Attack on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : Tuberose


Attack on Titan. Au S.Fic [Levi x Eren] ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง : Tuberose

: Attack on Titan Fanfiction  AU
: Levi x Eren
: Dark Romance
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ



.
.
.

Tuberose

.
.
.
.

เขา....เป็นอะไรไป?

ทำไมถึงได้เห็นว่าฮีโร่ที่อยู่ไกลเกินเอื้อม...ก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง....



.
.
.
.
.
.


สองขารีบก้าวออกมาจากรั้วของกองทหารฝึกหัดแล้ววิ่งไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร่างโปร่งบางแหวกผู้ชายร่างสูงใหญ่เพื่อที่จะได้เข้าไปเห็นขบวนม้าที่กำลังวิ่งเหยาะๆผ่านหน้าไป

นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองกองทหารที่ต่างก็สวมผ้าคลุมสีเขียวด้วยดวงตาเป็นประกาย....สักวัน...ก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง

อยากจะมี “ปีกแห่งอิสรภาพ” อยู่บนแผ่นหลังแบบนั้นบ้าง...

เสียงฮือฮาดังไล่กันมาเรื่อยๆเมื่อม้าสีดำเพียงตัวเดียวในขบวนใกล้เข้ามา นัยน์ตาสีมรกตละจากทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจ้องมองคนที่อยู่บนนั้นให้ชัดๆ....ใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ว่าใครจะเอ่ยชื่นชมยังไงล้อมกรอบไปด้วยเส้นผมสีดำสนิท...นั่นคือหัวหน้าทหารรีไว....เป็นผู้ชายที่ใครๆต่างก็ยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เป็นความหวัง...เป็นฮีโร่...ที่อยู่ไกลแสนไกล...

เพราะทุกๆครั้งที่ทีมสำรวจออกไปนอกกำแพง...เขาก็ทำได้แค่จ้องมองแผ่นหลังที่มีปีกกางสยายของผู้ชายคนนั้นอยู่ไกลๆก็เท่านั้นเอง...









“ อ๊ะ...หะ...หัวหน้า....อย่า...อ่ะ...”    สองขาถูกจับอ้าออกกว้างจนรู้สึกราวกับจะฉีกขาด แกนกายทั้งใหญ่ทั้งร้อนสอดใส่เข้ามาไม่ยั้งจนคนถูกบังคับให้ต้องรับมันเข้าไปได้แต่สะบัดหน้าหงายด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย...ถึงแม้ลึกๆแล้วร่างกายจะรู้สึกดีแต่ในใจกลับสับสน

ไม่เคยคิด...ว่าจะถูกผู้ชายที่ใครๆต่างก็ชื่นชมทำเรื่องแบบนี้ด้วย

“ อึก...อ่ะ...ฮ้า...ฮ้า....”    ความอุ่นวาบไหลซาบซ่านเข้ามาในร่างกายที่ได้แต่รับมันอย่างสั่นระริก ลมหายใจหอบหนักเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลง ใบหน้านิ่งเฉยขยับเข้ามาหาก่อนจะกดริมฝีปากลงที่ซอกคอทิ้งร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้

ก่อนที่จะดึงแกนกายแล้วละออกไป...

สองขาที่ยังสั่นค่อยๆขยับจากตั้งชันลงมานอนราบ น้ำรักที่เปรอะเปื้อนอยู่บนหน้าท้องทำให้รู้สึกละอายเกินกว่าจะมองต่อไปได้ ร่างกายจึงพลิกคว่ำลงไปกับพื้นเตียง

ใบหน้ามนซุกอยู่บนหมอนก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนหันหลังให้กำลังใส่เสื้อผ้าลงไปบนร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนัยน์ตายังพร่ามัวอยู่หรือเปล่านะ เขาถึงได้เห็นปีกแห่งอิสรภาพโบกสะบัดซ้อนทับอยู่บนแผ่นหลังนั่น...

เห็นมัน...เหมือนกับที่เคยเห็นตอนที่ยังเป็นแค่ทหารฝึกหัด..ยังเป็นแค่คนที่ได้แต่ชะเง้อคอมองอีกฝ่ายจากข้างถนน


ตอนนั้นเขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ...ว่าจะได้มานอนมองแผ่นหลังของหัวหน้าทหารรีไว...ในสภาพแบบนี้...






" ฉันก็แค่อยากรู้ว่า....นอกจากความเจ็บปวดแล้ว....จะมีความรู้สึกอย่างอื่นที่กระตุ้นให้นายกลายเป็นไททันได้อีกหรือเปล่า?"      





นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะผิดศีลธรรมของเราสองคน

แต่บางที...หัวหน้ารีไวอาจจะไม่เคยคิดว่ามันผิด เพราะไม่ว่าเขาจะห้าม จะต่อต้านขัดขืนยังไง ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยรับฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้...ควรจะทำกับคนที่รักไม่ใช่หรือไง...



ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาออกไปจากห้อง และนั่นก็ได้เวลาที่เปลือกตาสีมรกตจะปิดลงเสียที...ค่ำคืนอันแสนสั้นกำลังจะมาเยือนเขา...เมื่อใกล้จะรุ่งเช้าเต็มที...



มันหนักขึ้นเรื่อยๆหรือเปล่านะพักหลังๆมานี้?



หัวหน้าลงมานอนกับเขาที่คุกใต้ดินนี่แทบทุกคืน พอเช้ามืดจึงค่อยกลับขึ้นไปเพื่อไม่ให้ใครเห็น...

แค่ตอนกลางวันก็ฝึกหนักจะตายอยู่แล้ว กลางคืนยังแทบไม่ได้นอนอีก ถึงร่างกายของเขาจะฟื้นตัวไหวขนาดไหน แต่มันก็ยังหลงเหลือความเพลียเอาไว้...จนบางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ

เหมือนกับกำลังทำโทษเขาอยู่เลยนะ ผู้ชายคนนั้น...

แล้วเขา...ทำอะไรผิดกันล่ะ...ถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้...

ไม่เข้าใจ....

ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรสักอย่าง....

ทั้งหัวหน้า...ทั้งความรู้สึกของตัวเอง....



ร่างโปร่งบางต้องพยายามฝืนลุกขึ้นมาเมื่อยามเช้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากในห้องนี้มาเยือน สิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในยังคงรู้สึกถึงมันได้เป็นอย่างดี มือขยับไปควานหาเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆเมื่อเสียงฝีเท้าก้าวใกล้เข้ามา นัยน์ตาได้แต่เหลือบมองสายหนังที่ข้อมือละเรื่อยไปยังโซ่ซึ่งยึดมันเอาไว้กับผนังหัวเตียง

เขาออกไปจากห้องนี้เองไม่ได้ ตราบใดที่ไม่มีใครมาปลดพันธนาการให้...และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร...

ก็คนที่เพิ่งจะเดินจากไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี้นั่นเอง


เสียงเคร้งคร้างดังขึ้นเมื่อสายหนังถูกปลดออกไปจากข้อมือ นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงนิ่งเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับสภาพของเตียงที่ยับยู่ยี้จากฝีมือของตัวเอง...ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องที่ผ่านมาในทุกๆคืน

มือข้างซ้ายกำรอบข้อมือข้างขวาก่อนจะบีบไปมาเบาๆ ถึงเขาจะชินแล้วกับน้ำหนักของโซ่แต่กับการโดนล่าม...ยังไงก็ทำให้ชินไม่ลงจริงๆ

เสียงฝีเท้าทำให้นัยน์ตาละจากข้อมือขึ้นไปมอง หัวหน้ากำลังก้าวออกไปจากห้องโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะลุกไหวหรือเปล่า

เขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น...

ทำไมถึงไม่คิดจะหนีไปจากเงื้อมมือของผู้ชายใจร้ายคนนั้นกันนะ...ทำไมถึงไม่คิดจะบอกใครๆว่าเขาถูกทำอะไรบ้าง

ทั้งๆที่เขาเป็นไททัน....ถ้าจะหนี...


ไม่สิ...


ที่ไม่คิดจะหนี...ก็เพราะว่าเขาเป็นไททัน...


ต่อให้ถูกมองว่าเป็นแค่ตัวอย่างการทดลองก็ช่าง แต่อย่างน้อยก็ยังมีหัวหน้าที่คิดว่าเขายังเป็นมนุษย์อยู่...ถึงได้พร่ำบอกให้เขารู้...ว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้

มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีเซ็กส์ได้...

เขาไม่ได้เป็นไททันในสายตาของหัวหน้า...และอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่มองเห็นว่าเขาเป็นมนุษย์...ไม่ใช่อาวุธ...ไม่ใช่ไททัน

แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง....แค่มีที่สักที่...ที่เป็นของเขา

ต่อให้มันจะถูกซุกซ่อนเอาไว้ ต่อให้มันจะบอกใครไม่ได้แบบนี้ก็ตาม...





“ เอเลน?”    เสียงของหญิงสาวหนึ่งเดียวในหน่วยเรียกให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์

“ เป็นไรหรือเปล่า? ดูหน้าซีดๆนะ?”    มือที่จับทัพพีค้างอยู่ในหม้อซุปขยับคนมันเบาๆก่อนจะตักขึ้นมาใส่ถ้วย

“ ไม่เป็นไรครับ...”     ใบหน้าได้แต่ส่ายไปมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ...จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าเป็นอะไร...เขาทำได้แค่ต้องเก็บทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น

หญิงสาวพยักหน้าด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนจะถือถาดขนมปังเดินกลับไปยังโต๊ะอาหาร...อาการเหม่อลอยของเขาดูเหมือนจะอยู่ในสายตาของหัวหน้าด้วยเช่นกัน อีกฝ่ายถึงได้มายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว

มือแข็งแรงที่ตั้งใจจะเอื้อมไปหยิบช้อนที่วางอยู่ข้างๆหม้อซุปเฉียดมาถูกมือของเขา...และมันก็ทำเอาร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก ฝ่ามือชักหนีอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น...

มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่หวาดกลัวอีกฝ่ายจากส่วนลึก?

