Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 01


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : 01

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           
         

ควรจะอ่านอินโทรก่อนนะก๊า >> Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : Intro





จากโตเกียวมุ่งหน้าสู่นาโกย่าด้วยรถไฟชินคันเซ็นก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงไปแล้ว และจากนาโกย่ามาสู่สนามซึซึกะเซอร์กิตด้วยรถไฟก็ยังต้องใช้เวลาต่ออีกราวๆชั่วโมงครึ่ง

ถึงแม้ว่าคนที่เดินสวนออกมาจะบางตาจนคิดว่าบรรดาผู้ชมคงจะกลับไปหมดแล้ว แต่ขาทั้งสามคู่ก็ยังวิ่งกันสุดแรงอยู่

นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองรถเครนหลายคันที่เริ่มจะยกของของทีมแข่งขึ้นรถบรรทุกเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน...ใจเริ่มเสียอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการมาเสียเที่ยว...ใบหน้ามนหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนอย่างนึกขอโทษ

เป็นเพราะความดื้อรั้นของเขาเองที่จะต้องมาที่นี่วันนี้ให้ได้

สองขายังคงวิ่งต่อไปโดยใช้สายตามองหาเป้าหมาย...แล้วกลุ่มก้อนสีแดงเพลิงก็สามารถมองเห็นได้ก่อนใครตามที่คิดเอาไว้

ถึงแม้ว่าทีมอื่นๆจะเริ่มทยอยเก็บของกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับทีมที่มีทุกอย่างเป็นของตัวเองอย่าง สครูเดอเลีย เฟอร์รารี่...ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกแบบคอนเทรนเนอร์สีแดงเถือกที่จอดเรียงกันเป็นตับ หรือแม้แต่ทีมงานไปจนถึงช่างเทคนิคอีกเป็นร้อยชีวิต จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเก็บข้าวเก็บของ

ทีมงานต่างย้ายไปเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะที่ได้มาในสนามแห่งนี้อยู่ที่ Motor Home ด้านหลัง....จึงทำให้กองทัพสีแดงที่เหลืออยู่ใน Pit Garage ดูโหรงเหรง

ต่างจากสองนักขับและวิศวกรที่ยังคงนั่งล้อมโต๊ะประชุมเพื่อสรุปผลกันอยู่ เพราะดูเหมือนความเร็วที่ทำได้ในสนามนี้จะตกลงไปจากเมื่อสนามที่แล้ว 4.88 วินาที ถึงแม้จะได้ชัยชนะก็ตาม

แล้วความเครียดบนโต๊ะประชุมก็สลายหายไปทันทีเมื่อจู่ๆก็มีเด็กผมสีน้ำตาลคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับแหกปากว่า

“ ขอโทษนะครับ! ผมขอข้อมูลการปรับแต่งรถหน่อยได้ไหมครับ!!”      เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งโต๊ะ สายตาทุกคู่ล้วนหันไปจับจ้องเจ้าเด็กร่างโปร่งบางที่ดูอายุไม่น่าจะเกิน15ปีที่กำลังก้มหัวขอร้องโดยไม่คิดจะบอกแม้แต่ที่มาที่ไป...แล้วไอ้ข้อมูลที่จู่ๆก็วิ่งเข้ามาขอน่ะ...มันมีมูลค่าเป็นตัวเงินมหาศาลเลยนะ

คิดว่าฟอร์มูล่าวันแข่งกันด้วยเรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่นวัตกรรมที่ลงทุนไปไม่รู้เท่าไหร่ให้เจ้ารถสีแดงเพลิงนั่นวิ่งให้ได้ไวที่สุดน่ะ

แล้วถ้าข้อมูลแบบนี้รู้ถึงหูคู่แข่งขึ้นมา...เฟอร์รารี่ก็เป็นอันจบ

“ อุบ...ฮ่าๆๆๆๆ”      หลังจากที่ตกตะลึงไปกับความบ้าบิ่นของเด็กนั่นกันหลายวินาที ในที่สุด ฮันซี่ โซเอะ หนึ่งในทีมวิศวกรก็หัวเราะลั่นออกมาด้วยความชอบใจ

“ เอ่อ....พวกเธอ...?”      แล้วร่างสูงใหญ่ที่ดูใจดีของเอลวิน สมิธ ทีมบอสของเฟอร์รารี่ก็ถามออกมาด้วยรอยยิ้มแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ถือสาหาความอะไรกับเด็ก

“ ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ เพื่อนผมคงจะตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้เจอทีมระดับโลกอย่างพวกคุณ คือพวกผมเป็นนักแข่งรถบังคับวิทยุรุ่น F-1 ซึ่ง F104ที่พวกผมใช้อยู่มันมีรูปแบบคล้ายคลึงกับรถสูตรหนึ่งน่ะครับ...ก็เลยอยากจะมาขอคำปรึกษาเรื่องการปรับแต่งเผื่อจะเอาไปประยุกต์ใช้....”       เด็กหนุ่มร่างเล็กผมสีทองเอ่ยออกมาได้เป็นการเป็นงานกว่าอีกคนหนึ่งมาก

“ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ...ข้อมูลนี้มันสำคัญมาก เราบอกพวกเธอไม่ได้หรอก”     เสียงทุ้มปฏิเสธออกมาอย่างนุ่มนวลแล้วก็ดูท่าว่าเด็กหนุ่มผมทองจะทำหน้าราวกับว่าเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี....บางทีเด็กคนนี้อาจจะมาโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ข้อมูลอะไรกลับไปอยู่แล้ว

ต่างจากอีกคน....ที่ยังมีสายตาดื้อรั้นอย่างเห็นได้ชัด...

“ ถ้าอย่างงั้นก็ขอพวกเราดูรถนั่นใกล้ๆได้ไหมครับ?!”      ใบหน้ามนยังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ปลายนิ้วชี้ไปที่ Ferrari F138 ที่เพิ่งจะพาแชมป์ของสนามนี้เข้าเส้นชัยมาหมาดๆ


ที่ตัวถังยังมีคำว่า Levi ติดอยู่เลย


“ เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ...ถ้าพวกเธอสนใจทำไมไม่ไปพิพิธภัณฑ์เฟอร์รารี่ที่อิตาลีดูล่ะ”       ร่างสูงใหญ่ยังคงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงไปได้อย่างพยายามรักษาน้ำใจ

“ เคยไปมาแล้วครับแต่มันก็ยังไม่พอที่จะทำให้รถของพวกเราชนะได้”      นัยน์ตาสีมรกตยังคงมุ่งมั่นในความดื้อรั้นของตัวเองต่อไป ทำให้กลุ่มผู้ใหญ่เริ่มทำหน้าลำบากใจ

เพราะเป็นทีมระดับโลกที่มีคนจับตามองอยู่ไม่รู้กี่พันล้านคน ทำให้พวกเขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างการขับไล่แฟนๆของตัวเองออกไปไม่ได้ เพราะยังไงภาพพจน์ก็สำคัญพอๆกับความสุดยอดของเครื่องยนต์

ใช่...คนส่วนใหญ่ในทีมจะคิดแบบนั้น...ยกเว้นก็แต่....


โครม!!!


