Attack
on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 03
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
หลังจากที่ได้พักไป
2 สัปดาห์ การแข่งรอบถัดไปก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ฟอร์มูล่าวันนั้นเป็นแข่งแบบสะสมแต้มซึ่งในปีนี้ต้องแข่งกันทั้งหมด
19 สนามใน 19 ประเทศ...และสนามล่าสุดก็อยู่ในอิตาลี...
เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ทีมเจ้าถิ่นอย่างเฟอร์รารี่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก
เนื่องจากเมืองมอนซ่าซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามก็อยู่ไม่ได้ไกลจากมาราเนลโล่เลย...คาราวานรถบรรทุกสีแดงเคลื่อนที่ขึ้นไปทางเหนือด้วยเวลาที่มีเหลือเฟือ...สู่สนามออโตโดรโม่
ดิ มอนซ่า
และ
GRAN
PREMIO D’ITALIA…..กรังด์ปรีซ์ ออฟ อิตาลี
ก็เปิดฉากขึ้นในที่สุด....
การแข่งขันจะมีทั้งหมดสามวัน
คือศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
ถึงแม้ว่าความสำคัญจริงๆจะอยู่ที่วันสุดท้ายของสัปดาห์ ทว่า
สองวันก่อนหน้านั้นก็ใช่จะละเลยไปได้
เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังอยู่ทั่วสนาม
ทุกทีมต่างส่งรถสูตรหนึ่งของตัวเองลงไปวิ่งเพื่อให้ชินกับสถานที่...ทีมเฟอร์รารี่เองก็เช่นกัน...
F138
สีแดงสดสองคันวิ่งอย่างเอาจริงเอาจังอยู่คนละฝั่งสนาม
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นเพียงการซ้อมจับเวลาเพื่อเตรียมตัวควอลิฟายในวันพรุ่งนี้
แต่กับคนที่มือจับพวงมาลัยไม่ได้ก็ยังคงเหยียบมิดโดยไม่คิดว่ามันเป็นแค่การซ้อมเหมือนเดิม
และเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ที่มีเพียงแค่การซ้อมเพียงสองช่วงเวลาคือเช้ากับบ่าย
ทั่วทั้งสนามจึงเปิดให้ผู้ชมเข้ามาชมได้โดยไม่ต้องเสียเงินและไม่ต้องจองที่นั่ง....งานนี้คนที่จะมาเก็บข้อมูลเลยเข้ามาได้ฟรีๆเช่นกัน
ร่างโปร่งบางนั่งอยู่ใกล้ๆป้ายบอกเวลา
ใบหน้ามนที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลก้มลงไปจดอะไรลงในสมุดยิกๆหลังจากที่เงยหน้าส่องกล้องส่องทางไกลตามรถของทีมเฟอร์รารี่ที่ขับโดยนักขับอายุน้อยที่สุดของการแข่งอยู่พักใหญ่
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสายตาที่อยู่ในหมวกกันน็อคสีแดงของรถอีกคันจ้องเขม็งทุกรอบที่รถวิ่งผ่าน
“
รีไว...เวลาตกลงไปนะ เครื่องเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงของวิศวกรสาวดังมาตามวิทยุสื่อสารที่ถูกส่งมาจากพิตวอลล์
“
เปล่า”
เขาตอบออกไปสั้นๆ...รถน่ะไม่ได้เป็นอะไรแต่ไอ้ที่เป็นน่ะ คือสมาธิของเขาเอง!
ยังไม่เข็ดอีกสินะเจ้าเด็กเหลือขอนั่น.....และเขาคงต้องจัดการอะไรบางอย่างก่อนที่จะไม่มีสมาธิไปมากกว่านี้
“
เดี๋ยวจะเข้าพิต”
เสียงอารมณ์ไม่ดีบอกไปทางวิทยุสื่อสารห้วนๆ
ทำเอาทีมวิศวกรที่หลังพิตวอลล์ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกในเมื่อเขาเพิ่งจะลงวิ่งได้ไม่เท่าไหร่แล้วนึกยังไงถึงจะเปลี่ยนยาง?
แล้วคนในทีมเฟอร์รารี่ก็ได้งงยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อ
F138 ที่มีคำว่า LEVI
ติดอยู่ที่ตัวถังจอดสนิทอยู่ที่หน้าพิตโดยไม่มีวี่แววว่าจะวิ่งต่อ
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาออกมาจากรถก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปนอกสนามโดยถอดเพียงแค่หมวกกันน็อคออกเพียงอย่างเดียว
ด้วยชุดนักขับที่ปกติก็แดงโดดเด่นอยู่แล้ว
ยิ่งเป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลกใส่มันแล้วมาเดินฉับๆอยู่บนอัฒจันทร์แบบนี้ยิ่งทำให้ใครต่อใครมองเป็นตาเดียว
จะมีก็แต่ร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ข้างๆป้ายบอกเวลาเท่านั้นแหละที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา
ในเมื่อใบหน้ามนยังคงก้มลงไปขีดๆเขียนๆอะไรบางอย่างลงในสมุดอยู่เหมือนเดิม
จนกระทั่งข้อมือบางถูกกระชากโดยมือที่สวมถุงมือสีแดง
“
อ๊ะ? เหวอ?!!” แรงบีบทำให้ดินสอในมือร่วงลงไปก่อนจะเงยหน้ามามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
แต่ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ ร่างโปร่งบางก็ถูกลากไปจากตรงนั้นทั้งๆที่ยังงงๆ
“
คุณรีไว?!!
จะพาผมไปไหนครับ?”
ใบหน้ามนเริ่มแหกปากโวยวายตามประสาเด็กดื้อ
เสียงอื้ออึงดังมาจากรอบข้างที่ร่างสองร่างนั้นเดินผ่าน.....จะเรียกว่าเดินก็คงไม่ได้ในเมื่อมันเป็นการยื้อยุดฉุดกระชากกันมากกว่า
“
ผมไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น! ปล่อยผมนะ! ต่อให้เอาข้อมูลมาล่อผมก็ไม่ไป! ต่อให้คุณจะบอกผมว่าเฟอร์รารี่สร้างยังไงผมก็ไม่ไปจริงๆนะ!”
คงเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำเอาไว้ เด็กนี่เลยสู้ขาดใจ...แต่ก็นั่นแหละ...เรี่ยวแรงแค่นี้มีหรือจะสู้เขาได้
นักขับอันดับหนึ่งของเฟอร์รารี่ลากเจ้าตัวดีที่ใครๆในทีมต่างก็คุ้นหน้าเข้ามาในพิตการาจ
แล้วยิ่งริมฝีปากสีระเรื่อตะโกนโวยวายมากเท่าไหร่ใครๆก็ยิ่งหันมามองอย่างสนใจ
จะมีก็แต่คนกระทำเท่านั้นที่ไม่แคร์สายตาใคร
ร่างแข็งแกร่งยังคงลากร่างโปร่งบางที่ดิ้นพล่านเข้าไปด้านหลังด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย
ตุบ!!!
