Attack on Titan Au S.Fic [Levi x Eren] -- BiOS : another story B : 04 --
: Attack on Titan AU Fanfiction
: Levi x Eren
: Action Horrors
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ฟังเพลงนี้ก่อนอ่านตอนนี้จะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ TT^TT Bios เวอร์ชั่นภาษาไทยค่ะ
บ้าน...ที่ไม่ได้กลับมาแค่วันเดียวกลับดูรกร้างไปถนัดตา...ความกว้างใหญ่ของมันยิ่งอยู่ในสภาวะแบบนี้ยิ่งมีแต่จะทำให้รู้สึกเคว้งคว้างหาทางออกไม่เจอ
เขารอให้เอเลนก้าวขาผ่านซุ้มประตูรั้วเข้ามาก่อนที่จะปิดตายประตูไม้บานใหญ่นั่นไปซะ...เพราะเขาคงจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่อีก
ใบหน้ามนเหม่อลอยมองสวนแบบญี่ปุ่นเขียวขจีก่อนที่ร่างกายโปร่งบางจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองประตูบ้านราวกับกำลังไม่แน่ใจว่าตัวเองคู่ควรที่จะได้เข้าไปหรือเปล่าจนเขาต้องคว้าข้อมือผอมบางนั่นขึ้นมา
“ ที่นี่คือบ้านของชั้น...และจากวันนี้ไปมันก็จะเป็นบ้านของนาย...เอเลน”
ดวงตากลมโตมองเขาด้วยแววสั่นไหว ขาทั้งสองข้างค่อยๆก้าวตามแรงดึงของเขาเข้าไปใน “บ้านของพวกเรา” แต่ยังไม่ทันจะพ้นโถงทางเข้า ร่างโปร่งบางก็หยุดเอาเสียดื้อๆ
“ คุณ...ทิ้งผมไว้ที่นี่...แล้วกลับไปที่ฐานทัพเถอะนะครับ...” เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากใบหน้าที่ก้มมองพื้น
“ คนพวกนั้น...ต้องการคุณ...” ……แล้วนายล่ะ...ต้องการชั้นบ้างหรือเปล่า?
เขาก็รู้ว่าทุกเรื่องมันเป็นการตัดสินใจโดยพละการของเขาเอง...เอเลนอยากจะออกมาจากคุกนั่นไหม...อยากจะอยู่ใกล้ๆเข้าหรือเปล่า...เขาไม่เคยถาม...ไม่เคยถามเจ้าตัวเลยสักคำ...เพราะทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพื่อตัวของเขาเองทั้งนั้น
จะบอกว่าเขาฉวยโอกาสก็คงไม่ผิดที่คิดจะใช้สถานการณ์เลวร้ายเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เอเลน...เพราะถ้าไม่มีเรื่องของซอมบี้เกิดขึ้น...ลูกกรงเหล็กนั่นมันก็คงจะขวางกั้นพวกเราอยู่แบบนั้นเอง
“ แล้วนายจะไม่ถามชั้นบ้างหรอ ว่าชั้นต้องการใคร?” เขาเปลี่ยนคำถามเพราะไม่อยากให้เอเลนรู้ ไม่อยากให้เอเลนสงสัย.....ว่าเขามันก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง
“ ............แต่ว่าคุณไม่ควรจะเอาชีวิตมาทิ้ง....เพราะคนอย่างผม....” เขาทอดสายตามองใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด....จะเถียงกันไปให้ได้อะไรขึ้นมา...ในเมื่อเวลาของพวกเรามันเหลืออยู่ไม่ถึงข้ามคืน
“ เอเลน...ฟังชั้นนะ...” เขาย้ายมือที่จับข้อมือบางมาวางไว้ที่ไหล่ทั้งสองข้างของเอเลน บังคับให้นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกมองสบประสานมาที่ดวงตาของเขา
“ ชั้นไม่รู้หรอก...ว่าทางเลือกไหนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน...เพราะฉะนั้นชั้นจึงขอเลือกทางที่มันจะทำให้ชั้นไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง...นั่นก็คือการได้อยู่กับนายตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชั้น” นัยน์ตาสีมรกตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาทันทีที่ฟังจบแต่กระนั้นมันก็ยังเต็มไปด้วยความสับสน
“ ทำไม...ทำไมกันละครับ...ทำไมถึงเป็นผม?...” มือผอมบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ท่าทางเหมือนเด็กๆนั่นทำให้เขาถอนหายใจด้วยรอยยิ้มจางๆ...ถ้าไม่พูดออกไปตรงๆคงไม่เข้าใจสินะ...อีกอย่าง...ถ้าไม่พูดตอนนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก....
“ ........ความรัก...มักจะไม่มีเหตุผลแบบนี้แหละ....เอเลน...ชั้นก็แค่รักนายเท่านั้นเอง”
ใบหน้ามนมองเขาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง หยาดน้ำใสๆที่เพิ่งถูกเช็ดไปรื้นขึ้นมาเต็มขอบตาก่อนจะร่วงลงมาอีก ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริกเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็นึกคำพูดไม่ออก ท่าทางแบบนั้นมันทำให้เขาเผลอดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้อย่างห้ามไม่อยู่
อ้อมแขนรับรู้ถึงร่างกายที่ยังอบอุ่น บรรยากาศที่นุ่มละมุนอาจจะเป็นผลมาจากต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าคำบอกรักนี้มันอาจจะช้าเกินไป...
พวกเขาถึงได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแสนสั้นเหลือเกิน....
น้ำใสๆไหลล้นไปจากขอบอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีไออุ่นๆลอยกรุ่นอยู่ น้ำที่หายไปถูกแทนที่ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าของคนสองคนที่ค่อยๆนั่งลงไป
มือหยาบกร้านที่เคยแต่จับปืนเทสบู่เหลวลงไปบนฟองน้ำก่อนจะบีบเบาๆจนฟองสีขาวฟูขึ้นมา นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องปุยนุ่มๆนั่นอย่างไม่คิดว่าคนอย่างหัวหน้าทหารรีไวจอมเย็นชาจะสามารถดูแลใครสักคนได้แบบนี้...
ฟองน้ำถูกวางลงไปบนบนแผ่นหลังบอบบางที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆลูบไล้ช้าๆจากต้นคอไปตามบ่าที่แทบจะไม่มีความหนา จากไหปลาร้าที่เห็นได้อย่างชัดเจนไล่ละเรื่อยไปจนถึงหัวไหล่ ท่อนแขนผอมบางถูกเขายกขึ้นมาจากในน้ำก่อนที่สัมผัสนุ่มๆจะค่อยๆขัดเบาๆจากหัวไหล่ไปตามลำแขนที่ดูจากเริ่มขาวซีดมากกว่าเดิม ยิ่งฟองน้ำถูกลากไล้ไปไกลเท่าไหร่ แผงอกแข็งแรงก็ยิ่งแนบชิดกับแผ่นหลังบอบบางมากขึ้นเท่านั้น ลมหายใจจากใบหน้าของเขาเป่ารดต้นคอระหงที่ยังมีฟองสบู่ติดอยู่...
ถ้าเป็นเวลาปกติ อารมณ์ร้อนคงลุกโชนไปนานแล้ว...ทว่าเวลานี้...ร่างกายโปร่งบางที่เริ่มจะเย็นเฉียบมากขึ้นทุกทีก็มีแต่จะทำให้หัวใจได้แต่ปวดหนึบจนแทบจะไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นอีก
เอเลนกำลังจะตาย....