ทั้งๆที่เขายังชื่นชมหัวหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป...แต่ก็กลัวอีกฝ่ายด้วย...จากเรื่องที่ต้องเจอในทุกๆคืน

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมาด้วยสายตานิ่งสนิท เขาได้แต่ลนลานก้มหัวขอโทษแล้วรีบถือถ้วยซุปเดินกลับมานั่งที่ของตัวเอง...ไม่กล้า...แม้แต่จะสบตา


แล้วยิ่งเขาทำแบบนี้ออกไป...ไม่อยากจะคิดเลยว่าคืนนี้จะโดนทำอะไรบ้าง...

ไม่อยาก...ทำเรื่องแบบนั้นเลย...






“ เอเลน! อย่ามัวแต่เหม่อสิไอ้เด็กบ้า!”   ออลโอตะโกนแหวกอากาศมาทำให้นัยน์ตาสีมรกตกลับมาโฟกัสอยู่ที่ภาพตรงหน้า หัวสีน้ำตาลสะบัดไล่สิ่งที่รบกวนอยู่ข้างในออกไปก่อนจะกลับมาตั้งสมาธิกับการฝึกการใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติเพื่อสนับสนุนทีมต่อ

เขาควรจะคิดแต่เรื่องฆ่าไททัน...แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีแต่เรื่องของหัวหน้ารีไวอยู่เต็มหัวไปหมดแบบนี้


แล้วยิ่งคนที่อยู่ในห้วงคำนึงโฉบเข้ามาใกล้...ใบหน้านิ่งหันมามองเขา...ก็ยิ่งทำเอาสมาธิที่พยายามรวบรวมมาถึงกับแตกซ่านอีกครั้ง

จนแม้แต่กิ่งไม้ที่น่าจะหลบพ้น...ก็พุ่งชนเข้าอย่างจัง!!


พลั่ก!!!


ร่างกายรู้สึกได้ว่ากำลังร่วงหล่นลงมา แต่ว่าแขนขาก็ไม่มีแรงจะขยับเขยื้อน ความจุกแน่นที่หน้าท้องกำลังดึงสติของเขาออกไปจากร่างกาย...จนไม่รับรู้อะไรอีกเลย

ไม่ว่าจะเสียงเรียกอย่างตกใจ ไม่ว่าจะอ้อมแขนของใครที่เข้ามารับเขาเอาไว้....ไม่รู้เลย...





เปลือกตาที่หนักอึ้งมาเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน...ความมืดสลัวที่มองเห็นก็บอกไม่ได้เสียด้วยว่าตอนนี้กลางวันหรือกลางคืน...เพราะในห้องห้องนี้มันไม่เคยมีแสงอะไรลอดลงมาถึงอยู่แล้ว

“ หัวหน้า...”    เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกเงาร่างที่นั่งอยู่ข้างเตียง ถึงแม้ว่าจะดีใจจนเผลอยิ้มออกไปเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายนั่งเฝ้าอยู่ตลอดแต่พอมือแข็งแรงข้างนั้นจะเอื้อมมาสัมผัสที่ใบหน้า จู่ๆร่างกายของเขาก็ถอยหนีขึ้นมา...ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ

และอีกฝ่ายก็คงจะรู้ถึงปฏิกิริยาหวาดผวาของเขา...มือข้างนั้นมันถึงได้ชักกลับไป...


“ ผ้าปูที่นอน...เอาไปซักซะ”    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาทั้งๆที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย นัยน์ตาสีขี้เถ้าเสมองผ้าปูที่นอนที่เลอะคราบคาวแห้งกรังอยู่หลายจุด

“ ซักทุกวัน....ไม่ไหวหรอกนะครับ...หัวหน้า”    จะเข้าใจสิ่งที่เขาตั้งใจจะบอกออกไปบ้างไหมนะคนตรงหน้า...ว่าเขาเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...กับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรนั่น

นัยน์ตารีขวางหันกลับมาจ้องเขาพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ใบหน้าดูดุดันขึ้นมาทันที......เข้าใจสินะ

“ หัวหน้า!!”    เขาถึงกับร้องออกไปอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะลุกจากเก้าอี้ ร่างแข็งแกร่งนั่นยังก้าวขาขึ้นมาคร่อมร่างกายของเขาเอาไว้พร้อมกับสองมือที่บีบข้อมือของเขาก่อนจะกดลงกับพื้นเตียง

เสียงร้องห้ามยังคงดังอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับร่างกายของเขาที่ขัดขืนอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ทว่า ใบหน้านิ่งก็ยังคงซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอพร้อมกับแรงกดมหาศาลที่ทำได้แค่ยอมจำนน...คนคนนี้รู้ทุกๆจุดอ่อนบนตัวเขาดียิ่งกว่าใคร


เข้าใจ...แต่ก็ไม่คิดที่จะหยุด...



“ หะ...อ้า...อึ๊ก..ยะ....”    เสียงครางยังคงดังก้องไปทั่วห้อง อุณหภูมิยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆตามแรงกระแทกที่มีแต่จะยิ่งหนักหน่วงขึ้นทุกทีๆ ร่างกายที่ถอยหนีกลับถูกอีกฝ่ายกอดยึดเอาไว้จนทำได้แค่คอยรองรับสิ่งที่สอดใส่เข้ามา...อิสระเพียงอย่างเดียวที่หัวหน้ายอมให้ก็คือริมฝีปาก...ที่เอาไว้ปล่อยเสียงคราง

“ อ๊ะ!!”    ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกเมื่อแกนกายที่ขยับอยู่ในช่องทางคับแน่นสัมผัสลงไปในจุดที่ทำให้รู้ดี...และมันก็ทำให้ละอายทั้งๆที่ในใจไม่ได้ต้องการแต่ร่างกายกลับต้องยอมปล่อยไปตามสัญชาติญาณ

“ ก็รู้สึกดีไม่ใช่รึไง?....เป็นผู้ชายมันก็ต้องหาทางระบายออก...ไม่ว่าจะฮีโร่ที่สูงส่งแค่ไหน...แต่ถ้าเป็นผู้ชาย มันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก”    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ใบหน้านิ่งโน้มเข้ามาใกล้เพื่อตอกย้ำความเป็นจริง ทิ้งให้ช่วงล่างยังคงขยับต่อไป

เขารับฟังถ้อยคำนั้นอย่างมึนเบลอ เพราะหัวใจมันไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว

หัวหน้า...ต้องการจะบอกอะไรกับเขากันแน่?

แล้วทำไมถึงได้เอามันมาระบายกับเขาล่ะ?

เป็นเพราะเขาไม่มีทางสู้ หรือรู้ว่าเขาจะไม่สามารถเปิดปากบอกใครได้? เป็นเพราะว่าเขาถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงไม่มีใครรู้ ไม่มีใครได้ยิน?

ทำไม...

ทำไมถึงเลือกที่จะทำเรื่องแบบนี้กับเขาล่ะ?


หัวหน้า....บอกผมทีว่าทำไม...









ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงค้างคาอย่างหาคำตอบไม่ได้ คำถามมันยังคงกวนใจและวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา

เรียวขาก้าวไปตามระเบียงทางเดินของกองบัญชาการทหารทีมสำรวจ...วันนี้พวกเขาออกมาซ้อมร่วมกับทหารคนอื่นๆ...บางทีการได้พบปะพูดคุยกับใครบ้างอาจจะทำให้เขาคิดถึงเรื่องของหัวหน้าน้อยลงก็ได้

ทั้งๆที่คิดแบบนั้น...แต่พอเห็นทหารที่รูปร่างไม่ได้ต่างไปจากเขายืนพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม...มันก็ทำให้เผลอคิดขึ้นมา

ว่าก่อนที่จะมาเจอกับเขา...หัวหน้าเคยนอนกับทหารคนอื่นมาบ้างหรือเปล่า...

ในเมื่อหัวหน้าเป็นคนบอกเองว่า...เป็นผู้ชายก็ต้องหาทางระบายออก...แล้วถ้างั้นก่อนที่จะมาเจอเขา...หัวหน้าทำเรื่องแบบนี้กับใครล่ะ?

จะใช่คนที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า? หรือจะเป็นคนที่ถือแฟ้มเดินมานั่น?

แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลย

ทั้งๆที่ปฏิเสธมาตลอด ทั้งๆที่คิดว่ามันผิด...แต่กลับอยากให้หัวหน้าทำเรื่องแบบนี้กับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น

ทำ...โดยที่มีความรู้สึกอะไรให้เขาบ้าง...


เอ๊ะ?


ความรู้สึกงั้นหรอ?


ความรู้สึกอะไรกันล่ะ?


อย่าว่าแต่ความรู้สึกของหัวหน้าเลย...

เขาเอง...อยากจะมีความรู้สึกแบบไหนให้หัวหน้า...ตัวเองยังหาคำตอบไม่ได้เลย...







“ เอเลน!!”    เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกเมื่อเขาเดินลอยๆออกไปจากระเบียงทางเดิน พอหันไปก็พบกับเพื่อนๆทหารฝึกหัดรุ่น 104 ที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่

มิคาสะก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยเขาเกินเหตุ...อาร์มินก็ยังคงมีรอยยิ้มที่สดใส...เสียงดังกว่าใครก็ยังคงเป็นโคนี่...คนที่หิวตลอดเวลาก็ยังเป็นซาช่า...ปากที่คอยหาเรื่องเขาก็ยังคงเป็นเจ้าแจน...เบลทรูทก็ยังคงยืนยิ้มโดยไม่ว่าอะไร...มือของไรเนอร์ที่ลูบหัวเขาเบาๆ...ก็ยังคงอบอุ่นและอ่อนโยน

เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และการกระเซ้าเย้าแหย่จากเพื่อนๆทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง...อย่างน้อยเรื่องของหัวหน้าก็ถูกพักไปจากหัวใจได้หลายวินาที


แต่ดูเหมือนคนโหดร้ายคนนั้นก็ไม่คิดจะปราณีเขาเลย...เมื่อจู่ๆก็สั่งให้ทหารมาตามตัวเขาขึ้นไปหาบนห้องทำงานของตัวเอง



“ มะ มีอะไรหรือเปล่าครับหัวหน้า?”   ร่างทั้งร่างถึงกับผงะไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ในห้องตามลำพัง สองขาจึงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู

“ จูบชั้นซะ”   

“ เอ๊ะ?!!”   ขาก้าวถอยหลังโดยไม่ต้องรอสั่งการจากสมอง

“ นี่คือคำสั่ง....เอเลน เยเกอร์”   นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองมาอย่างกดดันนั้นมันทำให้ปฏิเสธไม่ได้...ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดอีก ถึงได้ทำให้หัวหน้าอารมณ์ไม่ดี

ไม่รู้ด้วยซ้ำ...ว่าเขาต้องรับผิดชอบด้วยเรื่องอะไร... 