นัยน์ตาสีมรกตปิดลงข้างหนึ่งตามแรงกระแทกของแผ่นหลังกับผนังห้องล็อคเกอร์
ใบหน้ามนหันมองรอบกายอย่างหวาดๆ เสื้อสีแดงที่อยู่ในตู้รวมไปถึงผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวอย่างเป็นระเบียบดูต่างจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของนักกีฬาที่เคยเห็นมามากนัก....มันน่าจะต้องเป็นที่ที่เหม็นอับไปด้วยกลิ่นเหงื่อและเสื้อผ้าเน่าๆก็จะต้องกองสุมๆเอาไว้ที่มุมห้องสิ...แต่นี่อะไร...ห้องล็อคเกอร์ของเฟอร์รารี่กลับสะอาดวิ้งยิ่งกว่าห้องนอนของเขาอีก!
“
มาทำอะไรที่นี่”
เสียงทุ้มถามออกมาทำให้ไหล่บางถึงกับสะดุ้งโหยง
“
กะ ก็แค่มาดูการซ้อม...ผู้ชมคนอื่นๆเค้าก็มาดูกันเยอะแยะไม่ใช่หรอครับ?!” ใบหน้าที่ดูเหมือนจะกล้าๆกลัวๆกลับหลับหูหลับตาเถียงออกมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าได้แต่มองความดื้อรั้นนั้นอย่างแปลกใจตัวเอง...ที่มันไม่ได้รู้สึกโกรธ
ไม่ได้รู้สึกรำคาญเหมือนที่ผ่านๆมา
“
แต่คนอื่นๆเค้าก็ไม่ได้จะมาล้วงข้อมูลเหมือนแกนะไอ้เด็กเหลือขอ”
นัยน์ตารีขวางนิ่งสนิทจ้องไปที่ใบหน้ามนอย่างกดดัน....รู้สึกอยากกลั่นแกล้งเพราะหมั่นไส้ในความดื้อดึงนั่น
“
ใครจะไปรู้ล่ะ คนอื่นๆเค้าก็อาจจะกำลังล้วงข้อมูลคุณอยู่แต่คุณอาจจะไม่รู้ก็ได้
แล้วอีกอย่างนะ ผมไม่ได้ชื่อเด็กเหลือขอ...ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรอว่าผมชื่ออะไร
จำได้หรือเปล่าครับ?!”
เจ้าเด็กแสบตรงหน้ายังคงเถียงข้างๆคูๆไปเรื่อยๆ
แถมยังเปลี่ยนเรื่องได้อย่างแนบเนียนอีกต่างหาก
“
....ชื่อ?...............ปอมปอม? ใช่ไหม?”
เขาทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบออกมาให้ใบหน้ามนนั่นถึงกับควันออกหู
“
ไม่ใช่หมานะครับ!!
แล้วก็ไม่ได้ใกล้เคียงเลยด้วย!” ใบหน้านิ่งลอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีมรกตมีน้ำตาปริ่มเพราะสู้ไม่ได้
แต่ก่อนที่จะได้เถียงกันไปมากกว่านั้น
ประตูห้องล็อคเกอร์ก็เปิดออกพร้อมๆกับการมาเยือนของร่างในชุดแข่งสีแดงอีกคน
นัยน์ตาสีมรกตทั้งสองคู่ต่างจ้องมองกันด้วยร่างกายที่นิ่งงัน
เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันในระยะกระชั้นชิดแบบนี้....
ใบหน้าสวยที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีเงินมองอีกคนด้วยสายตาที่ยังเย็นชาสลับกับมองหน้าผู้ปกครองของตน
แต่กระนั้นก็ไม่ถามถึงเหตุผลที่ต้องไปพาตัวเด็กคนนี้เข้ามาถึงที่นี่ ริมฝีปากสีระเรื่อแค่เอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบๆว่า
“
เอลวินเรียกประชุมก่อนซ้อมรอบบ่าย”
แล้วก็เดินออกจากห้องไป....
ทิ้งให้นัยน์ตาสีมรกตอีกคู่มองดูแผ่นหลังบอบบางที่แทบจะไม่ได้ต่างไปจากตัวเองด้วยสายตาที่ยังตื่นตะลึง
ตึง!!!
แต่แล้วเสียงฝ่ามือที่ทุบลงไปบนตู้ล็อคเกอร์ก็ทำให้ร่างโปร่งบางหลุดออกมาจากภวังค์
จึงเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงที่เกิดขึ้นนั้นมันอยู่ใกล้ๆตัวนี่เอง
ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นมายันล็อคเกอร์เอาไว้ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆคนที่ถูกต้อนจนแผ่นหลังชิดผนัง
เสียงทุ้มจริงจังเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาทว่าทุกถ้อยคำกลับชัดเจนอยู่ในหัวใจของคนที่ได้ฟัง
“
นี่...บอกเอาไว้ก่อนนะ...อย่าคิดไปล้วงข้อมูลจากเด็กนั่นเด็ดขาด...แล้วถ้ายังดื้อหาทางเข้าใกล้ฮายาโตะละก็...อย่าหาว่าชั้นไม่เตือนนะ”
แล้วร่างในชุดสีแดงก็เดินจากไป
ปล่อยให้ร่างโปร่งบางยืนตาค้างอยู่อย่างนั้น
....เป็นคนที่แตะไม่ได้?....
โกคุเดระ
ฮายาโตะ สำคัญขนาดไหนสำหรับคุณรีไว?
แล้วทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไงถึงได้เรียกอีกฝ่ายว่า ‘ฮายาโตะ’
ทีกับเขา
แม้แต่ชื่อยังไม่อยากจะจำด้วยซ้ำ
ก็รู้อยู่หรอกว่าสองคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมทีมก็น่าจะสนิทกันและกับเขาที่เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นานก็คงไม่มีความสำคัญอะไรกับคุณรีไวหรอก
แม้แต่จะพูดจากับเขาดีๆยังไม่เคยมีด้วยซ้ำ
ทำไมในอกถึงได้รู้สึกจุกแบบนี้นะ....
ความน้อยใจนี่มันคืออะไรกัน....
“
คุณรีไวบ้า! บ้าที่สุด!!”
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้และไม่รู้จะขจัดความรู้สึกในใจนี้ออกไปยังไง
จึงได้แต่ตะโกนด่าอีกฝ่ายปาวๆอยู่แบบนั้น
ร่างโปร่งบางเดินอย่างหมดแรงไปที่ประตู
ตั้งใจจะเปิดมันออกแล้วก็ไปจากที่นี่ซะ...ยังไงเขาก็แค่มาหาข้อมูล...ผู้ชายคนนั้นจะเห็นความสำคัญหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ...
แต่ไม่ว่าจะใช้แรงดันเท่าไหร่
ประตูก็ไม่ยอมเปิดออก....มันถูกล็อคจากข้างนอก!!
“
คุณรีไว!! ปล่อยผมนะ!!”
ผู้ชายใจร้ายคนนั้นตั้งใจจะขังเขาเอาไว้ในนี้?!
“
นี่!! ปล่อยผมออกไปนะ!!!” มือทุบประตูรัวๆแต่ข้างนอกก็ยังเงียบกริบ
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นอย่างพยายามห้ามความน้อยใจและไม่ให้น้ำตาที่ปริ่มอยู่มันไหลลงมา
ทีเขาละฉุดกระชากลากถูอย่างกับไม่ใช่คน
ถูกทิ้งเอาไว้ ถูกขืนใจ แล้วยังมาถูกขังเอาไว้แบบนี้อีก...
แต่กับ
โกคุเดระ ฮายาโตะ กลับไม่ยอมให้ใครแตะต้อง....
