Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 04
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
คำแค่สองพยางค์กลับทำให้คนข้างๆถึงกับแข็งเป็นหิน....
เฟอร์รารี่สีแดงสดเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูดในย่านชานเมืองของมอนซ่า
และคราวนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาฉุดกระชากลากดึงกันให้ลำบาก
เพราะร่างโปร่งบางนั้นนิ่งสนิทราวกับถูกสตัฟฟ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ม่านถูกดึงปิดหลังจากที่รถวิ่งเข้าไปจอด
ท่อนแขนสอดเข้าไปหิ้วลำตัวบางออกมาก่อนจะยกพาดบ่าเพราะดูท่าว่าเด็กนั่นจะไม่ยอมเดินด้วยขาของตัวเองแน่ๆ...และเขาก็รู้สึกว่ามันเสียเวลา
ตุบ....
เสียงเบาๆดังขึ้นมาจากเตียงหนาที่ดูท่าทางจะมีสปริงที่ดีเยี่ยม
ใบหน้ามนยังคงอ้าปากค้างก่อนจะถอยครูดหนีไปที่หัวเตียงอย่างรวดเร็วให้เขาได้แต่ยิ้มที่มุมปาก...ดูท่าทางจะยังจำทุกอย่างได้ดีมากอยู่นะ
“
ฉันจะไปอาบน้ำ...ช่วยทำตัวดีๆ...รออยู่ที่เตียงนี่ด้วย” ถ้อยคำที่เน้นออกไปจงใจจะแกล้งให้คนตรงหน้าหวาดผวา
แล้วนัยน์ตาสีมรกตที่มองสวนกลับมาด้วยแววไม่ไว้ใจก็บ่งบอกว่าเขาทำสำเร็จ
เสียงซ่าๆที่ดังออกมาจากห้องน้ำซึ่งเป็นกระจกฝ้าทำให้ใบหน้ามนยิ่งซุกลงไปที่หัวเข่า
สองขาที่ยกชันขึ้นมาถูกกอดแนบลำตัว
นัยน์ตาสีมรกตแอบเหลือบมองเงาที่เห็นจากในกระจกก่อนจะละสายตาหนีอย่างอายๆ
ในเมื่อกระจกนั่นมันยิ่งทำให้เงาดูเร้าใจกว่าระจกใสทั่วไปอยู่หลายเท่า
แล้วก็ขนาดเห็นแค่เงาเขายังรู้สึกได้ถึงมัดกล้ามที่สวยงามจนเผลอคิดไปว่า...
ถ้าถูกร่างกายที่แข็งแกร่งนั่นกอดเอาไว้ก็คงจะดี
“
อ๊า~~~”
เสียงครางเบาๆดังออกมาจากใบหน้าแดงเถือกที่ก้มลงไปซุกที่หัวเข่าหนักกว่าเดิม...คิดอะไรออกไปเนี่ย?! ใครจะไปยอมผู้ชายใจร้ายนั่นง่ายๆกันเล่า!
ปีศาจร้ายในคราบคุณรีไวนั่นมันต้องกำลังล่อลวงเขาอยู่แน่ๆ
ไม่งั้นเขาคงไม่คิดอะไรบ้าๆแบบนี้หรอก!
แล้วยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
ความกังวลในใจก็ยิ่งทบทวี...ก็การที่ต้องมานั่งนับถอยหลังว่าจะเสียตัวเมื่อไหร่มันใช่เรื่องดีซะที่ไหน...ใบหน้ามนแอบเงยขึ้นมามองรอบๆกายอีกครั้ง
นัยน์ตาสีมรกตยังคงหวาดผวาต่อทุกสิ่งเพราะความทรงจำที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้มันทำให้รู้สึก...กลัว...
ตอนนี้หัวใจมันกำลังเต้นระรัวอย่างที่พยายามจะสงบเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่
ครืด!!!
แล้วเสียงประตูเลื่อนของห้องน้ำที่เปิดออกก็ทำเอาร่างทั้งร่างถึงกับสะดุ้งโหยง
นัยน์ตาได้แต่แอบเหลือบขึ้นไปมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ
แล้วใบหน้าก็ต้องร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อมองเห็นว่าคนตรงหน้าสวมกางเกงขายาวสีดำเพียงตัวเดียว
หยดน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่ตามมัดกล้ามและร่างกายท่อนบนช่างดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจจริงๆ
“
ไปอาบน้ำสิ”
นัยน์ตารีขวางที่เหยียดมองลงมาทำให้ยิ่งรู้สึกถึงอำนาจที่ไม่อาจจะขัดขืนได้...นี่ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นนักขับของเฟอร์รารี่
เขาเชื่อว่าคุณรีไวต้องได้เป็นบอสมาเฟียแน่ๆ
“
ทำไม...ต้องพามาพักโรงแรมแบบนี้ด้วยละครับ...”
ภาษาของตำรวจเขาเรียกว่าอะไรนะ?...ถ่วงเวลาไม่ให้หมาป่าขย้ำเหยื่อ?...ใช่ๆเขาควรจะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ
“
ช่วงแข่งแบบนี้โรงแรมธรรมดาเต็มหมด ไม่ต้องไปหาให้เสียเวลา” ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียง
ก่อนจะดึงผ้าขนหนูที่พับอยู่ขึ้นมาเช็คเส้นผมสีดำที่ยังมีน้ำหยดแหมะๆ
“
ถะ ถ้างั้น...ส่งผมไว้แล้วคุณกลับไปก็ได้...”
“
ม่านรูดมีใครเค้าใช้คนเดียวบ้างล่ะ? ถ้าชั้นไม่อยู่นายจะบอกพวกนั้นยังไง?” ใบหน้านิ่งพยักไปทางประตู...คงจะหมายถึงพนักงานของโรงแรมที่อยู่ด้านนอก
แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเขาก็ยังข้องใจ...ก็แค่จ่ายเงินค่าห้องไป
พวกนั้นก็ไม่ได้ตามมาดูไม่ใช่หรอ
ว่าจะทำอะไรกันหรือเปล่า?...แต่เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจโลกของผู้ใหญ่
มันอาจจะซับซ้อนอย่างที่คนตรงหน้าบอกก็ได้?
ร่างโปร่งบางค่อยๆขยับออกมาจากเตียง
ท่าทางราวกับกระต่ายที่ค่อยๆย่องหนีเพราะกลัวหมาป่าจะรู้ตัวนั่นมันทำให้คนที่ลอบมองอยู่ถึงกับยิ้มบางๆที่มุมปาก
เด็กนั่นลงไปนั่งยองๆก่อนจะค้นหาเสื้อผ้าในกระเป๋า โดยสายตาหวาดระแวงก็ยังคงมองมาที่เขาเป็นระยะๆ
และกว่าจะเข้าห้องน้ำได้
เจ้าเด็กนั่นก็ใช้เวลาไปไม่รู้กี่นาที
ยังคงเป็นคนที่กระตุกต่อมอยากทำร้ายร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดีเลยนะเด็กนั่น....
นัยน์ตานิ่งสนิทจับจ้องไปที่กระจกฝ้าของห้องน้ำ...จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงไม่ใช่....แต่วันนี้เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเด็กนั่นนอกจากการทำให้กลัวเหมือนทุกที
ยังไงก็เป็นช่วงก่อนแข่ง...เขาไม่อยากให้มีปัญหา
แล้ว....
ยิ่งถ้าไอ้เด็กเหลือขอนั่นมันมาตายอยู่ในห้องน้ำ
เขาก็จะยิ่งมีปัญหา!
หลังจากที่เสียงน้ำไหลอยู่กว่าสองชั่วโมง
ร่างโปร่งบางนั่นก็ยังไม่ยอมออกมา สองขาจึงลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ฟังเสียง
“
นี่...คิดจะอาบน้ำอีกนานแค่ไหน?” คนที่ยืนหันหลังให้ถึงกับสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันขวับกลับมามอง
“
อ๊ะ?!! คุณจะเข้ามาทำไม?! แล้วก็ผมจะนอนในห้องน้ำ!” แผ่นหลังเนียนที่ยังอยู่ในสายน้ำมันช่างเร้าใจจนริมฝีปากอยากจะหยอกเย้า
“
จะทำในห้องน้ำ?”
“
ไม่ใช่ครับ! ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ!!”