เสียงที่ดังลั่นทำเอาคนทั้งพิตการาจสะดุ้งโหยง ฝ่าเท้าในรองเท้าสีแดงยันลงไปที่ผนังเฉียดสีข้างของร่างโปร่งบางไปแค่นิดเดียว ทำเอาเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลได้แต่มองหน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้แค่คืบด้วยดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายราวกับถูกสะกดด้วยดวงตารีขวางเย็นเฉียบคู่นั้น

“ ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น...กลับไปซะไอ้หนู”       เสียงกดต่ำเอ่ยออกมาจากใบหน้าที่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เพราะคำพูดและการกระทำที่เรียกว่าไม่ไว้หน้า ทำให้เด็กสาวที่นิ่งเงียบมาตลอดทำท่าจะตรงรี่เข้ามาขวาง

แต่ทั้งคู่ก็ถูกเด็กหนุ่มผมทองลากตัวออกไปเสียก่อน...

“ ขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน...”      หัวสีทองก้มให้สองสามทีก่อนจะพยายามลากเพื่อนทั้งสองกลับ แต่เจ้าเด็กผมสีน้ำตาลที่เพิ่งจะหลุดออกมาจากภวังค์ก็ยังคงตะโกนโวยวายไปตลอดทาง

“ มันไม่ใช่ของเล่นนะครับ! พวกผมก็จริงจังกับมันเหมือนที่พวกคุณจริงจังกับรถของคุณนั่นแหละ! ขอร้องละครับ!”     

กว่าเสียงจะเงียบหายไปได้ก็ไม่รู้ว่าเด็กผมทองนั่นจะต้องเหนื่อยขนาดไหนกันนะ ร่างในชุดสีแดงทั้งหลายได้แต่ยืนถอนหายใจกันถ้วนหน้า

ยกเว้นก็แต่นักขับประจำทีมทั้งสองคน...ที่ยังคงมองเด็กพวกนั้นด้วยดวงตานิ่งเฉย

ทั้งๆที่เจ้าของใบหน้าสวยซึ่งล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีเงินก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเด็กพวกนั้น...แต่กลับไม่เคยมีความฝัน ไม่เคยมีความสดใสเหมือนกับเด็กวัยเดียวกันเลย



แต่ก่อนที่การประชุมจะได้ดำเนินการต่อไป เสียงของวิศวกรสาวก็เอ่ยออกมาราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรได้

“ นี่...ชั้นเพิ่งจะรู้ตัว...ว่าเด็กพวกนั้น...ใช้ภาษาอิตาลีพูดกับพวกเรานี่?”




บางที...

พรหมลิขิต...มันอาจจะรุนแรงกว่าที่คิดก็ได้....













บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่บนเนินในย่านชานเมืองของมาราเนลโล่ ถูกเปิดออกอีกครั้งเมื่อเจ้าของบ้านกลับมา

ขาทั้งสองคู่ก้าวตามกันเข้าไปก่อนจะแยกย้ายไปยังฝั่งของใครของมัน บ้านสีขาวที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านในละแวกใกล้เคียงทำให้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในป่าแห่งนี้กันตามลำพัง

ใช่...ที่นี่คือบ้านพักของนักขับทีมเฟอร์รารี่

จะพูดว่าบ้านพักก็ไม่ถูกนัก ในเมื่อนักขับคนก่อนๆต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเองและไม่จำเป็นต้องให้ทีมจัดหาบ้านให้แบบนี้

การแข่งขันฟอร์มูล่าวันจะทำกันเดือนละประมาณสองครั้ง แต่ละครั้งก็จะกินเวลาสามวัน คือศุกร์ เสาร์ อาทิตย์...แต่ส่วนใหญ่ทีมแข่งมักจะไปเตรียมตัวก่อนหน้านั้นหลายวัน...ทำให้นักขับแทบจะไม่ได้อยู่บ้านของตัวเองเลย เพราะการแข่งขันนั้นเวียนไปทั้งหมด 19 สนาม 19 ประเทศ

หลังจากแข่งเสร็จนักขับจึงจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน

ต่างจากตัวจริงทั้งสองคนในปัจจุบัน...ที่ไม่มีบ้านของตัวเองให้กลับ

เอลวิน สมิธ จึงจัดการให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันที่นี่ เพื่อสะดวกต่อการติดต่อและดูแล




มือบางวางกระเป๋าลงบนโซฟาสีขาวเพียงตัวเดียวที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานทำให้ป่าที่ล้อมรอบอยู่ราวกับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน

ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะรู้สึกผ่อนคลายที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่สำหรับเขาแล้ว....มันไม่ได้รู้สึกต่างอะไรกับการที่ต้องอยู่ในรังหนูสกปรกของแหล่งเสื่อมโทรมในกรุงโรมเลยแม้แต่น้อย

ขนาดชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ เขายังไม่รู้เลยว่าได้มายังไง?

เพราะตั้งแต่จำความได้เรื่องที่รู้เกี่ยวกับตัวเองก็มีอยู่แค่นี้

ร่างบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะขับเอฟวันได้เดินไปยังเคาน์เตอร์ก่อนที่จะหยิบแก้วขึ้นมาเปิดน้ำจากก๊อกแล้วดื่มเข้าไปอย่างไม่คิดอะไร นัยน์ตาสีมรกตที่ไม่สะท้อนสิ่งใดเหลือบมองไปยังอาคารอีกหลังที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของเฉลียงไม้ แสงไฟที่เปิดเอาไว้ทำให้รู้ว่ารีไวคงเข้าไปถึงแล้วเช่นกัน

นานแค่ไหนแล้วนะ...ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน.....

มันอาจจะเท่าๆกับอายุของเขาเลยก็ว่าได้....



เพล้ง!!!!



แก้วที่แตกไม่ใช่แก้วที่อยู่ในมือของ โกคุเดระ ฮายาโตะ




แต่เป็นแก้วที่หล่นลงมาจากโต๊ะที่ตั้งอยู่ในบ้านอีกฝั่ง...




นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเศษแก้วที่พื้นด้วยสายตาเมินเฉย...เช่นเดียวกับที่ใช้มองเลือดซึ่งไหลลงไปเป็นทางจากปากแผลบนแขนที่โดนแก้วบาด

เพราะรู้ว่าแค่นี้ไม่ถึงตาย จึงไม่ได้คิดที่จะทำอะไรกับมัน….

