Attack
on Titan Au S.Fic [Levi x Eren] --
BiOS : another story B : 02--
:
Attack on Titan AU Fanfiction
:
Levi x Eren
:
Action Horrors
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เศษเนื้อกระเด็นไปติดอยู่ที่ผนังก่อนที่มันจะไหลลงมาทิ้งรอยเลือดเอาไว้เป็นทาง
หัวของซอมบี้ตัวสุดท้ายลอยไปกระแทกกับลูกกรงเหล็กสนิมเขรอะให้คนที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างในได้แต่สะดุ้งเฮือก
ปลายดาบลดลงให้เลือดไหลลงไป
ลมหายใจของเขาหอบถี่ไปตามจังหวะที่ขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงของแผงอก
ถึงแม้กลิ่นที่สูดเข้าไปจะชวนให้อยากอ้วกมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็มีแต่ต้องพาเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้ได้มากที่สุด
รองเท้าบูทสีดำเหยียบย่ำลงไปบนซากศพที่จะไม่ลุกขึ้นมาอีก
ก่อนจะเขี่ยไอ้ตัวที่นอนกองขวางทางออกไป
มือหยิบกุญแจที่ติดตัวเอาไว้เสมอออกมาก่อนจะไขประตูลูกกรงเหล็กแล้วก้าวขาเข้าไป
นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองร่างโปร่งบางที่ยังนั่งกอดเข่า
มีเพียงใบหน้ามนเท่านั้นที่เงยขึ้นมามองเขา
นัยน์ตาสีมรกตที่ไม่เคยสะท้อนสิ่งใดสั่นไหวให้เขาเห็นเป็นครั้งแรก
กลัว....
เด็กนั่นกำลังกลัว...?
เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะกระชากลำตัวโปร่งบางให้ซบมาที่แผงอก
สองมือสั่นระริกเกาะมาที่เสื้อของเขาทันที
“
ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว...”
ริมฝีปากพรมจูบลงไปบนเส้นผมสีน้ำตาล ฝ่ามือได้แต่ลูบแผ่นหลังโปร่งบางนั้นอย่างปลอบโยน
นี่เป็นครั้งแรก...ที่เขาก้าวเข้ามาในห้องขังของเด็กนี่
เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสร่างกายที่ได้แต่เฝ้ามองนี้
เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยเรื่องอื่นใดที่นอกไปจากคำสอบสวน
ถ้าไม่มีเหตุอาเพศอย่างเรื่องของซอมบี้...เขาจะมีโอกาสแบบนี้ไหม...เขาเองก็ยังตอบไม่ได้เลย...
ใบหน้าหันไปมองลูกกรงเหล็กที่กางกั้นเด็กนี่กับพวกซอมบี้เอาไว้อย่างนึกขอบใจในความแข็งแรงของมัน....ถ้าต้องอยู่ในห้องที่หนีไปไหนไม่ได้ท่ามกลางดงซอมบี้หิวกระหายที่เอื้อมมือไขว่คว้ามายังตัวเองแบบนี้
เป็นใครก็คงจะสติแตกแน่ๆ...เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่ร่างทั้งร่างของเด็กนี่จะสั่นไปทั้งตัว
“ ไปกับชั้นนะ เอเลน”
ใบหน้าที่ซบอยู่ที่หน้าท้องเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“
ผม...ออกไปข้างนอก...ได้หรอครับ?...” ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
เขาได้แต่พยักหน้า...ดูเหมือนเด็กนี่จะสิ้นหวังกับการที่จะได้เห็นโลกภายนอกอีกครั้งไปแล้ว
เพราะงั้น...ไม่ว่าอะไรจะรออยู่
เด็กนี่ก็ดูดีใจที่จะได้ออกไป
ทำเอาเขาไม่กล้าบอก...ว่าข้างนอกนั่นมันไม่ได้น่าอยู่นักหรอกนะ....
พลทหารที่นั่งรออยู่ที่ประตูถึงกับมองมาที่เขาพลางอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเขาลงไปทำอะไรที่คุกใต้ดิน
นัยน์ตาที่เบิกกว้างกับริมฝีปากพะงาบๆอย่างพูดอะไรไม่ถูกคงจะกำลังตะลึงอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของอาชญากรที่ลือกันให้ทั่วทั้งค่ายว่าอันตรายมากถึงขนาดต้องจับลงไปยัดเอาไว้ในคุกชั้นที่ลึกที่สุดจะออกมายืนตาใสอยู่ข้างกายหัวหน้าทหารรีไวแบบนี้
ใช่...ทุกคนก็สงสัยเหมือนเขานั่นแหละ
เกี่ยวกับประวัติของเด็กนี่....แต่คนส่วนใหญ่ต่างคิดกันไปว่าเด็กนี่คงจะอันตรายมาก
อาจจะเป็นอาชญากรข้ามชาติที่เปิดเผยตัวไม่ได้ เบื้องบนเลยใส่ข้อหาบ้านๆอย่างลักเล็กขโมยน้อยเพื่อปิดบังเอาไว้
แต่สำหรับเขาแล้ว...เขาไม่คิดว่าเด็กนี่จะเป็นตัวอันตราย...เพียงแต่...มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่อาจปล่อยให้เป็นอิสระได้...อะไรบางอย่าง...ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล?...ถึงได้มีคนในชุดกราวด์มาเก็บตัวอย่างเลือดแล้วก็ฉีดยาให้เอเลนเป็นประจำ...
“
เฮย์โจว...ผมไม่คิดว่าเราจะกลับไปทางเดิมได้นะครับ...”
เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนตู้ก่อนจะนั่งคุกเข่ายองๆเพื่อมองดูสิ่งที่อยู่ภายนอกผ่านช่องแสงเหนือประตู
จริงอย่างที่พลทหารว่า...ที่หน้าประตูเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ที่คงจะรู้ว่าในนี้ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่…ปริมาณของพวกมันมากเกินกว่าที่เขาจะฝ่าออกไปได้...ริมฝีปากถูกขบเม้มอย่างเจ็บใจ
ในหัวคิดหาทางอื่นที่จะออกไปให้ได้
“............จากกันสาดชั้นสอง...โดดไปที่กำแพงที่ล้อมคุกนี่อยู่....จากนั้นก็เดินบนกำแพงไปหาอาคารศูนย์บัญชาการเพื่อโดดขึ้นไปบนกันสาดหน้าห้องวิทยุการบิน
แล้วค่อยไปโรงจอดเครื่องบิน....”
คำพูดมักจะง่ายกว่าการกระทำเสมอ และเรื่องในคราวนี้ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีเมื่อพวกเขาขึ้นไปยืนอยู่บนกันสาดที่ชั้นสอง
พลทหารลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆเมื่อมองลงไปข้างล่าง...มือนับร้อยคู่ชูขึ้นมาเพื่อตะเกียกตะกายจะลากพวกเขาลงไปให้ได้...เสียงอืออาดังอื้ออึงจนได้แต่เหงื่อแตกพลั่ก...ถ้าเผลอตกลงไปละก็...จะมีร่างกายเหลือให้กลายเป็นซอมบี้ได้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ เอเลน?” เขาละสายตาจากไอ้พวกที่อ้าปากมีเลือดไหลย้อยขึ้นมามองเมื่อรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆนิ่งค้างไป
ใบหน้ามนมองทิวทัศน์รอบด้านด้วยดวงตาตื่นตะลึง
ถึงแม้ว่าจะได้เห็นท้องฟ้าที่ไม่ได้เห็นมานาน
ได้สัมผัสแสงแดดที่อบอุ่น...ทว่า...โลกภายนอกที่น่าอยู่นั้น...มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ทุกอย่างมันกลายเป็นแค่ซากปรักหักพัง
มีแต่ควันไฟลอยอยู่เต็มไปหมด กลิ่นของฤดูหนาวก็ถูกกลบไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าของศพตลบอบอวล
ผู้คนที่เคยยิ้มแย้มอย่างมีชีวิตชีวากลับมีใบหน้าบิดเบี้ยวและร่างกายเละเทะเดินกันเกะกะ
มวลมนุษยชาติที่เคยมีจิตวิญญาณกลับเหลือแต่ร่างที่เน่าเฟะและความหิวกระหายในเลือดเนื้อสดๆเท่านั้น
โลก...ที่กลายเป็นแบบนี้...นายยังอยากจะออกมาเห็นมันอีกหรือเปล่า...
"
เราต้องไปกันแล้ว" เขาจับลงไปที่ข้อพับแขนก่อนจะลากร่างโปร่งบางให้เดินตามมา...ไม่ว่าเด็กนี่จะอยากเห็นมันหรือไม่
แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่
ระยะห่างระหว่างกันสาดกับกำแพงรั้วนั้นไม่ถือว่าน้อย
แต่สำหรับทหารอย่างพวกเขาเรื่องแค่นี้ไม่เนับว่าเหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่
แต่สำหรับเอเลนแล้วมันไม่ใช่
เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงซึ่งนับว่าโชคดีที่มันเป็นกำแพงล้อมคุก
มันจึงหนากว่าปกติ เพราะฉะนั้นพื้นที่ให้เหยียบจึงมีมากพอ
สองมือเอื้อมออกมาเพื่อรับร่างโปร่งบางที่ก้มลงมองดงซอมบี้ที่แสยะปากรออยู่เบื้องล่าง
ใบหน้ามนขมวดคิ้วพลางเม้มปากอย่างที่ดูก็รู้ว่ากำลังลังเล
จะว่าไปเด็กนั่นก็ไม่ได้ออกจากห้องขังมานานกว่าสองปี
ร่างกายจึงแทบจะไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมากขนาดนี้...คงจะไม่แน่ใจ...ว่าตัวเองจะกระโดดมาถึงเขาได้...
