KHRfeat.PP Au.Fic [8059, KouGino] Juunana Sai ; 17ฝน : 02
Happy Birthday GOKUDERA HAYATO 09/09 fanfiction.
: KHR feat.Psycho Pass Fanfiction AU.
: 8059 KouGino
: Psycho Period Dark Romance
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้ทำลายคาแรกเตอร์ค่อนข้างรุนแรง หากรับไม่ได้ที่ตัวละครจะ “ไม่ปกติ” อย่าเข้ามาอ่านนะคะ
ยามโมโตะ ทาเคชิ ออกไปจากบ้านนานแล้ว ตอนนี้ในห้องเขียนหนังสือจึงเหลือแต่ร่างสูงโปร่งของคุณหมอกับร่างบอบบางของคนไข้สองต่อสอง
มือเรียวเก็บเครื่องมือแพทย์ลงกระเป๋า หลังจากตรวจร่างกายของอีกฝ่ายในเบื้องต้นแล้ว ก็ไม่พบความผิดปรกติใดที่ถือว่าร้ายแรงนัก นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นแอบเหลือบมองร่างในกิโมโนที่ขยับมานั่งอยู่หลังโต๊ะเขียนหนังสือ ดูเหมือนกองที่เขาคิดว่ามันเป็นหนังสือจะไม่ใช่หนังสืออย่างที่เขาคิด
“ ทำอะไรอยู่น่ะ?” เขาชะโงกหน้าไปมองตารางในหน้าหนังสือที่น่าจะเรียกว่าสมุดมากกว่า เพราะตัวหนังสือมันคือลายมือไม่ใช่ตัวพิมพ์
“ ทำบัญชีน่ะสิ แค่นี้ก็ดูไม่รู้หรือไงเป็นหมอภาษาอะไร ไม่ได้เรื่อง!” นี่เขาแค่ถามประโยคสั้นๆเองนะ ทำไมด่ากลับมายาวเหยียดอย่างกับเขาเป็นยามาโมโตะซะแบบนั้น เห็นแล้วมันน่าดึงแก้มอมชมพูนั่นให้ย้วยจริงๆ
ก็เพราะ โกคุเดระ ฮายาโตะ น่าหมั่นเขี้ยวแบบนี่นี้แหละ เพราะงั้นเอาแต่ใจแค่ไหน ใครๆก็เลยโกรธไม่ลง
“ เธอทำบัญชีของบ้านนี้เองหรอ?” เขามองดูบัญชีเล่มหนาด้วยสายตาทึ่งๆ
“ ก็เจ้ายามาโมโตะมันโง่ ดีแต่เรื่องใช้แรงเท่านั้นแหละ เรื่องบัญชีนี่ชั้นเลยต้องดูเอง” ก็จริงอยู่ที่ว่าอาการทางประสาทของโกคุเดระ ฮายาโตะ จะไม่ปรากฏหากไม่ได้อยู่ต่อหน้ากระจกหรือสิ่งที่สะท้อนเงาของตัวเอง แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะถึงขนาดที่ยังทำบัญชียากๆพวกนี้ด้วยตัวเองได้อยู่
แสดงว่าก่อนที่จะเป็นบ้า เด็กคนนี้ต้องมีหัวสมองที่เฉียบแหลมมากทีเดียว
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง...
เพราะเขาว่ากันว่า คนฉลาดนั้นน่ากลัวกว่าคนที่ใช้แต่กำลัง....
“ ที่นี่...มีโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยบ้างหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามคนที่ยังง่วนอยู่กับการบวกเลข
“ มี...เป็นอนามัยเล็กๆ”
“ อยู่ตรงไหน? หมออยากไปทักทายหมอของที่นี่สักหน่อย” ที่จริงเขาอยากเห็นใบประวัติคนไข้ของ โกคุเดระ ฮายาโตะ มากกว่า เพราะการตรวจแค่เบื้องต้นแบบนี้มันไม่เพียงพอที่จะชี้ชัดว่าร่างบอบบางตรงหน้ามีโรคประจำตัวอะไรอยู่บ้างหรือไม่
“ เดินตามถนนหน้าบ้านไปทางใต้ เห็นป้ายหน้าสถานีอนามัยก็จะรู้เองแหละ” ร่างบอบบางบอกเขาในขณะที่ใบหน้ายังไม่ละออกมาจากสมุดบัญชีตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆภาพของชายที่ชื่อ คิโช ก็แว่บเข้ามาในหัว...สายตาที่น่ากลัวของผู้ชายคนนั้นมันยังติดอยู่ในใจเขา...ถ้าข้างนอกยังมีสายตาแบบนั้นจากคนอื่นๆอยู่อีกล่ะ?
ยังไงเขาก็เป็นแค่หมอ ถ้าจะรู้สึกกลัวก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก...
“ เธอเอง...ก็ควรจะออกไปเดินข้างนอกบ้างนะ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้กล้ามเนื้อก็เสื่อมกันพอดี ออกไปด้วยกันเลยดีไหม?” เขาหันไปบอกร่างบอบบางพลางขยับแว่น
“ ฮึ...อยากให้ไปเป็นเพื่อนก็บอกมาสิ ทำมาเป็นปากไม่ตรงกับใจอยู่ได้ กลัวหลงทางใช่ไหมล่ะ ฮึฮึ” ไอ้รอยยิ้มเหมือนผู้ชนะนั่นมันอะไรน่ะ แล้วเขาก็ไม่อยากโดนคนที่ปากไม่ตรงกับใจหมายเลขหนึ่งอย่าง โกคุเดระ ฮายาโตะ ว่าแบบนี้นักหรอกนะ ถึงสิ่งที่เจ้าคนไข้ตัวร้ายนี่พูดจะเป็นความจริงก็เถอะ
“ คะ ใครอยากให้ไปเป็นเพื่อนกันล่ะ! ชั้นเป็นหมอก็แค่อยากให้เธอไปเดินออกกำลังบ้าง อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าที่หมู่บ้านนี้คนจะเป็นมิตรแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ!” ถ้าถูกจู่โจมทำร้ายเหมือนเมื่อคืนเขาจะทำยังไง ในสายตาของคนในหมู่บ้านจะมองคนนอกอย่างเขายังไงบ้างก็ไม่รู้
“ เฮอะ! ไม่มีใครทำร้ายคนของที่นี่หรอก ป่านนี้ข่าวว่านายเป็นหมอของบ้านนี้คงจะกระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว...ไวอย่างกับไฟลามทุ่ง...” ทำไมเขาถึงรับรู้ได้ถึงแรงโกรธเกลียดมาจากประโยคหลังสุดนั่นกันนะ?
แล้วเขาก็ออกมายืนวูบโหวงอยู่คนเดียวที่หน้าบ้าน...
ถึงแม้ในใจจะนึกด่าตัวเอง ว่าไม่น่าไปปากดีรับคำท้าของเจ้าเด็กนั่นว่าไปคนเดียวได้แบบนี้ แต่มาคิดอีกที...ไปคนเดียวอาจจะสะดวกกว่าถ้าจะต้องขอดูใบประวัติคนไข้ของ โกคุเดระ ฮายาโตะ เพราะเจ้าตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการทางประสาท
อีกอย่าง...ใครจะยอมบอกกันเล่าว่าเขากลัว แล้วก็อยากให้อีกฝ่ายไปเป็นเพื่อน! เป็นตายยังไงก็ไม่มีวันบอกหรอก!
สองขาก้าวเดินด้วยท่าทางไม่ยอมแพ้....แต่ก็เป็นอย่างที่ โกคุเดระ ฮายาโตะ พูดจริงๆ
เพราะไม่ว่าเขาจะเดินผ่านไปทางไหน ถึงจะไม่มีเสียงทักทายอย่างคนคุ้นเคยแต่คนที่เดินสวนกันหรือไม่ก็กำลังทำเกษตรอยู่ในไร่ ต่างก็พยักหน้าให้เขาทั้งนั้น...ราวกับว่าทุกคนรู้...ว่าเขาเป็นใคร มาจากที่ไหน...
เพราะการแต่งกายที่ไม่ได้กลมกลืนกับคนที่นี่เลยทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนต่างถิ่น? หรือไม่ก็เพราะหมู่บ้านแห่งนี้เล็กจนขนาดที่ทุกคนรู้จักกันหมด?