ทำไม...ถึงได้รู้สึกว่าอยากได้รับการปกป้องแบบนั้นบ้าง....
ทำไม...ถึงได้รู้สึก...อิจฉา...
ร่างโปร่งบางได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอะไรบางอย่างมันพุ่งมากระทบแผ่นอกก่อนจะตกลงไปให้อ้อมแขนที่ยกขึ้นมารับไว้แทบไม่ทัน...ประตูเปิดออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
และเมื่อใบหน้ามนก้มลงไปมองของในอ้อมแขนก็ต้องนัยน์ตาเบิกกว้าง
เพราะมันเป็นห่อสารพัดขนมและอมยิ้ม
นัยน์ตาสีมรกตที่รีบมองขึ้นไปทันเห็นแค่ใบหน้านิ่งของอีกฝ่ายก่อนจะกลายเป็นบานประตูที่ปิดสนิทดังเดิม
น้ำใสๆที่ปริ่มอยู่ที่ขอบตากลับแห้งเหือดไปในทันที
ตอนนี้ในหัวใจมันกลับอุ่นวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
"
ชอบตบหัวแล้วค่อยมาลูบหลังจังนะครับ....ใจร้ายที่สุด...." เสียงพึมพำพูดอยู่กับตัวเองเบาๆ
มือกอดห่อขนมเอาไว้ด้วยหัวใจที่เต้นในจังหวะที่แปลกออกไป...
อยากรู้....
อยากรู้เรื่องของคุณให้มากขึ้น....
อยากรู้ทุกๆเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องของคุณที่เกี่ยวข้องกับโกคุเดระ
ฮายาโตะ....
“
ผมไม่ใช่เด็กนะ!! คิดว่าเอาขนมมาให้แล้วจะขังไว้ได้หรือไงกัน! คนบ้า! คนใจร้าย! คน...คน...คน.....อ๊า!!!!”
เสียงแหกปากที่ดังลั่นอยู่ข้างในทำให้ใบหน้านิ่งต้องพยายามกลั้นรอยยิ้ม
รอบนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะล็อคประตู
เพราะอยากจะรู้ว่าเด็กนั่นจะรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเขาปล่อยให้กลับไปได้แล้ว
แต่ทว่า....
ตอนที่เดินออกมาด้วยใบหน้าของผู้ที่เหนือกว่า
เขากลับไม่ทันสังเกตเลยว่า...กลอนที่อยู่หน้าประตูมันถูกสับลงมาเองเพราะแรงปิดที่สนั่นหวั่นไหวนั่น
การซ้อมรอบบ่ายผ่านไปด้วยดีและตอนนี้ทีมเฟอร์รารี่ก็กำลังประชุมเพื่อสรุปแผนการที่จะใช้ในรอบควอลิฟายในวันพรุ่งนี้
ทั้งการถกเถียงและการปรับแต่งรถให้เข้ากับสภาพของสนามมากที่สุดทำให้กินเวลาไปตลอดช่วงบ่าย
แสงแดดร้อนแรงที่สาดส่องทั่วมอนซ่าจึงค่อยๆลับขอบฟ้าไป
และในขณะที่ทุกคนในทีมต่างกำลังตั้งหน้าตั้งตาตรวจเช็คทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย
ทีมบอสร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งจะเดินไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาด้วยใบหน้าหวาดๆ
“
นี่...ชั้นได้ยินเสียงเหมือนใครทุบอะไรช้าๆออกมาจากห้องล็อคเกอร์ละ...มีใคร...พอจะรู้อะไรบ้างไหม?...” เป็นเพราะเริ่มโพล้เพล้ทำให้ความหวาดหวั่นในสิ่งที่มองไม่เห็นเริ่มเข้าครอบงำหลายๆคนที่ได้ฟัง
เว้นก็แต่นักขับมือหนึ่ง
ที่ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่
ไม่จริงน่ะ...
เจ้าเด็กเหลือขอนั่นมันยังไม่ออกไปอีกหรอ?
ทั้งๆที่เขาคิดว่าเจ้าเด็กดื้อนั่นคงจะไม่ยอมฟังง่ายๆแล้วก็คงจะย่องหนีไปนานแล้ว
แต่นี่กลับ...
แล้วใบหน้าที่ผงะไปของผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมก็ทำให้คนเป็นผู้จัดการสังเกตเห็นได้ไม่ยาก
“
รีไว....อย่าบอกนะว่านายขังเด็กนั่นเอาไว้ในนั้น?” หลังจากที่เอลวิน สมิธพูดออกมา
ทุกสายตาในพิตการาจสีแดงแห่งนี้ต่างก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว
ถึงจะปากมากขี้โวยวาย
แต่ยังไงเด็กนั่นก็ยังเป็นแค่เด็ก ในเวลานี้เขาจึงกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กในสายตาใครต่อใครไปอย่างเถียงไม่ออก
กุญแจรถอันหนึ่งจึงถูกยื่นมาให้เขา
ก่อนที่เอลวินจะมองมาด้วยใบหน้าที่ถึงแม้จะดูใจดีแต่มันก็มีรอยยิ้มโหดๆแฝงอยู่
“
ป่านนี้คงจะหิวแย่แล้ว...รู้สึกจะโดนขังเอาไว้ตั้งแต่เช้าเลยนี่?
ยังไงนายก็พาออกไปหาอะไรกินไถ่โทษซักหน่อยก็แล้วกัน...อย่าให้เสียชื่อเสียงมาถึงทีมล่ะ”
มือใหญ่บีบลงมาที่ไหล่ของเขาเป็นเชิงว่านี่คือคำสั่ง
อีกทั้งสายตาที่มองมาว่าเขาเป็นคนผิดมันก็ทำให้ปฏิเสธไม่ออก
ทั้งๆที่เขาเชื่อนะว่า
เจ้าเด็กนั่นจะไม่ปากโป้งเอาไปป่าวประกาศกับใครๆว่าถูกเขาขังเอาไว้
ก็ขนาดโดนเขาทำเรื่องเลวร้ายกว่านี้
เด็กนั่นยังไม่บอกใครสักคำ...
เสียงปลดล็อคที่ประตูดังเข้ามาในหู
ทำให้ใบหน้ามนเงยขึ้นไปมองทั้งๆที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆล็อคเกอร์
คนที่เดินเข้ามาคือคนคนเดียวกับที่ขังเขาเอาไว้แล้วก็เดินจากไปนั่นแหละ
ใบหน้าที่นิ่งเฉยนั่นไม่คิดจะเอ่ยขอโทษเขาสักคำ
ซ้ำยังเดินเลยไปเปิดตู้หน้าตาเฉย
ริมฝีปากได้แต่เม้มแน่นเช่นเดียวกับมือบางที่จิกลงไปบนหัวเข่า
พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาเย้ยหยันความไร้ค่าของตัวเองไปมากกว่านี้
ก็รู้ว่าไม่ใช่คนสำคัญแต่ถึงขนาดลืมกันได้แบบนี้
เขาคงจะไร้ค่ายิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก
ถึงจะน้อยใจไป
คนคนนั้นก็คงไม่หันมาสนใจอยู่แล้ว...