" เอเลน...." เสียงทุ้มของเขาเอ่ยออกไป
ทำให้ใบหน้าหวาดๆเงยขึ้นมามอง
และนัยน์ตาที่ยังนิ่งสงบของเขาคงพอจะช่วยทำให้เด็กนั่นเชื่อใจได้ว่า...หากมาถึงมือคู่นี้แล้วตนจะปลอดภัย
ร่างโปร่งบางจึงหลับหูหลับตากระโดดออกมา....
ซึ่งเขาก็คว้าตัวเอาไว้ได้ทันแบบหวุดหวิดก่อนที่จะตกลงไปอีกฝั่ง
ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนหอบหายใจก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
ใบหน้ามนเหลือบลงไปมองข้างล่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา...ยิ้ม....ให้เขา
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มน้อยๆที่แทบจะดูไม่รู้
แต่มันกลับทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่...
เขา...คงจะหลงรักเด็กนี่มากกว่าที่ตัวเองคิด....
พลทหารกระโดดตามมาเรียบร้อย
เขาจึงจำต้องละจากร่างกายขาวซีดก่อนจะก้าวขาเดินช้าๆไปบนกำแพง
นัยน์ตาสีมรกตที่เคยนิ่งเฉยค่อยๆเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ...การผจญภัยของคนที่ไร้ความทรงจำคงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เด็กนั่นถึงได้ดูมีชีวิตชีวาถึงแม้ว่าจะอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความตายแบบนี้
พวกเขาทั้งสามคนค่อยๆเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงตะกายกำแพงที่ดังอยู่เบื้องล่าง
ต้องพยายามตั้งสติและมีสมาธิไปกับการเดินบนพื้นที่จำกัดและไม่ก้มลงไปมองข้างล่าง
เพราะถ้าเผลอตกลงไปละก็....
น้ำลายเหนียวๆถูกกลืนลงคอ
ถึงแม้ว่าเรื่องแค่นี้จะไม่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้ แต่ดูท่ากับพลทหารแล้วมันคงจะลำบากน่าดู
เพราะทุกครั้งที่เขาเหลือบไปมอง
บนใบหน้าของหมอนั่นก็จะเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมาราวกับสายน้ำ
เอเลนยังดูนิ่งกว่าตั้งเยอะ...
เด็กนั่นเดินด้วยท่าทางที่ดูมั่นคง
ถึงแม้ริมฝีปากจะเม้มแน่นไปบ้าง แต่เขาก็คิดว่าน่าจะปลอดภัยไปจนถึงกันสาดอีกฝั่ง
น่าจะปลอดภัย....
ถ้าไม่มีมือเละๆกระโดดขึ้นมาจับข้อเท้าของเด็กนั่นเสียก่อนละก็นะ!!
"
เอเลน!!!" เขาตะโกนออกไปด้วยหัวใจหล่นวูบ
มือคว้าต้นแขนของเด็กนั่นเอาไว้ได้ทันก่อนที่พวกมันจะลากร่างโปร่งบางลงไปได้
“ เอเลน!!” แขนเพียงคู่เดียวกำลังพยายามยื้อแย่งตัวเด็กนั่นกับมืออีกนับสิบคู่
เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อดึงคนที่กำลังทำหน้าหวาดผวาและคว้ามือของเขาแน่นขึ้นมา
แต่แรงดึงจากข้างล่างก็มีมากเกินไปจนตัวเขาเองก็แทบจะร่วงตามลงไป
“ เอเลน!”
ปากได้แต่ร้องเรียกด้วยหัวใจที่เต้นระรัว...มือพยายามดึงร่างที่ค่อยๆไหลลงไปเรื่อยๆด้วยความทุลักทุเล...และไม่ว่าจะทุ่มสุดตัวแค่ไหน
แรงของเขาคนเดียวก็สู้พวกมันไม่ได้เลย
ไม่ไหว...
เขารู้ดีว่าไม่ไหว...
แต่จะให้ยอมปล่อยเด็กนั่นร่วงลงไปโดยไม่ทำอะไร
เขาก็ทำไม่ได้...
เขาทนยืนดูเอเลนถูกพวกมันกัดกินไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้...
เพราะงั้น...ถ้ามันจำเป็นจริงๆ...เขาก็จะลงไปด้วย
ปังๆๆๆๆ!!!
เสียงปืนดังรัวๆทำให้เขาผงะอย่างรู้สึกตัว
กระสุนระเบิดมือของไอ้พวกซอมบี้จนกระจุยกระจาย แล้วแรงดึงที่ยื้อยุดฉุดกระชากตัวเด็กนั่นกับเขาก็เบาลง
ในจังหวะที่ใบหน้ามนยังงงงวย
ปฏิกิริยาโต้ตอบที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีของเขาก็ทำให้ท่อนแขนออกแรงดึงเอเลนขึ้นมาโดยไม่ต้องรอคำสั่งการจากสมอง
“ เอเลน!”
ร่างโปร่งนั่งตาค้างอย่างกับคนที่กลัวจนช็อกอยู่บนสันกำแพง
เขารีบสอดสองแขนเข้าไปใต้รักแร้ของคนตรงหน้าก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นมายืนก่อนที่ไอ้พวกศพเดินได้ข้างล่างมันจะเอื้อมมือขึ้นมาลากลงไปอีก
“ เอเลน!”
มือของเขาตบเบาๆลงไปบนแก้มใสเรียกให้นัยน์ตาสีมรกตกระพริบตาอีกครั้งก่อนจะมองหน้าเขาด้วยริมฝีปากสั่นระริก
ดวงตาที่ไม่เคยสะท้อนสิ่งใดกลับมีน้ำตาคลอ...นี่ถ้าไม่ได้ยืนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความตายแบบนี้
เขาคงกระชากตัวเด็กนั่นมากอดไปแล้ว
เขามองเลยไหล่บางไปยังพลทหารที่ยืนอยู่ข้างหลัง...หมอนั่นเป็นคนช่วยพวกเขา...
“
ผม...จะไม่ถามหรอกนะครับ..ว่าอย่างคุณทำไมถึงได้ยอมแหกคุกเพื่อช่วยเด็กนั่น...ผมเชื่อในตัวคุณ...เฮย์โจว” ใบหน้าที่หวาดกลัวมาตลอดพูดออกมาเบาๆ...ซึ่งเขาได้แต่พยักหน้าให้อย่างรู้สึกขอบคุณ
ขอบคุณ....ที่ยอมให้เขาเอาแต่ใจ
เพราะเหตุผลที่เขาไปเอาตัวเด็กนี่ออกมาจากคุกไม่มีเรื่องอื่นใด...นอกจากทำตามคำสั่งของหัวใจก็เท่านั้น
เขาเทคตัวกระโดดขึ้นไปบนกันสาดชั้นสองของอาคารศูนย์บัญชาการได้สำเร็จ
สองแขนคอยรองรับร่างโปร่งบางซึ่งยังอยู่ในชุดนักโทษที่กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเขาได้อย่างปลอดภัย
ตามมาด้วยพลทหาร...เป็นอันว่าการเข้าใกล้โรงจอดเครื่องบินก็นับว่าสำเร็จไปอีกก้าว
“
ทางเดินตรงกลางมีพวกมันเดินเพ่นพ่านอยู่ครับเฮย์โจว”
“
หมายความว่าในตึกนี้ยังมีคนซ่อนตัวอยู่?”
เพราะไอ้พวกที่ใช้ความหิวกระหายในการดำรงชีพมันจะอยู่ใกล้ๆที่ที่มีของกินของมันเท่านั้น...แค่หันไปมองที่คุกทหารก็พอจะเดาออก...จากตอนแรกที่พวกมันไปออกันอยู่รอบๆอาคารของคุกจนพวกเขาออกมาไม่ได้
ตอนนี้มันกลับย้ายมาล้อมอาคารนี้แทน
“ เป็นไปได้ครับ...”
“
เราคงไม่เสี่ยงไปตามหา...หาทางที่จะเข้าไปโดยเจอกับพวกมันให้น้อยที่สุด” เขาพูดออกไปด้วยใบหน้านิ่ง
ถึงแม้จะดูเย็นชาในสายตาคนอื่น
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขากำลังเจ็บใจแค่ไหนที่ต้องปล่อยให้ลูกน้องของตัวเองมาตายแล้วกลายเป็นไอ้ศพเน่าๆที่เดินกันอยู่ข้างล่างนั่น
“......เข้าไปทางห้องวิทยุการบิน...ห้องนั้นน่าจะมีการป้องกันการเข้าออกที่เข้มงวด...อีกอย่าง...เราต้องไปเอาวิทยุสื่อสาร”
แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็เดินช้าๆไปบนกันสาดโดยมีมือตะกุยตะกายอยู่ใต้ฝ่าเท้าไม่ได้ขาด...กันสาดทีเชื่อมต่อกันทั้งอาคารทำให้เขามาถึงห้องวิทยุการบินได้สำเร็จ
เพล้ง!!!