สองขาก้าวเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาตั้งใจจะทำตามคำสั่งให้เสร็จๆไป เพราะการอยู่กับอีกฝ่ายตามลำพังมันอันตราย...เขารู้ดี...

เพราะพักหลังๆมานี้ หัวหน้าไม่ได้บังคับให้เขามีเซ็กส์ด้วยเฉพาะในห้องของคุกใต้ดินเท่านั้น...แต่ไม่ว่าที่ไหนที่อีกฝ่ายต้องการ...เขาก็จะถูกบังคับให้ทำจนได้

ใบหน้ายื่นเข้าไปหลับหูหลับตาจูบอีกฝ่ายที่ริมฝีปากเบาๆ แต่ในขณะที่ละออกมา ร่างทั้งร่างก็ถูกหัวหน้าจับพลิกลงไปนอนอยู่บนโซฟา สองขาก้าวมาคร่อมเขาเอาไว้ แล้วการจู่โจมราวกับสัตว์ร้ายก็เริ่มต้นขึ้น...ทั้งที่ซอกคอ...ทั้งส่วนอ่อนไหวที่เบื้องล่าง

“ หัวหน้า....ที่นี่มันในห้องทำงานนะครับ เดี๋ยวใครเข้ามา......”      สองมือพยายามผลักไสอีกฝ่ายออกไปด้วยท่าทางตื่นๆ ถึงแม้ร่างกายจะเริ่มสั่นระริกจากความต้องการที่ถูกปลุกเร้าด้วยฝ่ามือของคนข้างบน แต่ใบหน้าก็ยังคงหันไปมองประตูอย่างหวาดๆเพราะอาจจะมีใครเดินเข้ามาก็ได้

“ ถ้ากลัวใครจะเห็นก็รีบๆให้ชั้นทำซะ”     แล้วคำพูดของหัวหน้าก็พาให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบ...ไม่คิดจะฟังคำขอร้องของเขาสักครั้งเลยงั้นหรอ...

“ มันต้องไม่ทำไม่ใช่หรอครับ....หัวหน้า....นี่...”   ต่อให้ใช้น้ำเสียงเว้าวอนพยายามขอร้องยังไงอีกฝ่ายก็ยังคงทำมันต่อไป...หัวหน้าเห็นเขาเป็นอะไรกันแน่?...คงไม่ใช่แค่ตัวอย่างการทดลองแล้วละแบบนี้

ริมฝีปากได้แต่เม้มแน่น...ทั้งพยายามห้ามเสียงคราง...ทั้งพยายามห้ามสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัว...

ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ว่าหัวหน้าเห็นเขาเป็นอะไร...เพียงแต่พยายามจะหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่...


มันไม่ใช่....



ได้ยินเสียงของมิคาสะที่กำลังตามหาเขาแว่วอยู่แถวๆหน้าห้อง ริมฝีปากยิ่งต้องกัดแน่นเพื่อไม่ให้เสียง....เล็ดลอดออกไป

ยิ่งคนข้างบนเห็นว่าเขาต้องห้ามตัวเองมากแค่ไหน ทรมานเท่าไหร่ ช่วงล่างมันก็ยิ่งใส่เข้ามาไม่ยั้ง


หัวหน้า...ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเขาเลย...



ร่างกายขยับไปตามแรงกระแทกที่ฝืนใส่เข้ามาอย่างไม่ปราณี ต่อให้ถอยหนีก็ยังคงถูกท่อนแขนแข็งแรงนั่นกอดยึดเอาไว้ให้ต้องรองรับอารมณ์ร้ายๆของอีกฝ่าย....กว่าทุกอย่างจะจบลง...หัวใจของเขาก็แทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เขาถูกทิ้งให้นอนหอบหายใจอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสั่นพร่าได้แต่เหลือบมองร่างกายที่สั่นระริกของตัวเอง

จะต้องทำเรื่องแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน...


“ เอเลน....”   มือที่เหมือนจะยื่นเข้ามาถูกเขาปัดออกไป

“ ช่วยเลิกทำเรื่องแบบนี้กับผมซักทีเถอะครับ  ถ้าคุณไม่ได้รักผม....ผมไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ที่คุณนึกอยากจะทำที่ไหนเมื่อไหร่ก็ทำได้นะครับ”     


ไม่รู้ว่าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน ไม่รู้ว่าทำไมถึงห้ามตัวเองไม่อยู่ ถึงได้เอ่ยคำที่ไม่อยากจะรับรู้นั่นออกไป

ทั้งๆที่หลอกตัวเองมาตลอด...ว่ามันไม่ใช่...


แต่การกระทำของหัวหน้า...มันก็ทำให้เขาเข้าใจได้แค่นี้


เขาลุกขึ้นแต่งตัวก่อนที่จะเดินโซเซออกมาช้าๆ...หัวหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่อยากจะรับรู้ความเป็นจริงที่คงจะยิ่งตอกย้ำสถานะของตัวเองเข้าไปอีก

ถูกมองว่าเป็นไททัน เป็นอาวุธ หรือเป็นตัวอย่างการทดลอง...มันยังจะดูมีค่ามากกว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้เสียอีก




สองขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่สวนในคอร์ตเล็กๆ  สีเขียวขจีของผืนหญ้าทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นพอจะสงบลงได้บ้าง


ถ้าคุณไม่ได้รักผม......อย่างงั้นหรอ?


รัก...อย่างงั้นหรอ?


นี่เขาพูดอะไรออกไป...


ความชื่นชมที่มีต่อหัวหน้า มันเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เพราะร่างกายมีความสัมพันธ์กันน่ะหรอ?


ไม่สิ...


หัวใจของเขาเองมีหรือที่เขาจะไม่รู้....ว่าความชื่นชมมันไม่ได้เปลี่ยนไป...แต่สิ่งที่เขาเข้าใจแบบเด็กๆว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นฮีโร่...มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นมาตั้งแต่แรก....


ที่จริงแล้ว...เขารักหัวหน้ามาตั้งแต่แรก....?


แต่ไม่รู้ว่ามันคือความรัก...ก็เพราะว่ายังเด็กเกินไป?


รัก...แบบที่คนคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้...



ร่างทั้งร่างนั่งลงที่ม้านั่งข้างๆสวนด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งค้างไปกับสิ่งที่อยู่ในหัวของตัวเอง

พูดอะไรไม่ออก...กับความรู้สึกที่เพิ่งจะเข้าใจของตัวเอง...


นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆหลุบลงมาทอดมองดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่



แต่ถึงจะรู้...แล้วจะให้ทำยังไงได้....

เพราะเขาคงได้แต่รักอีกฝ่ายอยู่ข้างเดียว....








เสียงถอนหายใจดังไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ เขานั่งกอดเข่าใจลอยอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่แต่ก่อนมันคงจะเป็นห้องรับแขกของปราสาทหลังนี้ ใบหน้าเหม่อมองสายฝนกระหน่ำกับบรรยากาศดำมืดราวกับพายุเข้าของภายนอกผ่านหน้าต่างกระจกโค้งบานใหญ่ แสงสว่างวาบชั่วพริบตาก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าฟังดูน่ากลัว

ทั้งฝนที่เทลงมากับสายฟ้าที่ฟาดไม่หยุดทำให้เขาไม่ได้ยินว่ามีใครมุ่งหน้ามายังปราสาท จนกระทั่งเห็นสองรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาทางประตูในสภาพเปียกโชกถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนเพิ่งจะกลับมาถึง

“ อ้าวเอเลน? ทำไมมานั่งอยู่มืดๆแบบนี้ล่ะ?”   คุณเอิร์ดทักขึ้นเมื่อมองเห็นเขานั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา โดยมีเพียงตะเกียงที่โดนลมพัดวูบไปวูบมาอยู่ตรงหน้าแค่ดวงเดียว

“ หนาวแหะ...”   คุณกุนเธอร์เสียบคบไฟอันใหญ่ไว้ที่ผนัง ทำให้ห้องที่เย็นยะเยือกดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ทั้งสองคนค่อยๆถอดอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติที่เปียกโชกออกวางไว้กับพื้น คงตั้งใจจะนั่งเช็ดมันตรงนี้

“ ดูท่าพายุจะเข้าทั้งคืนเลยนะ...จู่ๆก็มาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเด็กที่เกิดอุบัติเหตุนั่นจะเป็นยังไงบ้าง”    บทสนทนาของทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลย แต่เพราะนั่งอยู่ตรงนั้นมันจึงเข้าหูมาอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ

“ เป็นท็อปของรุ่นไม่ใช่หรอ? คงไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง? นี่เอเลน...นายรู้จักหรือเปล่า เด็กผู้หญิงผมดำๆที่เป็นหัวกะทิของรุ่นนายน่ะ”    ทว่า...สิ่งที่เพิ่งได้ยินทำให้เขาถึงกับตัวชา

“ มิคาสะ?....”

“ อื้อ...น่าจะชื่อนั้นแหละ”

“ เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?!!”    เขาพุ่งเข้าไปถามอีกฝ่ายด้วยความตกใจ เพราะมัวแต่คิดเรื่องของตัวเองทำให้ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมิคาสะ

“ ก็...เด็กนั่นตกลงมาจากหอคอยของกองบัญชาการ เหมือนจะขึ้นไปเก็บอะไรสักอย่างเพราะพายุเข้ากะทันหัน...รู้สึกว่าสลิงของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติจะมีปัญหาน่ะ”    หัวใจแทบจะหล่นวูบไปเมื่อได้ฟัง สองมือจึงตรงเข้าไปเขย่าแขนของคุณกุนเธอร์โดยไม่รู้ตัว

“ แล้วเธอเป็นยังไงบ้างครับ บาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า?!”    เขาถามออกไปเสียงดังเพราะเป็นห่วงมิคาสะ

“ ไม่รู้เหมือนกัน...พวกเรารีบกลับมาก่อนที่จะมาไม่ได้น่ะ...”     ทั้งสองคนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ

และด้วยความเป็นห่วงจนทำให้เริ่มร้อนลน เขาจึงลุกขึ้นก่อนจะโพล่งออกไป

“ ผมจะไปดูมิคาสะ”    สองขาเตรียมจะก้าวไปอย่างที่ใจคิด ถ้าไม่ติดที่สองรุ่นพี่พยายามดึงตัวเขาเอาไว้

“ เฮ้ยเอเลน! ไปตอนนี้ไม่ได้! พายุเข้าหนักมาก มันอันตราย!”    แต่เขาก็ยังคงดื้อและไม่คิดที่จะฟัง


จนกระทั่ง...