ใบหน้ามนหลับหูหลับตาตะโกนออกมาด้วยไหล่ที่สั่นระริก
แล้วในขณะที่กำลังยืนหอบหายใจ ผ้าขนหนูผืนใหญ่ก็ลอยไปแปะอยู่บนหัวสีน้ำตาล
“
ถ้าอยากจะทำให้ชั้นตบะแตกก็อาบน้ำต่อไป แกก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่าบนกระจกนั่นมันเป็นยังไง” แล้วก็ดูเหมือนเด็กนั่นมันจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้
ริมฝีปากสีระเรื่อจึงถึงกับอ้าค้าง
“
อะ...............” เขาหันตัวกลับออกมาจากในห้องน้ำ
ปล่อยให้ใบหน้ามนได้แต่อ้าปากพะงาบๆต่อไป
ครืด.....
“
คุณรีไวบ้า! บ้าที่สุด!! ทำไมไม่บอกให้ไวๆล่ะครับ!!” คงจะเป็นคนเดียวนี่แหละที่ตะโกนด่าเขาปาวๆแบบนี้แล้วยังมีชีวิตรอด
ใบหน้าที่นิ่งเฉยมาตลอดยิ้มออกมาบางๆเมื่อกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
และกว่าจะได้ล้มตัวลงนอน
เสียงระฆังที่ตีบอกเวลาเที่ยงคืนก็ดังมาจากที่ไกลๆ
แผ่นหลังยังคงหันให้เด็กนั่น
นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงมองเข้าไปในความมืด....สำหรับเขาการที่จะนอนกับใครไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคิดอะไรมากมาย...มันเลยทำให้ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ยอมปล่อยเด็กนั่นไป
เพราะอะไรหลายๆอย่างของเด็กนั่นมันทำให้นึกถึงฮายาโตะ?
ไม่สิ...ไม่ใช่....
เพราะถ้าเด็กนั่นเหมือนฮายาโตะ....ความอยากพวกนี้มันจะต้องไม่มี
ฮายาโตะคือคนเดียวที่เขาไม่เคยคิดจะมีเซ็กส์ด้วย
แต่กับเด็กนี่มันไม่ใช่....
เขารู้ว่าเขาทำได้....แต่ที่ไม่ยอมทำนี่มันเป็นเพราะอะไร?....
ในเมื่อใช่ว่าจะไม่ต้องการ....
เสียงสวบสาบดังมาจากอีกฟากของเตียงก่อนที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาจะรับรู้ได้ว่าใครอีกคนกำลังซุกมันอยู่
ถึงแม้ท่านอนจะไม่ได้ต่างไปจากเมื่อครั้งก่อนแต่คราวนี้ความรู้สึกในใจมันเหมือนจะเปลี่ยนไปอยู่นิดหน่อย...มือเล็กๆที่อบอุ่นข้างนั้นมันยังคงลูบอยู่ที่รอยแผลเป็นของเขาเบาๆ
“
คุณรีไว....ผม...ถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ...”
เสียงอู้อี้ดังออกมาจากผ้าห่ม...เขายังไม่อยากจะตอบอะไรทั้งนั้นในตอนนี้...เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ...เลยได้แต่ขู่ออกไป...
“
จะนอนดีๆหรือจะให้ชั้นจับนายถอดเสื้อผ้า”
แล้วเสียงตื่นๆจึงตอบกลับมาแทบจะทันทีว่า...
“
นอนครับ”
เฟอร์รารี่สีแดงสดพุ่งกลับเข้ามายังสนามออโตรโดโม่
ดิ มอนซ่า ตั้งแต่เช้าตรู่
ร่างโปร่งบางเหมือนจะเริ่มชินกับความเร็ว
160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้างแล้ว ใบหน้ามนถึงได้กล้าสัปหงกมาตลอดทาง
เสียงกระหึ่มหยุดลงที่ลาดจอดรถวีไอพีที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้สำหรับรถของทีมแข่ง
รถบรรทุกคอนเทรนเนอร์สีแดงเถือกจอดเรียงกันเป็นตับอยู่ข้างๆบ่งบอกว่าตรงนี้คือที่จอดของทีมเฟอร์รารี่
นัยน์ตารีขวางหันไปมองร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ข้างๆ
ใบหน้ามนนั่นยังคงหลับพริ้มอย่างไม่ได้กลัวเลยว่าจะถูกเขาทำอะไร....นี่หมายความว่าที่เขาขู่มาตั้งนานนี่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม?
ยิ่งเห็นความผ่อนคลายจากใบหน้าของเด็กนั่นมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกหมั่นไส้จนอยากจะจับจมูกเป็นสันนั่นโยกไปโยกมาสักที
แพขนตาหนาที่แนบอยู่กับแก้มใสทำให้เผลอจ้องมอง
ริมฝีปากช่างเจรจายามนี้กลับเพียงแค่เผยอออกน้อยๆราวกับกำลังเชิญชวน
จะว่าเป็นเพราะบรรยากาศพาไปหรือจะอะไรก็ไม่รู้
แต่ตอนนี้เขากลับห้ามตัวเองไม่อยู่จนเผลอขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากสีระเรื่อนั่น
ก่อนที่จะสัมผัสมันอย่างแผ่วเบาด้วยริมฝีปากของเขาเอง....
“..................อือ....?..” เสียงอืออาดังออกมาจากลำคอระหงทำให้เขาละออกมาด้วยใบหน้าที่ยังไม่เข้าใจตัวเอง
“
เรียกผม.....หรือเปล่าครับ?” นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนที่หลังมือจะยกขึ้นไปขยี้มันช้าๆ...ดูท่าว่าจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเพิ่งถูกเขาลักหลับไปหยกๆ
“
เปล่า...” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปก่อนจะเตรียมตัวลงจากรถ
“
งั้นหรอครับ...จริงสิ วันนี้ควอลิฟายแล้วสินะครับ ยังไงก็พยายามเข้านะครับ” ใบหน้ามนหันมายิ้มให้ก่อนที่จะรีบจับกระเป๋าของตัวเองแล้ววิ่งลงจากรถก่อนจะหนีหายไปในทันที
ทำเอาเขาได้แต่ยืนมองด้วยคิ้วที่กระตุกน้อยๆ
ตั้งใจจะหนีเขา
เพราะกลัวว่าเขาจะจับไปขังเอาไว้อีกสินะ....
ทีเรื่องแบบนี้ละรู้ดีนัก!
แล้ววันนั้นทั้งวัน
เจ้าเด็กนั่นก็ไม่โผล่หัวมาให้เขาเห็นอีกเลย...
ทั้งการซ้อมครั้งสุดท้ายในตอนเช้าก่อนจะเข้ารอบควอลิฟายในช่วงบ่าย...ไม่ว่าเขาจะพยายามมองหายังไง
ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา...และนั่นมันก็ยิ่งทำให้เขาเสียสมาธิหนักกว่าเดิม
เพราะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
เพราะไม่อยู่ในสายตา...
ผลการควอลิฟายจึงได้ตกไปอยู่ถึงลำดับที่
4 ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของผู้ชายที่ชื่อ รีไว มาก่อน!
การควอลิฟายก็คือการจับเวลาเพื่อหาตำแหน่งการปล่อยรถสำหรับรอบจริงในวันพรุ่งนี้
ว่าใครจะออกสตาร์ทในลำดับที่เท่าไหร่ เพราะฟอร์มูล่าวันไม่ได้ปล่อยรถพร้อมกันเป็นเส้นตรงแบบหน้ากระดานเรียงหนึ่ง
แต่ปล่อยตามความยาวของถนนซึ่งจะปล่อยออกไปเป็นกริด
กริดละสองคันซึ่งตำแหน่งจะเยื้องกันอยู่เล็กน้อย
และในเมื่อเขาได้ผลควอลิฟายอยู่ในลำดับที่ 4
ในวันพรุ่งนี้จึงต้องออกสตาร์ทในลำดับที่ 4 ซึ่งอยู่ในกริดที่ 2
ทั้งๆที่ปกติแล้วจะไม่เคยปล่อยให้ใครมาขวางหน้าเพราะว่า โพล โพซิชั่น
ที่เอาไว้เรียกคนที่ได้ลำดับที่ 1 มันจะต้องเป็นของเขาเท่านั้น...แต่คราวนี้กลับเป็นของฮายาโตะไป
ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้วการจะไล่บี้ให้กลับไปได้แชมป์ในวันพรุ่งนี้จากลำดับที่
4 จะไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
สงสัยว่าเขาต้องล่ามเจ้าเด็กนั่นเอาไว้ที่ไหนสักที่
ก่อนที่มันจะทำให้เขาเสียสมาธิไปมากกว่านี้?
แล้วเจ้าคนที่กำลังอยู่ในห้วงคำนึงก็ปรากฏตัวให้เห็นจนได้หลังจากที่หายหัวไปทั้งวัน....
