Attack on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : Sugarplum


Attack on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : Sugarplum

: Attack on Titan Fanfiction  AU
: Levi x Eren
: Dark Romance
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ



.
.
.

Sugarplum

.
.
.
.


เขา....เป็นอะไรไป?

ทำไมถึงได้เห็นว่าเจ้าเด็กปีศาจนั่น...ก็เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง....

.
.
.
.
.
.



แสงจากคบไฟสาดกระทบผนังขรุขระซึ่งขนาบข้างบันไดที่เชื่อมต่อลงไปยังชั้นใต้ดินของปราสาทเก่าแก่...

ปราสาทที่เคยเป็นอดีตศูนย์บัญชาการของกองทหารทีมสำรวจ...ซึ่งในปัจจุบันมันกำลังถูกใช้เป็นฐานลับ...เอาไว้สำหรับซุกซ่อน เอเลน เยเกอร์...เด็กหนุ่มอายุ 15 ปีที่สามารถแปลงเป็นไททันได้


เงาสองเงาวูบไหวไปตามเปลวไฟที่ไม่อยู่นิ่ง และดูจากสิ่งที่กำลังตกกระทบลงไปบนผนังมันก็บอกได้ชัดเจนทีเดียวว่า ทั้งสองเงานั้นไม่ได้เดินไปด้วยกันแต่โดยดี

“ หัวหน้ารีไว...ผมไม่ลงไปนอนข้างล่างนั่นไม่ได้หรอครับ?....”      น้ำเสียงเว้าวอนปนดื้อดึงเอ่ยออกมาจากปากของคนที่เดินตามหลัง ข้อมือบางทั้งสองข้างถูกคนที่เดินนำหน้าจับเอาไว้แล้วออกแรงลากเดินลงบันไดไปเรื่อยๆและแรงแข็งขืนมันก็ยังมีไปตลอดทางจนคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้ารีไวชักจะเริ่มหงุดหงิด

“ นี่มันเป็นหนึ่งในข้อตกลงนะไอ้เด็กเหลือขอ...มันเป็นคำสั่ง...ขอให้แกจำใส่หัวโล่งๆนั่นเอาไว้ด้วย...ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ต้องทำตาม!”      ดูเหมือนคำว่า ถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป จะทำให้แรงขัดขืนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

นัยน์ตารีขวางเพียงแค่เหลือบไปมองใบหน้ามนที่ดูหม่นหมองลงโดยไม่มีคำปลอบโยนใดๆถูกเอ่ยออกไป.....เพราะมันไม่จำเป็น


กับสัตว์ร้าย...ไม่มีความจำเป็นต้องเห็นใจ


ประตูของคุกใต้ดินห้องหนึ่งถูกเปิดออกก่อนที่ร่างโปร่งบางของเอเลน เยเกอร์ จะถูกเหวี่ยงเข้าไป

นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองห้องที่มืดสนิทก่อนจะเดินออกไปหยิบคบไฟที่ทางเดินเข้ามาเสียบไว้ที่ผนังด้านหนึ่ง ทำให้ห้องที่แสงส่องไม่ถึงแห่งนี้ค่อยสว่างไสวขึ้นมาเล็กน้อย...สว่างพอที่จะมองเห็นว่าข้างในมันถูกตกแต่งเอาไว้ไม่ต่างไปจากห้องนอนของทหารทั่วๆไปเลย

ใช่...เพราะคุกใต้ดินแห่งนี้ก็คือห้องนอน...ของเอเลน เยเกอร์

มันอาจจะไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมาย แต่ก็มีเตียงที่นิ่มพอจะนอนได้....ถึงแม้จะต่างจากเตียงทั่วๆไปอยู่นิดหน่อยตรงที่...

“ มานี่ เอเลน”     เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่ยังยืนด้วยท่าทางหวาดๆอยู่กลางห้อง ร่างโปร่งบางไม่ยอมขยับเข้ามาหาจนร่างที่แข็งแรงกว่าต้องตามมากระชากข้อมือจนคนที่ยังดื้อดึงถึงกับเซถลา...และกว่าจะได้ขัดขืน....ข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกล่ามเอาไว้เรียบร้อย

ล่ามเอาไว้...ด้วยสายหนังและโซ่เส้นใหญ่ที่มีปลายอีกข้างยึดติดอยู่กับผนังที่หัวเตียง และโซ่มันก็ยาวเพียงแค่ให้เดินไปเดินมาภายในห้องได้เท่านั้น

ใบหน้ามนก้มลงไปมองมันด้วยริมฝีปากที่เม้มแน่น

คงจะรู้ตัวอยู่หรอกว่าไม่มีสิทธิ์จะขัดขืน...ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่

“ หัวหน้า....”       แต่เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ ต่อให้จะเป็นไททันหรือสัตว์ประหลาดแค่ไหนก็ตาม แล้วยิ่งเป็นเด็กที่เคยมีครอบครัวที่อบอุ่น เคยมีพ่อมีแม่ มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะรับไม่ได้ถ้าต้องถูกขังถูกล่ามเอาไว้ในที่แบบนี้...ใบหน้ามนนั่นถึงได้พยายามขอร้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่เขาก็มีวิธีฝึกสัตว์ร้ายในแบบของเขา

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งกว่าใครจึงเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ไยดี....

“ หัวหน้า!!”      แล้วทางออกเพียงบานเดียวก็ถูกปิดลงพร้อมๆกับเสียงทุบประตูที่ดังอยู่ข้างใน

“ หัวหน้า....ปล่อยผม......”        ดูเหมือนเสียงขอร้องจะหยุดลงแค่นั้น มีเพียงเสียงทุบประตูที่ดังเป็นจังหวะที่ช้าลงเรื่อยๆเหมือนกับคนกระทำเริ่มถอดใจ

และไม่นานมันก็เงียบไป...



ร่างแข็งแกร่งยืนพิงหลังเอาไว้กับผนังข้างบันได สายตายังคงจับจ้องไปที่ประตูห้องของเด็กนั่น

วันนี้เป็นวันที่สี่...ที่เขาต้องไปลากเอเลนลงมานอนแบบนี้...ซึ่งมันก็คือวันที่สี่...ที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ถึงแม้จะยังมีการต่อต้านอยู่บ้างแต่ก็นับว่าน้อยกว่าวันแรกๆมาก...เขายังจำได้ดีว่าวันแรกเสียงตะโกน เสียงกระตุกโซ่ เสียงทุบประตูและเสียงสะอื้น...มันดังอยู่ทั้งคืน

ทั้งๆที่ครั้งแรกตอนที่เขาบอกว่าจะให้เด็กนั่นนอนในคุกใต้ดินก็ดูจะเชื่อฟังดีแท้ๆ แต่พอตกดึกเข้าเจ้าเด็กนั่นกลับไม่ยอมลงมานอน ทำเป็นเอ้อระเหยเก็บนู่นล้างนี่อยู่ที่ห้องทานอาหาร จนใครๆเข้านอนกันหมดร่างโปร่งบางนั่นถึงได้นั่งสัปหงกอยู่ตรงนั้นคนเดียว...ถ้าเขาไม่ลงมาหาน้ำดื่มก็คงไม่รู้หรอกว่ามีคนขัดคำสั่ง

และเขาก็ไม่เคยปราณีกับคนที่กล้าขัดคำสั่งด้วย




เสียงความเคลื่อนไหวในห้องเงียบไปนานแล้วแต่เขากลับยังไม่ขยับไปไหน จะว่าไปตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะพาเด็กนั่นมาซ่อนไว้ที่นี่เขาก็ยังไม่เคยได้ไปนอนดีๆที่ห้องของตัวเองเลยนี่นะ

เรียวขาก้าวเข้าไปใกล้ประตูห้องก่อนจะค่อยๆแง้มมองข้างใน...เงาร่างโปร่งบางนิ่งสนิทอยู่บนเตียง มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอที่ดังก้องอยู่ภายในห้องปิดทึบนี้

ร่างแข็งแกร่งค่อยๆแทรกตัวเข้าไปก่อนจะปิดประตูเอาไว้เหมือนเดิม นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองไล่ไปตามร่างกายที่ขดตัวเข้าหากันทั้งๆที่มีผ้าห่มคลุมอยู่ อากาศในนี้ก็ไม่ได้หนาวแต่เจ้าเด็กนั่นกลับขดตัวราวกับว่ากำลังกลัวอะไรอยู่

เก้าอี้ถูกยกมาวางไว้ข้างเตียงก่อนที่เขาจะนั่งลงไป โดยที่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าที่กำลังหลับสนิท...ดวงตาสีมรกตที่แข็งกร้าวราวกับสัตว์ร้ายที่เขาเคยเห็นปิดลงจนดูไร้พิษสง ริมฝีปากสีระเรื่อที่เคยตะโกนวายวายอย่างไม่กลัวใครบัดนี้กลับนิ่งสงบ  แพขนตาที่แนบอยู่บนแก้มใสเปียกชื้นเพราะหยดน้ำที่ไหลลงมา

ทั้งๆที่เขาเห็นประกายของมันชัดเจน แต่มือกลับไม่ขยับออกไปเกลี่ยไล้ให้....ได้แต่มองมันแห้งหายไปเองอยู่อย่างนั้น...