“ เกิดอะไรขึ้น?”   เสียงทุ้มของหัวหน้าดังอยู่ที่ปลายบันไดด้านบน นัยน์ตารีขวางมองลงมาจนขาทั้งสามคู่ถึงกับหยุดชะงัก







ตุ้บ!!!







" หัวหน้า!"   เขาถูกมือที่แข็งแรงดั่งคีมเหล็กลากลงมายังคุกใต้ดิน ร่างทั้งร่างถูกเหวี่ยงลงไปที่เตียงก่อนที่โซ่และสายหนังจะยึดข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้กับผนัง

“ ปล่อยผมนะครับ! ผมจะไป! ผมต้องไปดูมิคาสะ!!”    ปากของเขายังคงตะโกนโวยวาย ร่างกายยังคงดิ้นรนให้หลุดพ้นไปจากการคุมขัง...เพราะความเป็นห่วงทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลัง...ไม่คิด...ว่าจะทำให้หัวหน้ารีไวโกรธขนาดไหน

ใบหน้าทะมึนเหยียดมองเขาด้วยสายตาดุดันก่อนที่จะหันหลังแล้วเตรียมจะเดินจากไป ถ้าเป็นปกติเขาคงจะยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ แต่ครั้งนี้เพราะกำลังร้อนใจ ปากจึงไม่คิดจะเก็บสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้อีก

" คุณไม่มีสิทธิ์จะขังผมไว้แบบนี้ตลอดไปนะครับ!!...ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆผมก็ไม่มีวันขัดคำสั่งหัวหน้าหรอก...ได้โปรดปล่อยผมไป....แค่ครึ่งวันก็ได้...."   นั่นคงจะเป็นการขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเป็นครั้งแรกและเพราะแบบนั้นคนที่กำลังจะออกไปจากห้องจึงตรงดิ่งกลับมาหาทันที มือแข็งแรงกระชากข้อมือของเขาให้เผชิญหน้ากันในระยะที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจก่อนที่คำพูดโหดร้ายจะถูกเอ่ยใส่หน้า

" ไม่ให้ไป!....แล้วก็จำเอาไว้ว่าชั้นมีสิทธิขังนายให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะตายเลยก็ยังได้......ชั้นมีสิทธิในตัวนายทุกอย่างไอ้หนู..."     

" หัวหน้า!"    นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องลึกลงมาที่ดวงตาของเขา คำพูดที่ทำเอาเจ็บไปถึงข้างในทำให้รู้สึกน้อยใจจนอยากจะร้องไห้ ตอนนั้นเขาไม่ยอมรับรู้อะไร ไม่ยอมรับรู้ว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่ยอมให้เขาไป

เพราะในห้องที่แสงส่องไม่ถึงนี้...มันไม่สามารถมองเห็นว่าข้างนอกพายุกำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งขนาดไหน

ไม่เห็น...ว่าที่อีกฝ่ายทำลงไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อตัวเขาเอง


" ผมขอร้อง...."    ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้เขาจึงเริ่มใช้ไม้อ่อนโดยการอ้อนอีกฝ่าย น้ำเสียงเว้าวอนจนหัวหน้าเริ่มเงียบไป....จะเผลอใจอ่อนให้เขาบ้างไหมนะผู้ชายคนนั้น....

เขาที่เชื่อฟังอีกฝ่ายมาตลอดถึงกับขึ้นเสียง ถึงกับก้มหัวขอร้องอ้อนวอน...เพราะมิคาสะคือคนสำคัญของเขา

และหัวหน้าก็คงจะรับรู้ได้จากสิ่งที่เขาทำลงไป ใบหน้านิ่งเฉยจึงดูเหมือนกำลังนิ่งคิด

" .........."

" หัวหน้า....."   

" ก็ได้.......ถ้านายลุกไหว....ฉันก็จะอนุญาติให้ไป"  จากความดีใจแปรเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา ร่างกายรับรู้ได้ถึงอันตรายจนถึงกับเริ่มถอยหนี แต่ข้อมือที่ถูกจับยึดเอาไว้ก็ทำให้หนีไปไหนไม่ได้

" หัวหน้า! ไม่เอานะครับ!"    มือแข็งแรงกดเขาลงกับพื้นเตียงก่อนจะกระชากเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า

เขาพยายามจะหนีเพราะจู่ๆก็รู้สึกกลัวอีกฝ่ายขึ้นมา....ไม่เหมือนทุกที....วันนี้ใบหน้าที่นิ่งเฉยนั้นมันมืดมนจนเขารู้สึกได้...อยู่ดีๆก็โกรธอะไรขึ้นมา? เขาทำอะไรให้ไม่พอใจหรือไง?

ต้นคอถูกดันให้ริมฝีปากไปจ่ออยู่ที่แกนกายของอีกฝ่าย ปลายคางถูกบีบให้รับมันเข้าไปก่อนที่มันจะค่อยๆขยายจนเต็มปาก ลิ้นสัมผัสรสชาติแปลกๆจนไม่กล้าจะเปิดตามอง สองแก้มร้อนเป็นไฟเพราะทำยังไงก็ไม่คุ้นเคยที่จะทำแบบนี้เสียที ผนังภายในเสียดสีจนแทบจะหายใจไม่ออก ได้แต่ปล่อยใบหน้าให้ขยับไปตามฝ่ามือที่ควบคุมหัวของเขาอยู่

" อื้อ!!"    น้ำอุ่นร้อนฉีดพุ่งออกมาในจังหวะที่อีกฝ่ายดึงหัวของเขาออก บางส่วนไหลเข้าไปในปาก บางส่วนไหลเลอะออกมา บางส่วนกระเด็นอยู่บนใบหน้า

ร่างกายละออกมาหอบหายใจ นัยน์ตาเผลอเหลือบมองหน้าอีกฝ่าย สายตาที่ส่งกลับมามันมีแต่ความต้องการอย่างไม่ปิดบัง

และกว่าจะทันตั้งตัว ความเป็นชายของอีกฝ่ายก็ฝังเข้ามาในร่างกายที่สั่นระริกของเขาแล้ว...

การกระทำที่ใกล้เคียงกับคำว่าข่มขืนยังคงดำเนินต่อไปทั้งคืน...ท่ามกลางเสียงคราง เสียงหอบหายใจ เสียงร้องไห้อ้อนวอน

กลิ่นคาวของน้ำสีขุ่นที่ถูกปล่อยออกมาไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งคลุ้งอยู่ทั่วห้องโดยมีกลิ่นเลือดผสมผสานอยู่เบาบาง ความรุนแรงที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้สองขาสั่นระริกรับไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายจึงได้แต่ปล่อยให้โงนเงนก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ

คำพูดสุดท้ายเอ่ยลอยๆออกจากปากก่อนที่เขาจะสลบไปทั้งๆที่เพิ่งจะเริ่มรอบใหม่....

“ เธอคือครอบครัวเพียงคนเดียวของผมที่เหลืออยู่...ผมผิดหรอครับที่จะเป็นห่วงเธอ...คุณถึงต้องลงโทษผมแบบนี้...”








มือที่จะเอื้อมไปลูบใบหน้ามนของคนที่ยังหลับใหลได้แต่ชะงักค้างไป ก่อนที่มันจะทำได้แค่กำมือแล้วชักกลับมา...

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองไปยังร่างกายเปลือยเปล่าที่ยังมีร่องรอยความรุนแรงเหลือทิ้งเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด...ในใจรู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้งที่สายตาไล่ไปตามร่องรอยที่เกิดจากน้ำมือของตัวเอง....เผลอทำร้ายเด็กนี่ไปอีกแล้วจนได้....ทั้งๆที่นัยน์ตาสีมรกตนั่นร้องไห้แต่ทำไมเขาถึงไม่คิดจะหยุด

คำพูดสุดท้ายก่อนที่เด็กนี่จะสลบไปมันยังจุกแน่นอยู่ในอก

ใช่...เขาต้องการจะลงโทษ...ไม่ใช่แค่เรื่องที่อีกฝ่ายไม่รักตัวเองจนจะก้าวออกไปเสี่ยงอันตราย...แต่เรื่องที่ทำให้เขาโมโหจนหน้ามืดขนาดนี้คงต้องยอมรับเสียทีว่าเขาหวง...เขาหึง...เขาไม่พอใจที่ในสายตาของเด็กนี่มีแต่เด็กผู้หญิงคนนั้น

ทำไมถึงไม่เลิกมองว่าเขาเป็นฮีโร่เสียที...

ทำไมถึงไม่มองว่าเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆที่ต้องการทำเรื่องแบบนี้กับคนที่รัก...


นัยน์ตาทอดมองไปยังใบหน้าที่ดูจะซูบซีดไม่สดใสเหมือนเดิม...เห็นทีว่าเขาคงต้องคิดเรื่องของเด็กนี่อย่างจริงจังเสียทีว่าจะเอายังไง...ก่อนที่ร่างโปร่งบางนี้จะแตกสลายไปคามือ

จากที่ต้องการแค่จะสั่งสอนให้รู้ว่าฮีโร่มันไม่มีอยู่จริงและอย่าคิดจะมาล้อเล่นกับหัวใจของเขา....กลับเป็นตัวเองที่ถลำลึกลงไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


ร่างแข็งแกร่งลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง สองขาพาตัวเองมาเดินอยู่ในสวนซึ่งบัดนี้มีแต่ความเงียบงัน

ปล่อยให้จันทรากับราตรีกาลช่วยสงบสติอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน

ให้มันค่อยๆคิด...ค่อยๆพิจารณาให้ดี...ว่าจะยอมปล่อยมือจากคนที่คงจะเห็นว่าเขาเป็นได้แค่ฮีโร่ไป หรือจะเดินหน้าต่อเพื่อให้ได้หัวใจดวงนั้นมาครอบครองถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามอันยาวนาน ถึงแม้ว่ามันอาจจะต้องแลกมาด้วยน้ำตาและความเจ็บปวดของทั้งเขาทั้งเด็กนั่นอีกไม่รู้กี่ครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงที่เด็กนั่นอาจจะทนไม่ไหวแล้วแตกสลายไปเสียก่อน

ค่อยๆคิดให้ดีถึงความเหมาะสม...ทั้งในหน้าที่ที่คนอย่างเขาไม่ควรจะมีหัวใจให้สัตว์ร้ายที่สักวันอาจจะต้องลงมือฆ่าด้วยตัวเอง...ทั้งในเรื่องของอายุที่ต่างกันมาก ตัวเขาถือว่าพรากผู้เยาว์ยังไม่เท่ากับการไปปิดกั้นโลกที่ยังไม่ทันจะได้เห็นของเด็กนั่นด้วยการทำให้เป็นของตัวเองไปก่อนแบบนี้...ทั้งในเรื่องของศีลธรรมประเพณีที่เราต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

ค่อยๆคิดให้ดี.....


ค่อยๆคิดให้ดีๆ..........



ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์จนกระทั่งมันลาลับขอบฟ้า



ต่อให้ในใจจะมีเหตุผลมากมายมาหักลบ แต่จุดจบของคำตอบกลับมีเพียงหนึ่งเดียว




ในเมื่อเหตุผลทั้งหมดรวมกัน...มันไม่มีน้ำหนักเท่า "รัก" คำเดียว




เขาคงต้องยอมรับสักที....ว่าจากนี้ไปคงขาดเด็กนั่นไม่ได้...


อย่างน้อยก็คงต้องบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป...และต่อให้ถูกปฏิเสธ...เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเด็กนั่นไป

ยังไงก็จะต้องทำให้หัวใจดวงนั้นเป็นของเขาให้ได้...แน่นอนว่าไม่ใช่ในฐานะ...ฮีโร่...



กลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นลอยมาแตะจมูก....มันขึ้นอยู่ที่มุมด้านขวาของสวนสินะ...








ร่างโปร่งบางเดินขึ้นมาจากคุกใต้ดินช้าๆ...สรุปว่าเขาก็ไม่ได้ออกไปดูมิคาสะ เพราะตัวเองก็ลุกไม่ขึ้นไปสองวันเต็มๆ

แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะรู้ข่าวจากพวกรุ่นพี่ ว่ามิคาสะไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่แผลถลอกกับซ้นนิดหน่อย

เขาเองยังอาการหนักกว่าตั้งเยอะ...

ใบหน้าเหม่อมองที่ปลายบันไดก่อนจะลอบถอนหายใจ...ไม่อยาก...เจอหัวหน้าเลย...

แต่เหมือนอีกฝ่ายก็จะรู้ว่าเขาไม่อยากเจอถึงได้มานั่งรออยู่ที่โซฟาซึ่งจะเห็นก่อนใครถ้าเขาเดินขึ้นมา ร่างกายถึงกับเกร็งไปเล็กน้อย ต้องพยายามบังคับขาไม่ให้ก้าวหนี เรื่องโหดร้ายที่หัวหน้าทำดูเหมือนจะฝังลึกลงไปในกระดูกดำ ทุกๆส่วนมันถึงยังจำได้ดี

“ เอเลน”    เสียงเรียกทำให้สะดุ้งโหยง ใบหน้าก้มลงมองพื้นอย่างไม่กล้าสบสายตา......เขากลัว...

“ คะ ครับ....”   เสียงที่ตอบออกไปทั้งแผ่วเบาทั้งตะกุกตะกัก และเพราะว่าก้มหน้าจึงเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมายืนประชิดตัวเมื่อข้อมือถูกกระชากขึ้นไปจับเอาไว้ ร่างทั้งร่างสั่นระริกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ หะ หัวหน้า...”   ยังไม่ทันจะได้เงยหน้ามอง ร่างแข็งแกร่งก็ออกแรงลากให้เขาเดินตามไป


ก่อนที่ขาทั้งสองคู่จะไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าสวนภายในปราสาท...


ใบหน้ามนกวาดมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ ไม่รู้ว่าคนอารมณ์ร้ายนี่จะทำอะไรเขาอีก

“ ไปหาดอกซ่อนกลิ่นมาให้ชั้น”   คำสั่งที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงนิ่งๆทำให้เขามองหน้าอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากอ้าค้างน้อยๆ


บังคับให้เขาไปหาดอกไม้?


การกระทำที่ไม่เข้ากับหน้าทำให้เขาเผลอมองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไร....อย่างน้อยก็ยังดีกว่าถูกบังคับให้มีเซ็กส์


เขาเดินเข้าไปในสวนช้าๆโดยมีอีกฝ่ายยืนจ้องอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ใบหน้ากวาดมองหาดอกซ่อนกลิ่นที่ว่า

จริงๆเขาเคยเห็นมันแค่ในภาพวาดเท่านั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะควานหาดอกไม้ที่ไม่รู้จักในสวนที่ปลูกดอกไม้เต็มพื้นที่แบบนี้

แต่ก็น่าแปลกนะ...พอได้มายืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นที่หอมหวานและสีสันที่สดใส มันกลับช่วยเยียวยาจิตใจที่ห่อเหี่ยวของเขาให้พองโตขึ้นมา...ถ้าไม่ติดที่ว่าจะมีสายตาโหดๆจ้องอยู่ละก็นะ...

หัวหน้าจะเอาดอกไม้นั่นไปทำอะไรกันนะ?

จากแสงแดดอ่อนๆของยามสายเริ่มจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังดีที่ยังมีเงาของปราสาทมาบังบางส่วนเอาไว้ให้ อีกทั้งอากาศก็ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่ เขาจึงยังคงหาดอกไม้นั่นต่อไปโดยไม่ลำบากอะไร

ร่างโปร่งบางคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะแหวกกอดอกไม้ที่สูงพอมิดหัวก่อนจะคลานหาไปทั่ว ทั้งใบไม้ ทั้งกลีบดอกไม้ติดอยู่เต็มตัว แต่ใบหน้าของคนที่เลอะเทอะกลับอมยิ้มเพราะนึกถึงวัยเด็กที่เคยเล่นซนแบบนี้จนแม่ต้องมาลากกลับบ้าน

กลิ่นดอกไม้หอมๆชวนให้หันไปมอง...เท่าที่จำได้รู้สึกในหนังสือจะเขียนไว้ว่าดอกซ่อนกลิ่นนั้นมีกลิ่นหอมที่รุนแรง

โดยเฉพาะเวลากลางคืน...

แต่ดอกไม้ที่เขาหันไปเห็นเป็นแค่กุหลาบธรรมดาๆ เขาจึงได้แต่คลานหลบหนามแล้วหาต่อไป

เวลาล่วงเลยไปจนบ่าย หัวหน้าเอาขนมปังมาวางไว้ให้ เขาแอบออกไปกินแค่แป๊บเดียวก่อนจะเข้ามาคลุกอยู่ในสวนต่อ  จากคลานไปตามพื้นหญ้าเริ่มลงไปกลิ้งไปกลิ้งมา และเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหน้าโหดๆที่ยังยืนจ้องเขาอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ร่างกายเลยจำต้องพลิกกลับมาหาดอกไม้นั่นต่อ...จนกระทั่งแสงแดดเริ่มจะหายไป...ยามเย็นค่อยๆใกล้เข้ามา

จากด้านหน้าหาไปจนสุดด้านหลัง จากด้านซ้ายในที่สุดก็หามาถึงด้านขวา....


แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็ต้องหยุดจ้องมองดอกไม้ช่อหนึ่ง...ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์....


กลีบดอกที่ไม่เท่ากันสลับซับซ้อนอยู่ในหนึ่งดอก โคนช่อสีเขียวไล่เรียงกันขึ้นไปตั้งแต่ดอกที่บานเต็มที่ไปจนถึงดอกที่ยังตูมอยู่ นับๆดูแล้วก็มีไม่ต่ำกว่า 20 ดอก กลิ่นหอมที่หอมยิ่งกว่าดอกไม้ไหนๆทำให้สายตาไม่สามารถจะละจากมันไปได้...

น่าแปลก...ทั้งๆที่เขาก็เดินผ่านตรงนี้มาหลายรอบ...แต่กลับเพิ่งได้กลิ่นที่หอมมากขนาดนี้...และเมื่อเงยหน้ามองไปรอบกายก็เริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อย

เป็นเพราะเย็นย่ำใกล้จะพลบค่ำเต็มที...

ดอกไม้นี่เก็บซ่อนกลิ่นหอมเอาไว้ในเวลากลางวัน...แล้วจะส่งกลิ่นที่ยวนใจในเวลากลางคืน

จะว่าเป็นดอกไม้ขี้อายหรือเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมให้ใครรู้จักดีนะ?

เขาได้แต่อมยิ้มก่อนจะแตะปลายนิ้วลงไปบนกลีบดอกสีขาวอย่างแผ่วเบา ความบอบบางเล่นเอาไม่กล้าจะตัดมันออกมาจากโคนต้นเลยทีเดียว



ร่างโปร่งบางกลับมายืนอยู่ตรงหน้าร่างแข็งแกร่งด้วยเนื้อตัวมอมแมม มือบางยื่นช่อดอกไม้สีขาวให้โดยไม่หลงเหลืออาการหวาดผวาเอาไว้อีก

“ ชั้นให้นาย”    แต่ยังไม่ทันที่มือแข็งแรงจะยื่นมารับ ใบหน้านิ่งกลับพูดออกมาแบบนั้น

“ เอ๋??”   ใบหน้ามนจึงได้แต่อุทานออกมาอย่างงงๆ...นี่บังคับให้เขาไปหาดอกไม้นี่จนทั่วสวน...เพื่อจะให้มันกับเขาเนี่ยนะ?

ใบหน้านิ่งสะบัดหนีก่อนที่จะเดินจากไปง่ายๆ ทั้งๆที่ยืนเฝ้าเขามาทั้งวัน? 

เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังของหัวหน้าไปด้วยสายตาพิศวง ก่อนจะตัดสินใจเดินถือช่อดอกซ่อนกลิ่นเข้าไปในปราสาทด้วยท่าทางงงๆ


หรือว่าดอกไม้นี่...จะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่?