ในขณะที่เขากำลังยืนปล่อยรังสีดำทะมึนอยู่ในพิตการาจ
ยัยแว่นฮันซี่ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เพราะคิดว่า F138
ลูกรักของยัยนั่นเป็นอะไรไปถึงได้ทำให้ความเร็วของเขาตกไปหลายวินาทีแบบนี้ก็เข้ามาสะกิดที่แผ่นหลัง
ก่อนที่จะชี้ให้เขาดูแถวๆอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามพิตการาจ
ว่ากำลังมีใครบางคนหลบอยู่ใต้เก้าอี้ผู้ชมแล้วกำลังส่องกล้องส่องทางไกลมาที่ F138 อย่างไม่ขยับไปไหน...และเงาร่างของไอ้คนไม่กลัวตายที่กล้ามาล้วงข้อมูลของทีมเฟอร์รารี่ก็คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น
แล้ววิศวกรสาวประจำพิตการาจสีแดงก็ยื่นกุญแจรถเฟอร์รารี่คันเมื่อวานมาให้ก่อนจะบอกกับเขาว่า
“
ที่จริงจะให้ดูก็ได้อยู่หรอกนะ แต่มันรบกวนสมาธิในการปรับแต่งของชั้นน่ะ
หมายเลขหนึ่งยิ่งเป็นอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ชั้นต้องเช็คดูให้ละเอียด...เพราะงั้นนะรีไว...ช่วยพาเด็กนั่นไปไหนไกลๆให้ทีแล้วกันนะ...แต่อย่าเอาลูกเค้าไปทิ้งๆขว้างๆล่ะ
เด็กนั่นก็หน้าตาน่ารักอยู่นะ มันอันตรายๆ”
เขารับกุญแจมาถือไว้...ไม่อยากจะบอกยัยฮันซี่หรอกนะว่า F138 ลูกรักของเธอน่ะไม่ได้เป็นอะไร
แต่สาเหตุทั้งหมดมันก็มาจากไอ้เด็กเหลือขอที่กำลังก่อกวนเธออยู่ในตอนนี้นั่นแหละ!
เสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกที่เรียงเป็นตับถูกดึงออกมาสวมทับด้วยโค้ทสีดำตัวเดิม...ถ้าจะบอกว่าให้พาไปที่ไกลๆแต่ยังอยู่ในละแวกนี้ก็มีเพียงที่เดียวที่เขานึกออก
ถึงแม้จะเป็นที่ที่เคยอยู่มานานแต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผูกพัน...ไม่ได้อยากจะกลับไปเพราะว่าคิดถึง...
สถานที่ซึ่งหล่อหลอมให้เขาชินชากับสิ่งที่เรียกว่า...ความตาย...
“
ปล่อยผมนะครับ! จะลากผมไปไหนอีกเนี่ย?!
ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เวลาแข่งแล้วนี่ครับ ผมจะนั่งเล่นอยู่ในสนามก็ไม่เห็นเป็นไรนี่! คุณรีไว! บอกให้ปล่อย! อ๊า!! ปล่อยผมนะ! ปล่อยผมๆๆๆ!!” ก็นั่นแหละ...ตั้งแต่ที่มือของเขาจับลงไปบนข้อมือของไอ้คนที่มันกำลังนั่งเล่นอยู่ในสนามฝั่งตรงข้ามกับพิตการาจของเขาเป๊ะๆ
ปากมันก็ตะโกนโวยวายไม่ได้หยุด จนแม้แต่เจ้าหน้าที่ของทีมอื่นๆยังต้องหันมามอง
“
ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น! ปล่อยผมนะ!
ไม่งั้นผมจะตะโกนให้คนรู้กันทั่วเลยว่าคุณรีไวแห่งทีมเฟอร์รารี่ลักพาตัวเด็ก!
บอกให้ปล่อยไง ปล่อยๆๆๆ!!” ไอ้เสียงแหกปากลั่นนั่นว่าน่ารำคาญแล้ว
ไอ้มืออีกข้างที่เกาะเก้าอี้แน่นไม่ยอมให้เขาลากไปแต่โดยดีนี่ยิ่งน่ากระทืบเข้าไปใหญ่...อย่าให้ต่อมซาดิสของเขามันพุ่งขึ้นมากไปกว่านี้จะได้ไหม
“
หุบปาก! ถ้าแกอยากจะบอกใครๆเขาละก็ ชั้นจะช่วย!” ด้วยความเหลืออด
เขาจึงปล่อยมือที่จับเอาไว้ก่อนจะย้ายไปจับที่เอวบางแล้วยกร่างทั้งร่างนั้นขึ้นพาดบ่า
“
เอ๊ะ??”
เจ้าเด็กบนไหล่ดูท่าจะงงไปหลายวินาที แล้วเมื่อเขาก้าวขาฉับๆลงมาจากอัฒจันทร์
มันถึงได้เพิ่งรู้สึกตัวแล้วก็เริ่มโวยวายต่อ
“
ปล่อยผมลงนะคุณรีไว! จะพาผมไปไหน!”
เสียงแหกปากลั่นดังไปตลอดทางโดยมีทีมเฟอร์รารี่ยืนโบกมือให้อยู่ห่างๆ
กว่าปากดีๆนั่นจะยอมหุบลงก็ต่อเมื่อถูกโยนเข้าไปในรถเป็นที่เรียบร้อย
“
คาดเข็มขัดซะ”
เขาหันไปบอกคนที่ยังตะกายประตูแกร่กๆ
“
ไม่! ผมจะลง!!” มือแข็งแรงจึงกดร่างโปร่งบางแนบไปกับเบาะก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัยให้อย่างแน่นหนากว่าปกติ...เพราะวันนี้จะใช้ความเร็วมากกว่าเดิม...
“
เหวอ?!!”
แล้วคนข้างๆก็ต้องตะโกนออกมาเมื่อเฟอร์รารี่สีแดงกระชากตัวออกอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งบางได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทาง
นัยน์ตาจ้องถนนสลับกับเข็มไมล์ที่ไม่เคยตกจาก 160
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระยะทางกว่า
15 กิโลเมตรจากมอนซ่า นักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง
แล้วก็ดูเหมือนว่าคนข้างๆจะเริ่มมีภูมิต้านทานกับความเร็วระดับนี้เข้าแล้วจริงๆ
ทำให้ใบหน้ามนแค่หันมามองอย่างหวาดๆอยู่สองสามทีก่อนที่จะหายเกร็งไปในที่สุด
นัยน์ตาสีมรกตมองออกไปนอกตัวรถเมื่อเฟอร์รารี่สีแดงเริ่มชะลอความเร็วลง
ริมฝีปากสีระเรื่อพึมพำออกมาราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์เมื่อมองเห็นความงดงามของเมืองที่อยู่รอบกาย
“
มิลาน.....”
ถึงแม้ว่ามิลานจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นทันสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เรื่อยๆ
ทว่า สภาพส่วนใหญ่ของเมืองกลับให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้าม
เพราะสถานที่ต่างๆยังคงรูปแบบของสถาปัตยกรรมโบราณซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นไอเก่าๆ
ทั้งอาคารราชการ ทั้งตึกแถวสองข้างถนนก็ยังคงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์ของยุคเรเนซองส์
โดยเฉพาะที่นี่....Duomo di Milano...
ดูโอโมแห่งมิลาน...ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...มันก็ยังให้ความรู้สึกที่เหมือนเดิม...
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนกอดอกพิงกระโปรงสีแดงสดของรถก่อนจะมองไปยังลานกว้างหน้ามหาวิหารแห่งมิลาน
สายตาที่ไม่ได้โฟกัสสิ่งใดกวาดมองไปเรื่อยๆ....ผ่านมาสิบปีกว่าแล้วแต่ที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย....
ไม่ว่าจะเป็นลานหินสีเข้มหรืออาคารแบบโคโลเนียลที่ล้อมอยู่จน
Piazza แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ปิด หรือแม้แต่ Duomo di Milano....Milan
Cathedral เองก็ยังคงสง่างามและน่าเกรงขามเหมือนเดิม
ใบหน้านิ่งเฉยเงยมองไปที่โบสถ์แบบโกธิคซึ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี....เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาในยุคแห่งศรัทธา
มันถึงได้สูงเสียดฟ้า ด้วยความเชื่อว่ามันจะช่วยให้เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า....ซึ่งคนอย่างเขาคงได้แต่แหงนมองอยู่ไกลๆ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าค่อยๆไล่มองจากยอดของหอคอยลงมาตามรูปปั้นประดับสีขาว....ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ร่างโปร่งบางของคนที่ยืนอยู่หน้าโบสถ์...ฝ่ามือเล็กๆนั่นกำลังโปรยอาหารให้นกด้วยใบหน้าอมยิ้มราวกับเด็กๆ
ยิ่งต้องห้ามเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากจะเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น....