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ให้ความรู้สึกว่าแข็งแกร่งเดินออกไปจากบ้าน....พอเห็นเลือดแล้วก็นึกอยากจะขับรถขึ้นมา....เพราะมันคงเป็นทางเดียวที่จะใช้ระบายออก

สองขาก้าวไปยังโรงจอดรถ...เฟอร์รารี่สีแดงสดจอดอยู่สองคัน...มันคือเฟอร์รารี่ทั่วไปไม่ใช่ฟอร์มูล่าวันที่ใช้ในการแข่ง

F12 Berlinetta เป็นของเขา ทว่า...พอรู้ตัวว่าไม่ได้หยิบกุญแจมาจึงหันไปหารถอีกคันที่จอดอยู่ข้างๆกัน

California เปิดประทุนเป็นของเจ้าเด็กหัวเงินนั่นและมันก็มักจะคากุญแจเอาไว้เสมอ

ขาจึงก้าวเข้าไปในเฟอร์รารี่สปอร์ตสีแดงก่อนจะขับออกไปโดยไม่คิดจะขออนุญาตเจ้าของเลยสักนิด...ยังไงซะระหว่างพวกเขาสองคน...ของของอีกคนก็เหมือนของของตัวเอง




เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยทำให้นัยน์ตาสีมรกตหันไปมองก่อนจะเห็นท้ายรถของตัวเองกำลังเลี้ยวออกไปจากถนนหน้าบ้าน

ใบหน้าสวยยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่รถราคามหาศาลคันนั้นจะถูกเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่างบอบบางเดินออกจากบ้านฝั่งขวาของตัวเองแล้วก้าวข้ามเฉลียงไม้ซึ่งมีรูเจาะเอาไว้ตรงกลางเพื่อให้ต้นหูกระจงโตขึ้นมาแผ่กิ่งก้านสาขาจนสูงใหญ่

และก่อนที่จะได้ก้าวเข้าตัวบ้านที่อยู่ทางฝั่งซ้ายสายตาก็เหลือบไปเห็นหยดเลือดเล็กๆติดอยู่ที่พื้นเข้าเสียก่อน....ทั้งๆที่ปกติแล้วจะเป็นคนสะอาดมากจนไม่คิดว่าจะมาจากที่ที่สกปรกเหมือนกับเขา...แต่นี่ออกไปทั้งๆที่ยังไม่เก็บแม้แต่เศษแก้วที่แตกอยู่บนพื้นแบบนี้....

เอาอีกแล้วหรอหมอนั่น....

มือคว้ากุญแจรถคันที่เหลืออยู่อย่างตั้งใจจะตามไป เพราะรู้ว่ารีไวคงได้ไปก่อเรื่องแน่ถ้าอยู่ในอารมณ์ไม่สนใจอะไรขนาดนี้...ระหว่างพวกเขาถึงแม้จะมีคำพูดให้กันไม่มากแต่หากก็เป็นคนที่อยู่ด้วยกันมานานจนปล่อยไปไม่ได้

สองสามนาทีถัดมา F12 Berlinetta ก็พุ่งทะยานตามออกไป









ถึงจะไม่แรงเท่ารถที่ใช้แข่งในฟอร์มูล่าวัน แต่สายลมที่ปะทะใบหน้าด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ทำให้รู้สึกโล่งได้เหมือนกัน 

Ferrari California วิ่งออกถนนเลี่ยงเมืองซึ่งมักจะไม่มีใครใช้ในเวลาพลบค่ำแบบนี้ หลังจากที่วิ่งตรงไปเรื่อยๆพอรู้ตัวอีกที สำนักงานใหญ่ของเฟอร์รารี่ก็มองเห็นอยู่ตรงหน้า

เขาไม่ได้คิดจะสนใจแต่ในขณะที่กำลังจะเหยียบคันเร่งฝ่าไฟแดงเพราะไม่มีรถสักคันเนื่องจากเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว นัยน์ตารีขวางก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของใครบางคนเข้าเสียก่อน

และถึงจะไม่ได้อยากจำ แต่นัยน์ตาสีมรกตซึ่งคล้ายกับฮายาโตะ ก็ทำให้เขาไม่อาจจะลืมหน้าของเด็กนั่นไปได้จากรถที่ตั้งใจจะฝ่าไฟแดงจึงหยุดกึกลงหลังเส้นแบบพอดิบพอดี...เจ้าเด็กนั่นมันมาทำอะไรที่นี่กัน?

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองผ่านกระจกมองข้างอย่างไม่ให้เด็กนั่นรู้ตัว ท่าทางด้อมๆมองๆชะเง้อชะแง้อยู่หน้าประตูสำนักงานใหญ่ทำให้เผลอคิดไปว่าเจ้าเด็กหัวสีน้ำตาลนั่นมันจะแอบงัดเข้าไปหรือยังไง....ก็นับว่ากล้าใช้ได้เลยนะ

แต่เขายังประเมินความกล้าบ้าบิ่นของเด็กนั่นน้อยไป.....

เพราะเมื่อเขาตั้งใจจะขับรถจากไป ใบหน้ามนก็หันมาเห็นเข้าพอดี แล้วสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น

เมื่อจู่ๆร่างโปร่งบางก็กระโดดมาขวางเฟอร์รารี่ที่กำลังออกตัว!!



เอี๊ยดดดดดด!!!!



เสียงเบรกดังสนั่นหวั่นไหว ยังดีที่เขาตาไวและก็ยังดีที่รถคันนี้คือเฟอร์รารี่ที่สามารถลดความเร็วจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลงมาเป็นศูนย์ได้ภายใน 3 วินาที!

“ อยากตายรึยังไงไอ้หนู”      เสียงนิ่งเอ่ยออกไปด้วยความหงุดหงิดเพราะไม่ชอบให้ใครหรืออะไรมาขวางเวลาที่กำลังขับรถ

“ คุณรีไว!!!”      ใบหน้ามนเรียกชื่อเขาด้วยดวงตาระยิบระยับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรไปมากกว่าคำว่าน่ารำคาญ....เพราะรู้ดีว่าทุกคนที่เข้าใกล้เขาก็แค่หวังประโยชน์อะไรสักอย่าง แฟนๆก็หวังจะได้ใกล้ชิด นักข่าวก็หวังจะทำข่าว....ไอ้เจ้าเด็กตรงหน้าเองก็เช่นกัน

มันก็แค่อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับรถจากเขาก็เท่านั้น....

“ ขอร้องละครับ! ช่วยผมหน่อย เอาเท่าที่คุณรู้ก็ได้!”      เขามองร่างโปร่งบางที่ยังขอร้องอย่างไม่ยอมแพ้อยู่หน้ารถและดูท่าว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรเด็กนั่นก็คงจะยื่นขวางอยู่แบบนั้นไม่ไปไหนแน่......ชัยชนะมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง?

“ คุณรีไว....”       น้ำเสียงที่อ่อนลงมีแววอ้อนนิดๆ แต่บอกตามตรงว่ามันไม่สามารถทำให้เขาใจอ่อนลงได้หรอก

ประตูรถถูกเปิดออกก่อนที่เขาจะก้าวขาลงไปด้วยใบหน้านิ่งสนิท  ฝ่ามือจับลงไปที่ข้อมือของเด็กนั่นก่อนจะบีบเต็มแรงจนคนที่สูงกว่าเล็กน้อยถึงกับนิ่วหน้า ร่างโปร่งบางเซถลาไปตามแรงลาก แล้วเด็กนั่นก็ถูกเขาเหวี่ยงเข้าไปให้นั่งอยู่บนเบาะข้างๆคนขับ ก่อนที่เขาจะกลับมาประจำตำแหน่งเดิม

ใบหน้ามนหันมามองเขาด้วยสีหน้าเลิ่กลัก....ก็นับว่ายังดีที่มีความกลัวอยู่บ้าง....เขาจะได้จบเรื่องนี้ได้ง่ายๆหน่อย

เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง จู่ๆ เฟอร์รารี่สีแดงสดก็กระชากตัวออกไปด้วยความเร็วที่ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยได้แต่สะดุ้งโหยง ไมล์หน้ารถพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนใบหน้ามนหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด

“ คะ คุณรีไว....นี่มันไม่ไวเกินไปหรอครับ...”       เด็กนั่นหันมาถามเขาด้วยเสียงสั่นๆ มือที่เกาะเบาะแน่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังกลัว....แต่เขาก็ไม่คิดจะลดความเร็วลง


เพราะนี่ไม่ใช่การขับรถชมนกชมไม้....แต่เขาต้องการจะสอนให้เด็กนั่นรู้

ว่าฟอร์มูล่าวันไม่ใช่ของเล่น...แต่ทุกวินาทีคือลมหายใจ

ถ้าแค่นี้ยังทนไม่ได้ก็เลิกมันไปซะ


ขายังคงเหยียบคันเร่งให้เข็มไมล์พุ่งขึ้นกว่าเดิม และเมื่อนัยน์ตาเย็นชาแลเห็นว่าคนข้างๆกำลังหลับตาแน่น มือข้างที่อยู่ใกล้ก็คว้าไปที่คอเสื้อของเด็กนั่น

“ ลืมตาขึ้นมา...นายอยากเห็นไม่ใช่หรอว่าเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่ทำงานยังไง?”       เขาจงใจใช้น้ำเสียงเย้ยหยันน้อยๆ และต่อให้นัยน์ตาสีมรกตที่เปิดขึ้นมาจะมีน้ำตาปริ่มด้วยความกลัวหรือร่างกายที่เขาจับคอเสื้อเอาไว้จะสั่นจนรับรู้ได้...ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ไม่ทำให้เขาสงสารหรือเห็นใจ

คนที่ชื่อ รีไว ก็โหดร้ายแบบนี้แหละ...ขอให้จำเอาไว้


Ferrari California ยังคงทะยานไปทั่วมาราเนลโล่รอบแล้วรอบเล่า เพราะคนขับตั้งใจจะทำให้คนข้างๆเข็ดขยาดจนไม่กล้ามายุ่งกับตนอีก

ความเย็นชาและไร้หัวจิตหัวใจทำให้ร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับกัดริมฝีปากแน่น ทั้งๆที่ร่างกายกำลังสั่นกลัวราวกับลูกนกที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของมัจจุราช แต่ดวงตาสีมรกตกลับยังคงแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ และเป็นเพราะอีกฝ่ายยังคงสนุกสนานกับการได้กลั่นแกล้งคนไม่มีทางสู้จึงไม่ได้รับรู้ถึงสายตาคู่นั้นเลย


เข็มไมล์ค้างอยู่ที่ขีดสุดท้ายมานานก่อนจะลดความเร็วลงฮวบฮาบเมื่อต้องเข้าโค้ง จนคนข้างๆได้แต่หลับตาแน่นก่อนจะถูกบังคับให้ลืมตาขึ้นมาใหม่เมื่อความเร็วถูกเร่งขึ้นอีก สภาพข้างทางที่มองตามไม่ทันรวมทั้งความดันต่างๆที่เปลี่ยนไปทำให้ร่างโปร่งบางเริ่มทนไม่ไหว ข้างในรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอมและมันก็คงจะแสดงออกมาทางสีหน้าที่ซีดเผือด


เอี๊ยด!!!!


และในที่สุดเฟอร์รารี่สีแดงสดก็หยุดลงหลังจากผ่านไปไม่รู้กี่ชั่วโมง...ไม่ใช่ว่าคนกระทำจะรู้สึกสงสาร....ก็แค่น้ำมันใกล้จะหมดก็เท่านั้นเอง

ทันทีที่รถหยุดนิ่งร่างโปร่งบางก็เปิดประตูพรวดพราดลงไป มือที่ปิดปากเอาไว้เปิดออกแทบไม่ทัน คนที่ไม่คุ้นเคยกับความเร็วระดับนี้ถึงกับอ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง มือที่ยันต้นไม้อยู่ถึงกับสั่นระริก และภาพทั้งหมดนั้นมันก็ทำให้คนกระทำรู้สึกพึงพอใจ

“ หึ...เลิกตอแยพวกชั้น แล้วกลับไปเล่นของเล่นของนายเงียบๆไป”      น้ำเสียงติดจะหัวเราะน้อยๆทำให้ใบหน้าที่ยังน้ำหูน้ำตาไหลหันกลับมามองด้วยความแค้นเคือง

“ มันไม่ได้เป็นแค่ของเล่น...และถึงคุณจะปฏิเสธยังไงผมก็จะไม่ยอมแพ้!....อุบ....”       ยังไม่ทันจะเถียงได้กี่คำใบหน้ามนนั่นก็ต้องหันกลับไปอ้วกใส่โคนต้นไม้อีก และเพราะความดื้อดึงของอีกฝ่ายทำให้คนที่อยู่หลังพวงมาลัยถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาอีก

เฟอร์รารี่สีแดงสดพุ่งทะยานออกไปโดยไม่ได้สนใจคนที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้....ปล่อยให้เด็กคนนั้นตะโกนร้องเรียกอย่างน่าสงสารอยู่บนถนนเปลี่ยวๆตามลำพัง


ใบหน้านิ่งมองไปบนถนนอย่างอารมณ์ไม่ดี.....เขาไม่รู้สึกผิดหรอกที่ทำกับเด็กนั่นแบบนั้น เพราะเขามันเป็นผู้ชายที่โหดร้าย

จะบอกให้ว่าเรื่องชั่วช้ากว่านี้เขาก็ทำมันมาหมดแล้ว




Ferrari California พุ่งเข้าไปเสียบในโรงจอดรถอย่างที่ดูก็รู้ว่าคนขับยังคงอารมณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลาจะยังนิ่งเฉยแต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ายังคงหงุดหงิดมาก

เด็กบ้านั่นมันน่ารำคาญชะมัด โดนไปขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ยอมแพ้....


แต่แล้วความหงุดหงิดใจก็แทบจะหายไปเมื่อมองเห็นว่ารถอีกคันไม่ได้จอดอยู่ข้างๆกัน

ฮายาโตะไปไหน?

สองขาก้าวเร็วๆเข้าไปในบ้านทางฝั่งขวาของเด็กนั่นก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า...

“ ชริ.....”      ริมฝีปากเผลอสบถออกมาเมื่อหาตัวอีกฝ่ายไม่เจอ....ไม่ได้เป็นห่วง....เพียงแต่ละสายตาจากไปไม่ได้ก็เท่านั้นเอง









ใบหน้าสวยกวาดตามองหาเฟอร์รารี่ป้ายทะเบียน 59 ของตัวเอง ทั้งๆที่เมืองมาราเนลโลก็ไม่ได้กว้างใหญ่แต่ทำไมถึงไม่ขับรถสวนกันเลย?