ด้ามปืนหวดเข้าใส่หน้าต่างกระจกจนแตกละเอียด
พลทหารกวาดเศษกระจกลงไปอย่างลวกๆก่อนจะกระโดดเข้าไปในห้อง
ลำพังเศษกระจกแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับทหารที่ใส่ชุดหนาๆอย่างพวกเขาอยู่แล้ว
แต่สำหรับเอเลนที่ยังอยู่ในชุดนักโทษสีน้ำตาลไร้การป้องกันแล้วมันไม่ใช่
“ อึก?!!”
ใบหน้ามนเหยเกเล็กน้อยเมื่อเขาอุ้มร่างโปร่งขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง
“ เอเลน?” แล้วเมื่อเด็กนั่นยกมือขึ้นมาให้ดู
เขาจึงได้รู้ว่าถูกเศษกระจกบาดจนเลือดไหลเป็นทาง
“
ไม่เป็นไร...ครับ...” เขาได้แต่มองอย่างกังวลแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
มือจึงดึงผ้าพันคอออกมาก่อนจะกดลงไปที่ปากแผลเพื่อให้เลือดหยุด
“ กดไว้นะ” ใบหน้ามนพยักหน้าด้วยสายตาอึ้งๆ
วูบหนึ่งเขามองเห็นว่าแก้มใสนั่นมันแดงระเรื่อ
“ อดทนหน่อยล่ะไอ้เด็กเหลือขอ...ตอนนี้คงไม่มีเวลาทำแผล...รอให้ไปถึงโกดัง
A
แล้วชั้นจะดูให้”
มือยกขึ้นไปโยกหัวสีน้ำตาลนั่นเบาๆ ก่อนที่เขาจะกระโดดตามเข้าไปในห้อง
ดูเหมือนห้องนี้จะไม่ถูกซอมบี้บุกเข้ามา
เพราะอุปกรณ์ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพดีและคงจะไม่มีคนอยู่...
ไม่มีคนอยู่...?
แล้วถ้างั้นเสียงฟืดฟาดๆเหมือนคนหายใจแรงๆนี่มันอะไร?
ร่างกายของพวกเขาแข็งเกร็งขึ้นมาทันที
จากที่พอจะหายใจหายคอได้บ้างกลับเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้อง
สองมือของเขากระชับดาบมั่น เช่นเดียวกับพลทหารที่จับ M-16 แน่น
และยิ่งก้าวขาเข้าไปใกล้มุมห้องที่มีฉากกั้นอยู่มากเท่าไหร่
เสียงหอบหายใจนั้นก็ยิ่งได้ยินอย่างชัดเจน
ซอมบี้งั้นหรอ?
เขามองตาพลทหารเป็นสัญญาณว่าให้ก้าวเข้าไปพร้อมกัน
และเมื่อเขาพยักหน้า
ทั้งดาบและปืนก็จ่ออยู่ที่หัวของไอ้ตัวที่ส่งเสียงฟืดฟาดอย่างที่พร้อมจะสะบัดดาบลั่นไกให้หัวมันหลุดกระเด็น
“ อย่า!!! อย่านะ!!!
ไอ้ผีบ้า!! ออกไปนะโว้ย!!!” แล้วเสียงตะโกนโวยวายพร้อมกับสองมือที่ปัดป้องพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายก็ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจ
หมอนี่ไม่ใช่ซอมบี้...แต่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่...
“ อิชิกาว่า มิซาโตะ
จากกองวิทยุการบินครับ...” เสียงงึมงำเอ่ยออกมาจากปากไอ้คนที่เขาไปลากมันออกมาจากใต้โต๊ะ
กว่ามันจะมีสติพอจะพูดจาภาษาคนได้เขาก็แทบจะต้องประเคนท่อนขาไปสักทีสองที
“ พูดดังๆ!
นายรู้หรือเปล่าว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านายเป็นใคร?!” พลทหารตะคอกใส่อิชิกาว่าที่ยังตัวสั่นพั่บๆ
“ ระ
รู้ครับ...แต่ว่า..คุณอย่าเสียงดังสิครับ...เดี๋ยวพวกมันได้ยิน” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนาเงยขึ้นมามองอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ พวกมัน?” เขาถามออกไปอย่างคาดคั้น
“
ก็พวกซอมบี้ที่เดินอยู่นอกห้องไงครับ...พวกมันรู้ว่าเราอยู่ที่ไหนจากเสียงครับ”
สิ่งที่อิชิกาว่าเอ่ยออกมาทำเอาเขาทั้งตะลึงทั้งอยากจะขำ
เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ศพเดินได้พวกนั้นมันจะเหมือนหลุดออกมาจากในหนังได้ขนาดนี้
“ ผะ
ผมลองแล้วนะครับ...ไม่เชื่อคุณลองยื่นหน้าไปดูบนกระจกก็ได้...ว่าพวกซอมบี้มันจะไปยืนออกันอยู่ที่ลำโพงเหนือทางเดินอีกปีกนึง...ลำโพงตัวนั้นมันเสีย
เลยมีเสียงดังซ่าๆตลอดเวลา...”
แล้วมันก็จริงอย่างที่อิชิกาว่าพูด....เพราะแบบนี้เองสินะ
หมอนั่นเลยยังอยู่ที่นี่ได้โดยซอมบี้ไม่บุกเข้ามา
“
นายเป็นคนของวิทยุการบินใช่ไหม?”
ดูจากรูปร่างที่ผอมแห้งอย่างคนที่ไม่ได้ออกแรงก็พอจะรู้
ว่าหมอนี่คงไม่ใช่ทหารทั่วไปที่ถูกฝึกให้มีร่างกายกำยำล่ำสัน เพราะกองทัพอากาศนั้นยังมีในส่วนของงานเทคนิคอย่างการขับเครื่องบินอยู่ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีแต่ทหารที่ใช้แรงเท่านั้น
ในฐานทัพอากาศแต่ละที่จึงยังมีกลุ่มทหารอีกกลุ่มที่มาจากสาขาเฉพาะอย่างวิทยุการบินกับพวกกองช่างทหารซึ่งเป็นวิศวกรที่คอยดูแลเครื่องบินอยู่ด้วย
“ ครับ...”
“ ไปหยิบวิทยุสื่อสารมา”
“ เอ๋?” ใบหน้าที่ยังหวาดวิตกทำหน้าสงสัยในคำสั่งของเขา
“
นายอยากจะหนีออกไปแล้วมีชีวิตรอดหรือจะนั่งรอความตายอยู่ในนี้?
ถ้าจะหนีก็ไปหยิบวิทยุสื่อสารมาแล้วไปที่โกดัง A กับชั้น!” เขาตอบออกไปด้วย น้ำเสียงติดจะรำคาญ
เวลาอยู่กับคนใจฝ่อมันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดชอบกล
ร่างที่สั่นงันงกเดินไปแกะวิทยุสื่อสารออกมา
ไฟที่กระพริบปริบๆบ่งบอกว่ามันยังใช้การได้เป็นอย่างดี
“
วิทยุนั่นจะทำให้เราติดต่อกับฐานทัพอื่นๆได้ใช่ไหม?
ตอนนี้ชั้นอยากจะรู้ว่ายังมีที่ไหนปลอดภัยให้เราหนีไปได้บ้าง จัดการซะอิชิกาว่า”
“ คะ ครับ...”
“ เฮย์โจว...ผมว่าเราไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้นาน...” พลทหารเอ่ยบอกด้วยใบหน้าหวาดๆ
ดูเหมือนเป็นเพราะจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ไอ้พวกซอมบี้รับรู้ด้วยกลิ่นได้ดีกว่าเสียง
“ ชิ!”
เขาสบถออกไปก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างทางด้านหลัง หลังคาโกดัง A ซึ่งเป็นโรงจอดเครื่องบินหมายเลข 1 มองเห็นอยู่แค่เอื้อม
แต่การจะเข้าไปในนั้นนี่สิ....ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด...
ในเมื่อทั้งสี่ด้านของโกดัง
ถูกฝูงซอมบี้นับพันล้อมเอาไว้
และมันก็ไม่มีกำแพงให้เขาไต่เข้าไปเหมือนที่คุกทหารด้วย!!
“
อย่างน้อยๆเราก็รู้ว่า...ในนั้นยังมีผู้รอดชีวิตอยู่นะครับ.....”
คำปลอบใจที่ดูสิ้นหวังของพลทหารทำให้เขากัดฟันกรอด
“ ฮะ
เฮย์โจว...สัญญาณขอความช่วยเหลือถูกส่งออกไปแล้วครับ...รอสัญญาณตอบรับไม่ก็ประกาศจากวิทยุชุมชนอยู่ครับ” อิชิการว่าพูดด้วยใบหน้าวิตกตามปกติ
“
ดี...นายคอยเฝ้ามันเอาไว้ พวกเราจะรอดหรือไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับหูของนายนั่นแหละ”
แน่นอนว่าต้องหาทางไปโรงจอดเครื่องบินให้ได้เสียก่อนด้วย...
“
.......ขึ้นไปบนดาดฟ้า...น่าจะยังมีสลิงสำหรับฝึกกระโดดร่มอยู่...เราจะโหนตัวจากตึกนี้ไปลงที่หลังคาโกดัง”
แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดมักจะง่ายกว่าการกระทำเสมอ...
