Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 09
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
Ferrari
F12 Berlinetta ขับเข้าไปในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวเมืองโบโลญญ่า
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญา...เขตปกครอง 1 ใน 20 แคว้นของอิตาลี
ดูเหมือน
TAMIYA
ITALIA Grand Prix ก็จะมีการแข่งที่ไม่ได้ต่างไปจากฟอร์มูล่าวันเลย
เพราะมันคือการแข่งแบบสะสมแต้มไปเรื่อยๆจากสนามกว่า 10 สนามที่เวียนกันไปทั่วประเทศ
แล้วทีมที่ได้คะแนนสูงที่สุดเมื่อรวมผลการแข่งทุกสนามแล้ว จึงจะได้ไปแข่ง
Euro Cup และ World Championships ที่ประเทศแม่ของรถบังคับวิทยุทามิย่าอย่างญี่ปุ่นตามลำดับ
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินทอดน่องเข้าไปในห้างสรรพสินค้า
สายตาไม่ได้สนใจร้านแบรนด์เนมที่เรียงรายอยู่รอบกายเลยสักนิด สองขาก้าวไปหาลานกิจกรรมประจำห้างที่วันนี้คงจะมีสนามรถแข่งเล็กๆแผ่อยู่เต็มพื้นที่แน่ๆ
และนัยน์ตาก็ต้องเบิกขึ้นอย่างประหลาดใจเมื่อมองเห็นเป้าหมาย
เพราะอะไรหลายๆอย่างมันต่างไปจากที่คิด
เริ่มตั้งแต่ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆลานกิจกรรมซึ่งถูกทำเป็นสนามแข่งขันมันไม่ได้มีแต่เด็กๆ...ผู้ใหญ่วัยกลางคนไปจนถึงเด็กมหาวิทยาลัยต่างยืนมุ่งดูด้วยใบหน้าจริงจังเกินกว่าจะเป็นแค่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา...สนามแข่งเองก็ไม่ได้มีแค่สนามเดียว
เพราะมันมีสนามใหญ่สำหรับรถบังคับวิทยุกับสนามเล็กที่เป็นรถซึ่งปล่อยให้วิ่งไปตามราง....อีกทั้งข้างๆสนามแข่งยังถูกกั้นเป็นพื้นที่ที่มีรั้วล้อมเอาไว้
โต๊ะที่ตั้งเรียงรายอยู่ในนั้นมันทำให้รู้สึกทึ่ง
เพราะสิ่งที่อยู่บนโต๊ะมันจริงจังเกินกว่าจะเป็นแค่ของเล่น...
อุปกรณ์การปรับแต่งที่จะว่าคุ้นก็ไม่ใช่
จะรู้จักก็ไม่เชิง
จะว่าสภาพมันคล้ายๆกับฟอร์มูล่าวันตอนถูกแยกชิ้นส่วนก็ไม่ถึงขนาดนั้น
แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่รถของเล่นที่มีแค่โครงกับลูกล้ออย่างที่เขาเข้าใจ
เพราะอะไหล่ที่ใช้ถึงจะเป็นชิ้นเล็กๆแต่ก็ดูจะละเอียดอ่อนและพิถีพิถันไม่แพ้ F138 ของเขาเลย
ร่างแข็งแกร่งหลบเข้าไปยืนอยู่หลังเงาของเสาก่อนจะเฝ้ามองภาพตรงหน้าต่อไป
นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองหาเป้าหมายแล้วก็พบกับร่างโปร่งบางที่เพิ่งจะกอดมาเมื่อคืนจนได้
เด็กนั่นยืนอยู่กับอีกสองคนซึ่งเขาจำได้ดีว่าเป็นคนที่ไปขอข้อมูลของทีมเฟอร์รารี่ด้วยกัน
บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเด็กพวกนั้นมีรถที่ราวกับย่อฟอร์มูล่าวันลงไปประมาณ 10
เท่าวางอยู่บนแท่นที่น่าจะเอาไว้ปรับแต่ง ตัวบอดี้สีดำถูกถอดออกไปวางไว้ข้างๆ
เขาจึงมองเห็นอะไหล่ที่อยู่ในแชสซีของรถได้อย่างชัดเจน...มันไม่ได้เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบรถทั่วไป
แต่มันเป็นมอเตอร์ สายไฟและแบตเตอรี่
ที่รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะรถเล็กๆนั่นมันเซตอัพโดยอ้างอิงหลักการมาจากรถจริง
แล้วเอามาประยุกต์ใช้โดยแทนที่ด้วยระบบไฟฟ้า หลายๆอย่างมันเลยแทบจะตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน
เขาไล่มองไปยังกล่องเครื่องมือบนโต๊ะ...พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กนั่นถึงได้เถียงคอเป็นเอ็นเวลาที่เขาบอกว่ารถนั่นเป็นแค่ของเล่น...เพราะทั้งไขควง
ประแจ น็อต และอุปกรณ์ต่างๆมันเหมือนเครื่องมือช่างยนต์เพียงแค่มีขนาดย่อส่วนลงมาเท่านั้นเอง
แล้วโต๊ะอื่นๆก็เป็นเหมือนๆกัน...ทุกคนต่างขนอุปกรณ์การปรับแต่งมาครบครัน...ภาพในหัวที่เขาเคยคิดเอาไว้ว่ามันก็คงจะเป็นแค่การแข่งขันที่ไปซื้อรถบังคับวิทยุมาสักคันแล้วเอามาวิ่งแข่งกัน
เป็นอันพังทลายลงไปในทันที...เพราะนี่คือการปรับแต่งกันสดๆเพื่อให้เข้ากับสภาพสนาม
บรรยากาศ...มันทำให้เขานึกถึงพิตการาจขึ้นมา....
นัยน์ตารีขวางย้ายจากโต๊ะรอบๆกลับไปมองแผ่นหลังที่คุ้นเคย...เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้เด็กนั่นดูจะเซื่องซึมกว่าปกติ?
หรือว่าร่างกายจะยังไม่หายดี?
ร่างโปร่งบางยืนมองสนามอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันกลับมาปรึกษากับอีกสองคน
แล้วมือที่สวมถุงมือสีขาวก็หยิบมอเตอร์หนึ่งในหลายอันออกมาจากกล่องเครื่องมือที่เป็นลิ้นชักก่อนจะวางลงไปใกล้ๆเครื่องชาร์ตแบต
สายไฟที่ปลายเป็นคีมคู่หนึ่งถูกดึงจากก้อนแบตเตอร์รี่ที่ถูกชาร์ตเอาไว้ ก่อนจะเอามาหนีบที่ขั้วของมอเตอร์
จากนั้นใบหน้ามนก็หันไปสนใจค่าตัวเลขที่ขึ้นอยู่ในดิสเพลย์ของเครื่องชาร์ต
ปลายนิ้วจิ้มลงไปบนแผงหน้าจอด้านข้าง...ดูจากรอบมอเตอร์ที่หมุนเบาลง...นี่คงกำลังเบรกอินให้มันกินกระแสไฟในปริมาณพอดีที่แบตเตอร์รี่จะมีให้ในแต่ละรอบ
มอเตอร์ถูกหยิบออกมาวางบนแชสซีก่อนที่แท่นปรับแต่งจะถูกเลื่อนขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา
น็อตตัวเล็กๆถูกไขให้ยึดมอเตอร์กับโครงรถเอาไว้...นัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมองมันอยู่ดูลอยๆชอบกล...
ปลายนิ้วในถุงมือสีขาวใช้คีมคีบสายไฟจากรางแบตเตอร์รี่มาต่อเข้าที่ขั้วบวกขั้วลบของมอเตอร์ก่อนจะบัดกรีให้แน่นหนา
แผงวงจรที่ส่งมาจากเด็กผู้หญิงผมดำถูกติดตามลงไป
อะไหล่อีกหลายๆชิ้นที่เขาไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรถูกปรับเซตใส่ระบบช่วงล่างของตัวรถ
โดยมีเจ้าเด็กผมทองคอยยืนจดค่าอัตราต่างๆ
ดูท่าว่าของที่ใส่ลงไปแต่ละอย่างมันต้องถูกเลือกมาแล้วว่าความบัลลานซ์ซึ่งกันและกันมันจะต้องลงตัว...เขาที่ขับรถสูตรหนึ่งนั้นรู้ดี...ว่าหากช่วงล่างไม่สมบูรณ์แบบ...รถก็จะไม่มีทางชนะใครได้
ร่างแข็งแกร่งขยับมายืนมองอีกฝ่ายอย่างพยายามไม่ให้รู้ตัว....สีหน้าที่ดูมุ่งมั่นจริงจังแบบนั้นมันช่างน่าหลงใหล
ใบหน้าของคนที่ดื้อดึงยิ่งกว่าใครนั่นมันเข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
เป็นใบหน้าของคนที่มีความฝัน...เป็นใบหน้าของคนที่รู้...ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
หากเขาคว้ามือเจ้าของใบหน้าแบบนั้นเอาไว้...เขาจะสามารถรู้ได้หรือไม่...ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม...หรือเพื่อใคร
จากที่ไม่เคยกลัวตาย...จะรักลมหายใจนี้ขึ้นมาได้บ้างใช่ไหม
บอดี้สีดำถูกประกอบเข้ากับแชสซีเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่มือบางถอดเปลี่ยนอะไหล่อยู่หลายรอบ
ทั้งเป็นเพราะชิ้นส่วนที่ใส่ลงไปมันยังไม่บัลลานซ์กัน นอกจากนั้นมันก็ยังเป็นที่ตัวคนเซตเครื่องเองด้วย....
ใบหน้ามนที่ควรจะกระตือรือร้นในวันแข่งแบบนี้กลับมีสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรง
แก้มใสดูจะแดงระเรื่อกว่าปกติอีกทั้งลมหายใจยังหอบหนักเป็นบางเวลา
นัยน์ตาสีมรกตเองก็ดูเหม่อลอยทั้งยังบวมน้อยๆ
ร่างกายก็ดูไม่กระฉับกระเฉงซ้ำยังขยับแบบติดๆขัดๆ
เพราะเรื่องเมื่อคืนงั้นหรอ?
ในใจรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่ปล่อยให้อารมณ์และความต้องการครอบงำให้ทำกับเด็กนั่นโดยไม่ปราณีแบบนั้น...ซ้ำยังเดินจากมาโดยไม่ทันได้ถามสักคำ
ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าเลือดออกเยอะขนาดไหน…
F104
ถูกมือเล็กๆของเจ้าเด็กผมทองถือเอาไว้ก่อนจะเดินนำออกไปที่สนามแข่ง
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากเก้าอี้
แต่ก่อนที่จะได้ก้าวขาเดินตามไปร่างกายก็เซวูบจนคนที่แอบดูอยู่หลังเสาเกือบจะถลาเข้าไปรับ
“
เอเลน?!!” สองมือที่เผลอยื่นออกไปต้องรีบชักกลับมาเมื่อเห็นว่าเด็กนั่นมีเด็กผู้หญิงผมสีดำคอยดูแลอยู่
เสียงเรียกอย่างห่วงใยดังออกมาจากริมฝีปากของเด็กสาวทั้งๆที่เขาทำได้แค่ปิดปากแน่น
ฝ่ามือขาวซีดยกขึ้นไปลูบใบหน้ามนที่ส่ายช้าๆอย่างพยายามจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่สแตนด์ข้างสนามด้วยกัน
สองมือได้แต่กำแน่น...
หวง...ก็เป็นส่วนหนึ่ง...ถึงจะไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร
มาก่อนเขาแค่ไหน...ยังไงก็ไม่อยากให้มาแตะต้องของของเขา
แต่ที่เจ็บใจมากกว่าคือไม่อาจจะยื่นมือเข้าไปดูแลเด็กนั่นได้....เพราะมือคู่นี้คือมือที่ทำร้ายจนอีกฝ่ายต้องเป็นแบบนั้น
แล้วเขายังจะดึงดันใช้มันจับมือของเด็กนั่นไว้อีกอย่างงั้นหรอ?
ปลายเล็บได้แต่จิกแน่นลงไปบนฝ่ามือ...ไม่สมกับเป็นนายเลยนะรีไว...
ทั้งๆที่ปกติแล้วไม่ว่าอะไรที่ต้องการก็แค่ใช้กำลังแย่งชิงมา
ต่อให้สกปรกแค่ไหน ต่อให้สองมือจะแปดเปื้อนยังไง ต่อให้ต้องยืนอยู่บนซากศพของใคร
เขาก็ไม่เคยสนใจไม่ใช่หรือไง
แล้วกับแค่หัวใจของตัวเอง...ทำไมถึงไม่กล้าที่จะคว้ามันมาเสียที
มือที่กำแน่นค่อยๆคลายออกช้าๆ...เพราะรู้ดีว่า...
หัวใจมันบอบบางแค่ไหน
ถูกบีบนิดเดียวมันก็คงจะเละคามือ...
แล้วถ้าไม่มีหัวใจ...ร่างกายก็คงจะตายด้วยเช่นกัน...
เขาถึงต้องทะนุถนอมมันยิ่งกว่าอะไร...