ไม่ว่าจะแบบไหน...มันก็ไวจนน่าขนลุกไปไหม...ที่แค่ข้ามคืนเดียว...ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ความเป็นไปของกันและกันจนหมดแบบนี้
หรือสิ่งที่ทำให้ โกคุเดระ ฮายาโตะ รู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจจะเป็นเพราะข่าวที่แพร่ไปไว...ส่งผลให้น้องสาวฝาแฝดกดดันจนคิดฆ่าตัวตายไปในที่สุด?
มีแต่เรื่องที่เขายังไม่รู้ ทำให้ได้แต่คิดเพลินจนเดินมาถึงสถานีอนามัยโดยไม่ทันรู้ตัว...
ป้ายสีเขียวมีรูปเครื่องหมายบวกอันใหญ่ที่ติดอยู่ที่เสาทางเข้าดูก็รู้ว่าเป็นสถานีอนามัยอย่างที่เด็กนั่นว่าเอาไว้จริงๆ เขาก้าวขาเดินขึ้นบันไดสองสามขั้นของอาคารไม้ทาสีเขียวอ่อนโดยพักเรื่องของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ในหัวเอาไว้ก่อน
ทว่า...ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเข้าไป สายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายที่เขียนว่า “ปิด” แปะเอาไว้อยู่ข้างประตู....หมอประจำสถานีอนามัยไม่อยู่?
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นไล่มองตัวอักษรที่เขียนอยู่ใต้คำว่า “ปิด” ใจความของประโยคยาวเหยียดนั้นบ่งบอกว่าหมอเพียงคนเดียวของที่นี่เข้าเมืองไปซื้อยาและจะกลับมาในอีกวันสองวัน
ถ้ามีใครเจ็บป่วยกะทันหันจะทำยังไงเนี่ย?
แต่มันก็คงจะเป็นแบบนี้แหละนะสำหรับหมู่บ้านเล็กๆ ขนาดในเมืองใหญ่แพทย์สมัยใหม่ยังนับว่าขาดแคลนเลย...จะว่าไป...บางทีคนที่นี่อาจจะสามารถรักษาตัวเองได้ด้วยวิธีการแบบโบราณ โรงพยาบาลถึงได้ไม่จำเป็นจนมีแค่สถานีอนามัยแบบนี้ก็พอ
เขากลับมายืนเต็มความสูงหลังจากที่ก้มลงไปอ่านข้อความนั้นอยู่นาน....สรุปว่าวันนี้เขาคงจะคว้าน้ำเหลวสินะ
เรียวขาก้าวเดินลงจากอาคารไม้ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาว่าจะเดินกลับไปตามทางเดิมเลยดีไหม...แต่เวลาที่ไม่ต้องทำอะไรมันก็มีมากเกินไปจนรู้สึกเสียดายถ้าจะต้องกลับไปนั่งแกร่วอยู่ที่บ้านหลังนั้น...ไหนๆก็ออกมาแล้วและคนในหมู่บ้านก็ดูไม่น่ากังวลมากนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินต่อไป
สองข้างทางที่เดินผ่านมีเพียงแค่ทุ่งนาเขียวขจี ดูเหมือนถ้าอยากจะเข้าไปในย่านร้านค้าของหมู่บ้านจะต้องเดินไปอีกฝั่งนึงสินะ เพราะแถวๆนี้ยิ่งเดินไกลออกมาเท่าไหร่มันก็มีแต่พื้นที่การเกษตร
และแล้วก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินย้อนกลับไปเพื่อเริ่มต้นใหม่ที่บ้านของตระกูลโกคุเดระ บันไดสูงชันมันก็สะดุดตาจนสองขาต้องหยุดลง
เขามองเห็นโทริอิอยู่ที่สุดปลายบันไดด้านบน.....ศาลเจ้างั้นหรอ?
ไหนๆก็มาแล้วเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปดู...ข้างบนนั้นช่างรกร้างว่างเปล่าสมเป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ห่างไกลผู้คนจริงๆ
อาคารสำหรับสักการะดูทรุดโทรม เชือกที่ใช้ผูกกระพรวนยักษ์ก็ขาดวิ่นจนใช้การไม่ได้ กล่องใส่เหรียญก็ผุจนเป็นรูเต็มไปหมด...ดูท่าว่าคงจะไม่มีใครใช้ที่นี่มานานหลายปี...เพราะนอกจากลานหน้าศาลเจ้าที่โรยด้วยกรวดเอาไว้ ส่วนอื่นๆกลับเต็มไปด้วยหญ้าขึ้นกันอย่างไร้ระเบียบ กิ่งจากต้นไม้ใหญ่เองก็ระหลังคาอาคารอย่างไร้คนตัดแต่งดูแล
เขาได้แต่มองไปรอบๆอย่างรู้สึกสงสารเทพเจ้าที่อยู่ที่นี่...ทั้งๆที่เป็นสถานที่ที่เงียบสงบขนาดนี้...
สองขาเดินลงบันไดหินมาด้วยความตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะมาอีก...พร้อมกับดอกไม้สักเล็กน้อย...ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกหลงใหลในความสงบของที่นี่นัก...
เขาเดินกลับมาตามถนนที่เงียบเชียบเส้นเดิม หลังคาสีน้ำตาลเข้มมากมายหลายขนาดของบ้านตระกูลโกคุเดระมองเห็นอยู่ตรงหน้า...ทว่า...ยังไม่ทันจะได้เดินผ่านไป เสียงใสของใครคนหนึ่งก็เรียกดักเขาเอาไว้เสียก่อน
“ กิโนะ!!” ถึงจะจำได้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงของ โกคุเดระ ฮายาโตะ แต่คำที่เข้ามาในหูทำเอาร่างกายถึงกับนิ่งงัน
เพราะมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน....
คนเพียงคนเดียวที่เรียกเขาว่า “กิโนะ”....
“ กิโนะ?!! นี่...ได้ยินไหม?!!” เสียงใสที่เรียกซ้ำทำให้เขาสะดุ้งน้อยๆก่อนที่จะหลุดออกมาจากภวังค์ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นก้มลงก่อนจะสะบัดหน้าสองสามที...เรื่องของพวกเขามันจบลงไปแล้ว...จากนี้ไปจะไม่มีเสียงทุ้มต่ำที่เรียกเขาว่า “กิโนะ” ให้ได้ยินอีก...ไม่มีวัน...
“ กิโนะ?” จะมีเพียงเสียงใสๆนี้เท่านั้นที่จะเรียกชื่อของเขา
เดี๋ยวนะ! นี่เรียกเขาราวกับเรียกชื่อเล่นเพราะเป็นเพื่อนกันแบบนี้เลยหรอเจ้าเด็กนั่น?!
เขาละอารมณ์ที่หม่นหมองแล้วหันไปมองเจ้าตัวดีที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ที่ระเบียงทางเดินในบ้าน ก่อนที่เรียวขาจะก้าวลอดซุ้มประตูไม้กลับเข้ามายังบริเวณบ้านอีกครั้ง
“พายุกำลังจะเข้า มาช่วยปิดประตูกันฝนหน่อย!!” เสียงสั่งฟังดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย ร่างบอบบางหันหลังให้โดยไม่ฟังว่าเขาจะปฏิเสธหรือไม่ ฝ่าเท้าที่สวมถุงเท้าแบบญี่ปุ่นเดินเร็วๆไปตามระเบียงทางเดินจนเขาไม่มีโอกาสถามอะไร
ใบหน้าได้แต่หันไปมองท้องฟ้าที่ยังสดใส.....พายุจะเข้า?