อิชิกาว่าสวดขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า
ส่วนเขากับพลทหารกำลังยืนพิงหลังเอาไว้กับผนังข้างประตู
ใบหน้าพยักลงเพื่อส่งสัญญาณให้พลทหารค่อยๆแง้มประตูก่อนจะวิ่งออกไป
เขาหันไปคว้ามือเอเลนแล้วก้าวขาตามไป
ส่วนอิชิกาว่าวิ่งหลับหูหลับตาตามมาเป็นคนสุดท้าย และแค่เสียงฝีเท้ามันก็ดังพอที่จะทำให้ไอ้พวกซอมบี้ได้ยิน
“ เหวอ!!!”
อิชิกาว่าร้องเสียงหลงเมื่อซอมบี้ที่เดินเพ่นพ่านเริ่มหันมาเล่นงานตน
“ วิ่ง!!” เขาตะโกนออกไป
ตอนนี้ทำได้แค่วิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเท่านั้น!!
จากชั้นสองต้องวิ่งขึ้นไปให้ถึงชั้นดาดฟ้าของตึกห้าชั้น...ฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยาก
แต่มันยากมากที่ต้องข่มสติตัวเองไม่ให้แตกกระเจิงเพราะฝูงซอมบี้ที่อ้าปากกว้างแยกเขี้ยวไล่ตามมา
ยิ่งจำนวนชั้นมาขึ้นเท่าไหร่
ซอมบี้ที่รออยู่รายทางก็ยิ่งสมทบกันจนมันมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วยิ่งกับคนที่ถูกขังอยู่ในห้องแคบๆมานาน
การที่จู่ๆก็ต้องออกมาวิ่งแบบนี้มันเลยทำให้ใบหน้ามนถึงกับหอบหายใจหนักหน่วง...มีหลายครั้งที่ปลายเท้าสะดุดจนแทบจะล้มลงไปแต่มือของเขาก็ฉุดรั้งร่างโปร่งบางให้ลุกขึ้นมา
ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็มีแต่ต้องวิ่งต่อไป
โครม!!
ประตูชั้นดาดฟ้าถูกขาของพลทหารยันให้เปิดออก
“ ไปๆๆ!!” พลทหารตวัดตัวมายืนหลบทางให้ก่อนจะช่วยดึงพวกเขาเหวี่ยงเข้าไปในประตู
“ เร็วสิวะ!”
มือหยาบกร้านจับคอเสื้ออิชิกาว่าเหวี่ยงตามมาก่อนที่ประตูจะถูกปิดลงทันทีที่มือโชกเลือดตะเกียกตะกายหมายจะเข้ามา
“ เฮย์โจว!!” ร่างสูงใหญ่ของพลทหารดันประตูเอาไว้
ใบหน้าที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานก็จะเอาไม่อยู่ทำให้เขาต้องรีบกวาดตามองหาสลิงที่น่าจะถูกเก็บเอาไว้อย่างดีอยู่แถวนี้
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินดุ่มๆไปยังห้องเก็บอุปกรณ์เล็กๆก่อนจะชักปืนพกออกมา
ปัง!!
แม่กุญแจที่ห้อยอยู่แยกออกจากกันทันที
เอเลนเข้ามาช่วยเขาลากสลิงเส้นใหญ่ออกไปเหวี่ยงลงที่ข้างอาคาร
เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามันยาวพอที่พวกเขาจะโหนตัวไปจนถึงหลังคาโกดัง A
ที่เตี้ยกว่าได้ทีละคนๆอย่างแน่นอน
“ อิชิกาว่า!! นายโดดไปก่อน!!”
เขาเอ่ยปากสั่งคนที่ยืนตัวสั่นพั่บๆ
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นส่ายไปมาไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมโดด
“ ไปเร็วๆ!”
ร่างที่สั่นระริกยังคงยืนกอดวิทยุสื่อสารแน่นจนเขาเริ่มโมโห
ยิ่งหันกลับไปมองประตูที่แทบจะพังลงมาก็ยิ่งร้อนลนมากขึ้นกว่าเดิม
“ โดด!!”
เขากระชากคนที่ยังไม่ยอมลืมตาก่อนจะเอาสลิงยัดใส่มือแล้วยกขาขึ้นถีบมันลงไป
“ อ๊ากกกกกก!!” เสียงแหกปากลั่นไม่ได้ทำให้เขาเหงื่อแตกเท่ากับที่หันไปดูและพบว่าประตูมันพังลงมาแล้ว
“ อิชิกาว่า!! โยนสลิงกลับมา!!”
เขาตะโกนบอกไอ้คนที่มันล้มอยู่บนหลังคาโกดังเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าลนลานยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งและกว่าสลิงจะกลับมาถึงมือเขา
ฝูงซอมบี้ก็กรูใกล้เข้ามาทุกที
ปังๆๆๆ
M-16ในมือพลทหารยิงซอมบี้ที่ดาหน้ากันเข้ามาให้เขาได้แต่กัดฟัน
ไม่ทันแน่
ถ้าจะให้สลิงกลับไปกลับมาถึงสามรอบ
“ เอเลน!!” เขาดึงแขนผอมบางเข้ามาหาตัว
“ กอดชั้นเอาไว้!”
มือข้างหนึ่งจับสลิงส่วนอีกข้างกอดกระชับเอวบางๆแล้วถีบตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ อ๊ะ?!!!” เสียงอุทานดังอยู่ที่แผงอก
ใบหน้ามนซุกมันเอาไว้พร้อมกับหลับตาปี๋
วูบเดียวที่อากาศปะทะใบหน้า
เพราะไม่กี่วินาทีเขากับเอเลนก็ลงมายืนอยู่ที่พื้นหลังคาโกดังเรียบร้อย
มือรีบโยนสลิงกลับไปให้พลทหารที่ถอยร่นมาจนติดขอบดาดฟ้า ต่อให้เป็นคนเย็นชาแค่ไหนก็อดที่จะใจเต้นโครมครามไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งๆที่คิดว่าทัน
แต่วินาทีที่พลทหารกระโดดออกมา
มือมากมายก็คว้าท่อนขาของพลทหารเอาไว้ก่อนจะห้อยลงมาด้วยกัน
เขาได้แต่มองภาพตรงหน้าตาค้าง
มือที่เกาะเกี่ยวสลิงอยู่ค่อยๆครูดลงไปเรื่อยๆตามน้ำหนักที่ถูกถ่วงเอาไว้
และแทนที่มันจะโหนมาได้ถึงนี่มันกลับตกลงไป....ในดงซอมบี้ที่รออยู่เบื้องล่าง...
“ เฮย์โจว....เฮย์โจว!!!” พลทหารร้องเรียกชื่อเขาสุดเสียง
แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะยื่นมือลงไปช่วยดึงขึ้นมา
และก่อนที่จะร่วงลงไปจนถึงมือมากมายที่รออยู่
มืออีกข้างที่ไม่ได้เกาะสลิงเอาไว้กลับยกขึ้นมา...ในท่าทำความเคารพ....
แล้วมันก็ค่อยๆดึงปืนพกขึ้นมา....ในนั้นน่าจะมีกระสุนเหลืออยู่เพียงนัดเดียว...แต่แทนที่ปากกระบอกจะยิงจ่อไปที่หัวซอมบี้ที่มีมากมาย
มันกลับย้ายมาจ่ออยู่ที่หัวของตัวเอง...
ปัง!!!
เขา...พาหมอนั่นมาตาย...
ตายไปต่อหน้าต่อตาคนที่ได้ชื่อว่าผู้บังคับบัญชาอย่างเขา...
นัยน์ตายังคงเบิกค้างกับร่างไร้ลมหายใจที่หายลงไปในดงซอมบี้
สองมือได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บใจ เขาทำได้แค่กัดริมฝีปากเอาไว้เท่านั้น
อากาศถูกสูดเข้าปอดลึกๆ....ถ้ามันโดดให้เร็วกว่านี้....แค่วินาทีเดียว....แค่วินาทีเดียวเท่านั้น...
เขาลุกขึ้นมาแล้วกระชากคอเสื้อของไอ้ขี้ขลาดตาขาวอิชิกาว่า
มืออีกข้างยกกำปั้นค้างเอาไว้แบบนั้น....
อิชิกาว่าได้แต่ยกมือขึ้นป้องกันใบหน้าด้วยตัวสั่นงันงก...เขาต้องพยายามระงับความโมโหแทบตาย...ได้แต่ท่องเอาไว้ในใจว่าไอ้หมอนี่มันเป็นแค่วิทยุการบิน...ไม่ใช่ทหาร!!
“.........เฮย์...โจว....”
เสียงเรียกขาดๆหายๆนั้นไม่ได้ดังมาจากปากของอิชิกาว่า แต่มันดังมาจากปากของคนที่พยายามรั้งแขนของเขาเอาไว้
เขาหันกลับไปมองเจ้าของท่อนแขนบางด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เอเลน...เพิ่งเคยเรียกเขาเป็นครั้งแรก....
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ
ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นทำเหมือนจำไม่ได้แม้แต่วิธีพูดด้วยซ้ำ
กำปั้นที่ยกค้างอยู่ค่อยๆลดระดับลง
เช่นเดียวกับเพลิงไหม้ในใจของเขาที่ค่อยๆสงบลง...