ใบหน้ามนจึงได้แต่สะบัดหนีร่างแข็งแกร่งที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างๆ
มือที่เพิ่งจะถอดถุงมือจับชุดแข่งพาดเอาไว้ในตะกร้า
ก่อนจะหยิบกางเกงสีดำมาสวม...พอเจ้าคนขี้โวยวายนั่นเงียบไปจึงทำให้เสียงรูดซิปได้ยินอย่างชัดเจน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้าราวกับจะร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดอยู่นิดๆ
แต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรจะพูดออกไป
เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้คำไหน...ในเมื่อไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...
เสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกถูกสวมลงไปบนร่างกายท่อนบนก่อนที่มันจะถูกทับด้วยเสื้อโค้ทสีดำอีกที
มือแข็งแกร่งหยิบแค่กุญแจรถกับกระเป๋าตังค์ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น
ใบหน้ามนยังคงก้มลงอย่างแง่งอน มือที่ว่างอยู่อีกข้างจึงจับข้อมือบางแล้วดึงให้เดินตามมา
แล้วเฟอร์รารี่ธรรมดาๆคันหนึ่งก็แล่นออกไปจากสนามออโตโดรโม่
ดิ มอนซ่า ท่ามกลางความเงียบงันของคนที่นั่งไปด้วยกัน....
ภายในเมืองมอนซ่านั้นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่ก็คงเป็นคนที่มาดูการแข่งฟอร์มูล่าวันนั่นแหละ
เพราะฉะนั้นกว่าจะหาร้านอาหารได้ก็เล่นเอาแทบแย่
ในเมื่อร้านไหนๆต่างก็เต็มแน่นไปหมด
เขาได้แต่นั่งมองเจ้าเด็กตรงหน้าจ้วงสปาเก็ตตี้เข้าปากไม่ยั้งราวกับว่าจะกินให้หายแค้นหรือหายหิวก็ไม่แน่ใจ
นัยน์ตาสีมรกตเคืองๆเหลือบขึ้นมามองเขาเป็นระยะๆ ปากที่เงียบมาตลอดทางเริ่มจะบ่นขมุบขมิบขึ้นมาบ้าง
แต่ใบหน้ามนนั่นก็ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่างอนเขาอยู่
เป็นเพราะปกติจะอยู่กับเจ้าเด็กหน้าตายอย่างฮายาโตะ
เพราะฉะนั้นการได้มาเห็นสีหน้าที่หลากหลายของเจ้าเด็กนี่บางทีก็เพลินดีเหมือนกัน
“
ไม่กินอะไรบ้างหรอครับ? อ๊ะ! นี่ผมไม่ได้ห่วงคุณเลยนะ
แค่กลัวว่าจะพาผมกลับไม่ไหวก็เท่านั้นเอง” ริมฝีปากสีแดงที่ยังมีซอสเลอะอยู่ข้างๆแก้มเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าเขาแทบไม่ได้กินอะไรนอกจากเบียร์ที่อยู่ในแก้ว...จริงๆมื้อเย็นสำหรับช่วงแข่งเขาจะจำกัดอาหาร
เพราะงั้นแค่สลัดนิดหน่อยก็พอ
“
ผมยังไม่หายโกรธคุณนะจะบอกให้” เด็กนั่นพูดออกมาก่อนจะตักสปาเก็ตตี้ในจานกลางใส่จานเล็กยื่นมาให้ด้วยใบหน้างอนๆ
เขาได้แต่มองจานสปาเก็ตตี้นั่นอย่างบอกไม่ถูกว่าในใจมันรู้สึกยังไง และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับสักที
เด็กนั่นจึงวางจานลงก่อนจะหยิบส้อมมาพันเส้นสปาเก็ตตี้ให้เสร็จสรรพ
“
เอ้า!
แค่นี้ก็ทำเองไม่เป็น”
คิดว่าเขากินไอ้ของที่เป็นอาหารสัญชาติตัวเองไม่เป็นเลยทำให้?.....ถึงแม้ว่าใบหน้าที่เขาใช้มองเด็กนั่นจะยังนิ่งเฉยแต่ที่จริงมันกำลังปกปิดร่องรอยอะไรบางอย่างเอาไว้...อะไร...ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร....
มือรับส้อมในมือบางมาก่อนจะหยิบมันเข้าปาก
นัยน์ตาสีมรกตที่จ้องอยู่ถึงกับระยิบระยับขึ้นมาทันทีก่อนที่ใบหน้ามนจะก้มลงไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วจัดการสปาเก็ตตี้ที่เหลือด้วยตัวคนเดียว
แล้วในระหว่างที่รอคิดเงิน...ไอ้ซอสบนแก้มนั่นมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างน่าประหลาด
เพราะไม่ว่าจะบอกยังไงเด็กนั่นมันก็เช็ดไม่ถูกสักที
มือจึงหยิบทิชชูแล้วเอาไปแปะไว้บนแก้มใสๆนั่นแล้วเช็ดอย่างมันมือ
แต่แทนที่คนถูกกระทำจะโกรธ เจ้าเด็กตรงหน้ากลับหัวเราะออกมา
มอนซ่า
ในฤดูที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแบบนี้ ยามค่ำคืนทุกๆสถานที่ต่างแข่งขันกันประดับประดาไฟอย่างสวยงาม...และขึ้นชื่อว่าอิตาลี...ต่อให้เป็นเมืองเล็กแค่ไหนมันก็ยังคงกลิ่นไอเก่าแก่ที่แสนจะโรแมนติก
แต่ด้วยความที่ไม่ชอบคนพลุกพล่าน
เขาจึงเดินหนีออกมาจากย่านที่เต็มไปด้วยผู้คน
สองขาเดินไปตามถนนปูหินเล็กๆโดยมีร่างโปร่งบางตามมาติดๆ...เขาคุ้นเคยกับเมืองในแถบนี้ดี...ไม่ใช่แค่ว่ามันเป็นสถานที่แข่งรถที่เขาต้องมาทุกๆปี
แต่เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยอยู่แถวๆนี้มาก่อน....
ถ้าดูจากในแผนที่ก็จะเห็นอย่างชัดเจน...ว่ามอนซ่าอยู่ใกล้กับมิลานขนาดไหน....แน่นอนว่ามันใกล้กับเวโรน่าด้วย....
ยิ่งเดินมากเท่าไหร่
เสียงของความวุ่นวายก็ยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น
ที่ปลายถนนปูหินคือโบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งยังคงเงียบสงบ...มันเป็นโบสถ์เล็กๆที่คงจะไม่มีใครมาในเวลาแบบนี้
เขาหยุดยืนอยู่หน้าโบสถ์ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าจั่วสามเหลี่ยม
ชายเสื้อโค้ทสีดำที่ยาวถึงเข่าโบกสะบัดไปตามแรงลม สายตาทอดมองไปยังไม้กางเขนราวกับสายตาของซาตานที่รู้ตัวดีว่าไม่อาจจะเข้าใกล้สิ่งที่แสนบริสุทธิ์นี้ได้
ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ใกล้แค่ไหนก็ตาม...
นัยน์ตาสีขี้เถ้าค่อยๆละลงมามองร่างโปร่งบางที่กำลังยืนกางแขนก่อนจะหมุนตัวช้าๆรับใบสีเหลืองอร่ามของต้นเมเดนแฮร์ที่กำลังโปรยปรายลงมาตามลายลม
ใบหน้าที่อมยิ้มอย่างไร้เดียงสานั้นมันทำให้เขาเผลอคิดไปว่า....
ถ้าเขาทำให้ความบริสุทธิ์นั้นแปดเปื้อน
พระเจ้าจะยอมยกโทษให้เขาไหมนะ....
เขาพาเด็กนั่นกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง
ดูเหมือนใบหน้ามนจะอารมณ์ดีจนลืมไปแล้วว่ากำลังงอนเขาอยู่
“
พักอยู่ที่ไหน?”
เขาถามออกไปเพราะตั้งใจจะพาไปส่ง
“
อ๊ะ!!!”
แต่แล้วเสียงอุทานที่ดังออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อนั่นมันก็ทำให้เขาต้องหันหน้าไปมอง
ร่างโปร่งบางนิ่งค้างไปพักนึงก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆให้....เท่านั้นเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้จองที่พักแล้วมันก็คงลืมสนิทไปแล้วด้วย!
ให้ตายสิ...ใครเป็นพ่อเป็นแม่นี่คงจะบ้าตายกับลูกชายที่ไม่เคยจะระวังตัวเองแบบนี้...ดีนะที่เจ้าฮายาโตะไม่เป็นแบบเด็กนี่
เขาได้แต่ถอนหายใจ
ก่อนจะกดปุ่มบนหน้าปัดของเฟอร์รารี่คันนี้ วิทยุสื่อสารของทีมดังขึ้นมาทันที
“
ครับคุณรีไว?”
“
คืนนี้ชั้นจะค้างข้างนอก...พรุ่งนี้จะกลับเข้าไปตามเวลา” และเมื่อปลายสายถามกลับมาว่าจะพักที่ไหน
เสียงทุ้มจึงตอบกลับไปว่า...
“
ม่านรูด”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
ลงอย่างไว(แต่สั้น555) เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเจอดาเมจจากการแข่งเอฟวันที่สิงคโปร์เข้าไปค่ะ
>/////<
คือพอได้ดูการแข่งจริงแบบเต็มๆและสดๆเข้าไปมันเลยเก็บได้อีกหลายช็อตมว๊ากกกกกก
อย่างน้อยก็เจอฉากบอกรักแล้วกันอ่ะ โฮะโฮะโฮะ (ตกลงมันดูแข่งรถหรืออัลไลกันแน่?) แล้วก็นะหลังจากที่การแข่งจบไป
คือเลือดสาววายก็ทำงานทันทีค่ะ คือว่ามีนักขับของเรดบลูที่รถมีปัญหาเหมือนจะต้องทิ้งรถไว้แล้วเดินกลับมา?
ทีนี้นักขับของเฟอร์รารี่ในระหว่างที่ไปวนรถเพื่อขอบคุณคนดู?
ก็ไปเจอเข้าเลยเอากลับมาด้วย? คือมันน่ารักมว๊ากกกกกเลยค่ะ รถเอฟวันมันที่นั่งสำหรับคนขับคนเดียว
แต่นี่พี่แกให้อีกคนนั่งมาบนโครงรถอ่ะ(เรียกอะไรไม่รู้?)
คือข้าพเจ้าไม่คิดว่ามันจะนั่งได้ คือตอนที่เห็นนี่ถึงขั้นกรี๊ดออกมาเลย จะเอาๆๆๆ
จะให้เอเลนไปนั่งแบบนี้บ้าง อร๊ายยยย >/////< (อินี่....)
ก็นะ....อย่าให้สาววายไปดูแข่งกีฬาอะไรเพราะแม่งจิ้นได้หมด กราบขอประทานอภัยต่อ
อลองโซ่ ณ.เฟอร์รารี่ และเวบเบอร์ ณ.เรดบลูด้วยนะคะ
หนูไม่ได้จิ้นทั้งคู่หรอกค่ะแต่หนูจิ้นถึงคนในฟิคของหนู เหะเหะเหะ...
นั่นแหละค่ะ
แข่งเสร็จราวๆสามทุ่มได้
คุณกวางมันเลยนั่งปั่นเป็นบ้าเป็นหลังต่อจากนั้นมา.....แต่ฉากที่ว่านี่คงจะอีกนานกว่าจะได้ใช้
โฮวววววว ปั่นกันต่อไป....
สำหรับฉากของฟิคเรื่องนี้ชัดเจนว่าเป็นอิตาลี...ซึ่งน่าประหลาดใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
เพราะทั้งๆที่แต่งฟิค KHR
มาห้าปีได้ แต่ไม่เคยใช้ฉากในอิตาลีเลยค่ะ =[ ]=!!! เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้แต่งฟิคที่ไม่ใช่ Au ด้วยมั้ง
รู้สึกจะมีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นฟิคที่แต่งตามออริและมีฉากอยู่ในยุโรปนั่นก็คือเรื่อง
"ลมหายใจ"
แต่ก็ดันไปอยู่ในฝรั่งเศสซะอีกนี่(เมืองป้อม มอง แซง มิเชล) อีกเรื่องก็เมืองซินทราในโปรตุเกส
ก็ยังไม่ใช่อิตาลีอยู่ดี 55555 เพราะงั้นตอนแต่ง GLIDE นี่
นอกจากเรื่องข้อมูลของเอฟวัน ยังต้องนั่งหาข้อมูลของเมืองในอิตาลีอีกด้วย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะคุ้นหูเพราะตอนเรียนประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและจากการดูบอล
^ ^"
แต่เอาเข้าจริงเมืองไหนอยู่ตรงไหนในแผนที่ของอิตาลีนี่ไม่รู้เลยค่ะ
ต้องมานั่งไล่หาไล่เชื่อมโยงกันไป สรุปเลยใช้พื้นที่แถบเหนือของอิตาลีเป็นส่วนใหญ่เพราะอยู่ไม่ไกลจากมอนซ่าสนามแข่งและมาราเนลโล่ฐานที่ตั้งของเฟอร์รารี่อ่ะนะ...เหม่...แค่ชื่อ
มิลานกับเวโรน่านี่ก็บ่งบอกความโรแมนติกได้ละ แอร๊ยยยย
แอบแปะรูปโบสถ์ที่กล่าวถึงในตอนนี้....จิ้มไปดูตามนี้เลยก๊า
>> Santa Maria delle Grazie Monza
โฮกกกกกกก
คือเห็นมุมนี้ในรูปแล้วอดไม่ได้จริงๆค่ะ มันสวยมว๊ากกกกกกกก >/////< ต้นเหลืองๆทางขวามือนั่นแหละที่เอเลนไปยืนหมุนๆอยู่
ลองจินตนาการเป็นตอนกลางคืนที่มีแสงไฟสาดน้อยๆดูสิ มันจะสวยขนาดไหน *น้ำตาไหลพราก*
ส่วนต้นเมเดนแฮร์
(Maidenhair
tree) ก็คือต้นกิงโกะ หรือแปะก๊วยบ้านเรานี่เองค่ะ 555
บอกไว้เผื่อใครนึกไม่ออก คือคุณกวางเคยไปเห็นตอนที่ใบมันโปรยปรายลงมาค่ะ
สวยมว๊ากกกกกกกกกกกก
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงมันจะเหลืองทั้งต้นแล้วใบก็จะปลิวว่อนร่วงลงมา สวยสุดๆเลยอ่ะ
และต้องขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วมากๆๆๆนะคะ
อ่านแล้วมีกำลังใจจะปั่นต่อไปแบบสุดๆ >w< ขอบคุณทุกๆการติดตามด้วยนะคะ
เหะเหะ ใช่ๆ จากเม้นต์ของตอนที่แล้ว
มีคน(ชื่อคุณแนต)ไปหาความหมายของเพลง O Fortuna มาให้ด้วยค่ะ คืออ่านแล้วอย่างโฮกอ่ะ >w<
O
Fortuna โชคชะตาล้วนถูกกำหนดมา
เหมือนดั่งจันทราที่มีทั้งเต็มดวง
ค่อยๆเว้าแหว่งจนเหลือเพียงเสี้ยวเล็กๆ
ชีวิตเหมือนดั่งกงล้อที่ขับเคลื่อนไป
จากที่มีกลับกลายเป็นว่างเปล่า...