ในใจรู้สึกงงๆจนเผลอคิดไปว่า หรืออาการทางประสาทของ โกคุเดระ ฮายาโตะ จะมีมากกว่าที่เขาคิด วันดีคืนดีถึงได้มองท้องฟ้าใสแบบนี้ว่าพายุจะเข้า? เขาจึงได้แต่ตามน้ำเดินขึ้นบ้านไป
“ แล้วคนอื่นๆล่ะ?” เมื่อสายๆก่อนที่เขาจะออกไปยังมองเห็นคนงานของบ้านนี้วิ่งวุ่นกันอยู่ที่โกดังอยู่เลย
ลืมบอกไปว่าบ้านตระกูลโกคุเดระนั้นเป็นเหมือนสถานที่ส่งออกผลผลิตของหมู่บ้าน นอกจากส่วนที่ใช้อาศัยอยู่แล้ว ข้างๆกันซึ่งมีเพียงรั้วไม้ไผ่กั้นมันเป็นโกดังก่ออิฐฉาบปูนง่ายๆตั้งอยู่หลายต่อหลายหลัง โกดังพวกนี้เอาไว้เก็บผลผลิตที่รวบรวมมาจากคนในหมู่บ้านเพื่อรอรถมาขนไปขายต่อให้พ่อค้าในเมืองอีกที พื้นที่ในส่วนนี้กินบริเวณกว้างทีเดียว เพราะงั้นคนงานจึงมีไม่ใช่น้อยๆ
“ คนงานผู้ชายออกไปปักผ้าใบที่ไร่ ยามาโมโตะกับเจ้าคิโชก็ออกไปพร้อมกับพวกนั้น ที่บ้านเลยเหลือแต่ผู้หญิง” นั่นรวมตัวเองด้วยหรือเปล่าน่ะ? เขาไม่ได้เอ่ยล้อออกไป ได้แต่ลอบยิ้มน้อยๆยามที่ก้าวขาเดินตามร่างบอบบางที่แทบจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง
แล้วไม่นาน....ท้องฟ้าดำมืดก็มาเยือนจริงๆอย่างที่ โกคุเดระ ฮายาโตะ พูด
เป็นไปได้ยังไง...เมื่อกี้ท้องฟ้ายังใสอยู่เลย?
เขาได้แต่ทึ่งความสามารถในการพยากรณ์อากาศของคนชนบท คงจะเรียนรู้มาจากบรรพบุรุษสินะ...ถึงวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้พืชผลของตัวเองเสียหายจากภัยธรรมชาติ
สายลมที่รุนแรงเริ่มพัดเข้ามาปะทะประตูเลื่อนที่กรุด้วยกระดาษ ฝ่ามือดันประตูเลื่อนสำหรับกันฝนซึ่งหนาหนักไม่ใช่น้อย แล้วยิ่งไม่ค่อยจะได้ใช้งานมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดันมันออกมาปิดรอบบ้านที่ใหญ่โตแบบนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เขาถึงกับต้องโถมเข้าไปทั้งตัว ใช้แรงที่ได้จากแรงโน้มถ่วงช่วยเพราะลำพังแค่แรงของตัวเองมันแทบจะไม่ทำให้ประตูกันฝนขยับ
ถึงเขาจะมีร่างกายที่สูงโปร่งแต่ก็ใช่ว่าจะมีเรี่ยวแรงอะไรมากนัก...ยังไงเขาก็เป็นแค่หมอ
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่าจะยังดีกว่าปล่อยให้เจ้าเด็กรูปร่างอย่างกับตุ๊กตานั่นทำงานนี้ตามลำพัง เขาได้แต่ลอบยิ้มปนขำกับภาพการต่อสู้ระหว่าง โกคุเดระ ฮายาโตะ กับประตูกันฝนที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันราวกับเล่นชักกะเย่อ
น่ารัก...
เม็ดฝนสาดลงมาในที่สุด ทั้งๆที่ประตูกันฝนยังถูกดึงออกมาไม่ครบทุกห้อง ขาทั้งสองคู่ยังคงวิ่งวุ่นอยู่ภายในบ้านที่กว้างใหญ่ ต่อให้มีสาวใช้อีกหลายคนมาช่วยมันก็ยังทำไม่ทั่วไม่ทัน
ละอองฝนสาดกระทบใบหน้าและแขนเสื้อจนเปียกปอน กว่าห้องสุดท้ายจะถูกปิดลงได้ก็เล่นเอาแทบล้มประดาตาย...ใครให้สร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้เนี่ย?!
เขากับเจ้าคนไข้ในความดูแลถึงกับทรุดลงไปนั่งกองรวมกัน ร่างทั้งร่างหอบแฮกอย่างที่ไม่ได้ออกกำลังมากขนาดนี้มานานแล้ว....ที่หัวไหล่และสีข้างรับรู้ได้ถึงน้ำหนักร่างกายของโกคุเดระ ฮายาโตะ ที่เอนหลังพิงเขาเอาไว้...ก่อนจะค่อยๆไหลวืดลงมาบนหน้าตักของเขา
ตอนแรกเขาได้แต่ตกใจว่าเด็กนั่นเป็นอะไรหรือเปล่า? เหนื่อยจนเป็นลมไปหรือไง?
แต่พอได้มองใบหน้าใสดีๆ...ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอกับนัยน์ตาสีมรกตที่ปิดลงจนแพขนตาแนบอยู่ที่แก้ม...
หลับ?
แค่เหนื่อยจนหลับไปเท่านั้นเอง...
สองมือจึงค่อยๆประคองร่างในชุดกิโมโนให้นอนลงดีๆ ก่อนจะให้ยืมตักของเขาแทนหมอนไปก่อน
ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออกมาช้าๆ คาเอเดะเดินเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำชาหอมกรุ่น ใบหน้าสงบนั้นอมยิ้มน้อยๆเมื่อมองเห็นนายเหนือหัวของตนหลับซบอยู่ที่ตักเขา ถ้วยน้ำชาถูกเลื่อนมาให้ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะทอดสายตาไปที่คุณหนูของตนด้วยแววเอ็นดู
“ ปกติคุณหนูเธอไม่คุ้นกับใครไวขนาดนี้นะคะคุณหมอ” คำพูดแผ่วเบานั่นทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมา...มันแตกต่างจากความรักในเชิงชู้สาวซึ่งเขาก็รู้จักมันดี...เขาจึงกล้าบอกว่าความรู้สึกที่เขามีให้เจ้าเด็กนี่มันไม่ใช่แบบนั้น...แต่มันเป็นความปรารถนาดี...แบบที่คนในครอบครัวจะมีให้กัน
เขาเองก็อยากจะบอกกับคาเอเดะ...ว่าหายากมาก ที่เขาจะยอมเข้าใกล้ใครขนาดนี้...
ร่างโปร่งบางนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่มีเสียงของสายฝนคอยขับกล่อม เป็นเพราะอยู่ในบ้านมันเลยรู้สึกปลอดภัยจนไม่คิดว่ามันอันตราย...แต่กับคนที่ต้องออกไปเผชิญกับความโหดร้ายของธรรมชาติแบบพวกคนงานเล่า จะเป็นยังไงกันบ้าง
ยามาโมโตะจะเป็นยังไงบ้าง?
เสียงฝ่าเท้าเดินมาตามระเบียงดังแทรกมากับเสียงฝนและเมื่อประตูเลื่อนถูกเปิดออก คนที่เพิ่งจะอยู่ในห้วงคำนึงก็โผล่หน้ามาให้เห็น
“ คาเอเดะบอกว่าคุณหมอช่วยปิดประตูกันฝนให้...ขอบคุณมากๆเลยนะครับ” ยามาโมโตะก้มหัวให้ ร่างสูงของเด็กหนุ่มเปียกปอนจนชุดนักเรียนแนบลำตัว เส้นผมสีดำยังมีน้ำหยดลงมาจากปลายผม นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองมายังใบหน้าของคนที่หลับซบอยู่ที่หน้าตักของเขา ใบหน้าคมคายยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะค่อยๆยื่นมือมาเกลี่ยไล้ใบหน้าใสด้วยความทะนุถนอม
“ คุณหมอรอผมอยู่ที่นี่สักครู่นะครับ” แล้วร่างสูงก็ลุกเดินออกไปจากห้องอย่างที่เขายังไม่ทันจะได้เอ่ยถามว่าจะให้รอทำไม
แล้วไม่นานเด็กหนุ่มก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยร่างกายที่อยู่ในชุดยูคาตะสีดำสนิท
แผงอกที่โผล่พ้นรอยแหวกของคอเสื้อให้ความรู้สึกน่าเกรงขามจนขนลุก เด็กหนุ่มตรงหน้าจะรู้ตัวบ้างไหมว่าตนเหมาะกับชุดแบบญี่ปุ่นและสีดำมากขนาดไหน
ร่างสูงใหญ่เดินมานั่งลงใกล้ๆก่อนจะช้อนเอาตัว โกคุเดระ ฮายาโตะ ขึ้นไปอุ้มเอาไว้แนบอก เสียงอืออาดังออกมาจากริมฝีปากสีสดของคนที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ใบหน้าสวยซุกลงไปกับแผงอกอบอุ่นราวกับลูกแมวขี้เซา
“ ขอบคุณนะครับคุณหมอ เดี๋ยวผมพาฮายาโตะไปนอนเอง” ใบหน้าคมหันมายิ้มให้เขาก่อนจะก้าวขาจากไป...ทั้งๆที่ตัวเองก็เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยเด็กคนนั้นจนต้องโผล่หน้ามาดูก่อนแล้วก็รีบร้อนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวแห้งแล้วกลับมาพาไปนอนอีกที
ความเอาใจใส่ที่เด็กหนุ่มมีให้ โกคุเดระ ฮายาโตะ มันช่างน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ...
