เขาเองยังทำหน้าราวกับปลาตายไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด! คิดแล้วมันก็น่าโมโหจริงๆ
นี่เขาไม่คิดอะไรกับผมหรือว่าผมมันเป็นเด็กผอมแห้งแบนเป็นไม้กระดานไร้เสน่ห์กันแน่
เขาถึงไม่แลแบบนี้!
“
เป็นอะไรน่ะ? เดี๋ยวก็หน้าเขียวเดี๋ยวก็หน้าแดง?”
“
เหว๋อ?!!!”
ผมตะครุบผ้าที่เผลอทำหลุดจากมือเพราะจู่ๆคนในห้วงคำนึงก็โผล่มาแทบไม่ทัน
บางครั้งผมก็คิดนะว่าผมอาจจะหัวใจวายตายเพราะเขาโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี้มากกว่าจะตายเพราะออกกำลังเกินขีดจำกัดอีกนะ
“
โค้ช...คราวหลังก็ให้เสียงหน่อยสิครับ ตกใจหมดเลย”
ผมค้อนเข้าให้แต่เขาเพียงแค่หัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปหลังราวตากผ้า....เอ...แต่ผมจำได้ว่าผมเก็บผ้าของเขาไปให้แล้วไม่ใช่หรอ?
“
โค้ช...ผมเก็บผ้าไปให้ไม่หมดหรอครับ?”
แต่เขาก็ยังคงเงียบ...ผมมองเห็นแต่ขาที่เดินเข้าไปหลังราวตากผ้าเรื่อยๆ
เรื่อยๆ...ผ้าปูฟูกสีขาวที่โบกสะบัดไปตามแรงลมทำให้ผมมองไม่เห็นว่าเขาเข้าไปทำอะไร
“
โค้ช?...” ผมชะเง้อคอมองแต่เขาก็เข้าไปนานจนผมได้แต่สงสัย
สองมือจึงทิ้งเสื้อผ้าของเจ้าพวกบ้าพลังแล้วเดินตามเขาไป
ท่อนแขนปัดชายผ้าที่ปลิวระใบหน้าก่อนจะมุดราวตากผ้าเข้าไปเรื่อยๆ
กลิ่นสะอาดๆของผืนผ้าทำให้รู้สึกราวกับกำลังถูกเขากอดเอาไว้ยังไงก็ไม่รู้
“
โค้ช? อยู่ไหนน่ะครับ? คุณเข้ามาทำอะไรเนี่ย?”
ผมเลิกผ้าขึ้นพลางกวาดสายตามองหาแต่ก็เห็นเพียงแค่ผ้าสีขาวที่โบกสะบัดอยู่รอบกาย...ไปไหนของเค้านะ?
พั่บ....
ชั่ววินาทีที่ได้ยินเสียงผ้าโบกพัดลำตัวก็ถูกตวัดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน
และเมื่อหันกลับไปดู.....ริมฝีปากก็ถูกเขาขโมยไปในชั่วพริบตา
ถึงจะแผ่วเบาแต่ก็ทำเอาหัวใจแทบจะทะลุออกมาจากอก
ใบหน้าของเขายังคงอยู่ห่างแค่คืบ
ลมหายใจที่แทบจะเป่ารดกันเป็นเครื่องยืนยันว่า...ผมเสียจูบแรกให้เขาไปแล้วแน่ๆ
“
แม้แต่ลูกปิงปอง ชั้นก็ไม่ยอมให้มันได้ริมฝีปากของนายไปหรอกนะ” เอ๋? เขาได้ยินที่ผมคุยกับเจ้าพวกนั้นงั้นหรอ?
เขายิ้มที่มุมปากด้วยใบหน้าพึงพอใจก่อนจะปล่อยผมที่แข็งเป็นหินแล้วเลิกผ้าเดินจากไป
ผมได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆด้วยหัวใจที่ยังคงอุ่นวาบ
เขา....เขา....เขา.........
การซ้อมยังคงดำเนินต่อไปด้วยดี
ดูเหมือนผลต่างๆจะเป็นไปตามที่เขาคิดทำให้ช่วงท้ายๆของวันเข้าค่าย เขาเลยยอมผ่อนปรนให้พวกสมาชิกของชมรมได้ผ่อนคลายบ้าง
อย่างวันนี้....
จักรยานของโรงแรมถูกเจ้าพวกบ้าพลังที่ปกติจะวิ่งขึ้นเขายืมไป
จากที่มันเคยมีผมซ้อนท้ายแต่วันนี้กลับกลายเป็นเบียร์ลังหนึ่งแทน...ถึงจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เวลาเด็กผู้ชายวัยนี้มาอยู่รวมกันมันก็ต้องมีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง
แต่การที่เขาซึ่งเป็นโค้ชก็เข้าไปร่วมวงด้วยนี่มัน....
เฮ้อ....ก็เขาเป็นผู้ชายนี่นะ
มันก็อาจจะช่วยไม่ได้
ผมเปิดประตูเลื่อนเข้าไปพร้อมกับจานกับแกล้ม
ห้องโถงที่เจ้าพวกนั้นใช้นอนเริ่มส่งเสียงเฮฮาดังกว่าปกติ
กลิ่นเบียร์ที่หลังๆเหมือนจะมีกลิ่นเหล้าผสมอยู่ด้วยทำให้ผมถึงกับย่นจมูก
“
เอเลนจัง...เอ้า...นี่ของนาย~~~ ยังดื่มไม่ได้นะนายน่ะ~~~”
เสียงยานคางของเจ้าคนที่เริ่มจะเมายื่นแก้วน้ำส้มมาให้ผม
ผมไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้จะห่วงอะไรมากไปกว่าจะไม่มีใครคอยเก็บศพถึงได้กันผมเอาไว้คนนึงแบบนี้หรอก
ผมหันหน้าไปมองใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยของเขาต่อให้เหล้าเข้าปากไปแล้วก็ตาม
ดูท่าทางเขาก็ดื่มเข้าไปไม่น้อยใบหน้าถึงได้เริ่มมีสีระเรื่อ
กว่าเสียงร้องรำทำเพลงแบบเมาๆจะเงียบหายไปได้ก็เข้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมง...ผมเก็บกวาดห้องครัวให้กับทางเรียวกังเสร็จแล้วจึงกลับมาดูสภาพห้องที่เละเทะพอสมควร
กลิ่นฉุนรุนแรงโชยมาแตะจมูกทันทีที่เปิดประตูเข้าไป
ศพมากมายที่นอนกันเกลื่อนกลาดทำให้ผมถอนหายใจ...ถ้าจะปลุกให้ลุกไปนอนดีๆก็ดูท่าจะเกินกำลังของผมมากไป
เพราะงั้นผมจึงทำแค่เอาผ้าห่มไปหย่อนๆไว้ให้ก็เท่านั้น
ผมยืนเท้าสะเอวพลางก้มลงมองร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครของเขาซึ่งเมาหลับพับอยู่คาโต๊ะ...จริงๆเล้ย...ผมไม่คิดเลยนะว่าจะมีโอกาสได้เห็นเขาในสภาพนี้
“
โค้ช...โค้ชครับ....ไปนอนที่ห้องดีกว่าครับ...”
ผมคุกเข่าลงไปเขย่าไหล่เขาซึ่งยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
“
โค้ช....” เสียงอืออากับมือที่ปัดไปปัดมาทำให้ผมรู้ว่าเขายังเมาอยู่แน่ๆ
แต่จะปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้ก็คงไม่ได้
ผมจึงตัดสินใจสอดแขนเข้าไปแล้วพยายามพยุงเขาให้ลุกขึ้น กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาจากตัวเขาทำเอาผมต้องค่อยๆหายใจ
ที่ไหล่รับรู้ถึงน้ำหนักตัวของเขาที่โถมเข้ามา
ถึงเขาจะเตี้ยกว่าผมแต่ก็หนักไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย
“
เดินดีๆสิครับ...”
เขาเดินเซไปเซมาทำให้ผมแทบจะถลาตามไปด้วย
ก็ยังดีที่เวลาเมาเขาไม่ได้อาละวาดเหมือนใครหลายๆคน
“
ถึงแล้วครับ นอนตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมปูฟูกให้”
ผมปล่อยให้เขานอนแผ่หลาอยู่กลางห้อง
เพราะน้ำหนักตัวที่ไม่ใช่น้อยๆทำเอาผมถึงกับหอบแฮ่ก
ฟูกสีขาวถูกปูอยู่ข้างๆตัวเขา
และกว่าผมจะพลิกให้เขาไปนอนบนฟูกได้....