เขาปล่อยคอเสื้อของเจ้าอิชิกาว่าก่อนจะสะบัดตัวก้าวขาเดินลงไปยังชั้นล่าง
เอเลนที่เกาะแขนเขาเอาไว้เดินตามลงมาด้วยกัน...แล้วยังไม่ทันที่ฝ่าเท้าจะได้แตะพื้นโกดัง
A
เสียงใสที่ตะโกนเรียกอย่างตกใจก็ดังมาให้ได้ยิน
“ เฮย์โจว?….รีไวเฮย์โจว?!!! รีไว! คุณจริงๆด้วย!!!” เสียงที่ดูจะดีใจจนโอเวอร์นั้นเป็นของ โยชิดะ
ไอโกะ...ว่าที่คู่หมั้นของเขาเอง....
“
คุณมาช่วยไอโกะใช่ไหมคะ? รู้ไหมว่าชั้นกลัวแทบตายเลย
ดีใจจริงๆที่คุณมาค่ะรีไว” หญิงสาวร่างเล็กโผเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ
ซึ้งใจ ปลื้มใจ...จะอะไรก็ช่างเถอะเพราะเขาไม่ได้สนใจ
“ พันโทโนเสะ
มาถึงรึยัง?” เขาเอ่ยถามนายทหารที่ยืนอยู่แถวนั้นก่อนจะกวาดตามองว่าในนี้ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่พอสมควรเลย
“
ยัง...ไม่เห็นนะครับ...” คำตอบของนายทหารทำให้เขาแปลกใจ
ทำไมยังไม่มาอีก?....อย่างหมอนั่นน่าจะรู้ทันทีเลยไม่ใช่หรือไง
ว่าน้องชายที่ไม่ได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือดนั่นอยู่ที่ไหน
“ เดี๋ยวนะคะ
เฮย์โจว...เด็กคนนั้นมัน....” แล้ว
โยชิดะ ไอโกะ ก็สังเกตเห็น…ว่ามือของเขาจับมือของเอเลนอยู่
หญิงสาวถอยทัพกลับไปหากลุ่มเพื่อนของตนทันทีที่เห็นว่าเอเลนเป็นใคร
และปฏิกิริยาของทุกคนในโกดังแห่งนี้ก็แทบจะเป็นเหมือนกัน
ทุกสายตา...มองเห็นแค่ว่าเด็กนี่เป็นอาชญากร...
ปรี้นนนนนน!!!
แล้วจู่ๆเสียงแตรลากยาวก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
มันไม่ได้ดังอยู่ในโรงจอดเครื่องบินหมายเลข
1 แห่งนี้...ทว่า...เสียงมันดังมาจากภายนอก....
....ยู ?!
“ เปิดประตู A-01!!” สิ้นคำสั่งของเขา ประตูสำหรับเอาเครื่องบินออกก็เปิดขึ้น...เพื่อให้รถจีปคันหนึ่งพุ่งทยานเข้ามา
และกว่าที่มันจะมาถึงนี่ได้
ก็กวาดซอมบี้กระจุยกระจายไปเป็นทาง
ประตูปิดลงอีกครั้งพร้อมๆกับร่างสูงใหญ่ของ
โนเสะ ยู ที่กระโดดลงมาจากรถ
ใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มแม้จะมีคราบเลือดติดแก้มทำให้คนที่อยู่ในนี้ยิ่งรู้สึกโล่งใจขึ้นไปใหญ่ เพราะทั้งเขาทั้งยู ต่างก็มาอยู่ที่นี่
เป็นคนที่ทุกคนต่างก็หวังพึ่ง
“
นึกว่าชั้นต้องยิงหัวแกทิ้งในฐานะซอมบี้ซะแล้ว”
“ อะไรกัน
นายก็แค่มาถึงก่อนชั้นนิดเดียวเองน่า...แล้วว่าไง? ตามหาเธอเจอ............” ใบหน้าสดใสนิ่งค้างไปเมื่อมองเห็น “เธอ”
ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“ เฮ้
รีไว...อย่าบอกนะว่านายจะแหกกฎของที่บ้านอีกแล้วน่ะ?
คราวนี้ชั้นไม่ยอมโดนแม่นายตีด้วยหรอกนะ”
นัยน์ตาเปล่งประกายมองใบหน้ามนที่ยิ่งหลบอยู่ข้างหลังเขาราวกับลูกหมาหลบอยู่หลังเจ้าของมากขึ้นกว่าเดิม...ก็สองปีมาแล้วนี่นะ...ที่เอเลนไม่ได้เจอผู้เจอคน
ไม่ได้เจอหน้าใครนอกจากเขา คนเฝ้าห้องขัง แล้วก็คนจากโรงพยาบาล?
และเพราะแบบนั้นเลยทำให้แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาเองยังไม่รู้เลยว่า....เด็กนี่คือ
“เธอ” ที่มันว่า
“ เลิกไร้สาระ
แล้ววางแผนที่จะเอาตัวรอดกันได้แล้ว” เขากลบเกลื่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยคำพูดนิ่งเฉย
แต่ก่อนที่จะได้เริ่มอะไร ร่างสูงใหญ่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
ยูเดินวนกลับไปที่รถจีปซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือด
ก่อนจะพยายามฉุดรั้งอะไรบางอย่างให้ลงมา
“ บอกให้ปล่อยไงเล่า!
ชั้นยอมถูกซอมบี้กัดตายยังดีกว่าไปกับคนอย่างนาย!” แล้วเสียงที่เขาคุ้นเคยก็ดังขึ้นทันที....โนเสะ
ฮิโนะ...น้องชายของยู
ฝ่ามือใหญ่ฉุดกระชากข้อมือที่เล็กกว่ามากของผู้เป็นน้องชายให้เดินมาด้วยกัน
ทั้งๆที่คนเป็นพี่นั้นมีร่างกายสูงใหญ่ แต่น้องชายกลับตัวเล็กบาง...ฮิโนะ
เป็นวิศกรที่คอยดูแลเครื่องบินของกองช่างทหาร เพราะงั้นส่วนที่โตจึงเป็นหัวสมองไม่ใช่ร่างกาย
“ ทำไม?! คนอย่างชั้นมันเป็นยังไง?! อย่างน้อยชั้นก็ไม่ได้เป็นกาฝากเหมือนนาย!” ยูกระชากร่างของอีกฝ่ายเข้าไปจนแทบจะเซถลาปะทะแผงอก
ใบหน้าที่มักจะยิ้มให้ใครต่อใครกลับมืดมนเมื่ออยู่กับผู้เป็นน้องชาย ภาพการมีปากเสียงของสองคนนี้เป็นภาพที่เขาเห็นจนชินตา
“ ไอ้บ้ายู!”
“ บอกแล้วไง...ว่าอย่าใช้คำว่าไอ้บ้ากับชั้น...”
มือใหญ่จับปลายคางเล็กก่อนจะออกแรงบีบจนอีกฝ่ายได้แต่นิ่วหน้า
“ ปล่อย!” ร่างกายเล็กๆพยายามสะบัดปัดป้องตัวเอง
“ ถ้าเกลียดชั้นนักแล้วจะไปลากชั้นมาด้วยทำไม?! ปล่อยให้ชั้นโดนซอมบี้กัดตายให้สาแก่ใจนายไปเลยสิ!”
“
หึ...อย่าเข้าใจผิดนะ...ที่นี่มันยังมีซอมบี้น้อยไป...อย่างนายน่ะ
ฉันจะเอาไปถีบส่งลงในดงซอมบี้ในเมืองนู่น...จากนั้นชั้นก็จะคอยยืนดูนายถูกรุมกัดตายอย่างน่าสมเพช!”
“
อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ...ถ้านายกลายเป็นศพลุกขึ้นมาเดินเพ่นพ่าน
ชั้นก็จะใช้ปืนนี่เป่าหัวนายให้กระจุยเอง”
“
...................” ฮิโนะได้แต่ยืนเม้มปากแน่นอย่างไม่รู้จะโต้ตอบถ้อยคำร้ายๆของพี่ชายได้ยังไง
แต่ก่อนที่จะลงไม้ลงมือกันไปมากกว่านั้น
เสียงของคนที่น่าจะเป็นกองช่างทหารก็ดังขึ้นมาช่วยขัดขวางเสียก่อน
“ ร้อยโทโนเสะ! โชคดีจริงๆที่คุณมา!” ร่างในชุดหมีสีเขียวขี้ม้าเดินมาจับมือเล็กๆด้วยท่าทางดีใจ
ดูท่าคนที่อยู่ที่นี่คงตั้งใจจะใช้เครื่องบินลำเลียงในการหนีออกไปและการจะเอามันขึ้นฟ้าได้อย่างปลอดภัยก็ต้องใช้วิศวกรช่วยดูแล
แต่แล้วจู่ๆมือใหญ่ของเจ้ายูก็ปัดมือของกองช่างคนนั้นออกไป
ทำให้ผู้เป็นน้องชายหันมามองตาขวางพลางกำมือแน่น
“
เอ่อ...จะขอแรง...ให้ไปช่วยพวกเราได้ไหมครับ” และแทนที่จะขอร้องเจ้าตัวตรงๆ
กองช่างคนนั้นกลับต้องหันมาถามยูแทน
ร่างสูงใหญ่ยักไหล่ก่อนจะเอ่ยออกไปสั้นๆ
“ เชิญ...”