การแข่งขันกินเวลาไปเกือบทั้งวัน
ซึ่งร่างแข็งแกร่งก็ได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่คิดจะให้อีกฝ่ายรู้ตัว
จากรอบคัดเลือกที่น่าจะคล้ายกับการควอลิฟาย
ก็ค่อยๆขยับเข้าใกล้รอบจริงขึ้นเรื่อยๆ เขายังไม่แน่ใจว่ากติกามันคิดคะแนนยังไง
เพราะความไวของรถคันเล็กๆนั่นดูตามยังแทบจะไม่ทัน
ทั้งเสียง
ทั้งสปีด มีแต่จะทำให้ละสายตาจากไปไม่ได้
ยิ่งเฝ้ามองมันนานเท่าไหร่
เขาก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กนั่นถึงได้หลงใหลมันขนาดนี้
ถึงจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว
แต่ทั้งเขาทั้งเด็กนั่นต่างก็หลงรักในความเร็วด้วยกันทั้งคู่
ร่างโปร่งบางเดินขึ้นไปยืนอยู่กลางสแตนด์
นัยน์ตาสีมรกตละจากคันบังคับในมือขึ้นมากวาดมองไปรอบๆกาย
สายตาที่จับจ้องมองมานั้นไม่มีสายตาของคนที่อยากให้มาเห็นเลยสักคู่
ไม่มาจริงๆสินะ...ผู้ชายคนนั้น....
ครั้งนี้คือครั้งสุดท้าย....ที่เขาจะดื้อดึงให้อีกฝ่ายหันมามอง...
ภาพที่เห็นวูบไหวไปเล็กน้อย
ทำให้ร่างกายที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่เซไปข้างๆจนมือที่ว่างต้องเกาะรั้วเอาไว้
ในช่องทางด้านหลังยังรู้สึกได้ดีถึงร่องรอยที่คุณรีไวฝากเอาไว้...มันยังเจ็บ...ไม่แพ้ที่หัวใจในอกซ้ายเลย
ร่างกายที่รู้สึกล้าๆขยับเข้าไปยืนใกล้รั้วด้านหน้า
ไอร้อนที่แผ่ออกมาดูเหมือนมันจะมากขึ้นกว่าเมื่อเช้าแต่เขาก็ทำแค่ยกมือขึ้นกดที่ขมับก่อนจะพยายามปรับสายตาให้ความพร่ามัวมันน้อยลง
ถึงแม้ในหัวจะปวดจนเหมือนถูกบีบแต่เขาก็ยังฝืนที่จะยืนอยู่บนสแตนด์
เพราะยังหวัง....ว่าผู้ชายคนนั้นจะมา...จะได้มองเห็นเขา
เสียงสัญญาณเตรียมตัวทำให้รถที่วิ่งลองสนามอยู่กลับไปประจำที่ของตัวเอง...นี่คงจะเป็นการแข่งรอบสุดท้ายของวันนี้...และที่ทำมาทั้งวันมันก็จะได้ตัดสินกันเสียที
F104
สีดำออกสตาร์ทเป็นคันที่สามตามสภาพของคนบังคับซึ่งแค่จะยืนยังโซไปเซมา....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองไปที่ใบหน้ามนของคนที่ยืนอยู่บนสแตนด์...สีหน้าดูจะแย่ลงกว่าเมื่อเช้าไม่ใช่หรือไง?
แต่เด็กนั่นก็ไม่ยอมพัก มือบางยังคงจับคันบังคับ
นัยน์ตาสีมรกตยังคงเหม่อลอยไปที่รถของตัวเอง...ต่อให้รู้ว่าไม่ไหวก็ยังจะฝืนดื้อดึงต่อไป
เล่นเอาสันกรามของคนที่เฝ้ามองได้แต่กัดฟันกรอด...ถ้าล้มพับลงไปจะทำยังไง
จะทำให้เป็นห่วงไปถึงไหนกันไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนั่น?
สองมือได้แต่สั่นระริกอยู่ข้างลำตัว
ต้องพยายามสะกดตัวเองเอาไว้ไม่ให้พุ่งออกไปกระชากตัวเด็กนั่นออกมาจากการแข่งขัน
สัญญาณการเริ่มแข่งดังขึ้น
เสียงเครื่องยนต์ไฟฟ้าขนาดจิ๋วจึงดังก้องไปทั่วลานกิจกรรม ทำให้นัยน์ตารีขวางเหลือบลงมามองในสนามโดยอัตโนมัติ
ด้วยความที่มันคล้ายฟอร์มูล่าวันทำให้ขนที่แขนลุกชัน
รถที่ไล่เรียงไปตามกริดออกสตาร์ทพร้อมๆกันด้วยความเร็วที่แทบจะดูตามไม่ทัน รถที่วิ่งไปตามโค้งของสนามเริ่มสำแดงประสิทธิภาพของการปรับแต่งออกมา
หลายคันก็หลุดโค้งออกไปจนต้องให้เจ้าหน้าที่วิ่งเข้าไปจับกลับมาตั้งใหม่
ในทางตรงเองก็แข่งกันด้วยสปีดที่ไม่ธรรมดา
ถ้าฟอร์มูล่าวันคือการทำงานประสานกันระหว่างนักขับกับตัวรถ...การแข่งตรงหน้าก็คงเป็นการทำงานประสานกันระหว่างคนบังคับกับตัวรถด้วยเช่นกัน
เพราะถ้าสายตาและสมาธิหลุดออกไปจากรถของตัวเองเมื่อไหร่
รถก็คงไม่สามารถวิ่งต่อไปได้
ใบหน้านิ่งเฝ้ามอง
F104
สีดำวิ่งด้วยดวงตาที่เริ่มจะร้อนขึ้นมา...ปลายนิ้วเผลอขยับโดยที่ไม่รู้ตัว...ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกอยากจะกลับไปขับ
F138 ของตัวเอง
แต่แล้วเจ้ารถสีดำที่นับว่าปรับแต่งช่วงล่างมาอย่างดีกลับมีอาการแปลกๆ
เพราะมันไม่ได้หลุดโค้งด้วยแรงกดที่มีไม่พอ...แต่มันกลับส่ายไปมาราวกับว่าดวงตาของคนที่บังคับมันอยู่นั้นพร่ามัว
และชั่ววินาทีที่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่บนสแตนด์ หัวใจก็แทบจะหล่นวูบ...
เมื่อจู่ๆร่างโปร่งบางก็ล้มลงไป!!!
คันบังคับหล่นลงพื้นท่ามกลางเสียงตกใจของคนที่ยืนอยู่รอบสนาม
การแข่งจะดำเนินต่อไปหรือไม่
คนรอบกายจะแตกตื่นกันแค่ไหน....เขาไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
ร่างกายขยับออกไปก่อนจะก้าวขาฉับๆขึ้นไปบนสแตนด์ทันที
“
เข้าไปไม่ได้นะครับ!” มือผลักเจ้าหน้าที่ที่เข้ามากันเอาไว้รวมทั้งไม่สนใจเสียงร้องห้ามใดๆอีก
ตอนนี้ในใจมันได้แต่ห่วงเด็กนั่น
มันกังวลจนแทบจะคลั่ง!
“
เอเลน!!”
เด็กสาวที่เข้าไปถึงก่อนกำลังเขย่าตัวคนที่สลบไสลไม่ได้สติ
ร่างแข็งแกร่งที่แหวกฝูงชนเข้าไป
คุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะช้อนเอาร่างโปร่งบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่สนใจสายตาของใคร
สองแขนอุ้มเอาร่างที่ร้อนเป็นไฟขึ้นแล้วก้าวขาที่แทบจะเรียกได้ว่าวิ่งโดยไม่จำเป็นต้องถามไถ่
ไม่จำเป็นต้องพูดจากับใคร
ต่อให้เสียงอื้ออึงจะดังมาจากรอบทิศเมื่อผู้คนรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ขาที่ก้าวไปยังลานจอดรถชะงักลงแม้แต่นิดเดียว
ความกังวล
ความร้อนลน
มันกำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจ...ยิ่งได้สัมผัสร่างกายที่ร้อนระอุของคนในอ้อมแขนก็ยิ่งกังวลจนแทบจะเป็นบ้า
เด็กนี่มีไข้สูงมากจนไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ล้มลงไป
เป็นเพราะพิษของบาดแผลที่เขาสร้างเอาไว้ใช่ไหม?
ประตูของ
Ferrari
F12 Berlinetta ถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เฟอร์รารี่สีแดงจะพุ่งทะยานออกไปราวกับพายุ
“
เอเลน....เอเลน!....”
ใบหน้าละจากถนนเป็นระยะๆเพื่อหันมาเรียกคนที่มีสีหน้าทรมาน
เสียงครางน้อยๆหลุดออกมาจากริมฝีปากที่ยังไม่ได้สติ
ฝ่ามือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยลูบลงไปบนหัวสีน้ำตาล
ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งฝ่ามันทุกไฟแดงจนเสียงแตรดังสนั่นลั่นโบโลญญ่า
แต่ใบหน้านิ่งของคนขับกลับไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในใจคือต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!
เอี๊ยด!!!
แล้วเฟอร์รารี่สีแดงก็ทิ้งรอยเบรกเป็นทางยาวเอาไว้บนพื้นถนนหน้าโรงพยาบาล
รถราคาหลายสิบล้านถูกจอดทิ้งเอาไว้หน้าประตูทางเข้าฉุกเฉิน
ร่างแข็งแกร่งอุ้มคนที่ยังไม่ได้สติเข้าไปก่อนที่แพทย์และพยาบาลจะเข้ามารุมกันอย่างแตกตื่น
“
เป็นไข้เพราะแผลฉีกขาดครับ แต่อาการไม่น่าเป็นห่วง หมอฉีดยาให้เรียบร้อยแล้ว
คืนนี้จะกลับไปนอนพักที่บ้านก็ได้นะครับ”
คุณหมอพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจในครึ่งชั่วโมงให้หลัง...เป็นเพราะใบหน้าโหดๆของเขาที่อุ้มเด็กนั่นพุ่งเข้าไปในตอนแรก
จึงไม่แปลกที่ทั้งห้องฉุกเฉินจะแตกตื่น...ทั้งๆที่อาการไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด
“
ครับ...” เขาพยักหน้ารับว่าจะพาคนที่ยังหลับกลับบ้าน...มือเกลี่ยไล้ลงไปที่ปอยผมซึ่งปรกใบหน้ามนที่เริ่มมีเหงื่อออกน้อยๆเพราะฤทธิ์ยา
แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็หลับพริ้มไปตลอดทางจากโบโลญญ่าถึงมาราเนลโล่...
แต่บ้านที่เขาพาเด็กนั่นไปไม่ใช่บ้านของเจ้าตัว....แต่เป็นบ้านในเขตอุทยานของเขาเอง....
ร่างโปร่งบางถูกวางลงไปบนเตียงของเขา
สีหน้าที่ดูทรมานเพราะพิษไข้ดูเหมือนจะค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว
และเมื่อเอามือแนบลงไปบนหน้าผากใส ไอร้อนมันก็จางหายไปเหลือแค่เหงื่อที่ชื้นแฉะ
สองขาเดินลงไปที่ชั้นล่างก่อนจะกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกะละมังและผ้าขนหนูผืนเล็ก
เตียงยุบยวบลงไปเมื่อเขานั่งลงข้างๆร่างที่ยังหลับสนิท
มือบิดผ้าขนหนูก่อนจะซับมันลงไปบนใบหน้ามนแล้วไล่ลงมาตามลำคออย่างแผ่วเบา....ทุกสัมผัสที่ลากผ่านนั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวลจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ....ว่าฝ่ามือของซาตานจะสามารถสัมผัสดอกไม้โดยที่กลีบมันจะไม่ช้ำไปเสียก่อนเช่นนี้ได้
มือปลดกระดุมเสื้อสีขาวออกก่อนจะลากไล้ผืนผ้าไปตามแผ่นอกบาง
ร่างกายของเด็กอายุ 15 มันจะน่ามองแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
กล้ามเนื้อที่ยังไม่ทันจะแตกหนุ่มดีดูเรียบลื่นน่าสัมผัส
หน้าท้องแบนเรียบก็กระชับและไม่มีไขมันส่วนเกิน...
เป็นร่างกายที่ให้ความรู้สึกว่า
“สวย” .....ทั้งๆที่เขาไม่รู้จักคำคำนี้
ตะขอกางเกงยีนส์ถูกปลดออกก่อนที่ซิปจะถูกดึงลงไป
ผ้าเนื้อหนาถูกลากผ่านเรียวขาก่อนจะไปกองอยู่ข้างเตียง
ผ้าขนหนูค่อยๆเช็ดท่อนขาขาวเบาๆ...จากหัวเข่าไล่ลงไปจรดปลายเท้า......
ใยฟูนุ่มค่อยๆซับไปตามง่ามนิ้ว...ทีละนิ้ว...ทีละนิ้ว...ไล่ลงไปจนสุดปลายเล็บ......
ถ้าเด็กนี่ยังมีสติ...ก็คงจะรู้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไร...ว่าการกระทำพวกนี้มันมีความหมายว่ายังไง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่มองขึ้นไปบนร่างกายเปลือยเปล่า...จะให้นอนทั้งๆแบบนี้ก็คงไม่ดี...จะไปยืมชุดนอนเจ้าฮายาโตะที่มีขนาดตัวเท่าๆกันแต่พอนึกถึงชุดนอนของเจ้าเด็กในปกครองนั่น.......ถ้าจะเสียเวลาลงไป
สู้เอาเสื้อเชิ้ตของเขาให้ใส่มันก็คงจะไม่ได้ต่างกัน
เสื้อเชิ้ตของชุดนอนจึงถูกดึงออกมาจากตู้ก่อนจะสวมลงไปบนร่างกายโปร่งบาง...โดยท่อนล่างก็ยังคงเปลือยเปล่าเหมือนเดิม...