ใบหน้าเรียบเฉยเงยมองสัญญาณไฟแดงข้างหน้าก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปดูในย่านตัวเมือง ถึงจะไม่คิดว่ารีไวจะเข้าไปขับในนั้นก็ตาม แต่ความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะแค่ออกมาซื้อของมันก็ยังมี

ถนนในย่านตัวเมืองยังคงเต็มไปด้วยรถรา ถึงจะไม่มากเท่าช่วงหัวค่ำแต่มันก็ทำให้เขาไม่อาจจะขับเร็วได้เท่าปกติ

และในขณะที่ดวงตาสีมรกตยังคงตั้งใจทำหน้าที่ของมัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ทำให้ใบหน้าสวยหันไปมองรอบกายอย่างสงสัย


ปัง!! ปัง!! ปัง!!


เสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของผู้คนในละแวกนั้น รถหลายคันจอดนิ่งอย่างไม่กล้าขยับต่างกับ Ferrari F12 Berlinetta ที่ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเสียงปืนนั่น

มันจะแปลกอะไรกับดินแดนที่เต็มไปด้วยมาเฟียอย่างอิตาลี

แล้วเมื่อก่อนนี้เขาก็คุ้นเคยกับเรื่องใต้ดินพวกนี้ดี....


แต่แล้วเฟอร์รารี่สีแดงที่ไม่คิดจะลดความเร็วลงเพราะเสียงการต่อสู้ ก็ต้องทดสอบสมรรถภาพการเบรกของรถจนดังลั่น


เอี๊ยดดดด!!!!


เมื่อจู่ๆก็มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กระโจนออกมาตัดหน้าพร้อมกับกลิ้งข้ามฝากระโปรงรถก่อนจะไถลตัวมายังที่นั่งข้างคนขับ ประตูถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนที่อีกฝ่ายจะเหวี่ยงตัวเองเข้ามาแล้วบอกกับเขาด้วยลมหายใจหอบหนักว่า

“ ขับต่อไปสิ...แฮ่ก...แฮ่ก.....”       เสียงทุ้มไม่ได้เอ่ยบอกเพียงอย่างเดียว แต่คมดาบในมือก็วางพาดมาที่ลำคอของเขาด้วย

“ ...........”        ใบหน้าสวยไม่ได้เอ่ยอะไรแต่มือบางก็ขยับเข้าเกียร์ให้เฟอร์รารี่สีแดงกระชากตัวออกไปอีกครั้ง...เขาไม่ได้กลัวการข่มขู่...แต่เลือดที่ไหลเลอะลำตัวของหมอนั่นต่างหากที่ทำให้เขายอมทำตาม

เปล่า...เขาไม่ได้สงสาร....เพียงแต่นึกสนุกขึ้นมา...แล้วก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะหนีรอดไปได้ซักกี่น้ำ

“ หายไปไหนแล้ววะ?!! เฮ้ย!! เฟอร์รารี่คันนั้น!!”       เสียงตะโกนดังอยู่ข้างหลังก่อนที่เสียงปืนจะไล่ตามมา พวงมาลัยหักเลี้ยวหลบกระสุนได้อย่างชำนาญแต่การตามล่าก็ยังไม่สิ้นสุด เมื่อรถสีดำหลายคันไล่บี้มาทันที

แต่ใบหน้าสวยของคนขับเฟอร์รารี่ก็ยังคงนิ่งเฉย นัยน์ตาสีมรกตยังคงมองตรงไปข้างหน้าและไม่ว่าจะโค้งไหนๆรถคันนี้ก็ผ่านมันไปได้โดยที่ความเร็วไม่ตกแม้แต่วินาทีเดียว


โครม!!!!


ต่างจากรถที่ตามมาข้างหลังซึ่งคิดว่าจะทำได้เหมือนเฟอร์รารี่คันนั้น ทว่า หากใจไม่ถึงพอก็คงเลียนแบบกันไม่ได้ง่ายๆ รถสีดำหลายคันถูกล่อลวงให้พุ่งเข้าไปชนกำแพงหรือไม่ก็แหกโค้งไปจนไฟลุกท่วม

แต่เสียงปืนก็ยังดังไล่หลังมาไม่ได้หยุด

“ นี่...ไม่มีปืนบ้างหรือไง ยิงสวนไปสิ”       ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยออกมาเป็นคำแรกและมันก็เป็นประโยคที่ทำเอาร่างสูงได้แต่ยิ้มอย่างชอบใจ มือใหญ่เก็บดาบไปนานแล้วก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะนั่งมองการขับรถที่แสนจะเร้าใจของร่างบอบบางข้างๆ

“ ไม่มีหรอก...เพราะอาวุธของชั้นคือเจ้านี่”     มือขยับดาบนิดหน่อยก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเหยียดมองมาราวกับว่าเขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์

“ ฮึ....”      ใบหน้าคมเผลอหัวเราะออกไป รู้สึกถูกใจความเย็นชาและใบหน้าสวยที่ดูเย่อหยิ่งนั่นจริงๆ


ขอเล่นสนุกด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน...

แทนคำขอบคุณจากเพชฌฆาตอย่างเขา....


แล้วใบหน้าคมก็ยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากฝังรอยจูบลงไปบนแก้มใสให้ดวงตาสีมรกตได้แต่เบิกกว้าง


“ แก!!”      ใบหน้าสวยแดงเถือกหันมาหาเรื่องทันทีที่ริมฝีปากละออกไป

“ โอ๊ะๆ ความเร็วตกแล้วนะ”      แต่ใบหน้าคมก็ยังคงยิ้มระรื่นทำให้ใบหน้าสวยที่นิ่งสนิทอยู่เสมอถึงกับกระฟัดกระเฟียดก่อนจะหันไปเหยียบคันเร่งต่อ


ก็ได้...อยากลองดีกับนักขับฟอร์มูล่าวันอย่างเขานักใช่ไหม? แล้วจะบอกให้นะว่าไอ้รอยยิ้มนั่นมันไม่ได้เข้ากับหน้าดาร์กๆของแกเลยไอ้บ้า!

มือบางกำพวงมาลัยอย่างเจ็บใจก่อนที่นัยน์ตาที่เย็นชาอยู่เสมอจะลุกโชนขึ้นมา


เอี๊ยดดดดดด!!!


แล้วรถที่กำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าก็ถูกบังคับให้ดริฟท์กลับมาจนควันตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นไหม้ของยาง

ตอนนี้เฟอร์รารี่สีแดงกำลังหันมาเผชิญหน้ากับรถสีดำที่ตามมา ใบหน้าสวยหันไปเหยียดยิ้มกับคนข้างๆ แต่ใบหน้าคมก็ไม่ได้สะทกสะท้านแม้ว่าตนจะนั่งอยู่ในฝั่งที่ต้องสวนกับรถสีดำพวกนั้นก็ตาม

“ โอเค...อย่าทำชั้นตกลงไปล่ะ”       ร่างสูงหัวเราะสบายๆก่อนจะปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ


เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้นทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงไปบนคันเร่ง เฟอร์รารี่สีแดงสดพุ่งด้วยความเร็วสูงสุดกลับมา และชั่วพริบตาที่รถสวนกัน....


ตู้มมมมม!!!!!