จากห้องทานอาหารเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังห้องสมุดที่เรียกไม่ค่อยจะได้ว่าห้องสมุดของทีมสำรวจ เพราะทุกครั้งที่เปิดเข้าไปเขาก็แทบจะสำลักฝุ่นตาย

ดอกซ่อนกลิ่นถูกวางอย่างทะนุถนอมบนโต๊ะตัวยาว ก่อนที่เขาจะค่อยๆรื้อๆค้นๆหาหนังสือที่ไม่น่าจะมีอยู่ในห้องสมุดแห่งนี้ด้วยความหวังอันริบหรี่

แต่มันก็มีอย่างไม่น่าเชื่อ....

หนังสือที่ปกเขียนเอาไว้ว่า “ภาษาของดอกไม้”


เขาเปิดหน้ากระดาษที่เหลืองกรอบอย่างแผ่วเบาก่อนที่นัยน์ตาจะไล่หา “ดอกซ่อนกลิ่น” ช้าๆ...หน้าแล้วหน้าเล่า....


จนกระทั่งเขาก็หามันเจอในที่สุด...


แล้วนัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้างพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระรัว...สายตาไล่อ่านตัวอักษรในหน้านั้นวนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ


เขาอ่านไม่ผิดใช่ไหม...


นี่มันคือความหมายของดอกไม้นั่นจริงๆน่ะหรอ....



คือความหมาย...คือภาษา...ที่หัวหน้าต้องการจะบอกกับเขา.....




“ ฉันหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกรักเธอก่อน...”



นั่นคือภาษาดอกไม้...ของดอกซ่อนกลิ่น.....



หยิ่งเกินกว่า...ที่จะ “บอกรัก” เขาก่อน....



สองมือทิ้งลงข้างๆลำตัว หัวใจก็ยังคงเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ใบหน้าได้แต่เหม่อลอยอย่างใช้ความคิด...คิด....และทบทวนทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกการกระทำที่หัวหน้าทำกับเขา

และหากใส่คำว่ารักลงไปในทุกการกระทำ...เรื่องที่อีกฝ่ายทำมันก็จะเป็นแค่สิ่งที่คนรักมอบให้กันเพียงแค่นั้น

ไม่ว่าจะความเป็นห่วง ความหึง ความหวง รวมไปถึงความต้องการในเรื่องแบบนั้นด้วย


ผู้ชายคนนั้นทำลงไป...เพราะรักเขา?


จู่ๆขอบตาก็ร้อนผ่าว และเมื่อปลายนิ้วแตะลงไปก็ให้รู้สึกเปียกชื้น.....น้ำตางั้นหรอ?

มันไหลออกมาเพราะความดีใจอย่างงั้นหรอ?


เขาหันไปคว้าดอกซ่อนกลิ่นแล้วหลับหูหลับตาวิ่งออกมา....วิ่งไปเรื่อยๆเพื่อตามหาคนที่ให้ดอกไม้นี่กับเขา...


แล้วเงาร่างที่คุ้นตาก็ยืนอยู่ที่หน้าสวนที่เขาเพิ่งจะเดินจากไปเมื่อไม่นาน

“ หัวหน้า!!”    เขาตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะอายใคร ร่างทั้งร่างกระโดดเข้าไปก่อนที่อีกฝ่ายจะอ้าแขนรับแทบไม่ทัน

“ เอเลน?”    ใบหน้านิ่งดูจะตกใจเมื่อเห็นเขาร้องไห้ เขามองอีกฝ่ายพลางสะอื้นน้อยๆ สองแขนกอดกระชับลำตัวหนาเอาไว้ก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่แผงอกอบอุ่น


“ ผมรักคุณ....ผมรักคุณ....ผมรักคุณหัวหน้ารีไว”


คำพูดปนสะอื้นของเขาทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าถึงกับเบิกกว้าง สองมือย้ายมาประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ก่อนจะจ้องมองมาราวกับไม่เชื่อสายตา

“ พูดให้ชั้นฟังอีก เอเลน”    เสียงของหัวหน้าสั่นน้อยๆ นัยน์ตาที่ไม่เคยสนใจอะไรกลับสั่นไหวอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากใบหน้าของหัวหน้ารีไว

หัวหน้าเองก็ไม่เคยมีความมั่นใจในเรื่องของความรักเหมือนเขาสินะ...

ต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักตน ต่างคนต่างคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความรักข้างเดียว

ทั้งๆที่หัวใจทั้งสองดวงต่างก็ตรงกัน...

เขายิ้มออกไปทั้งน้ำตา...ดีใจจนห้ามไม่ให้มันไหลลงมาไม่ได้...

สองแขนกอดหัวหน้ารีไวแน่นซึ่งสองแขนแข็งแรงก็กอดเขาตอบเช่นกัน หัวใจที่โหยหาอ้อมแขนนี้มานานต่างจมอยู่กับมัน บรรยากาศยามราตรีที่รายรอบไปด้วยดอกไม้ราวกับอยู่ในความฝัน

และกลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นก็โชยมาแตะจมูก

เป็นกลิ่นหอมที่หอมยิ่งกว่าใคร

โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มืดมิด


ใบหน้ามนละออกมาก่อนที่ดวงตาทั้งสองคู่จะสบประสานกัน ความเจ็บปวดที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะถูกกลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นกลบไปจนหมด...จากนี้ไปไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรเขาก็จะไม่กลัวทั้งนั้น เพราะรู้ว่าจะมีคนคนนี้ยืนอยู่เคียงข้างเสมอ

ไม่ว่าจะอีกสิบวันหรือพันปี...เขาก็จะรักแต่ผู้ชายคนนี้ตลอดไป....



“ คุณอาจจะหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกว่ารักผมได้ก็ไม่เป็นไร...เพราะจากนี้ไปผมจะเป็นฝ่ายบอกรักคุณเองครับหัวหน้า”

“ ผมรักคุณ....ผมรักคุณ....ผมรักคุณ....ผมรักคุณ......”




“ ผมรักคุณ”







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Tuberose

FIN





ยังคงความเป็น "ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง" จนกระทั่งตอนสุดท้าย กร๊ากกกกก อ่านไม่รู้เรื่องยังไง ก็ยังไม่ปะติดปะต่ออยู่อย่างงั้น ^ ^"" อ่า...ถ้าอ่านคู่กับตอนที่ 10 ก็น่าจะเข้าใจขึ้นมั้งนะ TvT

และแล้วมันก็จบจริงๆซักทีนะคะฟิคเรื่องนี้ เหะเหะ  อ๊ากกกกกก อยากจะวิ่งสครีมรอบบ้านจริงๆเลยค่ะตอนที่เขียนคำว่า FIN ที่ท้ายตอน ในที่สุด...ในที่สุด....*ซับน้ำตาแป๊บ*  รวมเล่มเจอกันวันที่ 12 แน่นอนค่ะ โฮววววววว (เพิ่งจะมั่นใจเร๊อะ?!!)

ตอนนี้ยังบอกรายละเอียดอย่างราคาไม่ได้อ่ะนะ เพราะกว่าจะรู้ก็ตอนส่งโรงพิมพ์แล้วนั่นแหละ ซึ่งราคาก็แปลผันตรงกับจำนวนหน้าที่ไม่คิดว่าจะหนาขนาดนี้ = =" ตอนแรกกะ 300หน้าชิลๆแล้วเชียวนะ 555 แล้วมันมาจากไหนอีกวะเนี่ย =[ ]=!!

อะ เอาเป็นว่า เดี๋ยวมาแจ้งรายละเอียดรวมทั้งวิธีการสั่งจองที่โกดังแห่งนี้อีกที ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้นะคะ ^ ^

จะเปิดจองพร้อมกันทั้งทางไปรษณีย์และคนที่ไปรับในงานค่ะ

สำหรับคนที่รับทางไปรษณีย์ ก็ส่งรายละเอียดมาทางอีเมล์ตามที่จะแจ้งอีกครั้งวันที่ 12 จากนั้นก็รอเมล์ตอบกลับจากข้าพเจ้าเรื่องรายละเอียดการโอนเงินค่ะ พอโอนเงินแล้วก็เมล์แจ้งข้าพเจ้า จากนั้นข้าพเจ้าก็จะออกไปส่งหนังสือให้ค่ะ

สำหรับคนที่ไปรับในงานไททันโอนลี่วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ไปจ่ายเงินที่บูทได้เลยค่ะ แต่รบกวนมาลงชื่อจองไว้ก่อนน้า เพราะอาจจะขนไปเผื่อไม่เยอะค่ะ คุณกวางแก่แล้ว หิ้วของหนักมากๆเดี๋ยวข้อต่อ(?)หลุด 555  ก็เวลาไปถึงบูทก็แจ้งพริตตี้(?)ที่เฝ้าบูทว่าจองไว้ชื่ออะไรและจ่ายเงิน(อันนี้ห้ามลืมนะ!) เท่านั้นฟิคน้อยๆก็จะเป็นของท่านทันที (ขออภัยที่ต้องอธิบายอย่างละเอียด เพราะมีคนถามเก๊ามาหลายคน เลยอธิบายทีเดียวเลยเนอะ)

ส่วนบูทที่จะไปสิงอยู่...มาดูคัทเอ้าท์กันซะก่อน....





ฮ่าๆๆ เห็นชื่อทีไรก็ยังขำได้ทุกรอบ  Heichou believes , he can fly....เฮย์โจวบินได้....นะคะ555 เจอกันที่บูท A10 ค่ะ *w*

สามารถไปดูผังบูทได้ที่เพจของงาน >>  CIRCLE PLAN : ผังเซอร์เคิล    เลยค่า

คือจริงๆบูทนี้เป็นบูทของโซระซังค่ะ ต้องขอขอบคุณมากๆๆเลยนะคะที่อนุญาติให้คุณกวางมันไปก่อกวน >v<  และอันนี้เป็นปกโดจินของโซระซังที่วางอยู่ที่บูทนี้ค่ะ




 โคตรน่ารักอ่ะะะะะะะะะ >////< ข้างในก็น่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ สนใจดูพรีวิวในเล่มได้ที่นี่เลยก๊ะ >> Preview โดจินที่จะลงงานไททั่นค่ะ

และตอนนี้เปิดจองแล้วด้วยนะคะ ดูรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์เลยค่ะ >> แบบสั่งจองโดจิน     น่ารักขนาดนี้ มี๊จิต้องไปรับเข้าบ้านให้ได้เบยค่ะ แฮ่กๆๆ

 .
 .
 .
 .
.
.