ถ้าคนที่เขารักสนใจเขาแบบนี้บ้าง มันก็คงจะดี...ความรักของเรามันคงจะไม่จบลงแบบนี้...
สายฝนยังคงสาดกระหน่ำจนประตูกันฝนในห้องของเขากระทบกันดังกึงๆ
ข้างนอกฝนตกหนักขนาดนี้ทำให้ไม่สามารถจะไปไหนได้ บรรยากาศก็ดูจะมืดเร็วจนคนทั้งบ้านนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ เขาที่นั่งอ่านตำราแพทย์ติดต่อกันมาหลายชั่วโมงได้แต่วางตำราลงด้วยสายตาที่ล้าน้อยๆ คงจะเป็นเพราะแสงไฟจากเปลวเทียนนั้นวูบไหวไปตามสายลมที่พัดลอดรอยต่อของประตูเข้ามา
เขาตัดสินใจปูฟูกก่อนจะล้มตัวลงนอน ความเหนื่อยล้าจากการออกแรงเมื่อตอนกลางวันทำให้นัยน์ตาปิดลงตั้งแต่ยังไม่ทันจะถอดแว่นวางดีๆด้วยซ้ำ เสียงของสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่สติจะดับวูบไป
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!”
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมาทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกโพลง ร่างกายสะดุ้งโหยงก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอน มือควานหาแว่นตาโดยอัตโนมัติ
นั่นมันเสียงอะไรกันน่ะ?
ขนลุกชันทั่วร่างกาย ความรู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องร้ายๆทำให้เขาไม่อาจจะนิ่งเฉยอยู่ได้ เสียงกรีดร้องยังคงดังอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้ ยิ่งมันผสมผสานไปกับเสียงพายุฝนที่สาดลงมาราวกับฟ้าถล่มก็ยิ่งทำให้รู้สึกสะพรึงกลัว เหงื่อกาฬพาลจะไหลมาทั่วใบหน้า
เขาค่อยๆลุกไปยืนหลบอยู่หลังประตู มือแหวกบานเลื่อนออกเล็กน้อยก่อนจะมองลอดออกไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ข้างนอกนั่น
แสงคบไฟที่วูบไหวอยู่ที่ระเบียงทางเดินทำให้เขามองเห็นร่างสูงในยูคาตะสีดำของยามาโมโตะวิ่งด้วยท่าทางรีบร้อนเข้าไปในห้องของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ใบหน้าคมที่เขามองเห็นมันไม่ได้ยิ้มสดใส แล้วก็ไม่ได้มืดมน แต่มันกลับเต็มไปด้วยความกังวล
หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนไข้ของเขา?
ด้วยความที่กลัวว่าเด็กคนนั้นจะเป็นอะไรไป ร่างกายจึงวิ่งออกจากห้องด้วยสัญชาติญาณของแพทย์ทันที
เขาเปิดประตูเข้าไปก่อนจะเห็นว่า ยามาโมโตะกำลังกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่น สองแขนแข็งแรงโอบรัดร่างกายที่ดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งเอาไว้จนมันค่อยๆสงบลงในที่สุด ฝ่ามือใหญ่ยังคงลูบไล้เส้นผมสีเงินอย่างปลอบประโลม ริมฝีปากจูบที่ขมับพร้อมกับกระซิบถ้อยคำที่เขาไม่ได้ยินให้ร่างกายที่ยังสั่นระริกฟัง
ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นหน้าของ โกคุเดระ ฮายาโตะ แต่ดูจากอาการแล้วก็พอจะรู้ว่าเด็กคนนั้นกำลังตื่นกลัว...
กลัวอะไรบางอย่าง...จนทำให้ฝันร้าย...แล้วก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ยามาโมโตะหันหน้ามาหาเขาก่อนจะส่ายไปมาแทนคำบอกว่าไม่เป็นไร....เขาจึงถอยห่างออกมา...เพราะรู้ดีว่าคนไข้จะไม่ไว้ใจใครในสภาวะแบบนี้ ยิ่งเขายื่นมือเข้าไปยุ่งก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปใหญ่
คาเอเดะที่เพิ่งจะวิ่งมาถึงยืนหอบอยู่ข้างหลังเขา เช่นเดียวกับคิโชที่ยืนชะเง้อคอมองขึ้นมาจากในสวน สภาพของชายคนนั้นยังคงทำให้เขาผวาได้ทุกทีไม่มีเปลี่ยน
เมื่อเห็นว่าในห้องท่าทางจะสงบลงแล้ว พวกเขาจึงปล่อยให้ยามาโมโตะคอยดูอยู่ตามลำพัง
เขากลับมายืนมองสายฝนดำทะมึนอยู่ที่หน้าห้องของตัวเอง โดยมีคาเอเดะยืนอยู่ไม่ไกล
“ ในคืนที่ฝนตก คุณหนูเธอมักจะฝันร้าย....” เขาได้แต่ฟังคำบอกเล่าของหญิงวัยกลางคนด้วยความเงียบงัน...ฝันร้ายถึงขนาดกรีดร้องออกมาแบบนั้นแสดงว่าเรื่องที่ฝังใจอยู่คงไม่ธรรมดา...แล้วยิ่งได้รับคำเฉลยจากคาเอเดะ เขาก็รู้สึกหนาวที่สันหลังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ เพราะน้องสาวฝาแฝดของคุณหนูฆ่าตัวตาย...ในคืนที่มีฝนตกหนัก...เหมือนคืนนี้....”
แต่เจ้าคนที่ฝันร้ายจนทำเอาเขานอนแทบไม่หลับทั้งคืนกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเมื่อถึงตอนเช้า
วันนี้ โกคุเดระ ฮายาโตะ ก็ยังคงปากคอเราะร้ายใส่เขากับยามาโมโตะได้เหมือนเดิม...
หลังจากเขาจับร่างบอบบางนั่นตรวจร่างกายจนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เขาจึงเดินออกจากบ้านมาเพื่อไปที่สถานีอนามัยเหมือนเมื่อวาน...ก่อนที่จะเริ่มรักษาอาการทางประสาทในขั้นต่อไป เขาจะต้องแน่ใจเรื่องโรคประจำตัวของเด็กคนนั้นเสียก่อน
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองหาแปลงดอกไม้ที่เมื่อวานเขาจำได้ว่ามันน่าจะอยู่แถวๆนี้...ก่อนที่จะถึงสถานีอนามัยไม่ถึงร้อยเมตร...ยังดีที่พายุพัดผ่านไปแล้ว แปลงดอกไม้ที่เขาตั้งใจจะซื้อดอกไม้ไปไหว้ศาลเจ้าจึงไม่ถึงกับเสียหายมากนัก
ดอกมัมสีเหลืองอร่ามถูกมัดรวมกันง่ายๆยื่นมาให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มของเจ้าของแปลงดอกไม้...ทำยังไงหญิงชราก็ไม่ยอมคิดเงิน ได้แต่บอกว่าอยากจะให้เขาเพราะเขาเป็นคนของตระกูลโกคุเดระ ต่อให้อยากได้ดอกไม้ทั้งแปลงก็ยังสามารถยกให้ฟรีๆได้
นั่นเพราะบ้านใหญ่หลังนั้นทำให้ที่ดินรกร้างแห่งนี้กลายเป็นแปลงดอกไม้ที่สามารถหาเลี้ยงคนทั้งบ้านได้...ที่ไม่ต้องอดตายก็เพราะนายใหญ่นายน้อยของบ้านหลังนั้นนั่นแหละ
หญิงชรายังบอกเขาอีกว่า....แทบจะทุกบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคนของตระกูลโกคุเดระแบบที่แทบจะยกชีวิตให้ได้เลยทีเดียว
แบบนี้...ไม่ต้องบอกก็คงเดาออก...ว่าคนที่กลายเป็นนายใหญ่ของตระกูลโกคุเดระในขณะนี้อย่าง ยามาโมโตะ ทาเคชิ จะมีอิทธิพลต่อคนทั้งหมู่บ้านขนาดไหน
เขาก้าวเดินต่อไปให้สองขามาหยุดยืนอยู่หน้าสถานีอนามัยเพื่อจะได้พบกับป้ายว่า “ปิด” เหมือนเมื่อวาน ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นมองประตูทางเข้าสถานีอนามัยด้วยสายตานิ่งเฉย...ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรมากนักที่มาแล้วจะไม่เจอใครเหมือนเดิม
แต่ก่อนที่เรียวขาจะเดินต่อไปเพื่อนำดอกไม้ไปไหว้ศาลเจ้า สองหูของเขาก็ได้ยินเสียงแตกตื่นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ร่างกายได้แต่ยืนนิ่ง นัยน์ตาสีดำมองภาพรถเข็นที่ใช้ขนผักวิ่งฮ้อมาตามถนนผ่านเลนส์ของแว่น ลูกล้อโปร่งวงใหญ่บดเบียดกับดินอัดแน่นของถนนทำให้เกิดเสียงดังกุกๆ ยังดีที่เมื่อคืนฝนตกจนดินชุ่มชื่น ไม่งั้นป่านนี้เขาคงได้เห็นฝุ่นตลบขึ้นมา
ดูจากท่าทางรีบร้อนของหญิงรุ่นป้าที่เข็นรถนั่นมามันก็ทำให้คิดได้ว่าคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นสักอย่าง
รถขนผักวิ่งผ่านหน้าเขาเพื่อเข้าไปยังสถานีอนามัยและสิ่งที่สะท้อนเข้ามาก็มีแต่จะทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
ในรถนั่นมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยท่าทางเจ็บปวดทรมาน...จากเคียวเกี่ยวข้าวที่ฝังอยู่กลางแผ่นหลัง!!