มือไล่ติดกระดุมจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน
ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าซึ่งยังไม่ได้สติ.....
เขาจะต้องเฝ้ามองเด็กนี่ในสภาพแบบนี้ไปอีกกี่ครั้งกัน...
ฝ่ามือสอดนิ้วเข้าไปประสานกับฝ่ามือบางที่ยังอุ่นๆ
หน้าผากค่อยๆขยับจรดลงไปแนบกับหน้าผากใส.....
ชีวิตที่อาจจะไม่ได้ยาวนานของเขา...จะต้องเฝ้าดูเด็กนี่บาดเจ็บอีกกี่ครั้งกัน
ริมฝีปากขยับเข้าไปใกล้กลีบปากสีระเรื่อ
ลมหายใจที่เป่ารดกันและกันยิ่งดึงดูดให้ริมฝีปากแนบจุมพิตอย่างแผ่วเบา......
เขาจะให้อภัยตัวเองได้ไหม...ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนี่
จะให้อภัยในความผิดบาปของตัวเองได้ไหม....ที่ลากเอเลนมาลงนรกด้วยกันแบบนี้...
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาช้าๆ
ความพร่ามัวทำเอาคิดไปว่าเขาคงจะตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกแล้วสินะ....
แต่แล้วเปลือกตาที่หนักอึ้งก็ต้องเบิกโพลงขึ้นมาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่รอบกายไม่ได้รู้สึกคุ้นตา....เขาอยู่ที่ไหนกัน?....ความทรงจำล่าสุดดูเหมือนเขาจะกำลังแข่งรถอยู่?....แล้วผลการแข่งขันเป็นยังไงบ้างนะ?
เขาเป็นลมไปงั้นหรอ? หรือว่าที่นี่จะเป็นห้องรับรองของห้างสรรพสินค้า?
แต่บรรยากาศที่เหมือนกับห้องนอนนี่มันยังไง? มีแต่คำถามลอยอยู่เต็มหัวไปหมด
สายตากวาดมองไปทั่วห้องที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกแน่ๆ
ดูเหมือนเขาจะนอนอยู่ในห้องนอนที่เป็นชั้นลอยของบ้านแบบโมเดิร์นหลังหนึ่ง
ต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมเอาไว้ทำให้นึกถึงสถานที่บางที่ขึ้นมา...มันก็เป็นบ้านกลางป่าของเขตอุทยานคล้ายๆที่นี่....
แล้วริมฝีปากก็เข่นยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง...
เป็นไปไม่ได้หรอก....เขาจะมาอยู่ในบ้านของคุณรีไวได้ยังไง...ในเมื่อแม้แต่จะไปดูเขาแข่งก็ยังไม่ยอมไปเลย
ก้อนอะไรบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกหน้าอก...ทำไมการรักใครสักคนถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ...ถ้ามันเจ็บแบบนี้เขาจะดื้อต่อไปได้อีกแค่ไหนกัน...
เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นบันไดมาไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่หมดอาลัยตายอยากเงยขึ้นไปมอง...ในหัวคิดเพียงแค่ว่าคงเป็นมิคาสะไม่ก็อาร์มินมาเรียกกลับบ้านละมั้ง
จนกระทั่ง....
เสียงทุ้มที่คุ้นเคย.....เอ่ยเรียก
“ชื่อ” ของเขา
“
เอเลน....”
นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ใบหน้ามนเงยขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงอย่างไม่เชื่อสายตา
ทำไม....
ทำไมคุณรีไวถึงมายืนอยู่ที่นี่....
เขาฝันไปใช่ไหม....
มันต้องไม่ใช่ความจริง....มันต้องไม่จริงแน่ๆ.....
“
ตื่นแล้วหรอ...กินข้าวต้มนี่ซะ จะได้กินยา.....” เสียงทุ้มนั่นจะพูดอะไรเขาไม่ได้ฟังต่อไปอีก
เพราะสองแขนเอื้อมออกไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมา...ใบหน้าซบลงไปที่เอวของคนที่ยืนอยู่ก่อนจะกอดเอาไว้แน่น
มันไม่ใช่ความฝัน....
ความอบอุ่นที่ซึมเขามามันทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตนอยู่ตรงหน้าของเขาจริงๆ
“
คุณ...รีไว.....” เสียงที่เอ่ยเรียกอีกฝ่ายนั้นสั่นพร่า
น้ำตาที่ร่วงกราวลงไปทำให้เผลอสะอึกสะอื้น
ดีใจ....
ถึงจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...แต่แค่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายก็ดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไง....
ความน้อยใจที่จุกแน่นอยู่ในอกดูเหมือนจะถูกยกออกไปจนไม่มีเหลืออยู่อีก
ยิ่งที่หัวสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ลูบลงมาเบาๆ
เขาก็ยิ่งกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ดีใจ....
ดีใจที่สุด....
ริมฝีปากสีระเรื่ออ้าออกเพื่อรับช้อนข้าวต้มเข้าไป
นัยน์ตาเหลือบขึ้นมามองแผ่นหลังของคนที่ยังนั่งอยู่ข้างเตียง....พอเหมือนจะเข้าใจกันได้บ้างแล้ว
จู่ๆมันก็รู้สึกอายขึ้นมา จนไม่กล้าพูดอะไรออกไป
ร่างโปร่งบางจึงได้แต่นั่งกินข้าวต้มเงียบๆ
โดยมีร่างแข็งแกร่งนั่งหันหลังอยู่ข้างๆ
ใบหน้านิ่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
แล้วริมฝีปากก็เอ่ยออกมา....
“
ฉันเคยฆ่าคนมาก่อน...”
มือที่จับช้อนข้าวต้มถึงกับชะงักไป...แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะบอกออกไปให้หมด...
เพื่อให้เด็กนั่นได้รู้...ว่าผู้ชายที่ชื่อรีไวเคยทำอะไรไว้บ้าง...
จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง....เพราะครั้งนี้คือโอกาสสุดท้าย...ที่เขาจะยอมปล่อยมือจากเด็กนั่นไป
ถ้าหากไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้
หลังจากนี้ไป...
ต่อให้คิดจะบินหนีไปไหน
เขาก็จะไปลากตัวกลับมากักขังเอาไว้ให้อยู่แต่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้น
“
แล้วตอนนี้ชั้นก็ยังไม่สามารถจะมองหน้าครอบครัวของพวกนั้นได้...คนที่จับตัวนายไปก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของคนที่ตายด้วยมือคู่นี้
หมอนั่นถึงได้เคียดแค้นชั้น...ชั้นเป็นคนฆ่าน้องชายของหมอนั่น”
“
ฆ่าคน......” เสียงที่ดังอยู่ข้างหลังนั้นมันแผ่วเบาระคนหวาดผวา
ใบหน้านิ่งยิ้มออกมาอย่างยอมรับกับการกระทำของตัวเอง
หากเด็กนั่นจะกลัวและจากไปในตอนนี้
เขาก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆเลย
“
นายก็คงเห็นแล้วว่าการพนันรถมันเป็นยังไง
มีหลายคนตายในการแข่ง...โดยเฉพาะคนที่แข่งกับชั้น...ทั้งๆที่ชั้นสามารถช่วยน้องชายของหมอนั่นได้...แต่ชั้นก็ไม่ทำ”
เสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเงียบหายไป...เด็กนั่นอาจจะยอมตัดใจ
เพราะแค่เอาอนาคตมาเสี่ยงกับอันตรายมันก็เกินพอแล้ว..แล้วนี่ยังจะต้องมาอยู่กับฆาตกรไปทั้งชีวิตอีก...เป็นใครก็ต้องคิดให้ดี...
แล้วในขณะที่กำลังคิดว่าเขาเองก็คงต้องตัดใจ
อ้อมแขนเล็กๆกลับกอดเขาเข้ามาจากทางด้านหลัง....
นัยน์ตารีขวางถึงกับเบิกกว้าง
สองแขนบอบบางมันกำลังกอดเขาเอาไว้ พร้อมกับใบหน้าที่ซบอยู่บนแผ่นหลัง
“
แบบนั้น...มันไม่ถือว่าคุณฆ่าพวกเขาไม่ใช่หรอครับ...ผู้ชายคนนั้นบอกกับผมว่า..ของอะไรที่อยากได้ก็ต้องคว้าเอามาด้วยตัวเอง...คนพวกนั้นตายเพราะเอื้อมมือไปไขว่คว้าของที่ตัวเองอยากได้ด้วยความตั้งใจของเค้าเอง...มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
เสียงที่ดังอยู่ที่แผ่นหลังทำให้นัยน์ตาของเขาอ่อนแสงลง...
คำพูดแบบเด็กๆกลับทำให้หัวใจรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เขาพยายามหาเหตุผลที่จะให้อภัยตัวเองมาโดยตลอด
กลับไม่เคยพบ
แล้วจู่ๆก็มาเจอมันด้วยคำพูดง่ายๆ...ของคนที่ยอมให้อภัยในทุกความผิดของเขา
สองแขนเล็กๆกอดรอบเอวเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
ที่แผ่นหลังรับรู้ถึงความอบอุ่นของร่างกายและใบหน้าที่ซบลงมา
“
ให้ผม...ได้เข้าไปอยู่ในโลกของคุณด้วยคนได้ไหมครับ....”
ร่างกายถึงกับนิ่งค้างไปกับคำพูดของอีกฝ่าย...
คำพูด....ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง...
คำพูด....ที่เป็นดั่งใบมีดซึ่งตัดทุกเส้นความอดทนจนไม่มีเหลือ...
ร่างแข็งแกร่งหันกลับไปก่อนจะกดร่างโปร่งบางลงกับพื้นเตียงอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาสีมรกตเบิกขึ้นน้อยๆก่อนจะเหลือบมองสองมือที่ถูกมือแข็งแรงสอดประสานนิ้วทั้งห้าแล้วกดลงกับที่นอนจนแทบจมหายลงไป...ใบหน้านิ่งขยับเข้ามาใกล้ก่อนที่ลมหายใจจะเป่ารดกัน...แล้วริมฝีปาก....ก็แตะลงไปที่กลีบปากสีระเรื่ออย่างอ่อนโยน
ถ้าเป็นตอนที่มีสติ...ก็นับได้ว่านี่คือจูบแรกของพวกเขา....
มันทั้งแผ่วเบา
ทั้งออดอ้อน ทั้งร้อนแรง
ปลายลิ้นแลบออกไปแตะกลีบปากสีระเรื่อราวกับกำลังขออนุญาต
และแค่มันเผยอออกเล็กน้อย ลิ้นร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในทันที ทำเอาคนที่ไม่ประสีประสาถึงกับเบิกตากว้างก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็วเมื่อในโพลงปากถูกกวาดต้อนอย่างหนัก
ความหอมหวานทำเอาเสียวซ่านไปทั่วร่าง เสียงเปียกแฉะของน้ำลายที่ได้ยินอยู่ในหูทำให้ความร้อนพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าของคนที่ไร้เดียงสา
ริมฝีปากบดเบียดลงมาจนแทบไม่มีที่ว่าง
อากาศที่จะใช้หายใจก็เหมือนจะถูกสูบออกไปพร้อมๆกับรสจูบที่เร่าร้อน
คนข้างบนละริมฝีปากออกมาเพื่อให้คนข้างใต้หอบหายใจเพียงไม่กี่วินาที
ใบหน้านิ่งก็เปลี่ยนมุมแล้วก้มลงไปจูบต่อ
เรียวลิ้นที่ช่ำชองหลอกล่อให้ความต้องการพุ่งทะยานสูงขึ้นมา ลำตัวหนาที่เลื้อยขึ้นมาคร่อมทับร่างโปร่งบางจึงสัมผัสได้ทันทีที่ส่วนอ่อนไหวของคนที่ไร้เดียงสาเริ่มจะตื่นตัว
มือหนึ่งสอดเข้าไปรองใต้หัวสีน้ำตาล
ส่วนอีกมือหนึ่งสอดเข้าไปใต้เอวบางก่อนจะพลิกลำตัวของคนที่เด็กกว่าให้ขึ้นมาอยู่ข้างบนทั้งๆที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกัน อากาศที่กำลังจากหมดไปทำให้ร่างโปร่งดันแผ่นอกแข็งแรงก่อนจะที่ปากจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระอยู่ไม่ถึงนาที
สองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็โอบไปรอบคอก่อนจะกดหัวสีน้ำตาลให้ลงมารับจุมพิตต่อ
คนที่นอนอยู่ข้างใต้ชันเข่าขึ้นมาอย่างจงใจให้สัมผัสส่วนอ่อนไหวของคนที่ถูกบังคับให้คร่อมอยู่ด้านบน
ร่างโปร่งบางสะดุ้งน้อยๆแต่จะถอยหนีก็ทำไม่ได้เมื่อริมฝีปากยังถูกครอบครองเอาไว้อยู่
รสจูบอันยาวนานเล่นเอากลีบปากสีระเรื่อถึงกับบวมแดง
และกว่าที่มันจะได้ละออกมาก็เล่นเอาคนที่ไม่เคยแทบจะตายกันไปข้าง
“
แฮ่ก...แฮ่ก....”
ร่างโปร่งบางหอบหายใจหนักหน่วงพลางยันตัวเองด้วยสองแขนสั่นๆ
เพราะถ้าไม่ยันเอาไว้คนที่นอนเลียริมฝีปากอยู่ข้างล่างคงจะจูบต่อทันทีที่เขาทิ้งตัวลงไป
“
อื้อ!!”
เสียงร้องเปล่งออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อจู่ๆเข่าที่ชันขึ้นมาแทรกอยู่กลางหว่างขาก็บดเบียดจนเสียดสีส่วนที่ไวต่อความรู้สึก
ความต้องการที่ไม่คุ้นชินแล่นลิ่วขึ้นมาจนใบหน้าถึงกับแดงเถือก
ทั้งๆที่พยายามยันตัวเองหนีแต่ก็ดูเหมือนหัวเข่าเจ้าเล่ห์นั่นมันจะจงใจตามมา....นัยน์ตาสีมรกตเหลือบลงไปมองสองขาที่สั่นระริกของตัวเองแต่ก็เห็นเพียงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสงสัยมานานแล้วว่ามันเป็นเสื้อของใครแล้วมาอยู่บนตัวเขาได้ยังไง...แต่จากสายตาที่ไม่น่าไว้ใจของคนข้างใต้มันก็ทำให้เดาได้ไม่ยาก
ว่าคงจะเป็นฝีมือของคุณรีไวเองนั่นแหละที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา...แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมไม่ใส่กางเกงให้เขาด้วย...แม้แต่ชั้นในจะถอดออกไปทำไม?
“
อ่ะ....ยะ...อย่าครับ....”
ถึงแม้หัวเข่าจะหยุดไล่ต้อนแล้วย้ายไปเป็นหลักรองอยู่ที่บั้นท้าย
แต่กลายเป็นมือแข็งแรงที่จู่โจมเข้ามายิ่งทำให้สองขายิ่งสั่นระริก
“
อื้อ!!”
ใบหน้ามนถึงกับสะบัดในทันทีเมื่อฝ่ามือกอบกุมส่วนอ่อนไหวแล้วขยับโดยไม่ถามไถ่
จังหวะที่เล่นเอามองเห็นสวรรค์เรียกทั้งเสียงครางทั้งลมหายใจถี่กระชั้น
ทั้งสองแขนทั้งสองขายันตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป
ใบหน้ามนจึงโน้มลงไปรับจุมพิตแสนหวานด้วยตัวเอง
ในหัวเริ่มขาวโพลนเมื่อความสุขสมครอบงำทั้งร่างกาย
สายตาที่พร่ามัวนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษรักหรือพิษไข้กันแน่ และเมื่อริมฝีปากถูกละออกไปเสียงครางสูงก็ดังขึ้นทันที
“
อ๊า!!!”
ความปรารถนาที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมาพุ่งพรวดออกมาเต็มมือแข็งแรง
บางส่วนก็หยดย้อยลงไปไหลเลอะหน้าท้องที่มองเห็นซิกแพคได้อย่างชัดเจนของคนด้านใต้
“
ฮ้า...ฮ้า.....”
ริมฝีปากบวมแดงถึงกับต้องอ้ากว้างเพื่อช่วยหายใจ
นัยน์ตาสีมรกตยังคงล่องลอยไปไกลเช่นเดียวกับร่างกายที่ทิ้งตัวลงไปทาบทับอยู่บนร่างแข็งแกร่งอย่างหมดแรง
แต่ยังไม่ทันที่สติจะหายไป
อะไรบางอย่างที่แทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลังก็ทำเอาร่างทั้งร่างถึงกับสะดุ้งเฮือก
แผลเก่ายังระบมไม่หายปลายนิ้วก็สอดเข้าไปสะกิดมันให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับน้ำตาคลอ
“
ไม่เอานะครับ....มัน....เจ็บ....”
ใบหน้าที่อ้อนออกมาแบบไม่รู้ตัวทำให้ใบหน้านิ่งยิ่งต้องกัดฟันทน
มาถึงขนาดนี้แล้วมีหรือจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
ร่างที่อยู่ข้างใต้จึงพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคร่อมร่างโปร่งบางเอาไว้
“
จะทำเบาๆ” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปแค่นั้น
ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ใบหน้ามนหายหวาดกลัวขึ้นมาได้เลย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจะให้เชื่อลงได้ยังไง ร่างโปร่งจึงเริ่มขยับหนี
คนที่คร่อมอยู่จึงก้มลงไปกดริมฝีปากเข้าคลอเคลียที่ซอกคอระหง ก่อนจะกระซิบเบาๆที่ใบหู
“
เอเลน....”
แล้วคำเพียงคำเดียวก็ทำให้ร่างทั้งร่างถึงกับนิ่งงัน
“
เอเลน........”
คำคำนั้นราวกับมีมนต์สะกดให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
“
เอเลน.......”
สองแขนยกขึ้นไปโอบรอบแผ่นหลังของคนที่เอ่ยมันออกมา
ก่อนที่สองขาจะอ้าออกให้ปลายนิ้วสอดใส่ด้วยความเต็มใจ
“
เอเลน.....”
ความเจ็บแสบที่แล่นลิ่วขึ้นมาราวกับว่าถูกปัดเป่าไปด้วยคำพูดเบาๆคำนี้
ลมหายใจถึงได้หอบถี่ไปกับความรู้สึกดีเมื่อนิ้วทั้งสามขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า
“
เอเลน.....”
ใบหน้ามนเงยขึ้นไปเปล่งเสียงครางรับกับสะโพกที่ขยับไปตามเรียวนิ้ว
ก่อนที่มันจะค่อยๆถูกดึงออกไปเมื่อช่องทางขยายจนเต็มที่
“
เอเลน...” เสียงเรียกในครั้งนี้เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยจูบที่ขมับ
นัยน์ตาสีมรกตปิดรับความใหญ่โตที่แทรกกายเข้ามาด้วยหยาดน้ำตาแห่งความยินดี
“
เอเลน....”
สองแขนแข็งแรงกอดแผ่นหลังโปร่งบางเข้าหาลำตัวหนา
สองขาที่สั่นระริกดูเหมือนจะไม่ไหว
แต่เพราะมนต์สะกดก็ทำให้แกนกายสอดใส่เข้าไปจนหมด
“
เอเลน....” ถ้อยคำพร่ำกระซิบกลบกลิ่นเลือด
ซ้ำยังแปรเปลี่ยนความเจ็บปวดทั้งมวลให้กลายเป็นความสุขสม
“
เอเลน....”
เสียงครางสอดรับไปกับการขยับที่เบื้องล่าง
ความรู้สึกที่ต่างไปจากเมื่อครั้งแรกโดยสิ้นเชิงทำให้ร่างโปร่งบางไม่ต่อต้านอีกต่อไป
“
เอเลน.....”
ความสุขใจแล่นลิ่วขึ้นมาพร้อมๆกับแรงขยับที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ
“
เอเลน....”
แล้วทุกแรงปรารถนาก็แผ่ซ่านผสานกับมนตราของซาตานเข้าไปในร่างกายที่ได้แต่ทิ้งตัวลงกับพื้นเตียงอย่างหมดแรง
“
เอเลน....”
เสียงกระซิบเบาๆดังออกมาจากริมฝีปากที่กดลงที่ขมับ ความรู้สึกที่เรียกว่า
“รัก” มันเอ่อขึ้นมาจนล้นหัวใจ
สองแขนถึงยังกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ร่างกายจมหายไปในกันและกันจนกว่าลมหายใจจะกลับไปเป็นปกติ
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาก็ไม่ปาน
ใบหน้ามนซุกหมอนนอนคว่ำอย่างไม่อยากจะขยับเลยแม้แต่นิดเดียว...สงสัยว่าเขาจะหลับไป...ถึงแม้ข้างนอกหน้าต่างนั่นจะยังมืดอยู่ก็ตาม
ร่างแข็งแกร่งเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ
เตียงยุบยวบเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงข้างๆพร้อมกับยื่นแก้วน้ำและเม็ดสีขาวเล็กๆมาให้
“
ยา” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาให้ใบหน้ามนถึงกับทำแก้มป่อง....มากินเอาตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรครับ?
แต่ร่างโปร่งบางก็พยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความยากเย็น
ก่อนจะรับยาและแก้วน้ำมาดื่มตามลงไป
นัยน์ตาสีมรกตก้มลงมองแก้วเปล่าในมือก่อนจะแอบลอบมองคนที่นั่งหันข้างให้
ความสงสัยทำให้ปากช่างเจรจาถามออกไป
“
คุณน่ะ เคยนอนกับเด็กผู้ชายใช่ไหมครับ?”
ดูจากความช่ำชองเชี่ยวชาญในการไล่ต้อนเขาจนยอมศิโรราบไร้การขัดขืนได้ขนาดนี้
“
กับผู้หญิงชั้นก็เคย” แล้วสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาก็ทำเอานึกหมั่นไส้ในความสมชายของคนตรงหน้าขึ้นมาทันที
“
แต่ว่านายน่ะ ห้ามไปนอนกับใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย” ยิ่งใบหน้านิ่งหันมาสั่งๆๆแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกหมั่นเขี้ยว
“
ไอ้เรื่องเจ็บตัวแบบนี้ผมไม่คิดจะไปทำกับใครหรอกครับ” ใบหน้ามนขยับไปงับต้นแขนแข็งแรงเบาๆ
ก่อนจะล้มตัวลงนอนคลุมโปง
อาการเหมือนลูกหมาขี้งอนทำให้ใบหน้านิ่งยิ้มบางๆอย่างหาดูได้ยาก
ร่างแข็งแกร่งดึงผ้าห่มออกก่อนจะนอนลงไปข้างๆ สองแขนกอดร่างโปร่งบางเอาไว้
ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้ากลับมาหาแล้วซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขน
จากนี้ไป...ก็จงยอมรับชะตากรรมที่จะต้องตายอยู่ในอ้อมแขนนี้ซะ
เจ้าเด็กเหลือขอ...
ถึงบ้านหลังนี้จะตั้งอยู่กลางป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ...ทว่า...มันก็ยังมีไม้ประดับที่ไม่รู้ว่าผู้จัดการคนเก่งของทีมเฟอร์รารี่จะมาปลูกเอาไว้ทำไมให้คนในบ้านต้องลำบากคอยรดน้ำพรวนดินมันด้วย
ร่างบอบบางถือบัวรดน้ำขนาดพอดีมือจ่ออยู่เหนือกระถาง
นัยน์ตาสีมรกตเป็นกระกายวิบวับเมื่อเห็นว่ากระบองเพชรที่ปลูกเอาไว้กำลังออกดอกสีแดง
สายน้ำที่ไหลลงไปทอรับกับแสงแดดยามสายจนเป็นประกายเช่นเดียวกับเส้นผมสีเงินที่พลิ้วสยายไปตามแรงลมอ่อนๆ
ก่อนที่ใบหน้าสวยจะหันไปเห็นร่างโปร่งบางที่คุ้นตากำลังเดินโขยกเขยกมองหาอะไรบางอย่างอยู่บนเฉลียง
“.......?”
คนที่ยังรดน้ำต้นไม้หันไปส่งสายตาแทนคำถาม
“
หาคุณรีไวน่ะครับ พอจะเห็นบ้างไหมครับ? ผมจะให้พาไปส่งที่บ้านหน่อย
ป่านนี้แม่คงบ่นแย่แล้ว”
อีกคนก็ดันเข้าใจคำถามจนตอบออกมายาวเหยียด
ใบหน้าสวยส่ายไปมา
เพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่เห็นคนที่ถามหานั่นเหมือนกัน
ร่างโปร่งที่ยืนอยู่บนเฉลียงทอดสายตามองเจ้าของผมสีเงินที่กำลังเพลิดเพลินกับต้นไม้ในกระถาง...เห็นแบบนี้แล้วดูไม่รู้เลยนะว่าเคยมีอดีตที่เลวร้ายแบบนั้น....ก่อนหน้าที่จะไปอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรมของมิลาน...เด็กคนนี้ก็อาจจะเคยยิ้มเคยหัวเราะแบบเด็กคนอื่นๆก็ได้
ใครกันนะใจร้ายจริงๆ
ที่แย่งชิงรอยยิ้มไปจากใบหน้าสวยๆนั่นได้ลงคอ....
ความปวดจี๊ดที่แล่นมาจากสะโพกทำให้คนที่เคยยืนอยู่บนเฉลียงเริ่มนั่งห้อยขาลงมา
ก่อนจะทำอีท่าไหนไม่รู้
จนมานั่งยองๆอยู่ข้างๆร่างบอบบางของนักขับของทีมเฟอร์รารี่?
“
เวลาเข้าโค้งแรงกดมันต้องส่งมาอยู่ตรงนี้”
มือที่ขาวซีดกว่าจับกิ่งไม้ขีดลงไปบนรูปรถฟอร์มูล่าวันที่เขียนอยู่บนพื้นดิน
“
ไม่ใช่ตรงนี้หรอ?”
มือของอีกคนก็จับกิ่งไม้อีกอันจิ้มลงไปในตำแหน่งที่ตนคิดว่าใช่
“
ไม่หรอก...ตรงนี้ต่างหาก”
เจ้าของผมสีเงินยังคงยืนยันตำแหน่งเดิม
“
อืม...เอาไว้ต้องลองไปปรับแต่งดู...”
เจ้าของผมสีน้ำตาลทำหน้าครุ่นคิดกับความรู้ใหม่ที่เพิ่งจะได้ยินจากปากของคนที่เคยขับรถที่เร็วที่สุดในโลกนั่นมา
ทว่า...ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านั้น
มือแข็งแรงของคนที่ตามหามาตั้งแต่เมื่อครู่จู่ๆก็คว้ามาที่ข้อมือของ เอเลน เยเกอร์
ก่อนจะลากให้เดินตามไป ทิ้งให้เด็กในปกครองมองตามอย่างไม่ได้คิดอะไร
ร่างโปร่งบางถูกโยนเข้าไปใน
Ferrari
F12 Berlinetta ก่อนที่มันจะทยานออกจากบ้านไป
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้านิ่งอย่างกล้าๆกลัวๆ
เพราะรู้ดีว่าสำหรับคุณรีไวแล้ว...โกคุเดระ ฮายาโตะ เป็นน้องชายคนสำคัญที่จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง
แล้วเขาเอง...ก็ยังไม่แน่ใจว่ามีความสำคัญกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน...ในเมื่อยังไม่เคยได้ยินคำว่า
“รัก” จากปากสักคำ...
“
ไม่ชอบ...ให้ผมเข้าใกล้โกคุเดระหรอครับ?”
ใบหน้ามนเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจต่างจากยามปกติ
“
เปล่า...” เสียงที่ตอบกลับมาสั้นๆทำให้ใบหน้ามนหันกลับมาก้มมองขาของตัวเอง....ถูกโกรธอยู่หรือเปล่านะ?
“
.....ถ้านายสงสัยอะไร...ก็มาถามชั้นสิ”
แต่แล้วประโยคที่เอ่ยตามมาก็ทำให้นัยน์ตาเบิกกว้าง
“
เอ๋?” ได้แต่เงยหน้ามองคนที่ยังขับรถด้วยใบหน้านิ่ง
รอยแดงน้อยๆบนแก้มของคุณรีไวทำให้หัวใจรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา
และคราวนี้เขาก็ก้มหน้าลงไปมองขาของตัวเองด้วยรอยยิ้ม
Ferrari
F12 Berlinetta เลี้ยวเข้าไปจอดในลานจอดรถของ สคูรเดอร์เลีย
เฟอร์รารี่
ก่อนที่ร่างแข็งแกร่งจะพาร่างโปร่งบางเดินเข้าไปในพื้นที่ด้านในซึ่งปกติแล้วคนทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
อาคารที่ล้อมด้านหนึ่งของสนามซ้อมเอาไว้นั้นถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง....ฝั่งหนึ่งเป็นแผนกพัฒนาเครื่องยนต์ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของทีมเฟอร์รารี่
เป็นฝั่งที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล แน่นอนว่าต้นแบบทุกอย่างถูกส่งมาจากที่นั่น
เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่ที่เป็นความลับและห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ส่วนอีกฝั่งที่ทั้งสองคนกำลังเดินเข้าไปอยู่นี้
เป็นแผนกทดสอบเครื่องยนต์...ก็ตั้งชื่อให้ดูดีไปแบบนั้นแหละ ที่จริงมันก็แค่ห้องซ้อมธรรมดาๆนี่เอง
ร่างแข็งแกร่งเดินนำหน้าร่างโปร่งบางเข้าไปในห้องควบคุมที่ดูแล้วก็คล้ายๆกับพิตการาจในสนามแข่ง
ก่อนจะไปหยุดลงที่ในห้องล็อคเกอร์
และจากความทรงจำที่ผ่านมาทำให้ร่างโปร่งบางไม่ยอมก้าวขาเข้าไปด้วยกลัวจะถูกขังเอาไว้อีก...มือแข็งแรงจึงต้องยื่นออกมาลากเข้าไปจนได้
ชุดนักขับของทีมเฟอร์รารี่สีแดงถูกดึงออกมาจากล็อคเกอร์ข้างๆก่อนจะถูกยัดใส่มือบาง
“
ใส่ซะ...มันเป็นกฎ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาสั้นๆให้ใบหน้ามนได้แต่มึนงง
จะว่าไปตั้งแต่พาเขาเข้ามาที่นี่ทำไมก็ยังไม่รู้คำตอบเลยสักนิด
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชุดหมีสีแดงในมือ...ดูเหมือนมันจะเป็นของ
โกคุเดระ ฮายาโตะ...เพราะขนาดตัวเท่าๆกับเขา?
ใบหน้ามนแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อจ้องมองตัวเองในกระจก...เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ในชุดนักขับที่ใครๆก็คงอยากใส่
ยิ่งได้เห็นคนที่ยืนขยับคอเสื้ออยู่ทางด้านหลัง
ริมฝีปากมันก็เผลอยิ้มออกมา....
และเมื่อนัยน์ตารีขวางหันมาเห็นเข้า
มือแข็งแรงก็คว้ามาที่ข้อมือของเขาก่อนจะลากให้เดินตามไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรเหมือนเดิม
จนกระทั่งขาทั้งสองคู่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้า
F138
LEVI....
หัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นระรัว
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่เบิกกว้าง
ร่างทั้งร่างราวกับถูกสะกดด้วยรถสีแดงเพลิงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม....แค่เอื้อมจริงๆ....
ใบหน้ามนหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างไม่เชื่อสายตา
ว่าคุณรีไวจะพาเขาเข้ามาสัมผัสรถคันนี้ใกล้ๆขนาดนี้...ทั้งๆที่แต่ก่อนขอร้องแทบเป็นแทบตาย
อีกฝ่ายยังได้แต่เมินเฉย
“
จับ....ได้ไหมครับ...”
น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยออกไป สองมือสั่นระริกอย่างรอคำอนุญาตแทบไม่ไหว
และแค่ใบหน้านิ่งพยักรับ
ร่างโปร่งบางก็แตะปลายนิ้วลงไปด้วยดวงตาเป็นประกาย
ฝ่ามือในถุงมือสีแดงลูบอย่างแผ่วเบาไปตามตัวรถ สองขาก้าวเดินไปรอบๆ รอบแล้วรอบเล่า
หัวเข่าทรุดลงไปก้มๆเงยๆดูช่วงล่างอย่างตั้งอกตั้งใจ...เพราะโอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
ไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆ
ว่าจะได้จับรถคันนี้ด้วยสองมือของตัวเอง...
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่านั้นมันก็เกิดขึ้น
เมื่อใบหน้านิ่งเอ่ยออกมา
“
ใส่หมวกกันน็อคซะ”
ใบหน้ามนได้แต่หันไปมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเหวอๆ
อ้อมแขนรับหมวกกันน็อคที่ใหญ่กว่าหมวกกันน็อคทั่วไปเพราะข้างในเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ทำขึ้นมาเพื่อการแข่งรถสูตรหนึ่งโดยเฉพาะ
ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจในคำสั่ง
แต่ใบหน้ามนก็หันไปมองร่างแข็งแกร่งที่สวมหมวกลงไปบนหัวแล้วพยายามทำตาม
มือแข็งแรงจับต้นแขนบางก่อนจะกดลำตัวโปร่งให้นั่งลงไปบนกาบข้างหนึ่งของตัวรถ
แล้วสองขาของนักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่ก็ก้าวเข้าไปนั่งอยู่ข้างใน
เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นโครมคราม
อย่าบอกนะว่า.....
คุณรีไวจะพาเขานั่งรถคันนี้ลงไปในสนามด้วย...
แล้วสิ่งที่คิดอยู่มันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ เมื่อ F138 LEVI
ค่อยๆเคลื่อนที่ออกไปจากพิตการาจ
สายลมที่ไม่ได้รุนแรงซึ่งปะทะเข้ามาทำให้รู้ว่าไม่ได้กำลังฝันไป....
เขานั่งอยู่บน
F138
LEVI จริงๆ....
ริมฝีปากได้แต่เม้มแน่ด้วยความดีใจ
น้ำหูน้ำตาเหมือนจะไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้....ในใจมันมีความสุขจนไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
ต่อให้ไม่เคยบอกเขาว่ารัก....แต่การกระทำที่บ่งบอกว่าเชื่อใจเขาถึงได้พาเข้ามาที่นี่...ยอมบอกข้อมูล...ยอมให้แตะต้องรถคันนี้...
แค่นี้มันก็เหนือกว่าคำว่ารักเป็นไหนๆ
และเขาจะไม่ทำให้ความเชื่อมั่นนั้นต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอน....
หลังจากที่
Ferrari
F12 Berlinetta ออกจากบ้านไปไม่นาน ร่างบอบบางก็เดินเข้าไปในบ้านของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ปกครอง
สองขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบเชียบ...นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆห้องนอนที่เป็นระเบียบ
ผ้าปูที่ยังตึงเป๊ะราวกับว่าไม่เคยผ่านการใช้งาน....แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่
แต่รีไวกับเด็กคนนั้นจะคบกันมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา...ในเมื่อสิ่งที่อยู่ในสายตามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
มือบางดึงลิ้นชักที่อยู่ข้างเตียงออกมา
ก่อนจะจ้องมองลงไปบนสิ่งของที่อยู่ในนั้น....
แล้วไม่นาน
Ferrari
California ก็แล่นออกจากบ้านไป
เฟอร์รารี่สปอร์ตจอดลงอีกครั้งที่หน้าโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางโบโลญญ่า
นัยน์ตาสีมรกตมืดมนเงยมองขึ้นไปยังผนังตึกของโรงแรมที่สูงลิบก่อนที่ขาจะก้าวเข้าไปโดยไม่ต้องถามที่ล็อบบี้
เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องขึ้นไปที่ห้องไหน
ในเมื่อ
ซาวาดะ สึนะโยชิ เป็นคนนัดให้เขามาพบที่นี่....ด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้จักเขาอยู่ก่อนแล้ว
หรือเป็นเพราะโทรศัพท์ที่ใช้โทรไปเป็นของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้หวาดระแวงเขาเลย....ช่างไม่สมกับที่เป็นบอสมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลีเอาซะเลยนะ
ไม่สิ....
เพราะแข็งแกร่งถึงได้มั่นใจในตัวเอง...ว่าจะไม่มีใครทำอะไรได้...และคงไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะเข้าไปทำร้ายได้ง่ายๆงั้นสินะ?
ร่างบอบบางเดินออกจากลิฟท์
ตลอดทางจากชั้นล่างจนมาถึงนี่ไม่มีบอร์ดี้การ์ดเลยสักคน
เพิ่งจะมาเห็นชายในสูทสีดำยืนอยู่แค่สองสามคนที่หน้าลิฟท์ในชั้นที่ถูกจองเอาไว้ทั้งชั้น
เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอกถ้าการป้องกันมันจะหละหลวมขนาดนี้...ดีเสียอีก...จะได้ไม่เปลืองแรง
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองหมายเลขห้องที่ติดอยู่บนประตู
มือเคาะลงไปสองสามทีก่อนที่จะเปิดเข้าไป
ห้องสวีทสุดหรูไม่ได้ทำให้ใบหน้าสวยประหม่าขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว
เรียวขายังคงก้าวต่อเข้าไปในส่วนนั่งเล่น นัยน์ตามองเห็นแผ่นหลังที่ไม่ได้ใหญ่โตอยู่ตรงหน้า
เส้นผมสีน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ค่อยๆหันกลับมาช้าๆ ใบหน้าเล็กๆที่ยิ้มแย้มราวกับฟากฟ้ากว้างมันทำให้เขาแน่ใจว่านี่คือ.....วองโกเล่เดซิโม่!
“
โกคุเดระคุง...สวัสดี...”
ร่างบอบบางเพียงแค่พยักหน้ารับพร้อมๆกับเดินอ้อมไปยังด้านหน้าของโซฟา....ดูเหมือนว่าบอสรุ่นที่สิบของวองโกเล่จะอยู่ที่นี่ตามลำพัง
ไม่มีแม้แต่ผู้พิทักษ์สักคน....
“
เชิญนั่งสิ...คงไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้วละมั้ง?...แล้ว...ที่ว่ามีเรื่องของยามาโมโตะจะบอก...ว่ามาสิ?”
ร่างเล็กๆในสูทสีดำเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นมิตร
ไม่จำเป็นต้องนั่งหรอก...
เพราะว่าเขากำลังจะออกไปจากที่นี่ในอีกไม่กี่วินาทีนี้....
มือบางหยิบวัตถุสีดำออกมาจากกระเป๋าที่ถือมาด้วยอย่างใจเย็น....และเมื่อวองโกเล่เดซิโม่เห็นมันเข้า
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ก็ถึงกับนิ่งค้างไปเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่หายไปจากใบหน้า
ปากกระบอกยกขึ้นมาจ่อที่หน้าผากซึ่งล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาล....
ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นมา
ปัง!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
วันนี้เวิ่นยาวค่ะ555
เอาเรื่องที่มีสาระก่อน
อิตาลีแบ่งเขตการปกครองออกเป็นแคว้นๆค่ะ
ในแต่ละแคว้นก็จะรวมหลายๆเมืองอยู่ด้วยกัน
และแต่ละแคว้นก็จะมีเมืองหลวงของตัวเองอยู่ค่ะ....อย่างเมืองมาราเนลโล่ที่พวกรีไวอยู่นี้จะเป็นเมืองในแคว้น
เอมิเลีย-โรมัญญา ซึ่งมีเมืองโบโลญญ่า เป็นเมืองหลวงของแคว้นค่ะ
ก็จะเป็นเมืองที่รวมการปกครองและความเจริญของแต่ละแคว้นอ่ะนะ....เพราะงั้นโบโลญญ่ากับมาราเนลโล่จึงไม่ไกลกันค่ะ
และพ่อเอเลนที่เป็นผู้แทนรัฐบาลของแคว้นก็ต้องประจำอยู่ที่โบโลญญ่า....ส่วนมิลานจะเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์ดี....อีกแคว้นนึงที่จะกล่าวถึงในอนาคตก็คือ
แคว้นเวเนโต ซึ่งมีเวนิซเป็นเมืองหลวงและมีเวโรน่าอยู่ในแคว้นนั้นด้วย....เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเกิดทางเหนือของอิตาลีอ่ะนะ
ถ้าสงสัยว่ามันอยู่ตรงไหนยังไงก็กลางแผนที่ดูได้เลยก๊ะ ตามนั้นเลย....อ้อ....ช่วงท้ายๆจะลงใต้ไปโรมอีกที่นึงค่ะ
*w*
แล้วก็....
เริ่มมีเสียงถามเข้ามา
ว่าเมื่อไหร่ “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” มันจะรวมเล่มเสร็จซักทีคะ?!!
อ่า...ฮ่าๆๆ....ผ่านมาจนจะหมดเดือนสิบแล้วจนได้
=[
]=!!! และด้วยความที่เดือนหน้าจะมีงานไททันโอนลี่อีเว้นต์
เลยคิดว่าจะทำให้ทันงานนี้เผื่อคนที่ไม่สะดวกรับทางไปรษณีย์จะได้ไปรับในงานแทน
(สิงอยู่ที่บูท เฮย์โจวบินได้...Heichou believes he can fly
ของโซระซังค่ะ ชื่อบูทนี่ก็ฮาปวดท้องได้ใจมากอ่ะ โคตรชอบ555) ^ ^ เช่นนั้นจึงขอแจ้งให้ทราบว่า
กลางเดือนหน้าพบกันแน่นอนค่าสำหรับรวมเล่มๆนี้ ^ ^”” ขออภัยในความล่าช้านะค้า
m(_ _)m
คงจะเปิดจองก่อนที่จะถึงวันงานอ่ะนะ
เรื่องราคาและจำนวนหน้าที่แน่นอนจะมาแจ้งในบลอคนี้อีกทีค่ะ
จนกว่าจะส่งโรงพิมพ์แหละถึงจะรู้ แหะแหะ
และแจ้งให้ทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าในรวมเล่มจะมีแค่ตอนที่
1 – 11 และตอนพิเศษสามตอนคือ Sugarplum ,
Tuberose , 11.5 ซึ่งSugarplum
, Tuberose จะลงในบลอคนี้ค่ะ มี 11.5
ตอนเดียวที่มีอยู่แต่ในรวมเล่มอ่ะนะ
ส่วนภาค
TYL ไม่ได้รวมอยู่ในเล่มนี้ค่ะ ^ ^ กำลังคิดว่าถ้าจะรวมเล่มอาจจะทำเป็นเล่มขนาด
A6 แบบ Light Novel ก็น่าจะน่ารักดีนะสำหรับฟิคหาสาระไม่ได้ภาคนั้น555
และมีรูปปลากรอบส่งมาให้จากหลายๆท่าน
ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะค้า ดีใจและไฟพุ่งทุกครั้งที่ได้เห็นเลยอ่ะ แอร๊ยยยยยยยยย >//////<
ฉากปวดตับจากคุณอากิ
Akimoto
Akira
ค่ะ *กัดผ้าเช็ดหน้า*
เฮย์โจวแบบลงสีขี่มอไซจากน้องเลิฟ
Chinji
Yu
ค่ะ หน้าอย่างดาเมจ โอยยย >w<
และสาวน้อยสุดโมเอ้สีแดงแรงสามเท่า(โดนบอบ์มสามเท่าด้วย)
จากน้องขวัญค่ะ คือก๊กน่ารักจนมี๊อยากจะอมเอาไว้เองเบยอ่ะ แฮ่กๆๆๆ
และที่อยากสครีมเรื่องสุดท้ายของวันนี้คือ....ด๋อยเอเลน!!!!!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คือแม่งสุดยอดมากกกกกกกกกกกก ไม่ไหวแล้วอ่ะ
เห็นครั้งแรกนี่ถึงขั้นสติแตกกรีดร้องออกมาเลย คือเอเลนน่ารักมว๊ากกกกกกกก
แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือ....มันมีเวอร์ชั่นนั่งพับเพียบโดนรังแกกับเวอร์ชั่นเสาหลักด้วยค่ะ!!!!! คุณแม่ขรา~~~แล้วหนูจะทนได้ยังง๊ายยยยยยยยยย
คือยังพูดเล่นๆกับพี่งูอยู่เลยค่ะตอนที่ประกาศว่าจะมีล็อตพิเศษแต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร...ไอ้เราก็เดาฮาๆกันไปว่าสงสัยจะเป็นเตียงกับโซ่
ไม่ก็เสาหลักกับท่อนขาเฮย์โจวละมั้ง กร๊ากกกกกก
แล้วพอของจริงออกมา....ดันเป็นเอเลนถูกมัดกับหลัก!!!!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก สครีมตายกันไปข้างอ่ะ!!!
ท่านั่งนี่แบบ...รอคนมาเตะอยู่สินะลูก โอยยยยยย โฮกมว๊ากกกกกกกก แล้วตอนนี้คนเตะหนูก็โผล่หลังออกมาให้เห็นแล้วด้วยนิ
>////<
แปะรูปรัวๆๆๆ
ใครสนใจก็เชิญเข้าร่วมสงครามได้นะคะ
5555 ถ้าจะจัดเต็มขนาดนี้ยังไงมี๊ก็ไฟท์ค่ะ โฮกกกกกกกก
ขอบคุณทุกๆกำลังใจ
ทุกๆคอมเม้นต์ และทุกๆการติดตามมากๆๆๆนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า >w<
เข้าร่วมสงครามด้วยคนค่ะะะะะะะะะะะ เราก็จะไฟท์กับด๋อยเอเลนนนนนนนนนนนนนนนนน
ตอบลบต่อให้คิดจะบินหนีไปไหน เขาก็จะไปลากตัวกลับมากักขังเอาไว้ให้อยู่แต่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้น << แม่ค่ะ!! คุณรีไวของGLIDE ช่างงงง >////<
ประกาศความรักได้ถึงพริกถึงขิงมากกกกกกกกกกกก //โบปป้ายไฟเชียร์รัวๆ
แต่คุณรีไวค่าาาาาา เด็กไม่เคยผ่านมือใครมา ประสบการณ์ไม่โชกโชนเท่าก็เบาๆ มือนิดหนึ่งสิคร้าาาาาาาาา แหม่ะๆ พอเข้าใจกันแล้วก็ใส่ไม่ยั้งเลยยยยยยย
ตอนเรียกชื้อซ้ๆนี่เขินแทนเอเลนมากค่ะ ตัวบิด ฟินจนตัวจะแตกกกกกกกกกก
ส่วนโกคุ๊วววววววววววววววว ใจเย็นๆ ลูกกกกกกกกกกก ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก่อนนนนนนนนนนน
ดีใจที่พี่กวางชอบรูปค่า พอเอามาวางแปะคู่กันแล้วเหมือนก๊กเวอร์ชั่นทำงานกับอยู่บ้าน(ภรรยา) เลยอ่ะ อิอิ รีบส่งให้หมีก่อนจะเผลอจับกินเองกันดีกว่าค่า 555
ตอบลบว่าแต่ก๊กกกก อุส่าบุกไปถึงห้องสวีท คิดว่าโผล่เข้าไปจะเจอหมีรออยู่ซะอีก!!! เสียดายยยยยยยยยยยยย ว่าแต่อยากรู้ว่ายามะแนะนำโกคุไว้กับสึนะยังไง แบบแม่ของลูกอะไรงี้ #ข้ามไป แบบเกี่ยวข้องกับคดีเผาบ้านเด็กไรเงี้ยยค่ะ สึนะถึงดูไม่แปลกใจอะไรเลย
ว่าแต่ก๊กยิงจริงเหรอ!!! ! มันต้องไม่ใช่แน่นอน!!!
คู่ขุ่นพ่อลงตัวแล้ว แต่เหลือรอแก้ปมพ่อเอเลน...
เพราะงั้นรีบเอาตอนหน้ามาเฉลยนะค้าพี่กวาง แงงงงง สู้ๆน้าา ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
โธ่ รีไวล์คะ ทำเอาลุ้นแทบแย่ว่าเมื่อไหร่จะกล้าคว้าหัวใจตัวเองไว้ซะที
ตอบลบถ้ากลัวว่าเอเลนจะเป็นอะไรก็ปกป้องให้ได้สิคะ ติดตามตลอด 24 ชม.เลยก็ดีค่ะ ><
รีไวล์อ่าา ปากแข็ง ใจแข็งจริงๆ ทั้งที่ก็รู้สึกผิดและเป็นห่วง แต่ก็ไม่ยอมเข้าไปหาซะที
แล้วพอเอเลนจะเป็นลมก็ยังจะมาหวงเอเลนจากมิคาสะอีกนะ ก็ตัวเองไม่ยอมเข้าไปนี่นา
ถ้ามีคราวหน้าอีก ระวังมิคาสะงาบเอเลนไปนะคะ //รีไวล์ขับรถชน TwT
งื้อออ ตอนที่รีไวล์เช็ดตัวเอเลน มันแบบว่าละมุนมากค่ะ ไม่คิดว่าคนอย่างรีไวล์จะทำแบบนี้ให้ใครได้
ปลื้มปิติแทนเอเลนมาก แล้วยิ่งตอนที่เอเลนกอดเอวแล้วถูกลูบหัวนี่ยิ่งน่ารักมากเลยค่ะ
ตอนอ่านก็ได้แต่ดีดดิ้นอยู่หน้าจอคอม ประหนึ่งว่าได้นั่งดูอยู่ข้างเตียงอย่างนั้น(?) TwT
เอเลนน่ารักมากกกกก คำพูดแบบเด็กๆที่ดูเอาแต่ใจนิดๆ ไหนจะช็อตที่กอดจากด้านหลัง เอาหน้าซบแผ่นหลังกว้าง
ช็อตที่งับแขนรีไวล์ก็น่ารักมากเลยค่ะ เอเลนนน แบบนี้คงเจ็บตัวอีกนาน -w-
ถึงจะยังไม่ได้บอกรัก แต่แสดงความเชื่อใจไปขนาดนั้น เด็กเค้าก็รับรู้ได้นะคะ
แต่ทางที่ดี บอกให้เด็กฟังซักครั้งก็ยังดีนะคะ เดี๋ยวจะน้อยใจเก็บไปคิดมากอะไรอีก ฮ่าาาา
ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ หวานสมกับที่รอคอยจริงๆ หวานสมกับที่เอเลนโดนทำร้ายเมื่อตอนที่แล้ว ฮ่าๆๆ
เอเลนน่ารักมากกกกกกก รีไวล์ก็น่ารักเหมือนกัน ทำเป็นนิ่ง ในใจนี่ตบะแตกไปแล้ว //โดนตบ
แต่มีฉากหวาน ตอนต่อๆไปความดราม่าก็คงใกล้มาเยือนเต็มที จะพยายามทำใจไว้ล่วงหน้าค่ะ TwT
ทางด้านวองโกเล่นี่ก็น่าลุ้นต่อไปค่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ดุเดือดต่างจากรังสีน่ารักของคู่นั้นมากกก
อ้อ แล้วก็เรื่องในห้อง..ที่แสงส่องไม่ถึง รอรวมเล่มอยู่เช่นเดิมนะคะ สั่งแน่นอนค่ะ วันงานก็ไปคอสด้วย เย้ ><
ยังติดตาม TYL อยู่เหมือนกันนะคะ ยังจำได้น๊าาา ติดตามอยู่ตลอดค่ะ ถ้ารวมเล่มตอนนี้ด้วยก็จะดีใจมากเลยค่ะ //ยิ้ม
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ อยากบอกว่าเข้ามาส่องเกือบทุกวันเลยค่ะ รอคอยเสมอออ ฮ่าๆๆ ^^
กินเด็ก..............
ตอบลบเปิดเม้นมาก็วอนท่อนขารีไวกันเลยทีเดียว55555
นึกว่าวันนี้จะไม่ลงซะอีก..งเกือบปิดคอมล่ะ...ถ้าจะไม่แว๊บเข้ามาในนี้อีกเป็นรอบที่3ของหัวค่ำวันนี้55555
แล้วเราก็ไม่ผิดหวังกะความหื่นของรีไว แหม่ๆๆๆๆๆๆมีการบังคับให้เอเลนอยุ่ข้างบนด้วย ฮิ้วววววววววววว
มืออ่อนขาอ่อนเมื่อไร.....//ดีดนิ้วเปาะ ข้างล่างก็เป็นคุณเสือร้ายรอขย่ำอยู่นะลูกกกกกกก
โอ้ยยยยยยยครั้งนี้ทิ้งช่วงตั้ง9วันแนะ
อา แต่ถ้ามันมาวันเสาร์รึอาทิตย์หนังสือก็คงไม่อ่านกันแล้วล่ะ....55555ไปตายเอาดาบหน้าโล้ดดดดด เพราะให้หัวมีแต่ฉากเลิฟๆ ของสองคนนี้
จะดีใจรึเสียใจดีนะ
เอาเถอะวันนี้ถือว่าเป็นยาใจสำหรับการทำพลาดอย่างโง่ๆในภาคปฎิบัติล่ะกัน//กระซิกๆ ...ไม่น่าคิดมากไปเลยตรู(นั่งปลูกเห็ด)
เอเลนก็มุ้งมิ้งน่ารักน่ากดจริงๆ
และแล้วฉากที่ข้าได้วาดไว้เล่นๆแต่ยังไม่ได้เอามาลงสีและแปะเห็นทีคงต้องไปงัดมันออกมาทำแล้วสินะ หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอเลนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน(ถ้ารุ้วิธีพิมพ์ให้มันเป็นไอคอนหัวใจปานนนี้เต็มเม้นนี้แล้วแน่ๆ)
แล้วไหนจะรีไวอีก..งโอ้ยยยยยยยย ราตรีนี้ข้าจะไปฟินแลนนนนนนนนนนนนนนนนน
ขอขอบคุณสำหรับนิทานก่อนนอนนะเน้
พยายามเข้านะฮะพี่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบจะหวานไปไหนคะคู่โลกสีดำชมพู ทำคอมอิฉันชุ่มโชกไปด้วยเลือดเลย
แล้วหนูก๊กไปยิงปลาทูน่าทำไมคะ เดี๋ยวพ่อบ้านกก็มาฆ่าหรอก
เค้าเสียดายความน่ารักนะ ถึงความสวยของหนูก็น่าเสียดายไม่แพ้กัน
แล้วจะรอนะค่าาาา อยากไปงานไททันมากๆๆๆๆๆ
แต่คงไปไม่ได้ (ท่านพ่อที่เคารพไม่ไปส่ง เพื่อนอิฉันไม่ได้ไป)
เพราะฉะนั้นจะเก็บเงินรอรอบไปรนะค่ะ ทั้งสองเล่มเบย
มันอะไรกัน!!!!ความหวานนี้!!!//ตายแปป...
ตอบลบงืออออออออออ~อ่านแล้วมันได้ฟีลลิ่งมากอ่ะ แบบ....หัวใจมันเต้นแรงตามอบอุ่นมากเบยยยยย แอบเสียวนิดๆที่เอเลนล้มลงไป ม่ายยยยยยย!!!! แต่แล้วพระเอกก็มาช่วยไว้ตามที่รอคอย กระซิกๆ...
ว่าแต่อย่างนี้คุณหมอก็รู้สินะว่าแผลฉีกขาดตรงไหนอะไรอย่างไร =____=^ งานนี้มีออกข่าวกันครึกโครมแหงๆว่ายอดนักขับฟอร์มูลาห์ต้อยเด็ก!!!!//โดนท่อนขาฟาดหน้าแว่นกระเด็น
แต่ถึงกระนั้นก็ฟิน......กับโหมดซาตานของทั่นรีไวล์ อา...ช่างเรียกเลือดได้ดีแท้...//ค่อยๆไหลจนเจิ่งนองพื้น มันคือมนตราปีศาจโดยแท้ มนต์สะกดเล่นเอาซะลืมความเจ็บจนต้องมาโอดโอยในยามเช้า(ฮา) เอเลนน่ารักจัง...น่ากลั่นแกล้งเป็นที่สุด แอร๊ยยยยย~ >____<♡ สมกับเป็น GLIDE จริงๆ
เรื่องของสองคนนี้ก็พอเคลียร์ไปได้ในระดับหนึ่งแล้วไม่รู้ว่าถ้าเจอป๋าคริชาจะเกิดอะไรต่อไป คงอีกไม่นาน....ให้เขาได้หวานกันมากกว่านี้หน่อยก็ดีนะอย่าเพิ่งโผล่มาเลยยย =/|\=
มาแล้วจนได้สำหรับฉากนี้ที่รอคอยยยยย!!!เอเลนนั่งF1เคียงคู่กับท่านรีไวล์!!!!!! กัดหมอนกระชากผ้ากันยกใหญ่ อร๊างงงงงง!!(?!) ไนท์แองเกลล่า~~โอ้มายบุดดาห์~~~(!!!)ข้าพเจ้าขอตายอย่างมีเกียรติ!!!! มันช่างหวานละมุนอบอุ่นโดนไม่ต้องมีคำพูดใดๆเลยทีเดียวเชียวววว ไม่ต้องพูดหรอกรักเริกอะไรนั่นน่ะ(ถึงยังไงใครๆก็ชอบที่จะฟังก็เถอะ)เพราะการกระทำของพี่แกช่างชัดเจนซะเหลือเกินนนนนน//กอดท่านกวางหน่อย///โดนทรีนนนน
โกคุจิ....ไม่ห้ามอะไรเลยหรอ?.....ดีจัง....แต่ที่เธอทำนั่นมันอาร้ายยยยยยยยยยย!!!ความแค้นยังบังตาอยู่จนมองไม่เห็นความหวังดีและความรัก(?)ของเดซิโม่ทูน่าและของยามะจิเลยรึงายยยย!! คราวนี้ทุกอย่างมันจะลงกันอีท่าไหนดีล่ะเนี่ยยยย(เริ่มเดาไม่ออก//ขี้เกียจเดา)หวังว่าโกคุจิจะญาติดีกับเอเลนนะถ้าเผื่อรู้ความจริงเรื่องป๋าคริชาขึ้นมา เพราะดูเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ได้ปล่อยวางเหมือนรีไวล์(แต่ก็ไม่แน่) เรื่องราวเริ่มเจ้มจ้นขึ้นเรื่อยๆ พยายามอ่านทุกรายละเอียดเลยทีเดียวเชียว ทั้งเรื่องรถทามิย่าของเอเลนมันช่างรายละเอัยดเยอะดีจริงๆ ดูยังไงๆก็ไม่ใช่แค่ดีแต่จะเป็นของเล่นเลยจริงๆ มันมีอะไรที่มากกว่าที่คิดไว้มากกกกก(สารภาพว่าตอนแรกก็คิดถึงเรื่องรถนี่ในมุมมองของรีไวล์ด้วยเช่นกัน) มันดูน่าประทับใจมากมาย...โลกนี้ยังมีแง่มุมที่น่าทึ่งอยู่อีกมากมายจริงๆ ถ่ายทอดออกมาให้เห็นภาพและรับรู้ถึงความรู้สึกได้นี่...ชอบจัง...= =°○ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ สู้ๆนะคร้าบบบไม่ว่าจะในเรื่องใดๆก็ตาม เป็นกำลังใจให้
ปล.รู้สึกว่าจะสครีมได้ยาวขึ้น สะพรึง!!!!@0@
ทำใจเผื่อไว้นึกว่าตอนนี้จะดราม่า..
ตอบลบอ่านไปอ่านมาหวานมาก แทบจะละลายกันเลยทีเดียวค่ะ555
เอเลนน่ารักน่าแกล้งเกินไปแล้ววววว
แล้วสึนะจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย อย่าตายนะ ...
คือส่วนเรื่อง ห้องที่แสงส่องไม่ถึง ขอจองด้วยนะคะ
(เน้นชื่อบูธเราตัวหนาเข้มมาก ...แอบอายนะ555555 ไม่ได้ตั้งใจให้มันฮาอะไรขนาดนั้นนะคะ ฮา)
ขอมูลการแข่งแน่นปึกมาก อ่านแล้วก็ได้ความรู้เสริมมาด้วยเลย ฮาาาา
ตอบลบเฮย์โจวก็ซึน แอบดูเค้า ให้เค้านึกน้อยใจอยู่ตั้งนาน สุดท้ายโผล่มาเพื่อทำเท่อุ้มเอเลนกลับบ้านสินะคะ 5555
ตอนเช็ดตัวดูละมุนละไมมาก ชอบบบบ งื้อออออออออ
พูดถึงชุดนอนก๊ก....อยากเห็นฉากก๊กใส่แบบนั้นอยู่กับยามะจัง #ผิด
เอเลนตื่นขึ้นมา หวานมุ้งมิ้งไม่ทำไหร่ พี่ท่านก็จัดการล่อลวงเด็กอีกแล้ว ใจคอจะไม่ให้เอเลนพักบ้างหรือไง
แต่อ่อนโยนนุ่มนวนมาก เลยให้อภัย แห๊ๆๆ /ซับเลือด/ เรียกชื่อเอเลนไปด้วยนี่ดูอบอุ่นมากกกก
ฉากที่เอเลนได้สัมผัสรถนึกถึงอาการของฮันซี่ขึ้นมาทันที 5555 แบบว่าทุ้มเทอย่างบ้าคลั่งกับอะไรซักอย่าง
และแล้ว...เฮย์โจวเราก็ได้พาภรรยาขับรถซิงอีกแล้ว แต่ที่ทำให้กรี๊ดคือขับ F1 ฮรื้อๆๆๆ ปริ่มอย่างบอกไม่ถูก
ตอนสุดท้ายตัดซะเหมือนหนังแอกชั่นเบย ก๊กหนูเด็ดเดี่ยวมาก ทูน่าต้องไม่เป็นอะไรน้าาาาา
สารภาพว่าอ่านมายังไม่คอมเม้นซักอัน ขอรวบยอดเลยนะคะ #โดนตบ
ตอบลบร้องไห้ตามเอเลนไปหลายดอกค่ะ ชั้นมีโลกของชั้น เธอก็มีโลกของเธอ อาจจะแตกต่างแต่ก็เหมือนกัน #พรํ่าเพ้ออะไร
เนียน นายเนียนเสมอต้นเสมอปลายมาก ไปเรียกเค้าที่รัก พี่ชาย(?)เค้าไม่กระทืบจมดินก็บุญแล้ว
เอเลนน่ารักมาก รีไวล์ซังก็แบบตบหัวลูบหลัง เข้าโรงแรมม่านรูดเป็นว่าเล่น พาเด็กทัศนศึกษาหรอคะ!!
โดนขังอยู่ในห้องล๊อคเกอร์แทบเรียกว่าบ้านหลังที่2เลยทีเดียว น่าสงสารนะเอเลน 55555 #สงสารจริงๆหรือเปล่า
ฟิคเรื่องนี้ทำสนใจเรื่องรถขึ้นมาเลยค่ะ แต่เรายากจะเข้าใจรุ่นรถจริงๆ ต้องคอยเปิดgoogleประกอบฟิคตลอด
ชอบฉากรีไวล์ซังแข่งมอไซต์แย่งตัวเอเลนมากค่ะ ระทึกมาก พอคว้าได้ก็แทบลุกขึ้นเย้ ไม่เทพทำไม่ได้นะคะเนี่ย
ส่วนตอนนี้
นึกว่าจะดราม่า หัวใจหล่นวูบแทนรีไวล์ซังเลยค่ะ ตอนเอเลนร่วง แทบกรีดร้อง ลูกแม่!!!!
รีไวล์ซังไปเรียนวิชาสะกดจิตมาจากไหนคะ สะกดจิดด้วย2พยางค์จนเด็กสมยอม เทพมากค่ะ
แต่เสื้อเขิ้ตของรีไวล์ซังคงไม่เหมือนแบบของคู่ทั่วไป ที่พอเอเลนใส่แล้วจะยาวลงมาดูตัวใหญ่โคร่ง มีเปิดวับๆแวมๆ
เพราะเสื้อเชิ้ตของรีไวล์ซังจะสั้นกว่าตัวเอเลน กร๊ากกกกก #โดนถีบ #แซะไปเต็มๆ2บรรทัด
สึนะ อย่าตายนะ มาอธิบายให้ก๊กคุงฟังก่อน!!!
ยังไงก็ สู้ๆนะคะ ><
อรั้ย อะไรกันคะนี่่่ เอนซีในตอนนี้เป็นอะไรที่โรมานซ์สุด ๆ เลยค่ะ อ่านไปจิกหมอนไป อะไรจะขนาดนั้น!!! เรียกชื่อไปด้วย ...ไปด้วยตลอดจนสุดทางเนี่ย เป็นอะไรที่แบบดูอบอุ่นมากอะ ดูแตกต่างจากตอนแรกสิ้นเชิงเลย
ตอบลบฟินมากกับคำว่า "ให้ผมไปอยู่ในโลกของคุณด้วยได้ไหม" อะ มันเป็นอะไรที่แบบ... ยังไงดีล่ะ บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยค่ะ คือไม่ว่าคุณจะเคยเป็นอะไรหรือเคยผ่านอะไรมา ต้อยก็ไม่สน ต้อยจะรักคุณคนเดียว และพร้อมที่จะเป็นของคุณ อร๊างงงง (((>///<)))
ดูเหมือนเคะตาเขียวทั้งสองคนเนี่ยคงจะเป็นกระต่าย?? พันธุ์เดียวกันจริง ๆ สินะคะ ไม่ต้องพูดอะไรกันให้มาก ฉันก็รู้ว่าเธอจะพูดอะไร 555
เล่มล่าเนี่ย ...จองหลังไมค์แล้วขอมาจองหน้าไมค์บ้างนะคะพี่กวาง เน้นย้ำเต็มที่ อย่าลืมเค้าน๊าาา (((>_<)))
ขอบคุณสำหรับความฟินที่มอบให้ในฟิคทุกเรื่องทุกตอนที่แต่งนะคะ รักคนเขียนคนนี้ที่สุดเลย (((>///<)))
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ^^
พี่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง TAT
ตอบลบเมทชอบตอนนี้มากกกกกกกกกกกกก!!!!! โฮรววววววววววว TAT นี่มันดีมากๆเลยอ่ะค่ะ ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย พี่กวางเป็นคนที่ยิ่งเขียนยิ่งพัฒนาขึ้นจริงๆ ตอนนี้มันเป็นอะไรที่ท็อปฟอร์มมากๆ อยากทำได้อย่างงี้บ้าง ต้องทำยังงายยยยย โฮรววววววววววว TAT #ดีดดิ้น
สุดยอดจริงๆค่ะ เหมือนได้ดูหนังเรื่องนึงเลย โรแมนติกมากๆ ทุกอย่างไหลเรื่อยไม่ติดขัด มีจังหวะจะโคน เมทชอบรีไวเรื่องนี้มากๆ คาแรกเตอร์กลมดีจังค่ะ มีจุดที่ลุ่มลึกและตื้นเขิน ให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบในแง่ของการเขียนมากๆเลยค่ะ
ตอนนี้เมทชอบตรงส่วนนี้มากที่สุด
"ปลายเล็บได้แต่จิกแน่นลงไปบนฝ่ามือ...ไม่สมกับเป็นนายเลยนะรีไว...