เหมือนกับที่เขาชอบยืนมองโบสถ์ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าไปข้างในเลยแม้แต่ครั้งเดียว......
เพราะรู้ตัวดีว่าเข้าไปไม่ได้...
เขายังคงทอดสายตามองไปที่เด็กนั่นอย่างไม่คิดจะหันไปมองอย่างอื่น...คงจะเป็นเพราะมีความฝันอันแรงกล้า
มีความไร้เดียงสา...มันจึงเป็นความบริสุทธิ์ที่เขาโหยหามาโดยตลอด...
ร่างโปร่งบางยังคงถูกรายล้อมเอาไว้ด้วยฝูงนกถึงแม้ว่าอาหารในมือจะหมดไปนานแล้ว
ใบหน้ามนหัวเราะน้อยๆเมื่อก้มลงไปมองสัตว์สองขาที่อยู่ตรงหน้า....แล้วจู่ๆนัยน์ตาสีมรกตก็เหลือบขึ้นมองมาที่เขา
ใบหน้ามนหันไปมองข้างหลังเมื่อสายตาของเขายังไม่ละไปจากตนเอง
แล้วเด็กนั่นก็ค่อยๆย่องออกจากฝูงนกที่พยายามจะเดินตาม ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่หน้ารถขายไอศครีม...แล้วไอศครีมโคนสองอันก็มาอยู่ในมือของเด็กนั่น
โดยที่อันหนึ่งถูกยื่นมาให้เขา....
เจ้าเด็กนี่มันคิดว่าเขามองรถขายไอศครีม?
คิดว่าเขาอยากกินแต่ไม่กล้าไปซื้อ?
เขาเลยต้องรับเอาไว้พลางถอนหายใจออกมา....ที่จริงเวลาแบบนี้เขาควรจะพักผ่อนเพื่อเตรียมแข่งในวันพรุ่งนี้
แล้วทำไมถึงต้องมาเลี้ยงเด็กที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย?
"
อะไร?"
เขาเอ่ยถามเมื่อนัยน์ตาสีมรกตใสแจ๋วจ้องมาที่ไอศครีมในมือเขา
"
ขอผมชิมหน่อยได้ไหมครับ? คนขายบอกว่ามันเป็นรสตับห่าน"
......ไอ้เด็กนี่มันเอาอะไรมาให้เขากินเนี่ย?!
เขาได้แต่ขมวดคิ้วพลางยื่นโคนไปให้
แต่แทนที่เด็กนั่นมันจะยื่นมือมารับไป
ริมฝีปากสีระเรื่อกลับขยับเข้ามาใกล้ๆก่อนจะแลบลิ้นเลียไอศครีมที่ยังอยู่ในมือเขา...นัยน์ตาสีขี้เถ้าได้แต่นิ่งค้างมองคนที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยลมหายใจที่จู่ๆก็รู้สึกติดขัดขึ้นมา
"
ก็อร่อยดีนี่นา...ชิมของผมไหมครับ? เค้าบอกว่ามันเป็นรสผักขม
แต่ไม่เห็นจะขมเลย?...." ใบหน้ามนก้มลงไปมองไอศครีมที่เริ่มจะเยิ้มในมือตัวเองก่อนจะพยายามยื่นมาให้เขา...อย่าบอกนะว่าจะให้เขาทำแบบตัวเองเมื่อกี้นี้น่ะ?
ใบหน้าโหดๆจึงสะบัดไปอีกทาง...เด็กนั่นอาจจะเข้าใจว่าเขาปฏิเสธ...แต่ที่จริงก็แค่อยากจะซุกซ่อนความร้อนผ่าวบนใบหน้าเอาไว้ไม่ให้เด็กนั่นเห็นก็เท่านั้นเอง
“
เรากลับกันเลยดีไหมครับ? คุณจะได้พัก”
คนที่ยืนละเลียดไอศครีมอยู่ข้างๆถามขึ้นมา...เขาก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า...เพราะแกนี่แหละทำให้ชั้นไม่ได้พัก!
แล้วยิ่งไอ้นัยน์ตาสีมรกตที่ส่งประกายวิบวับยามเมื่อเอ่ยปากชวนกลับแบบนั้น
มันก็ทำให้เขาเดาได้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่ยังคิดจะกลับไปล้วงข้อมูลของรถแข่งต่อ
สองขาจึงเดินไปหาคนขายอาหารนกก่อนจะซื้อมาอีกเป็นสิบถุงแล้วเอากลับมายัดใส่ในมือบาง
“
อย่างนายน่ะ เลี้ยงนกไปซะไอ้เด็กเหลือขอ”
“
อ่ะ......” ใบหน้ามนได้แต่ทำแก้มป่องอย่างเด็กที่โดนขัดใจ
ก่อนจะหอบอาหารนกไปด้านหน้าโบสถ์อย่างช่วยไม่ได้
ภาพของโบสถ์สีขาวที่เป็นแบกกราวด์
ยิ่งส่งให้ร่างโปร่งบางที่อยู่ท่ามกลางฝูงนกที่กำลังโบยบินดูบริสุทธิ์ผุดผ่องจนไม่อาจละสายตา...
เขายังคงเฝ้ามองเด็กนั่นอยู่อย่างนั้น....
จนตะวันค่อยๆอ่อนแสงลง...
เขาพาเจ้าเด็กนั่นเดินทอดน่องอยู่ในมิลานจนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจึงตัดสินใจลากมันกลับไปด้วยกัน...คืนนี้คงต้องพากลับไปนอนที่
Motor Home กับเขา เพราะพรุ่งนี้คือการแข่งนัดสำคัญและเขาจะต้องล่ามมันเอาไว้ตั้งแต่เช้า
อีกอย่าง....เขาก็ไม่มีวันจะปล่อยให้เด็กนั่นค้างอยู่ในมิลานตามลำพัง...เพราะรู้ดียิ่งกว่าใครว่าที่นี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย...
แล้วเฟอร์รารี่สีแดงสดก็ทะยานออกไป....
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า
ตลอดเวลาที่ขาทั้งสองคู่ยืนอยู่ในเมืองแห่งนี้
จะมีสายตาของใครบางคนจับจ้องมองอยู่....
ที่ห้องนั่งเล่นใน
Motor home ของทีมเฟอร์รารี่ดูจะครื้นเครงกว่าทุกที เมื่อจู่ๆนักขับมือหนึ่งก็พาเจ้าเด็กที่เคยมาตะโกนปาวๆเรียกความฉงนปนสงสัยจนกลายมาเป็นเรื่องเฮฮาของกองทัพม้าลำพองไปในที่สุด
จะมายืนให้เห็นตัวเป็นๆอยู่ในห้องนั่งเล่นแห่งนี้
ร่างโปร่งบางได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ
เมื่อจู่ๆก็ถูกลากมาที่นี่แทนที่จะเป็นม่านรูดอย่างที่เตรียมทำใจเอาไว้
แล้วยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อะไร
ก็ถูกผู้ใหญ่ในชุดสีแดงทั้งหลายลากเข้าวงสนทนาที่ต่างก็พากันหยอกเย้าเด็กน้อยที่นานๆทีจะมีหลงมาให้แกล้งเล่นแบบนี้
แล้วยิ่งเป็นคนที่เคยสร้างวีรกรรมเอาไว้แบบนั้นมันเลยทำให้ใครๆต่างก็เอ็นดู
ร่างโปร่งบางของคนที่ถูกลุงๆล้อมเอาไว้จากตอนแรกที่ตั้งใจจะถามเรื่องการปรับแต่งมันให้รู้แล้วรู้รอดไปกลับเป็นฝ่ายถูกแกล้ง
ถูกถามนู่นถามนี่แทน จนใบหน้ามนที่เคยเกร็งๆกลับแหกปากโวยวายได้เหมือนปกติ
และภาพทุกอย่างนั้นมันก็อยู่ในสายตาของร่างบอบบางที่นั่งมองอยู่ห่างๆจากที่เคาน์เตอร์บาร์
นัยน์ตาสีมรกตเย็นชาจ้องมองไปที่ร่างโปร่งบางของคนที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกันทั้งที่ปกติไม่เคยสนใจอะไรเป็นพิเศษ
จนกระทั่งร่างแข็งแกร่งของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ปกครองจะนั่งลงมาข้างๆด้วยใบหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิด
หวงหรอ....?
“
วันนี้...ไปไหนมา?”
ริมฝีปากสีระเรื่อถามออกไป โดยไม่สนใจที่จะไล่จี้ว่าตกลงรีไวรู้สึกยังไงกับเด็กคนนั้น...เพราะอะไรหลายๆอย่างมันก็ค่อนข้างจะชัดเจนในสายตาของคนที่รู้จักอีกฝ่ายดีอย่างเขา
“
มิลาน”
แล้วคำตอบของอีกฝ่ายก็ทำเอานัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
ริมฝีปากที่เหมือนอยากจะบอกอะไรหุบลงไปก่อนที่ใบหน้าสวยจะเต็มไปด้วยความกังวล
“
กินซะ....”
แต่แล้วแก้วนมแก้วหนึ่งก็ถูกเลื่อนมาตรงหน้า...ความขุ่นมัวในหัวใจจึงถูกขจัดออกไป...เพราะสิ่งที่ยื่นมาให้นั้นนอกจากจะแสดงว่าห่วงใยแล้วยังตั้งใจจะบอกกับเขาอีกว่า...ทุกอย่างจะไม่เป็นไร...
มือบางจึงได้แต่ยกแก้วสีขาวนั้นขึ้นมาจรดริมฝีปากโดยไม่เอ่ยอะไรออกไปอีก
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคาน์เตอร์บาร์นั้นล้วนอยู่ในสายตาของคนที่ยังถูกรุมล้อมอยู่เช่นกัน
ภาพความห่วงใยที่คุณรีไวมีให้กับโกคุเดระ
ฮายาโตะ มันกำลังทำให้หัวใจรู้สึกหน่วงๆอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ใบหน้ามนถึงกับเงียบไปก่อนจะปล่อยให้ลุงๆทั้งหลายหัวเราะเฮฮากันต่อไป...อยากรู้....อยากจะถาม...ว่าตกลงสองคนนั้นเป็นอะไรกัน...เพราะภาพที่เขาเห็นมันจะต้องเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานแน่ๆ
และถึงแม้ว่าจะรู้คำตอบแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
ในเมื่อพื้นที่รอบๆกายของผู้ชายคนนั้น
มันก็ไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เพราะเขามันก็คงเป็นได้แค่เด็กเหลือขอ
ที่ดีแต่ทำให้อีกฝ่ายวุ่นวาย
คงจะไม่สามารถมีความสำคัญอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว...
“
โฮ่ย...ไปนอนได้แล้วไอ้เด็กเหลือขอ”
จู่ๆเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังอยู่ใกล้ๆ ใบหน้ามนเงยขึ้นไปจึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ในห้วงคำนึงมายืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้างวงสนทนา
“
อะไรกันคุณรีไว...ยังหัวค่ำอยู่เลย ฮ่าๆๆ”
เสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองของทีมงานกับนักขับมือหนึ่งทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นคนนอก....ก็ใช่....เขามันก็เป็นคนนอกอยู่แล้ว
ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับทีมเฟอร์รารี่เลย...ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไร....กับคุณรีไวเลย...
ความน้อยใจทำให้ร่างกายไม่ยอมขยับไปตามเสียงเรียกของอีกฝ่าย
จนมือแข็งแรงต้องเอื้อมมาดึงตัวเขาออกไป
“
แหม...จะให้ดื่มด้วยกันต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้นะ คุณรีไวนี่ละก็...” เสียงหยอกเย้ายังคงดังมาจากข้างหลัง
ใบหน้ามนได้แต่เงียบไปปล่อยให้คนที่จับมือตนไว้หันไปโต้ตอบกันเอง
“
ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันยังไม่บรรลุนิติภาวะดื่มได้ที่ไหน ไสหัวไปนอนกันได้แล้ว”
ใบหน้านิ่งหันไปบ่นก่อนจะลากเขาขึ้นบันไดแคบๆไปยังชั้นที่อยู่ด้านบน
“
ฮ่าๆๆ แล้วใครมันลากเด็กไม่บรรลุนิติภาวะเข้าม่านรูดกันนะ? ฮ่าๆๆ”
เสียงแซวยังดังตามมาก่อนที่ประตูห้องพักของนักขับมือหนึ่งจะปิดลง
แล้วห้องทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบงันในทันที....
“
คุณรีไว...ผมขอถามอะไร......”
ใบหน้ามนก้มลงไปอย่างตัดสินใจจะถามให้รู้เรื่อง...เพราะไม่อยากจะปล่อยสิ่งที่ค้างๆคาๆอยู่ในใจให้มันเป็นอยู่แบบนี้....ความรู้สึกของตัวเองคืออะไรก็ยังไม่เข้าใจ
รู้แต่ว่าถ้าเขายังไม่ถามอีกฝ่ายให้กระจ่าง
มันคงไม่มีทางที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยความสบายใจได้
“
ชั้นจะนอนแล้ว”
แต่ร่างแข็งแกร่งกลับตัดบทเอาดื้อๆก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กลางห้อง
นัยน์ตาสีมรกตหมองๆจึงได้แต่มองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้จะทำยังไง
ร่างทั้งร่างจึงได้แต่นอนลงไปข้างๆโดยทำได้แค่เก็บสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจให้อยู่แบบนั้นต่อไป
และเพราะเตียงที่จะใช้นอนในวันนี้เดิมทีก็เป็นเตียงที่ทำเอาไว้เพื่อให้นอนได้คนเดียว...แผ่นหลังที่หันชนกันจึงแทบจะแนบชิด
นัยน์ตาที่เคยเฉยชาต่อทุกสิ่งมองเข้าไปในความมืด....สัมผัสที่อบอุ่นยังคงซึมซับผ่านแผ่นหลังมายังหัวใจ....
เพราะอดีตที่มีแต่สีดำทำให้เขาต้องคิดให้ดี...ว่าการที่จะลากเด็กคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมันจะดีแน่แล้วหรือ?
เขารู้ว่าปีกสีรัตติกาลนั่นมันจะปักอยู่ที่กลางหลังอย่างไม่มีวันหายไป...
ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่ควรจะเข้าใกล้....แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงเรียกร้องให้ความไร้เดียงสานี้เป็นคนหยุดเขาเอาไว้....
จากความตายที่คอยเรียกหาอยู่ทุกวินาที....
ช่วยใช้ความดื้อดึงของนาย...ทำให้ชั้นรู้สึกกลัวตายขึ้นมาบ้าง....
เอเลน...
พิตการาจสีแดงในวันนี้ก็ยังคงครึกครื้นเป็นปกติ
F138 ทั้งสองคันถูกขัดจนเงาวับพร้อมรับศึกที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วินาที
เสียงที่ดังก้องอยู่ในสนามทำให้หัวใจที่เย็นชาสูบฉีดขึ้นมาบ้างนิดหน่อย...นัยน์ตาสีมรกตของนักขับที่อายุน้อยที่สุดของวงการฟอร์มูล่าวันหันไปมองหาร่างของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ปกครองที่ควรจะมาแต่งตัวอยู่ด้วยกันในห้องล็อคเกอร์แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังได้ยินเสียงโวยวายของเด็กคนนั้นดังลั่น
Motor home อยู่เลย?
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองในกระจกก่อนจะติดล็อคของคอเสื้อให้เรียบร้อย
ชุดสีแดงสดมันช่างขับให้ผิวสีขาวและผมสีเงินดูเปล่งประกายจนมีหลายต่อหลายครั้งที่ถูกติดต่อให้ไปเป็นแบบให้กับแบรนด์ชื่อดัง...แล้วรีไวก็จะไล่ตะเพิดไปทุกครั้ง
ถุงมือสีแดงถูกสวมเข้าไปก่อนที่นิ้วทั้งห้าจะขยับไปมา
มือคว้าหมวกกันน็อคแล้วเดินออกจากห้องล็อคเกอร์ไป
นัยน์ตาสีมรกตยังคงกวาดมองทุกอย่างเหมือนเป็นแค่วันวันหนึ่งเท่านั้น
ทั้งๆที่เสียงอื้ออึงจากผู้ชมดังผ่านเข้ามาจากรอบด้าน
แต่ใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
ไม่ตื่นเต้น
ไม่หวาดหวั่น ไม่รู้สึกถึงความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“
วันนี้ต้องเข้าพิตสองรอบนะ อย่าลืมล่ะ?”
วิศวกรสาวเดินเข้ามาตบไหล่ก่อนที่ใบหน้าสวยจะพยักหน้าให้ตามเทคนิคที่ได้ตกลงกันไว้
ว่าวันนี้เขาต้องขับเพื่อทดแทนเวลาที่จะเสียไปในช่วงที่ต้องเข้ามาเปลี่ยนยางถึงสองรอบ
ที่หางตามองเห็นรีไวเพิ่งเดินเข้าห้องล็อคเกอร์ไปตามลำพัง.....แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?