“ หมอไม่อยู่?!! ทำไงดี?!!” คุณป้าคนนั้นแทบจะทรุดเมื่อมองเห็นป้าย “ปิด” ที่แปะอยู่ข้างประตู เสียงร้องโอดโอยที่ดังมาจากในรถยิ่งทำให้ใบหน้าเลอะดินลนลานไปกันใหญ่
แล้วในที่สุด หญิงรุ่นป้าคนนั้นก็หันมาเห็นเขาเข้าจนได้
“ คุณหมอ?...คุณคือคุณหมอของบ้านโกคุเดระใช่ไหมคะ?!” น้ำเสียงตื่นตระหนกเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงดังอย่างมีความหวัง...ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วละว่าคนในหมู่บ้านรู้จักเขาได้ยังไง
“ ครับ” เขาตอบรับด้วยเสียงปกติก่อนจะเดินเข้าไปดูอาการของคนเจ็บ
“ คุณหมอ!! ช่วยด้วย ช่วยสามีฉันด้วย!!” มือที่เต็มไปด้วยดินโคลนจับลงมาที่ท่อนแขนของเขา
“ ใจเย็นๆ ช่วยถอยออกไปก่อน ขอหมอดูอาการเขาก่อน” เขาแตะปลายนิ้วไปที่แผ่นหลังซึ่งยังมีเคียวเกี่ยวข้าวฝังอยู่ เลือดที่ไหลนองออกมาทำให้ภาพตรงหน้าดูน่าสยดสยอง...ไปทำยังไงถึงได้แผลแบบนี้มาเนี่ย?
เขามองแผลอย่างหนักใจ...ไม่ใช่ว่าจิตแพทย์อย่างเขาจะรักษาแผลแค่นี้ไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องมืออะไรเลยต่างหาก
เขาหันไปมองสถานีอนามัยที่ปิดอยู่อย่างรู้สึกแค้นใจ ทั้งๆที่เครื่องมือแพทย์ก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้แต่กลับเข้าไปใช้ไม่ได้...
“ คุณหมอ! ต้องใช้ยาแล้วก็เครื่องมือใช่ไหม? ของในนั้นเข้าไปใช้ได้นะ ประตูไม่ได้ล็อคเอาไว้หรอกค่ะ” เขารู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าเมื่อฟังเสียงละล่ำละลักนั่นพูดจบ...เขาสู้อุตส่าห์เดินมาดูทุกวัน ทั้งๆที่ประตูไม่ได้ล็อคเนี่ยนะ
“ ถ้างั้นช่วยหมอพยุงเขาเข้าไปหน่อย เราคงต้องผ่าตัดเล็กกัน”
แล้วไม่นานเสียงร้องโอดโอยก็เงียบลง...
เขาเอาเคียวเกี่ยวข้าวออกจากแผ่นหลังชายคนนั้นได้สำเร็จ ก่อนจะเย็บแผลให้คนไข้ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนถึงกับสลบไป...ก็เขาไม่ใช่ศัลยแพทย์...การผ่าตัดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่งานที่เขาถนัด...แต่ก็นะ...ถ้าต้องอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ขาดแคลนแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นหมออะไรก็คงต้องเรียนรู้ให้รักษาได้ทุกโรคจริงๆ
แม้แต่สถานีอนามัยของที่นี่...ก็ยังเปิดให้ชาวบ้านเข้ามาใช้ได้เอง...เข้ามาใช้ยาสามัญประจำบ้านหรือเข้ามาทำแผลง่ายๆด้วยตัวเองได้หากวันไหนที่หมอประจำสถานีอนามัยไม่อยู่
เขาทำแผลให้ชายคนนั้นเรียบร้อยก่อนจะมายืนเช็ดมือด้วยผ้าสะอาด คำขอบคุณถูกเอ่ยออกมาจากปากของหญิงรุ่นป้าคนนั้นจนนับไม่ถ้วน ถึงจะเป็นการรักษาที่ไม่ได้เงินทองอะไรแต่ในใจของเขากลับอุ่นวาบ
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นได้แต่มองส่งคุณป้าเข็นรถพาสามีกลับบ้านด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานขึ้นมาจากภายใน...มันสุขใจแบบนี้นี่เอง...การได้ช่วยเหลือใครสักคนซึ่งผลตอบแทนมีเพียงคำว่า “ขอบคุณ”
เขาหันหน้ากลับเข้ามาในสถานีอนามัยก่อนจะเดินไปยังตู้เอกสารที่มีแฟ้มประวัติคนไข้ยัดอยู่เต็ม...นี่คงจะเป็นของคนทั้งหมู่บ้านเลยละมั้ง?
ความจริงเขาก็อยากจะให้สองสามีภรรยานั่นพักฟื้นอยู่ที่นี่ แต่คิดอีกที อยู่ในสถานีอนามัยที่ไม่มีทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลดูแลมันก็คงไม่ต่างจากกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง...เขาจึงแค่แนะนำวิธีดูแลแผลไปเท่านั้น
มือเรียวดึงลิ้นชักไม้ออกมาก่อนจะกวาดสายตาไล่หาชื่อ “โกคุเดระ ฮายาโตะ” แล้วมันก็หาได้ไม่ยาก เพราะแฟ้มประวัติคนไข้ของคนในตระกูลโกคุเดระจะถูกแยกเอาไว้ที่ลิ้นชักอันหนึ่ง
เขาหยิบแฟ้มสีซีดนั่นออกมาเพราะตั้งใจว่าจะขอยืมกลับไปอ่านที่บ้าน...มีแฟ้มอีกอันติดมาทำให้เขาต้องจับมันแยกออกจากกันแล้ววางกลับไปที่เดิม...ตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นของน้องสาวฝาแฝด แต่ทว่ามันกลับเป็นของยามาโมโตะ
เขาหยิบแฟ้มที่แทบจะโล่งโจ้งนั้นขึ้นมาดู...สภาพของแฟ้มที่แทบจะไม่มีรอยยับแสดงว่าคงไม่ค่อยจะได้ใช้...แต่มันก็เป็นไปได้เพราะดูท่าทางยามาโมโตะจะแข็งแรงมาก คงไม่เจ็บไม่ป่วยอะไรเท่าเจ้าคนไข้ในความดูแลของเขาหรอก
แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เขานึกอยากเห็นประวัติคนไข้น้องสาวฝาแฝดของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ขึ้นมา
มือที่ตั้งใจจะค้นหากลับชะงักเอาดื้อๆ...จริงสิ...เขายังไม่เคยรู้ชื่อของเด็กคนนั้นเลย?
น้องสาวฝาแฝดของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ชื่ออะไร?
เขาเปิดแฟ้มของโกคุเดระ ฮายาโตะ เพื่อพลิกดูวันเดือนปีเกิด...ฝาแฝดย่อมต้องเกิดวันเดียวกัน...เขาก็เพียงแค่หาแฟ้มของคนที่เกิดวันที่ 9 เดือน 9 ก็เท่านั้น
ทว่า...