เสียงระเบิดไม่มีที่มาที่ไปก็ดังขึ้นทันที

นัยน์ตาสีมรกตมองกองเพลิงจากกระจกมองหลัง ก่อนที่ร่างสูงจะโหนตัวกลับเข้ามานั่งลงยังที่เดิม



เพราะต่างฝ่ายต่างอยู่กันคนละวงการ จึงไม่ได้รู้เลยว่าต่างก็เจอระดับเอสคลาสด้วยกันทั้งคู่



“ นี่.....”     คนที่กุมพวงมาลัยเอ่ยเรียกร่างสูงที่ทำท่าปวดแผลก่อนจะสลบไป

“ นี่!!”      มือเอื้อมไปเขย่าตัวคนที่นอนนิ่งอยู่บนเบาะข้างๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง....หมอนี่เป็นใครและเขาควรจะเอามันไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหน?

“ ฮึ่ม....”       ใบหน้าสวยได้แต่งอหงิกอย่างที่ปกติจะไม่ทำให้ใครเห็น

ช่างมันแล้วกัน! อยากจะนอนอยู่ในรถแบบนี้ก็ตามใจ!


แล้ว F12 Berlinetta ก็เลี้ยวกลับเข้ามาในบ้าน ร่างบอบบางเดินตัวปลิวออกไปจากรถโดยทิ้งอีกคนเอาไว้แบบนั้น....



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“ ชริ!!!!”       แล้วเสียงสบถก็ดังขึ้นพร้อมกันเมื่อสองนักขับของทีมเฟอร์รารี่เดินมาเจอกันเข้าที่เฉลียงไม้ ใบหน้าที่ดูหงุดหงิดของทั้งคู่ต่างสะบัดไปคนละทาง ก่อนที่ต่างฝ่ายจะเดินกลับไปที่โรงจอดรถพร้อมๆกัน

โดยที่คนผมดำกลับขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยของ Ferrari California ก่อนที่มันจะทะยานออกจากบ้านอีกครั้ง

ส่วนคนผมเงินก็กระชากประตู F12 Berlinetta ออกก่อนจะพยายามลากร่างสูงใหญ่ที่ไม่ได้สติลงมา






ก็บอกแล้วไงว่า



พรหมลิขิต...มันรุนแรงกว่าที่คิด....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.






กร๊ากกกกก มีคนตอบถูกด้วยค่ะจากคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วว่า ชื่อเรื่องนี้มากจาก MMD GLIDE ขออนุญาตแปะซะเลย คือชอบมากอ่ะ mmd ทำออกมาได้อย่างเท่ห์ มุมกล้องสุดยอดมากอ่ะ ชอบเสียงคนร้องด้วย ชอบดนตรีด้วย แล้วยิ่งเนื้อนี่ยิ่งกรี๊ดดดดด ฟังแล้วอยากจิแต่งฟิคดาร์กๆเท่ห์ๆซักเรื่องเลยอ่ะ โฮวววววว






แล้วก็ ตอนนี้คุณกวางกำลังเมาศัพท์เทคนิคของ ฟอร์มูล่าวันค่ะ ข้อมูลมันเยอะมากกกกกกกก แถมไม่มีใครเขียนให้อ่านแบบเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ ต้องอ่านตามข่าวบ้างอะไรบ้างแล้วเอามาประติดประต่อกันเอง *ทรุด* กฎกติกาหลายๆอย่างเก๊าก็เพิ่งจะรู้นี่แหละ เมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ แต่พอยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่า แม่งเป็นกีฬาที่เท่ห์สลัดเบยค่ะ โฮกกกกกกก ตอนนี้อยากเห็นเฮย์โจวกับหนูก๊กในชุดแข่งทีมเฟอร์รารี่มาก อร๊ากกกก หนูก๊กที่อยู่ในชุดหมีสีแดงถือหมวกกันน็อคคงจะน่าร้ากกกกกก ส่วนเฮย์โจวที่ยืนตาขวางราวกับจะขว้างหมวกกันน็อคมาก็คงจะเท่ห์โฮกเลยเนอะค่ะ >////<

เอาเป็นว่าจะค่อยๆเขียนอธิบายศัพท์เท่าที่ตัวเองรู้มาคร่าวๆให้ฟังนะค้า

อย่างแรกคือ...Formula one , ฟอร์มูล่าวัน , เอฟวัน , รถสูตรหนึ่ง  นี่คือความหมายเดียวกันนะคะ แต่ชื่อเรียกต่างกันเฉยๆ

การแข่งรถฟอร์มูล่าวัน เป็นการแข่งแบบสะสมคะแนนไปเรื่อยๆค่ะ เค้าก็แข่งกันทั้งปีเหมือนฟุตบอลนั่นแหละ แต่ว่าจะแข่งเวียนไปประเทศละสนาม มี19สนามแข่ง แล้วก็การแพ้ชนะก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักขับเพียงอย่างเดียว ทั้งทีมวิศวกรและช่างเทคนิคต่างๆล้วนสำคัญพอๆกัน คือนอกจากนักขับแล้ว ตัวรถเองก็ยังต้องมีการทุ่มทุนมหาศาลในการพัฒนาให้มันวิ่งได้เร็วที่สุดด้วย เพราะฉะนั้นนอกจากรางวัลประเภทนักขับแล้ว ยังมีรางวัลประเภททีมด้วยค่ะ

ในแต่ละทีมจะมีนักขับตัวจริงแค่สองคนเท่านั้น ก็ลงพร้อมกันทั้งคู่นั่นแหละ ในเรื่องวิธีการแข่งข้าพเจ้าจะค่อยๆเขียนแทรกลงไปในเนื้อเรื่องเรื่อยๆแล้วกันนะคะ

มาดูอะไรแดงๆ(?)กันบ้าง555  โอยยย ตรูละชอบทีมเฟอร์รารี่จริงๆ คือมันแดงแรงสามเท่าได้ใจมากอ่ะ ไม่ว่าอะไรก็แดงไปหมด >/////< แล้วจะเห็นว่าไอ้ที่ข้าพเจ้าเขียนแดงแล้วแดงอีกในฟิคเนี่ย มันมิได้เกินความเป็นจริงเลย555

เริ่มจาก



Ferrari F138 รถที่ใช้แข่งปีล่าสุดค่ะ







ต่อไปก็ชุดนักขับ...แสดงแบบโดย อลองโซ่ และ มาสซ่า







อันนี้น่าจะเป็นใน Pit Garage (พิตการาจ) อยู่ข้างๆสนามนั่นแหละ คือข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเวลาเข้าพิต (เปลี่ยนยาง) ในเวลาแข่งเค้าทำกันหน้า พิตการาจของตัวเองหรือเปล่า? แต่ตอนเข้าพิตนี่เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก คือใครจะรู้ว่าโลกมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนยาง 4 ล้อได้ด้วยเวลาไม่ถึง 3 วินาที =[ ]=!! คือล้อนึงจะมีคนดูแลอยู่ 3 คน คอยดึงยางเก่าคนนึง ยิงน็อตคนนึง และใส่ยางใหม่คนนึง ดูทีไรก็รู้สึกว่าสุดยอดดดดทุกที





ดูตามไม่ทันว้อยค่า =[ ]=








พิตวอลล์ ที่น่าจะเอาไว้สื่อสารกับนักแข่งตอนลงสนาม ดูความแดงโดดเด่นของมัน แม้แต่เก้าอี้ยังแดง!!!  คือเท่าที่อ่านดูรู้สึกว่ารถแต่ละคันจะมีวิศวกรเป็นของตัวเองนะ ถ้าดารามีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแล นักขับเอฟวันก็จะมีวิศวกรคอยดูแลอะไรงี้ไหม?