ขอบคุณทุกๆแรงผลักดันที่ทำให้ฟิคเรื่องนี้...ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง...ดำเนินมาจนถึงตอนจบและรวมเล่มเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้นะคะ...เพราะฟิคเรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักอีกหลายๆคน ได้มีเพื่อน มีพี่ มีน้องเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะแยะ ดีใจที่ได้แต่งมันขึ้นมาจริงๆค่ะ  ขอบคุณมากๆๆนะค้า ^ ^//


แล้วเจอกันอีกครั้งวันที่ 12 พฤศจิกายนค่า >3<




12 ความคิดเห็น:

  1. ทางนี้ดิ้นพล่านด้วยความฟิน~
    อร๊ากกกกกกกกก หัวหน้าขอกอดที!! (โดนเอเลนฆ่าหมกป่า)
    เป็นการบอกรักที่น่ารักมากๆค่าาา
    (เขินแปป เขิน เขินนนนนน)
    พี่กวางก็น่ารักมากเหมือนกันจ้า
    ท้ากันไว้เยอะได้ทันทีเพียงนึกถึง #ฮา
    ไปเจอกันที่งานแล้วขอกอดทีน๊าาาาา
    (โดนเตะออกนอกงาน)
    ปล.ขอบคุณมากๆน้าาาาา

    ตอบลบ
  2. อรั้ย จูบฉันซะ นี่มันอะไรค้า ป๋าคงงอนสิน้า อุตส่าห์บอกรักทางร่างกายทุกวันยังไม่รู้เรื่องอีก ที่หลัง ๆ มันชักถี่ขึ้นทุกวันเพราะอยากให้หนูเอเลนคิดได้สักทีสินะ ...แต่ภาษาร่างกายมันก็อ่านออกไม่ได้ง่าย ๆ เท่าภาษาดอกไม้ที่ป๋าตั้งใจจะบอก ว่าแต่แหม ป๋ารีไวก็แอบมีมุมมุ้งมิ้งเล็ก ๆ ด้วยเหมือนกันน้า เอาดอกไม้มาบอกรักแทนเนี่ย น่ารักอะ พออ่านมางตอนที่รู้ความหมายของดอกไม้แล้วเนี่ย อยากจะบอกว่าคนอ่านคนนี้แทบดิ้นตกเตียงเลยค่ะ อะไรจะน่ารักขนาดนั้น อรั้ย!!! >_<

    แอบจิ้นภาพเอเลนท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ กับคนตาขวางที่คอยยืนมองอยู่ไม่ห่าง อรั้ยยย มันคงน่ารักไม่หยอกเลยทีเดียวเชียว จบแล้วจริง ๆ สิน้า...ยินดีด้วยนะคะพี่กวาง ที่ไม่มีไหเพิ่ม กร้ากกก //โดนตรบ ได้ข่าวว่าตัวเองก็มีไหอยู่ ไม่แซวเรื่องไหดีกว่า >_<

    ...กลิ้งออกจากบล็อคไปส่งบางอย่างให้พี่กวาง คอยรับดี ๆ นะคะ อิอิ

    ตอบลบ
  3. กรี๊ดดดดดดด เฮย์โจวใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกมากกกกกกกกกกกกค่าาาาา

    แต่ไอความหมายของดอกซ่อนกลิ่นนั่น ช่างสมกับเป็นเฮย์โจวดีเหลือเกิน

    โอ๊ย ฉากเฮย์โจวให้ดอกไม้จนเอเลนวิ่งมาบอกรักนี่ ทำคนอ่านลงไปกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นเลยค่ะ

    ช่างเป็นการบอกรักที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนจริงๆ ทั้งเอเลนและเฮย์โจวเลย

    อยากบอกอีกครั้งว่า รักฟิคนี้มากๆ เลยค่ะ นับวันรอวันที่ 12 อย่างใจจดใจจ่อขนาดเขียนใส่โพสอิท แปะไว้หน้าทีวี (แม้ว่ายังไงก็ไม่ลืมแน่ๆก็เถอะ)

    จะรอรับฟิคเรื่องนี้มาไว้ในอ้อมกอดนะคะ

    ตอบลบ
  4. ร้องไห้ล่ะ!!ร้องไห้แหละเจ้าข้าเอ้ยยยยยย!!!!น้ำตาไหลพรากอย่างตื้นตันใจเป็นที่ซู้ดดดดดด!!!TTOTT

    เพราะอ่านตอนก่อนๆหลายรอบเลยจำได้แม่น เอามาทับซ้อนกันอย่างพอดิบพอดีได้ไหลลื้นนนนน~ ตอนแรกก็ไม่อะไรนะ แต่พออะไรเท่านั้นแหละ อะไรเบยยยย(=__=?!) ลุ้นมากๆว่าความหมายของดอกซ่อนกลิ่นคืออะไร(ตั้งปณิธานไม่ยอมหาข้อมูลก่อน)
    แต่พอรู้พร้อมๆกับเอเลนปุ้บ.......กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!//กลิ้งๆๆๆๆ
    อร้ายยยยยยยยยยยย!!!!ความหมายมันช่าง!!!!!!ฟินเฟอร์!!!!! หลังจากนั้นนิดๆ ยิ้มพร้อมน้ำตาาาาาา!!!!(ความสามารถพิเศษที่อ่านหรือดูหนังอะไรจะอินมากกกกก) เข้าใจความรู้สึกของเอเลน ช่างตื้นตันใจอย่างเหลือล้นเลยจริงๆ หัวหน้าเองก็แค่ผู้ชายธรรมดา!!! ทั้งหวั่นไหว ทั้งความไม่มั่นใจ เป็นแค่คนธรรมดาจริงๆ

    ฮือออออ~~เป็นบทส่งท้ายที่แสนจะงดงาม~และน่าประทับใจที่สุดเลยยยยย~~ขอบคุณทั่นกวาง และฟิคเรื่องนี้นะค้าาาา(อยากซื้อเก็บชะมัด แงงงงงงง//ได้แต่ดิ้นพล่าน แอบอ่านกลางดึกต่อไป~)

    ตอบลบ
  5. จุดพลุฉลอง เย้ จบแว้วววววววววว
    เรื่องต่อไปเลยพี่...Alleren ปั่นคู่กะแว้นนี้เพื่อรักไปเลย55555(ตั่งชื่อเล่นเขาซะเสื่อมเลยแก//โดนพี่กวางถีบ)

    นี่คือสไตล์การบอกรักแบบฉบับคนปากแข็งสินะ
    ความคิดสวนทางกันไปมาจนปวดหัวเลย
    แต่ในที่สุด............ก็ลงรอยกันด้ายยยยยยยยยยยยยย
    ตอนท้ายนี่ซึ้งดีแหะ
    แต่พอนึกสภาพเอเลนไปกลิ้งๆในสนามแล้วเฮย์โจวยืนดูอยู่นี่มัน........ลูกหมากะเจ้าของคิดไม่ซื่อชัดๆ กร้ากกกกก
    แล้วไหนยังจะเอาดอกไม้ไปให้เฮย์โจวในสภาพม่อมแม่มอีก ......นี่มันลูกหมาที่ไปเล่นซนมาแล้วกลับมาให้เจ้าของลูบหัวชมว่าทำได้ดีมากชัดๆ
    ถึงเรื่องมันจะดูเหมือนดราม่า แต่ผมว่าเอเลนในสภาพลูกหมานี่กลบรัศมีหม่นหมองให้โมเอ้กระแทกตาจนน้ำตาไม่ร่วงเลยซักหยดมีแต่กำเดาหยด
    รอตอนต่อGlideนะเน้.......พยายามเข้านะครับ
    ฟิกพี่กวางนี่อ่านแล้วมันเสพติดจริงๆ แอบใส่กัญชาป่ะเนี่ย(ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวนะเฟร้ย)
    สู้ๆเน้......รอร่วมเล่มด้วยล่ะ5555

    ตอบลบ
  6. ซึ้งและอบอุ่นมากกกกกกกกก ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบแบบสมบูรณ์แบบ รู้สึกผูกพันกับเรื่องนี้มากค่ะ
    แม้ว่าจะได้ได้ตามอ่านมาตั้งแต่ลงใหม่ๆ แต่ก็อ่านซ้ำไป 2 รอบและ 555555 ชอบพลอตและอะไรหลายๆ อย่างมาก
    ดอกซ่อนกลิ่น สมเป็นเฮย์โจวมากเลย

    “ ฉันหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกรักเธอก่อน...”

    อุกรี๊ดดดดดดดดด โรแมนติคโพดดดดดด -/////-
    ฉากบอกรักสุดท้ายนี้ อ่านแล้วละมุนสุดๆ เลย

    รออ่าน GLIDE ต่อน้าาา เป็นกำลังใจให้ตลอดค่าาา



    ตอบลบ
  7. T ____ T อยากกอดกวางซามะแน่นๆเลย อยากกอดจริงจังจริงๆนะ
    คนอะไรแต่งฟิคให้เราลงไปดิ้นตายด้วยความสุขมากมายแบบบนี้ตลอดเลย > __ <
    เค้าประทับใจกับฟิคเรื่องนี้จริงๆนะคะ อยากจะระบำฮาวายด้วย(?)เลย
    จริงๆมันเหมือนความรู้สึกของการเดินทาง(?)เหมือนกันแฮะ
    เราเดินทาง(?)ทะลุกำแพง(?)มาจนถึงเส้นชัย(?)
    โดยที่รางวัลของการเดินทางครั้งนี้ก็คือรูปเล่ม(?)ที่จองไว้ตั้งแต่ยังไม่จบ(?) #มันจะอุปมาอุปไมย(?)เพื่ออ 5555555

    จากส่วนตัวที่ชอบดอกซ่อนกลิ่นอยู่หน่อยๆ ด้วยความที่ชื่อมันดูน่าสนใจ(?)
    แต่ตอนนี้ อยากจะเชิดชู(?)ดอกซ่อนกลิ่นมากมายเลยค่ะ 555555
    คือไม่ได้สนใจความหมายของดอกไม้จริงจังมาก่อน อย่างมากก็จะรู้แค่พวกกุหลาบ ลิลลี่
    แต่พอเจอความหมายของดอกซ่อนกลิ่นเข้าไป ลงไปดิ้นนนนนนสุดใจ
    ชอบบบบบ ชอบมากกกๆๆ ชอบที่มันเหมาะกับท่านท่อนขามากๆๆๆ
    เหมาะมากจริงๆๆนะคะกวางซามะ แบบกวางซามะสุดยอดดดดดด
    แล้วก็ชอบบบที่ตัวเองก็มีมุมแบบนี้(?)เหมือนกัน
    กลายเป็นตอนนี้อยากจะไปทำสวนดอกซ่อนกลิ่นไว้หน้าบ้าน(?)มากๆเลยล่ะค่ะ 555555
    บอกเลยว่าพาร์ทนี้ตอนที่เอเลนอ่านเจอความหมายของดอกซ่อนกลิ่น
    ขนลุกด้วยความฟินาเล่(?)เลยล่ะ อ๊ากกกกก ชอบมากจริงจัง