หายังไงก็หาไม่เจอ....
เขาได้แต่ดันลิ้นชักปิดไปอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร...ในเมื่อเด็กคนนั้นตายไปหลายปีแล้วก็คงไม่แปลก...ที่จะทิ้งแฟ้มประวัติคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องรักษาอีกต่อไปแล้วไป
มือหยิบดอกไม้ก่อนจะก้าวขาออกมาจากสถานีอนามัย สองขามาหยุดลงอีกครั้งที่หน้าศาลเจ้าซึ่งยังคงเงียบงัน
สายลมพัดข้างฝาไม้ของอาคารสักการะที่จะหลุดมิหลุดแหล่ให้เกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ทั้งพงหญ้าทั้งเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวกับหลังคาอาคารยิ่งทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะมันราวกับจะเป็นที่ซ่อนของสัตว์ร้ายหรือไม่ก็อะไรที่มันอันตรายๆ
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองศาลเจ้ารกร้างอย่างนึกอยู่ในใจว่าสักวันเขาจะมาทำความสะอาดและซ่อมบำรุงมัน...ถึงที่นี่จะไม่ได้ใช้แต่ก็รู้สึกว่าไม่อาจจะปล่อยปละละเลยเอาไว้แบบนี้ได้
เพราะมันอยู่ใกล้บ้านของตระกูลโกคุเดระมากเกินไป
สถานที่ปล่อยร้างที่ดูไม่น่าไว้ใจแบบนี้ไม่ควรจะมีอยู่ใกล้ๆคนไข้ของเขา
ฝ่ามือวางดอกไม้ลงตรงแท่นสักการะก่อนที่ใบหน้าเรียวจะก้มศีรษะลงไป เขาตั้งใจจะนั่งอยู่ที่นี่สักพักเพราะความสงบของมันทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายจึงย้ายไปนั่งลงที่ปลายบันไดของเรือนไม้เก่าๆของอาคารสักการะ
และในขณะที่กำลังจะเปิดแฟ้มประวัติคนไข้ของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ออกมาอ่าน ที่แผ่นหลังก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
เงาของอะไรบางอย่างวูบไหวกระทบพื้นโรยกรวดให้เห็นอยู่ไม่ไกล....ร่างกายที่แข็งเกร็งจดจ้องไปที่เงานั้นอย่างพินิจพิจารณาว่ามันคือเงาของอะไรกันแน่
คน?
มันน่าจะเป็นเงาของคน...แต่ก็ดูจะพิกลพิการอยู่ไม่น้อย...
ส่วนที่น่าจะเป็นแผ่นหลังนั้นงองุ้มเหมือนคนหลังค่อม ขาที่ก้าวเข้ามาหาเขาเรื่อยๆก็ดูโขยกเขยก ท่าทางการเดินก็เหมือนคนไม่สมประกอบ
ขนทั้งร่างลุกชันขึ้นมา...จากเงาที่เขาเห็นนั้นทำให้รู้สึกสะพรึงกลัวจนอยากจะวิ่งหนี
ถึงในเงานั่นมันจะไม่ได้ถือมีดเล่มใหญ่เหมือนที่คิโชถือ แต่ในสถานที่รกร้างแบบนี้หากไม่ใช่คนร้ายหนีคดีหรือขโมยขโจรมาซ่อนตัว คนที่จะอยู่แถวนี้ได้ก็คงจะมีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นแหละ...และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นจิตแพทย์แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำให้คนบ้าสงบลงได้ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันเสียเมื่อไหร่
ไม่ว่าจะอย่างไหนมันก็อันตรายทั้งนั้น
แขนกอดแฟ้มแนบอกก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ และในขณะที่เงานั่นมันกำลังยื่นมือเข้ามาหา สองขาของเขาก็รีบออกวิ่งไปทันที
วิ่ง....
วิ่ง.....
แล้วก็วิ่ง!!!
วิ่งโดยไม่คิดแม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง เพราะยังทำใจไม่ได้หากต้องเห็นใบหน้าที่น่าสยดสยองของคนที่ยืนอยู่ปลายบันไดขั้นบนสุดของศาลเจ้านั่น
ร่างโปร่งบางวิ่งลงบันไดก่อนจะวิ่งต่อรวดเดียวจนถึงบ้าน เมื่อข้ามพ้นเขตรั้วเข้ามา ฝ่ามือก็ถึงกับยันกำแพงเอาไว้แล้วก้มลงหอบหายใจจนตัวโยน เหงื่อไหลจากขมับลงไปตามใบหน้า ไอร้อนที่แผ่ออกไปจากร่างกายทำให้อีกมือต้องขยับคอเสื้อเชิ้ตสีขาวกระพือพัดขึ้นลง
และเมื่อสติเริ่มกลับคืนมา ในหัวก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ
เขาลืมไปเลยว่านอกจาก..ขโมย...คนร้าย...คนบ้า...ในหมู่บ้านชนบทแบบนี้บางทีก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนที่คนในครอบครัวไม่ต้องการซึ่งถูกนำไปซ่อน นำไปขังเอาไว้จนคลุ้มคลั่งไปในที่สุด แล้ววันดีคืนดีก็จะหลุดออกมาทำร้ายผู้คน ซึ่งหากเป็นแบบนั้นที่บ้านตระกูลโกคุเดระแห่งนี้ก็นับว่าอันตรายมากทีเดียวเพราะอยู่ไม่ได้ถือว่าไกลจากศาลเจ้าร้างนั่นเลย
เขาคงต้องบอกยามาโมโตะ ให้ส่งคนไปตรวจดูรอบๆที่นั่นสักหน่อย
วันนี้ทั้งวันมันจึงผ่านไปด้วยท่าทางกระสับกระส่ายของเขาที่เฝ้ามองประตูหน้าบ้านว่าเด็กหนุ่มจะกลับจากโรงเรียนเมื่อไหร่ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังต้องมาคอยหวาดระแวงว่าจะมีคนร้ายหรือคนบ้าบุกเข้ามาเล่นงานคนในบ้านบ้างหรือไม่
แล้วในที่สุด ยามาโมโตะ ทาเคชิ ก็กลับมา ร่างสูงที่ปกติจะตรงดิ่งไปดูความเรียบร้อยของรถขนสินค้าที่โกดังก่อนจะเข้าบ้านถูกเขาเรียกเอาไว้
“ ยามาโมโตะ!” ใบหน้าคมหันมามองด้วยความสงสัย
“ ครับคุณหมอ?” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้ แต่เขาก็ทำได้เพียงใช้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลตอบกลับไป
หลังจากที่เขาสอบถามเด็กหนุ่มว่าที่ศาลเจ้ามีคนเข้าไปใช้หรือไม่ แล้วมีใครถูกขังเอาไว้บ้างหรือเปล่า...คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือ ไม่มี
เขาจึงเล่าสิ่งที่ไปพบเจอมาให้เด็กหนุ่มฟัง ใบหน้าคมพยักรับพร้อมกับเรียกคิโชให้พาคนออกไปดู
“ ไม่ต้องกังวลนะครับคุณหมอ” เพราะใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มอยู่ได้นั้นมันเลยทำให้เขาเริ่มเบาใจ...ไม่ใช่ว่ายามาโมโตะจะไม่คิดอะไรแต่คงมีวิธีรับมือซึ่งคนมาใหม่อย่างเขาไม่รู้อยู่แล้วก็ได้
“ เดี๋ยวผมจะออกไปกับพวกนั้นด้วย ยังไงก็ช่วยอยู่ทางนี้ทีแล้วกันนะครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอที่บอกให้ผมรู้” เขาพยักหน้ารับก่อนจะมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ดูพึ่งพาได้ไปอย่างเบาใจ
โดยที่ไม่รู้เลยว่า...ใบหน้าของคนที่กำลังก้าวขาเดินออกไปจากบ้านนั้นมันมืดมนขนาดไหน
ร่างสูงของเด็กหนุ่มเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับลูกน้องซึ่งเป็นชายฉกรรจ์....เสียงทุ้มต่ำเอ่ยคำสั่งออกไปราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร...