ส่วนอันนี้ Motor Home หรือบ้านเคลื่อนที่นั่นเอง คือข้าพเจ้าไม่รู้ถึงกลไกของมันนะว่ามีการถอดประกอบยังไง แต่คิดว่า แม่งน่าทึ่งไม่ได้แพ้รถเอฟวันเลยอ่ะ เพราะไอ้รถคันนี้มันจะไปไหนไปด้วยกับทีมแข่งค่ะ แล้วแต่ละทีมก็ดีไซน์กันอย่างสนุกสนานอ่ะ น่าร้ากกกก คือเท่าที่ดูจากภายนอกมันเหมือนจะเป็นคอนเทรนเนอร์สองอันซึ่งมีโครงเชื่อมตรงกลางอ่ะ ไอ้ส่วนตรงกลางนี้ก็น่าจะเป็นส่วนที่ถอดประกอบได้เอาไว้สำหรับเป็นที่ทานอาหาร นั่งเล่น อะไรงี้ คือทีมเอฟวันมันไม่ได้พัฒนาแต่รถแข่งเท่านั้นแต่ยังพัฒนาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย






แล้วนี่ก็รถบรรทุก....อย่างแดง >w<




ต้องขอขอบคุณข้อมูล จาก









และอีกมากมายที่มิได้กล่าวไว้ค่ะ ขอบคุณค่ะ



แล้วเจอกันตอนหน้าค่า






10 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา

    คุณนักซิ่งแต่ละคนนี่บาดใจแท้ เฮย์โจวเหมาะกับอะไรเร็วๆจริงๆนะคะ ดูแบบเตรียมจะเหยียบมิดคันเร่ง พุ่งทะยานออกไปปปปปปปปปปป

    เอเลน....น่ารักอะลูก ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหมือนเดิม รถบังคับวิทยุคือชีวิตสิน้าาาาาาาาาาาา

    ข้อมูลรถไว้ทีหลัง.... ซื้อใจคนขับก่อนดีกว่าจ้ะ ฮา

    ตอบลบ
  2. อรั้ย!

    เอเลนน่ารักมากค่ะเรื่องนี้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
    ขนาดเกือบโดนฝ่าเท้าของคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังตามไม่เลิกรา
    ป๋าโหดร้ายอะ ทิ้งเอเลนไว้อย่างนั้น ระวังเหอะ จะโดนคาบไปก่อนกลับไปเจอ ชิ
    ทำไมนะทำไม น่ารักออกอย่างนั้น ทำไมไม่พก?? กลับบ้านไปด้วยเล่า!

    ดูเหมือนยามะจะเนียนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยนะ
    แก้มหนูก๊กน่ะ หอมมิ ๆ >_<
    นึกภาพตาเนียนแอบ?? เข้ามานั่งข้าง ๆ คนงามท่ามกลางสงคราม??
    แล้วทำให้อยากดูหนังแอคชั่นขึ้นมาเลยอะ
    นักฆ่า vs นักแข่ง อรั้ยยย

    ดูเหมือนทั้งหนูก๊กและรีไวล์จะผูกพันกันมากเลยสินะคะ
    ถึงจะไม่ค่อยจะพูดกัน แต่ก็ผูกพัน ละสายตาจากกันไม่ได้
    (พยายามไม่คิดไปไกล แต่ถ้าสมมุติว่ามันจะมีบ้างเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรนะ
    ตามอ่านงานเขียนพี่กวางเสมอ อีกอย่างไม่ได้ดาเมจอะไรมากมาย
    เพราะสุดท้ายสมการมันก็บอกจากชื่อเรื่องอยู่แล้วนี่น๊า 555)

    ปล.ถ้าเห็นคอมเม้นท์นี้แล้ว เข้าไปหลังไมค์นะคะ
    แปะ... มาให้อีกแล้ว

    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ^^

    ตอบลบ
  3. อะไรของแกร๊ร๊ร๊ ยาม๊าาาา มันจะพอดีไปหน่อยมั้ยห๊าาาาา พอดีปานพรหมลิขิต อยู่ๆก้ปีนมานั่งรถเค้าแล้วมาคืดเองเออเองว่าไอ้การเเต๊ะอั๋งนั่นเป็นการขอบคุณ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ทำไมฉากเจอกันเรื่องนี้มันเร้าใจจังค้าพี่กวาง ขวัญสครีมไม่ถูกเลยอะ สวยละสิ!!ขึ้นมาเจอความสวยทีลืมความเจ็บจากแผลเลยใช่ปะ ตอนแรกแกแค่จะแย่งรถเค้าแบบในจีทีเอใช่ปะยาม๊าาาา //ขอหอบสองวิ

    ก๊กอย่าไปเชื่อม๊านนน อีตาตัวเนียนนี่มันแกล้งสลบหวังคะแนนสงสารลูก!! ปล่อยมันนอนอยู่ในโรงรถนั่นแหละ ส่วนยามะสลบให้มันเนียนๆเข้าบ้านแล้วจับกดโลด(ตกลงพวกใคร)

    ก๊กกับเฮย์โจวดูผูกพันกันน่าดูเลยนะ แอบห่วงกันไปห่วงกันมาเหมือนพี่ชายน้องสาว ประทัทับใจท่าเตะของเฮย์โจวมากคะ ประหนึ่งได้เห็นการบิดเอวอันทรงเกียรติ(หลบเท้า)ใส่ว่าที่ภรรยาในอนาคต อย่างที่บอกไป การเปิดตัวแต่ละคู่ในเรื่องนี้มันเร้าใจจริงๆ ฮาาา เอเลนกดื้ออออออได้น่ารักสุดๆ จะอยากเอาชนะเค้าไปไหนน เดี๋ยวก้แพ้ใจเค้าอยู่ดีแหละ

    พี่กวาง ตอนแรกไม่เห็นในเฟสแหละค่ะ แต่ดันไปเห็นในทวิต "คนแต่งเรื่องห้องที่แสงส่องไม่ถึงแต่งAOT feat 8059 สองตอนแล้วว" วิ่งเข้ามาอ่านแทบไม่ทัน เพราะคิดมา2วันแล้วว่าเฟสพี่กวางเงียบๆแสดงว่าซุ่มปั่นผลงาน(?) ฮาาา สนุกมากเลยค่ะ ขวัญอยากอ่านตอนต่อไปแล้วง่า//วิ่งไปบีบๆนวดๆให้ แหะๆ รักษาสุขภาพด้วยน้า

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ18 กันยายน 2556 เวลา 22:45

    กล้าทิ้งเอเลนเหรอคะคุณรีไวทิ้งไว้แถวไหนคะ ติ่งจะไปตามเก็บ
    แต่อีแทรกเตอร์คูโบต้าของพี่คงไม่ทันเฟอรารี่แน่ๆเลย
    รีไวคะ น้องน่ารักขนาดนั้นถ้ากลับไปแล้วเจอนี่คงแปลก
    ยิ่งดื้อแบบนี้ป่านนี้เดินกลับเองแล้วม้างงงง หรือไม่มิคาสะก็กำลังพลิก
    แผ่นดินหา เอเลนเป็นแบบเดียวกับในเมะเลยน่าร๊ากกกพี่สาวทนไม่ได้แล้ว......
    โดนเตะออกนอกบลอก