เมื่อยามเช้ามาเยือนก็เหมือนกับว่าร่องรอยของความหวาดกลัวจะหายไปจากใบหน้าของเด็กนั่น

นัยน์ตาสีมรกตกลับมาสดใส ใบหน้ามนก็กลับมากระตือรือร้นเหมือนเดิม ริมฝีปากช่างเจรจายังคงถามนู่นถามนี่ไปจนถึงเถียงฉอดๆกับบรรดารุ่นพี่อีกสี่คนที่อยู่ด้วยกันในปราสาทแห่งนี้

เสียงพูดคุยเงียบหายไปเมื่อร่างโปร่งบางเดินถือกระป๋องน้ำออกมาจากห้อง และเมื่อเห็นเขาเดินสวนมา เด็กนั่นก็หยุดยืนแล้วทำความเคารพ

ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆก่อนจะมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นประกาย


ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่หวาดกลัวเขาบ้างหรือไงนะ?


ทั้งๆที่ถูกเขาทำร้าย ถูกเขาซ้อมปางตายในศาลทหารวันนั้น แล้วยังถูกเขาบังคับจับไปล่ามเอาไว้ในคุกใต้ดินอยู่ทุกๆคืน...แล้วทำไมนัยน์ตาสีมรกตนั่นมันยังมองมาที่เขาด้วยประกายระยิบระยับแบบนั้นได้อีก?

เขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าอย่าไปหลงเชื่อสายตาราวกับลูกหมาเห็นเจ้าของนั่น

เพราะ เอเลน เยเกอร์ เป็นไททัน...เป็นสัตว์ประหลาดที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้...หากเขาเผลอก็อาจจะถูกฆ่า ถูกจับกินโดยไม่ทันตั้งตัว

เพราะฉะนั้นเขาจึงยังคงเฝ้ามองเด็กนั่นด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจตามเดิม ยังคงเฝ้ามองเด็กนั่นในฐานะตัวอันตราย ในฐานะสัตว์ร้ายที่จะแปลงเป็นไททันมาเล่นงานเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงแม้ว่าช่วงเวลาสี่ห้าวันที่อยู่ด้วยกัน เจ้าเด็กนั่นจะไม่ได้ต่างอะไรไปจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งเลยก็ตาม

แต่ถึงจะไม่มีเรื่องของไททันเข้ามาเกี่ยว เขาก็รู้ดีว่าเอเลน เยเกอร์ ไม่ใช่เด็กผู้ชายธรรมดา

เพราะเขาได้กลิ่นของความหิวกระหายในการฆ่าอยู่ในตัวของเด็กนั่น...กลิ่นที่ช่างคล้ายกับกลิ่นของตัวเขาในอดีต...


ใช่....เอเลน เยเกอร์ เคยฆ่าคนมาตั้งแต่อายุแค่ 9 ขวบ....ไม่ต่างไปจากเขาเลย...


และมันก็เป็นกลิ่นที่ทำให้เขาหลงใหลโดยที่ไม่รู้ตัว

เขาชอบ...ดวงตาที่แข็งกร้าวราวกับสัตว์ร้ายของเด็กนั่น...เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกดีเวลาที่ได้สยบมันให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเอง

รู้สึกดีหากจะได้ฝึกสัตว์ร้ายที่ใครๆต่างก็เอาไม่อยู่ให้เชื่องลงได้...ด้วยมือและเท้าของเขาเอง


ใบหน้าเฉยชาหันมองตามแผ่นหลังบางซึ่งเดินหิ้วกระป๋องไปที่บ่อน้ำ และแทนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องอาหารอย่างที่ตั้งใจ ร่างกายกลับขยับไปยืนหลบอยู่หลังเสาเพื่อเฝ้ามองเจ้าเด็กนั่น



มือบางวางกระป๋องลงก่อนจะสาวกระป๋องที่อยู่ในบ่อขึ้นมา ท่อนแขนของเด็กนั่นสั่นนิดๆเวลาที่ต้องยกกระป๋องใบใหญ่เพื่อเทน้ำใส่ใบที่วางรออยู่

และทั้งๆที่น้ำถูกเติมลงไปจนเต็มกระป๋องที่เคยว่างเปล่าแล้ว แต่เด็กนั่นกลับยังไม่หิ้วมันกลับมา นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองอะไรบางอย่างซึ่งกำลังกระดุกกระดิกอยู่ที่ผนังข้างๆบ่อ

จิ้งจก?

สิ่งมีชีวิตเล็กๆน่ารำคาญนั่นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ใบหน้าของเอเลนต่างหากที่ทำให้เขาละสายตาไม่ได้

ใบหน้ามนจ้องมองจิ้งจกหางขาดตัวนั้นด้วยดวงตาเหม่อลอย....

แล้วถ้อยคำที่เขาเคยพูดกับเด็กนั่นก็ค่อยๆฉายชัดขึ้นมาในหัว....



“ ตอนนั้นเราจะตัดแขนและขาของนายเอาไว้ก่อน รู้สึกว่ามันจะงอกขึ้นมาใหม่เหมือนหางจิ้งจกได้ใช่มั้ย? น่าขยะแขยงนะ”



หรือจะเป็นเพราะคำพูดโหดร้ายของเขากันนะ ที่ทำให้เด็กนั่นจ้องมองจิ้งจกตัวนั้นด้วยดวงตาหงอยเหงาราวกับกำลังนึกถึงตัวเอง

เขาก็รู้อยู่หรอกว่าไอ้ความปากเสียของตัวเองแก้ยังไงก็ไม่หาย แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายามที่ต้องมาเห็นคนที่ต้องเศร้าไปกับคำพูดของเขา มันจะทำให้ในใจรู้สึกหน่วงได้ขนาดนี้

หรือจะเป็นเพราะคนที่ว่านั่นคือ เอเลน เยเกอร์ กันนะ?







คืนนั้นเขาก็ยังคงต้องลากเด็กนั่นลงไปนอนเหมือนเดิม

แต่ดูเหมือนแรงขัดขืนที่ส่งมาจากข้อมือทั้งสองข้างที่เขาจับเอาไว้มันจะน้อยลงกว่าเมื่อคืนก่อน...รวมไปถึงเสียงทุบประตูที่ไม่มีมาให้ได้ยินอีก

เก้าอี้ถูกลากมาวางที่ข้างๆเตียงอย่างแผ่วเบาเมื่อร่างโปร่งบางเข้าสู่นิทราไปแล้ว

เขารู้...ว่าเด็กนี่ไม่ได้ยินดีที่ถูกจับลงมาล่ามเอาไว้แบบนี้หรอก...แต่ที่การต่อต้านมันน้อยลงอาจจะเป็นเพราะเริ่มปลง

หรือไม่ก็หมดแรงที่จะขัดขืน...

จากสัตว์ร้ายกลายเป็นแค่ตุ๊กตาที่เหนื่อยกับการขยับไปตามแรงบังคับของมนุษย์


แล้วทำไมเขาจะต้องไปห่วงมันด้วย ทำไมใบหน้าที่จ้องมองจิ้งจกหางขาดถึงได้ยังติดอยู่ในหัวใจของเขา

และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่มือเอื้อมออกไปโดยไม่รู้ตัว....

เอื้อมไปวางไว้บนหัวของคนที่ยังหลับสนิท....


นัยน์ตารีขวางถึงกับเบิกกว้างก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไป ใบหน้าชะงักค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครลุกพรวดพราดออกไปจากห้องทันที

ความรู้สึกแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ?








ทั้งๆที่เขาสู้อุตส่าห์กังวลว่าเจ้าเด็กนั่นมันจะหงอยจนเหลือแต่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ...แต่ดูท่าว่าเขาจะคิดผิด เพราะเอเลน เยเกอร์ นั้นดื้อดึงกว่าที่คิด

ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มายืนเถียงฉอดๆอยู่กับออลโอแบบนี้หรอก

“ บอกให้เอาไปตากที่ฝั่งตะวันออกไงล่ะฟ๊ะ เอามาตากในสวนแบบนี้มันก็เลอะเทอะหมดน่ะสิไอ้เด็กบ้า!”        เขาแอบดูทั้งคู่อยู่ที่ระเบียง ดูเหมือนว่ากำลังเถียงกันเรื่องสถานที่ตากผ้า?

“ แต่ตรงนั้นมันไกลออกนะครับ อีกอย่างตากไว้ในสวน น้ำมันจะได้หยดลงไปรดต้นไม้ด้วย!”      ใบหน้ามนของเด็กนั่นไม่มีแววหงอยเหงาแล้ว นัยน์ตาสีมรกตยังคงมีประกายแข็งกร้าวและดื้อรั้นยามที่เจออะไรที่ไม่ถูกใจอยู่เหมือนเดิม

แล้วทำไมเขาถึงได้โล่งใจแบบนี้?

“ แกนี่มัน...หัดดูซะบ้างสิว่ามันสวยไหมเนี่ย เอากางเกงมาห้อยไว้บนดอกไม้บานสะพรั่งแบบนี้ หน้าตาก็ออกจะดีไม่มีความสุนทรีเอาซะบ้างเลยนะ!      เขาก้าวขาไปจากระเบียงก่อนที่จะเดินลงบันได สองเสียงที่เถียงกันอยู่ยังดังอย่างไม่ลดละ...แล้วถ้าเขาไม่เข้าไปสงบศึกดูท่าว่าออลโอคงได้เส้นเลือดแตกตายก่อนจะได้ออกนอกกำแพงคราวนี้แน่ๆ

“ ความสุนทรีมันใช้ฆ่าไททันไม่ได้หรอกครับ เพราะงั้นเราควรจะทำอะไรที่มันง่ายและได้ประโยชน์สูงสุดนะครับ!     

“ ไอ้เด็กบ้า! นี่แกจะเถียงฉันอีกนานแค่ไหน ไม่ต้องเอาอะไรมาอ้างเลยนะ! ก็แค่ขี้เกียจยกไปตากไกลๆแล้วก็ขี้เกียจรดน้ำต้นไม้ด้วยใช่ไหม?!

“ ไม่ใช่นะครับ ที่ผมหมายถึงน่ะ เราที่เป็นทหารไม่ควรเรื่องมากกับแค่เรื่องตากผ้านะครับ!”       เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยห้ามทัพออกไป

“ เอเลน...”       และเมื่อร่างโปร่งบางที่กำลังเถียงกับคนที่เป็นรุ่นพี่แบบเอาเป็นเอาตายหันมาเห็นว่าเป็นเขา...เจ้าลูกหมาที่กำลังเห่ากรรโชกก็ส่ายหางด้วยนัยน์ตาเป็นประกายทันที

“ ครับ?!!”      เสียงตอบรับยังคงกระตือรือร้นไม่เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เจอกัน ถ้ามือไม่ได้ถือตะกร้าผ้าอยู่ก็คงยกขึ้นมาทำความเคารพไปแล้ว

“ เอาผ้าไปตากตามที่ออลโอบอก แล้วก็กลับมาถอนหญ้าในสวนด้วย”      คำสั่งที่เหมือนกับหักหน้า ทว่า เด็กนั่นกลับไม่มีท่าทางสลดลงแม้แต่น้อย

“ ครับ!!”      แถมยังเชื่อฟังง่ายๆ  ทั้งๆที่เพิ่งจะเถียงกับออลโอแทบตายอยู่เมื่อกี้


เจ้าเด็กนี่....มันเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด...


และเพราะแบบนั้นมันก็เลยทำให้เขารู้....ว่า เอเลน เยเกอร์ เชื่อฟังแต่เขา...เชื่อง...กับเขาคนเดียวเท่านั้น

มันไม่ได้เป็นการเชื่อฟังเพราะหวาดกลัว...ไม่ได้เชื่อฟังเพราะเขามีตำแหน่งที่สูงกว่า...ไม่ใช่เพราะเขาเป็นหัวหน้า...

แต่จากสายตาที่มองมาด้วยประกายสดใสไม่ว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนด้วย...มันทำให้เขารู้...ว่าเด็กนั่นชื่นชมเขาจากใจจริง...


เขายืนกอดอกมองเด็กนั่นยกตะกร้าเดินผ่านหน้าไป แต่ยังไม่ทันจะไปได้ถึงไหน ใบหน้ามนก็หันมายิ้มให้ก่อนจะทิ้งคำพูดที่ทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“ เมื่อคืน...ผมฝันว่าหัวหน้าลูบหัวผมด้วย...ดีใจมากๆเลยครับ”


ดูเหมือนวิธีฝึกสัตว์ร้ายจะไม่จำเป็นอีกต่อไป...






เสียงฝีเท้าที่ก้าวลงบันไดไปยังคุกใต้ดินของคืนนี้ดังเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ

ถึงแม้ว่าจะยังต้องไปลากกันลงมานอนเหมือนเดิม แต่คนที่ถูกจับกุมข้อมือเอาไว้ก็ยอมเดินตามลงมาแต่โดยดี...ไม่มีแรงขัดขืน...ไม่มีความตื่นตระหนกหวาดกลัว

และเมื่อสองขาก้าวมายืนข้างๆเตียง สองมือก็ยกขึ้นมาให้ล่ามด้วยตัวเอง ใบหน้ามนที่ยิ้มน้อยๆมองเขาตาแป๋วเหมือนลูกหมามองเจ้าของ มันทำให้ต้องรีบๆล่าม แล้วรีบๆก้าวขาออกมาจากห้อง

ยิ่งเด็กนั่นคุ้นเคยกับเขามากขึ้นเท่าไหร่ ความชื่นชมที่ไม่คิดจะปิดบังก็ยิ่งทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ทำไมกัน...ทั้งๆที่เขาก็รู้ดี ว่ามีคนไม่น้อยที่ยกย่องให้เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ...แต่กับเด็กนั่นความรู้สึกมันกลับต่างออกไป

เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม...เมื่อนัยน์ตาสีมรกตกลมโตปิดสนิท

ถึงแม้จะเลิกดื้อดึง แต่ลึกๆในใจของเด็กนั่นยังคงไม่ยอมรับกับการที่จะต้องมาถูกล่ามถูกขังเอาไว้ในห้องห้องนี้...ดูจากแพขนตาที่เปียกชื้นจากรอยน้ำตาที่คงจะไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว...

แล้วมือของเขาก็ยื่นออกไปเช็ดให้...โดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน....

แล้วที่ไม่รู้ตัวยิ่งกว่านั้น...คือมันไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากนิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ท่อนแขนรีบชักฝ่ามือกลับทันที นัยน์ตาถึงกับเบิกค้างขึ้นมาน้อยๆ ร่างกายถอยหนีก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง

มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา? ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้?








หลังจากที่คิดจะทดสอบ เอเลน เยเกอร์ ตอนที่แปลงเป็นไททันมานานหลายวัน...กว่าเรื่องจะผ่านการอนุมัติได้ยัยฮันซี่ก็ต้องวิ่งเต้นน่าดู...แล้วในที่สุดการทดลองแปลงเป็นไททันก็มาถึงจนได้ โดยหน่วยรีไวทั้งห้าชีวิตจะเป็นคนรับผิดชอบ...หากเด็กนั่นเกิดอาละวาดขึ้นมา

เขาจะลงมือฆ่าเด็กนั่นอย่างไม่ปราณี........นั่นคือคำที่ต้องท่องให้ขึ้นใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

มือที่เคยฆ่าไททันได้อย่างเป็นธรรมชาติ.........กลับต้องบังคับให้ฟาดฟันใส่ เอเลน เยเกอร์

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทุกๆคืนในห้องที่แสงส่องไม่ถึงนั่นงั้นหรอ...มันถึงได้ทำให้เขาขยับเข้าไปปกป้องเด็กนั่นตอนที่แปลงเป็นไททันโดยไม่ได้รับอนุญาต...แทนที่จะจับดาบขึ้นมาจ่อคอหอยเหมือนที่สมาชิกหน่วยรีไวคนอื่นๆทำ

ทั้งๆที่สีหน้าของทั้ง 4 คนต่างก็หวาดกลัวในตัวเด็กนั่น...แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไร

เพราะรู้? เพราะมั่นใจ? ว่าเด็กนั่นจะเชื่อง จะเชื่อฟังคำสั่งของเขา?

ปากถึงได้บอกออกไป เมื่อใครสักคนถามว่าทำไมถึงไม่ถอยออกมา  ว่า “มันเป็นลางสังหรณ์ของฉัน”


ร่างโปร่งบางที่ดูหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากที่แปลงเป็นไททันนั่งลงที่ปลายบันไดของชั้นใต้ดินในปราสาท โดยมีเขายืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ

ริมฝีปากช่างเจรจาที่มักจะซักนู่นถามนี่อย่างใคร่รู้ไปซะทุกเรื่องกลับปิดเงียบ การที่ถูกรุ่นพี่อีกสี่คนหันดาบเข้าใส่ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวันแบบนั้น มันคงทำให้เด็กนั่นรู้ตัวดี...ว่าแม้แต่คนในทีมเองก็ยังไม่มีใครไว้ใจ

เพราะพวกนั้นไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ว่าเด็กนั่นมองจิ้งจกหางขาดตัวนั้นด้วยแววตายังไง...ไม่เคยมีใครรู้...ว่าเด็กนั่นนอนร้องไห้อยู่ทุกๆคืน

ไม่มีใครรู้....เหมือนที่เขารู้


ต่อให้ในท้ายที่สุดทุกคนจะบอกให้เด็กนั่นเชื่อใจ แต่เด็กนั่นก็คงจะยังรู้สึกอยู่ดีว่าไม่มีที่ให้สัตว์ประหลาดอย่างตนอยู่ ที่ทำได้ก็แค่มีชีวิตต่อไปในฐานะอาวุธ...ไม่ใช่มนุษย์ในสายตาของใครอีก


ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่มีเพื่อนมีครอบครัว สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างอิสรเสรี...


เขาลอบมองไปที่นัยน์ตาเศร้าหมองของเด็กนั่นทั้งๆที่มันเคยสดใสอยู่เสมอ...มันเป็นแววตา...ของคนที่รู้อยู่ตลอดเวลา...ว่าตัวเองเป็นอะไร

ทั้งๆที่ยอมถูกปฏิบัติด้วยราวกับไม่ใช่มนุษย์ ยอมถูกขัง ยอมถูกทรมาน นั่นก็เป็นเพราะความต้องการที่รุนแรงในการกำจัดไททันไม่ใช่หรือไงกัน

ทำไมเรื่องนี้ถึงได้มีแต่เขาที่เข้าใจ...ทำไมกัน....




คืนนั้นเขาไม่จำเป็นต้องลากเด็กนั่นลงมานอนอีก เพราะเรียวขาก้าวตามเขาลงมาด้วยตัวเอง

สองมือที่ยื่นมาให้ล่ามมันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เขาก็ไม่ได้ถาม...ว่าเจ็บบ้างไหม

ได้แต่รอให้เด็กนั่นหลับไป....

แล้วจึงค่อยมาทำแผลให้ในภายหลัง

ถ้าพลังของไททันมันช่วยไม่ได้...เขาก็จะใช้การเยียวยาของมนุษย์นี่แหละ...รักษาแผลให้เด็กนั่นเอง








ในรอบปีจะมีงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่คือวันฉลองกำแพง ซึ่งเป็นทั้งวันหยุดยาวและเป็นวันครอบครัว....สมาชิกหน่วยรีไวจึงขอตัวกลับกันไปจนหมด

จะเหลือก็แต่คนที่ไม่มีครอบครัว...อยู่กันตามลำพังเพียงสองคน

ถึงแม้ว่าเหตุผลหลักๆที่ทำให้ เอเลน เยเกอร์ ยังต้องอยู่แต่ภายในบริเวณปราสาท จะเป็นเพราะต้องถูกซุกซ่อนเอาไว้ให้ไกลจากสายตาของใครๆไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ แต่มันก็เป็นที่รู้กัน...ว่าเด็กนั่นไม่มีบ้านให้กลับไปอีกแล้ว


และเขาเอง....ก็ไม่มีใครรอให้กลับไปเหมือนกัน



งานเฉลิมฉลองนั้นกินเวลาเกือบทั้งอาทิตย์ ของสดที่มีอยู่ในปราสาทจึงไม่เพียงพอ เขากับเจ้าเด็กเหลือขอจึงต้องออกไปซื้อเสบียงในตัวเมืองกันสองคน

ม้าสีดำวิ่งนำหน้าม้าสีน้ำตาล ผ่านขุนเขาและแม่น้ำไปตามทางโรยหินเล็กๆ จากเขตป่าค่อยๆกลายเป็นบ้านเรือนประปราย จนกระทั่งลอดผ่านกำแพงเข้าไป บ้านเรือนสไตล์ทิวดอร์ก็ยัดแน่นอยู่เต็มพื้นที่

ร้านรวงต่างประดับประดากันอย่างคึกคัก ผู้คนเดินกันให้ขวั่กไขว่เต็มไปหมด ทุกๆคนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อเอากลับไปกินกับครอบครัว

ม้าสองตัววิ่งเหยาะๆฝ่าฝูงชนเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางเมืองก็ดูเหมือนคนจะยิ่งหนาตาขึ้นเรื่อยๆ....รู้สึกว่าที่ถนนใหญ่ซึ่งตัดผ่านอยู่ตรงหน้ากำลังมีงานคานิวัลเข้าพอดี

ขบวนพาเหรดซึ่งยาวเหยียดหาหัวและท้ายขบวนแทบไม่เจอกำลังเดินผ่านหน้าไป แต่ละคนต่างใส่ชุดแฟนซีด้วยสีสันที่สดใสทั้งยังมีใบหน้ายิ้มแย้ม บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขทำให้สองข้างทางต่างมีคนยืนดูจนแน่นขนัด และนั่นมันก็ทำให้ม้าของเขาเคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องหยุดมองไปโดยปริยาย

ได้ยินเสียงเด็กๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆหัวเราะชอบใจ เมื่อตัวตลกในขบวนพาเหรดยื่นอมยิ้มมาให้ ใบหน้าที่ดีอกดีใจมันทำให้เขาหันไปลอบมองใบหน้าของคนที่มาด้วยกัน

ถึงแม้ว่าจะถูกฮูดของเสื้อคลุมสีเขียวคลุมหัวอยู่ แต่เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน...ถึงแววตาเป็นประกายที่เปล่งออกมาจากนัยน์ตาสีมรกตกลมโต ตามประสาเด็กที่อายุแค่ 15 ซึ่งมองตามขบวนพาเหรดไปอย่างไม่ละสายตา

แต่ถึงอย่างนั้น เด็กนั่นก็ไม่เอ่ยปากขอ...ว่าอยากจะตามไปดู...เพราะคงจะรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองดี...


ขบวนพาเหรดเคลื่อนผ่านไปยังลานกลางเมือง และนั่นมันก็ทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ต่อไปยังตลาดที่ขายของสดได้เสียที

“ เอเลน”       เขาเอ่ยเรียกคนที่กำลังหอบผักพะรุงพะรัง

“ ครับ?”      ก่อนจะวางถุงกระดาษที่ใส่พวกเครื่องเทศเอาไว้ลงไปบนของที่เด็กนั่นกำลังถืออยู่

“ เอาไปผูกไว้ที่ม้าก่อน ชั้นจะไปซื้อยา เดี๋ยวตามไป”      เขาเอ่ยบอกคนที่พยักหน้ารับอย่างแข็งขันตามปกติ ก่อนที่จะเดินฝ่าฝูงชนออกมา

เขาไปซื้อยาตามที่บอกเด็กนั่น....แต่มันก็มีของบางอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะซื้อมันไปทำไม?...เพราะใบหน้าดีอกดีใจของเด็กๆพวกนั้นงั้นหรอ?

นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองลูกกวาดสีสันสดใสก่อนจะหยิบมันส่งไปให้เจ้าของร้านคิดเงิน...





พวกเขากลับมาถึงปราสาทก่อนที่จะพลบค่ำ

เด็กนั่นเอาของไปเก็บโดยที่เขายังคงยืนมองยอดหลังคาปราสาทอยู่จากด้านนอกและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติก็ยังไม่ได้ถูกถอดออกไปจากร่างกาย

“ มีอะไรหรือเปล่าครับหัวหน้า?”       ร่างโปร่งบางเดินออกมาถามเขาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมกลับเข้าไปในตัวปราสาททั้งๆที่รอบกายเริ่มจะมืดสนิท

“ ขึ้นไปข้างบนนั่น นี่คือคำสั่ง”      เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาทำให้ใบหน้ามนผงะไป

“ เอ๋?!”      เด็กนั่นทำหน้าดื้อเล็กน้อยก่อนจะใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติโหนตัวเองขึ้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วเขาก็ตามขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ

“ นั่งลง”       เขาสั่งให้อีกฝ่ายนั่งลงไปด้วยใบหน้าที่ยังงงๆ

รอบๆปราสาทที่มีแต่ป่าและป่า ทำให้ในยามนี้มีแต่ความมืด ท้องฟ้าพร่างพราวไปด้วยหมู่ดาวจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน...แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการจะขึ้นมาดูแค่ดาวเท่านั้น...เพราะหลังจากที่นั่งอยู่ได้ไม่นาน...เสียงอะไรบางอย่างที่ดังขึ้นมา ก็ทำให้ใบหน้ามนหันไปมอง


ปุ้ง!!!  ปุ้ง!!! 


เสียงดังอยู่ไกลๆ แล้วประกายไฟก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า....ก่อนจะแตกออกมาเป็นสีสันที่สวยงาม....


พลุมากมายส่งประกายระยิบระยับประดับเต็มฟากฟ้ายามราตรี...แล้วมันก็ถูกจุดขึ้นมาลูกแล้วลูกเล่า....


นัยน์ตาสีมกรตเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ใบหน้าที่ดูหมองๆค่อยๆยิ้มออกมาช้าๆ...แล้วดวงตาที่หงอยเหงาก็ค่อยๆถูกประกายของพลุลูกใหญ่ทำให้มันกลับมาสดใสอีกครั้ง

เสียงพลุยังดังอย่างต่อเนื่องอยู่เบื้องหลัง....เขาตัดสินใจยื่นถุงใส่ลูกกวาดออกไปตรงหน้าเด็กนั่นที่หันมามองด้วยดวงตาสงสัยแต่ก็เป็นประกาย

“ อยากได้ไม่ใช่รึไง?”

“ เอ๋?!...ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะหัวหน้า! ของแบบนี้....”        ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สายตากลับมองของในถุงด้วยความดีใจ

“ เด็กสิ! แกมันก็แค่ไอ้เด็กเหลือขอจอมโวยวายไร้สมองนั่นแหละ! รับไป! จะให้ชั้นต้องถือของแบบนี้อีกนานแค่ไหน!       เขายัดของในถุงใส่อ้อมแขนของเด็กนั่น

“ อ่ะ...ครับ....”       ก่อนที่เจ้าตัวดีจะรับไปด้วยใบหน้าแดงๆ


แสงสว่างวาบที่ฉาบไล้ไปทั่วท้องฟ้าทำให้บรรยากาศที่เงียบงันกลับกลายเป็นความโรแมนติก

เด็กนั่นก้มลงมองถุงใส่ลูกกวาดสลับกับสีสันอันตระการตาของพลุตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม...

น่าแปลก...ทั้งๆที่เขาไม่ได้รับสิ่งของอะไรกลับมา...ทว่า...แค่รอยยิ้มของเด็กนั่นมันกลับทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรไปมากกว่านี้....สิ่งที่เขาได้รับกลับมามันเรียกว่า...ความสุข?


“ เอเลน...”        เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายทั้งๆที่สายตายังคงจ้องมองอยู่ที่พลุตรงหน้า

“ ครับ?”      เสียงตอบรับกลับมาเบาๆนั่นทำให้เขาตัดสินใจจะพูดต่อไป

“ ฉันรู้ว่านายเข้าใจถึงสถานะของตัวเองดี...แต่ที่กองทัพให้นายมาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่า ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่จะจัดการกับนายได้”

“ ฉันฆ่านายได้ หยุดนายได้....นั่นรวมไปถึง....ปกป้องนายได้...”

“ ฉันจะไม่บอกให้นายไว้ใจฉัน เพราะถ้านายอาละวาดฉันก็จะฆ่านาย”


“ แต่เรื่องที่ฉันอยากบอกก็คือ....นายอ้อนฉันได้นะ”


คืนนี้คงจะเป็นคืนที่เขาพูดมาก ซ้ำยังเป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตอีกต่างหาก....ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เอ่ยออกมาจากใจจริงก็ตาม

ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวจนต้องเสไปข้างๆ


“ หัวหน้า....”        ได้ยินเสียงที่เรียกอย่างสั่นเครือก็ยิ่งทำให้อายจนต้องหาเรื่องมากลบเกลื่อน

“ ถึงฉันจะสวนกลับไปด้วยเข่า แต่มันก็ดีกว่าเก็บความเหงาเอาไว้คนเดียวใช่ไหมล่ะ....อ้อนฉันซะ! นี่คือคำสั่ง!       พยายามปรับใบหน้าให้กลับไปดุดันเหมือนเดิมก่อนจะหันไปทำโหดใส่เจ้าเด็กที่มองมาด้วยนัยน์ตาสั่นระริก

“ อุ....ฮึฮึ...ฮ่าๆๆๆ”        เด็กนั่นก้มลงไปกุมท้องหัวเราะออกมาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะถึงจะยิ้มให้แต่ก็ไม่เคยเห็น...ใบหน้าที่มีความสุขจนหัวเราะออกมาแบบนี้

“ หัวเราะอะไรไอ้เด็กบ้า?”       มือจับลงไปบนหัวสีน้ำตาลก่อนจะดึงให้เงยขึ้นมาอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“ ขอบคุณครับหัวหน้า....ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ”     เด็กนั่นยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ปริ่มออกมาจากการหัวเราะ ก่อนที่มันจะค่อยๆหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ...จนกลายเป็นร้องไห้ไปจริงๆ

แต่ท่าทางที่เช็ดน้ำตาปรอยๆด้วยรอยยิ้มแบบนั้น...มันก็ทำให้เขารู้ว่าน้ำตาพวกนี้มันเกิดจากความดีใจไม่ใช่ความเศร้า

“ อย่าร้องไห้สิไอ้เด็กเหลือขอ”       มือดึงหัวของเด็กนั่นมากดลงที่ไหล่ของตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว...และไม่ได้มีแต่เขาที่ตกใจไปกับการกระทำของตัวเอง...นัยน์ตาสีมรกตก็เบิกกว้างขึ้นด้วยเช่นกัน

“ เดี๋ยวใครก็คิดว่าฉันรังแกนายหมดสิ”        แต่เขาก็ไม่ได้ผลักเด็กนั่นออกไป...ส่วนเด็กนั่นก็เอื้อมมือมาดึงเสื้อที่แผ่นหลังของเขาเอาไว้

“ ฮะฮะ ไม่มีใครอยู่ซักหน่อยนี่ครับ.....”        เสียงอู้อี้ดังออกมาจากหัวไหล่ เสียงสั่นเครือกระซิบบอกกับเขาเป็นคำซ้ำๆว่า...

“ หัวหน้า....ขอบคุณนะครับ....”




หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา เอเลน ก็ไม่เคยนอนร้องไห้อีกเลย







และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เจ้าเด็กนั่นมันก็เริ่มอ้อนเขา....ตาม “คำสั่ง” ที่ได้รับจริงๆ


อ้อน...โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ



ว่ามันจะทำให้ผู้ชายที่ชื่อ รีไว เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Sugarplum

FIN






ยะ ยังเหลือ Tuberose อีกตอนนะคะ แหะแหะแหะ...หลังจากไปประกาศกร้าวในเฟสว่าจะเปิดจองวันที่ 12 พฤศจิกายน....ตอนนี้เลยนั่งปั่นต้นฉบับหัวฟูอยู่นี่ล่ะค่ะ อร๊ากกกกกก มันต้องทันๆๆๆๆ (<<สะกดจิตตัวเอง?)


เดี๋ยว!!


ก่อนจะเวิ่นอะไร ขอแฮปให้น้องสาวสุดที่รักของเก๊าก่อน

สำหรับฟิคตอนนี้ตั้งใจมาชาติเศษแล้วว่าจะแต่งให้น้องสาวคนนี้ ตั้งใจมาตั้งแต่ “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” พึ่งจะแต่งได้ตอนเดียวเองมั้งนั่น ^ ^” แล้วดูมันเลทมาซะ....  แล้วก็ด้วยความที่เนื้อเรื่องมันช่างประจวบเหมาะกับ ในห้องฯ เลยแอบมั่วมาเป็นตอนพิเศษซะเลย (โดนเหยียบ)

ยังไงก็....


สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังไปนานแสนนานนะค้า น้องสโนว์ >w<


มีความสุขมากๆๆนะคะ ปีนี้ก็ขอให้มีเวลาพักผ่อนเยอะๆน้า เรื่องงานก็ขอให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดีนะ ขอให้เป็นปีที่ดีๆๆนะคะ ^ ^ ที่ผ่านมาก็ต้องขอขอบคุณในทุกๆเรื่องเลย ไปก่อกวนเอาไว้ซะเยอะ555 ขอบคุณจริงๆที่ยืนอยู่ข้างๆกันมาโดยตลอด ไม่ว่าทางนี้จะเดือดร้อนอะไรหนูก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยทุกครั้ง คือถ้ามีคำไหนที่มันมากกว่าขอบคุณก็อยากจะพูดให้หนูฟังซักล้านครั้งเลย อ๊า~~~ ขอบคุณค่ะ >////<

HAPPY BIRTHDAY  Snow_fredel !!!


ยัง...ของขวัญให้เจ้ามันยังไม่หมดแค่นี้ แต่ที่เหลือขอติดไว้แป๊บ คือที่จริงแอบปั่น มิคาสะxเอเลน(ห๊ะ??) เอาไว้ให้แหละ แต่ดูท่าว่ามันจะอีกยาว ฮืออออ เลยเอาเรื่องนี้มาขัดดอกไว้ก่อนนะ *w*



มาเวิ่นถึง Sugarplum กันบ้าง...คือจะว่าไปถ้าไม่เคยอ่าน “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” มาก่อน มันก็จะเหมือนกับเป็นฟิคสั้นเรื่องนึงอ่ะนะ แต่ถ้าอ่านตอนที่ 10 ของ “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง”  ก็จะรู้ว่า Sugarplum เป็นส่วนขยายที่พูดถึงจุดเริ่มต้นความรักของทั้งคู่นั่นเอง  ซึ่ง Tuberose ก็จะเป็นลักษณะเดียวกันค่ะ ^ ^ เป็นวิธีบอกรักอ่ะนะ


ต่อไปเป็นช่วงโฆษณา ฮ่าๆๆๆ เผื่อคนที่ไม่ได้อ่าน GLIDE และไม่ได้แอดเฟสกันไว้อาจจะยังไม่เห็น

ปกของ “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง” ค่ะ ตอนที่ได้รับรูปมาจากน้องสโนว์นี่สครีมบ้านแตกกันไปข้างอ่ะ โฮวววววว น้ำตาไหลพรากด้วยความสุขใจ

แปะซะเลย นี่แน่ะ.....ปกหลัง – สัน – ปกหน้าค่ะ >/////<








ส่วนอันนี้เป็นปกเฟส 5555




ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆเสียงทวง ทุกๆกำลังใจ ทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆๆนะคะ  เหมือนจะไวนะฟิคเรื่องนี้ แต่มันก็ยังมีให้ลุ้นว่าจะรวมเล่มเสร็จไหมจนได้555 เก๊าขอโต้ด >w< แล้วพบกันในตอนสุดท้ายของ  “ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง”

Tuberose…

ตอนหน้าค่ะ *v*

 ปล.TYLนั่นถือว่ามันเป็นคนละเรื่องไปแล้วกันนะ เรื่องนั้นเขียนไปเรื่อยอ่ะ5555



13 ความคิดเห็น:

  1. อ้อนฉันซะ! นี่คือคำสั่ง! << เพ่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงง น้องขอสครีมมิ่งงงงงงงงงง เฮย์โจวววววววววว น่ารักไปแล้ววววว

    ขบวนพาเหรด พลุ แล้วก็ลูกกวาดล่ะะะะะะะะะะ ก็ยังเด็กอยู่นี่น่ะ ขนาดนี้โตกว่าตั้งเยอะยังชอบเลยยยยยยยย เฮย์โจวนี่รู้วิธีตะล่อมปนหลอกล่อเด็กดีจังนะคะ

    จริงๆ ก็อยากออเซาะอ้อน?เฮย์โจวบ้าง แต่เอเลนทำแล้วน่ารักกว่า ฮาาาา

    //ขยี้หัวทุยๆ สีน้ำตาลลลลล

    ตอบลบ
  2. อรั้ยย พี่กวางขา!!! ทำไมน่ารักอย่างนี้

    น่ารักทั้งเนื้อเรื่อง น่ารักรักพระเอกและนายเอก แล้วก็น่ารักที่ตัวคนเขียนด้วย (((>///<)))

    คือทั้งตอนมันน่ารักมาก ๆ อะ เอเลนนี่ก็เหมือนลูกหมาน่ารัก ๆ ที่เห็นเจ้าของตาขวางน่ารัก ๆ
    แถมยังมีฉากสวีทแบบน่ารัก ๆ แบบนี้อีก ...มันน่ารักเกินไปแล้ววว

    โดยเฉพาะคำสั่งน่ารัก ๆ นั่นน่ะ "อ้อนฉันซะ! นี่คือคำสั่ง" อ้ากก น่ารักมากไม่ไหวแล้วว
    อ่านแล้วอยากกินของหวานเพิ่มน้ำตาลในตัวที่ก็มีเยอะอยู่แล้วจากการอ่านตอนนี้

    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ขออีกรอบละกัน "น่ารักอ๊ะ" (((>__<)))

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ23 ตุลาคม 2556 เวลา 03:22

    ย๊ากกกกก อยากบอกว่าตอนนี้รีไวล์น่ารักมากค่ะ !!! >//////<
    แถมยังเหมือนแอบเพ้อคนเดียวยังไงก็ไม่รู้นะ ฮ่าาาาา ตอนแรกก็ตั้งใจแน่วแน่อยู่หรอกว่าจะทรมาน จะฆ่าแน่นอน แต่พอเจอดาเมจลูกหมาหงอยเข้าไปถึงกับออกมาปกป้องเลยนะคะ ! ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่ที่ต้องมานั่งเฝ้าทุกคืนนี่ก็เพราะเป็นห่วงไม่ใช่หรอคะเฮย์โจว ฮั่นแน่ๆ -w- //โดนเตะสุดท้าย.. จากสัตว์ร้ายก็กลายเป็นลูกหมาน้อย(ของเฮย์โจว) น่ารัก ~~

    ชอบตอนที่เฮย์โจวจุดพลุมากค่ะ คือเก๊กโหดแต่การกระทำนี่โรแมนติกสุดๆ >////////< ไหนจะลูกกวาดที่ซื้อมาให้เด็กน้อยเอเลนอีก ถึงจะว่าเค้าไปเป็นชุดก็เถอะ ฮ่าาาา เฮย์โจวน่ารักมากเลยค่ะ ตอนที่พูดว่า.. นายอ้อนฉันได้นะ อยากบอกว่าตอนอ่านนี่แทบจะสครีมดังๆเลยค่ะ >w< โอ๊ย รู้สึกตอนนี้เฮย์โจวจะโรแมนติกสุดแล้วล่ะมั้ง เอเลนก็น่ารักมากกก พี่กวางบรรยายซะเห็นภาพลูกหมาน้อยเอเลนเลยค่ะ แค่คิดก็เขินแล้วเถอะ น่ารักก ~~~ //เพ้อ -//////- แต่จากนี้ไป.. เฮย์โจวต้องรับผิดชอบกับคำสั่งให้อ้อนแล้วนะคะ ลูกหมาน้อยเอเลนอ้อนที ดาเมจแรงนะคะเฮย์โจว ฮ่าาา

    เย้ ในที่สุดก็ใกล้วันที่จะได้จองฟิคแล้วสินะคะ //น้ำตาซึม ดีใจมากค่ะ ชอบและติดตามอยู่หลายเรื่องเลย แต่เรื่องในห้องที่แสงส่องไม่ถึงเป็นเรื่องแรกที่ทำให้ได้มาติดตามที่นี่เลยค่ะ มีความหมายจริงๆน๊า ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอามากอดที่บ้านให้ได้ ฮ่าๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามต่อไปน๊า > <

    ตอบลบ
  4. น่าเสียดายที่ไม่สามาถซื้อฟิคของทั่นกวางได้(สถานะสาววายไม่เปิดเผย+สถานะทางการเรียน) T___T

    ตอนนี้หวานน่ารักซะไม่เมียะ ให้อารมณ์และเล็มตุ๊กตาน้ำตาลบนเค้กวันเกิดเลยทีเดียว(??) แบบ...หวานเบาๆพอชื่นอกชื่นใจ(ฮา)

    สู้ต่อไป!!!ทั่นกวางงงงง!!! >__<//โบกธงๆๆ

    ตอบลบ
  5. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!~~ เฮย์โจว เฮย์โจ้วววววววว!! อ้อนฉันซะ ตอนแรกนึกว่าอ่านผิด เลยเลื่อนสกอร์บาร์ขึ้นไปอ่านใหม่ พอรู้ว่าอ่านไปผิดก็หัวเราะกร๊าก 5555555 มันทั้งซึ้งทั้งฮา //ปาดน้ำตาตามเอเลน// คนอย่างหัวหน้าพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? ที่บอกว่าความรักทำให้คนเปลี่ยนไปมันใช้ได้ในกรณีนี้เลยใช่มั้ยเี่นี่ยยยย??? สกรีมลั่นนนนนน

    มันเป็นอะไรที่หวานแล้วก็อบอุ่นมากเลยค่ะ ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของหัวหน้ารีไว แล้วก็เอเลนยังไงก็ยังอ้อนได้เหมือนลูกหมาน่ารักได้เหมือนเดิมเลย โหยยยย อยากจิเข้าไปสิงร่างเฮย์โจว ไอ้เด็กนี่มันเลือกปฏิบัติด้วยนะ 5555

    ทั้งพลุ ทั้งลูกกวาด เป็นของที่มุ่งมิ้งไม่เขากับหน้าเฮียแกเลยค่ะ (โดนท่อนขาฟาด แอร๊กกก)
    แต่เอเลนชอบก็ดีใจแทนอ่าาา เอาใจเจ้าเด็กเหลือขอมากไปรึเปล่า คนอ่านกัดผ้าเช็ดหน้าตาม

    เป็นกำลังใจตลอดนะคะ >< ขอบคุณที่แต่งฟิคสนุกๆ แบบนี้มาให้อ่านกัน ติดตามตลอดดดด



    ตอบลบ
  6. โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ชอบจริงจัง ชอบบบบบบบ ชอบบบบบมากๆๆๆจริงๆๆๆ
    ชอบบบบบบการบรรยายของกวางซามะ ชอบบบบที่จะรู้ถึงความรู้สึกของ
    ท่านท่อนขาหน้าปลาตาย(?) เอามากๆๆเลย 5555555

    อ่านแล้วบอกตรงๆว่า เค้าคิดถึง คิดถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเคยหัวติดอยู่ในกำแพง(?)มากๆเลยล่ะค่ะ 55555
    คิดถึงช่วงเวลาที่แอบมาอ่านตอนแรกๆ ตอนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไททันคืออะไร
    แล้วทำไมต้องมีกำแพง คิดถึงความมุ่งมั่นของตัวเองที่พยายามจะทำความเข้าใจสุดๆ
    คิดแล้ว....ก็อายค่ะ /////////// ช่างเป็นคนบ้าที่น่าอนาถเสมอต้นเสมอปลาย
    แต่ถึงจะไม่ได้รู้เรื่องไททันอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั่งหน้าตาของคนที่ทุกวันนี้ตัวเองเอาแต่เรียกว่าเขาว่าท่านท่อนขา(?)
    แต่กวางซามะก็ทำให้เราชอบฟิคเรื่องนี้เอามากๆๆจริงๆ รองจากดาวตกเลยค่ะ
    ตั้งแต่ความหน่วงของฟิคที่น่าติดตามสุดๆ ทั้งพลอต ทั้งการบรรยายที่สุดยอด
    จนหัวตัวเองต้องไปติดอยู่ในกำแพงซะนาน จนทุกวันนี้เรารู้จักถึงออลโอยันเพทา(?)แล้วนะคะ ^^
    (ยิ้มราวกับต้องการการลูบหัว(?)แทนคำชม(?)จากกวางซามะ(?) 5555)
    ถึงจะไม่ได้รู้ละเอียดหรืออัพเดทอะไรเลยก็ตาม แต่ก็ดีใจมากๆๆจริงๆที่ได้อ่านเรื่องนี้
    รวมถึงภาคพิเศษอย่าง sugarplum นี้ด้วย

    ภาคพิเศษตอนนี้ถึงจะไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกหน่วงเลย
    อ่ะ หน่วงสินะ หน่วงสงสารเอเลนในเรื่องความรู้สึกของสิ่งที่ตัวเองเป็น
    สิ่งที่ทำให้ต้องอยู่ในคุกทุกคืน แต่มันก็ลืมหน่วงไปเลยค่ะ
    เพราะมันมีแต่ความน่ารักอัดแน่นไว้ทุกอณู!!! การที่เอเลนอยู่ในความคิดของเฮย์โจว
    มากมายขนาดนี้มันก็ฟินแท้แล้ว แต่ยังจะมาสั่งให้อ้อนแบบนี้
    ก็พอดี ไม่ต้องฟื้นขึ้นมาตายใหม่(?)แล้วล่ะค่ะ > ___ <
    อ่านแล้วยิ้ม!!!! ยิ้มแบบ โอ่ยยยย ยอมรับมาซะเถอะว่าตัวเองน่ะหลงเด็กกกกกก
    ถ้าพ่อหน้าปลาตายจะทำได้ถึงขนาดจุดพลุให้กับซื้อลูกกวาดให้เป็นถุงขนาดนี้น่ะ!!!!!!!
    มันก็ชัดเจนแล้ววววววววว ว่ามีใจ(?)และยกให้เป็นคนสำคัญขนาดไหนนนน

    ไหนจะเอเลนที่เลือกที่จะเชื่องแค่เฮย์โจวก็เกินบรรยาย!!!!
    เป็นความฟินที่ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงให้สวยหรู และเป็นผู้เป็นคน(?)
    เพราะอย่างนั้นขอกอดกวางซามะแน่นๆแทนๆ(?)นะคะ #อย่าเนียน เอ็งอย่าเนียน

    รักฟิคกวางซาม๊าาาาาาามากๆๆนะคะ
    เค้าจะเป็นกำลังใจให้กวางซามะแบบไฟลุก(?)ท่วมเลยนะคะ
    แล้วก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ส่วนเราหายดีแล้วค่ะ
    ได้คำอวยจากกวางซามะมาขนาดนั้นรีบหาย(?)เลยค่ะ > <

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ23 ตุลาคม 2556 เวลา 08:51

    โอยย เฮยโจวววว น่ารักไปหนายยย >////<

    ชอบฟิคของพี่ทุกเรื่องเลยค่า
    แต่งได้อารมณ์ตัวละครมากเลยยย อ่านแล้วฟินน
    ขอติดตามทั้งเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆเลยนะเจ้าคะ >=<

    ปล.รอรวมเล่มอยากใจจดใจจ่อ สู้ๆนะฮว๊าฟฟฟ

    ตอบลบ
  8. เฮย์โจวววว!!! เฮย์โจวของกวางซามะ!!! ก๊าวใจไปแล้วค่ะ...แฟนเกิร์ลละลายนะคะ♥
    เฮย์โจวเหมือนดาร์กช็อกโกแลตขมๆ ที่สอดใส้ครีมหวานๆที่ละลายในปากของเอเลนคนเดียว...หวานขนาดลูกกวาดยังสู้ไม่ได้เลยนะคะ เฮย์โจว♥
    เอเลนที่รัก หนูทำได้ดีมากค่ะ! น่ารักมากค่ะ แบ๊วมากค่ะ! น่ารักอย่างนี้เฮย์โจวจะไม่ไขว้เขวได้ยังไง จริงมั้ยคะเฮย์โจว ฮี่ๆ(รู้สึกหนาวๆที่หลังคอ...)

    ชอบค่ะ♥ เฮย์โจวจะเท่ไปไหนคะ!!!

    “ ฉันฆ่านายได้ หยุดนายได้....นั่นรวมไปถึง....ปกป้องนายได้...”

    “ ฉันจะไม่บอกให้นายไว้ใจฉัน เพราะถ้านายอาละวาดฉันก็จะฆ่านาย”


    “ แต่เรื่องที่ฉันอยากบอกก็คือ....นายอ้อนฉันได้นะ”

    ปกป้องค่ะ...อ้อนค่ะ...ชอบค่ะ...ชอบค่า!!! ชอบรีเอฉบับกวางซามะมากค่ะ♥

    ไม่ไหวละ...ฟินเกิน♥

    ขอบคุณกวางซามะที่สร้างรีเอก๊าวใจขึ้นมานะคะ...ไม่รู้จะสรรหาคำไหนจริงๆ นอกจากคำว่าก๊าวใจน่ะค่ะ♥

    ปล.รอรวมเล่มอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ♥

    ตอบลบ
  9. "อ้อนฉันซะ...."
    อ้อนฉันซะ....อ้อนฉันซะ....อ้อนฉันซะ...นี่คือคำสั่ง
    ทำไมรูปปะโยคมันเหมือน
    "ยั่วฉันซะ....นี่คือคำสั่ง" เลยอ่ะ
    แหม....หวานมดขึ้นเพราะลูกกวาดรึบทสวีทกันแน่ล่ะเนี่ย55555555

    หนูเอเลนก็หงอยๆน่าสงสารซะอย่างกะกระต่ายที่ถ้าที่ให้เหงาก็จะตายเลย
    เฮย์โจวเลยทนไม่ได้สินะครับ♥ ฮุๆๆๆๆ

    เป็นบทยั่วตะบะเอ้ย......อ้อนของลูกหมาที่น่ารักมากเลยอ้าาาาาาาา♥
    ทำเป็นพูดอย่างนู้อย่างนี้สุดท้ายก้ค่อยดูแลอย่างดี และไล่จีบไล่ตอดเด็ก555555//โดนเตะฟันหลุดข้อหาพูดแทงใจดำ
    เอ้า...เหลือบทสารภาพรักสินะครับ
    พยายามเข้านะเน้
    รอรวมเล่มอยู่นะหุๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  10. “ แต่เรื่องที่ฉันอยากบอกก็คือ....นายอ้อนฉันได้นะ”
    ประโยคนี้รวบรวมความกล้านานไหมคะหัวหน้า อ่านแล้วฮากลิ้ง โถๆๆ สุดท้ายก็ทนความอายไม่ไหวเลยต้องเปลี่ยนเป็นประโยคคำสั่งเลยเหรอคะ บทจะหวานก็หวานซะ
    แล้วไอ้ที่อ้อนตามคำสั่งนี่เล่นทำเอาหัวหน้าตบะแตกไปหลายรอบเลยสินะ 555 ขอบคุณค่า สนุกจริงๆ
    "ปกป้องนายได้" นี่มาอะไรกันคะ แอบหวานในประโยคนี้ซะคนอ่านแทบลมจับแทนเอเลน
    ปล.ตอนแรกก็งงๆอยู่ชื่อบูท เฮย์โจวบินได้ ในเพจ ATK ชื่อแปลกๆแบบนี้ของใครกัน ที่แท้...ฟิคโชกเลือด(กำเดา)เองเหรอคะ อิๆ ถ้ามีโอกาศจะไปงานแน่นอนค่ะ ถ้าไม่มีอาจสั่งซื้อทางไปร T^T

    ตอบลบ
  11. “ แต่เรื่องที่ฉันอยากบอกก็คือ....นายอ้อนฉันได้นะ”
    "อ้อนฉันซะ! นี่คือคำสั่ง!”

    แค่กๆๆๆๆๆ หัวหน้าค่ะ หัวหน้าน่ารักที่สุดเลย ตายยยยยยย

    ตอบลบ
  12. ข้าเจ้ามารายงานตัวแหล่วค่าาาา //กรุณาอ่านเสียงเหน่อๆ

    ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ(ไล่ส่งจูบ!)

    อ่านจบตั้งกะวันที่กลับมาจากไปพักตากอากาศ(แห้ง) เมื่อคืนวันอาทิตย์แล้วแหละ ขอโทษที่มาเม้นท์ช้านะคะ ก่อนหน้านั้นก็มัวแต่เตรียมจะไปเที่ยว (ฮา..เห็นผลอุบาวท์แท้เหลา)

    หัวหน้าในตอนนี้คิดว่าแรกๆน่าจะเกิดความรุ้สึกสงสารมาก่อนแล้วค่อยเป็นที่มาของคำว่าเอ็นดูล่ะ ประมาณว่าเอาสัตว์ป่ามาเลี้ยง แต่ก็กลัวมันแว้งกัด จะปล่อยก็ไม่ปล่อยไป ระแวงอยู่นั่น พอขังไว้นานๆเห็นว่าเริ่มเฉา (คิดว่าอาการเอเลนตอนมองจิ้งจกนนี่เหมือนเฉาเลยค่ะ) เหมือนคนหมดอาลัย คนเคยได้อิสระมาถูกขังอุดอู้ หรือพวกสัตว์เลี้ยงที่ถูกเล่นถูกบังคับมากๆ ถูกแยกจากฝูงก็มักมีอาการเฉาเนอะ

    หัวหน้าน่ะปากร้ายเป็นนิสัย แต่เหมือนพวกผู้ใหญ่ใจดี ที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก ก็เลยออมมือแล้วแอบเป็นห่วงใช่ม้า ..อ้อ ซาดิสด้วยนะ๕๕๕ แอบสังเกตที่บรรยายหลายชอตอย่าง

    "รู้สึกดีหากจะได้ฝึกสัตว์ร้ายที่ใครๆต่างก็เอาไม่อยู่ให้เชื่องลงได้...ด้วยมือและเท้าของเขาเอง"
    ....
    ไอ้ที่ว่ามือน่ะพอเข้าใจนะ แต่พอมีด้วยเท้านี่ รู็สึกหัวหน้าจะซาดิสยังไม่รู้ค่ะ //ภาพตอนซ้อมเอเลนลอยมา..

    แอบกระตุกกับคัว่าซ้อมปางตายยที่ศาลทหารค่ะ ไม่หรอก..ไม่เกือบตาย แค่ฟันหลุดกระเด็นเอ๊ง ๕๕๕๕

    แต่มีฉากที่อ่านแล้วแอบขำเลยคือตอนหัวหน้ายื่นถุงลูกกวาดให้เอเลนนี่ ไม่รู้ทำไมกี้แอบจิตนาการถึงตอนเฮียแกไปซื้อ คงฮาพิลึก แบบหน้างิดๆแต่ซื้อลูกกวาดแบ๊วๆไรงี้๕๕๕๕ แล้วต่อด้วย"อ้อนฉันซะ!!"เนี่ย อาร๊าย นึกอยากใจดีก็ใจดีแบบนอนสต๊อปเร้อ.. (อ่านไปเลยเงิบรอบสอง คือจิตนาการหน้าแล้วอดไม่ได้จริงๆ)

    ส่วนเอเลนนี้เอาความจริงใจไม่ไก่กาเข้าสู้จริงๆค่ะ โลกสวยสู้ได้ทุกอย่าง๕๕๕ คำพูดแต่ละอย่างฮุกเข้าเป้าอย่างจัง เรียกว่าตรงข้ามกับคำว่าปากเสียโดยสิ้นเชิงเลยนะ!!

    อ่ะ มาว่ากันด้วยความรู้สึกหลังอ่านฟิคนี้(และ??) อาจจะเวิ่นเว้อยาวไปหน่อยนะคะ

    จริงๆแล้วส่วนตัวกี้ไม่เคยอ่านฟิคไททันของเจ้าไหนมาก่อนเลยนะ อ่านเรื่องแรกก็ของพี่นี่แหละ ทั้งที่ชอบการ์ตูนมากแต่ไม่ยักกะไขว่คว้าหาฟิคอ่านเพราะหลายๆอย่าง (ขี้เกียจหาด้วยอย่างนึง กลัวลอยไปกู่ไม่กลับอีกอย่างนึง๕๕๕)
    แต่เรื่องแรกที่อ่านก็เรื่องนี้แหละ แต่เป็นภาคปกติ (มันเรียกภาคปกติป่าวหว่า ตอนถอยภาพนั้นออกมาน่ะค่ะ)
    ซึ่งอินี่ก้ยังไม่ได้เขียนเม้นท์อะไรให้เลย อยากเขียนมากเพราะรู้สึกว่ามีความแตกต่างกับงานรีบอร์นพอควร อยากบอกว่ารุ้สึกยังไงกับงานนั้นๆ (แต่ดองไหเยอะๆ) เพราะปกติอ่านฟิคพี่กวางเยอะสุดด้วยเลยรู้สึกว่าพี่มีสกิลการเขียนที่ดีอยู่แล้ว เห็นน้องๆ? พี่ๆ?หลายคอมเม้นท์เขียนมาเยอะ รวมในตอนหลักด้วย บอกว่าเรื่องนี้เป็นฟิคอย่างยาว แต่ส่วนตัวกี้ไม่ได้อ่านของเจ้าอื่นเลยไม่รู้ว่าจะเปรียบเทียบยังไง เพราะถ้านับตามมาตรฐานพี่กวางก็ส่วนมากประมาณนี้(เรอะ?) แล้วฟิคเรื่องที่ยาวๆ (ที่มีหลายๆตอนน่ะ ที่เย็บเล่มได้น่ะ) กี้ก็ชอบสไตล์การดำเนินเรื่องและภาษาเขียนของพี่แล้ว แต่ใจแอบคิดว่าพออ่านคอมเมนท์น้องๆพี่ๆแล้ว ไม่กล้าไปเสาะหาฟิคไททันเจ้าอื่นอ่านเหมือนกัน "จะค้างมั้ยนะ จะผิดหวังมั้ยนะ" ประมาณนั้นน่ะค่ะ เพราะเหมือนเรื่องนี้ฟีดแบคและชื่อเสียงอันโด่งดัง(ที่ได้ยินมา) จะสรุปกลายๆว่าเป็นฟิคไททันติดทอปแรกๆที่เป็นนิยมซะแล้ว

    เรื่องจำนวนวิวนี่ไม่รู้แต่คิดว่าต้องเยอะแน่ๆเลยล่ะ แค่คอมเม้นท์จากตอนหลักๆ เห็นมากมายขนาดนี้แล้วปลื้มใจแทนฝุดๆเลยค่ะ //ทำหน้าเคลิ้ม (แล้วหล่อนไปดีใจอะไรแทนเค๊า!!!)


    ปล.มิคาสะxเอเลน อะไรๆๆ อยากอ่านง่าาา เค้าชอบมิคาสะ!!!! แต่งมานะ แต่งมาน๊าาาาา (อ้อนตามเอเลน๕๕๕)
    ปล.2เปิดจอง 12 หรอ หน้าม้าเตรียมตัวแล้ว!!! ไว้ส่งรายละเอียดมานะ เดี๋ยวเค้าไปแพร่กระจายรากหญ้าลงแผ่นดินเอ๊กทีนให้๕๕๕
    ปล.3"ถึงฉันจะสวนกลับไปด้วยเข่า แต่มันก็ดีกว่าเก็บความเหงาเอาไว้คนเดียว"<<< ข้อคิดจากเรื่อง ฮาา นี่มันสวดยอดมั่กๆจริงใจก็อย่างนึง แต่แบบ หัวหน้าคะ!! ประโยคนี้ไปจำเพลงลูกทุุ่งที่ไหนมาพูดค๊าา!!! //โดนเฉือนเป็นชิ้นๆ

    ตอบลบ
  13. เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สุดยอด อ่านแล้วคิดถึงเอเลนกับเฮย์โจวจากในห้องที่แสงส่องไม่ถึงมากๆ
    ฟังดูแปลกๆมั้ย คิดถึงตอนเริ่มอ่านใหม่ๆสมัยที่เอเลนต้องไปปราสาทใหม่ๆอ่ะ คืออ่านไปมันมีฉากที่มีอยู่จริงในมังงะ ในอนิเมไง อ่านไปเลยแอบอิน จริงๆก็ไม่แอบนะ มันเรียลเว้ยเฮ้ยคู่นี้ คือแบบตอนอ่านมังงะดูเมะก็นะเอเลนมันเชื่องกับแค่เฮย์โจวจริงๆด้วย
    คืออ่านตอนพิเศษนี้ช่วงแรกๆมันจะเป็นอึนๆ หน่วงๆ สงสารเอเลน เพราะเหมือนเฮย์โจวจะเป็นคนที่แลดูโหดร้ายมาก เฮียดูซาดิสเมิก แล้วไอ้ความรู้สึกดีที่ได้เป็นคนที่กำราบสัตว์ร้ายด้วยมือเท้าของตัวเองนั่นน่ะ โฮกก ดูแบดมาก แต่มันทำให้คนอ่านอย่างเราๆท่านๆใจเต้น ๕๕๕ คือคนที่ดูห่ามๆ ดิบๆ แบบนี้ถ้ามีมุมอ่อนโยนโผล่มาสักนิดก็จะโกยคะแนนมาจากพ่อยกแม่ยก สาววายยก ต่างๆนาๆมากมาย แล้ว!!! เฮย์โจวฮะ คุณทำได้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นล้นหลาม ด้วยตัวคุณเองโดยไม่ต้องมีใครมายก!! แต่ยกก็ดีนะเฮียจะได้สูง....(///หลบทีนเฮย์โจวด่วนเลยยย)
    ยังไงก็ชอบการบรรยาย การดำเนินเรื่องที่ใช้มากเลย อ่านแล้วลื่นมาก เพลินฮะ ชอบเรื่องตอนนี้นะ มันแสดงให้เห็นอารมณ์ ความคิดของเฮย์โจวในตอนที่ได้พบกับเอเลนใหม่ๆ แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการของเฮย์โจวก่อนเข้าสู่เส้นทางสายวาย ผิดๆ สิ่งที่ทำให้เขาไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการกระทำที่เกิดขึ้นแบบที่ไม่รู้ตัว รู้ตัว และตั้งใจทำด้วย
    แต่ตอนหลังๆนี่อ่านแล้วฟินเหอะ คือเฮย์โจวมุมอ่อนโยนเต็มแมคแบบนี้ แปลกใหม่มากกก ไอ้บรรยากาศหวานๆ โรแมนติกมุ้งมิ้งที่มันลอยขึ้นมาตอนอ่านนี่มันอารายย!!!!? เวอร์ชั่นใจดีนี่มันทำให้เด็กดีใจนะ จุดเริ่มต้นของความรัก อาจจะมาจากความเข้าใจ การที่เฮย์โจวอยู่กับเอเลน เห็นทุกๆอย่างๆ รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยรู้ เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น อย่างที่ตัวเองได้รู้ได้เห็น ได้เข้าใจ แถมเอเลนยังเชื่องกับเฮียแกคนเดียวอีก มันต้องทำให้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ แตกต่างจากคนอื่นสินะ อู้ยยย ยิ่งไปอ่านประโยคในเรื่อง คิดได้ไงอ่ะพล็อตนี้ชอบมากที่เฮย์โจวบอกให้เอเลนอ้อนอ่ะ อยากอ้อนบ้างอ่ะแต่ถ้าไม่ใช่เอเลน มันคงไม่จบแค่สวนกลับด้วยเข่า..=___=
    แต่ที่อ่านแล้วฟินที่สุด "ฉันฆ่านายได้ หยุดนายได้....นั่นรวมไปถึง....ปกป้องนายได้..." และเป็นคนเดียวที่รังแกนายได้(อันนี้เราแถมเอง ๕๕)
    ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษสนุกๆฟินๆนะขอรับ

    ตอบลบ