แต่ร่างบอบบางก็ยังไม่ทันจะได้ถาม
เสียงอื้ออึงก็ดังมาจากในสนามเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจนได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น?
และเมื่อใบหน้าสวยหันกลับไปมอง....
หัวใจที่กลายเป็นน้ำแข็งกลับร้อนแรงดั่งลาวาขึ้นมาทันที....
เพราะกลุ่มคนที่กำลังเดินมานั่งลงที่อัฒจันทร์ใกล้ๆธงตราหมากรุกนั้นคือคนที่ใครๆก็รู้จักแต่กลับไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้
ต่อให้รูปลักษณ์นั้นจะสง่างามจนละสายตาไม่ได้แค่ไหนก็ตาม
ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำนับสิบคนนั่งล้อมรอบผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งเอาไว้
ใบหน้าที่อ่อนโยนกับเส้นผมสีน้ำตาลดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่า....นั่นคือ
บอสของมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี
วันนี้
วองโกเล่ เดซิโม่ มาดูการแข่งขันด้วยตัวเอง...
และแน่นอนว่าที่ข้างกายจะต้องมีผู้พิทักษ์สองในห้าคนมาด้วย...
ชายผมดำรูปร่างสง่างามแต่ใบหน้าหล่อเหลานั่นกลับไม่เคยยิ้มแย้มนั่งอยู่ทางฝั่งขวา
ออร่าสีดำทะมึนแผ่ออกมาจากร่างกายแทบจะตลอดเวลาบ่งบอกให้รู้ว่านี่คือผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่รุ่นที่สิบ
ทั้งๆที่มีเสียงล่ำลือมามากมายว่าเป็นชายที่เกลียดการสุมหัว...แต่ก็ยังตามมาดูการแข่งในครั้งนี้ด้วยตัวเอง
ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายนั้นมีท่าทางสบายๆ
ร่างสูงใหญ่ยังคงสะพายดาบเอาไว้บนบ่า ใบหน้าคมยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นใครๆต่างก็รู้ดีว่าคนคนนี้คือเพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่
และเจ้าของใบหน้าคมคายนั้นก็เป็นคนที่นักขับของทีมเฟอร์รารี่รู้จักดียิ่งกว่าใคร
มือใหญ่โบกน้อยๆมาให้ร่างบอบบางที่ยังยืนนิ่งอยู่ในพิตการาจสีแดง
นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งไปที่กลุ่มคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำพร้อมกับสองมือที่กำแน่น
แล้วก็ดูเหมือนกับว่า
สายตานับสิบคู่นั้นจะจ้องมองอยู่ที่ร่างบอบบางแต่เพียงผู้เดียว
วองโกเล่ไม่ได้มาดูการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน...แต่มาดู
โกคุเดระ ฮายาโตะ!!
ตั้งใจจะมาเก็บเด็กสองคนสุดท้ายจากบ้านเด็กกำพร้าที่เคยทำพลาดปล่อยให้รอดชีวิตมาได้หรือยังไงกัน?
แต่ขอบอกเอาไว้เลยว่าฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ
เพราะคนที่ต้องตายก็คือพวกแก!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
เมื่อตอนที่แล้วไปโบสถ์เล็ก
คราวนี้เลยมาโบสถ์ใหญ่กันบ้าง ฮี่ๆๆๆ คือคุณกวางมันก็เป็นพวกคลั่งโบสถ์(?)ไม่ต่างไปจากคอมเม้นต์หนึ่งของเมื่อตอนที่แล้วเลยค่ะ5555
(เราน่าจะไปด้วยกันได้ดีนะคะคุณ น. นามย่อ555) คือสมัยเรียนมหาลัยมีวิชาเดียวที่ไม่หลับตอนเรียน(=[ ]=!!) นั่นก็คือประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมค่ะ
คือมันฟินมว๊ากกกกเวลาได้รู้ว่าโบสถ์ยุคนั้นยุคนี้มีที่มาที่ไปยังไง โครงสร้างเป็นยังไง
หน้าตาเป็นยังไง โดยเฉพาะโกธิคนี่เป็นอะไรที่โดนใจแบบสุดๆอ่ะ
ยังเสียดายอยู่เลยว่าเวลาเรียนช่างมีน้อย เลยรู้ไม่ถึงกับลึกมากนักอ่ะนะ แง...
ใหญ่มากกกกอ่ะ
คือถ้าพูดถึงอิตาลีแล้วทางนี้จะนึกถึงโรมันกับเรเนซองส์มากกว่า
เลยค่อนข้างตะลึงตอนที่รู้ว่ามีโบสถ์โกธิคใหญ่ขนาดนี้อยู่ในอิตาลีด้วย โอยยยยยย
อยากจิไปสักครั้งในชีวิตจริงๆ >/////<
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามนะคะ
>w< หมู่นี้ได้รับกำลังใจจากหลายๆคนจนอยากจะปั่นฟิคๆๆให้ตายกันไปข้าง555 (ดูความถี่ในการลงฟิคของเดือนนี้สิ....ถ้ารวมทั้งหมดนี่ปาไป
11 ตอนแล้วนะ =[ ]=)
คือมันเป็นอะไรที่ปลื้มใจอย่างไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง บางทีก็นั่งแหกปากลั่นอยู่ที่บ้านคนเดียว
ขอบคุณจริงๆค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า...
ปล.
เอฟวันเค้าแข่งกันประมาณทุกๆสองอาทิตย์ ให้แข่งทุกวันคุณกวางก็ตายพอดีน่ะ กร๊ากกกก
เอเลน ไอ้ความคิดที่ว่าจะให้รีไวทำอะไรๆ ได้เนี่ย ไม่ใช่แค่ตััวเองจะช็อค แต่คนอ่านก็ช็อคนะ
ตอบลบเอเลนที่แสนซื่อหายไปไหนแล้ว 55555 โดนรีไวล่อลวง (ด้วยหุ่นทรมารใจ) มากเกินไปใช่มั้ยยย
ชอบฉากที่นอนซุกหลังแล้วเอานิ้วลูบแผลมากเลยอ่ะ มันเป็นอะไรที่อบอุ่นปนเศร้าๆ ละมุนมาก
เฮย์โจวก็หวั่นไหวไม่ใช่น้อยแล้วนะ ที่ไม่เห็นไอ้เด็กเหลือขออยู่ในสายตาแล้วไม่มีสมาธิขับรถเนี่ย
ปากกับความคิดก็เอาแต่ว่ากลัวเอเลนไปยุ่งวุ่นวายกับทีมกับรถเป็นข้ออ้างอยู่เรื่อย
จะเต็มใจไม่เต็มใจก็ยังคงบังคับให้ไอ้หนูไปไหนมาไหนด้วยกัน อยู่ข้างๆ ตลอดเวลาเลยไม่ใช่หรือไงน่ะ ปากแข็งจริงๆ น้า
ฉากที่โบสถ์หวานมาก เหมือนว่าเอเลนเป็นเทวดาน้อยๆ ที่โดนซาตานกำลังจ้อง (จะงาบ) อยู่เลย
เป็นซาตานที่เขินเทวดาเพราะเลียไอติมซะด้วย หุๆๆๆ
และแล้วโกคุก็ออกซักที ออกมาก็ทำใจเต้นเลย อ่าาา เวลาอ่านพาร์ทฮายาโตะจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้แม้ว่าจิตใจจะเข้มแข็ง
แต่ก็นุ่มนวล น่าทะนุถนอม ส่วนของเอเลนจะแบบว่าเป็นเด็กกะโหลกกะลา ไม่รู้ประสีประสา ถึงจะตัวบางร่างน้อยเหมือนกัน
แต่เอเลนจะดูน่าทะนุถนอมน้อยกว่า 5555 อาจเป็นเพราะต้องทนมือทนไม้ (และอารมณ์แปรปรวน) ของรีไวอยู่ตลอด 555
วองโกเล่เดซิโม่และสองผู้พิทักษ์มาทำไมละนี่ หรือว่าจะมาดูตัวหาคนเข้าแก๊ง (?)
มันมีลับลมคมในอยู่น้า จะว่ามาดูเด็กที่เคยโดนเผาบ้านเด็กกำพร้าก็ไม่น่าจะใช่
รอตามตอนต่อไปนะคะ ^^
#สครีมฉากปรากฏตัวของวองโกเล่แบบบ้าพลัง ติดถึงวองโกเล่จังงง ฮือออ ไม่ได้เห็นแบบเต็มยศมานานแค่ไหนแล้วว คือยามะกะเปิดตัวว่าที่ภรรยากับบอสเลยใช่มั้ย มาดูคนสวยสินะ !!