ทั้งๆที่ปกติแล้วไม่ว่าอะไรที่ต้องการก็แค่ใช้กำลังแย่งชิงมา ต่อให้สกปรกแค่ไหน ต่อให้สองมือจะแปดเปื้อนยังไง ต่อให้ต้องยืนอยู่บนซากศพของใคร เขาก็ไม่เคยสนใจไม่ใช่หรือไง
แล้วกับแค่หัวใจของตัวเอง...ทำไมถึงไม่กล้าที่จะคว้ามันมาเสียที
มือที่กำแน่นค่อยๆคลายออกช้าๆ...เพราะรู้ดีว่า...
หัวใจมันบอบบางแค่ไหน ถูกบีบนิดเดียวมันก็คงจะเละคามือ...
แล้วถ้าไม่มีหัวใจ...ร่างกายก็คงจะตายด้วยเช่นกัน...
เขาถึงต้องทะนุถนอมมันยิ่งกว่าอะไร..."
ชอบมากกกกก อ๊ากกกกกกกกกกก พี่กวางเขียนออกมาได้ยังงายยยยยยยยยย โฮรกกกกกกกกกกกก หลงรักรีไวเลยค่ะ TAT อินไปกับทุกความคิดทุกความรู้สึก เริ่มต้นมาพี่กวางกระตุ้นให้เมทคิดตามด้วยคำถามที่รีไวถามตัวเองว่าทำไม แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆเฉลยด้วยประโยคที่ทำให้เมทรู้สึกอึ้งตามไปด้วยจริงๆ แบบว่า อืมใช่ เพราะว่ามันเป็นอย่างนี้เอง นี่แหละคือคำตอบของคำถาม แง๊ TAT เรื่องนี้สนุกมากจริงๆค่ะ ถ่ายทอดวิทยายุทธออกมาให้เมทบ้าง เมทก็อยากแต่งฟิคดีๆแบบนี้ได้บ้างจัง TAT
ท็อปฟอร์มจริงๆค่ะ สุดยอดเลย รอตอนต่อไปอยู่นะคะ พี่กวางสู้ๆค่าาาา ><
[1]
ตอบลบ(ลงไปดิ้นตายหลายตลบด้วยความฟิน) > ____ < )o
ในที่สุด!!!!!(?) ในที่สุดท่านท่อนขาที่เคารพก็.....สักที!!!!~~~~~
#เดี๋ยวๆไอ้จุดจุดจุดของหล่อนน่ะจะสื่ออาร๊ายย 555555
นั่นล่ะค่ะกวางซาม๊าาาา~~~~ กวางซาม๊าาาาา~~~~~~~~
พาร์ทนี้มันไม่ไหวแล้ววววว ไอ้ความหน่วงๆที่ต่างคนต่างยังไม่เข้าใจความในใจ
ในที่สุดคนอ่านก็ได้นอนฟินดิ้นตายท่ามกลางเสียงระฆังสวรรค์(?)
ตายยยยยยยย จุดนี้ไม่ตายยยยยไม่ได้ได้แล้ววว(?) > ____ <
โอ่ยยยยยย ณ จุดนี้อยากจะเข้าไปแย่งชิง(?)เอเลนสักสองวิ(?)
อยากจิขอฟัดเอเลนเน้นๆ(?)ซักที แม้จุดจบจะต้องโดนท่อนขากระทืบตาย(?)
ก็จะไม่ละทิ้งความมุ่งมั่นนี้เด็ดขาด!!! * ^ * #มันจะจริงจังไปไหน
แต่เอเลนน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักมากจริงๆนะ
ไอ้ท่าทางที่โหยหาคนสำคัญน่ะ ไอ้ท่าทางที่กอดเอวเฮย์โจวไว้พร้อมๆซุกหน้านั่นน่ะ!!!!
ไอ้ท่าทางที่อยากจะอยู่กับเฮย์โจวไม่ว่าจะเป็นโลกแบบไหนนั่นน่ะ!!!!!!!!!!!!!!
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอเล๊นนนนนนนนนนน~~~~~
คือเป็นอะไรที่ถ้าเฮย์โจวยังจะมาลีลา(?)ไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองอีกละก็
จะชูป้ายไฟ(?)เชียร์กวางซามะให้พี่แกรอกด(?)เอเลนไปอีกพันปี(?)เลย > <
#นี่เค้ารักท่านท่อนขาจริงๆนะคะ 5555
#บอกตรงๆเลยว่าไม่เคยดีใจที่ได้รักตัวการ์ตูนตัวไหนเท่าเฮย์โจว เพราะเฮย์โจวทำให้คนอ่านอย่างเค้า(?)ที่อายุเยอะกว่าตัวละครมาตลอด(?) T _ Tได้พบกับความสุขและความปิติ(?)กับความเยาว์วัย(?)กว่า(?)มากๆๆๆๆ(?)แบบนี้ 555555
#โอ่ยยยยยรักเฮย์โจวจริงจัง #แต่เอาจริงๆเค้ารักเอเลนมากกว่านะ 55555
#เม้นท์พาร์ทนี้ถ้าเราไม่ตายก็ต้องอัมพาต(?)เพราะแซะเฮย์โจวกระหน่ำเนี่ยล่ะ 55555
เคยเห็นประโยคของใครสักคนนึงพูดประมาณว่า
เอเลนเป็นเคะที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้สามีเป็นเฮย์โจว(?)
แต่เราจิอยากประกาศกู่ก้องโลก(?)ว่า เฮย์โจวตะหากที่น่าอิจฉา!!!!! น่าอิจฉามากจริงจัง!!!!!
เอเลนที่เอาแต่สนใจเฮย์โจว!!!! เอเลนที่เอาแต่ชื่นชมเฮย์โจว!!!!
เอเลนที่เอาแต่อยากอยู่ใกล้ๆเฮย์โจว!!!!!! น่าอิจฉาาาา~~~~~
#ทำไมรู้สึกว่าตัวเองเป็นมิคาสะ 55555555555555555555
อะไรหลายๆอย่างที่เอเลนสื่อออกมามันชัดเจนอยู่แล้วแท้ๆ
แต่ท่านท่อนขาหน้าปลาตาย(?)ก็เอาแต่ทำเป็นไม่เห็น ไม่ยอมรับทุกที!!!!
อยากจะให้พี่แกต้องเป็นฝ่ายง้อ(?)บ้างจริงๆให้ตายสิ แจน กิลชูไตน์!!!!!!! #ชื่อนี่มาได้อย่างไร 55555
แต่ก็นั่นล่ะ พาร์ทนี้เค้าก็ยังคงอิอั๊งกับการถ่ายทอดความรู้สึกข้างในของเฮย์โจวมากๆ
ชอบมากๆๆที่ได้เห็นมุมความรู้สึกเฮย์โจว 55555
ไอ้อารมณ์หวงเอเลนจนต้องจิกปลายเล็บลงไปกับฝ่ามือตัวเองแบบนั้นน่ะ
โฮกกกกกกกกกกกฮากกกเลย #นี่ฉันมันคนบ้าสายไหนกันแน่ฟ่ะ 55555
[2]
ลบสารภาพว่าอ่านฉากเรียกชื่อเอเลนของเฮย์โจวประมาณ 4 ตลบ
คือเรียกเลือดตัวเอง(?)แบบกระหน่ำอย่างตั้งใจ 55555
ละลายแล้วละลายอีกกกก!!!!!!!!! แม่เจ้าาาาาาาา เฮย์โจวมุมนี้คนอ่านละลายยย > <
ถึงจะฟินในความรู้สึกที่ยังมีออร่าดราม่าปกคลุมรออยู่เบื้องหน้า(?)ก็เถอะนา
กวางซามะอย่าแกล้ง(?)บีบใจคนอ่านด้วยเรื่องดราม่าหนักมากเลยน้า คนอ่านอ่อนแอ(?) 55555
และการที่เฮย์โจวตอบคำถามเอเลนทั้งหมดด้วยการพาไปนั่งรถแข่งของตัวเองแบบนี้
เป็นอะไรที่ชัดเจนจริงจัง ชัดเจนสำหรับคนปากแข็ง...
โรแมนติคในแบบเฮย์โจวมากๆๆจริงๆๆนะคะกวางซามะะะะะะะ
อ่า แล้วก็กวางซามะบรรยายฉากบรรยากาศการแข่งขันทามิย่าได้ประทับจิตมากๆเลยค่ะ
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล(?)คิดถึงล้อรถทามิยาตัวเองที่หายไป(?) #มันไม่ได้เกี่ยวเลยนะหล่อน
แต่ว่ามันเจ๋งสะบัดสุดๆๆจริงๆนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการบอกถึงอุปกรณ์การประกอบตัวรถ
มันก็คือรถแข่งของจริงย่อส่วนจริงๆ เครื่องมือ ไขควง ประแจอันจิ๋วนั่นก็ด้วย
แถมคนที่ไปแข่งก็มีแต่ออร่าความมุ่งมั่นผสมความตึงเครียด(?)จริงๆนั่นล่ะ
มันไม่ใช่ของเด็กเล่นๆจริงๆนะท่านท่อนขาที่เคารพ! #แค่ต่อให้มันเป็นรถ(?)ก็ยากโคตรรรแล้ววว 555555
แล้วก็สองพี่น้องคนสวยคุยกันน่ารักโฮกอีกแล้วววววววววววววววววว
แบบนี้ตายยยยยยยยยยยยยย ตายยยยอย่างเดียววว > ____ <
โอ่ยยยยยย สองคนนี้จะแอคแทคไปไหนนนนนนหืออออออ คุยด้วยสายตาว่าแอคแทคแล้ว
นั่งยองๆคุยกันพร้อมพรอพ(?)อย่างกิ่งไม้นั่นอีก ตายยยยยยยยยย สตงสติไม่เคยจะมีเหมือนชาวบ้าน 555555
ส่งกำลังใจให้กวางซามะรัวๆๆๆๆ(?) เค้าเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอเลยนะคะ
รอคอยตอนหน้า แล้วก็รอคอยการรวมเล่มด้วย ทุกเรื่องที่จะรวมเลยนะคะ
รักฟิคกวางซามะมากๆๆๆๆเลย เพราะอย่างนั้นอย่าลืมคนบ้า(?)คนนี้นะคะ
T __ T จองให้เค้าด้วยนะคะ เค้าไม่มีโอกาสไปงาน แถมยังมาช้าเป็นนิจสิน(?)
เพราะอย่างนั้นอย่าลืมคนบ้าน้าาาา~~~~ คนบ้าขอลายเซ็นล่วงหน้าแบบสุดๆๆด้วยเลยเอ้า!!!! > <
ปล. ด๋อยเอเลน ด๋อยเอเลน ด๋อยเอเลน ด๋อยเอเลนนนนนนนนนนนนนน
ถ้าเงินจะพากันบินออกนอกกระเป๋ารัวขนาดนี้(?) T __ T
รอการสร้างสรรค์ผลงานจากกวางซามะที่มีพรอพชุดแต่งงานแล้ว(?)แบบข้ามปีเลยค่ะ 55555
เค้าชอบรูปที่กวางซามะถ่ายมากๆๆเลยล่ะค่ะ > __ <~
ตอนที่รีไวล์ไปดูเอเลนแข่งรถนี่คือดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆสินะคะท่าน
ตอบลบแล้วมันเพราะใครกันที่เอเลนอยุ่ในสภาพเพลียๆขนาดนั้น
ฮึ่มมมมมมมมมม
อยากโกรธท่านนะ
แต่โกรธไม่ลง
เพราะหลังจากนั้นท่านดูแลเอเลนดีมากกกกกกกกกกก
คนอ่านฟินจนเลือดพุ่งอย่างสวยงามจริงๆ
คือตอนที่ท่านเรียกชื่อ "เอเลน" ซ้ำๆนี่นั่งเขินอ่ะ
คือมันใช่ อารมณ์ต้องประมาณนี้แล้วยิ่งเจอประโยค
"จากนี้ไป...ก็จงยอมรับชะตากรรมที่จะต้องตายอยู่ในอ้อมแขนนี้ซะ เจ้าเด็กเหลือขอ..." เข้าไปนะ
แทบจะสครีมลั่นบ้าน
เพราะนี่เท่ากับว่าเป็นการยอมรับกลายๆว่าจะรักเอเลนตลอดไป
แล้วคือมุ้งมิ้งมากค่ะตอนที่ท่านพาเอเลนไปขับเฟอรารี่ในศุนย์
เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นจะจะว่าท่านยอมตามใจเด็ก
แต่ตอนนี้ที่กำลังลุ้นเกาะขอบจอคือก๊กอ่ะ
บ้าบิ่นเกินไปแล้วที่เข้าหาสึนะแบบนั้น
ถึงจะมาคนเดียวแต่ก็ได้ชื่อว่ามาเฟียนะ