“ ลากคอมันออกมาให้ได้”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
มาเล่าถึงแรงบันดาลใจของฟิคเรื่องนี้กันบ้าง จริงๆพล็อตฟิคเรื่องนี้อยู่ในหัวมากว่าสิบปีแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ แต่ว่า หาตัวละครที่เหมาะสมไม่ได้ ก็เลยไม่เคยจิ้นต่อแบบจริงๆจังๆซักที แต่พอหลังจากดู Psycho Pass จบก็ถึงขั้นบรรลุ(?)อยู่คนเดียว....ตรูเจอแล้วว้อยค่าาาาาาา อีกคู่ที่ไม่รู้จะเอาใครมาสวมบทบาทดี!!! คุณโคกิโนะแม่งเป๊ะมาก ทั้งนิสัยและอายุ! คือยามะก๊ก น่ะถูกวางบทมาตั้งแต่ตอนที่รู้จัก KHR เมื่อห้าปีที่แล้วแล้วค่ะ แต่ว่าบทของคุณหมอในฟิคเรื่องนี้กับ......บทที่คุณโครับไป อยากได้ตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็มีความหลัง มีความลึกลับซับซ้อนอะไรทำนองนี้ คือคุณโคกับกิโนะนี่ใช่มากๆเลยค่ะขอบอก >////< นะ...พอได้ตัวละครมาแล้วก็เลยเพิ่งได้นั่งวางพล็อตแบบจริงจังนี่แหละ
ส่วนฟิคเรื่องนี้มันเริ่มจากอะไร....เพลงเพลงนึงค่ะ 555 เพลงอีกแล้ว...แต่เป็นเพลงที่ชอบมากๆๆๆๆ คือเวลาฟังเพลงนี้ทีไร พล็อตของฟิคเรื่องนี้ก็จะลอยอยู่ในหัว เพียงแต่ยังไม่มีตัวละครที่จะเอามาใส่ในจิ๊กซอว์ให้ครบได้ก็เท่านั้นเอง เพลงนี้ชื่อเพลงว่า Juunana Sai ของวง Gazette ค่ะ (ตรูฟังตั้งแต่วงมันยังไม่ได้ใส่ The เอาไว้ข้างหน้าเลยอ่ะ555)
ตัวเนื้อเพลงน่ะ กล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่สมหวังในความรัก เธอกำลังท้องแต่ผู้ชายที่เป็นคนรักก็ทิ้งไป เธอเฝ้าคิดถึงช่วงวัยที่ทุกอย่างกำลังสดใสเมื่อตอนอายุ 17 ปี เฝ้ามองชุดเจ้าสาวที่แขวนอยู่ที่ผนัง ตอนนี้เธอไม่อาจจะกอดลูกในท้องของเธอได้แบบที่แม่ควรจะทำ ชุดเจ้าสาวก็ยังคงแขวนไว้บนผนัง แล้วเธอมาทำอะไรอยู่ที่ชานชลาในสถานีรถไฟกันนะ....=[ ]=!!...เนื้อเพลงแม่งชวนกดดันชิหายเลยค่ะ นางจะมาฆ่าตัวตายหรือยังไง หรือมารอใครอยู่ อ๊ากกก คุณกวางฟังไปคุณกวางก็เดาไม่ถูกเพราะสารภาพว่าตีความจากคำแปลที่เคยมีคนแปลไว้ไม่ออกค่ะ แต่ว่าที่เพลงนี้มันเท่ห์ก็เพราะมันเป็นมุมมองของผู้หญิงคนนี้ใช่มะ แต่ว่าคนที่ร้องเพลงคือรุกิ นักร้องนำซึ่งเป็นผู้ชายค่ะ!!! แล้วรุกิแม่งก็ถ่ายทอดออกมาโคตรดีอ่ะ โฮวววว ตอนที่ฟังโดยไม่รู้ความหมายยังรู้สึกเศร้าเลยค่ะ ยิ่งได้รู้ความหมายของเพลง ยัยมี๊แม่งน้ำตาร่วงไปหลายรอบ...ประโยคหนึ่งที่กินใจมากคือ.....ตอนที่รู้ว่าท้อง ทั้งๆที่ดีใจมาก แต่ทำไมน้ำตากลับไหลลงมา...คือเหมือนเธอรู้ว่าถ้าท้องผู้ชายคนนั้นจะทิ้งเธอไปอะไรประมาณนี้มั้ง เชี่ยเพลงแม่งจะรันทดไปไหน TT^TT
ใช่ค่ะ....Juunana Sai แปลว่า อายุ 17 ปี ฟิคเรื่องนี้เลยมีชื่อภาษาไทยว่า 17ฝน ความหมายของ 17 ฝนก็คือ คนที่อายุ 17 ปีนั่นแหละค่ะ ก็ง่ายๆ...คนที่จะอายุ 17 ได้ก็คือคนที่ผ่านฤดูฝนมา 17 ครั้ง (ถึงแม้ฤดูฝนในปัจจุบันมันจะมีทั้งปีทั้งชาติก็เถอะนะ =”= ปล่อยแม่งไปค่ะ) กร๊ากกก จะมีใครทันเพลง 18ฝน ของเสือ ธนพลบ้างไหมนะ5555 นั่นแหละ ความหมายเดียวกัน 18ฝน18หนาว มันร้าวในใจสิ้นดี~~~ =3=
เอ่อ....แต่เนื้อเพลงที่เวิ่นมาทั้งหมด มันไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องฟิคแต่อย่างใดนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าก๊กจะท้องแล้วยามะจะทิ้งไปอะไรงี้ แต่ด้วยทำนองเพลงที่ฟังแล้วมันเศร้าๆจนข้าพเจ้าเหมือนจะได้กลิ่นเรื่องราวเก่าๆ มันก็เลยนึกถึงเรื่องราวของฝาแฝดในยุคกึ่งเก่ากึ่งใหม่ของญี่ปุ่นขึ้นมา...แทบจะไม่เกี่ยวกัน...ฮ่าๆๆ
แปะเพลงซักหน่อย...
เวิ่นมาเยอะแระ ไปอ่านตอนต่อไปกันดีก่า
ไม่ใช่แค่คุณโคหรอกค่ะที่อยากจะดึงแก้มก๊ก ขวัญนี่อยากดึง(?)ทึ้ง(?)กัด(?)ฟัด(?)ฉุดกระชากลากถู(โดนไม้เบสบอลฟาดตาย)ให้ย้วยเหมือนกันนน
ตอบลบแล้วยังไง...ไอ้ฉากก๊กยืนทะเลาะกับประตูกันฝน ไอ้ฉากทำหน้าหาเรื่องทำเสียงห๋าาาาที่ไม่เข้ากับหน้าตา ฉากหน้างอไม่อยากกินแครอทแถมยังมีเหล่ไปอ้อน(?)คนข้างๆ ....น่ารักไปมั้ยยยยย โอ้ยยยย ทำไมคนบ้าคนนี้โมเอ้จัง >/////< มายืนๆลูบๆแนบๆเก๊าแทนกระจกได้มั้ยอ่ะ!
เรื่องนี้ใช้คุณกิโนะเป็นคนดำเนินเรื่องสินะคะ แบบดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดในเรื่องแล้วสินะ(ฮา) ได้เห็นศึกซึนใหญ่ปะทะซึนเล็ก(?)แล้วมันชุ่มชื่นหัวใจ สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดีจังนะ เหมือนพี่น้องกันเลย>_<♡
ส่วนตีวเนียนเราจะไม่พูดถึง เพราะบทนายจืดจางมาก #ลำเอียงแบบเห็นได้ชัด เพราะงั้นอยากเด่นขึ้นมาในสายตาเรานายต้องจับก๊กมากดให้ดูซักฉากก่อนซะดีๆ แต่ยังไงก้ยังประทับใจความเป็นห่วงที่ทีให้ก๊กอยู่ดีนะ จริงๆแล้วเพราะเหนื่อยๆมาเลยมามองหน้าคนสวยเป็นกำลังใจก่อนไปเปลี่ยนเสื้อใช่มั้ยละ แล้วไอ้ฉากปลอบที่เนียนกอดไปจูบไปนั่นมันยังไงกันห๊าาาาา>////< #จริงๆสงสารก๊กแต่ความเนียนมันเตะใจกว่า55
รอตอนต่อไปอยู่น้าพี่กวางง จะบอกว่าตอนนี้ขวัญป่วยแล้ว เพราะงั้นส่งหมอกิโนะมาดูแลขวั....ไม่ใช่สิ=w=: เพราะงั้นพี่กวางรักษาสุขภาพด้วยนะคะ>___<
(เราเป็นคนบ้าจริงจัง T _ T คอมเม้นท์พาร์ทแรกง่ะ....