ตอบลบพี่กวาง ขวัญอยากอ่านตอนต่อไปมากๆเลย อยากดูก๊กอาละวาดอะค่า(?) เอามาเร็วๆน้าา ;w;//บีบๆนวดๆให้
*แอบสครีมตอนเรียนเสร็จ เดี๋ยวมาต่อให้น้าพี่กวาง*
อรั้ย หนูก๊กเริ่มมีบทในตอนนี้มั่งแล้ว รู้สึกช่วงนี้พี่กวางจะลำเอียงนะ ...เช้อออ
ตอบลบล้อเล่นนะคะ ไม่ว่ากัน 555 ยังไงก็อ่าน ฮี่ ๆ
แอบจิ้นฉากในห้องน้ำกระจกทึบแสงในม่านรูดอะ เป็นอะไรที่อยากเห็นที่สุดในโลกหล้า!!!
เมื่อไหร่นะ สองคนนั้นจะได้เข้าไปอยู่ตัวกัน ...ในนั้นแหล่ะ ๆ (((>///<)))
ยะ ยามะพารุ่นที่สิบมาดูตัวว่าที่เจ้าสาวสินะคะ อิอิ ทั่นฮิก็มาด้วยวั้ยย!! เกาะขาพี่กวาง
แล้วก็... ขะ ขอบทให้ทั่นฮิเพิ่มด้วยได้ม๊า ๆ >_<
พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะพี่กวาง รักษาสุขภาพน๊า ^^
กรี๊ดดดดด
ตอบลบรีไวค้าาาา รีบๆฉุดเด็กได้แล้ว เดี๋ยวเอเลนน้อยใจ //ผิด
55555+
วองโกเล่!!!~~เป็นการผสมผสานที่ไม่น่าลงตัวแต่ดันลงตัวซะได้นะสองเรื่องนี้(มันขึ้นอยู่กับฝีมือคนแต่งเฟ้ย!) ข้อมูลจัดเต็ม!?เพื่อให้คนอ่านเห้นภาพแล้วฟินไปตามๆกันเลยทีเดียว(ฮา)
ตอบลบกะลังเชียร์ให้รีไวตบะแตกซะที(?)รึเราจะหาเรื่องวาดรูปอีกซักรูป(แล้วฟิคเอ็ง!//อันนั้นช่างมันเถอะๆ)คือ...อ่านฟิคของจารย์พี่แล้วมันช่างคันไม้คันมืออยากวาดให้ดาเมจกระจายไงไม่รู้ แม่คงงงๆที่จู่ๆลูกสาวสนใจรถF1ขึ้นมา(มันเป็นปฏิบัติการณ์ลับ?)
เอเลน...ตั้งแต่ตอนที่แล้วความ"ซึน"ของนายมันช่าง~นู๋แพ้ความซึน!!!(เลือดกำเดา) ชอบอะ!!! อยากเห็นโกคุสนิทกับเอเลนจัง~คงน่ารักพิลึก(?)
คิดเอาเองว่างานนี้วองโกเล่คงมาเคลียร์เรื่องเมือสิบปีก่อนรึเปล่า เพราะดูท่ามันมีซัมทิงวรอง?!!เหมือนเป็นการเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง...ซือคุงถึงกับลงมาเอง(ทั่นฮิบะด้วย//ฟิน~)
จารย์พี่เขียนได้ยาวดีจัง//ชอบ!!! คงได้วาดรูปแหงแซะ เพราะมือมันเริ่มอยู่ไม่สุขมากขึ้นทุกที ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือบ้าง'ไรบ้าง ผ่อนคลายบ้าง(รู้สึกจะผ่อนคลายมากเกินไป?) เดี๋ยวมาร่วมด้วยช่วยฟินค่า!!~~
T ___ T น้ำตาจะไหลไปกับความสวยงามของการบรรยายฉาก
ตอบลบสถาปัตยกรรมของดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของกลิ่นไอเรอเนสซองซ์
อย่างอิตาลีจริงจัง!!!!!! กวางซามะบรรยายสวยงามโฮกฮากมากกกกกก
ทุกประโยคตรงดิ่งกระแทกใจมากๆๆ ลงไปดิ้นสุดตัว โอ่ยยยยย
ชอบบโบสถ์จริงจัง โดยเฉพาะโกธิคอย่างที่กวางซามะเน้นด้วย
ถึงสมัยนั้นจะด่าทอ(?)โกธิคในแนวลบเพียงเพราะศิลปะแนวโกธิคถูกสร้างโดย
กลุ่มคนที่เป็นชนเผ่าป่าเถื่อน(?)ก็เถอะ แต่เค้าชอบมากกกกก ฮือออออ
อยากจิควงแขน(?)กวางซามะเกาะปีกเครื่องบิน(?) ไปยืนพนมมือ(?)ปลาบปลื้มปริ่มจิต(?)
ปล่อยวิญญาณ(?)เพื่อรับสัมผัสความสวยงามทุกอณูของสุดยอดโบสถ์อย่าง duomo di milano ที่หน้าโบสถ์มากๆ 555555
และก่อนจะพากันไปจิกทึ้งกำแพงโบส์ถ(?)เพื่อสโตรกเกอร์ดูความหวานคู่รีเอ(?)
#หล่อนควรจะตื่นตั้งแต่ไปควงแขนกวางซามะ(?)แล้ว = _ =
#และ ณ จุดนี้ยังฮากับนามย่อ(?)ไม่เลิก 5555555
#ก.ซามะ(?)ละก็~ ทำไมเรียกกันห่างเหิน(?)แบบนั้น~ (ตีไหล่(?)แบบเบาหวิวจนเหมือนแตะ(?))
แต่โบสถ์ duomo di milano นี้เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันอยู่ลึกๆ(?) (คือลึกมาก(?)เพราะทรัพย์จาง(?)ขั้นแทะฝาบ้าน(?))
ใฝ่ฝันอยากไปยืนให้หันหน้าเข้าโบสถ์แล้วให้คนถ่ายรูปจากด้านหลัง(?)ให้มากๆเลยล่ะค่ะ #ลอยล่องไปกับการเพ้อเจ้อของตัวเอง
บอกตรงๆว่าเป็นวิชาที่ทำให้ตาตื่น(?)ได้วิชาเดียวจริงจังพวกประวัติศาสตร์
เพราะนอกนั้นก็หลับตั้งแต่อาจารย์ยังไม่เข้า(?)ยันสอนจบ(?) O [ ] O
ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมมันมีเสน่ห์มากจริงจัง!! มันน่าหลงใหลมากๆ
ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะมองเป็นแค่สิ่งก่อสร้างโบราณ ที่คงเหลือไว้จากอดีตกาล
แต่สำหรับเรามันมีเสน่ห์มากจริงจังไม่ว่าจะเป็นทั้งความคิดของคนที่สร้าง
ทั้งความเป็นมาของยุคที่สร้าง ความลับที่อาจจะไม่มีใครรู้(?)ในอดีตที่เกิดขึ้น
ภายในสถาปัตยกรรมโบราณที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันแบบนี้นั่นอีก โฮกกกก #เพ้อเจ้อเข้าไป - _ - งานหลักนอน(?)งานอดิเรกเพ้อเจ้อ(?)นะหล่อนนะ 555555
#กลับๆๆกลับมาที่ฟิคก่อน 555555 ไอ้พารากราฟ(?)ข้างบนนั่นมันคือความบ้า T _ T
จากที่ด่าทอ(?)ยัดเยียดข้อหา(?)สารพัดสารเพ(?)ให้ท่านท่อนขาที่เคารพรักไป
......พี่ท่านกลับปล่อยให้เด็กรอด(?) และปล่อยตัวเองก็จมดิ่งกับความหงุดหงิดที่ไม่ได้ระบาย(?)ปลดปล่อย(?)....ความรู้สึกที่ไม่เคยเป็น #จะพิมพ์เว้นเพื่อ!!!!!! 55555
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เค้าก็ชอบนะ เค้ารู้สึกได้สัมผัสความคิดของเฮย์โจวเพิ่มขึ้นจนอิอั๊ง(?)
เฮย์โจวที่รู้สถานะการมีตัวตนของชีวิตตัวเองบนโลกใบนี้เสมอ
แต่กลับไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองกำลังบอกอะไรนี่มัน........
โฮกฮากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แล้วฉากสลับกันยั่วยวน(?)ด้วยเงาบนกระจกฝ้าของห้องน้ำนั่นนี่มันอาร๊ายยยยยย
> _____ < ทั้งกล้ามเนื้อเฮย์โจวที่จะทำให้เอาแต่ลงไปดิ้น(?)ข้างเอเลน(?)