แล้วยัยมี๊ก็ตายตามคุณแนตไปอีกคนค่ะ
โฮกกกกกก ตัวเพลงเองเก๊าแปะไว้ท้ายตอนที่แล้ว
ขนาดฟังแต่ดนตรีไม่รู้ความหมายคุณกวางยังจิ้นกระจาย แล้วยิ่งได้รู้แบบนี้....โอยยยยย
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
กรั่กๆๆ
ส่วนลุคของเฮย์โจวในตอนนี้ แอบยืมที่น้องNicha แปะมาให้ในเฟสมาใช้เลยแล้วกันกร๊ากกกก
คุณท่านเหมาะกับสีดำแดงมากอ่ะ *ซับน้ำตาด้วยความชอบมาก*
เห็นว่าเป็นลุคที่มาจากเกมใช่ป่ะ? จิ้ม>>Levi sama
เวิ่นซะยาวเชียะ
ไว้เจอกันตอนหน้านะค้า ^
^
ทำไมรู้สึกว่าจะฟินความสัมพันธ์คู่พ่อลูกยังไงก้ไม่รู้อะค่ะพี่กวางง ใครก้ห้ามแตะเหรอเฮียยย อย่าว่าเนอะลูกสาวทั้งขาวทั้งสวย ถถถถถถถถถ ดูดิ๊เอเลนน้อยใจแล้วนั่น ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงทางนี้ก้อยากรู้ค่าาา แจกเเจงทีเฮียย
ตอบลบมีการตบหัวแล้วลูบหลังขังเค้าไว้แล้วก้เอาขนมมาให้ อย่างป๋าอะ!!!! เเล้วยังไง ไปๆมาๆทำไมจะเอาเด็กเข้าม่านรูดอีกค้าาา เฮียไม่หวั่นคุกเลยใช่ม้ายยย
ว่าแต่......................เหมือนเราจะลืมใครบางคนไปเนอะ
ใช่....
ลืมอะไรซักอย่างหื่นๆเนียนๆ...
แกค่าตัวแพงใช่มั้ยยาม๊าาา หรือมัวแต่ไปไล่เชือดคนให้วองโกเล่อยู่!! ทำไมไม่โผล่มาแต๊ะอั๋งก๊ก!!!!
แง่งงงงงงงงงงงงง เอาตอนต่อไปมาน้าพี่กวาง การแข่งแบบเมื่อวานนี่เค้ามีทุกวันรึเปล่าคะ พี่กวางจะได้มีแรงบัลดาลจิ้นทุกวัน แงงงงง อยากอ่านต่อง่าา
อร๊ายยยย
ตอบลบรีไวแกเตรียมสอยเด็กแล้วสินะ 555555555555+
เอเลนน่ารักมากกกกก อ้ากกก คลั่ง ถ้าเค้าเป็นรีไวเอเลนไม่เหลือแล้ว -0-
ถ้าเขาทำให้ความบริสุทธิ์นั้นแปดเปื้อน พระเจ้าจะยอมยกโทษให้เขาไหมนะ.... << อย่าช้า..อย่ารอ.. ทำเลยค่ะรีไวซังงงงงงงง
ตอบลบแต่เชิ้ตแดงกับโค้ทดำนี่ฟินอย่างประหลาดดดดดดด ภาพที่ไซโคไว้ที่เฟสพี่กว่างสำเร็จสินะคะะะะะะะะะะะ
“ ม่านรูด”
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก เอเลนไม่ตาเหลือกไปแล้วเหรอคะะะะะะะะะ
เอะอะพาเด็กเข้าม่านรูดตลอด คิดอะไรป่ะเนี้ย
อรั้ย!! ไม่สั้นเลยค่ะพี่กวาง ถ้าเทียบกับฟิคหนู ของหนูสั้นกว่ามาก ความยาวขนาดนี้แบ่งเป็นตอนย่อยได้ตอนนึงเลยอะ 555
ตอบลบแหม่ เอเลน หนูทำให้พ่อตาขวางเสียสมาธิไปหมดแล้วน๊า เค้าแคร์หนูมากนะ อย่าคิดมากสิน่า ก๊กจังนะ เค้ามีเจ้าของแล้วนะ
แล้วก็รีไวล์ในฉากตอนล๊อคห้อง ถึงความตั้งใจนายจะไม่โหดร้าย แต่สถานการณ์ก็ยังทำให้เอเลนคิดว่านายใจร้ายอยู่ดี น่าสงสารจริง ๆ ลักษณะป๋าแกจะทำดี??กับเอเลนไม่ขึ้นสินะคะ ประตูนะประตู
ชอบฉากป๋าเอาขนมให้เอเลนอะ เป็นห่วงล่ะสิท่า กลัวเด็กน้อยจะหิวระหว่างที่นึกว่าถูกขังอยู่ใช่มั๊ยล่ะ บร๊ะ! เอาใจไปเลย ชอบมาก >///<
ส่วนคำสุดท้ายของตอนนี้น่ะ มะ ม่านรูดน่ะ!! ป๋ากะจะทำให้เด็กน้อยแปดเปื้อนในวันนี้เลยเรอะ!!! เอาเลย!!! เชียร์เต็มที่ 555
ตอนนี้ยกให้ป๋ากับต้อยทั้งตอน ถ้างั้นตอนหน้า ไดนาไมท์กับดาบทั้งตอนด้วยรึเปล่าน๊า ...โห๊ะ!! จะยังไงก็แล้วแต่ สู้ ๆ เด้อค่าพี่กวาง ^^
อิยะ พิงรู้เนื้อเพลงนั้นนะเนี่ย มันเป(็นเพลงที่ผมรู้สึกว่าได้ยินบ่อยๆนะ
ตอบลบและแล้วพวกเค้้าก็ไปเดทกัน. ฮิ้ว~~~~~~
ป
และแน่นอนว่าเดทที่สมบูณแบบต้องจบลงที่โรงแรมฮิ้ว~~~~~~~
เตรียมแห่ขันหมากได้ล่ะเจ้าข้าเอ้ยยยยยย
โถ่รีไวก็ช่างรังแกเด็กซะ
แต่เอาเถอะ ถ้าการรังแกเด็กแล้วมันจะจบลงที่เข้าม่านรูด สาววายเชียร์ครับ555
มาต่อเร็วๆนะครับพี่กวาง
ไปนอนล่ะเด้อออออ.