ตอบลบฉันจะกดส่งไปทำไมถึงสองรอบละหือออ
แถมส่งไปแล้วก็ลบไม่ได้อีก 55555
เค้าไม่ได้กำลังทำตัวเป็น spam (?)น้า T _ T
เลยต้องมาขออภัยมา ณ ที่พาร์ท 2 (?))
จริงๆเคยบอกกวางซามะไว้ว่าตอนที่อ่านคู่โคกิโนะ
แต่กลับรู้สึกว่ากลิ่นอายของยามะก๊กมันอบอวล(?)ไปทั่วจริงจัง
และเรื่องนี้ มันรู้สึกชัดเจนเลย กิโนะคือก๊กที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว > _ <
คู่นี้มันงุ้งงิ้งปากไม่ตรงกับใจใส่กันน่ารักไปไหน หืออออ
ชอบบรรยากาศศาลเจ้าจังค่ะ
ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนจะบอกว่าจะต้องมีบางอย่างที่นี่(?)
มันทำให้รู้สึกอยากจะส่งเสียง แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก (?)
และตอนท้ายๆของพาร์ทนี้ก็ได้แฮ่กๆๆเลยล่ะค่ะ
แฮ่กๆเพราะดันคิดว่าวิ่งไปกับกิโนะ(?)
5555555 มันจะอินของมันไปไหนฟ่ะ แต่อ่านแล้วมันรู้สึกต้องวิ่งหนีจริงๆนะ
แอบตกใจที่ก๊กเรียกกิโนะ ว่า กิโนะ(?) ด้วยล่ะค่ะ
ตกใจแบบตาปิ๊งปั๊ง(?)เลยนะคะ 5555
ถึงจะเป็นการเรียกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ถูกใจ(?)ค่ะ > _ <
แถมมีให้คนอ่านลงไปดิ้น(?)อีกรอบกับการนอนตักกิโนะของหนูก๊ก
โฮกฮากกกกกก ทำไมฉันเห็นแบคกราวน์(?)มีดอกไม้(?)ผุดขึ้นมาเต็มไปหมดกันละหืออออออ
และดอกไม้พึ่งจะบาน(?) ไอ้คนอ่านมันก็ลงไปดิ้น(?)อีก
เมื่อเจ้าของคนสวยกลับมาบอกให้รอเพื่อที่ตัวเองจะไปเปลี่ยนชุดเก่ง(?)
ความหล่อพ่อคุณทะลุตัวอักษร(?)เลยให้ตาย 55555
จากที่ฟินโชยุวาซาบิ(?) ณ จุดนี้
ไอ้ลูกแมวขี้เซาที่ซุกเข้าหาแผงอกของเจ้าของนี่มันไม่ทนนนนน!!!!
#ฉันมีความอดทนกับอะไรบ้างเหรอ? 55555
ตอนที่ก๊กฝันร้าย จริงๆแอบจิ๊จ๊ะ(?)อยู่คนเดียว
เรื่องที่ยามะไม่ได้นอนห้องเดียวกับก๊ก(?)
#ไอ้นี่มันมุ่งเน้นอยู่อย่างเดียวเลย - _ -
แล้วก็เรื่องที่ยามะกระซิบปลอบโยนก๊กที่กิโนะไม่ได้ยินนั่นด้วย
#นี่มันเรื่องห้องแห่งความลับใช่มั้ยคะกวางซาม้าาา 55555
เรื่องนี้ไม่หนักอึ้งเท่ากับในห้องที่แสงส่องไม่ถึงก็จริง
แต่ว่ามันหน่วงมากๆเลย ไม่ใช่หน่วงด้วยความเจ็บปวด
แต่หน่วงเหมือนคนกำลังอยู่ในเขาวงกต 555555
จะดูโอเว่อร์ไปมั้ย แต่ว่าก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ
เหมือนบางสิ่งบางอย่างกำลังบอกว่า เรื่องที่กิโนะรับรู้มามันไม่ใช่เรื่องจริง
แล้วประโยคของผู้พิทักษ์สายหมอก(?)ก็โผล่มาเลย
เรื่องจริงในเรื่องโกหก เรื่องโกหกในเรื่องจริง บลาบลา 5555555
#มันโดนท่านมุคุโร่ลากลงหลุมไปตั้งแต่ตอนไหนฟ่ะ
จริงๆชอบชื่อเรื่องนี้มากๆเลยนะคะกวางซามะ
เวลาออกเสียง Juunana Sai แล้วมันรู้สึกเพราะยังไงบอกไม่ถูก
มันดูขลังๆ(?)ทั้งๆที่ความหมายมันก็แค่อายุ
#บางทีจิตใต้สำนึก(?)ของเรามันอยากจะกลับไป17อีกครั้ง 555555
#18ฝน มันร้าวในใจสิ้นดีจริงจังค่ะกวางซามะ เพราะอย่างนั้น อย่าลืมฉัน(?) อย่าเดินหนี(?) วันนี้หัวใจสับสน สับสนเพราะฟิคเรื่องนี้ 55555555555 บ่งบอกว่าทันเพลงนี้สุดติ่ง T _ T ......กำลังคิดว่าถ้าต่อท่อนต่อไปจะเข้าไททัน 5555 เพราะเนื้อเพลงดันมีกำแพง!!!!(?) เกิดกำแพง กำแพงที่มองไม่เห็น....คือในไททันนี่เด่นสง่าเลยนะกำแพงน่ะ - _ -
#อ่าวเฮ้ยนี่ตกลงกำลังเม้นท์หรือทำอะไรฟ่ะ 555555
#เพลงที่แปะไว้ ฟังแล้วเศร้าบัดซบ(?)จริงจัง T _ T แต่ว่าก็เพราะกินใจสุดๆจริงจังเหมือนกันง่าา
อรั้ยยย!!
ตอบลบอ่านเมื่อคืน เม้นเย็นวันนี้ 555
ชอบฉากโมเมนท์ของกิโนะกับก๊กจังอ๊า
ดูเหมือนพี่เลี้ยงเด็กเลย เด็กดื้อน่ารักซะด้วย
เด็กอะไรน่ารักน่าหยิก น่าดึงแก้มย้วย
ยังคงรอกล้ามออกโรงต่อไป ฮิฮิ
เเบบว่า....#ดองนานครัช #ดองไว้อ่านเเล้วก็ดอง #โดนตบ #ได้อ่านเเล้ว
ตอบลบหนูก๊กเอ๊ย....ไปว่าคุณกิโนะเขายังงั้น ตัวหนูเองหนักกว่าเขาอีกนะไอ้เรื่องปากไม่ตกกับใจอะ=A= โธ่ลูก
ชอบตอนที่พอก๊กปิดประตูเสร็จเเล้วก็หลับ....ทำไมมีความรู้สึกว่าคุณกิโนะเป็นเเม่ขึ้นมาโดยฉับพลัน... น่ารักอะ...
เอ๊ะ ยังไง...
#คนละเรื่อง #ข้ามเรื่องเเล้ว #คุณกิโนะท้องไม่ได้ไงประเด็น #ทำไมลูกสาวคุณกิโนะผมเงิน #ใครคือพ่อของเด็ก #ผิด #พอเถอะว์
อ่านไปอ่านมาชักมีลางไม่ชอบมาพากลจริงๆอะ= =;; เออ มันน่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง...อ่านไปมโนไป...
ว่าเเต่เคียวที่ปักหลังนี่ทำไมโดยส่วนตัวเเล้วเราว่ามัมมีซัมติงเเอบเเฝง?
พออ่านไปอ่านมาเริ่มคิด หรือน้องสาวจะไม่มีตัวตนตั้งเเต่เเรก...เอ๊ะหรือก๊กเเกล้ง?....ถ้าเเกล้งทำไมอาการถึงหนักขนาดนั้นล่ะ...มีหรือยามะจะดูไม่ออก...เอ๊ะหรือสองคนนี้ร่วมมือกัน?
#ไปกันใหญ่เลยทีเดียว
ปล. ลากคอมันที่ว่า ตอนเเรกเเอบนึกถึงคุณฮิ....เเต่เเบบไม่ใช่มั้ง....คิดไปคิดมานั่นคุณโคหรือเปล่า
#กรรม #หนูขอโทษ...
ก๊กลูกกก ไม่มีน้องสาวแล้ว สนใจรับพี่สาวไปแทนไหมมม ดูเหมือนกิโนะจะเต็มใจ ฮ่า ><
ตอบลบ