เขาจำต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อข่มความรู้สึกไม่ดีเอาไว้ให้ลึกที่สุด...เป็นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะตายมันเลยยิ่งทำให้เวลาแต่ละนาทีนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก
ฟองน้ำถูกลูบไล้ไปจรดปลายนิ้ว มีเพียงเสียงซ่าๆของน้ำที่ไหลลงไปจากขอบอ่างเท่านั้นที่ดังแทนบทสนทนาของพวกเขา...ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูด...แต่พูดอะไรไม่ออกต่างหาก
แล้วก็ดูท่าว่าเอเลนเอง....ก็เริ่มจะไม่มีสติเพียงพอที่จะขยับริมฝีปากได้อีกแล้ว...
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองไปที่ผ้าพันแผลบนท่อนแขนบางอีกข้างซึ่งดูเหมือนเลือดจะหยุดไหลไปแล้ว ใบหน้านิ่งขยับเข้าไปใกล้ใบหูของคนที่ดวงตาเริ่มจะไม่สะท้อนภาพใดทั้งๆที่ไม่ถึงชั่วโมงมานี้มันเพิ่งจะมีภาพของเขาสะท้อนอยู่ในนั้น...
เขาพยายามบังคับน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปให้ราบเรียบที่สุดทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ อาบน้ำเสร็จ...ชั้นค่อยทำแผลให้นายใหม่นะ...” ใบหน้ามนยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่ได้รับรู้ถึงคำพูดของเขาเลย ปฏิกิริยาราวกับตุ๊กตามีแต่จะทำให้ที่อกซ้ายของเขามันเจ็บจนแทบจะตายให้ได้
บางทีก็นึกสมเพชตัวเอง...เป็นถึงหัวหน้าทหาร...แต่แค่คนที่ตัวเองรักเพียงคนเดียวก็ยังดูแลไม่ได้...
เขาดึงร่างโปร่งบางให้ลุกขึ้นยืนอยู่ในอ่าง ผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมลงไปที่ไหล่ทั้งสองข้างก่อนที่เขาจะเช็ดหยดน้ำตามร่างกายออกให้ ความเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากตัวของเอเลนมีแต่จะทำให้เขาต้องฝืนกล้ำกลืนก้อนอะไรบางอย่างที่จุกขึ้นมาถึงลำคอลงไป
ความเย็นแบบนี้....มันคืออุณหภูมิของศพ....
ถึงแม้จะเดินตามแรงลากของเขาได้ แต่เอเลนก็ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว ร่างกายที่สั่นสะท้านขึ้นเรื่อยๆนั้นมันเป็นปฏิกิริยาที่เขารู้จักดี...ว่ามันเป็นปฏิกิริยาของคนที่กำลังจะกลายเป็นซอมบี้...
เขาปลดผ้าขนหนูที่พันรอบกายโปร่งบางลงไปกองอยู่ที่พื้นเมื่อพวกเขามายืนอยู่กลางห้องนอน ยูกาตะสีดำถูกสวมลงมาลวกๆบนร่างกายของเขา แต่ยูกาตะสีม่วงอ่อนกลับค่อยๆถูกบรรจงสวมลงไปบนร่างกายของเอเลน
มันเป็นยูกาตะที่แม่ของเขา...เตรียมเอาไว้ให้เจ้าสาวของลูกชายเพียงคนเดียว...
จริงๆก็อยากจะใส่กิโมโนสีขาวตัวนั้นให้อยู่หรอกนะ.....แต่มันคงจะหนักเกินไปสำหรับเอเลนในตอนนี้...
สองมือค่อยๆกระชับสาบเสื้อเข้าหากัน สองขาก้าวไปยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะค่อยๆพันโอบิรอบเอวบาง......รูปร่างของเอเลนเหมาะกับยูกาตะมาก.....เหมาะมาก....จนขอบตารู้สึกร้อนผ่าว...
ท่อนแขนดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดเอาไว้โดยห้ามตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป ความเย็นจากแผ่นหลังบอบบางส่งผ่านเข้ามาเต็มทุกพื้นที่ของแผงอกแข็งแรง
“ เอเลน....”
“ เอเลน....”
“ เอเลน....”
เขารู้ดี....ว่าต่อให้เรียกต่อไปแค่ไหนก็คงจะไม่มีเสียงตอบรับกลับมาอีก
เพราะว่าเอเลน...จากเขาไปแล้ว...
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงไปเปียกอยู่ที่หัวไหล่บอบบาง
จะบอกว่าเขายืนกอดศพอยู่แบบนั้น...มันก็คงไม่ผิดอะไร....
แต่ต่อให้จะตายไปแล้ว....แต่เอเลนก็ยังเป็นคนที่เขารัก....
และจะรักตลอดไป...
เขาไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ไม่คิดที่จะหนีไป....
อาจจะดูเหมือนเขาทำเรื่องโง่ๆ ที่จะยอมตาย ยอมให้ซอมบี้ที่ไม่ใช่เอเลนอีกต่อไปแล้วกัดเอา....แต่เขาก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะเปลี่ยนใจ
ความรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก...มันเป็นแบบนี้เองสินะ....
จะดิ้นรนต่อไปเพื่ออะไร...ในเมื่อมีชีวิตรอดไปก็คงต้องอยู่ตัวคนเดียว...อยู่ในบ้านที่เวิ้งว้างว่างเปล่าหลังนี้...คนเดียว...
หึ...ไม่สมกับที่เป็นนายเลยนะรีไว...
แต่อย่างน้อยหลังจากที่ตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว...เขาก็ไม่อยากให้ทั้งตัวเองทั้งเอเลนออกไปเดินเพ่นพ่านหาอาหารอยู่ข้างนอก ประตูทุกบาน ทางออกทุกทางจึงถูกปิดตายอย่างแน่นหนาที่สุด
สักวัน...คงจะมีคนเข้ามา แล้วช่วยฆ่าพวกเขาสองคนเอง
มือวางค้อนก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองร่างโปร่งบางที่นั่งคอพับพิงข้างฝาด้านหนึ่งอยู่...ดูเหมือนอาการสั่นสะท้านจะหายไปแล้ว?
“ เอเลน?” ถึงจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ร่างโปร่งบางจะฟื้นขึ้นมาราวกับมีปาฏิหาริย์เหมือนที่ในหนังชอบใช้กัน แต่มันก็เลิกหวังไม่ได้...นี่เขาคงจะเริ่มเพ้อไปแล้วสินะ
แต่แล้วหัวสีน้ำตาลที่ก้มอยู่กลับขยับเล็กน้อยราวกับกำลังตอบรับกับเสียงเรียกชื่อของเขา...และมันก็ทำให้สองขาหยุดถลาเข้าไปหาไม่ได้
ทว่า...
ใบหน้ามนที่เงยขึ้นมากลับไม่ได้ส่งยิ้มให้เขา...แต่มันกลับแยกเขี้ยวใส่!!!
โครม!!
“ อึก!” เขาเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วเพราะงั้นจึงไม่คิดจะต่อต้านแรงมหาศาลที่กดเขาลงกับพื้นเสื่อทาทามิ ใบหน้าได้แต่แหงนมองเพดานโดยปล่อยให้หัวสีน้ำตาลนั่นจู่โจมร่างกายของเขาต่อไป
เสียงหื่อๆในลำคอนั้นฟังดูเหมือนคนหายใจไม่ออก มือบางกระชากคอยูกาตะของเขาออกจากกันก่อนจะอ้าปากกัดลงมาที่ไหล่ของเขา
นัยน์ตาได้แต่ปิดแน่นรับความเจ็บปวดและความตายที่คงจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ถึงแม้ใบหน้ามนที่ดูซีดเซียวนี้จะยังเป็นใบหน้าของเอเลน...แต่คนตรงหน้าก็ไม่ใช่เอเลนของเขาอีกต่อไปแล้ว...เป็นเพียงซอมบี้ที่หิวกระหายเลือดและเนื้อสดๆเท่านั้น
เจ้าซอมบี้ที่คร่อมอยู่เหนือตัวเขายังคงกัดอยู่ที่ไหล่ไม่ปล่อย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่นัยน์ตาที่ปิดลงของเขาก็มีแต่จะยิ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ก็จริงอยู่ที่ลาดไหล่รับรู้ถึงรอยฟันของเจ้าซอมบี้นี่ได้ แต่ว่ากลับไม่มีรอยไหนสักรอยที่กดลึกลงมาจนได้เลือด
ริมฝีปากของเจ้าซอมบี้ไล่กัดจากลาดไหล่ไล่ลงไปจนถึงต้นแขน....จะเรียกว่ากัดมันก็ไม่เชิง....ถ้าพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าเจ้าซอมบี้นี่กำลัง “งับ” เขาอยู่มากกว่า
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเปิดขึ้นมาเพื่อมองซอมบี้แปลกๆตัวนี้ให้เต็มสองตา...แล้วเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่า...เขาคิดผิด...ที่ลืมตาขึ้นมา!
“ อึก.....ฮ้า......ฮ้า.....” ริมฝีปากสั่นระริกนั่นดูเหมือนจะกำลังพยายามห้ามตัวเอง แต่อาการ “อยากกัด” ของซอมบี้ก็ดูเหมือนจะมีอนุภาพที่เหนือกว่า ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นจึงอ้าออกน้อยๆก่อนจะงับเข้ามาที่ท่อนแขนของเขาก่อนจะปล่อยออกแล้วงับใหม่ไปที่หัวไหล่
ใบหน้ามนที่ดูทรมานทำไมมันถึงได้ดูเร้าใจมากกว่าจะน่าสะพรึงกลัว ทั้งเสียงหอบหายใจ ทั้งความนุ่มนิ่มจากริมฝีปากที่ยังคงงับเขาไปเรื่อยๆ จากลาดไหล่ค่อยๆกัดขึ้นไปที่ซอกคอ แล้วก็ค่อยๆงับลงมาตามกล้ามเนื้อที่แผงอกลงไปจนถึงหน้าท้อง มือบางตะกุยจนยูกาตะหายไปจากร่างกายท่อนบนของเขาก่อนจะไล่งับไปตามสีข้าง
นี่มันอะไรกัน....
หมอนี่เป็นซอมบี้สายพันธ์ไหน...ทำไมถึงได้เย้ายวนจนเขาได้แต่กำมือแน่นเพื่อระงับน้องชายไม่ให้มันตื่นขึ้นมา
“ แฮ่ก...แฮ่ก........อึ๊ก.....” ไม่งับเปล่ายังส่งเสียงครางในลำคอมายั่วอีกต่างหาก แล้วก็ดูเหมือนเจ้าซอมบี้จะเริ่มเบื่อท่อนบนของเขามันจึงเริ่มแหวกยูกาตะสีดำท่อนล่างออก
เฮ้ๆ....อย่าต่ำลงไปมากกว่านี้นะ....
มือแข็งแรงจึงดึงลำตัวโปร่งบางขึ้นมาก่อนจะปล่อยให้ใบหน้ามนเริ่มงับใหม่จากลาดไหล่ลงไป....
ไม่ไหว....
เพราะรอยกัดเบาๆทั่วแผงอกบวกกับใบหน้าที่ดูยั่วเย้า...มันเริ่มจะทำให้อวัยวะที่อยู่กลางหว่างขาเริ่มจะรู้สึกหน่วงๆขึ้นมา
ก็ใครจะไปคิด...ว่าซอมบี้จะมีสายพันธ์ที่เซ็กซี่ขนาดนี้ด้วย!!
“ เอเลน....” เขาเอ่ยเรียกออกไปด้วยเสียงสั่นพร่า แล้วใบหน้ามนก็เงยขึ้นมาราวกับรับรู้ว่าเขากำลังเรียกชื่อตนอยู่....เจ้าซอมบี้นี่รู้เรื่อง?
แต่ดูเหมือนจะทนต่ออาการ “อยากกัด” ของตัวเองไม่ไหว ใบหน้ามนจึงก้มลงไปงับตามผิวเนื้อของร่างกายเขาต่อไป
ไม่ไหว....
แบบนี้ไม่ไหวแน่รีไว....
มือจับหัวสีน้ำตาลขึ้นมา แต่ริมฝีปากอ้าน้อยๆก็สั่นระริกจนดูน่าสงสาร นัยน์ตาสีมรกตยังคงมองมาที่แผงอกของเขาด้วยน้ำตาคลอ....อยากงับเขาขนาดนั้นเลยหรอ?
“ โธ่โว้ย!” เขาสบถออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มือปล่อยให้เจ้าซอมบี้ก้มลงไปไล่กัดร่างกายของเขาตามสบาย
เอาเลย...อยากกัดแค่ไหนก็เอาเลย....
แต่จะมาโทษเขาทีหลังไม่ได้นะ เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย!!
ลมหายใจที่หอบหนักไม่ได้มีแต่เจ้าซอมบี้เท่านั้น แต่เขาเองก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน ฝ่ามือเลื่อนไปยังรอยแหวกของยูกาตะสีม่วงอ่อนก่อนจะสอดมือเข้าไปในกางเกงชั้นในแล้วกอบกุมส่วนอ่อนไหวของเจ้าซอมบี้ตัวดีที่ยังง่วนอยู่กับซอกคอของเขาเอาไว้
คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันแต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดงับไหล่เขา
“ อ๊ะ...” ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆเมื่อมือของเขาลากไล้ไปตามแกนกายของตน
“ อื้อ!!....” เสียงอื้อๆดังออกมามากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมือของเขาขยับเข้าออกในจังหวะที่เร็วขึ้น แต่เสียงของเจ้าซอมบี้ก็ดังอยู่แค่ในลำคอเท่านั้นเพราะริมฝีปากนิ่มยังไม่ยอมปล่อยไปจากไหล่ของเขา
รู้สึกถึงแรงกัดที่มากกว่าเดิมนิดหน่อยที่ไหล่ ก่อนที่เสียง “อื้อ” สุดท้ายจะดังขึ้นมาพร้อมๆกับที่น้ำสีขาวขุ่นไหลทะลักออกมาเต็มฝ่ามือ
“ ฮ้า....ฮ้า....ฮ้า.....” ใบหน้ามนเหม่อลอยละออกมาจากลาดไหล่ก่อนจะหอบหายใจหนักหน่วง
และไม่นาน...นัยน์ตาสีมรกตที่ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นก็ค่อยๆปิดลงช้าๆ พร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
หลับ?
ซอมบี้หลับได้ด้วยหรอ?
นี่มันอะไรเป็นอะไรกันแน่ เขางงไปหมดแล้ว
“ อึก....” เขาพลิกร่างโปร่งบางที่ทิ้งตัวลงมาบนตัวเขาให้ลงมานอนที่พื้นดีๆ เขามองใบหน้าใสที่หลับพริ้มไปด้วยริมฝีปากที่ต้องกัดฟันแน่น....
คิดจะหลับไปโดยไม่รับผิดชอบไอ้ของที่ตัวเองปลุกขึ้นมาเลยงั้นสินะ....ซอมบี้นี่มัน....ร้ายกาจจริงๆ
เขาโน้มตัวลงไปใกล้คนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ใบหน้าซุกไซ้ลงไปที่แก้มใสก่อนจะกดจูบไล่ไปจนถึงซอกคอ ฝ่ามือขยับไปกอบกุมความเป็นชายของตัวเองก่อนจะสัมผัสมันเบาๆ
ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าคนอย่างหัวหน้าทหารรีไวจะต้องมาช่วยตัวเองด้วยการลักหลับเด็กที่อายุน้อยกว่าเท่านึงแบบนี้!
“ อึก....” เสียงครางดังออกมาจากในลำคอเมื่อมือขยับรูดเข้าออกช้าๆ ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอระหง ลมหายใจร้อนๆถูกระบายออกไปรดใบหน้ามน
ร่างกายจริงๆของเอเลน...มันให้ความรู้สึกดีกว่าในจิตนาการที่เขามักจะใช้มันเวลา.........ตั้งเยอะ
ริมฝีปากนิ่มถูกแตะด้วยริมฝีปากของเขาก่อนที่มันจะลากมาไล้วนอยู่บนแก้มใสอีกครั้ง ฝ่ามือข้างล่างก็ขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ
“ อึก....” หน้าผากจรดอยู่กับหน้าผากใส ลมหายใจหอบหนักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะค่อยๆสงบลงเมื่ออารมณ์พุ่งถึงจุดสูงสุด
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบลงไปมองน้ำสีขาวขุ่นที่หยดลงไปบนหน้าท้องของคนข้างใต้ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
ถ้ารู้ว่าเขาทำเรื่องแบบนี้กับตัวเองที่กำลังหลับอยู่...เด็กนี่จะยอมมาเป็นเจ้าสาวให้เขาไหมนะ...
เช้าวันใหม่ที่เขาถอดใจที่จะได้เห็นไปแล้วกลับมาเยือนในที่สุด
แสงแดดรำไรที่ลอดผ่านกระดาษสาที่กรุประตูเข้ามาทำให้ห้องที่เคยมืดมิดกลับค่อยๆสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ...เหมือนกับชีวิตของเขา...ที่มันน่าจะดับไปแล้วแต่มันกลับยังคงอยู่
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบลงไปมองฝ่ามือของตัวเองช้าๆ ทุกสัมผัสยังคงอยู่ให้เขารับรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน แล้วนัยน์ตาก็ค่อยๆเหลือบขึ้นมามองคนตรงหน้าที่ยังหลับตาพริ้ม
เอเลนไม่ได้กลายเป็นซอมบี้....หรือจะพูดให้ถูกคือเอเลนกลายเป็นซอมบี้ที่ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่...เพราะอะไรบางอย่างที่เขายังหาสาเหตุไม่ได้
ฝ่ามือลูบลงไปบนแก้มใสที่กลับมามีสีอมชมพูอีกครั้ง อุณหภูมิของร่างกายก็กลับมาอบอุ่นเฉกเช่นอุณหภูมิของมนุษย์
เขาไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดมันจะเป็นปาฏิหาริย์ แต่มันจะต้องมีสาเหตุ มีที่มาที่ไปแน่ๆ
บางที...สาเหตุมันอาจจะเกิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เอเลนถูกพามาอยู่ในคุกทหารเลยก็ได้
ถ้าไปที่สถาบันวิจัยนามิโมริ...อาจจะได้รู้ความจริงก็ได้...ว่าเอเลนเป็นอะไรกันแน่
“ อื้อ.....” คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันเมื่อใบหน้ามนรับรู้ได้ถึงการรบกวน เขาฝ้ามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน
ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีวันนี้....วันที่เขาตื่นขึ้นมาโดยมีคนที่เขารักนอนอยู่เคียงข้าง...
“ เอเลน...” ใบหน้าขยับเข้าไปใกล้ๆใบหูก่อนจะกระซิบแผ่วเบา ลมร้อนๆถูกเป่าลงไปให้เปลือกตาที่ยังปิดสนิทค่อยๆขยุกขยิกก่อนจะเปิดขึ้นช้าๆ
“ เฮย์....โจว....?....” ใบหน้ามนดูเหม่อลอยเล็กน้อย ในหัวสีน้ำตาลนั่นคงกำลังนึกว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น แล้วจู่ๆแก้มใสก็แดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกตที่เบิกค้าง
เด็กนี่....รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน?
รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มีอาการยังไง แล้วเขาทำยังไงถึงได้ยอมสงบลงได้....เอเลนรู้ตัวทุกอย่าง...เพียงแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้?
“.............อ๋า~~~” ร่างโปร่งบางพลิกตัวไปอีกฝั่งด้วยใบหน้าแดงเถือก ก่อนจะขดตัวเข้าหากันด้วยความอาย
อาการแบบนี้...คงจะไม่รู้สินะว่าหลังจากที่ตัวเองหลับไปแล้ว มันมีอะไรเกิดขึ้น....
“ เอเลน.....” เขายันตัวขึ้นมาเอ่ยเรียกใกล้ๆใบหูแดงระเรื่อ
“ ........ครับ............” มีเพียงเสียงตอบรับเบาๆออกมาจากใบหน้าที่ยังซุกอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
“ หันมาทางนี้หน่อยได้ไหม....” ร่างกายโปร่งบางนิ่งไปพักใหญ่กว่าจะยอมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แล้วค่อยๆหันกลับมาหาด้วยท่าทางอายๆ
เขาไล่มองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า....ร่างโปร่งบางในยูกาตะสีม่วงอ่อนเป็นมนุษย์แน่นอน....
สองแขนดึงร่างโปร่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ริมฝีปากกดจูบลงไปบนหัวสีน้ำตาลที่ไม่ต่อต้าน สองแขนผอมบางก็กอดเอวเขาเอาไว้เช่นกัน
ดีใจ....
ไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลย...
ดีใจ...ที่เราทั้งคู่ต่างก็ยังมีชีวิตอยู่...
เป็นเพราะไม่มีความทรงจำว่าโตมาจนป่านนี้ได้ยังไง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะสิ่งของเครื่องใช้หรืออะไรก็ตามที่วางอยู่ในบ้านมันก็ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเอเลนไปเสียหมด
อาหารแบบญี่ปุ่นถูกวางลงไปตรงหน้าร่างโปร่งบาง นัยน์ตาสีมรกตไล่มองซุปมิโสะ ปลาย่าง และข้าวสวยร้อนๆก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ....เป็นซอมบี้ที่กินอาหารได้ตามปกติสินะ...
“ กิน....ได้ใช่ไหมครับ....” ใบหน้ามนเงยขึ้นมาก่อนจะช้อนนัยน์ตาใสแจ๋วขึ้นมาถาม...ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะขอทีได้ไหม....อย่าใช้มันถ้าไม่อยากให้เขาตบะแตก!
“ ต้องพูดว่า...จะทานแล้วนะครับสิ” ใบหน้ามนส่งยิ้มมาให้ก่อนจะพยักหน้าแรงๆ
“ จะทานแล้วนะครับ”
“ เดี๋ยวเอเลน...”
“ ..........?” ใบหน้ามนเงยมองเขาด้วยแววตาสงสัย
“ บอกแล้วไงว่าก่อนกินข้าวหรือก่อนจะทำอะไร...ต้องทำยังไง” ใบหน้ามนดูจะชะงักไปก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเสลงไปมองพื้น แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“ คนปกติ...เค้าทำกันจริงๆหรอครับ......” เสียงงึมงำถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“ ใช่สิ...ใครๆเค้าก็ทำกันทั้งนั้นแหละ เร็วเข้า จะได้กินข้าว” เมื่อถูกเขาเร่งเร้านัยน์ตาสีมรกตจึงตวัดกลับมามอง ก่อนจะยื่นตัวเข้ามาหาแล้วหลับหูหลับตาแตะริมฝีปากนิ่มลงมาบนริมฝีปากของเขา...
บางที...การที่เด็กนี่ไม่มีความทรงจำ...มันก็มีเรื่องดีๆบ้างอยู่เหมือนกันนะ
จากนี้ไปเขาจะสอนให้เอง...การใช้ชีวิตในโลกแบบคนปกติ?
“ แล้วจากนี้ไป...จะอยู่ที่นี่หรอครับ...” ใบหน้ามนเอ่ยถามในขณะที่พยายามใช้ตะเกียบจิ้มปลาเข้าปาก....ดูเหมือนเขาจะต้องสอนตั้งแต่วิธีใช้ตะเกียบเลยสินะ...
“ ชั้นไม่คิดว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้นาน...ทั้งอาหาร ทั้งน้ำ...มันมีเหลืออยู่แค่พอใช้ชีวิตได้ไม่กี่วัน” เขาพูดในขณะที่มือก็สาธิตวิธีการใช้ตะเกียบให้นัยน์ตาใสแจ๋วดู
“ เราจะกลับไปที่กองบินที่ 6 กัน...พวกที่อยู่ที่นั่นคงใช้เครื่องบินลำเลียงบินหนีไปแล้ว...แต่ถ้าแค่เราสองคนละก็ ยังมี F15 ที่ยังใช้ได้อยู่”
“ เราจะบินตามไปลงที่ฐานทัพมิซาว่าซึ่งอยู่ใกล้เมืองนามิโมริ...แล้วเราจะไปสถาบันวิจัยของที่นั่นกัน....ชั้นอยากรู้....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของนายกันแน่...”
มือบางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าเขาด้วยสายตากังวล
“ ผม...มีเรื่องที่ต้องบอกคุณ.....” มือบางวางตะเกียบลงบนถ้วยข้าวสวย ก่อนจะบีบมือของตัวเองด้วยอาการของคนที่ไม่แน่ใจว่าจะพูดออกมาดีไหม แต่แล้วใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยความกังวลก็ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ นัยน์ตาที่สะท้อนภาพของเขาถึงได้มองตรงมาด้วยแววเชื่อมั่น
“ นี่คือ...รอยแผล...ที่ถูกซอมบี้กัดเมื่อวาน...” เอเลนยกท่อนแขนที่ถูกพันผ้าพันแผลเอาไว้ขึ้นมา...เมื่อวานเขาตั้งใจว่าจะทำแผลให้ใหม่แต่ก็ลืมไปเสียสนิท
ผ้าพันแผลถูกปลดออกช้าๆ....แล้วนัยน์ตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง...เมื่อมองเห็นว่ารอยแผลที่น่าจะบวมช้ำกลับไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลย
ผิวหนังบริเวณที่เขาจำได้ว่ามันเป็นรอยแผลลึกจนเลือดไหลออกมามันกลับเรียบตึง...รอยแผลที่น่าจะมีอยู่กลับเป็นเพียงผิวหนังธรรมดาๆราวกับว่าเมื่อวานไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับมัน
เป็นไปไม่ได้....
คนธรรมดาไม่สามารถสมานแผลจนหายไปภายในพริบตาได้แบบนี้แน่ๆ
ไม่มี...
มันไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่คราบเลือด!!
“ ผม...อาจจะเป็นสัตว์ประหลาดก็ได้...ไวรัสซอมบี้ถึงทำอะไรผมไม่ได้....”
BMW Z4 สีดำวิ่งเลาะเรียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ
สายลมที่ปะทะเข้ามายังใบหน้านั้นเป็นเพียงสายลมอ่อนๆตามความเร็วที่ไม่ได้แสดงถึงความเร่งรีบ เขาเหลือบมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
เส้นผมสีน้ำตาลสะบัดไหวไปตามแรงลมเบาๆ ใบหน้ามนอมยิ้มมองภาพของทะเลที่ส่งประกายระยิบระยับด้วยดวงตาเป็นประกาย...แค่เห็น...ก็รู้สึกเป็นสุขจนคิดว่าคนทั้งโลกคงกำลังอิจฉาเขาอยู่แน่ๆ
ถึงแม้จะไร้ซึ่งเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นใด มีเพียงเสียงซ่าๆของเกรียวคลื่นที่สาดกระทบชายฝั่งเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้ว
เหมือนโลกใบนี้...มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเลยนะ...
บรรยากาศอ่อนโยนค่อยๆจางหายไปเมื่อรถสปอร์ตแล่นเข้าไปใกล้กองบินที่ 6 ฐานทัพโคมัตสึ
เขาไม่แปลกใจเลยที่ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมายังไม่เจอซอมบี้เลยสักตัว...เพราะคนที่นี่คงจะหนีไปกันหมดแล้ว...และที่เมืองโคมัตสึ...ก็ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่อีก
ไม่สิ...มีมนุษย์กับลูกครึ่งซอมบี้อยู่ตรงนี้อีกสองคน
ทว่า...
ในขณะที่คิดแบบนั้นอยู่...
ตุ้บ!!!
BMW Z4 สีดำก็ชนซากศพเดินได้ที่มาเดินเพ่นพ่านขวางทางวิ่งของรถจนลอยกระเด็นข้ามหัวไป
ที่กองบินที่ 6 ยังมีซอมบี้เหลืออยู่? ถึงแม้จะน้อยกว่าเมื่อวานมากก็ตาม....
ไม่หรอกน่า....ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะยังมีคนเหลืออยู่....
รถวิ่งไปจนถึงรันเวย์ด้านหลัง ประตูโกดัง A เปิดคาอยู่ แล้วสิ่งที่ทำให้เขารู้ว่าความพยายามของเขาบรรลุผลก็เมื่อสายตามองไม่เห็นเครื่องบินลำเลียงจอดอยู่....พวกนั้นหนีไปกันจนได้สินะ....
แล้วสายตาก็หันไปหา โกดัง B ที่มีฝูงบินโจมตีอย่าง F15 จอดอยู่ในนั้นเป็นตับ
ว่าแต่เขาจะเข้าไปยังไงให้ไอ้ซอมบี้ที่เดินประปรายอยู่รอบๆนี่ไม่พุ่งกระโจนเข้ามาดี?
ทั้งๆที่ไม่มีคนเหลืออยู่แล้ว ทำไมพวกมันยังไม่ไปที่อื่น?
แต่ก็นั่นแหละ...เขาคงจะถามหาเหตุผลอะไรกับสิ่งไม่มีชีวิตแถมไม่มีสมองพวกนี้ไม่ได้ด้วย
BMW Z4 สีดำจอดห่างจากประตูโกดังพอสมควร
ปรี๊นนนนนน!!!!!
ฝ่ามือแข็งแรงบีบแตรเสียงดังลั่นจนไอ้พวกซอมบี้หันมาตามเสียง...เขาไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินแล้วมาเปิดประตูให้ แต่สิ่งที่เขาต้องการจะทำมันก็แค่การล่อไอ้พวกซอมบี้ออกมาห่างๆจากโกดัง B ก็เท่านั้นเอง
และก็ดูเหมือนมันจะได้ผล
“ เอเลน...จับให้แน่นๆล่ะ” แล้วในขณะที่ฝูงซอมบี้ใกล้เข้ามาเต็มที บีเอ็มสปอร์ตก็พุ่งชนพวกมันจนล้มระเนระนาด
รถสีดำตรงดิ่งเข้าไปหาประตูโกดังอย่างตั้งใจจะชน
แต่ทว่า...
ชั่วพริบตาที่คิดว่าหน้ารถจะปะทะเข้ากับประตู....แผ่นเหล็กมันก็เปิดขึ้นเสียก่อน
เอี๊ยด!!!!!
เสียงเบรกดังลั่นท่ามกลางความมึนงงของเขา ประตูโกดังปิดลงราวกับมีเซ็นต์เซอร์
ไม่สิ...ไม่มีของแบบนั้นแน่...แต่จะต้องมีใครบางคนเปิดมันรับเขาเข้ามา!!
“ ระวังตัวด้วย” เขาหันไปบอกเอเลนก่อนจะเปิดประตูรถ ปืนพกในมือถูกปลดไกอย่างพร้อมจะสอยอะไรก็ตามที่พุ่งเข้ามา
แล้วในขณะที่ขาก้าวเข้าไปใกล้ล้อลูกใหญ่ของ F15 เสียงที่คุ้นเคยก็ทำให้เขาต้องตวัดตัวเอเลนเข้ามาในอ้อมแขน
แกร่ก!!!
ปากกระบอกปืนสีดำกระบอกหนึ่งจ่ออยู่ที่หัวของเขา เช่นเดียวกับปืนของเขาที่จ่ออยู่ที่ใบหน้าของหมอนั่นเช่นกัน
ใบหน้า....ที่คุ้นเคยดีเสียยิ่งกว่าอะไร...
“ ยู!!!!”
“ อะไรกัน...นายเองหรอรีไว...รู้ไหมว่าชั้นหัวใจจะวายเลยน่ะ” ร่างสูงใหญ่นั่งยองๆลงไปอย่างหมดแรงอย่างที่ปากว่า
“ ทำไม...แกยังอยู่ที่นี่.....” เขาถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ใบหน้าบานแฉ่งนั่นเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ ก็หลายๆเรื่อง...ว่าแต่นายเถอะทำไม....เฮ้ย!!! เด็กนั่น!!!” ยูชี้ไปที่เอเลนราวกับเห็นผี...ก็ไม่แปลกหรอก...กับคนที่คิดว่าน่าจะตายไปแล้วกลับยังมายืนตาใสอยู่แบบนี้ได้ เป็นใครก็คงตกใจทั้งนั้น
“ แกต้องเชื่อชั้น...เด็กนั่นไม่ได้เป็นซอมบี้” เขากระชากคอเสื้อยูขึ้นมาก่อนจะบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ถ้านายบอกแบบนั้น...ชั้นก็จะเชื่อ” ยูยิ้มรับด้วยรอยยิ้มจางๆจนเขายอมปล่อยหมอนั่นไป...ความเชื่อมั่นในกันและกันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาคบกันมาได้ยืดยาวจนถึงป่านนี้
“ ชั้นจะไปที่สถาบันวิจัยนามิโมริโดยใช้ F15 นี่” เขาเดินสำรวจตรวจดูความพร้อมของเครื่องบินรบที่ปกติก็มีการเตรียมพร้อมให้ออกบินได้ตลอด 24 ชม.อยู่แล้ว เพราะงั้นจึงไม่ต้องห่วงว่ามันจะต้องซ่อมหรือต้องไปเอาอะไหล่ที่ไหนมาเปลี่ยนอย่างเจ้าเครื่องบินลำเลียงนั่น
“ นายล่ะ? จะไปด้วยกันไหมยู?” เขาหันไปถามและนั่นมันก็เป็นครั้งแรก...ที่เขามองเห็นใบหน้าเจ็บปวดของหมอนั่น
“ ชั้น...จะอยู่ที่นี่....” เขาได้แต่มองหน้าเพื่อนเพียงคนเดียวด้วยความแปลกใจ ไม่ใช่ว่าหมอนั่นขับเครื่องบินไม่เป็น ไม่ใช่ว่าหมอนั่นไม่กล้าที่จะต้องไปลุยฝ่าดงซอมบี้อีก
แต่มันคงจะมีอะไรสักอย่าง...ที่ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกวนประสาทอยู่ตลอดเวลาเศร้าหมองได้มากขนาดนี้
เกิดอะไรขึ้นกับหมอนี่กัน....
“ อ๊ะ?!!” เสียงอุทานของเอเลนดังขึ้นทำให้เขาหันไปมองอย่างตกใจ ร่างกายรีบพุ่งถลาเข้าไปเพราะคิดว่าอาจจะมีซอมบี้หลุดเข้ามา
แต่ทว่า...
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขามันมีแต่จะทำให้ร่างกายชาวาบ
นี่ใช่ไหม...คือสาเหตุที่ทำให้ยูไม่อาจจะไปจากที่นี่ได้
นี่ใช่ไหม...คือสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของหมอนั่นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ฮิโนะนั่งอยู่ที่พื้นโกดังด้วยใบหน้าซีดเซียว ร่างกายเล็กๆสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ใบหน้าที่เคยน่ารักก็เหมือนจะมองมาด้วยสายตาราวกับว่าไม่เคยรู้จักกัน
นี่มัน...สภาพของคนที่กำลังจะกลายเป็นซอมบี้....
ฮิโนะถูกกัด?
เสียงกึงๆดังตามจังหวะที่ร่างกายเล็กๆนั่นพยายามจะกระโจนเข้ามาหาพวกเขา แต่ที่ทำไม่ได้นั่นก็เป็นเพราะกุญแจมือที่ล็อคแขนบางข้างหนึ่งเอาไว้กับท่อเหล็ก ท่าทางดิ้นรนที่ดูทรมานนั้นทำให้ที่ข้อมือเล็กๆเต็มไปด้วยรอยบาดของกุญแจมือ
เขาหันไปมองยูอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วสองมือก็ตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของหมอนั่นก่อนจะตวัดตัวใหญ่ๆไปจนติดข้างฝา
โครม!!
เสียงอะไรจะร่วงลงมาเขาไม่คิดจะสนใจมันอีกต่อไปแล้ว...เขาก็รู้ว่าหมอนี่ไม่ค่อยจะลงรอยกับน้องชายต่างสายเลือดคนนั้น...แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่ายูจะเกลียดฮิโนะถึงขนาดไหน...ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ลงไป
ไม่ฆ่า...แต่กลับขังเอาไว้...
ไม่ยอมให้ตายไปแต่โดยดี...แต่กลับปล่อยให้มีสภาพที่น่าสมเพชเวทนา
“ ยู!! แกทำอะไรลงไป!! แกรู้ตัวหรือเปล่า!!!” เขาต่อยลงไปบนแก้มของหมอนั่นที่ไม่คิดจะโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย
“ แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?!! แกตอบชั้นมาซิ!!” เขาเขย่าคอเสื้อจนหัวหมอนั่นได้แต่สั่นคลอน
“...........” หมอนั่นยังไม่คิดจะพูดอะไรออกมา เวลาที่เป็นเรื่องของฮิโนะทีไร ยูมักจะเยือกเย็นได้จนน่ากลัว....น่ากลัว....จนเขารู้สึกเหลืออดขึ้นมา
ฝ่ามือสะบัดปล่อยคอเสื้อของหมอนั่นออกไป สองขาก้าวเข้าไปหาฮิโนะพร้อมกับปืนพกที่ยกขึ้นมา
สภาพแบบนี้...มันกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว...
ช่วย......ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว....
“ หยุดนะรีไว!! ไม่งั้นชั้นจะยิงนาย!!” แล้วก็จริงอย่างที่หมอนั่นพูด เพราะปืนสีดำก็กำลังส่องมาที่ร่างกายของเขาเช่นกันแล้วก็เชื่อได้เลยว่าปืนทั้งสองกระบอกไม่พลาดเป้าแน่
เขาหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา...แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาเข้าไปใหญ่ เมื่อดวงตาที่เคยสดใสมันกลับมีน้ำตาไหลลงมา
“ ชั้นฆ่าหมอนั่นไม่ได้....”
“ นายน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีไม่ใช่หรอรีไว....”
“ ฉันไม่ได้เกลียดฮิโนะ....ไม่ได้เกลียด....”
“ แต่ชั้นรักหมอนั่น....รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น....รักแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่วันที่เราต้องเป็นแค่พี่น้องกัน!!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
เอิ่บ...รู้สึกจะมีทุกอารมณ์เลยนะตอนนี้ สิ้นหวัง หวาน บู๊ ดราม่า TT[ ]TT อะ เอาเป็นว่าขอบคุณมากๆนะค้าที่อ่านมากันจนถึงตอนนี้555
ดูเหมือนซอมบี้เอเลนต่างจากซอมบี้ก๊กตรงที่แผลของซอมบี้ก๊กจะไม่หายไปในทันทีแบบซอมบี้เอเลนนะก๊า เพราะงั้นคนละสายพันธ์กัน อิ๊อิ๊อิ๊
ส่วนเพลงที่แปะอยู่ตอนต้นเรื่องก็เป็นเพลงเดียวกับเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจของฟิคเรื่องนี้ค่ะ แต่อันนี้จะเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ขอบคุณคุณฝ้ายผู้ร้องเพลงนี้นะคะ ร้องได้โฮกฮากมากจนจิ้นทะลุมิติ(?)ไปแล้วอ่ะคุณกวาง ขอบคุณน้องน้ำผึ้งมากๆนะค้าที่ไปหาเพลงนี้มาให้ คือมันเข้ากับบรรยากาศของตอนนี้สุดๆเลยอ่ะ โฮวววววววววว คือคุณกวางฟัง BiOS มาก็ตั้งหลายปีแต่เพิ่งรู้ความหมายนี่แหละค่ะ ก็ไปกันได้กับฟิคตรูอยู่เหมือนกันนะ555 ใครสนใจเชิญฟังเวอร์ชั่นออริจินัลได้ที่นี่เบยค่ะ
คนที่ทำเพลงนี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ทำเพลงให้ Attack on titan ซาวาโนะซังของเรานี่เองแหละ อร๊ากกกกกกก ทำไมเป็นคนที่ทำเพลงได้สุดยอดขนาดเน้!!! >/////< เห็นน้องชาชักบอกว่า BiOS ภาษากรีกมีความหมายว่า “สิ่งมีชีวิต” ด้วยค่ะ *[ ]* อะไรจะเข้ากะฟิคตรูขนาดนี้(ตรงไหนฟ๊ะ) แอร๊ยยยยย >/////<
ฮ่าๆๆ เพิ่งได้รับคอมเม้นต์จากคุณแน๊ตถามมาว่าไม่รวมเล่ม BiOS เวอร์ชั่น 8059 หรอ...คือจริงๆน่ะ...มันถูกกำหนดมานานแล้วค่ะว่า BiOS กับ Lipstick จะถูกรวมอยู่ในเล่มเดียวกัน ภายใต้ชื่อว่า รัตติกาลไม่หวนกลับ : หมายเลขสามค่ะ .....ทว่า...แม้แต่หมายเลขสองแม่งก็ยังไม่เสร็จเลยเว้ยค่ะ ทั้งๆที่เหลืออีกนิดดดดดเดียว *ทรุด* คุณกวางมันมีปัญหาจบงานไม่ค่อยเป็นอย่างที่ว่านั่นแหละ T^T แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆนะคะที่สนใจ ขอบคุณสำหรับคำสครีมที่ทำเอาคนแต่งอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากนั่นด้วยนะคะ >////< ดีใจ~~~
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >v<
พี่ยูขโมยซีนน่ะฮร้าาาาาาาาาาาาาาา
ตอบลบอินเซสตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต์ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย ขาเม้นท์อะไรไม่ออกแลวเมื่อคำนี้มันผุดขึ้น!`
ตอนแรกนึกว่าเฮย์โจวจะได้ปล้ำซอมบี้โมเอะอย่างหนูเอเลนซะแล้ว
แต่เรื่อง/ดีๆ/ต้องทำตอนสติเต็มร้อยทั้งคู่ถึงจะดีที่สุดเนอะคะ?
โบกธรง อย่างแรงกล้า~/// เอเลนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบคำเดียวค่ะคำเดียวเลย หัวหน้าเรื่องนี้เป็นคนดีโพดๆ ไม่โหดไม่ SM (เฉพาะกับเอเลน)
เอาใจเอเลนจนปลื้มเลย คั๊กๆ
เฮย์โจวแอบลักหลับเอเลนหรอค่ะ แหม๋ๆ
แถมทั้งๆที่คิดว่าตัวเองกำลัง "ลักหลับ" กลายเป็นวิ อิหนู เขารู้ตัวซะงั้น
รับผิดชอบจับมาแต่งงานเข้าบ้านเลยคร้าา
T ___ T น้ำตาไหลพราก
ตอบลบบอกตรงๆดีใจโฮกกกกกที่เห็นพาร์ท 4 ของเรื่องนี้สุดใจเลยค่ะกวางซาม๊าา
#ไอ้นี่ก็กลัวเขาจะไม่เขียนต่อจริงจังอ่ะ 55555
คือเป็นคนว่าง่าย(?) เค้าให้ฟังเพลงก่อนอ่านเพื่อเพิ่มอรรถรส
แค่ขึ้นต้นเพลงก็ขนลุกเกรียวกราว(?)แล้วค่ะ T ___ T
เสียงแบบเทพพพมากกกก โอ่ยยยย จะดิ่งหัวเข้าไอพอต(?)
ฮือออ ชอบบบ แถมเนื้อหาเพลงแบบ ไม่รู้จะหน่วงหัวใจไปไหนนนนน
คือมันทั้งโดน มันทั้งแบบ อ๊ากกกก หาคำบรรยายไม่ได้ T _ T
แล้ว….พอเพลงจบ….ก็หวั่นเลยค่ะ หวั่นว่ามันจะดราม่า 555555
คือจินตนาการสูงส่งไปแล้ว(?) ไม่ใช่ไอ้ที่บอกว่า
----เธอยังจำได้ไหม ยังจำหรือเปล่า ถ้อยคำนั้นที่เธอเคยให้ฉันมา……-----
นี่คือเอเลนจะตายเร๊อะะ T [ ] Tแล้วท่านท่อนขาจะมาร้องเพลงเสียงสูงเพลงนี้(?)เพื่อคร่ำครวญ(?)
#โดนเสย #ตูว่าคนที่จะตายคือตูเอง 555555
#ส่วนเพลงเวอร์ชั่นออริก็ชอบมากค่ะทำนองเพลงสุดยอดสมเป็นซาวาโนะซัง
#น้ำตาไหลพรากชอบมากถึงขั้นหาโหลดใส่ไอพอตเบย
…..ไอ้ที่พล่ามไปข้างบนนี่ยังไม่มีการพูดถึงฟิคพาร์ทนี้เลยแม้แต่น้อยใช่มั้ยน่ะหือออ T _ T
#จริงๆควรบอกแม่(?)ว่าให้เราชื่อน้ำ(?) มันน้ำเยอะตลอด เนื้อไม่มี(?)
แล้วจากที่หวั่นๆเพราะเพลง ตอนอ่านเลยดราม่าตามเฮย์โจวเบย T __ T
ฮืออออ เฮย์โจวลากเข้ามโน Tomorrow never comes(?)มากมาย T _ T #มโนอะไรของหล่อน
แม้ว่าไอ้ประโยคบอกรักของเฮย์โจวจะทำเอาลงไปดิ้นก็เถอะ!!!! > __ <
“ ........ความรัก...มักจะไม่มีเหตุผลแบบนี้แหละ....เอเลน...ชั้นก็แค่รักนายเท่านั้นเอง”
แม่เจ้าาาา~~~~~ เฮย์โจวมุมนี้น่ะ หาไมได้แล้ววววนะคะ หาไม่ได้แล้วววว 5555555
เป็นประโยคบอกรักของเฮย์โจวที่ลงไปดิ้นตายยยยยยจริงจัง!!!!! > ___ <
อยากจะอิอั๊งฉากในอ่าง(?)เหลือเกิน แต่เอเลนสภาพนั้นบอกตรงๆถ้าเค้าเป็น(?)เฮย์โจว(?)
คงอยากจะทำไว้แค่กอดให้แน่นที่สุด กอดไว้จนนาทีสุดท้าย กอดไว้จนทุกอย่างจบลง
ที่เฮย์โจวพร่ำเรียกชื่อเอเลนซ้ำๆแบบนั้น พร่ำเรียกทั้งๆที่คิดว่าเอเลนจากไปแล้วแบบนั้น
ไหนจะน้ำตา….น้ำตา!!!!!.....น้ำตาท่านท่อนขา T [ ] T
……….เค้านี่ตายตามเอเลน(?)ไปแล้วว T [ ] T กวางซาม๊าาา แบบนี้มันปวดหัวใจเกินไป ฮืออออ
ในหัวนี่คร่ำครวญเป็นเรียงความ(?)ว่าทำไมเอเลนถึงได้ไม่ออกอาการแบบหนูก๊กกัน(?)ละหือออ
มันควรจะได้เวลา(?)แล้วไม่ใช่เหรอ(?)
และ!!!! มันก็ก๊าวใจมากจริงจัง > ___ < กวางซามะจัดซอมบี้หมาน้อย(?)มาให้โฮกฮากกกกมากกกก
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก > ____ <
อ่านวนแล้ววนเล่า(?) ไอ้การงับเฮย์โจวไปทั่วแบบนี้มันไม่ไหวจะทนจริงๆ ฮือออออออ
ถึงจะมารู้ทีหลังว่าเอเลนจะคนละสายพันธุ์กับหนูก๊กก็เถอะ
แต่ซอมบี้น่ากดสองตัวนี้มันมีโคลนนิ่ง(?)ขายไหมนะหือออออออ จะอาวววววววว > __ <
#ตะกุยหน้าจอ(?) แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
แล้วก็อีกคู่(?) คือบอกตรงๆเค้าอยากเข้าไปซัดคุณพันโทบากะยู(?)นั่นเป็นโครมที่สอง(?)จริงจัง
ถึงตัวเค้าเองจะมีความคิดอยากให้ฮิโนะเจ็บ(?) แต่เจ็บด้วยสภาพซอมบี้แบบนี้ ถูกล่ามแบบนี้
T ____ T #ทึ้งหัวตัวเอง(?)
อีตาพันโท นายทำอะไรอยู่น่ะหือออออ ฮิโนะโดนกัดได้ยังง๊ายยยยยย
แล้วฮิโนะกำลังจะเป็นซอมบี้เต็มตัวแบบนี้ T __ T แอนตี้ไวรัสก็ไม่มีแบบตอนหนูก๊กด้วยอีก #ทึ้งหัวตัวเองหนัก
ฮือออออ จะทำยังไง T __ T (กอดขากวางซามะ(?))
แต่จริงๆมุมของยูก็เข้าใจอยู่หรอกนะ เอาจริงๆก็ซึ้งแบบปวดร้าวมากๆเลย
แค่ประโยคที่บอกว่า “ฆ่าไม่ได้” แค่นั้นก็บีบหัวใจโคตรรรรรรร (กอดขากวางซามะแน่นขึ้น(?))
เค้ายังยืนยันว่าเค้าชอบความสัมพันธ์คู่นี้น้าาา T [ ] T
เรื่องรวมเล่ม จริงๆรู้สึกดีใจ(?)เหมือนกันนะคะ ที่กวางซามะบอกว่ามีปัญหาจบงานไม่ค่อยเสร็จ(?)
คือปัญหาเรามันมัก มาช้าได้โล่ห์(?) = _ = ไม่เคยจะทันใครเขาน่ะ เพราะงั้นแม้ว่าเล่มสองจะยังไม่เสร็จ
แต่เค้าก็จะอยู่ไซโค(?) ไม่สิ 55555 อยู่ให้กำลังใจแล้วก็รออุดหนุนผลงานทุกๆเล่มเบยยย
ปล. ซอมบี้มันโฮกฮากจริงอะไรจริงนะคะ กวางซาม๊าาาาา > [ ] <
มาต่อแว้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว//วิ่งพล่านทั่วบล็อก
ตอบลบเอเลนเซ็กซี่เกินไปแบ้ววววววววววววววววววววววววว/ตายๆๆๆๆๆเลือดผม
แหมอ่านตอนอาบน้ำนี่เล่นเอาเสียวไส้เลยล่ะ
เกิดกลายเป็นซอมบี้ตอนเวอร์ชั่นล่อนจ้อนขึ้นมานี่จะทำยังง้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
บอกไว้ก่อนนะว่ามันมีมาแล้วน่ะเรื่องแบบนี้น่ะ(พบได้ในตอน:คดีถล่มศาสนจักรแห่งความมืด2ในเรื่องD-gray man)
เกิดมีซอมบี้สองตัวเดินห่มลมอยู่ในบ้านรอคนมาช่วยฆ่านี่มันจะเสื่อมสลัดมากครับท่าน(แกก็จิ้นทำเรื่องซึ้งๆซะเสียหมด!!!!//โดนพี่กวางถีบออกนอกบล็อก)
แต่เอาเถอะเมื่อมันไม่เกิดก็ดีแล้วล่ะนะ//กระแอมไอ
มาเรื่องนี้ดีกว่า...เอเลนของเราเซ็กซี่ม้ากกกกกกกกกกกกกกกก แต่ยั่วเขาแล้วก็หลับไป5555555
คุณพี่เฮย์โจวเลยต้องลักหลับเด็กช่วยตัวเอ้งงงงงง โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณพี่!!!!!!!!5555555555555555//โดนยิง
ว่าแต่ช่องที่เว้นว่างนั่นอะไรรึ?...ดีกว่าตอน...........ตอนไรครับช่วยตัวเองรึคุณพี่รึอะไร555
พอหลังจากนั้น...แหม......ยังกะมาฮันนี่มูนกันเลยนะครับแหม่
ทุกอย่างแลดูซึ้งดีเมื่อคุณยูมาแย่งบท......
ขโมยซีนชัดๆ.......
ฮือออออออมาต่อเร็วๆน้าาาาาพี่กวางครับ
กำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าเอเลนพแกลายเป็นซอมบี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ตอบลบจะงับคอเฮย์โจวเลยมั๊ย
ที่ไหนได้ แค่ "งับ" เท่านั้นเอง แถมยังทำหน้าเรา้อารมณ์เซ็กซี่ยั่วยวนมากซะจนเฮย์โจวทนไม่ไหว
ถึงกับต้องไปแอบลักหลับเด็กช่วยตัวเอง
ส่วนฉากขับรถไปกองบินนี่ดูโรแม้นซ์มากอ่ะถ้าไม่ติดว่าชนซอมบี้ด้วย
แล้วนั่นอะไรคะ
ยูมาค้ำคอร์ขโมยซีนตอนจะจบตอนเฉยเลยอ่ะ