ทั้งร่างบางๆที่ดูลุกลน(?)ในห้องน้ำของเอเลนนั้นก็ทำได้แค่จิกทึ้งตัวเอง(?)
ฉากเฮย์โจวออกมาพร้อมกับกางเกงสีดำเปลือยท่อนบนนี่หล่อโฮกกกกกกกกกกกกก
ไม่คิดว่าจะหล่อได้ขนาดนี้(?) 5555555555 (มันยังไงฟ่ะ) บอกตรงๆไม่ทน!!!!!
แล้วไหนจะไอ้การที่ไม่มีสมาธิเมื่อไม่เห็นว่าเอเลนอยู่ตรงไหนนี่ก็ทำให้ตายไปแล้ว
โอ่ยยยยยยย แค่นี้ก็บอกได้เป็นอย่างดีแล้วนะว่าเด็กเหลือขอนี่สำคัญมากแค่ไหนน่ะหือออออ
เค้าชอบบบบบบ เอเลนน่ะมันต้องขัง(?) แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก #เดี๋ยวๆนั่นเด็กอายุ15นะ
ครั้งนี้เอเลนก็หงอยเพราะหึงเฮย์โจวกับหนูก๊กอีกแล้ว
โอ่ยยยยย ฟินนนน แต่ฟินสุดเพราะครั้งนี้คนที่โดนหึงก็แสดงออกให้เห็นว่าหงุดหงิดเพราะกำลังหวง!!!! อ๊ากกกกกกกก > __ <
เค้ายิ้มเยิ้ม(?)ทุกทีที่ได้เห็นว่าเอเลนนอนซุกหลังเฮย์โจว น่ารักมากๆ
ถึงจะดูเศร้าๆไปหน่อยเพราะเหมือนแค่ลูกหมาฝ่ายเดียวที่กำลังอยากให้อีกฝ่ายหันมา(?)
แต่ถ้าวันไหนหันมาจริง(?)เอเลนคงจะไม่ได้นอน(?) 555555
รอวันเฮย์โจว(?)หันมากอดเอเลนแน่นๆ #ทำไมมันฟังดูเสี่ยวๆฟ่ะ 555555
แล้วก็ไม่คิดจะฟังในสิ่งที่เอเลนจะถามหน่อยเหรอ หืออ พ่อคุณ
เดี๋ยวต้องรอพันปี(?)นะ 5555555 #มันก็โยงตลอด
และท้ายที่สุด....หนูก๊กกกกกก หนูจะสวยไปไหน ฮือออออ
แค่มโนหนูก๊กในชุดสีแดงที่ขับผิวขาวๆๆผมสีเงินสวยมากๆนั่นดูเปล่งประกายสุดๆ
ก็อยากจะลากยามะไปถอด(?)ชุดนั่นออกเหลือเกิน #เดี๋ยวๆเขาเพิ่งใส่(?) 55555
แล้วฉากวองโกเล่ยกขันหมาก(?)มาดูว่าที่ภรรยาของผู้พิทักษ์(?)ของตัวเองนี่
โฮกฮากกกกมากกกก อ่านถึงคำว่า เดชิโม่ แล้วคิดถึงจริงจัง T ^ T
แล้วแบบนี้จะเป็นยังไงต่อล่ะนั่น แบบนี้หนูก๊กก็จะไม่มีสมาธิแทนผู้ปกครองอย่างนั่นหรือ
อ๊าากกก เค้ารออ่านตอนต่อไปนะคะกวางซาม้าาาา
เป็นกำลังใจแบบบ้าๆ(?)แบบนี้อยู่เสมอน้า
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ~~
มันช่าง...ฟิน
ตอบลบรีไวโหดๆ...สุดปากแข็ง.....กะ เอเลนเด็กสุดไร้เดียงสา...แต่เกรียนขั้นเทพ....และน่ากดให้จมเตียงจริงๆ
55555+
รีไวก็เอาแต่ม้องมองนะ.... กดๆไปเถอะ....ไม่ต้องคิดมากกกก...เพราะเอเลนเขาก็คงจะยอมคุณพี่อยู่ดีนั่นแหละครับ555
อา..... เป็นอะไรที่ทำให้เลือดตกยางออกมากฟิคนี้.....
ฟิคที่มีรีไวอยู่นี่ไหงมันกลายเป็นอะไรที่พาลจะติดเรทเอาได้ง่ายๆเนี่ย?.......แค่มีคุณพี่อยู่เท่านั้น
ต่อให้คุณพี่มีเสื้อผ้าอยู่ครบทั้งตัว...ก็เซ็กซี่จะตายอยู่แว้ววว...ยังจะมาเปลือยท่อนบน...กะเงากระจกในห้องน้ำอี้กกกกก
โอ้ยยยยยยยยยยยยย
ผมจะได้ยิ่งบ้าอนาโตมีหนักมากกว่าเดิมก็เพราะคุณพี่นี่แหละ(ทั้งพี่กวางทั้งเฮย์โจว)
แต่คนจุดประกายคือคุณโคกามิ...รายนั้นกล้ามสุดยอดมาก.....
แต่คนที่ทำให้ฟินทะลุโลกจริงๆนี่คือรีไวเฮย์โจวเนี่ยแหละ.....คนอาร้ายยยยยยยย...เตี้ย(โดนทีบยอดหน้า) แต่กล้ามเห็นแล้วชวนสลบจริงๆ
เอเลนของเราเห็นแล้วอยากจะเป็นผู้ใหญ่เลยทีเดียวเชียว
คุณพี่ครับ....รู้ไหมว่าคุณพี่ทำให้เด็กน้อยใสซื่อบริสุทธ์ผู้หนึ่ง เค้ามีความคิดชวนเสียตัวเนี้ยะ
โอ้ยยยยยย...มาสภาพนี้.... หนุเอเลนไม่รอดแน่จ้าาาาาาาาาาาาา
เพราะทางฝ่ายผู้ใหญ่ก็พยายามเก็บอาการ(เหรอ?)เก็บความหื่น....(จริงง่ะ?)
เด็กก็...........................................................จะใจแตกเพราะผู้ใหญ่
ก๊กคุงผมเงินเปล่งประกายตัดแดงมากครับ...... นึกภาพแล้ว.....โอ้ย...กระแทกตา
และแล้ว...วองโกเล่ก็ปรากฎตัวจ้าาาาาาาาา
ซือคุงมาแว้ววววววว ประกบด้วยสามีอย่างฮิบาริมาเลยที่เดียว(แนใจ?)
นั่งลุ้นระทึกใจมันส์โย่วกับการแต่ฟิคของพี่กวางไม่ให้ดอง...พอๆกับเนื้อเรื่องเลยอ่ะ
สู้เข้าครับ..พี่กวาง เข็นตอนต่อๆไปออกมาให้ด้ายยยยยยย
ช่วงนี้ฝนตก...รักษาสุขภาพด้วยนะเนนนนนนนนนน้
ชอบไรเตอร์แต่ที่สู๊ด~~~ อัพจนจบเลยนะครับ ผมยกใจให้เต็ม 100 เลยยยย ><!!
ตอบลบชอบสุดๆเลยคร๊า~อ่านไปพลางลงไปดิ้นพลาง~~แถมฟิคนี้ยังจุดประกายให้เข้าอากู๋ไปดูประวัติเฟอร์รารี่กับการแข่งรถบ่อยมากกB-)
ตอบลบรีไวล์ทำหน้าโหดดุเข้มใส่ทุกคน
ตอบลบถ้าไม่นับก๊กก็คงมีแค่เอเลนนี่แหละที่ใจดีด้วย
ขนาดพาเข้าม่านรูดยังรอดมาได้แบบไม่เสียจิ้น//โดนเตะปากฟันหลุด
ทำเป็นไม่สนใจ
แต่พออยู่นอกสายตาเข้าหน่อยก็พะว้าพะวง
แบบนี้ไม่เรียกว่ารักแล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะท่าน
นั่นไงมาแล้ว
วองโกเล่
เอาตัวท๊อปออกมาเลยนี่นา
ทั้งผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดและเนียนว่าที่ลูกเขยของรีไวล์
คือเนียนตามมาให้กำลังใจก๊กใช่มั๊ยคะ
เลือดมันพุ่งพล่านมากค่ะตอนนี้ หนูก๊กอาละวาดเลยยยยยยยยยย
ตอบลบเอาให้สุดๆ
คือตกลงหนูก้กหวงป๋า
เอเลนก็หวงป๋า
ป๋านี่ถูกรุมรักจากพวกตาเขียวจริงจัง
ไม่ไหวละค่าตอนนี้ วองโกเล่มายังไงท่าน!!!!!!