หมอนั่นไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าทำตัวงี่เง่าขนาดไหนกับน้องชายที่ปากก็บอกว่าเกลียดนักหนา ทั้งๆที่กับคนอื่นๆ โนเสะ ยู
คือผู้ชายใจดีที่มักจะยิ้มร่าเริงอยู่เสมอ ทั้งเป็นมิตร ทั้งพึ่งพาได้ จะมีก็แต่กับ โนเสะ ฮิโนะ
คนเดียวเท่านั้นที่หมอนั่นทำตัวชั่วร้ายใส่...ทั้งๆที่รู้ดีอยู่เต็มหัวใจ...ว่ามันไม่ใช่ความผิดของฮิโนะเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่เป็นลูกติดมาจากแม่ใหม่ที่แต่งงานกับพ่อของตนหลังจากที่แม่แท้ๆตายไปหลายปี
ไม่รู้ว่าทำไมยูถึงได้จงเกลียดจงชังฮิโนะนัก...จนบางครั้งเขาก็อ่อนใจที่จะเข้าไปห้ามปราม
แผนการที่จะหนีออกไปจากที่นี่ไม่มีอะไรซับซ้อน
พวกเขาก็แค่รอพวกกองช่างทหารให้ซ่อมเครื่องบินลำเลียงที่จอดเสียมาตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนให้เสร็จ
ส่วนเป้าหมายจะเป็นที่ไหน...วิทยุสื่อสารจะบอกพวกเขาแบบเรียลไทม์อีกที
เขาปล่อยให้ยูสนุกสนานกับการรังควาญน้องชายต่างสายเลือดของตัวเองต่อไป...ดูเหมือนกองช่างจะเบาใจเมื่อได้ฮิโนะมาช่วย
สองขาจึงเดินกลับมาหาร่างโปร่งบางที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆล้อสีดำของเครื่องบินอีกลำที่จอดอยู่ด้วยกัน....และการที่คนเย็นชาอย่างเขาเดินเข้าไปหาใคร
มันก็ทำให้คนคนนั้นถูกเพ่งเล็งจากสายตาของคนอื่นๆได้ทันที
เขาไม่รู้หรอก...ว่าความเอาใจใส่ที่เขามีให้เอเลน
จะยิ่งทำให้เด็กนั่นถูกชิงชังมากกว่าเดิม
เขาไม่รู้หรอก...เพราะตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมามันสมบูรณ์แบบจนเขาไม่เคยรู้จัก...ความอิจฉา...
แล้วก็เป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาเองที่ทนไม่ได้
ถ้าจะมีใครอยู่ในสายตาของเขามากกว่าเธอ…โยชิดะ ไอโกะ
เดินตรงรี่เข้ามาก่อนจะบอกเขาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
“ รีไวคะ...ขอร้องเถอะนะคะ
แค่ซอมบี้ที่อยู่ข้างนอกนั่นพวกเราก็กลัวกันจะแย่อยู่แล้ว...อย่าให้เราต้องคอยหวาดระแวงคนที่อยู่ด้วยกันข้างในนี้อีกเลยจะได้ไหมคะ...คุณก็รู้ว่าเด็กนั่นมันเป็นอาชญากร
ไม่งั้นคงไม่ถูกจับลงไปขังอยู่ที่ชั้นใต้ดินหรอก! เราไม่ไว้ใจมัน เราไม่รู้ว่ามันจะเอามีดมาฆ่าเราเมื่อไหร่
ช่วยทำอะไรกับเด็กนั่นทีเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ควรเอามันไปขังไว้ที่อื่น!” ใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมของ
โยชิดะ ไอโกะ ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจ
“........ถ้างั้น...ถ้าชั้นใส่กุญแจมือเด็กนี่ซะ
พวกเธอจะเลิกโวยวายใช่ไหม?” เขาชูกุญแจมือให้หญิงสาวดู
ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามยังคงงอง้ำอย่างไม่พอใจ
แต่เพราะใบหน้านิ่งของเขาที่บ่งบอกออกไปว่ายอมได้แค่นี้ก็ทำให้หญิงสาวจำต้องหยุดก้าวล้ำมามากกว่านี้
“.......หึ!......ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันเดินไปเดินมาโดยไม่มีการป้องกันนั่นแหละค่ะ!” ใบหน้าสวยค้อนควับก่อนจะเดินกอดอกไปยืนดูอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอ
นัยน์ตาจิกกัดถูกส่งมาให้ร่างโปร่งบางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตนกลายเป็นก้างชิ้นใหญ่ของเธอไปแล้ว
เขาขยับไปคว้าข้อมือของเอเลนขึ้นมา
ใบหน้ามนทอดมองเขาด้วยสายตาหงอยเหงาราวกับลูกหมาหลงทาง...แค่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่เลยมันก็เจ็บปวดพอแล้ว แล้วนี่ยังไม่มีใครยอมรับเลยสักคน....
เหล็กเย็นๆของกุญแจมือตวัดล็อคไปที่ข้อมือผอมบางข้างขวา...ข้อมือซ้ายยังคงทิ้งอยู่ข้างลำตัวอย่างไม่ยอมยื่นมาให้แต่โดยดี
ซึ่งเขาไม่สนหรอก...
ในเมื่อข้อมือซ้ายที่กุญแจมืออีกข้างจะตวัดไปล็อคเอาไว้....มันไม่ใช่ข้อมือของเอเลน....แต่เป็น...ข้อมือของเขาเอง
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเช่นเดียวกับนัยน์ตาของคนที่ยืนอยู่โดยรอบ เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะล่ามเด็กนั่นเอาไว้กับ...ตัวเอง...
“ รีไวคะ!” โยชิดะ ไอโกะ
กำลังอ้าปากคัดค้านแต่เขาก็พูดตัดบทออกไปอย่างรำคาญๆ
“
อิชิกาว่าบอกกับชั้นว่า...การส่งเสียงดังจะทำให้ซอมบี้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวจำต้องหุบปากอย่างเดือดดาล
แล้วสายตาชิงชังก็พาลมาลงกับร่างโปร่งบางที่ยังไม่ได้ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว
ทั้งๆที่เป็นนักโทษเดนตายแต่คนอย่างหัวหน้าทหารรีไวถึงกับไปช่วยออกมา
แล้วคนที่เย็นชาคนนั้นยังเอาเด็กนั่นไว้ข้างๆตัวอีก...แค่นี้ก็มีค่าพอที่จะทำให้ใครหลายๆคนสนใจในความสัมพันธ์ของพวกเขา
มีค่าพอที่จะทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจแล้วละ
เขาดึงร่างโปร่งบางให้นั่งลงข้างๆ
คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันด้วยความรู้สึกที่คงจะหลากหลาย
“ เอเลน...เอามือนายมาดูซิ
แผลที่โดนกระจกบาดเป็นยังไงบ้าง?” เขาถามอย่างเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้
ว่ามือของเด็กนั่นถูกกระจกบาดเอาไว้
“ มะ
ไม่ต้องหรอกครับ...ผม...พันมันไว้แล้ว” เมื่อเขาพยายามดึงมือบางๆนั่นมา
ปรากฏว่ามันถูกผ้าพันคอของเขาพันเอาไว้เรียบร้อยแล้วจริงๆ
และนั่น...มันก็ทำให้เขาไม่เห็น...ว่าบาดแผลของเด็กนั่น...ที่จริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่
บางที...ถ้าเขาเห็นมันตั้งแต่ตอนนั้น...ข้อสงสัยหลายๆอย่างก็คงกระจ่างขึ้นไวกว่านี้...
ความเย็นเฉียบของกุญแจมือที่สัมผัสข้อมือทุกครั้งที่เคลื่อนไหวทำให้รู้ว่าร่างกายของเราอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม....เอเลนยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆเขา...ยังอยู่...ข้างๆเขา....
“
ทั้งๆที่ทุกคนมองผมอย่างกับตัวเชื้อโรค...แล้วทำไมคุณถึงยังช่วยผม ยังอยู่ข้างผม...ผมไม่เข้าใจ...” จู่ๆเสียงแผ่วเบาก็ดังออกมาให้ได้ยิน เขาได้แต่หันไปมองด้านข้างของใบหน้ามนที่ยังคงซบอยู่บนหัวเข่า
“
ถึงแม้ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ ผมจะอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ...แต่คุณก็แค่เฝ้ามองผมอยู่นอกกรงนั่น...มันทำให้เกิดความผูกพันจนยอมช่วยเหลือกันแบบนี้ได้ด้วยหรอ?”
ไม่ได้มีแต่เอเลนเท่านั้นที่สงสัย
เพราะเขาเองก็เฝ้าถามตัวเองมาไม่รู้กี่รอบ...และคำตอบก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...
เขาดึงใบหน้ามนให้หันมาหา
นัยน์ตาทั้งสองคู่สบประสานกันตรงๆเป็นครั้งแรก...