แหม่ๆๆๆๆ ฟินก่อนนอนดีจริงๆ ราตรีนีข้าจะไปฟินแลนด์
เค้าอยากจิคลั่งตายยยยยยยยค่ะกวางซาม้าาาา
ตอบลบเสน่ห์นักแข่งจะแอคแทคมากกกกกไปแล้ววน้าาาา
ตอนที่เห็นในเฟสว่ากวางซามะมาอัพต่อแล้ว ลุกขึ้นเซิ้งเลย 55555
#ได้ข่าวมันเซิ้งทุกเรื่อง #ก็เค้ารักฟิคกวางซามะอ่าา T _ T
#และเพราะเมื่อคืนหมดแรงเพราะเซิ้ง(?)เลยต้องมารัวนิ้ว(?)คอมเม้นท์เอาเวลางาน(?)
อะไรคือการที่ท่านท่อนขาที่เคารพที่ไม่เคยจะใส่ใจอะไรรอบข้าง
(ขออิอั๊งในใจ(?)ว่า รอบข้างที่ว่านี่ยกเว้น ฮายาโตะ(?) > ___ <)
แต่กลับไม่มีสมาธิเพียงเพราะมองเห็นภรรยา!!!!!(?)
ภรรยาที่นั่งก้มหน้าจดข้อมูลหยิกๆอยู่ที่อัฒจันทร์!!!!!
และ.....ภรรยายังต้องใช้กล้องส่องทางไกล(?) แล้วนี่พ่อคุณ.......สายตายาว??????
#ณ จุดนี้ยอมโดนเตะเสย เพราะจงใจแซะ 555555
โอยยยยยย มันเป็นอะไรที่ชอบบบมากกกก ชอบบบอ่ะ ชอบความรู้สึกแบบนี้
ที่แบบอารมณ์ไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหน หรืออยู่ในท่ามกลางคนมากมาย
แต่ถ้าเป็นคนที่สำคัญของใจ ไม่ว่ายังไงมองแค่แว๊บเดียวก็รู้เลย
#ได้ข่าวนี่ไม่ใช่อารมณ์การตามหาภรรยาที่หายไป(?)นะโฟ้ยยย > [ ] <
แล้วไหนจะถึงขั้นไม่มีสมาธิลงจากรถเดินไปลากภรรยาเข้าโซน(?)
เวอร์ชั่นนี้ไม่มีคุกใต้ดิน(?) พ่อคุณก็ยังจะขังเอเลนในห้องล็อคเกอร์แทน!!!!!
ไม่ว่ายังไงก็จะขังคนสวยไว้ให้อยู่กับตัวเองคนเดียวสินะ #มันมโนไปไหนแล้วววววว
เค้าชอบการ "ตบหัวแล้วลูบหลัง" ของเฮย์โจวมากๆเลยอ่า จะรังแกเขา จะไล่เขา
แล้วใจดีกับเขาทำไมก๊านนนนนนน มันโฮกฮากกกนะรู้มั้ยยยยย > __ <
แล้วก็ความรู้สึกเอเลนนี่ก็กระแทกใจสุดๆ มันใช่เลย!!!!
อารมณ์น้อยใจแบบนั้น โอยยยยย อยากให้มีเยอะๆ #อ่าวเฮ้ย
ไม่รู้สิ มันรู้สึกว่าแบบ เอเลนอยากให้คนๆนี้สนใจตัวเองบ้าง จนพาลอิจฉาหนูก๊ก
อารมณ์น้อยใจเรื่องเรียกชื่อนี่น่าฟัดมากกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกก ดาเมจจจจจ > <
บอกตรงๆนะท่านท่อนขาที่เคารพรัก(?) แค่เรียกชื่อน่ะ
ถ้าจะลองเรียกชื่อเอเลนด้วยเสียงทุ้มข้างๆหูน่ะ
เอเลนก็ระทวยแล้ว(?) #ตกลงนี่จะรับข้อหาสมรู้ร่วมคิดพรากผู้เยาว์(?)ใช่มั้ย 555555
แล้วก็.......ถ้าไม่ทำให้เด็ก(?)เขารู้ถึงความสำคัญบ้าง
ระวังจะต้องรออีกพันปี(?)นะ #โฮกกกกกกก มันเอาไปโยงกันมั่วแล้ววว 555555
พาร์ทนี้สองพี่น้อง(?)คนสวยได้จ้องตา(?)กันแล้ว > __ <
โอยยยยย อยากให้สองคนนี้เล่นกันแล้วยิ้ม(?)ให้กันชะมัด
#รับรองว่าจะต้องมีไอ้สองตัว(?)เดิมดุ่มๆมาพาคนของตัวเองแยกย้ายเข้าโซน(?)แน่ๆ
#ข้อหาพากัน(?)ทำตัวน่ารักจนทนไม่ไหว(?)มากเกินไป
แล้วไอ้ฉากหน้าโบสถ์นั่น!!!!!!!!!! แล้วโบสถ์สวยยมากกกกกกกกกกกก ชอบบบบมากก T __ T
ด้วยความที่เป็นคนคลั่งโบสถ์เป็นทุนเดิม(?)
(เพราะงั้นถึงได้เอาแต่อ่าน หัวใจราชันย์ ก่อนนอน(?)อยู่บ่อยๆ)
อยากจิบอกว่า มโนภาพแสนสวยหน้าโบสถ์ของทั้งคู่แล้วจิกทึ้งหัวตัวเองอีกแล้ว 555555
"ถ้าเขาทำให้ความบริสุทธิ์นั้นแปดเปื้อน พระเจ้าจะยอมยกโทษให้เขาไหมนะ...."
ชอบบบบบบบบบบประโยคนี้มากกกกกกเลยค่ะกวางซาม้าาาาาา > ___ <
คนนึงที่ดุร้ายราวกับซาตาน(?) ชายเสื้อโค้ทสีดำที่ยาวไปถึงเข่าโบกสะบัดไปตามแรงลมนั้นบ่งบอกได้
เป็นอย่างดีว่าซาตานคนนี้กำลังหวั่นไหว(?) หวั่นไหวไปกับความบริสุทธิ์ตรงหน้าที่ตัวเองไม่อาจยอม
รับว่าได้ให้ความสนใจและห่วงใยกับคนตรงหน้าไปมากแค่ไหนอย่างที่ไม่ควรเป็น กับอีกคนที่
บริสุทธิ์ผุดผ่องสดใสราวกับเทวดา(?)น้อยๆ เทวดาที่แม้กระทั่งธรรมชาติยังอยากอยู่ใกล้ๆถึงได้ยอม
ผลัดใบออกจากก้านเพื่อลงมาสัมผัสความบริสุทธิแม้จะเป็นเพียงชั่ววินาทีเดียวก็ตาม..... #เดี๋ยวๆ นี่
มันบทสวดไล่ผี(?)ออกจากร่างตัวเอง(?)อะไรไม่ทราบค่ะ 5555555 บ้าไปใหญ่แล้วววฉัน
แล้วไอ้คำสุดท้ายของพาร์ทนี้ นี่มันอาร๊ายยยยยยยย
ถ้าจะเข้าถี่(?)ขนาดนี้ พาไปนอนที่ห้องตัวเองก็จบ(?)