“
โค้ช...อย่าเพิ่งหลับสิครับ พลิกตัวนิดนึง”
เป็นเพราะเขานอนแผ่อยู่ที่พื้นทำให้ลำบากกว่าตอนพยุงเขาขึ้นมาจากโต๊ะ
ผมทั้งลากทั้งดึงจนสุดแรงกว่าจะทำให้เขากลิ้งไปนอนบนฟูกได้
ผมนั่งหอบพลางมองเขาที่ยังเมาไม่รู้เรื่อง...มาคิดๆดูแล้ว...อย่างกับผมเป็นภรรยาเขาเลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย?
ใบหน้าสะบัดไปมาอย่างอายในความคิดของตัวเอง....เช็ดหน้าเช็ดตาให้เขาหน่อยดีกว่า....ผมจึงเดินออกจากห้องแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกะละมังและผ้าขนหนูเปียก
มือกดผ้าซับไปบนใบหน้าของเขา
ผมจ้องหน้าคนเมาพลางอมยิ้ม....ก็ขนาดหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้เขาก็ยังขมวดคิ้วเลยนี่...ปลายนิ้วจึงกดลงไปตรงหว่างคิ้วก่อนจะนวดให้มันคลายปมออกจากกัน
ผืนผ้าไล่เช็ดตามส่วนต่างๆของใบหน้าแล้วค่อยๆไล่ลงมาที่ลำคอ
“
อือ....”
เขาส่งเสียงราวกับรำคาญที่ผมไปก่อกวน
ก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าจะหรี่ปรือขึ้นมามองหน้าผมอย่างเบลอๆ
“
เอเลน?”
เสียงแหบพร่าของเขาฟังดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งมันถูกใช้เรียกของของผมด้วยแบบนี้....
“
เอ๋?” แล้วจู่ๆท่อนแขนของเขาก็รวบมาที่เอวของผมก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกที
แผ่นหลังก็นอนราบอยู่บนฟูกไปแล้ว
“
โค้ช?...”
ผมมองคนที่คร่อมอยู่บนลำตัวด้วยนัยน์ตาตื่นๆ
กลิ่นเหล้าจากตัวเขาทำให้รู้ว่าเขาอาจจะทำไปโดยไม่มีสติ
“
นอนเถอะครับ คุณเมาแล้วนะ”
“
ชั้นไม่ได้เมา”
ถึงเสียงของเขาจะยังคงนิ่งสนิทแต่ผมก็ไม่เชื่อที่เขาพูดหรอก
“
คนเมาทุกคนก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เมาทั้งนั้นแหละครับ”
ผมยังคงกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขาแม้จะถูกพลิกมากดให้อยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมก็ตาม
“
เอ๊ะ? โค้ช? เดี๋ยว?”
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆมือของเขาก็ตรงเข้ามาแกะกระดุมเสื้อผมออก ถึงผมจะถูกใครๆมองว่าเด็กแต่ผมก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
ถึงผมจะยอมเป็นของเขาแต่มันต้องไม่ใช่เวลาที่เขาเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้...เพราะเขาคงไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองให้ค่อยเป็นค่อยไปกับร่างกายที่ไม่สามารถจะตอบสนองความต้องการที่หนักหน่วงนักของผมได้
“
โค้ช!!”
สองมือจึงพยายามปัดป้องแต่ก็ดูเหมือนแรงของเขาจะไม่ได้ลดลงจากปกติเลย
กระดุมเสื้อของผมถูกแกะออกจนหมด เขาละจากตัวผมไปดึงชายเสื้อยืดสีดำของตัวเองก่อนจะถอดมันออกไปให้พ้นหัว
กล้ามหน้าท้องอันสวยงามและแข็งแกร่งของเขาปรากฏแก่สายตา เขายังคงจับผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมด
แต่แทนที่เขาจะจู่โจมผมเหมือนสัตว์ร้าย
กลับกลายเป็นว่าเขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผมก่อนจะรวบตัวของผมไปกอดเอาไว้…
แผ่นหลังของผมแนบสนิทไปกับแผงอกของเขา
เป็นเพราะร่างกายเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ทำให้ผมรับรู้ถึงอุณหภูมิและเสียงชีพจรของเขาได้อย่างชัดเจน
ทั้งกลิ่นกายที่คละเคล้าไปกับกลิ่นเหล้า
ทั้งเสียงลมหายใจที่คลอเคลียอยู่ที่ลาดไหล่และซอกคอ
เขากอดผม....
กอดจนแทบจะจมหายเข้าไปในอ้อมแขนของเขา....
กอด....
แต่ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น....
“
กลัวชั้นหรือเปล่า....”
เสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมา
ที่แผ่นหลังรวมทั้งลาดไหล่รับรู้ได้ถึงปลายจมูกและริมฝีปากที่กดจูบคลอเคลีย
“
ชั้นอยากจะถามนายให้แน่ใจ...ชั้นทำแบบนี้...นายไม่กลัวชั้นใช่ไหม....ชั้นอาจจะจับนายถอดเสื้อผ้าแล้วก็กอดเอาไว้แบบนี้ทุกคืน
นายไม่กลัวใช่ไหม?” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
ถึงจะฟังดูโรคจิตแต่อ้อมแขนของเขาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด
“
ถ้ามีความรัก...ก็จะเป็นรักที่รุนแรง ทุกๆอย่างของคนคนนั้นจะต้องเป็นของชั้นคนเดียว
จะหวงมากกว่าคนปกติหลายร้อยเท่า...นายจะทนได้หรือเปล่า?...”
“
ที่ผู้หญิงคนนั้นขอเลิกกับชั้น ชั้นก็ไม่ได้โทษเธอฝ่ายเดียว
เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ บางทีเธออาจจะทนไม่ไหว”
เพราะแบบนี้เองสินะเขาถึงได้ไม่ยอมมีใครอีก....กลัวการที่จะรักใครสักคน....
เพราะความรักของเขามันไม่ปกติ…
มือของผมวางลงไปบนมือของเขาก่อนจะจับกระชับมันให้แน่น
ผมพลิกกายกลับไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆเพื่อบ่งบอกว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจ
“
ผมรักคุณครับโค้ช...สำหรับผมแล้ว...ความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องทน...” เขายิ้มจางๆด้วยนัยน์ตาสั่นไหว
ผมไม่รู้ว่าเขาร้องไห้หรือเปล่าเพราะเขากอดผมเอาไว้จนมองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากอ้อมแขนของเขา
กลิ่นกายของเขา
เสียงหัวใจเต้นระรัวของเขา อุณหภูมิที่แผ่ออกมาจากผิวหนังของเขา
เสียงสูดหายใจหนักๆเป็นระยะๆของเขา ความรู้สึก...ของเขา...
ผมรับรู้
ผมรับรู้มันได้แล้ว...
สองแขนสอดเข้าข้างลำตัวหนาก่อนจะกอดแผ่นหลังที่ไม่ได้กว้างใหญ่แต่พร้อมจะปกป้องผมมากกว่าใครจนผิวเนื้อแนบแน่นไม่มีแม้แต่ทางให้มดผ่าน
คืนทั้งคืนผมจมอยู่ในอ้อมแขนของเขา
และเช้าวันรุ่งขึ้น....
ก็เป็นวันแรกที่เราเริ่มคบกันในฐานะ....คนรัก
ในที่สุดวันที่ต้องกลับบ้านก็มาถึง....
ผมหันไปมองเรียวกังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มหัวให้เจ้าของที่ออกมายืนส่งแล้วเดินตามสมาชิกชมรมคนอื่นๆลงเขา
หลังจากสร่างเมาพวกเราก็กลับบ้านกันในช่วงสาย
เป็นอันว่าการเข้าค่ายในครั้งนี้ก็กำลังจะจบลงด้วยผลงานที่น่าพอใจ
สองขาสาวเท้าไปให้ทันเขาที่เดินอยู่หลังเจ้าพวกบ้าพลังที่วันนี้ดูจะอ่อนระโหยโรยแรงถึงได้เดินเหม่อลงเขา
และเพราะรู้ว่าคงจะไม่มีใครหันมาสนใจละมั้ง เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้
เขาถึงได้สอดนิ้วเข้ามาจับมือผมเอาไว้
ผมเงยมองใบหน้าที่กำลังหาวหวอดของเขาด้วยรอยยิ้ม....เมื่อเช้า....ผมตื่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาจริงๆ
เรื่องเมื่อคืนมันไม่ใช่สิ่งที่ฝันไป
ที่ชานชลาเล็กๆของสถานีรถไฟมีร้านค้าอยู่สามสี่ร้าน
มีทั้งร้านขายของชำทั่วไปและขายของที่ระลึก...ก็นะ...ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนเมืองไหนก็มักจะหาข้อดีของตัวเองมาทำของที่ระลึกได้เสมอ
ผมหันไปมองสมาชิกชมรมที่นั่งตายซากอยู่บนกระเป๋าของตัวเอง
ปกติแค่ลงเขาไอ้เจ้าพวกนี้มันคงไม่หมดสภาพง่ายๆหรอกถ้าเมื่อคืนไม่ได้เมากันเละแบบนั้น
ผมถอนหายใจก่อนจะตั้งใจเดินไปกดน้ำมาให้
แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ห้อยอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึก....
ขบวนรถไฟแล่นไปตามทางของมัน
เสียงฉึกฉักที่ดังราวกับเพลงกล่อมเด็กส่งผลให้สมาชิกชมรมของผมหลับเป็นตายกันตั้งแต่รถไฟออกยังไม่ทันจะสิบนาทีดีด้วยซ้ำ
ผมก้าวขาเดินจากที่นั่งของตัวเองไปหาเขาซึ่งนั่งตามลำพังอยู่ม้านั่งหลังสุดก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของม้านั่งที่เป็นแบบหันหน้าเข้าหากัน
“
โค้ช...เอากุญแจห้องชมรมมาไหมครับ?”
เขาพยักหน้าอย่างงงๆกับคำพูดที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของผม
“
ขอยืมหน่อยสิครับ”
ถึงเขาจะทำหน้าประหลาดใจแต่ก็ยอมล้วงพวงกุญแจห้องชมรมในกระเป๋าสะพายออกมาให้
ผมก้มลงไปทำอะไรขยุกขยิกกับพวงกุญแจก่อนจะชูมันขึ้นไปตรงหน้าเขาเมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว....จากที่มันเคยมีแต่กุญแจกับสายคล้องพลาสติกธรรมดาๆ
ตอนนี้มันมีตุ๊กตาหมาตัวเล็กๆห้อยอยู่ด้วยอีกตัว
“
จะได้คู่กัน.....”
ผมยกพวงกุญแจห้องชมรมของผมให้เขาดูด้วยรอยยิ้ม
ที่พวงนี้มีตุ๊กตารูปแมวที่ดูแล้วจะเข้าคู่กันห้อยอยู่
ที่จริงมันเป็นพวงกุญแจที่ระลึกของเมืองนี้ที่ผมแอบไปแวะซื้อมาระหว่างที่รอรถไฟ
ผมอยากจะเก็บมันไว้ให้ช่วยเตือนความทรงจำว่าที่นี่...คือที่ที่เราเริ่มคบกัน....
ผมคืนกุญแจให้เขาซึ่งรับไปด้วยใบหน้าเสไปทางอื่น...ผมพอจะรู้แล้วว่าถ้าเขาไม่สบตาแสดงว่าเขากำลังเขิน....
“
ตอนแรกว่าจะซื้อเป็นที่ห้อยมือถือ แต่ถ้าห้อยไว้ที่มือถือของโค้ช
คนอื่นๆคงตกใจกลัวกันหมดแน่เลย”
ก็มันเข้ากับใบหน้าโหดๆของเขาเสียที่ไหน
ผมได้แต่นั่งหัวเราะเมื่อเขายื่นมือมาดึงแก้มผมอย่างรู้ทันว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
แล้วก็ดูท่าว่าเสียงรถไฟจะไม่ได้กล่อมให้คนหลับได้เท่านั้นแต่มันยังทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มจนมือที่เคยดึงสองแก้มของผมค่อยๆคลายกลายเป็นประคองเอาไว้แทน
บรรยากาศที่แสนโรแมนติกทำให้เขาดึงใบหน้าของผมเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว
ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเอียงเล็กน้อยพอให้ริมฝีปากของเราแนบชิดกันได้
เขาจูบผม...
เป็นจูบที่เนิ่นนานและอ่อนโยน
เป็นจูบที่เริ่มจากแผ่วเบาแล้วจบลงที่ความเร่าร้อน
ลิ้นของเขาสอดใส่เข้ามา
มันกวาดต้อนดูดกลืนจมผมมึนงง ทั้งหวานล้ำ ทั้งทำให้ผมแทบขาดใจ
กว่าในหัวที่ขาวโพลนจะกลับมาปรากฏสีของโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
ผมก็รับรู้ถึงฝ่ามือของเขาที่กำลังเกลี่ยไล้น้ำลายที่ปลายคางออกให้
ผมดึงมือของเขาเข้ามาหาแล้วซบหน้าลงไป
ตลอดการเดินทางอันแสนยาวไกล ขอแค่มีเขาอยู่ใกล้ๆแบบนี้
ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
ถึงแม้ว่าเทอมที่สองของใครๆจะถูกมองว่าไม่ใช่อะไรที่หนักหนา
แต่สำหรับชมรมเบสบอลแล้วถือเป็นช่วงเวลาที่โหดเอาการ
เพราะเข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์อินเตอร์ไฮเต็มตัว
พวกเราต้องแบ่งเวลาจากการเรียนเพื่อไปแข่งขันเบสบอลที่ค่อยๆไล่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ
จากเมืองเป็นจังหวัด จากจังหวัดเป็นภูมิภาค จากภูมิภาคเป็นระดับประเทศ
แน่นอนว่าสนามแห่งชัยชนะที่ชมรมเบสบอลของโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศต่างใฝ่ฝันที่จะได้ไปแข่งก็คือสนามสุดท้ายที่โคชิเอ็ง
และปีนี้ชมรมของผมก็ทำได้...
จากความเหน็ดเหนื่อยและมีวินัยในการฝึกซ้อมทำให้ในที่สุดก็ติดหนึ่งในสี่ที่จะได้ไปแข่งที่สนามในฝันนั้นจนได้
ถึงผมจะไม่ใช่ผู้เล่นแต่คนเป็นผู้จัดการทีมเองก็ยุ่งหัวหมุนไม่แพ้กันเพราะต้องคอยยื่นเอกสารต่างๆนานาเอย
ทำเรื่องขอลาหยุดเอย เตรียมแม้แต่ตั๋วรถไฟและที่พักหากต้องไปไกลเกิน
เพราะงั้นจึงต้องทำบัญชีที่จะขอเบิกงบกับทางโรงเรียนด้วยไปโดยปริยาย...เห็นไหมล่ะ!
ถ้าไม่มีผมละก็นะ
เจ้าพวกบ้าพลังที่ไม่เคยมีความอดทนกับงานจุกจิกแบบนี้คงไปไม่ถึงโคชิเอ็งหรอก
รู้ไว้ซะด้วย!
ผมหอบแฟ้มเดินไปใต้หลังคาทางเดินเชื่อมอาคารด้วยใบหน้าอมยิ้ม...ครั้งนี้เป็นการเบิกจ่ายงวดสุดท้ายแล้วเพราะเหลือการแข่งขันอีกเพียงแค่สองนัด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชัยชนะของชมรมหรือเพราะความรักกันแน่ที่ทำให้ผมมีความสุขแบบนี้
เพราะตลอดเวลาที่เดินทางไปแข่งที่นู่นที่นี่
ผมก็ยิ่งมีเวลาอยู่กับเขามากขึ้นเท่านั้น...ถึงจะทำหน้าตายแต่หลายต่อหลายครั้งเขาก็มักจะทำอะไรให้ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่เสมอ...รู้สึกว่า...ถูกเขารัก...
และเพราะว่ากำลังมีความรักแบบนี้ละมั้ง
เวลากลับมาที่โรงเรียนทีไร...ผมถึงได้ถูกพวกชมรมเชียร์ตามตื้อไม่เลิก....ก็มีใครเคยพูดเอาไว้...ว่าความรักมักทำให้คนดูดีขึ้น
ทั้งๆที่ผมไม่เห็นว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง?
พวกนั้นยังคงอยากได้ผมไปเป็นสมาชิกของชมรมอยู่...
นั่นไง...พูดยังไม่ทันจะขาดคำ...เจ้าประธานชมรมเชียร์ก็โผล่มายืนขวางอยู่กลางทางเดินจนได้
“
ไม่ว่าจะพูดยังไงชั้นก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกน่า อย่ามาเกะกะ คนยิ่งมีอะไรต้องทำเยอะแยะอยู่” และผมก็ยังคงปฏิเสธอย่างชัดเจนเหมือนเดิม
“
เปล่าน่า ก็แค่ทักทายตามประสาคนรู้จัก นายก็คิดมากไปได้เอเลน” ทักเสร็จแล้วก็ถอยไปสิฟ๊ะ
จะมาเดินตามทำไมเนี่ย?! ผมหันไปทำตาขวางใส่ไอ้คนที่เดินพูดเพ้อเจ้ออยู่ข้างหลัง
“
แหมๆ ดูท่าทางจะเหนื่อยนะ ผู้จัดการทีมเบสบอลเนี่ย....ไหนๆ
มีอะไรให้ชั้นช่วยถือไหม?”
มือเรียวยาวยื่นมาหมายจะคว้าแฟ้มในมือผมไป ดีที่เอี้ยวตัวหลบทัน
“
ยุ่งน่า แทนที่จะมาเพ้อเจ้ออยู่ตรงนี้ กลับไปซ้อมไป๊
พวกนายเองก็ต้องไปเชียร์เหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
“
เฮ้อ...ซ้อมไปมันก็เดิมๆ ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจน่ะสิ
เลยต้องมาหาเอสของโรงเรียนอย่างนายเนี่ย”
“
เอสบ้าบออะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกปวดประสาท ไม่เห็นจะเข้าใจไอ้พวกนี้เลยสักนิด
อย่างผมเนี่ยมันน่าเอาไปเข้าชมรมเชียร์ยังไง?
“
นี่นายคงไม่เคยรู้ตัวเลยสินะว่าในตลาดมืดของโรงเรียน
รูปแอบถ่ายของนายมันขายได้เป็นอันดับหนึ่งเลยนะ อ๊ะ
แฟ้มนั่นมัน...กำลังจะไปขออนุมัติเบิกงบเดินทางครั้งล่าสุดหรอ?” หื๋อ? ตลาดมืด?
ผมก็เพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละว่ามีไอ้ของแบบนั้นอยู่ในโรงเรียนด้วย?
ว่าแต่ไอ้พวกสมาชิกชมรมของผมมันคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกันเลยสินะ!!
หนอย...กลับไปจะด่าให้ยับเลย!!
ผมพยักหน้าหงุดหงิดนิดๆตอบส่งๆไปก่อนจะก้าวขาเข้าห้องกรรมการนักเรียนตามลำพังอย่างไม่ได้สนใจเจ้าประธานชมรมเชียร์นั่นที่เดินโบกมือไหวๆจากไป
มือเปิดแฟ้มดูเป็นรอบสุดท้ายว่ามีเอกสารครบถ้วนก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะของประธานกรรมการนักเรียนที่จะทำเรื่องส่งไปให้ทางโรงเรียนอีกที...บนโต๊ะสีโอ๊คเต็มไปด้วยแฟ้มขออนุมัติงบประมาณจากชมรมต่างๆ
ซึ่งทุกครั้งที่ไม่เจอใครผมก็วางมันเอาไว้ตรงนี้
เมื่อหมดธุระกับที่นี่ผมจึงกลับออกไปทันที...
และเพราะว่าไม่มีใครอยู่...จึงไม่มีใครรู้เลย....ว่าแฟ้มของชมรมเบสบอลถูกดึงออกไปโดยฝีมือของใครบางคนก่อนที่พวกกรรมการนักเรียนจะกลับมา....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
ตอนนี้สั้นๆ
อันที่จริงจากนี้ไปก็เหลืออีกไม่เยอะก็จบแล้นค่ะ
แต่ที่ตัดมาลงก่อนเพราะเกรงจะรอนาน แหะแหะ
เคี๊ยกกกกก
จากคอมเม้นต์ของเมื่อสองตอนที่แล้วมีคน(ชื่อคุณแน๊ต) สังเกตเห็นด้วยว่า
จนป่านนี้เรายังไม่เคยเอ่ยชื่อคุณรีไวกันเลยสักแอะ เหะเหะเหะ
คือกำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่น่ะค่ะ เพราะว่าฟิคนี้เป็นฟิคที่มีฉากอยู่ในญี่ปุ่น
เพราะงั้นเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหากับคุณกวางมากก็คือชื่อของตัวละครค่ะ เพราะว่า
ทั้งรีไว ทั้งเยเกอร์ ต่างก็ดูแล้วโคตรจะไม่ใช่ญี่ปุ่นเลยเว้ยค่ะ!! แต่ เอเรน
(เร็นเร็น >w<) นี่ยังพอเนียนได้อยู่นะ
คือคนอื่นอาจจะคิดว่าก็ไม่เห็นเป็นไรแต่สำหรับคนแต่งเรื่องมากอย่างคุณกวางมันจะรู้สึกตะหงิดใจทุกทีเลยค่ะ5555
เพราะงั้นเลยยังไม่ค่อยกล้าแต่งฟิคไททันที่มีฉากอยู่ในญี่ปุ่นเท่าไหร่ค่ะ ^
^”” สังเกตว่าอย่างในฟิคซอมบี้ก็จะมีการปูพื้นฐานมาว่า รีไว
ไม่ใช่คนญี่ปุ่นแท้ แต่เป็นลูกครึ่งเลยมีชื่อแบบนั้น ในเรื่อง “พราว”
เองในส่วนของบ้านเอเลนก็คิดว่าคุณพ่อซึ่งเป็นหมอจะให้เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นประมาณนั้น
แต่คุณรีไวนี่จงใจให้เฮียแกเชื้อชาติญี่ปุ่นเพราะงั้นเลยต้องหลบเลี่ยงเรื่องการเอ่ยชื่อด้วยการเรียกเฮียแกว่า
“โค้ช” แทน....ซึ่งที่บอกว่าเป็นฟิครุ่นทดลองน่ะ
ก็เพราะว่าคุณกวางตบะแตกแอบสร้างไหใหม่เอาไว้อีกแล้วค่ะ555(ยังมีหน้ามาหัวเราะ) เรื่องนี้จะเป็นพีเรียดญี่ปุ่นเต็มตัว
เพราะงั้นเรื่องชื่อตัวละครเลยเป็นปัญหายิ่งกว่า “พราว”
แน่นอน....ที่เลี่ยงพีเรียดญี่ปุ่นซึ่งเป็นแนวทำมาหากิน(?)สำหรับฟิคไททันก็ด้วยประการฉะนี้แล....
ก็เลยลองมาทดลองกับ “พราว” ก่อน ^ ^ พอได้ใช่ไหมคะ //
เป็นทั้งฟิคสำรอง เป็นทั้งฟิคทดลอง น่าสงสารไปแล้วเรื่องนี้ ง๊ากกกกก
แต่คุณกวางก็ชอบมันมากนะ >////<
ส่วนชื่อเรื่อง
“พราว”
คราวที่แล้วว่าจะเวิ่นก็เจือกลืมซะสนิทถถถถ
อันที่จริงไปยืมชื่อฟิค8059ของตัวเองมานี่แหละค่ะ
แต่สองเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันนะคะ555 ถึงแม้ฉากหรือบรรยากาศจะเนียนว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ก็ตาม
*v* อันที่จริง “พราว” นี่ไม่ได้มาจากดวงดาวหรืออะไรหรอกค่ะ
แต่ตอนแต่งฟิค8059
คิดชื่อเรื่องไม่ออกแล้วหันไปหันมาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแฮมสเตอร์อยู่ใกล้ๆ
เลยยืมชื่อเค้ามาค่ะ55555 หมดกันความโรแมนติก = =”” แต่ก็เพราะคิดว่าเป็นชื่อที่โรแมนติกจังน้า~~~ไงล่ะถึงได้ยืมมา *v*
อ้อ
อีกเรื่องที่ว่าจะบอกคือ...อันที่จริงแล้วคุณกวางไม่ค่อยมีข้อมูลของช่วงเวลาเปิด-ปิดโรงเรียนของญี่ปุ่นเท่าไหร่
แถมยังไม่รู้ว่ากับอินเตอร์ไฮเนี่ย ช่วงเวลามันคาบเกี่ยวกันยังไง
คือขี้เกียจหาข้อมูล(โดนโบก)
เพราะงั้นข้อมูลในฟิคเรื่องนี้เลยจะเชื่อไม่ค่อยได้นักนะคะ5555
ไม่ค่อยได้อ่านการ์ตูนกีฬาอย่างเบสบอลซะด้วย ขนาดมีลูกเขยเป็นคนของชมรมเบสบอลแท้ๆนะ
พึ่งพาอะไรไม่ได้เล้ยยยย วันๆไม่ทำอะไรนอกจากเนียนไปเรื่อย(ยัยมี๊นี่จะโดนดาบฟันคอหลุดเข้าซักวันยังไม่รู้ตัว)
เพราะงั้นถ้าเจอข้อมูลมั่วบ้างอะไรบ้างก็ข้ามๆมันไปนะคะ แหะแหะ ^ ^””
แล้วก็ๆๆ
มีคนวาดแฟนอาร์ตของฟิคเรื่องนี้มาให้ด้วยค่ะ โฮววววววววววววว
ขอบคุณมากนะคะคุณคูม่าหมีน้วย แก้มย้วยหยุบหยับ =w= คือตอนที่เห็นประโยคที่อยู่ในฟิคไปอยู่ในรูปนี่คุณกวางขนลุกซู่เลยค่ะ
รู้สึกตื้นตันใจยังไงไม่รู้อ่ะ >/////<
แล้วก็ๆๆ
(เวิ่นจะยาวกว่าฟิคแล้วคุณกวาง) มีคน(ชื่อน้องเตย)
แกะเพลงเพลงหนึ่งซึ่งเป็นเพลงแรงบันดาลใจของฟิคเรื่อง Deep Kiss แล้วเล่นด้วยไวโอลินมาให้ด้วยค่ะ
คือตอนที่น้องเค้าส่งมาให้ครั้งแรกนี่มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ
มันปลื้มสุดๆอ่ะโฮววววววววว
คือคุณกวางก็เล่นไวโอลินไม่เป็นอ่ะนะแต่คิดว่าการที่ใครสักคนที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้ากันตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้เราไม่ว่ามันจะเรื่องเล็กๆหรือเรื่องใหญ่ๆมันน่าดีใจทั้งนั้นเลยค่ะ
โอยยยยย ฟังแล้วอยากจิปั่น Deep Kiss คู่ขนานกับ Juunana
Sai จริงๆงื้อออออออ (ปล.เดือนนี้เป็นเดือนเกิดของยามะค่ะ
เพราะงั้นขอยกพื้นที่ฟิคให้เนียนมันก่องนะ อิอิ)
ตามไปฟังได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
น้องเค้าอัพลงเฟสไว้ค่ะ จิ้ม >> Hitoshizuku Violin ver. by น้องเตย
ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์และทุกๆการติดตามนะค้า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า =w=
ตอนแรกนึกว่าจะเรียบวุธซะแล้ว เห็นคุณหมาป่ารอมานาน แล้วยังตอนถอดเสื้ออีก ตอนแรกก็นึกว่าจะเซอร์วิสใส่ยูกาตะซะอีก....สาบเสื้อที่แหวกใหเห็นแผงอกแกร่งหากแต่บางทีก็แหวกต่ำลงไปให้เห็นกล้ามหน้าท้องรำไร.... //แฮกๆๆๆๆๆ
ตอบลบแต่ช่างมันเพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่กล้ามครับ55555
กะลูกปิงปองเฮียก็ยังจะหึง5555 คบกับคนอายุมากกว่าแบบเฮ..โค้ช ยังไงก็หนีไม่พ้นเสียตัวลูกเอ้ย. ไม่ใช่แค่ปากหรอกหุๆๆๆๆๆ. อายุก็เยอะแล้วแท้ๆแต่ไหงเซ็กจัดจัง(ลูกเบสบอลมาจากไหน//กุมหัวที่เลือดไหล). แต่ก็นะถ้าไม่เซ็กจัดก็รู้สึกจะไม่ใช่เฮย์โจว555555
มีที่ห้อยพวงกุญแจเหมือนกันด้วย เป็นคู่หมุงมิงกันได้อีกหุๆ
ไอพวกเชียร์ไปจิกใบขอเบิกงบมา แล้วทีนี้จะเป็นยังล่ะเนี่ย
ลาสบอสคือชมรมเชียร์รึ?ดูจากจำนวนตอนที่เหลือจากที่พี่บอกว่ามันน่าจะ4ตอนจบสินะ
ร่วมส่งแรงใจเชียร์ให้พี่กวางพิชิตโคชิเอง...เอ้ย..ตบไหดองได้ที่SMS เอเลนจะต้องเสียตัวแน่นอนถ้าคบกับเฮย์โจว(มันต้องเป็นตัวเลขไม่ใช่เหรอ?!)
ปลคำโฆษณาชวนให้คนส่งsmsนี่มันเป็นยังไงนะ
TTvTT
ตอบลบTTvTT b
TT///TT
// พูดอะไรสักอย่างสิเว้ยเฮ้ย!!!!
ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ทั้งเรื่องอยากบอกให้รู้ว่าเก๊ายิ้มไม่หุบเลยอ่ะ มันน่ารักมาก น่ารักขาดใจ น่ารักไม่ทนเลยค่ะ น่ารักจริงๆ จะให้พูดกี่รอบดี แต่สรุปแล้วก็คือน่ารักมากๆเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกเฮย์โจวอยู่ตอนที่หนูเลนบอกว่าชอบ แล้วเฮย์โจวนิ่งไป
อึ้งล่ะสิ!! อึ้งใช่มั้ย!! พูดไม่ออกเลยถูกเปล่า! โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่อยากรู้ว่าเฮย์โจวฝืนทนแค่ไหนที่ไม่คว้าไอ้เด็กไม่บรรลุนิติภาวะนั่นมาจูบสักยกสองยก เป็นการบอกรักที่น่ารักมาก คิดภาพหนูเลนทำแล้วมันน่ารักไม่ทนจริงๆค่ะ แล้วก็ชอบมาก ฉากที่เฮย์โจวบอกว่า
“..........ถ้ารังเกียจ...นายคิดว่าชั้นจะมาพูดกับนายอยู่แบบนี้หรอ? นายก็รู้ว่าถ้าชั้นไม่ชอบ ไม่ต้องการ ชั้นก็จะปฏิเสธออกไปตรงๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นสามารถใช้คำพูดไร้เยื่อไยพวกนั้นกับคนที่คุ้นเคยกันดีได้”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มันฟังดูตรงแล้วจริงใจมาก เป็นหนูเลน นอนละลายอยู่ตรงนั้นอ่ะ แล้วฉากที่(เหมือนตอนนี้จะชอบมันทุกฉากเลยค่ะ) ฮึก! ฉากตากผ้า มันมุ้งมิ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกก ฮืออออออ คิดภาพตามแล้วมันสวยงามอ้ะ แล้วก็ประโยคนี้ของเฮย์โจว
“ แม้แต่ลูกปิงปอง ชั้นก็ไม่ยอมให้มันได้ริมฝีปากของนายไปหรอกนะ”
ผู้ใหญ่บ้า!! หวงแม้กระทั่งลูกปิงปอง โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก =////= คือมันโรแมนติกมาก เป็นความรักที่เห็นภาพแล้วมันยิ้มได้ทั้งตอน เหมือนที่เก๊ายังเป็นอยู่เนี้ย! ชอบฉากนี้ ฉากนี้ชอบที่สุด คือฉากตอนที่เฮย์โจวนอนกอดเอเลนค่ะ ชอบจริงๆ//เก๊ามิได้หื่นนะ ฮาาาาาาาาาาาาา แต่อ่านแล้วมันเขินมากค่ะ คือเราเห็นได้ว่าเรื่องนี้นอกจากเฮย์โจวจะใส่ใจเอเลนแล้ว แบบ...ให้เกียรติอ่ะ รัก หวง ห่วง แคร์ มันเลอค่าาาาาา >..< อ่านประโยคนี้ไปแทบกรี๊ดลั่นบ้าน พ่อแม่พี่น้อง ตื่นกันหมด
“ ถ้ามีความรัก...ก็จะเป็นรักที่รุนแรง ทุกๆอย่างของคนคนนั้นจะต้องเป็นของชั้นคนเดียว จะหวงมากกว่าคนปกติหลายร้อยเท่า...นายจะทนได้หรือเปล่า?...”
คิดหน้าเฮย์โจวเว้าวอน เอเลนทนได้มั้ยไม่รู้ แต่ทีรู้คือไอ้มิยะจะไม่ทน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฮือออออออออออออ ดาเมจไป อันที่จริงดาเมจตั้งแต่เรียก เอเลน ด้วยน้ำเสียงพร่าๆของคนเมานั่นแล้ว งือออออออออออ มันโรแมนติกอ่ะพี่กวาง ฟิคเรื่องนี้สื่ออารมณ์ละมุนสุดยอดจริงๆค่ะ
แต่อ่านต่อมา เรามีความรู้สึกว่าลางร้ายจะโผล่ มารไม่มี บารมีไม่เกิด เอ๊ะ หรือยังไง อะไร
จะติดตามต่อไป...
อิอิ แฟนอาร์ตสวยมากเลยค่ะ
งานเข้าเเล้วเอเลน เเละชมรม พวกสมาชิกชมรมเชียร์นึกว่าจะเลิกเเล้วเสียอีกนี่มาพร้อมเล่ห์กลมากค่ะ
ตอบลบเเอบเห็นเหมือนกันว่าไม่มีเรียกชื่อรีไวเลย เเค่เพราะด้วยฐานะของโค๊ชเเละเอเลนกึ่งๆลูกศิษย์เลยไม่เเปลกใจค่ะ ไหลลื่นไม่ติดขัดเลยค่ะ>\\\\<
ว่าเเต่โค๊ชคะ จะอดใจไปได้อีกนานขนาดไหนคะเนี่ยยย ทางนี้ลุ้นบิดไปมากับหลายฉากมากค่ะ//////
ฮือออออออออ ไม่ตายก็ต้องตายยยยยยยยยยยยยยย > <
ตอบลบบอกตรงๆว่า แพ้ ทาง(?) ท่าน ท่อน ขา แบบ เน้~~
แพ้จนแซะไม่ไป(?)แบ้วววว อ๊ากกกกกกกก (ลงไปดิ้น(?))
ฟิคหวานนนนและฟินมากกกกกกๆๆๆ!!!เลยค่ะกวางซามะ ฮือออออออออ
ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาบรรยายสาระร่างตัวเองตอนอ่านฟิคพาร์ทนี้วน(?)
กวางซาม๊า เค้าอยากกดเอเล๊นนนนนน > [ ] < #เดี๋ยวๆหล่อน #ประเด็นเรื่องฟิคนี้ของหล่อนอยู่ตรงไหน555555 ฮือออ ถ้าเอเลนน้อย(?)จะสารภาพรักท่านท่อนขาแล้วก้มหน้าหนีก็พลาด(?)สิลูกกกก ไอ้อาการพยายามตีหน้านิ่ง(?)ไม่แสดงอาการของคนหน้าปลาตายแบบสุดพลัง(?)มันหาดูยากมากกกกจริงจังนะรู้มั้ยย #ไหนหล่อนบอกหล่อนแซะไม่ไป #ถถถถถถ
ฮือออออ ถึงจะเป็นแค่ช่วงระยะสั้นๆของการสารภาพรักแล้วไม่ได้รับคำตอบของเอเลนก็เถอะนะ แต่สารภาพจากใจเลยว่าเค้าหน่วงตามเอเลนมากกกกก พอนึกสภาพเอเลนที่นั่งก้มหน้าก้มตาพับผ้าแถมยังขอบตาแดงจมูกแดงเพราะกลัวจะถูกรังเกียจจากคนที่ตัวเองรักแบบนี้แล้ว จะทนไม่ไหววววววว(?) อย่าให้ตูได้เป็นเฮย์โจวบ้างอะไรบ้าง!!(???)แม่กดไปนานแล้ว(?) #อินเนอร์หล่อนมาเต็มล้วนๆไปไหนถถถถถถถถ+ #จริงๆหน่วงแบบนี้เค้าก็ชอบนะคะมันอึดอัดอัดอั้นเพื่อรอการฟินาเล่ในทุ่งดอกไม้(?) #ทุ่งดอกไม้คืออะไรก็ไม่รู้ค่ะ55555
แล้วเค้าก็ชอบประโยคที่ท่านท่อนขาตอบเอเลนมากมาย T _ T ฮือออ ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่ต้องการ ก็ปฎิเสธด้วยการด่าเปิง(?)แบบตรงดิ่ง(?)ไร้ซึ่งความเห็นใจ(?) #คือคำขยาย(?)ที่เพิ่มเข้าไปเองนี่มันอะไร55555 แต่ว่าการบอกแบบนั้น มันใช่เลย!!!! ใช่อารมณ์ท่านท่อนขามากๆ ปากหนักปากแข็งไม่มีใครเกินแบบนี้ จะให้พูดว่าฉันก็รักนายเหมือนกัน(?)นี่คงต้องมีความผิดปกติทางสมอง(?)แน่นอน #ผลั๊วะx10(?)
แล้วขอสครีมจริงจัง!!!!!!!! พ่อคุณหึงแม้กระทั่งลูกปิงปองงงงงงงงงงถึงขั้นต้องให้เอเลนเจอผีผ้าปู(?) > _________ < เค้าชอบชอตนี้มากกกกกกก มากจริงจังเลยยย อะไรคือการเดินยั่ว(?)หายเข้าไปในดงผ้าปูให้เจ้าหมาน้อยเดินตามไปติดกับ(?) หืออออออออออออออ นี่ถ้าเป็นเสาหรือต้นไม้(?)คงจะได้ฟีลหนังอินเดีย(?) #เดี๋ยวๆหล่อนอย่าเพิ่งแหกโค้งเซ่ 5555 ฮืออออออ สครีมไม่เลิกจริงจังนะคะชอตนี้ โฮกมากกกกจริงๆ
แอบเบิกตากว้าง(?)เลยด้วยค่ะ นึกว่าจะได้ฮัดช่า(?)เพราะท่านท่อนขาเมาซะแบ้วว > __ < ตอนไม่เมาก็เล่นผีผ้าปู พอตอนเมาก็มาเล่นผีผ้าห่ม(?)นะ อ้ายยยย คนผีทะเล~~~ 55555555555555555 #บอกตรงๆว่าพิมพ์แล้วก็รับตัวเองไม่ได้จริงจัง #รับไม่ได้ไม่พอยังด้านไม่ลบ(?)ด้วยล่ะค่ะ 5555555 = __ =
และทั้งๆที่เพิ่งจะสครีมชอตผีผ้าปู(?)ไป ก็มาตายกับชอตผีผ้าห่ม(?) ฮืออออออ อะไรคือการถอดเสื้อผ้าเอเลนออกหมดแล้วกอดไว้แน่นๆเพื่อแค่ถามประโยคไคลแม็กซ์(?)น่ะหืออออออออออออ เฮย์โจวอ่อนโยนมากกกกกกกจริงจัง อ๊ากกกกกกกก เจอเฮย์โจวมุมไม่มั่นใจตัวเอง(?)แล้วเค้าดิ้นจริงจังเลยค่ะ ชอบโคตรรรรรรรรรรรรรร เพราะปกติพี่แกคงไม่คิดจะเอาเวลามาถอดเสื้อผ้าเอเลนแล้วกอดไว้เฉยๆให้เหยื่อ(?)ชิน(?)แบบนี้แน่ะ = . , = ……หรือเพราะนี่เป็นวิธีมอบความรักรุนแรงให้คนป่วย(?)ที่ได้จากหนังสือในห้องสมุด(?)กัน * w * #โดนกระทืบเละ
ฮือออออออ แล้วก็ชอตเอเลนให้พวงกุญแจคู่……ไม่รู้จะฟินยังไงกับความน่ารักโคตรรรรรรรรตรงนี้ แล้วกวางซามะบรรยายชอตคำขอบคุณด้วยปาก(?)ของท่านท่อนขาได้แบบ…………….ฟฟฟหกชหหกกดสวววว!!!!!!!!!!! อ๊ากกกกกกกกกก > [ ] < #ขออภัยอย่างสุดซึ้ง ที่เค้าไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายความฟินที่สู่ความฟินาเล่อันไกลโพ้น(?)ของชอตนี้จริงจัง
อ่า แล้วก็เรื่องชื่อท่านท่อนขาเค้าท้วงเพราะสงสัย(?)เฉยๆน้า > ___ <
จุดนี้ ไม่มีส่วนทำให้ฟิคลดความโฮกฮากกกก(?)ได้เลย ฮา
แต่พอกวางซามะบอกเหตุผลมา...บอกตรงๆว่าที่ผ่านมาเค้าก็มีแอบคิดถึงเคสนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
เรื่องชื่อของตัวละครกับเนื้อหาในเรื่อง... ถ้าจะพูดว่ามันไม่จำเป็นต้องสนใจก็คงจะไม่ใช่
ถ้ายกตัวอย่างแบบ....อ่านนวนิยายแปลจีน บรรยายตัวละครเอกซะดูตี๋จีนมากๆ แต่มาลงท้ายว่าฮ่องเต้หนุ่มคนนั้นชื่อสมคิด(?).....หรือชื่อโรเบิร์ต(?)....มันก็ดูจะไม่ใช่แล้ว T [ ] T
และพอคิดแบบนี้ เค้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็จำเป็นให้คิดเยอะเหมือนกันแฮะ ยิ่งชื่อตัวละครมันจำเป็น(?)ต้องเป็นชื่อที่เขากำหนดมา(?) จะให้แก้ชื่อ(?)....จริงๆมันก็ได้อยู่ในบางกรณี(?)ละมั้ง เค้าแอบมีลองคิด(?)ด้วยค่ะ 55555 ว่าถ้าชื่อรีไวมันไม่เข้ากับการเป็นหนุ่มสัญชาติญี่ปุ่นแท้(?) จะทำยังไงให้มันเข้า(?) .......รีวาอิ(?)ซัง(?) มันญี่ปุ่นหรือยัง.....ฟ่ะคะ = _ = ...........[55555 เค้าเอาความคิดนี้มาจากสมัยบ้าเด็กหนุ่มJR.(?) ที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าตกลงน้องหนูจะนามสกุล คาไว(?) หรือ คาวาอิ(?) 55555 ก็นามสกุลเขาสะกดแบบนี้ > KAWAI นี่น่า T _ T]
และพอคิดแบบนี้แล้ว เราว่าชื่อเดิมแบบไม่ญี่ปุ่นมันดีแล้ว(?) 555555 เพราะไอ้ฟีลที่อยากจะคงชื่อเดิมชื่อจริงชื่อแต่กำเนิด(?)ไว้มันก็มีอยู่เยอะด้วยละเนาะ.....
.......แต่ขอบอกว่าในเคสของกวางซามะ....กวางซามะข้ามผ่านจุดนั้นไปแบบสวยงาม(?) #โปรยดอกไม้โปรยดอกไม้~ ถึงเรื่องนี้กวางซามะจะเลือกการเลี่ยงไม่เอ่ยชื่อท่านท่อนขาไปเลยก็ตาม แต่มันก็ยังคงความฟินในแบบฉบับของกวางซามะมากกกกกโฮกกกก เพราะถึงยังไงการบรรยายทั้งหมดมันก็บ่งบอกได้ดีว่าเป็นเฮย์โจว > < และถึงจะเป็นแบบเอ่ยชื่อเค้าก็มั่นใจเลยว่ากวางซามะทำให้คนอ่านอินไปกับการบรรยายได้แน่นอน.......เค้าพิมพ์ไร้สาระ(?)จนมันจะกลายเป็นปัญหาระดับชาติ(?)ไปแล้ว ~ T - T ขอโต๊ดก๊าบ
ลบรักฟิคกวางซามะจริงจังนะคะ > __ <
เค้ารออ่านตอนต่อไปของพราว แล้วก็รออ่านฟิคพีเรียดของคู่นี้ด้วยค่ะ
เพราะงั้นเค้าจะขอเกาะ(?)กวางซามะแน่นหนึบๆๆ(?)แบบนี้ไปอีกนาน(?)เลยนะคะ * ^ *
Ps. แฟนอาร์ตโฮกมากกกกกกกกกกกกก ไวโอลินก็เกินคำบรรยายจะเอ่ย ฮือออออ เค้าประทับใจแทนมากจริงจังเลยค่ะ T ^ T
Ps.อีกรอบ เดือนนี้ เดือนเนียน เดือนเนียน เดือนเนียน (จะตกร่องเพื่อ?) 555555 เดือนเนียนร้อน(?)ต้องถอดเสื้อหนูก๊ก(?) แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก > __ < เค้าตั้งใจรอฟิคเนียน(?)สุดขั้วเลยนะคะ อิย๊าาาา #อิย๊าอะไร 55555555
ขอเวลากรี๊ดในใจแปปนึงค่ะT//v//T ฮืออออออออออออออออ
ตอบลบผู้ใหญ่บ้าอะไรเนี่ย ทำให้เราโดขิโดขิหัวใจมาก /หน้าแดง
ปกติเป็นพวกรักต้องแซะ(?)แท้ๆแต่ตอนนี้แซะไม่ออกเลยทีเดียว T///T
แต่ไม่ทนกับฟิคนี้จริงๆT__T แพ้ความหวานของโค้ชจริงๆ
เอาล่ะ พูดอะไรเป็นทางการบ้าง #หืมส์
เราชื่อซีค่า คนที่ใช้ชื่อเฟสคูม่าหมีน้วย แก้มย้วยหยุบหยับเองค่ะ /คือไปทักแชทเค้าแต่ไม่บอกชื่อ โคตรแย่ 555555
ตามฟิคคุณกวางมานานเหมือนกันค่ะ แต่ไม่โผล่หัวเลย เป็นนักอ่านเงาตลอด แถมชอบมาอ่านช้า ขอโทษค่ะ แงงงงง
ตอนที่เอเลนไม่ได้คำตอบนี่แบบบ ฮือออ เอเลนลูก หน่วงใจแทนเลย กร๊าก ถ้าเราเป็นโค้ชกดเอเลนไปแล้--- #หยุดคุกคามทางเพศเอเลนเดี๋ยวนี้
แล้วที่ชอบมากกกกกกกอีก็ตอนที่โค้ชบอกว่า
“..........ถ้ารังเกียจ...นายคิดว่าชั้นจะมาพูดกับนายอยู่แบบนี้หรอ? นายก็รู้ว่าถ้าชั้นไม่ชอบ ไม่ต้องการ ชั้นก็จะปฏิเสธออกไปตรงๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นสามารถใช้คำพูดไร้เยื่อไยพวกนั้นกับคนที่คุ้นเคยกันดีได้”
อ่านไปนี่ยิ้มหน้าคอมเลยค่ะ แงงงงงง โดนขุ่นแม่ทักว่าบ้ายิ้มคนเดียวมาหลายรอบแล้วก็จริงแต่รอบนี้ยอมให้ขุ่นแม่ที่เคารพว่าบ้าเลยค่ะ บ้า บ้าจริงๆ ผู้ใหญ่นี่บ้าจริงงงงง /จิกคอม(?)
ไม่บอกว่าชอบหรือไม่ชอบตรงๆแต่พูดอ้อมโลกปากหนักปากแข็งนี่โคตรตรงกับคาแร็คท่านมากค่ะ <3 ชอบตรงนี้ <3<3
ตอนที่เอเลนร้องไห้แล้วมีเสียงหัวเราะทั้งสะอื้นพอคิดภาพตามแล้วแบบ อ่าห์ เอเลนนนนนนนน มาให้แม่ฟัดดดดดดดดด
ฉากต่อไปที่โดขิหัวใจที่สุด ฉากเก็บผ้า อิย๊าาาาาาาาาา <3
โค้ชหึงแม้กระทั่งปิงปองง่าาาา ผู็ชายอะไรแย่จังลึยยยยย แต่ชอบนะ(...)
คิดภาพตามแล้วแบบ ผ้าปูปลิวไปทั่ว พร้อมกับจุมพิตอีกฝ่ายเบาๆ...อ่าห์.../วิญญาณลอยออกจากร่าง
ชอบฉากนี้ที่สุดเลยค่ะ โอย จะระเบิดตัวตามแล้วค่ะ ฮือ ฮือ ฮืออออ
(ดีไม่ดีถ้าว่างอาจได้มีแฟนอาร์ตฉากนี้ ...ถ้าว่างน่ะนะคะ55555)
ตอนที่โค้ชบอกกับเอเลนว่า
“ แม้แต่ลูกปิงปอง ชั้นก็ไม่ยอมให้มันได้ริมฝีปากของนายไปหรอกนะ”
!!!!!!!
แม้แต่ลูกปิงปอง ลูกปิงปองนะโค้ชนะ โอยยยยย แย่แย่แย่T///T แย่ต่อหัวใจเรามาก ตอนนี้หัวใจเต้นได้ไวยิ่งกว่าF1 #ด..เดี๋ยว
แล้วลองมโนภาพตาม ลงหายใจเป่ารดกัน... เสียจูบแรก... /ระเบิดตัวตายพลีชีพไปแล้ว แงงงงงงง
ฉากนี้โฮกมาก อ่านแล้วความสุขทะลุปรอททททท
ชอตตอนโค้ชเมานี่สารภาพว่าคิดไปไกลแล้ว ขอโทษค่า ก็เห็นถอดเสื้อคิดว่าจะชัดชาดาดั๊ด(?)เอเลนซะแล้ว ที่แท้แค่กอด แต่ก็อบอุ่นไปยังม้าม(?)เลยค่ะ แล้วที่ถามว่า
"กลัวชั้นรึเปล่า"
"ชั้นอยากจะถามนายให้แน่ใจ...ชั้นทำแบบนี้...นายไม่กลัวชั้นใช่ไหม...."
โค้ชคะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
ทำร้ายหนูอีกแล้วค่ะ /โดนดาเมจรัวๆ
เฮย์โจวนี่โผล่ไปฟิคไหนก็มีวิธีการแสดงความรักแบบไม่ธรรมดา40แต่เป็นพิเศษ45บาทตลอดเลยนะคะ #อะไรคือพิเศษ45ฟะ...
ส่วนคำตอบของหนูเอเลน
“ ผมรักคุณครับโค้ช...สำหรับผมแล้ว...ความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องทน...”
นี่ก็ฆ่าเราอีกแล้วค่ะ ไม่ให้ฟื้นเลยจริงๆ/ซับน้ำตา
ชอบประโยคที่บอกว่าสำหรับผมความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องทนมาก ประโยคนี้ให้เต็มสิบค่ะ กินใจเรามาก T///T
ต่อไปก็ตอนที่เอเลนให้พวงกุญแจคู่...ชุบทีมีใบค่ะ(?) /ตายกี่รอบแล้วเอ็ง55555
บรรยากาศที่แสนโรแมนติก กับจูบของคนรักนี่มัน... อิย๊าาาาาา(?)
ชอบคำบรรยายฉากนี้สุดใจ แงงง คุณกวางฆ่าเราอีกแล้วววววว
ฟิคนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์ภูมิต้านทานต่ำอย่างเรา(?)จริงๆค่ะ
แล้วไอตลาดมืดของโรงเรียน ที่มีรูปแอบถ่ายของเอเลนที่มันขายได้เป็นอันดับหนึ่งนี่โรงเรียนไหนคะ จะไปขอซื้---
ส่วนแฟ้มของชมรมเบสบอลที่ถูกดึงออกไปโดยฝีมือของใครบางคนนี่มัน ใครทำ ใครมันทำ แม่จะดักตีหัว555555555
ส่วนเรื่องชื่อ เราว่ามันก็ถูกอย่างที่คุณกวางว่านั่นแหละค่ะ มันคงเป็นปัญหา ถ้าเราเป็นคุณกวางคงจะทำแบบนี้เหมือนกัน ฮา
แต่ถึงไม่เอ่ยชื่อเราก็ฟินกับการบรรยายกับกางซามะอยู่ดีค่ะ โฮกกกก
ปล1.เม้นได้ไร้ซึ่งสาระมากเอ็ง.../กราบขอโทษค่า UvU;;
ปล2.แอบเห็นคอมเม้นพูดถึงแฟนอาร์ทด้วย เขินจัง *//v//* อันที่จริงแอบวาดแหนอาร์ทฟิคคุณกวางไว้ค่อนข้างเยอะพอควรเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่มันเขี่ยๆเลยไม่กล้าไปโชว์คุณกวาง55555
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณคุณกวางมากๆๆๆๆๆๆเลยนะเจ้าค่ะที่อุตส่าห์แบ่งเวลามาแต่งฟิคหวานๆให้ได้ฟินไม่ลืมหูลืมตาแบบนี๊////เราชอบมากๆๆๆๆเลยค่ะตั้งแต่เข้ามาเจอบล๊อกของคุณกวางเข้าเราใช้เวลาถึง
ตอบลบหนึ่งเดือนเต็มๆเพื่ออ่านฟิคของคุณกวางทุกเรื่องแล้วเก็บไปฟินเป็นบ้าเป็นหลัง//////
/////กรีดแตกจนแม่หาว่าเราบ้าไปแล้วด้วยฮ่าๆๆๆๆๆๆ
(อารมณ์คนแก่มันรุนแรงแตะประตูห้องเราแทบพังเลยล่ะฮะฮะฮะ!!@!@)
แต่ต้องขออภัยที่เราพึ่งจะโผล่มาตอนนี้เด้อ(เพราะว่าเรางมอยู่กับการใส่ไอ้ที่มันบอกว่าเพื่อยืนันว่าท่านไม่ใช่หุ่นยนต์นั่นอยู่สาวมอาทิตย์เลยขอบอก(ประมาณว่าโง่อะไรแบบนั้นแหละฮ่าๅๆๆ)
ต้องยอมรับว่าอะไรพวกนี้ข้าพเจ้าแทบจะติดลบเลยทีเดียว
แต่ในที่สุดมันก็ไม่เกินความพยายามของเราฮ่าาา(จริงๆแล้วเพื่อนทำให้เจ้าค่ะ///มันบอกว่าแกจะโง่ไปถึงใหนเนี้ย!!!!)
แล้วในที่สุดเราก็สามารถเข้ามาเม้นคุณกวางจนได้ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ(ภูมิใจมากเจ้าค่ะ)
หลังจากที่เรามุมานะอ่านมาทุกเรื่องแล้วเราก็สรุปได้แล้วว่าเราเป็นโรค 59 is all around
ซินโดรมไปแล้วเรียบร้อย(จริงๆแล้วเป็นโรคเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอกับเดือนที่แล้วไปหาหมอหลังจากเกิดอาการมือไม้แข้งขาสั่นอย่างแรงหัวใจเต้นเร็วผิดปรกติประมาณ235ครั้งต่อนาทีพอหมอ
เจาะเลือดไปตรวจผลก็ออกมาว่าเราไทร์รอยเป็นพิษขึ้นมาอีกเคราะห์ซ้ำกรรมชัดเข้ามาอย่างช่วย
ไม่ได้ฮะฮะฮะ)
เออแล้วแกจะหล่ามทำไม๊!!!!
คือเราอยากจะสื่อว่าหลังจากหยุดเรียนเข้าโรงพยาบาลอยู่เกือบเดือนแล้วมาพักฟื้นต่อที่บ้านอีก
สองเดือนแล้วนั้นเราก็ได้เข้ามาเจอบล๊อกของคุณกวางเข้าโดยบังเอิญ
(หลังจากดข้ามาหาไททันตอนที่51แต่ไม่รู้ว่าอิท่าใหนไปเห็น ห้องที่แสงส่องไปไม่ถึงเข้าโดยบังเอิญเจ้าค่ะ)
เราก็เลยติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้!!
เราอยากให้คุณกวางขุดเอาไหเก่าๆมาต่อให้จบด้วยอ่ะ
(ตอนนี้เราก็กำลังอินJuu na na sai กับ หิมะ หยดน้ำ ความรักมากๆเลยเรื่องGlideกับBios
อีกแล้วยังจะDeep kissกับบลาบลาบลา สรุปมันก็ซะทุกเรื่องนั่นล่ะเจ้าค่ะ)
เราก็ได้แต่เฝ้าคอยคุณกวางจะทำความฝันของเราให้เป็นจริงในเร็วๆนี้นะเจ้าค่ะฮ่าๆๆๆ
(มันจะเพ้อเจ้อไปหนายยยย!!!!!!)
สุดท้ายขอให้คุณกวางมัพลังปั่นฟิคสนุกๆใหเเราได้ฟินหลุดโลกตลอดไปเลยนะเจ้าค่ะจะคอยติดตามผลงานของท่านเสมอค่ะ
ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ตอบลบบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูกแล้วค่ะ
ฉากราวตากผ้าที่โค้ชโผล่มาจุ๊บเอเลนนี่มัน
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แม่! หนูเขินอ่ะ >///<
โค้ชคงหวงน้องมากสินะคะ
หวงแม้กระแม้ทั่งกับลูกปิงปอง
แล้วฉากจับถอดเสื้อผ้านั่นอีก
คือมโนไปนู่นนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ที่จริงเขาก็แค่กอดกันเฉยๆและมันก็ได้ความฟินไปอีกแบบ
เดี๋ยวนะ
แล้วใครมันบังอาจขโมยแฟ้มกัน?
อย่าให้เจ้รู้นะ
ไม่งั้นจะไปฟ้องโค้ชรีไวล์ให้มาจัดการจริงๆด้วย