    พาร์ทนี้ต่างกับชูการ์พลัมเลย แต่ว่าทั้งสองพาร์ทก็มีเสน่ห์มากๆๆไม่แพ้กันสุดๆ
    การได้กลับมาอ่านพาร์ทนี้ทำให้คิดถึงเฮย์โจวที่รุนแรงเต็มขั้น(?)ขึ้นมามากๆเลยล่ะค่ะ
    5555555 ก็นะพอเป็นนักซิ่ง(?)กลับดันเป็นซาตานที่มีความคิดมาก(?)ซะแบบนั้น #โดนท่อนขาเสย
    แต่ว่า มันเป็นอะไรที่....มันเป็นการจบที่.......อ๊ากกกกกกกกกกกกกก
    ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบอกกวางซามะ ว่ามันลงตัวมากๆๆๆๆจริงจัง
    มันคือเฮย์โจว มันคือความรักของคู่นี้จริงจัง > ___ <
    ความรักที่ปนไปด้วยความไม่ชัดเจนเพราะคนนึงก็หยิ่งเกินกว่าที่จะพูดก่อน
    คนนึงก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจได้เลย ดาเมจจจจจจจริงๆๆฟิคเรื่องนี้

    แล้วเอเลนไม่ว่าจะยังไงก็ดาเมจได้ตลอดเวลาจริงจัง > __ <
    ตอนหาดอกไม้ก็ยังน่าฟัด > < 55555 เอเลนน่ารักมากๆๆจริงจังอ่าากวางซามะ
    เฮย์โจวนี่จะให้ดอกไม้คนรัก พี่แกยังให้คนรักหาเอง(?) แม่เจ้าาาา มันใช่เลย 55555

    ยังคงรู้สึกดีใจที่ได้อ่านฟิคเรื่องนี้มากๆนะคะกวางซามะ
    แล้วก็รู้สึกดีใจมากๆๆที่ได้รักคู่นี้เพราะกวางซามะ > _ <

    เค้ารออุดหนุนรวมเล่มนะคะ จองนะคะจอง อย่าลืมเค้าน้าาาา
    ปล. อยากไปงานจังค่ะ T _ T โดของเจ้าของบูธที่กวางซามะโปรโมทก็อยากได้ ภาวนาว่าจะเหลือถึงคนรอจองทางไปรฯ T ___ T

    ตอบลบ
  8. “ ฉันหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกรักเธอก่อน...”
    ประโยคเดียวทำเอาโต๊ะคอมหัก
    โน๊ตบุ๊คเกือบพัง
    แฟนเกิร์ลนอนตาย =\\\=
    เฮย์โจ๊ววววว ท่านช่างปากแข็ง เดี๋ยวได้ฟังคำบอกรักจากหนูเอเลนจนเอียนไปข้างนึงแน่ 555
    ปล.ที่ท่านบอกว่าหนังสือเล่มน้อยๆ เราว่าไม่น้อยนะคะ 300 หน้า 555 เล็งทั้งโดจินเรื่องนั้นและฟิคนี้มานานค่ะ อิๆๆ ในที่สุด...ในที่สุด...อีกนิดเดียวก็จะได้มาครอบครองแล้วสินะ!

    ตอบลบ
  9. อ๊า จะรอรวมเล่มนะคะ จะน่ารักไปไหนเนี่ยคู่นี้

    ขอถามเกี่ยวกับรีปรินท์พวกฟิครีบอร์นค่ะ เราทันสั่งซื้อรอบ วิชาเนียน อย่างเดียว ที่เหลือก็รอประกาศว่าให้โอนเงินเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่เห็นมี อันนี้เราพลาดเองหรือว่ายังไม่ได้มีการรีปรินท์คะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนนี้เล่มที่รอรีปริ๊นท์มีแค่เล่มเดียวค่ะคือ แฝด(ความหวังครั้งสุดท้าย)

      ส่วน ดาวตกและรัตติกาลฯหมายเลขสอง,สาม เป็นพิมพ์ครั้งแรกซึ่งยังไม่เสร็จเบยค่ะ ^ ^"

      สรุปว่าฟิครีบอร์นก็ มีรีปริ๊นท์ วิชาเนียน เล่มเดียวนั่นแหละค่ะที่ทำสำเร็จในปีนี้ *ทรุด*

      ลบ
  10. โอ้ยย ไม่ไหวๆ ขอยาดม เลือด น้ำเกลือด่วนๆเลยขอรับ
    อดหลับอดนอนปั่นงานมาหลายคืน แถมคืนนี้ว่าจะนอนเต็มๆตายังมาเจอฟิครีดเลือดอีก หน้ามืด >.,<
    คนละอารมณ์กับฟิคลูกกวาดนั่นเลย เฮย์โจวววได้โปรดถนอมๆเอเลนบ้างเหอะอ่านตอนแรกๆสงสารเอเลนเลยอ่ะ
    ทำแบบนั้นเหมือนลงโทษกัน เรื่องอะไรน่ะหรอ โทษฐานขโมยหัวใจหัวหน้าทหาร ทำให้หัวหน้าทหารไม่เป็นตัวของตัวเอง
    ทำให้หัวหน้าทหารต้องพรากผู้เยาว์ โฮ้ยย ถ้าจะนับเรื่องที่ต้องทำให้เฮย์โจวลงโทษเอเลนน่ะมีเป็นกระบุง
    เอเลนยังมีพลังฟื้นตัวจากไททันนะ แต่เฮียเหอะเอาเวลาที่ไหนพักผ่อนฮะ
    ".แค่มีที่สักที่...ที่เป็นของเขา ต่อให้มันจะถูกซุกซ่อนเอาไว้ ต่อให้มันจะบอกใครไม่ได้แบบนี้ก็ตาม..."
    ประโยคนี้อ่านแล้วสะอึกเลยเห็นใจเอเลนมากๆเลย มันอารมณ์เดียวกับการที่มีใครสักคนมองเห็นเรา แค่นั้นมันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเรามีที่ๆเป็นของตัวเองแล้ว แต่บอกใครไม่ได้นี่มัน..หน่วงมาก
    แต่ว่า!!! ...ไม่เป็นไรนะเอเลน ถึงไม่บอกแต่คนในบล็อครู้เต็มเลย(พอเหอะ เรื่องที่ไม่เกี่ยวนี่น่ะ เหอๆ)
    ยิ่งอ่านไป ยิ่งหน่วง สงสารเอเลน เฮย์โจววว ทำไมไม่บอกไปสักที บอกรักสักคำหน่อยสิ แบบนี้อ่านไปยิ่งสงสารเอเลนอ่ะ สุดๆ
    ยิ่งตอนที่เอเลนเพิ่งจะรู้ใจตัวเองแล้วเอ้ยตัดพ้อเฮย์โจวนะ เฮียคงจะเจ็บมากเลยสินะ เอเลนก็เจ็บเหมือนกันอ่ะ
    แต่ก็นะก็พอเข้าใจความยากลำบากของเฮย์โจว ผู้ใหญ่ก็มีเรื่องที่ต้องคิดมีปัจจัยอะไรต่างๆให้เอามาคิดมากมายในแบบของผู้ใหญ่แถมบางทีมันยังจำกัดแม้กระทั่งการที่เราจะเป็นตัวของตัวเองหรือแสดงความรู้สึกตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โฮกกกก
    แต่อย่างว่า ความรักมักชนะทุกสิ่ง คำๆนี้คำเดียวยังคงใช้ได้อยู่
    "ในเมื่อเหตุผลทั้งหมดรวมกัน...มันไม่มีน้ำหนักเท่า "รัก" คำเดียว" โฮ้ย อานุภาพช่างสุดยอด
    “ ฉันหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกรักเธอก่อน...” เฮย์โจว!! คิดได้อ่ะ ดีใจแทนเอเลนอ่ะ แหมเป็นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นเฮย์โจวจริงๆเลยนะเนี่ย ก็แค่รัก เอาไปแทนที่ทุกการกระทำก็จะได้คำตอบของเหตุผลในการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมด
    บอกรักในแบบเฮย์โจวแบบนี้ขอยืมไปใช้บ้างนะ ถึงเฮียจะไม่บอกเอเลนจะคอยพูดแทนเอง โฮ้ย ฟินๆๆๆ อ่านตอนนี้จบแล้วมันฟิน จะกี่พันปีก็จะอยู่ข้างเคียงข้างกัน จะรักกันสินะ (จบนี้ถ้าไปอ่านภาคพันปีต่อนี่คงยิ่งฟิน แต่เหตุการณ์หลังจากนี้สองคนนี้ยังต้องผ่านอุปสรรคอีกมากเลย ว่าแล้วกลับไปอ่านตอนหนึ่งใหม่รอรีปริ๊นดีกว่าฮะ)
    สนุกมาก ฟินมาก ชอบมาก รักที่สุด ฟิครีเอเรื่องนี้ มันจะถูกเล่าขานเป็นตำนานสืบไป สนุกจริงๆนะ คืออ่านแล้วชอบมาก ชอบจริงๆ(ทำไมเราพิมคำว่าชอบซ้ำไปซ้ำมาแบบนนี้ล่ะเนี่ย แต่มันชอบจริงๆนะ)

    ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน ให้ได้รู้สึกทั้งสนุก สุข ทุกข์ เศร้า เหงา สับสนไปด้วยกัน ขอบคุณมากๆสนุกๆ ชอบจริงๆ รักจริงๆ โอ้ยชอบมาก ทำไงดี!! คืนนี้ต้องเก็บไปฝนแน่เลย >_<b!!

    ตอบลบ
  11. แอร้~ XD น่ารักมากๆเลยค่ะ น่ารักสุดๆเลย ><

    ตอบลบ