หรือ ซื้อเรือนหอ(?)ไปเลยเถอะ~~~~
จะไล่เขาไปไม่ใช่เหรออออ แล้วทำไมต้องดูแล(?)ขนาดนี้~~~~
แฮ่กกก แฮ่กกก แฮ่กกกกกก 555555555
แล้ว.....จบแบบนี้.....กวางซามะรังแก(?)กันชัดๆอ้าาาา > [ ] <
บอกตรงๆว่าเมื่อคืนตอนที่เห็นจุด(?)ไล่ลงมา ในใจก็มโนว่า อ่า....ต่อไปก็ตาเนียนสินะ
แต่พอเจอหางตาเห็นตัว T ลางๆ ชีวิตจบเลย 555555
สมองสั่งการเลื่อนหน้าจอในไอพอตขึ้นๆลงๆว่าโดนรังแก(?)จริงเหรอเนี่ย
พยายามเลื่อนขึ้นเลื่อนลงหาพ่อสมเนียน(?)ว่ามันไปแอบอยู่ซอกหลืบตรงไหนของเสื้อหนูก๊ก(?)หรือ
เปล่าฟ่ะ!!!!#เดี๋ยวๆ
เลื่อนจนแบตไอพอตแดงเถือก(?) 5555555
สุดท้ายเลยต้องนอนตายตาโต(?)ฟินกับคำว่าม่านรูดแทน(?)ไปโดยปริยาย
เพลงและความหมาย O Fortuna
ฟังแล้วนึกถึงความหมายกับฟิคเรื่องนี้แล้วฟินทุกทีจริงจัง
แอบขนลุกทุกทีด้วย 555555
มันเป็นโชคชะตาพรหมลิขิตจริงจัง ฮือออออ T __ T
ดีใจที่กวางซามะตายตามมา(?) #ทำไมมันให้ความรู้สึกแปลกๆฟ่ะ 5555555555
เอาเป็นว่าเค้าเป็นกำลังใจให้กวางซามะตลอดน้าาาา
รออ่านตอนต่อไปเสมอเลย
รักษาสุขภาพด้วยน้าาาาา
รักฟิคกวางซามะมากๆๆเลยคับผม > 3 <
อะจะอ่ะ แหม่~ เอเลนไม่ค่อยจะซึนเลยนะ (อย่าเล่นตัวมันไม่ดีนะน้องหนู //โดนตรบ) แล้วก็คุณรีไวล์คับ นั่นมันอาร๊ายยยยยยย ทิ้งเอเลนไว้ในล็อกเกอร์ได้งายยยย น่าสงสารเบย แล้วก็ที่บอกว่าจะไปค้าง'ม่านรูด'เนี่ย จะไปนอนหรือไปทำอารายกันแน่น่ะฮร๊าาาาา อ๊ายเขินนนนนนนน(>>>มันบ้าไปละ =.,=ll)
ตอบลบเป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ ขอบคุณสำหรับฟิคฟินๆที่แสนเมามันส์ทำเอาสาววายแทบหงายหลังกันเลยที่ เดียว(ฮา)
ปล.นี่พึ่งมาคอมเม้นครั้งแรก(อ่านมาหลายตอนละเพิ่งมาแสดงความคิดเห็น ถถถถถถถถ)แหะๆ พอดีไม่มีบัญชีวันนี้เลยไปสมัครแล้วรีบมาเม้นทันทีเบยยยยย >.<!!
ปลล.พี่แต่งฟิคเก่งมากสู้ๆนะค่ะจะรออ่านติดตามไปเรื่อยๆนะ ^^
อยากให้มีแข่ง F1 ทุกวันเลยค่ะ จะได้อ่านตอนต่อไปทุกวัน ฮ่าๆ
ตอบลบเฮย์โจวถึงกับขาดสมาธิเพราะเห็นหน้าเอเลน >////////< ยังไงๆ ยังไงคะเฮย์โจววววว!?! หลงเด็กแล้วอ่อ?
ชื่ออะไรนะ ปอมปอม 555555555 น่ารักได้อีกอ่ะ แต่ปอมๆนี่ก็เหมาะกับเอเลนจริงๆค่ะ//เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งกัดนิ้วววว
.
.
ชูป้ายเชียร์ให้เอเลนขัดคำสั่งเฮย์โจวแล้วหาทางเข้าใกล้ก๊กเพื่อลวงข้อมูล
โมเม้นท์ก๊กกับเอเลนต้องน่ารักมุ้งมิ้งมากแน่ๆ >w< นี่ขนาดแค่สอบตา อ่า~ ดาเมจกระจาย
"อยากรู้เรื่องของคุณให้มากขึ้น....
อยากรู้ทุกๆเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องของคุณที่เกี่ยวข้องกับโกคุเดระ ฮายาโตะ...."
เอเลนสู้ๆ พี่อยากรู้ด้วยยยยยยย ฮ่าๆ
แล้วดันโจวนี่คือ สนับสนุนให้เฮย์โจวกินเด็ก? มีแนะนำให้พาไปเดท(?)กันด้วย good jobsค่ะดันโจว
ผู้ปกครองหนีไปเดทแบบนี้ เด็กในปกครองคงเหงาแย่ แต่เดี๋ยวคงมีตัวเนียนมาเล่น(?)ด้วยสินะคะ ^w^
แอบเห็นใจยามะเบาๆ ผู้ปกครองทั้งห่วง ทั้งหวง ทั้งโหดแบบนี้ เหนื่อยหน่อยนะเอ็ง
แล้วนั่น อะไรยังไงคือ "ม่านรูด" แล้ว จุด จุด จุด To be con.
ใจร้ายยยยยยอ่าาาาาา TTwTT
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ^^
ฟินกับการกักขังของรีไว โถ เอเลน กักขังฉันเถิด กักขังปายยย~
ตอบลบแอบหยุดคิดจิ๊ดนึง อย่างนี้เอเลนก็ต้องกลายเป็นแม่หนูก๊กสินะ ว้าว แถมยังต้องเป็นแม่ยายพ่อเนียนด้วย กรี๊ดดด
สั้นทรมานใจกันสุดยอดมากค่ะ มาต่อไวๆ เสียดีๆ เชียว
รีไวนะรีไวช่างลืมกันได้
ตอบลบดูสิเอเลนนั่งกอดเข่าหน้ามุ่ยเลย
คือไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างรีไวซึ่งตั้งใจปล่อยเอเลนแต่โดนหาว่ารังแกเด็กเพราะประตูมันบังเอิญล็อก
หรือจะสงสารเอเลนที่ดันดวงไม่ดี เขาปล่อยแล้วแต่บังเอิญประตูมันล็อกเลยออกไม่ได้
แล้วนั่น
จะดีหรอคะรีไวล์
เพิ่งผ่านโบสถ์มาตะกี้
ดันจะแวะเข้าม่านรูดเฉยยยยย
คืออะร้ายยยยยยยยยยย ห้ามแตะหรอป๋า
ตอบลบนี่ป๋าหวงอะไรจะขนาดนั้น มีซัมติงวริงในอดีตสินะ สินะ!!!!
ป๋าน่ารักมีขนมล่อ แต่แบบ ไม่บอกเขาไปว่าไม่ได้จะล้อก
ไม่ไหวหรอกพวกสายซึนโหดเอสนี่
ฮายาโตะเจอเอเลน เหมือนโลกหยุดหมุนไปแวบนึงค่ะ
คือไม่ต้องอิจฉาหรอกหนูเลนรายนั้นคงเจอมาเยอะ เดี๋ยวตัองไปเป็นของเล่นตุ้กตาให้ตัวเนียนอีก