    ก๊กสวยเหมือนเดิมชั้นเย็นชา คูลๆ แบบสวยๆ 5555 คนอื่นทำอะไรไม่สน
    แต่พอโดนยามะแหย่นิดๆ นี่หลุดมาดเลย โอยน่ารัก คนสวยหลุด
    ตอนต่อไปไวๆนี้ใช่ไหมคะ มโนเอง
    ขอบคุณค่ะดีใจที่ได้อ่าน

    ตอบลบ
  5. และแล้วมันก็มาบรรจบกันจนได้5555555555
    ยามะยังคงสมฉายาเนียนขั้นเทพ

    รีไวก็ไร้ปราณีเช่นเคย....โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากรุนแรงกะเอเลนนักสิก้าฟฟฟฟฟฟ
    จีบรีไวเอ้ย....พยายามต่อไปเพื่อรถบังคับนะลูกเอ้ยยยยยยย
    ยังเม้นอะไรไม่เยอะเท่าไร...เพราะยังอึนกับการร่วมกันของสองเรื่องนี้ต่อไป
    เรื่องที่พี่แต่งผมไม่งง...แต่มันอึน!!!!

    ตอบลบ
  6. คู่นักซิ่งรjวมชายคานี่ให้ความรู้สึกละมุมอย่าประหลาด
    ชอบที่เฮย์โจวเรียกก๊กว่า ฮายาโตะ จังเลยค่ะ ดูลึกซึ้ง(?)กันดี
    แล้วก็ชอบประโยคที่ว่า"ไม่ได้เป็นห่วง....เพียงแต่ละสายตาจากไปไม่ได้ก็เท่านั้นเอง"ของเฮย์โจวมากค่ะ>//////<
    พรหมลิขิต . . ขอรุนแรงกว่านี้ได้ไหมคะ? แค่นี้มันเบาไป ฮ่าา~//โดนถีบออกนอกบล็อก
    .
    .
    .
    ตอนแรกที่ก๊กขับรถตามเฮย์โจวออกไป แอบคิดว่าก๊กจะไปเจอเอเลนแล้วพากลับมาบ้านซะอีกค่ะ
    แบบสองคนนั้นนั่งรถมาด้วยกัน ซึนใส่กัน มีปากเสียงกันเล็กน้อย คงมุ้งมิ้งน่าดู แฮ่ๆ
    แต่กลายเป็นว่าก๊กไปพาตัวดาร์คเนียนกลับมาอยู่บ้านแทน >///////< ก๊กจะอยู่รอดปลอดภัยมั๊ยเนี่ย!?!
    แล้วที่เฮย์โจวเอารถออกไปอีกนี่ เพื่อไปเอาเอเลนมาไว้ที่บ้านใช่ไหมคะ? อิอิ
    .
    .
    แอบสงสัยนิดนึงค่ะ ในเรื่องคือก๊กรุ่นราวคราวเดียวกับเอเลนก็อายุ~15ขวบใช่ไหมคะ?
    แล้วเฮย์โจวกับยามะอายุเท่าไหร่คะ?
    .
    .
    .
    รอติดตามตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ ^___________^

    ตอบลบ
  7. ขอสารภาพบาป(?) ว่าเค้าแอบมาอ่านสองวันถ้วนแล้ว
    ถึงขั้นกระเสือกกระสนอ่านในห้องประชุม(?)ยันยืนรอเรียกรถแท็กซี่(?)
    #ชีวิตทรหดไปไหน 55555
    และเพราะเค้าเพิ่งจะมีพลังงานชีวิตเหลือพอที่เปิดโน้ตบุคเก่าๆง่อกง่อย(?)ของตัวเอง
    ก็เลยเพิ่งได้มา comment เค้าไม่อยากแก้ตัว(?) เค้าเลยมาสารภาพบาปแทน(?)
    #ตกลงมันสำนึกมั้ยเนี่ยยย

    จะบอกว่าฟิคเรื่องนี้มันจะพาใจให้กระชุ่มกระชวยมากกกกกไปแล้ววววว > ___ <
    ที่ผ่านมาเราไม่ได้สนใจพวกรายละเอียดพวกการแข่งรถเลย
    แต่พวกบรรยากาศเกี่ยวกับพวกนักแข่งก็ยังพอมีคุ้นเคยอยู่บ้าง
    คุ้นจากการมองดูคุณน้องชายตัวเองเปิดดูพวกรายการแข่งรถ
    แต่เพราะกวางซามะบรรยายบรรยากาศมันออกมาได้เจ๋งสะบัดมากๆๆๆๆๆ
    เลยทำให้เราตระหนัก(?)ได้ว่าฟิคแนวแข่งรถมันโฮกฮากกกกกกกมากจริงจัง
    อะไรจะโฮกฮากกกกได้ขนาดเน้~~~~~~~~

    และ....แน่นอนว่าเราปลื้มการทำงานของท่อนขาที่เคารพ(?)มาก 555555555
    การทักทายภรรยา(?)ตอนเจอกันครั้งแรกด้วยท่อนขาแบบนั่นน่ะ!!!!!!!!
    จะถูกใจมากเกินไปแล้วววววว มันคือสไตล์(?)ใช่มั้ยน่ะหือออออเฮย์โจว~~~~
    สไตล์ที่ว่าพอเจอคนถูกใจ ท่อนขาจะพุ่งประเคน(?)แผ่อณาเขต(?)ไปแสดงความเป็นเจ้าของ(?)ทันที
    #55555555 มันคิดบ้าอะไรของมัน

    แล้วก็...ไอ้ความรู้สึกผูกพันห่วงใยของคนสวยกับท่อนขาที่เคารพ(?)
    ที่มันทำให้หัวใจดี๊ด๊าขึ้นมาแบบแปลกๆ(?)
    นี่มันอะไรกานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน~~~~~
    กวางซาม้าาาาาาาา เค้าชอบบบบ ฮืออออออ T __ T
    ถึงแม้ว่าจะหน้าตายใส่กัน พูดใส่กันแค่ ชริ(?)
    แต่!!!!!!ไอ้ที่บอกว่า "ปล่อยไปไม่ได้ ละสายตาจากไปไม่ได้!!!!!"
    ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(?) ไม่ทน!!!! เค้าชอบบบบบ ฮือออออ
    คนปากแข็งปากไม่ตรงกับใจอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักเสมอ(?) #จิกทึ้งหัวตัวเอง(?)

    อ่านตอนที่ทั้งคู่ต่างห่วงอีกฝ่ายแบบไม่ยอมรับ(?)กันแล้วมันโฮกฮากมากจริงจังนะคะ
    สารภาพว่าจิกทึ้งไอพอตตัวเองเหมือนคนบ้า 555555
    คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างรู้นิสัยของอีกฝ่าย
    หรือแม้กระทั่งสิ่งของนอกกายก็สามารถใช้ของอีกