Attack
on Titan Au S.Fic [Levi x Eren] --
BiOS : another story B : 03 --
:
Attack on Titan AU Fanfiction
:
Levi x Eren
:
Action Horrors
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“ ถ้าอย่างงั้น....นายก็ลองมองฉันบ้างสิ....แล้วจะได้รู้...ว่ามันทำให้เกิดความผูกพันได้จริงๆหรือเปล่า”
ใบหน้ามนนิ่งค้างไปเมื่อได้ฟัง
นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหวมีประกายราวกับดวงตาของมนุษย์เป็นครั้งแรก....มนุษย์...ซึ่งมีสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำ...
เขาเคยบอกกับตัวเองเอาไว้...
ว่าเรื่องในอดีตของเด็กนั่นจะเป็นยังไงก็ช่าง
จะจำอะไรไม่ได้อย่างนี้ตลอดไปก็ช่าง...
เพราะอนาคตทั้งหมดของเอเลน...เขาจะเป็นความทรงจำให้เอง...
“ ขอประทานโทษครับเฮย์โจว!” กองช่างทหารเดินเข้ามาทำความเคารพ
ทำให้ร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ข้างๆหดตัวเข้าไปนั่งซุกใบหน้าแดงระเรื่อเอาไว้กับหัวเข่า
“ มีอะไร?” เขาหันไปหานายทหารคนนั้นด้วยใบหน้านิ่งตามเดิม
“ เรา...เจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วครับ.....”
“ อะไหล่ไม่มี?!!!” เสียงที่โวยลั่นนั่นกลับเป็นเสียงของยู
มือใหญ่ตรงเข้าไปบีบต้นแขนของน้องชายต่างสายเลือดทันที
“ หมายความว่ายังไง?
อธิบายมาเดี๋ยวนี้”
เสียงทุ้มที่เคยเอ่ยเล่นหัวกับทุกคนอย่างเป็นกันเองกลับดุดันราวกับเป็นคนละคนเมื่อใช้พูดกับฮิโนะ
ซึ่งร่างเล็กๆในชุดหมีสีเขียวขี้ม้านั่นก็หาได้เกรงกลัวไม่
ใบหน้าที่ติดจะน่ารักยังคงเชิดใส่ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายด้วยความท้าทาย
“ ก็ตามที่ได้ยินนั่นแหละพันโทโนะเสะ....อะไหล่ที่จะใช้ซ่อมเจ้าเครื่องบินนั่นมัน...ไม่...มี!” เช่นเดียวกัน
ทุกถ้อยคำที่น้องชายต่างสายเลือดคนนี้ใช้กับพี่ชายก็มักจะเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ทั้งๆที่ปกติแล้วฮิโนะเป็นคนที่ถือว่านิสัยดีมากคนหนึ่ง...เพราะงั้น...ถ้าปล่อยให้คุยกันต่อไปคงได้ลงไม้ลงมือกันแน่ๆ
เขาจึงต้องเข้าไปแทรก
“ มันเกิดอะไรขึ้น?
แล้วพอจะมีทางแก้ไขได้หรือเปล่า?”
เขาถามออกไป ใบหน้าเล็กจึงหันมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ
“
อะไหล่ที่เราสั่งไปยังส่งมาไม่ถึงที่นี่ครับเฮย์โจว ตามกำหนดการแล้วมันจะมาถึงวันพรุ่งนี้...แต่เราคงรอไม่ได้และไม่แน่ใจด้วยว่าจะมีคนมาส่งให้ในสภาวะแบบนี้...มีความเป็นไปได้ว่าของน่าจะถูกส่งมาถึงท่าเรือของกองทัพเรือแล้ว...ทางเลือกของเราในตอนนี้คือจะออกไปเอา...หรือว่าจะใช้วิธีอื่นหนีออกไปจากที่นี่...” คำตอบของฮิโนะทำให้รู้ว่ามันเป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญซึ่งไม่น่าจะไปถอดของเครื่องบินลำอื่นมาใช้ได้
เขาหันไปมองกลุ่มคนที่พากันทำหน้าราวกับจะร้องไห้ที่ยืนอยู่รอบกาย...การตัดสินใจถูกผลักมาให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าอย่างเขา...ซึ่งมันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ที่นี่มีคนเหลืออยู่มากเกินกว่าที่จะใช้รถหนีออกไปได้
ยิ่งเครื่องบินลำอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะกองบินที่ 6
เป็นกองบินที่เน้นทางด้านการขับไล่ เครื่องบินที่มีอยู่ส่วนใหญ่จึงเป็นเครื่องบินที่ใช้ในการโจมตี
ซึ่งแต่ละลำนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น...ไม่ใช่แค่เครื่องจะไม่พอต่อจำนวนคน...นักบินที่ขับเครื่องบินได้ก็มีไม่พอด้วย
เขาได้แต่นึกโมโหอยู่ในใจ...เวลาแบบนี้ถึงได้เพิ่งรู้ว่าไอ้เครื่องบินลำเลียงที่มีอยู่ลำเดียวแถมไม่เคยจะได้ใช้ประโยชน์ถึงได้ปล่อยปละละเลยในการซ่อมแซมมันแบบนั้น...มันสำคัญกว่าฝูงบินโจมตี
F-15J/DJ ทั้งฝูงเสียอีก!!
“ เราจะออกไปเอาอะไหล่” สิ่งที่เขาพูดมีแต่จะทำให้ร่างทุกร่างนิ่งงันไป...เพราะคงไม่มีใครอยากจะออกไป...
“ ฉันจะขับ F-15J/DJ ไปเอามาให้ ฐานทัพเรือมีถนนยาวพอที่เครื่องจะร่อนลงได้”
เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้สะทกสะท้านต่อการตัดสินใจของตัวเอง...มันยังคงราบเรียบเพราะว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวที่ตัวเองจะต้องออกไปเสี่ยงอันตราย...ตราบใดที่หัวใจของเขายังปลอดภัย
“ เฮย์โจว...ผมไม่คิดว่า F-15J/DJ จะขนมันกลับมาได้...อะไหล่มันค่อนข้างจะใหญ่ทีเดียว”
แต่แล้วคำพูดของฮิโนะก็ทำให้หลายคนที่มีสีหน้าโล่งใจที่ตัวเองไม่ต้องออกไปก็ทำให้ริมฝีปากต้องกลับมาขบเม้มกันแน่นอีกครั้ง
แต่ก็จริงอย่างที่ฮิโนะพูด...เจ้าเครื่องบินโจมตีลำนี้นอกจากห้องนักบินแล้วมันก็ไม่มีตรงไหนจะใส่ของได้อีก
“
ถ้าอย่างงั้นก็คงไม่มีทางเลือก...เราจะต้องขับรถออกไปเอา...” แล้วสายตาของเขาก็หันไปมองที่รถจีปทหารโชกเลือดซึ่งจอดนิ่งอยู่ไม่ไกล...คงต้องใช้มันอีกจนได้สินะ
“
ฉันกับพันโทโนเสะจะเป็นคนไปเอาอะไหล่นั่นเอง”
...เพราะพวกเขาสองคนมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะมีชีวิตรอดกลับมาจากภาระกิจนี้
ซึ่งยูก็พยักหน้ายอมรับกับการตัดสินใจของเขา
“ ผมจะไปด้วยครับ...เพราะผมเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าอะไหล่นั่นหน้าตาเป็นยังไง” ในขณะที่คนอื่นๆต่างกลัวหัวหด
ฮิโนะกลับอาสาที่จะไปกับพวกเขาซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอะไหล่เครื่องบินเลย
ในขณะที่เขาพยักหน้า
ที่หางตาก็สังเกตเห็นว่ายูกำลังกัดริมฝีปากก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ จะไปเป็นตัวภาระรึยังไง?
ถ้านายถูกซอมบี้ลากไปชั้นจะไม่ช่วยแน่”
ปากร้ายๆยังคงพูดใส่น้องชายต่างสายเลือดที่ทำได้แค่เม้มริมฝีปากแน่น
นัยน์ตากลมโตมองสวนกลับมายังดวงตาของพี่ชายอย่างไม่ลดละ...ทั้งๆที่กังวล...ทำไมไม่บอกออกไปตรงๆกันล่ะเจ้ายูบ้านั่น...ไม่งั้นคงไม่กัดริมฝีปากซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เจ้านั่นชอบทำเวลากังวลใจหรือกำลังเป็นห่วงอะไรสักอย่างหรอก
เมื่อตัดสินใจได้แบบนั้นหลายคนก็ทำหน้าโล่งใจ
หลายคนก็ดูมีความหวังขึ้นมาได้บ้าง...ต่างจากร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
จู่ๆสองมือนิ่มๆเย็นๆก็จับมาที่ท่อนแขนของเขา
ใบหน้ามนขมวดคิ้วน้อยๆพลางส่งสายตาที่คงไม่รู้ตัวหรอกว่ามันคือการอ้อนมาให้......อยากจะไปด้วย?
และเมื่อเขาเงยหน้าดูสายตาที่คนอื่นๆมองมายังเอเลน
เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเด็กนั่นจึงไม่อยากอยู่ที่นี่ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย.....เพราะไม่มีดวงตาคู่ไหนมองร่างโปร่งบางอย่างเป็นมิตรเลยแม้แต่คู่เดียว...หากปล่อยให้อยู่ที่นี่ตามลำพังอาจจะโดนทำอะไรก็ไม่อาจจะคาดเดาได้
สำหรับเอเลนแล้ว...บางที...โลกที่มีแต่ซอมบี้...อาจจะปลอดภัยกว่าที่ที่มีมนุษย์ก็ได้
เขารู้ดี...ว่าความอิจฉาริษยา
ความเกลียดแค้นชิงชังของมนุษย์นั้นมันน่ากลัวกว่าซอมบี้ที่ไม่มีสมองตั้งไม่รู้กี่เท่า
“
ฉันจะพาเอเลนไปด้วย” เสียงเคร้งคร้างดังขึ้นจากโซ่ที่กระทบกันเมื่อเขาขยับมือไปจับมือของเด็กนั่นเอาไว้
“ รีไวคะ!!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค
ว่าที่คู่หมั้นของเขาก็สวนขึ้นมาทันที
“ คุณจะพามันไปทำไมคะ?
เอาไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คอยแต่จะเป็นตัวถ่วงคุณมากกว่า”
ที่ชั้นพาเอเลนไปเพราะชั้นไม่ไว้ใจใครที่นี่....ปากอยากจะพูดออกไปแบบนี้แต่ก็ทำเพียงแค่เงียบเอาไว้แล้วยกข้อมือที่ถูกล่ามติดกันด้วยกุญแจมือให้หญิงสาวดู
ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามบึ้งตึงอย่างพยายามจะบอกให้ใครๆรู้ว่าเธอมีสิทธิที่จะเอาแต่ใจกับเขาได้
ทั้งๆที่มันไม่ใช่...
เพราะสิทธินั้นมันเป็นของเอเลนเท่านั้น
“ ถ้าเด็กนั่นไป
ชั้นก็จะไปด้วย!” และพอเห็นว่าไม่ได้ผล
ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเอาเอเลนไปด้วย...หญิงสาวจึงกล่าวเรื่องที่ทำให้คนรอบกายได้แต่ทำหน้ายุ่งยาก....ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังยืนกลัวตัวสั่นแต่พอเห็นใครเข้าใกล้เขาได้มากกว่าที่ตัวเองจะทำได้
ความกลัวก็หายไปในทันที?
“ เธอควรจะอยู่ที่นี่
โยชิดะ”
“ ไม่ค่ะ
ชั้นจะไป...ทำไมคะ...ในเมื่อเด็กนั่นยังไปได้ ชั้นก็ต้องไปได้...รีไว...คุณน่ะ
ไว้ใจมันมากเกินไปแล้ว...ชั้นจะไปคอยจับตาดูมันเอง
ไม่ให้มันหันมีดใส่คุณได้แน่นอนค่ะ”
นี่เธอยังเชื่อว่าเขากับเอเลนเป็นแค่ผู้คุมกับนักโทษอยู่อีกหรือไง?...ต้องให้บอกใครต่อใครให้ชัดๆไปเลยไหมว่าเขารู้สึกกับเด็กนั่นยังไงกันแน่ถึงจะยอมเข้าใจ
เขาได้แต่ถอนหายใจ...เถียงไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า...อยากทำอะไรก็ตามใจแล้วกัน
“ อิชิกาว่า!” เสียงของเขาทำให้ร่างผอมแห้งของเจ้าแว่นวิทยุการบินนั่นถึงกับสะดุ้งโหยง
“ คะ ครับ...”
“ นายก็ต้องไปด้วย” เขาไม่ได้ตั้งใจจะแก้แค้นหรือเอาคืนอะไร
เพียงแต่การหลบหนีโดยที่จะเจอกับซอมบี้ให้น้อยที่สุดนั้นจำเป็นต้องใช้วิทยาการที่มีแต่พวกวิทยุการบินเท่านั้นที่น่าจะทำได้
“ เอ๋?!! มะ
ไม่เอานะครับ...เฮย์โจว...”
หมอนั่นหันมากอดขาเขาด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้
“
จะไป...หรือจะตายอยู่ตรงนี้?”
ปากกระบอกปืนพกจ่อลงไปที่หัวยุ่งเหยิงของเจ้าอิชิกาว่าที่ได้แต่อ้าปากค้าง...ใช่...เขาตั้งใจจะข่มขู่...กับคนอย่างหมอนี่ไม่จำเป็นต้องพูดกันดีๆหรอก
วิธีของทหารนี่แหละเห็นผลที่สุด
“ ปะ
ไป...ไปครับ...” ....ก็แค่นั้นแหละ
รถจีปสีเขียวขี้ม้าถูกพวกกองช่างทหารดัดแปลงเสียจนคิดว่ามันน่าจะอันตรายยิ่งกว่ารถถัง
เพราะทั้งตะแกรงเหล็กทั้งปืนกลที่ถูกนำไปติดเพิ่มนั้นช่วยทั้งในเชิงป้องกันและเชิงรุกได้เป็นอย่างดี...จะไม่มีมือของซอมบี้ยื่นเข้ามาลากพวกเขาลงไปได้และมันยังต้องตายจากห่ากระสุนปืนกลบนหัวพวกมันอีก
เขานั่งอยู่หลังพวงมาลัย
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องไปที่ประตูม้วนเหล็กซึ่งค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เงาของขามากมายยืนสะเปะสะปะอยู่ข้างหลังประตูนั่น...
ไม่สามารถจะโกหกได้หรอกว่าคนที่นั่งอยู่บนรถไม่รู้สึกกลัว
เพราะใบหน้าที่มีเหงื่อเกาะพราวทั้งๆที่เป็นฤดูหนาวของแต่ละคนก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี.....จะมีกี่คนกันนะที่จะรอดกลับมา...คำถามนี้คงจะดังก้องอยู่ในหัวของพวกเขา...
เสียงเครื่องยนต์ดังคละเคล้าไปกับเสียงสูดลมหายใจ
และเมื่อประตูม้วนถูกดึงขึ้นไปในระยะพอดีกับที่รถจะลอดผ่านได้
จีปทหารก็ทะยานออกไปทันที
ตุ้บๆๆ!!!
เสียงเหล็กปะทะเนื้อหนังเละๆดังขึ้นเพราะเขาไม่ได้คิดที่จะหลบพวกมัน
คันเร่งยังคงถูกเหยียบมิด จีปทหารพุ่งชนเศษซากที่เคยได้ชื่อว่าคนจนพวกมันลอยข้ามหัวไป
ได้ยินเสียงประตูเหล็กปิดลงที่เบื้องหลังเป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะหันกลับไปไม่ได้อีก!
ฝูงซอมบี้ที่ล้อมโกดัง A
อยู่ถูกชนจนมองเห็นเป็นทางตามที่รถวิ่งผ่าน คนบนรถแทบจะหยุดหายใจเมื่อต้องมายืนอยู่ท่ามกลางดงผีดิบในระยะกระชั้นชิดแบบนี้
ได้ยินเสียงกรี๊ดของโยชิดะ ไอโกะพร้อมกับเสียงตะโกนให้ก้มหัวลงของยูก่อนที่เสียงปืนกลจะดังตามมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาทีแต่ความรู้สึกนั้นมันยาวนานราวกับหลายปี
เอี๊ยด!!!
จีปทหารเบรคดังลั่นก่อนจะเลี้ยวควับจนคนบนรถแทบจะกลิ้งไปกองรวมกัน
ยังดีที่ตะแกรงเหล็กทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งมือซอมบี้
ทั้งคนบนรถจึงไม่สามารถผ่านมันไปได้
อาจจะคิดว่าเพราะอยู่ในสภาวะเร่งรีบเขาถึงได้ขับรถชั่วร้ายแบบนี้
แต่ต่อให้เป็นเวลาปกติ เขาก็ขับรถแบบนี้แหละ
“ อิชิกาว่า!” เขาตะโกนเรียกเจ้าวิทยุการบินที่ยังนั่งสั่นพับๆอยู่หลังคนขับ
“ ปะ
ไป...ไปทางเลียบชายฝั่งครับ!”
ถึงแม้มือไม้จะสั่นระริกแต่หมอนั่นก็ยังใช้คอมพิวเตอร์พกพาของตัวเองได้คล่องกว่าใครๆ
และต่อให้การแฮคระบบดาวเทียมจะเป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่ในเวลาแบบนี้ก็มีแต่จะต้องทำเพื่อเอาชีวิตรอด
เขาให้อิชิกาว่าใช้ดาวเทียมคอยดูเส้นทางว่าทางไหนที่ยังวิ่งได้และมีซอมบี้น้อยที่สุด
เอี๊ยด!!!
จีปทหารเลี้ยวอีกครั้งเมื่อวิ่งหลุดออกมาจากกองบินที่
6
ฐานทัพอากาศโคมัตสึ ก่อนจะพุ่งไปตามถนนเลียบชายฝั่งซึ่งยังมีคลื่นซัดสาดไม่ขาดสาย
พอออกห่างจากโกดัง A มาได้ก็ดูเหมือนจะเจอซอมบี้แค่ประปรายเท่านั้น...แปลว่าแถวนี้...คงไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่อีก...
“
ชั้นว่าพวกเราจะตายเพราะการขับรถของนายมากกว่าเจอซอมบี้นะ รีไว” ยูลุกขึ้นมานั่งสะบัดหน้าสองสามทีก่อนจะบ่นออกมาเป็นชุด
เขายังคงมองตรงไปข้างหน้า
ถึงแม้ตึกรามบ้านช่องที่หันเข้าหาชายฝั่งจะพังจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่เสียงคลื่นก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
กลิ่นเค็มๆของน้ำทะเลช่วยกลบกลิ่นเน่าของซากศพ
สายลมที่ปะทะเข้ามาบนใบหน้าทำให้รู้ตัวว่า...พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ามนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองท้องทะเลด้วยแววตานิ่งค้างราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือครั้งแรกที่ตัวเองได้เห็นท้องน้ำที่กว้างไกลสุดสายตาแบบนี้หรือเปล่า
มือที่ตั้งใจจะเปลี่ยนเกียร์จึงละเรื่อยเลยไปวางบนมือบาง
นัยน์ตาสีมรกตเบิกขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าเขา
“
นั่นเรียกว่าทะเล...เอาไว้คราวหน้า...เราค่อยมาด้วยกัน”
สัญญาถูกเอ่ยออกไป...ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่า...จะมี
“คราวหน้า” สำหรับพวกเขาอีกหรือไม่ก็ตาม....
“ ฮะ
เฮย์โจว...เราตรงไปตามถนนเลียบชายฝั่งข้างหน้าไม่ได้แล้วครับ...เลี้ยว...เลี้ยวเข้าถนนซอยที่ผ่านหน้าโรงพยาบาลดีกว่าครับ...” อิชิกาว่าตะโกนบอกแข่งกับลมแรง
“
มีอะไรอยู่งั้นหรอ?”
“ ซะ ซอมบี้...นะ
น่าจะเป็นร้อยเลยครับ...ดูเหมือน...กำลังล้อม...เอ่อ....น่าจะเป็นรถมินิบัส...เอ่อ...มั้งครับ” อิชิกาว่าบอกออกมาอย่างไม่มั่นใจ
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นขยับไปจนชิดจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะพยายามเพ่งมองภาพจากดาวเทียมที่อาจจะไม่ค่อยคมชัดนัก
“
....เป็นไปได้ไหมว่าบนรถนั่น...จะยังมีคนอยู่...”
เป็นเสียงของฮิโนะที่เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย......ไม่ใช่แค่น้องชายต่างสายเลือดของยูหรอกที่คิดได้...ทุกคนบนรถคันนี้ก็รู้อยู่เต็มอก...เพียงแต่...
“ ไม่นะคะรีไว!! เราจะไม่ฝ่าดงซอมบี้เข้าไปช่วยพวกนั้นนะคะ! คุณอย่าลืมสิคะว่าพวกเราออกมาเพื่ออะไร! ยังมีคนอีกนับสิบที่รอให้พวกเรากลับไปอยู่นะคะ!” แล้วโยชิดะ
ไอโกะก็เอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา...เขารู้ดีว่าสิ่งที่เธอพูดคือสิ่งที่พวกเขาควรจะทำมากที่สุดแล้ว...และเขาก็เชื่อด้วยว่าในใจของทุกคนบนรถคันนี้ก็ต้องมีเสี้ยวหนึ่งที่คิดแบบนั้น...เพียงแต่....
จีปทหารพุ่งตรงไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ...อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะเจอแยกที่อิชิการว่าบอกให้เลี้ยวเข้าไป....อีกไม่กี่ถึงร้อยเมตรคือช่วงเวลาแห่งการวัดใจ...
จะยื่นมือไปช่วย...หรือจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินผ่านไป...
มือที่จับพวงมาลัยมีเหงื่อเปียกชื้น
ฝ่าเท้ายังคงเหยียบลงไปบนคันเร่งในความเร็วเท่าเดิม
ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะยังคงนิ่งสนิท ทว่า ที่อกซ้ายกลับกำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง
ถ้าตรงไปก็อาจจะช่วยคนพวกนั้นได้....แต่ถ้าตรงไปก็มีความเสี่ยงที่พวกเขาอาจจะโดนรุมกัดตาย...แค่นึกสภาพเอเลนที่เนื้อหลุดห้อยต่องแต่ง
เขาก็แทบจะตัดสินใจได้ในทันที
ต่อให้ไม่รู้ว่าจะรอดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน...เขาก็อยากจะมีลมหายใจอยู่ข้างๆคนที่ตัวเองรักให้ยาวนานขึ้น...แม้สักเพียงวินาทีเดียวก็ยังดี....
แล้วมือก็ยอมหมุนพวงมาลัย....ก่อนที่จีปทหารจะตวัดเลี้ยวเข้าไปในซอยย่อยท่ามกลางความนิ่งงันของคนทั้งรถ
เขาทำถูกแล้ว....
เขาทำถูกแล้ว.....
เอี๊ยดดดดด!!!!
แล้วเพียงชั่วพริบตา...รถสีเขียวขี้ม้าก็ดริฟท์กลับมายังทางเดิม!
เขาทำไม่ได้....
รู้ทั้งรู้ว่าทางข้างหน้ามันอันตราย
รู้ทั้งรู้ว่าแค่เลี้ยวหลบไปก็จะปลอดภัยแล้วแท้ๆ
เพียงแต่...พวกเขาเป็นชายชาติทหาร!!
การที่จะทิ้งประชาชน...มันฝืนวิสัยของพวกเขาเกินไป!
จีปทหารหันหัวไปเผชิญหน้ากับถนนเลียบชายฝั่งอีกครั้ง...
โยชิดะ ไอโกะ
ได้แต่อ้าปากค้างอย่างพูดอะไรต่อไปไม่ถูก ส่วนอิชิกาว่าก็นั่งก้มหน้าสวดมนต์โดยที่ไม่มีคำคัดค้านใดมากไปกว่านี้
ได้ยินเสียงชักไกปืนลูกซองในสองมือของฮิโนะ
ส่วนยูก็ขยับไปยืนอยู่หลังปืนกลด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“ เดี๋ยวพ่อจะยิงให้ไส้แตกเลยโว้ย
ไอ้พวกผีดิบ!”
“ เค้าให้ยิงที่หัว
ไม่ใช่ที่ไส้”
“
ขอร้องละ...ช่วยรับมุขหน่อยเหอะว่ะ พันเอกรีไว”
เสียงพูดคุยสบายๆดังคละเคล้าไปกับสายลมที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
จีปทหารยังคงมุ่งหน้าเข้าหาฝูงซอมบี้อย่างไม่คิดจะถอยกลับ....ก็บอกแล้ว...ว่าพวกเขามันชายชาติทหาร!!
รถจีปพุ่งทยานเข้าไปกวาดฝูงซอมบี้ที่ล้อมรถมินิบัสอยู่จนกระจุยกระจาย
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งยังไม่ทันจะได้ร้องออกมาหัวที่ไม่มีมันสมองก็ถูกเหยียบเละด้วยล้อสีดำลูกใหญ่
ปรี๊นนนน!!!
เสียงแตรลากยาวดังขึ้นเพื่อส่งสัญญาณบอกคนในรถมินิบัสว่าพวกเขาเข้ามาช่วย
แต่ดูเหมือนเสียงโกลาหลจากการชนฝูงซอมบี้รวมไปถึงเสียงปืนจะมีมากกว่า คนบนรถมินิบัสถึงได้ยังไม่ยอมโผล่หัวออกมา....หรือว่าพวกนั้นอาจจะช็อกตายเพราะถูกซอมบี้ล้อมไว้ตั้งขนาดนี้ไปแล้วก็ได้มั้ง
จีปทหารที่ใจร้อนตามคนขับจึงขยับเข้าไปชนท้ายมินิบัสดังโครม
ส่งผลให้ประตูที่ปิดสนิทมาตลอดเปิดออกโดยที่เขาก็ไม่ทันคิด
แล้วฝูงซอมบี้ก็กรูกันเข้าไปหมายจะลากคนที่อยู่ในนั้นลงมาเป็นอาหาร!
ไม่มีทางซะหรอก!!!
เอี๊ยดดดด!!!
พวงมาลัยถูกหักเลี้ยวเล็กน้อยก่อนที่สีข้างรถจีปจะไถไปกับสีข้างรถมินิบัส
แล้วไอ้ศพเดินได้ที่อยู่ใกล้ประตูก็โดนชนกระเด็นจนเอเลนที่นั่งอยู่ข้างนั้นได้แต่ยกมือขึ้นมาบังหน้า
“ เอเลน!!”
เขาตะโกนเรียกชื่อโดยยังไม่ทันบอกว่าจะให้ร่างโปร่งบางทำอะไร
แต่เด็กนั่นก็ปฏิกิริยาไวใช้ได้
มือบางเปิดประตูรถฝั่งตัวเองออกก่อนจะยันขาไปเปิดประตูรถมินิบัส
พวกเขาจึงได้เห็นว่าข้างในนั้นมีคนอยู่สองคน
“ ข้ามมาทางนี้! เร็วเข้า!!” ยูตะโกนบอกทั้งๆที่มือก็ยังกราดยิงซอมบี้ไม่ได้หยุดโดยมีฮิโนะคอยช่วย
เหตุการณ์ที่เกิดภายในชั่วพริบตาของคนที่สิ้นหวังไปแล้วทำให้ชายสองคนนั้นยังมีท่าทางมึนงง
“ ข้ามมาทางนี้สิยะ! จะให้พวกชั้นตายก่อนรึยังไง!” กลายเป็นโยชิดะ
ไอโกะที่กระโจนเข้าไปลากแขนชายสองคนนั้นออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะมีแรงได้ขนาดนี้
ฝ่ามือที่ทาเล็บสีแดงตบฉาดลงไปบนใบหน้าที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้สติ
“ เอเลน!!” เขาตะโกนบอกคนข้างๆแล้วมือบางก็ปิดประตูทันที
จีปทหารจึงพุ่งทยานออกไปจากดงซอมบี้นั่นโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีก
“ แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....เหมือน...อายุจะสั้นลงไป...อีกหลายปีเลยนะเนี่ย....” ยูถึงกับลงไปนั่งหอบเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ขนาดเอเลนยังมีใบหน้าตื่นๆให้เขาถึงกับอมยิ้ม
“
อิชิกาว่า...จากนี้ไปเลียบชายฝั่งไปตลอดเลยได้ไหม”
เขาเอ่ยถามไอ้คนที่ไม่มีส่วนร่วมในการออกแรงแต่อย่างน้อยมันก็ยังมีประโยชน์ในการหลบซอมบี้
“ ดะ
ได้ครับ...จะมีตรงช่วงบลอค4-Aที่ถนนดูเหมือนจะถูกตัดขาด...น่าจะรอยระเบิด...นอกนั้นก็ทางสะดวกครับ”
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นบอกชื่อบลอคมาเป็นรหัสของทหาร
นัยน์ตาสั่นระริกยังคงจับจ้องหน้าจอต่อไปโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองสมาชิกใหม่
“ พวกนาย...เป็นใคร...มาจากที่ไหน...ช่วยบอกพวกเราโดยละเอียดด้วย
เพราะข้อมูลทุกอย่างถือเป็นประโยชน์ทั้งนั้น”
ฮิโนะใช้เสียงที่นุ่มนวลสอบถามชายทั้งสองคนที่ยังมีท่าทางสั่นกลัวอยู่
“ พะ
พวกเรา...มาจากเมืองนามิโมริ...” คำว่า ‘นามิโมริ’
มันทำให้คิ้วของเขาเผลอขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
เพราะมันทำให้เขานึกถึงชื่อ...ที่ปักอยู่บนเสื้อกราวน์ของหมอและพยาบาลที่มาฉีดยาให้เอเลนเป็นประจำ
“
ไวรัส...ไวรัสซอมบี้แพร่ออกมาจากสถาบันวิจัย...แล้วที่นั่นก็มีแอนตี้ไวรัส...แต่พอพวกเราไปถึง
ไม่ใช่แค่พวกนั้นจะไม่ช่วย พวกมันยังใช้ปืนกลที่ติดอยู่ที่กำแพงยิงเราอีก...ทั้งๆที่เราไม่ใช่ซอมบี้” ชายคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าลอยๆ
คำพูดถึงจะไม่ประติดประต่อแต่พวกเขาก็รู้ว่ามันคือความจริงเพราะมันออกมาจากจิตใต้สำนึกของชายคนนั้น
ความจริง...ที่มีแต่จะทำให้พวกเขาใบหน้าชาวาบ....
ไวรัส...สถาบันวิจัย....แอนตี้ไวรัส....ถึงแม้ทุกอย่างมันจะราวกับหลุดออกมาจากในหนัง...แต่นี่มันคือเรื่องจริง!
“ อย่ามากรุเรื่องนะ!
ถ้าพวกนายรู้ว่าที่นั่นมีแอนตี้ไวรัสแล้วจะหนีมาถึงนี่ทำไม?!” เสียงกราดเกรี้ยวของโยชิดะ ไอโกะ
ถามขึ้นมาอย่างไม่คิดจะเชื่อง่ายๆ
“ ก็บอกแล้วไงว่าพวกนั้นมันยิงเรา!...หนีมาอย่างน้อยก็อาจจะรอดถ้าไปเจอแอนตี้ไวรัสที่อื่น...ดีกว่าถูกยิงตายอยู่ตรงนั้นใช่ไหมล่ะ!”
ชายคนที่ถูกหญิงสาวคาดคั้นเอ่ยออกมา
แล้วมันก็ทำให้พวกเขาต้องคิดหนัก...ทั้งๆที่เจอที่พึ่ง...แต่กลับหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“ เอาไงดีรีไว?” ยูตะโกนถามเขาที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ...เวลาแบบนี้....อำนาจของกองทัพจะช่วยได้แค่ไหนกันนะ...
ก็มีแต่จะต้องลองดูเท่านั้น...
“
เราจะดำเนินแผนการของเราต่อไป...ไปเอาอะไหล่...จากนั้นก็ใช้เครื่องบินลำเลียงขนทุกคนหนีไป...อิชิกาว่า
นายพยายามติดต่อฐานทัพอากาศที่มิซาว่าให้ได้...ถ้ายังมีคนอยู่ละก็นะ...บอกว่าเราจะขอเอาเครื่องบินลงที่นั่น
แล้วจากนั้นเราก็จะไปสถาบันวิจัยที่นามิโมริซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฐานทัพมิซาว่ากัน”
สิ่งที่เขาพูดออกไปดูเหมือนจะทำให้ทุกคนบนรถดูมีความหวังขึ้นมาได้บ้าง...อย่างน้อยๆตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจะหนีไปที่ไหน
และมีอะไรรออยู่
คงต้องขอบคุณชายสองคนนั้นที่ช่วยทำให้พวกเขาได้รู้ว่าไอ้ศพเดินได้ที่เดินเพ่นพ่านกันอยู่ทั้งเมืองนี้มันเกิดมาจากอะไร
และเกิดมาจากที่ไหน....นอกจากนั้นมันยังพอจะมีความหวังว่าพวกเขาอาจจะเอาชนะพวกมันได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า
แอนตี้ไวรัส...
“
ก็ถือซะว่า...การเสี่ยงชีวิตของเราเมื่อกี้นี้ก็คุ้มละนะ”
ยูพาดท่อนแขนเอาไว้กับขอบรถก่อนจะเงยหน้าให้สายลมปะทะเข้ามา
ขนาดอิชิกาว่ายังมีสายตาที่มุ่งมั่นขึ้น
มือผอมแห้งรัวคีบอร์ดตามคำสั่งที่ได้รับอย่างมีความหวังว่าจะรอดชีวิต
เช่นเดียวกับโยชิดะ ไอโกะที่หยุดโวยวายเรื่องที่พวกเขาเสี่ยงเข้าไปช่วยชายสองคนนั้น
“
นี่...ชั้นถามอะไรอีกอย่างสิ...” เขาเอ่ยถามสมาชิกใหม่โดยที่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ถนน
“
ในนามิโมริ...โรงพยาบาลก็ใช้ชื่อว่านามิโมริหรือเปล่า?”
“
เอ...เปล่าครับ...โรงพยาบาลในเมืองของเราเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใช้ชื่อว่า...ซาวาดะ...ตามชื่อต้นตระกูลเจ้าของโรงพยาบาลน่ะครับ”
แล้วคำตอบของชายคนนั้นก็มีแต่จะทำให้เขาอึ้งไป...
หมายความว่ายังไง?
ไม่มีโรงพยาบาลนามิโมริ?
แล้วถ้างั้นคนที่มาฉีดยาให้เอเลนก็ไม่ใช่คนของโรงพยาบาลแต่อาจจะเป็นคนของสถาบันวิจัย?
พวกนั้น...กำลังทำการทดลองอะไรกับนายอยู่กันแน่...แม้แต่ความทรงจำของนาย...พวกนั้นก็เป็นคนทำให้หายไปหรือเปล่าเอเลน...
มือที่จับพวงมาลัยได้แต่กำแน่นอย่างที่ยังคงเต็มไปด้วยคำถาม...
“
เฮ้...เตรียมตัวกันได้แล้วพรรคพวก....”
ยูเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆเมื่อจีปทหารจ่ออยู่ที่ประตูรั้วซึ่งติดป้ายว่า
ฐานทัพเรือ Maizuru
ภาพของกองทัพเรือผู้เป็นใหญ่ในเขตน่านน้ำฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นมีแต่จะทำให้ร่างของคนที่อยู่บนรถได้แต่นิ่งค้างไป
ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากใครสักคน
เพราะอาคารสีขาวที่เคยตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขามกลับเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ไม่ว่าจะคราบเลือดและรอยกระสุนปืนที่เกลื่อนกลาดอยู่เต็มผนัง
กระจกหน้าต่างแตกละเอียดเกือบทุกบาน สวนที่เคยสวยงามก็เละเทะไปด้วยรอยเท้าและล้อรถ
ประตูรั้วเหล็กหงิกงออ้าออกกว้างส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวกับกำลังกล่าวคำต้อนรับ
ทุกสิ่งทุกอย่างดูนิ่งงันจนไม่รู้แล้วว่าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่
แต่ที่แน่ๆมันคงไม่ใช่รอยยิ้มอันอบอุ่นของลูกทะเลแห่งกองทัพเรือแน่นอน
ที่นี่อาจจะไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แล้วก็เป็นได้....
“
พร้อมจะไปเยือนนรกกันแล้วใช่ไหมจ้าวแห่งเวหาทั้งหลาย!”
ยูส่งเสียงแข็งกร้าวราวกับจะไปออกรบพร้อมกับชักลำกล้องปืนลูกซองในมือ
เขายัดปืนพกใส่มือของเอเลนเผื่อเหตุจำเป็น
ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจ้าอิชิกาว่ายอมคว้า M-16 มาไว้ในมือแทนคอมพิวเตอร์ที่ถูกปิดไป
“
เราต้องไปเอาอะไหล่นั่นที่ไหนฮิโนะ?”
“
ผมคิดว่ามันน่าจะอยู่ที่อู่เรือครับเฮย์โจว”
“ ถ้าพร้อมกันแล้วก็...ไป!!!”
แล้วจีปทหารก็พุ่งทยานเข้าไปในฐานทัพเรือทันที
เสียงเบรกดังพร้อมรอยล้อลากยาวไปตามถนนเป็นระยะๆ รถสีเขียวขี้ม้าเลี้ยวควับจนคนบนรถกลิ้งไปกองรวมกันก่อนที่มันจะตะบี้ตะบันวิ่งตรงดิ่งไปยังอู่เรือ
โครม!!!
จีปทหารชนประตูของอู่จนมันปลิวหลุดออกไปก่อนจะเบรกหัวทิ่มเมื่อเจ้ารถสีเขียวแล่นมาถึงกลางโกดังกว้างๆซึ่งมีเรือจอดอยู่หลายลำ...กลิ่นน้ำทะเลลอยมาแตะจมูกเพราะส่วนล่างของเรือยังจมอยู่ในน้ำ...จะว่าไปเรือพวกนี้ก็พร้อมจะแล่นออกสู่ทะเลได้ตลอดเวลาถ้าเปิดประตูนั่นออก...แล้วทำไมถึงไม่มีใครในกองทัพเรือคิดจะใช้มันหนีไปเหมือนที่กองทัพอากาศของเขากำลังทำกันนะ?...ไม่ทันหรือยังไงกัน?
“
ผมคิดว่าอะไหล่มันน่าจะอยู่ในห้องเก็บของสำหรับรอรถมาขนไปนะครับ...” แล้วสายตาของพวกเราทุกคู่ก็ช่วยกันกวาดหาห้องเก็บของที่ว่า
แต่ดูเหมือนในอู่กว้างๆแห่งนี้นอกจากที่จอดเรือแล้วก็ไม่มีห้องอะไรอีกเลย
“
คิดไปเองตลอด...ที่พวกเราออกมาเสี่ยงตายกันถึงนี่ก็เพราะความคิดของนาย
เพราะงั้นถ้าพวกเราต้องตายมันก็เป็นเพราะนายคนเดียว”
ยูเริ่มกัดน้องชายต่างสายเลือดเพราะไม่ว่าจะมองหายังไงก็หาห้องอะไรไม่เจอสักห้องจนใบหน้าใสได้แต่เม้มปากแน่นอย่างไร้ซึ่งคำโต้แย้ง
“
นี่ร้อยโทโนเสะ...ไอ้อะไหล่ที่ว่านั่นมันอาจจะเอาไปเก็บไว้ที่อื่นก็ได้นะ
ลองคิดดูดีๆสิ!” โยชิดะ ไอโกะเริ่มหมดความอดทนจึงเริ่มเร่งเร้าให้ฮิโนะคิดใหม่ว่าพวกทหารเรือจะเอาอะไหล่ไปเก็บไว้ที่ไหน
“ เป็นไปไม่ได้หรอกครับ
อะไหล่นั่นมันใหญ่ แล้วก็หนักพอสมควรเลย
พวกทหารเรือน่าจะเคลื่อนย้ายแค่ลงจากเรือแล้วก็เอาวางไว้แถวๆนี้เพื่อรอรถมาขนไปส่งให้เราเท่านั้นแหละครับ” ใบหน้าน่ารักยังคงกวาดตามองไปรอบๆอย่างไม่ละความพยายาม
“
เฮย์โจว...ผ้าใบนั่น...”
เสียงแผ่วเบาดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เอเลนชี้นิ้วให้เขามองตามไปยังกองอะไรบางอย่างที่มีผ้าใบคลุมอยู่
“ ฮิโนะ! นั่นน่ะ พอจะใช่ไหม?!” เขาหันไปบอกฮิโนะอีกต่อ ใบหน้าใสมองแค่ปราดเดียวก็พยักหน้าให้
คงจะเป็นเพราะขนาดของกองสิ่งของนั่นคงใกล้เคียงกับอะไหล่ที่พวกเขากำลังตามหา
“ ลงไปดูกัน” เขาถอดกุญแจมือออกก่อนจะกระโดดลงจากรถตามด้วยูและฮิโนะ
เอเลนทำท่าจะตามมาด้วยแต่มือของเขาก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“
นายรออยู่นี่แหละเอเลน” เขาหันมามองใบหน้ามนด้วยแววตาอบอุ่นซึ่งไม่เคยใช้มองใคร
เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีมรกตที่เริ่มจะมีภาพสะท้อนของเขาอยู่บ้างมันถึงได้ดูกังวลใจที่เขาจะต้องลงไปเสี่ยงอันตราย
บางที...ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง...อาจจะต้องการสิ่งเล็กๆแค่นี้เองก็ได้
เขาดึงปืนพกอีกกระบอกจากสายรัดต้นขาก่อนจะกระชับด้ามปืนสีดำนั่นด้วยสองมือ
สายตาจับจ้องไปที่กองผ้าใบปริศนา....ถ้ามันเป็นอะไหล่ก็ดีไป...แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ....
ปากกระบอกปืนจ่อลงไปเหนือผ้าใบ
ยูพยักหน้าให้ก่อนที่มือใหญ่ๆนั่นจะค่อยๆเอื้อมไปที่ผ้าใบ แล้ววินาทีที่ผ้าใบถูกดึงออกมาด้วยมือของยู
พรึ่บ!!!!
อะไรบางอย่างก็กระโจนพรวดออกมา
มันเร็วเกินกว่าที่พวกเขาจะเล็งยิงมันได้สองแขนจึงปัดมันออกไปตามสัญชาติญาณ
ได้ยินเสียงกรีดร้องของ โยชิดะ ไอโกะดังอยู่ข้างหลัง
แต่วินาทีนั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น ลมหายใจราวกับจะหยุดไป แล้วไม่นานสิ่งที่พุ่งใส่หน้าพวกเขามันก็หายไป....ทิ้งเอาไว้เพียงแค่ปีกสีดำ...
อีกา...?
เขาลืมตาขึ้นมามองอย่างหายใจไม่ทั่วท้อง
ก่อนจะหันไปมองหน้ายูกับฮิโนะที่ดูจะตกใจไม่แพ้กัน
แต่เวลาให้ใจหายใจคว่ำก็มีไม่มาก
เขารีบพยักหน้าให้ฮิโนะเข้าไปตรวจดูว่าของใต้ผ้าใบนั่นคืออะไหล่ที่พวกเขากำลังตามหาอยู่หรือเปล่า
โดยไม่ทันดูให้ดีๆว่า...เสียงพั่บๆที่คิดว่าบินหนีไปแล้ว
มันจะยังพุ่งหลาวตรงดิ่งกลับมาหาพวกเขาอีก!
“ เฮย์โจว!!!”
เสียงตะโกนลั่นของเอเลนที่ได้แต่เกาะตะแกรงดูอยู่ในรถเรียกเขาเสียงหลง
เขาหันกลับไปมองฝูงอีกาที่ย้อนกลับมาอย่างตั้งใจจะทำร้ายด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
ปกติแล้ว...ถึงอีกาจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับใคร
แต่ก็ใช่ว่ามันจะดุร้ายกับคนที่ตัวโตกว่ามันตั้งหลายเท่าได้แบบนี้
“ ดูตาของมันสิครับ!!” ดวงตากลมๆที่น่าจะดำสนิทกลับแดงฉาน....อีกาพวกนั้น...มันคงกินซากของซอมบี้เข้าไป!!
“ ยู!!” ปากกระบอกปืนเล็งหัวของนกตัวดำเมี่ยมที่พุ่งเข้ามา
และต่อให้ไวแค่ไหนก็ไม่อาจรอดสายตาของจ้าวแห่งท้องฟ้าอย่างพวกเขาไปได้
ปังๆๆๆ!!!
ปืนสองกระบอกช่วยกันสอยพวกมันร่วงทั้งฝูงจนปีกสีดำปลิวว่อนกระจัดกระจาย
ให้มันรู้กันไป...ว่าอีกาหรือจะมาสู้เหยี่ยว...
เขากับยูลดปืนลงพลางหอบหายใจน้อยๆ
ความจริงยิงปืนแค่นี้ไม่ได้ทำให้เหนื่อยหรอก
แต่ไอ้ที่ทำให้หอบน่ะมันเพราะตื่นเต้นกับเหตุการณ์สุดระทึกตรงหน้าเสียมากกว่า
“ เฮย์โจว! นี่เป็นอะไหล่ของเราจริงๆครับ!”
ฮิโนะตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงดีใจหลังจากเลิกผ้าใบขึ้นมาดู....ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมาจากคนที่ยืนอยู่บนรถ...อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆอยู่บ้างเหมือนกันละนะ
เครื่องยนต์ใหม่เอี่ยมที่เขาก็ดูไม่รู้ว่ามันจะไปอยู่ตรงไหนของเครื่องบินนั้นมีขนาดใหญ่และหนักเอาเรื่องอย่างที่ฮิโนะบอกจริงๆ
พวกเขาแทบทุกคนถึงได้ต้องลงมาจากรถเพื่อช่วยกันทั้งลากทั้งดึงทั้งเข็นให้มันขึ้นไปอยู่บนรถให้ได้
ขนาดโยชิดะ ไอโกะ ยังต้องลงมายืนถือปืนคอยสอดส่องไปรอบๆเพื่อคอยระวังซอมบี้ที่อาจจะโผล่มาจากไหนก็ได้ให้...แต่ที่ใช้คำว่าแทบทุกคนนั่นก็เพราะชายคนที่เขาไปช่วยมาระหว่างทางคนหนึ่งไม่ได้ลงมาช่วย
ด้วยใบหน้าซีดเซียวและอาการขดตัวเป็นกุ้งที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะที่เป็นโรคประจำตัว
แล้วก็เพราะว่ามีแต่ผู้ชายที่ไม่ค่อยจะสนใจรายละเอียดหยุ๋มหยิ๋มอะไรมากนัก
พวกเขาถึงได้ไม่เคยสังเกตดูให้ดีๆเลยว่า....ชายคนนั้น.....ไม่ได้ปวดท้องเพราะโรคกระเพาะอย่างที่ปากบอก!
“ โฮ่ย...เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
เขาเอื้อมมือที่เพิ่งปาดเหงื่อจากการลากอะไหล่ขึ้นมาวางไว้บนรถได้สำเร็จไปจับลงที่ไหล่ของหมอนั่น...
แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น…
เมื่อจู่ๆชายคนนั้นก็กระโจนเข้ามาหา...ด้วยริมฝีปากอ้ากว้างของซอมบี้!!!
เพราะซากศพมันกลบจมูกที่ไวต่อกลิ่นเลือดของพวกเขาให้ใช้การไม่ได้...พวกเขาถึงได้ไม่รู้ตัวเลย...ว่าผู้ชายคนนั้นถูกกัดก่อนที่จะขึ้นรถมา!!
ไม่ทัน....
เขาป้องกันตัวเองไม่ทันแล้วแน่ๆ!!!
“ เฮย์โจว!!”
ไม่ทัน....แม้แต่จะห้ามคนที่ตะโกนเรียกชื่อเขา....ไม่ให้เข้ามาขวาง!!!
ปัง ปัง ปัง!!!
ทุกสิ่งนิ่งงันราวกับโลกกำลังหยุดหมุน...
ไม่ว่าจะเป็นชายที่กลายเป็นซอมบี้ซึ่งบัดนี้หัวเละไปซีกหนึ่งด้วยกระสุนของยู...ไม่ว่าจะเป็นคนทุกคนที่ยืนตะลึงอยู่รอบๆ...ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาที่เหมือนลมหายใจจะหยุดชะงักไป..........ไม่ว่าจะเป็นร่างโปร่งบางที่ยืนขวางระหว่างเขากับไอ้ผู้ชายที่กลายเป็นซอมบี้คนนั้น...
“ เอเลน.....”
เสียงที่เอ่ยออกจากปากของเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่...หัวใจแทบจะแหลกสลายไปกับภาพตรงหน้า
เพราะถึงแม้ว่าหัวของไอ้ซอมบี้นั่นมันจะเละไปแล้ว...แต่ปากของมันยังคงคาอยู่ที่ท่อนแขนของเอเลนให้เขาเห็นเต็มๆตา...
เห็นเต็มๆตา....ว่าเด็กนี่จะต้องกลายเป็นซอมบี้...แทนที่จะเป็นเขา...
เอเลนถูกกัด...เพราะเข้ามาช่วยเขาเอาไว้....
“ ไอ้เวรเอ้ย! ถูกกัดมาทำไมไม่บอกวะ?!!” ได้ยินเสียงยูสบถอยู่ไม่ไกล
แต่ตอนนี้ในหัวของเขามันแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
มือค่อยๆประคองท่อนแขนผอมบางที่มีเลือดไหลย้อยก่อนจะค่อยๆบรรจงเช็ดให้อย่างแผ่วเบา...เขาได้แต่ปล่อยให้ร่างกายทำแผลให้เอเลนไปด้วยความเลื่อนลอยเพราะตอนนี้ที่หัวใจรู้สึกเจ็บจนชา
เจ็บเสียยิ่งกว่าโดนกัดเองเสียอีก
เขาได้แต่มองรอยแผลที่ไม่ได้ลึกอะไรด้วยริมฝีปากที่เม้มแน่น...กับรอยแผลแค่นี้มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลยถ้ามันจะไม่ใช่รอยกัดของซอมบี้!!!
พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าคนที่ถูกกัดแล้วจะเป็นยังไง...เอเลนจะต้องเป็นแบบชายคนที่กัดตนแน่ๆเขารู้ดี...รู้ดีว่าวินาทีจากนี้ไปเอเลนคือคนที่ไม่มีลมหายใจในฐานะมนุษย์อีกต่อไปแล้ว...เขารู้ดี!!
“ รีไว...” ยูเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงของเพื่อนที่อยากจะปลอบใจ
แต่มันก็ช่วยเตือนสติของเขาด้วยว่าตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะมาคร่ำครวญ
เขาจะต้องตัดสินใจ...ว่าจะทำยังไงกับเอเลน
“
ชั้นจะอยู่กับเด็กนี่...พวกนายกลับฐานทัพกันไปซะ...กลับไปแล้วก็หนีให้พ้น”
แล้วสิ่งที่เขาพูดออกไปก็มีแต่จะทำให้คนที่ยืนอยู่รอบๆตะลึงยิ่งกว่าเดิม
เพราะคงไม่มีใครคิด...ว่าหัวหน้าทหารรีไวจะยอมทิ้งกองทัพเพราะเรื่องส่วนตัว
คงไม่มีใครคิด....ว่าเขาจะเอาชีวิตของตัวเองมาทิ้ง...ทั้งๆที่ทางรอดมันก็รออยู่ตรงหน้า
เขาไม่ใช่วีรบุรุษ...แต่เป็นผู้ชายที่มีหัวใจเฉกเช่นมนุษย์...
มีหัวใจ...และคงไม่อาจจะปล่อยให้คนที่ตนรักต้องตายอย่างเดียวดายท่ามกลางโลกที่เหลือแต่ความโหดร้าย...แล้วก็ยิ่งไม่อาจจะฆ่าคนที่เป็นดั่งลมหายใจด้วยมือของตัวเอง
ถึงจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
ถึงจะรู้ว่าต่อไปเอเลนจะต้องกลายเป็นซอมบี้...แต่เขาก็ฆ่าเอเลนไม่ได้
“ รีไว...” เสียงของยูฟังดูเหมือนอยากจะคัดค้าน
แต่หมอนั่นก็รู้ดียิ่งกว่าใครว่าหากไม่ใช่คนที่สำคัญจริงๆคนอย่างเขาคงไม่เลือกที่จะทิ้งกองทัพไปแบบนี้...ก็ขนาดพ่อแม่หรือแม้แต่คนในบ้านก็ยังไม่มีใครสักคนที่จะทำให้เขาลาออกจากการเป็นทหารแล้วกลับมาดูแลกิจการพันล้านของที่บ้านได้เลย
“
รีไวคะ....ช่วย...ตัดสินใจใหม่อีกครั้งจะได้ไหมคะ” แม้แต่โยชิดะ ไอโกะ
ยังแทบจะช็อคไปกับการตัดสินใจของเขา
จนป่านนี้แล้วเธอคงจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่าสำหรับเขาแล้วเอเลนเป็นอะไร...ไม่เช่นนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาคงไม่สั่นพร่าราวกับคนกำลังจะร้องไห้แบบนั้นหรอก
“ เฮย์โจว....ผมไม่.....” เสียงแผ่วเบาดังมาจากคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ
เขายกมือขึ้นปิดริมฝีปากสีระเรื่อเอาไว้ไม่ให้พูดอะไรต่อไปอีก
“
สัญญากันแล้วนี่...ว่าจะไปทะเลด้วยกัน”
มือแข็งแรงยกขึ้นไปลูบหัวสีน้ำตาล หยดน้ำใสๆจากนัยน์ตาสีมรกตร่วงลงลงไปหยดอยู่ที่พื้น...เด็กนี่คงจะทั้งกลัว
ทั้งกังวล
ทั้งโล่งใจ...ชีวิตที่ไร้ซึ่งความทรงจำซ้ำยังถูกขังให้อยู่แต่ในกรงเล็กๆมาตลอดมันก็โหดร้ายเพียงพอแล้ว
ถ้ายังต้องมาถูกปล่อยให้รอคอยความตายอยู่คนเดียวในที่ที่ไม่เหลือใครแบบนี้อีกมันคง...
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ นี่คือคำสั่งสุดท้ายของชั้น...พวกนายต้องกลับไปที่ฐานทัพแล้วหนีไปให้ได้! พันโทโนเสะจากนี้ไปให้นายเป็นผู้บัญชาการแทนชั้น!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
อาจจะมีบางประโยคคุ้นๆบ้างก็อย่าแปลกใจ
ไปยืมของอิเนียนมา5555 แล้วถ้าฟิคเรื่องนี้มันจะดำเนินเรื่องตาม BiOS ฝั่ง 8059
ก็อย่าแปลกใจ...ก็ไปลอกมานั่นแหละ555(โดนโบก) อย่า!!!
อย่าเพิ่งปาหม้อไหกะละมังอะไรมา!! ของภาค 8059
หนูก๊กก็เป็นซอมบี้ค่ะ!! //ก้มหัวหลบ
แล้วภาพของซอมบี้ในความทรงจำของคุณจะเปลี่ยนไป...*w*…
จริงๆตั้งใจจะลงรับปีใหม่...ทว่าพอกลับบ้านไป
ไอ้ความตั้งใจที่ว่าจะปั่นฟิคทลายไหเรื่องนู้นเรื่องนี้ก็มีอันล่มไปเพราะที่นอนอันเดียว
= =” นอนอย่างกับไหลตายหายไปวันละ10กว่าชม. = =””
นั่นแหละ...ก็เลยไม่มีอะไรเสร็จอย่างที่เห็น ไหนตื่นขึ้นมายังจะต้องเอารถคุณรีไวไปวิ่งอีก
อิ๊อิ๊อิ๊
เพราะงั้นลงหลังปีใหม่วันนึงไม่ว่ากันเนอะ
>w<
สวัสดีปีใหม่ค่า~~~~
ขอให้เป็นปีที่ดีๆ
มีเงินมีทองสอยเน็นด๋อยและฟิกเกอร์กันถ้วนหน้า
มีกำลังวังชาจะได้จิ้นสะท้านฟ้ากันต่อไป ใครมีไหก็ขอให้ไหทลาย
ขอให้ตับไตจงแข็งแรงๆรับคุณโคภาคสอง เอ้ย ปีใหม่เทอญ...
คำอวยพรอาจจะเฉพาะทางไปหน่อยนะคะ5555
แปะการ์ดปีใหม่ๆๆ
สวัสดีปีพ่อม้า(?)นะค้า เพราะงั้นเลยจับหนูก๊กมาถ่ายรูปกับรถคุณรีไว
ณ. GLIDE ใส่การ์ดให้ซะเลย
อิอิ
ขอให้สุขสดใสแข็งแรงทรงพลังดั่งม้าเหมือนเฟอร์รารี่สีแดงแรงสามเท่าคันนี้นะค้า ^
^v
ส่วนรูปที่เอารถคุณรีไว Ferrari F12 Berlinetta
คันนี้ไปวิ่งมากำลังเลือกอยู่ค่ะ เดี๋ยวเอามาแปะให้ดูในโกดังนี้นะคะ >w<
มาดูกันเถอะว่าคุณกวางแม่งต้องใช้ความกล้าหน้าด้านขนาดไหนกว่าจะไปถ่ายรูปพวกนี้มาได้
= =””
แล้วก็ๆ
มีคนวาดรูปของฟิคเรื่องนี้มาให้ด้วยค่ะ >/////< ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ไปแหกปากใส่เจ้าของภาพมาแล้วเพราะงั้นแปะเลยแล้วกัน แอร๊ยยยย
สองภาพนี้จากน้องเลิฟ Chinji Yu จ้ะ
ส่วนสองอันนี้ของน้องน้ำผึ้ง
ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะคะ
คือไม่คิดว่าฟิคแปลกๆเรื่องนี้จะมีคนอยากวาดรูปให้555
พอได้รับมาเลยสครีมบ้านแตกอยู่คนเดียว แอร๊ยยยย >////<
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามด้วยนะคะ
^ ^
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ยะ อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันไปซะก่อนนะ แง๊~~~
อ่านไปลุ้นไป ว่าจะโดนกัดเมื่อไหร่ (ห๊ะ?) ไม่ช่ายยย ลุ้นว่าจะมีใครตายอ่ะเปล่า T.T
ตอบลบเอเลนโดนกัดแล้ว หนูคงไม่เป็นอะไรนะ ขอให้เหมืิอนก๊กที่พอโดนกัดแล้วก็.... -..- หึหึ
ถึงวันนี้จะวันที่2 แต่ก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะพี่กวาง ขอให้มีความสุข มีพลังปั่นฟิค ทะลายไห เรื่องฟินๆ เข้ามาตลอดทั้งปี 5555
สะ-หวัด-ดี-ปี-ใหม่-คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ตอบลบ(โผล่หัวเข้ามาก็แหกปากเลยนะเอง)
นั่นไง...และแล้วเอเลนก็โดนกัดโถ่วววววววววววว
แต่คงไม่ต้องห่วงหรอกอย่างเอเลนน่ะนะ.....
แหม..ส่วนเฮย์โจวก็...นะครับ......โรแมนส์เกินบรรยายจริงๆเลยนะครับ
รอตอนต่อเน้ ทั้งBiOSเอ่ย GLIDE เอ่ย...และภาคต่อของห้องนี้ที่แสงส่องไม่ถึงเอ่ย โอ๊ะ สามเรื่องเลยแหะ(มีอีกไหมน้า?)
ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะฮะ...ผมเองก็แพ้เตียงที่บ้านเหมือนกัน ว่าจะวาดรูปนั่นนี่นู่ลงสีรูปแต่งฟิค....แต่สุดท้ายกลับมาสามวันแล้วยังแหง่กหมดแรงอยู่เลย เหอๆๆๆๆ(สำเร็จอย่างเดียวล้างโน๊ตบุคส์ลงโปรแกรมใหม่= =;)
ปีนี้ปีใหม่แล้วขอปีนี้เป็นปีที่ดีๆ เงินทองไหลเข้ามาให้ทันรายจ่าย =w=...ทลายไหดองได้ สุขภาพแข็งแรงมีแรงแต่งฟิคหวังสิ่งใดขอให้สมปราถนาหน้าที่การงานก้าวหน้านะคร้าบบบบบบ
อ่าน Talk ประโยคสุดท้ายแล้ว ทางนี้อยากจะบอกมากๆว่า
ตอบลบ----(ห้าม(?))....อย่าเพิ่งเลิกแต่งไปซะก่อนนะคะ กวางซาม๊าาาา T __ T----
เค้ายกสองแขน(?)เลย ว่าเค้ารออ่านและกำลังคลั่งซอมบี้(?)โฮกกกกก \( T [ ] T )/
แล้วเฮย์โจวมุมนี้น่ะ หาไม่ได้อีกแล้วนะคะ(?) หาไม่ได้อีกแล้ววว 555555
เค้าอิอั๊งฮะฮิ้งมากๆเลยกับการอ่านความรู้สึกท่านท่อนขาแบบนี้ > ____ <
ปกตินี่หัวติดอยู่ในกำแพง(?) งงตามเอเลน(?)ตลอด จะพูดให้เข้าใจที่คิดจริงๆกันบ้างนี่พิกุลจะร่วง(?)
ตอนที่ขับรถกินลมทะเลสวีท(?)กันอยู่สองคนที่เบาะด้านหน้านั่น!!!
สวีทด้วยการจับมือเอเลนพร้อมบอกประโยคหวานนั่น!!!!
อ๊ากกกกกกก ลงไปนอนตาย
ก่อนจะมาตายสนิทตอนที่เอเลนเข้ามาขวางจนโดนซอมบี้กัดแทน
แล้วพ่อเจ้าประคุณรุณช่อง(?)ท่อนขาที่เคารพรัก (คือมันยาวไปไหมหล่อน - _ - )
บอกชัดเจนว่าไม่คิดจะทิ้งเอเลน เพราะสัญญาไว้แล้วจะไปดูทะเลด้วยกัน....
ณ จุดนี้.....ตายดิ้น(?)มากกกกกกกก ไม่ทน!!!!!!! > ___ <
ฮืออออ ถ้าฟิคซอมบี้มันจะก๊าวใจเต้นขนาดนี้ละก็นะ
แม่จะปล่อยให้ซอมบี้ในเกมส์รอดทุกตัว(?)เบย
เค้าแอบชอบที่มี อีกาซอมบี้(?)ด้วยล่ะค่ะ มันได้ฟีลจริงจัง
แม้ว่าในเกมส์จะโคตรเกลียดเมี่ยง(?)พอๆกับสุนัขซอมบี้ - _ -
คือแกไม่กระโจนหรือพุ่งเข้ามาฉันก็ตายอยู่แล้ว(?) จะทำให้ตายเร็ว(?)กว่าเดิม(?)เพื่อ!! 55555
แต่กวางซามะบรรยายเฮย์โจวกับพันโทยูชอตนี้ได้เท่โฮกมากๆ
ถ้าเหยี่ยวจะหน้าปลาตาย(?)ได้หล่อขนาดเน้ละก็นะ~
#โดยท่อนขาเสย(?)ฐานพาดพิงหน้าตา(?) 55555
เค้ามโนภาพเฮย์โจวเป็นนักบินรบแล้วแบบ......
จะเท่ไปไหนนนน หืออออ ผู้ชายคนนี้!!!
ตอนที่เฮย์โจวตัดสินใจว่าจะช่วยคนที่อยู่บนรถมินิบัสนั่นมั้ย เป็นอะไรที่แบบ....
เป็นช่วงการตัดสินใจที่โดนใจเราจริงจัง
ถ้าเฮย์โจวไม่วกกลับไปเราคงเสียใจ(?)ที่ต้องยกเอเลนให้(?) #หืม?
โอเคที่ว่าในตอนแรกที่ฐานทัพ จุดนั้นเฮย์โจวเลือกที่จะเลี่ยงไปยังจุดที่ซอมบี้อยู่เยอะ
จุดที่น่าจะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ในระแวกนั้น
แต่เพราะในสถานการณ์ที่แม้แต่จะพาตัวเองและภรรยา(?)หนีก็แทบจะเกือบไม่รอดแล้ว
มันก็เป็นการตัดสินใจที่เรียกว่าเจียมสภาพ(?)และควรทำแล้ว
(คือเค้านึกคำอื่นไม่ออก ; __ ; หัวมีแต่ซอมบี้อิอั๊ง(?))
แต่ถ้าอยู่ในรถที่เตรียมพร้อมมาเพื่อออกศึกขนาดนี้....
จะเป็นทหารที่ภูมิใจในเกียรติได้อย่างไร #เฮ้ยๆหล่อน
ถ้าเลือกที่จะเมินเฉยประชาชนแบบนั้น!!!!
ทำถูกต้องแล้วค่ะท่านท่อนขา!!!
อิชิกาว่านายสวดมนต์ไปถูกต้องแล้ว!!!!
และพันโทยู ยังคงโดนใจ ~
ไอ้การเล่นมุขแล้วท่านท่อนขาไม่รับมุขนั่นน่ะ ชอบจริงชอบจัง > <
เพราะฉะนั้นวกกลับไปแล้วบุกเข้าไปแบบนั้นถูกต้องแล้ว!!! #จะฮึกเหิมเพื่อ? 5555
แก๊สน้ำตา(?)ทำไมไม่พก(?)เอามายิงห่ะ #เดี๋ยวหล่อนจะได้โดนแบนก็ครานี้ 55555
ฟิคเรื่องนี้ยิ่งอ่านยิ่งโฮกฮาก (กอดกวางซามะพาไปชาบู(?))
เค้ายังคงชอบความสัมพันธ์ของยูกับฮิโนะ
ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ(?)ด้วยล่ะค่ะ
แอบอยากให้ฮิโนะเจ็บ(?)ให้ยูเห็นชัดๆชะมัด * ^ *
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วยังจะเอาแต่แกล้งพูดร้ายๆใส่ฮิโนะอีกละก็นะ
เค้า(?)จะให้ฮิโนะมาอยู่กับยูอย่างเราแทน(หืม?)
T - T เป็นคนเม้นท์ไร้สติเสมอต้นเสมอปลาย(?)จริงจัง
แต่เค้าอยากให้กำลังใจกวางซามะในแบบที่เค้าทำได้
#กวางซามะบอก คือถ้ากำลังใจแบบนี้(?)ไม่ต้อง(?)ก็ได้ 5555 TT
เค้าดีใจมากๆจริงๆนะคะที่ได้อ่านฟิคของกวางซามะ
แม้ว่าจะไม่ได้ตามอ่านมาตั้งแต่ต้นของฟิคแรกๆ
และบางเรื่องก็ยังไม่มีเวลาเข้าไปอ่าน
#ได้ข่าวถ้าเอ็งเอาเวลาอ่านรัตติกาลฯเกือบทุกคืนนั่นไปอ่านเรื่องอื่นบ้างก็คงจะอ่านจบครบทุกแล้วมั้งนั่น
แต่เค้าก็ดีใจที่เค้ายังมาทัน(?) ในช่วงที่กวางซามะยังแต่งฟิคอยู่แบบนี้ T ^ T
เค้าจอง(?) #เอ็งจองล่วงชาติ(?)อีกแล้ว
จองทุกเล่มที่กวางซามะจะรวมเล่มขายจริงจังนะคะ!!!
ไม่รู้จะเอาอะไรมายืนยันว่าเค้าจะไม่หนี(?)
แต่เค้าก็ยังอยากจะบอกว่าเค้าจะจองง่ะ ฮืออออ
สวัสดีปีใหม่อีกครั้งด้วยนะคะกวางซามะ :)
ขอให้กวางซามะมีความสุขตลอดปีจริงจังค่ะ
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต มีเงินไม่ขาดมือ รวมไปถึงมีไฟ(?)ที่มือ(?)ไม่ขาด(?)
เพื่อใช้ในการแต่งฟิคต่อไปเรื่อยๆเลยนะคะ
.....รักทั้งคนทั้งฟิคเบยยย > _ <
อ๊ะ ๆ เอเลนโดนกัดแล้ว แอบอยากให้เป็นเหมือนซอมบี้ก๊กน้อย หิหิ // นึกถึงแล้วฟินทะลุไปดาวอังคารเลย ที่เหลือน่ะ รีบไป ๆ ก่อนเลย เดี๋ยวจะจัดการเจ้าซอมบี้น้อยไม่สะดวก อรั้งงง คิดไปไกลแล้วค่า (((>_<)))
ตอบลบสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทางบล็อคบ้างนะคะพี่กวาง ไม่ขอพูดอะไรมาก เม้นท์ในมือถือ ที่เหลืออยู่ในแชทเฟส ... รักคนเขียนช่างจิ้นคนนี้นะคะฮิ้ววววว!!! 555 ><
ลุ้นตัวโก่งจริงๆกับเรื่องนี้
ตอบลบลุ้นเกาะขอบว่าจะมีใครโดนกัดเมื่อไหร่
แล้วก็เป็นเอเลนที่โดนกัดแทนเฮย์โจว//ม่ายยยยยยยยยยย
เหลือกันสองคนแล้วล่ะคราวนี้
เฮย์โจวไฟต์ติ้งค่า