“
ถ้าอย่างงั้น....นายก็ลองมองฉันบ้างสิ....แล้วจะได้รู้...ว่ามันทำให้เกิดความผูกพันได้จริงๆหรือเปล่า”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
สะ
สุขสันต์วันเกิดนะคะรีไวซามะ m(_ _)m
เพราะเป็นวันคล้ายวันเกิดของคนโหดๆอย่างรีไวซามะทั้งที
เลยปั่นฟิคเลือดสาดที่เต็มไปด้วยความรัก(?)มาบรรณาการโดยเฉพาะเบยค่ะ =w=
ยังไงก็ขอให้อายุมั่นขวัญยืนเป็นหมื่นๆปีนะคะ ใครว่าคนอายุขึ้นเลขสามแก่
ไม่จริ๊งไม่จริงเลยค่ะ รีไวซามะยังฟิตเปรี๊ยะขนาดนี้ ขอให้มีกำลังวังชาไปจับกดจัดการเด็กดื้อนะคะ
ส่งน้ำมันมวยนวดท่อนขาไปให้อีกลัง ขอให้หน้าเด็กแบบนี้ตลอดทั้งปีนะคะ ส่งเด็กไปให้กินเพราะได้ข่าวว่าเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กของรีไวซามะ ขอให้ลูกหมาในปกครองทั้งรักทั้งหลงนะคะ >////<
ไม่มีอะไรจะอวยพรแระ (เลิกแซะกรูซักทีเถอะ//เฮย์โจว) เพราะรู้ว่าขอให้ส่วนสูงเพิ่มไปก็ไม่มีประโยชน์
สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขมากๆ ลูก(?)เต็มบ้าน หลาน(?)เต็มเมืองนะค้า ^ ^ แปะรูปกล่องของขวัญ(?)ที่ส่งให้รีไวซามะไปเมื่อซักพัก
งง...ทำหน้างงแบบนี้ได้อีกไม่กี่วินาทีหรอก
กร๊ากกกกก
ส่วนฟิคเรื่องนี้นั่น
หลายท่านอาจจะไม่ชินกับคาแรกเตอร์ แต่ก็อ่านเพลินๆ(เร๊อะ!!)ไปก็แล้วกันเนอะ ก็เอเลนมันไม่มีความทรงจำไงเลยมีสภาพลอยๆแบบนี้แหละ
แล้วก็เป็นฟิคฝั่งผู้ชาย (ได้ข่าวว่าเอเลนก็ผู้ชายนะเฮ้ย!)
เพราะงั้นเลยจะเห็นเฉพาะมุมมองของเมะในเรื่องนั่นก็คือเฮย์โจวเป็นคนดำเนินเรื่องอ่ะนะ
เพราะงั้นต่อให้ซึนแค่ไหน ในใจก็คงรู้แหละว่าตัวเองต้องการอะไร
อีกอย่าง BiOS เป็นซีรี่ย์ที่เมะจะตกหลุมรักเคะก่อนค่ะ
ธีมของเรื่องคือประโยคนี้
“
แค่ได้มอง...ทำให้เกิดความรักได้ด้วยหรอ?”
“
ถ้าอย่างงั้น....นายก็ลองมองฉันบ้างสิ....แล้วจะได้รู้...ว่ามันทำให้เกิดความรักได้จริงๆหรือเปล่า”
ก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นนั่นแล
แหะแหะแหะ ^ ^ ยะ
ยังไงก็ฝากฟิคซอมบี้เรื่องนี้เอาไว้อีกเรื่องนะก๊า จะหนีรอดไหม
หรือว่าจะมีใครต้องตายกลายเป็นซอมบี้....6 ตอนจบ(หรืออาจจะสั้นกว่านั้น)ค่า
ก่อนไป...ขอแปะรูปที่ทำให้สติแตกอย่างยาวนานมาทั้งอาทิตย์....อาทิตย์ก่อนนู้นซาสึเกะ
อาทิตย์นี่ท่าเตะในตำนานเค้ามาทวงตำแหน่งคืนเว้ยเฮ้ย!
ฟิกม่าและด๋อยเฮย์โจววววววววว
ท่าเดียวกันเลยไม่ใช่รึง๊ายยยยย ออฟฟิศเชียลต้องการอะไรจากแฟนเกินอย่างหนูคะ!!! >[ ]<!!!
ขอบคุณพี่งูสำหรับความอนุเคราะห์ภาพและข่าวและคอยมาลากคุณกวางไปจองจนทันชาวบ้านเค้าเพราะไม่ค่อยจะมีสติด้วยนะค้า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >v<
ชอบชอบ......ลุ้นมากค่ะ
ตอบลบน้องใหม่ค่า~ พึ่งจะมาเจอฟิคของพี่ได้ไม่นานนัก
ตกหลุมรักเลยอ่ะ .... ...( *´艸`)... ....
เฝ้าติดตามอย่างคนโรคจิต... ┻┳|・ω・)....
ขอสมัครเป็นแฟนคลับ คนรักฟิคพี่กวางอีกคนนะค่ะ~♥....
☆*:.。. o(≧▽≦)o .。.:*☆
ไหงเป็นซอมบี้ล่ะเฮ้ย....คริสมาสนี้......ถึงจะรู้ก็เถอะนะว่ามันโหดๆเหมาะกับเฮย์โจวดี
ตอบลบแต่....
งงกะซอบบี้รับคริสมาสจริงๆ @^@
แหม...เอเลนเองก็นะลอยๆแต่น่ารักอาะตัวเอ้งงงง
รีไวเรานี่ก็แมนมาตั้งกะเปิดตัวเลยนะ
อา...รู้สึกเซอร์ไพรกะคุณพี่กวางจนมึนอีกแว้วววว @^@
“ ถ้าอย่างงั้น....นายก็ลองมองฉันบ้างสิ....แล้วจะได้รู้...ว่ามันทำให้เกิดความผูกพันได้จริงๆหรือเปล่า”
ตอบลบอุกรี๊ดดดดดดดด พูดแบบนี้เอาใจไปเลยค่า 5555 เฮย์โจวตำแหน่งนี้ก็เท่ไปอีกแบบ
หนูเอคาแรกเตอร์นี้ก็ชอบบบ ดูอึนๆ ดี (?) แล้วมีปมหลังอะไรหว่าาา?
HBD เฮย์โจวนะค้าาา ปีนี้ก็แก่ขึ้นอีกแล้ว แต่การกินเด็กนั้นเป็นยาอายุวัฒนะ อย่างนี้คงอยู่ไปเป็นร้อยปีพันปี 5555 (อะไรของมัน)
ปล. ฉากนายทหารตกลงไปแล้วยิงตัวตายทำเอาสะเทือนใจอย่างที่สุด T^T
ชีวิตที่มีแต่ความเพอร์เฟคมันไม่เร้าใจสินะคะเฮย์โจว
ตอบลบพอได้มองดูสิ่งที่ดูสวยงามแต่จับต้องไม่ได้ เลยรู้สึกหลงใหลจนอยากครอบครอง ฮา
ส่วนพี่น้องโนเสะนี่.....
ทำเอาสายอินเซสต์ของเราเเอบว่าต้องมีซัมติงอะไรเบื้องหลังความขัดแย้งนี้แน่เลยค่ะ คุณพี่แกแอบคิดอะไรๆ กับน้องหรือเปล่าเนี้ย? ฮา
ยัยไอโกะนี่น่าป้องกบาลมาก มาทำเหวี่ยงตอนหน้าสิ่วหน้าขวานซะได้
คิดแล้วว่าต้องล่ามไว้กับหัวหน้า ท่าทางอ่อนต่อโลก ไร้เดียงสาแบบนี่ ถ้าโดนล่ามติดกับอะไรสักอย่างไว้ มีหวังโดนเสือโหยไม่ก็แร้งกาบางนางรุมทึ้งแหงเลยค่ะ!!
และจาบาดแผลนั่น... น้องชาขอเดาว่าโรงพยาบาลที่ทดลองกับร่างกายเอเลนมันต้องมีส่วนทำให้เชื้อโรคระบาดแหง!!
ปล.จะเม้นท์อะไรลืมหมดเลยค่ะพี่กวาง อ่านรอบสองมีแต่ความฟินนนนน #โดนตรบดิ้น
ปลสอง. ชอบท่าเตะฟิกม่ามากกว่าค่ะ มันดู SM กว่า แอร๊ยยยยยยย
แต่ก็เสียเงินสั่งจองไปทั้งสองเวอร์ชั่น ฮา
แบบว่า...ก็สั่งเอเลนมาทั้งด๋อยทั้งฟิกม่าอะ เดี๋ยวไม่มีเพื่อนไซส์เดียวกันแล้วจะเหงา
กินเด็กคืออมตะนะคะเฮย์โจววววว HBD นะคะ ท่านหัวหน้า แม้เราจะปั่นฟิคไม่ทันวันเกิดท่านก็ตาม ฮา
จับไอโกะหย่อนให้ซอบบี้กิน อย่ามาว่าเอเลนนะ /ขู่ฟ่อใส่
ตอบลบเฮย์โจวนี่มือไวจริงนะคะ เนียนแต๊ะอั๋งเอเลนไปกี่ทีแล้วเนี่ย
และในที่สุด ก็ถึงคิวท่านท่อนขา ~~~
ตอบลบ(โปรยดอกไม้ โปรยดอกไม้ #โดนท่อนขาเสยเพราะทำพื้นสกปรก(?)) = __ =
ขอออกตัว(?)อย่างสุดซึ้งว่าเค้ารวบรวมสติอย่างเต็มที่แล้วจริงจัง
T _ T ถ้าเค้าเม้นท์เละเทะเป็นเรียงความวันพ่อ(?)ที่อ่านไม่รู้เรื่องสมควรโยนทิ้งให้กลับไปทำใหม่(?)ก็อย่าโกรธเค้าเลยน้าคะกวางซามะ
คือพาร์ทนี้เมี่ยง(?)ตื่นเต้นโฮกฮากไม่ต่างกับคู่นักเรียนวัยใส(?)เลยให้ตาย!!!!!!
ชอบจริงๆ ถึงรอบนี้ไม่มีแผนผัง(?)เค้าก็ยังตื่นตาอยู่นะคะ ยังไม่หลับตามคาริยะ(?)
แต่พาร์ทนี้มันจะต่างตรงที่กลิ่นไอของเรื่องนี้จะไปในทางของผู้ใหญ่เนอะ
การตัดสินใจหลายๆอย่าง ความคิด การมองโลก
ก็แหงละเนอะเป็นถึงท่านท่อนขา(?) จะมาอรัมภบท(?)ว่าจะทำยังไงดี
หรือฉันจะต้องไปช่วยทุกคนก็คงไม่ใช่
แถมไอ้คำสั่งที่สั่งออกมาแต่ละอย่างน่ะ สงสารคนที่ตามติดไปด้วยจริงจัง
จริงๆเอะใจแล้วว่าพลทหารที่ตามเฮย์โจวไปช่วยภรรยาเด็ก(?)จะไม่มีชื่อให้เรียกหน่อยเหรอ
แล้วก็คิดในใจ เดี๋ยวพ่อคุณคงจะต้องโดนลากเข้าดง(?)แน่ๆเลย และก็...จนได้สินะ ; w ;
จริงๆโฮกฮากตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยการยิงธนู
* O * มโนภาพแล้วหล่อโคตรรรรรร และก็นึกว่าเรื่องนี้พ่อคุณจะเก็บท่อนขาไว้(?)
แล้วเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายกล้ามแขน(?)ด้วยการง้างคันศร(?)ฆ่าซอมบี้ซะอีก
แต่มัวมาง้างก็พอดีโดนกัดละนะ = _ = ซอมบี้เป็นประเภทประชิดตัว
ถ้าซอมบี้พิเศษนี่ประชิดตัวเป็นเนื้อเดียว(?)เลย แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก (คือช่วยด้วยเม้นท์อะไรเนี่ยยยตู 5555)
แอบตื่นเต้นที่จะได้อ่านฟิคท่านท่อนขาแอบรักก่อนแบบนี้
มันก๊าวใจคนรักเอเลนจริงจัง > < ไอ้อาการที่ห่วงเจ้าลูกหมาออกหน้าออกตาแบบนี้นี่
ไอ้การเข้าไปกระชากเอเลนให้มาซบที่แผงอกตัวเอง ไม่พอ!!! ยังพรมจูบลงไปที่เส้นผมสีน้ำตาลลลลล
อยากจะกู่ก้องใต้โต๊ะ(?) ว่าเฮย์โจวมุมนี้โคตะระจะโฮกฮากกกก
อ๊ากกกกกกกกกก > ___ <
และอยากจะเถียง(?)ว่าไม่ใช่เพราะทุกอย่างในชีวิตของเฮย์โจวเพอร์เฟคจนน่าเบื่อ
ถึงได้คิดว่าตัวเองต้องมารักเด็ก แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกแบบบนี้
แต่เพราะเค้ากำหนดแล้วว่าต้องอยู่รอ(?)เพื่อรักเด็กคนนี้ตะหาก (เค้านี่ เค้าไหนเหรอตัวเธอ 5555)
เอเลนแอบมีความลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกแล้วเนอะ เรื่องบาดแผล....
และคงจะลับอีกเยอะ ถ้าขึ้นชื่อว่า พ่อเอเลนมีเอี่ยว(?) 555555
กลายเป็นพ่อเอเลนนี่เป็นจุดกุมความลับเบื้องลึกเบื้องหลังไปแล้วแฮะ = __ =
แต่มันตื่นเต้นก็ตรงนี้เนี่ยล่ะ
และแน่นอนว่า ไอ้กุญแจมือน่ะ!!!!!!!!!!!! จะลงไปดิ้นให้ตายจริงๆ
เฮย์โจวถึงขั้นล็อคเข้ากับข้อมือตัวเอง โอ่ยยยย ไม่รู้จะฟินยังไงจริงๆให้ตาย
ถ้าเป็นลูกหมาในเวอร์ชั่นไม่ล่องลอย(?) คงจะดีใจกระโดดโลดเต้นไปแล้ว(?)
การถูกในความสำคัญมากขนาดนี้ แถมยังมาจากคนแบบนี้ จะไม่ให้ดิ้นยังไงไหว!!!!
และท้ายที่สุดก็ไม่ต้องดิ้นแล้ว เพราะตายสนิท(?) พ่อคุณเล่นทิ้งท้ายแบบนั้นนน
“ ถ้าอย่างงั้น....นายก็ลองมองฉันบ้างสิ....แล้วจะได้รู้...ว่ามันทำให้เกิดความผูกพันได้จริงๆหรือเปล่า”
อาร๊ายยยยยยยย > ____ < เฮย์โจวมุมนี้ฆ่าคนอ่านตายเป็นซอมบี้(?)ถี่ไปม๊ายยยย
เค้าแอบก๊าวใจตัวออริอีกแล้ว(?)ล่ะค่ะกวางซามะ ( * - * )
ลบก๊าวตั้งแต่ชื่อ(?)เลย 555555 ชื่อเด่นหราเป็นสง่าราศีเข้าจังหน้าตัวเองเลยค่ะ
"ยู" โดดๆสั้นๆแสกมาเต็มๆหน้าเลย ถูกใจโฮกกกกกก
แล้วไอ้ความสัมพันธ์พี่น้องคนละสายเลือดนั่นก็ยิ่งถูกใจ
ไม่รู้จะบอกยังไงว่าน่าสนใจจริงๆนะคู่นี้ > ___ <
ทะเลาะกันจนแทบจะฆ่ากัน(?)แบบนั้นน่ะ
ในความจงเกลียดจงชังที่เหมือนจะแกล้งทำ(?)นั่นน่ะ
มันโดนใจยังไงแปลกๆจริงๆนะคะ ให้ตายเถอะ > _ <
เค้าใช้เวลาการอ่านฟิคทั้งหมดสามเรื่องในวันที่ 1 มกราคม 2557
เริ่มการอ่านวนตั้งแต่เช้ายันดึก(?)
เค้าเริ่มที่จะเขียนเรียงความ(?)ย่อหน้าแรก(?)ของเรื่องBiOSพาร์ท8059 เมื่อตอนห้าทุ่ม
และจบลงที่เวลา ตีหนึ่งเก้านาทีโดยประมาณ
เค้าเริ่มต้นกับย่อหน้าสอง(?)ในเรื่องลิปสติคอีกครั้งในวันที่ 2 มกราคม 2557
อุปสรรคในย่อหน้านี้คือการอู้ไม่เป็นใจ(?) (<< __ <
ปล. อีกรอบแล้วก็กลายเป็นปีใหม่ปีนี้ ปี2014ของเรา เป็นปีใหม่ที่อิคนบ้าอย่างเราเอาแต่คลุกวงใน(?)กับซอมบี้ทาลิปสติค(?)ข้ามปี 55555555555 เป็นการข้ามปีที่แบบในหัวมีแต่ซอมบี้(?)จริงจัง > < แม่เจ้าถ้าซอมบี้ก๊กจะเซะซี่(?)ยั่วยวนขนาดเน้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! รอซอมบี้เอเลน(?)ใจจดใจจ่อ(?) แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
อรั้ย เม้นสองตอนรวดแบบไม่ยาว กว่าจะมาอ่านได้ พี่กวางก็อัพแล้วอัพอีกจนคน(ดอง)อ่านอย่างหนูชักจะตามไม่ทัน 555
ตอบลบตอนแรแนึกว่าพลทหารกับอิชิกาว่าจะได้ฟีเจอร์ริ่งกันซะอีกแน่ะ ที่ไหนได้ ...TT สงสารพลทหารจับใจ กับภาพตะเบ๊ะก่อนตายนั่น (แอบอยากถีบอิชิกาว่าให้ลงไปด้วยอีกคน หึยย)
หมั่นไว้คู่หมั้นเฮย์โจวมาก แอบคิดว่าเมื่อไหร่ชีจะโดนซอมบี้มารับตัวไปอยู่เป็นเพื่อน
คู่พี่น้องไม่แท้อย่าง ยู - ฮิโนะนี่มันยังไงกันน้า อิอิ แอบลุ้นคู่นี้อะ มากด้วย //นึกไปถึงน้อง IF หิหิ
ประโยคสุดท้ายนั่นมันอะไรกันคะ อ่านแล้วแทบจะสกรีมออกมาดัง ๆ ...มองกลับไปสิเอเลน มองแบบนาน ๆ เลยนะ จะได้มีรีไวล์สองเพิ่มมาด้วยอีกคน //ไม่ใช่ปลากัด ><
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตอบลบประโยคสุดท้ายคือระทวยอ่ะ
เฮย์โจวอย่างเข้ม
ฝ่าดงซอมบี้ไปช่วยเอเลน
ถ้าไม่ใช่เฮย์ดจวทำไม่ได้นะคะ
เอเลนต้องมีซัมธิงที่ไม่ได้ธรรมดาอยู่สินะคะถึงถูกขังลืม
โอ๊ยลุ้นอ่ะ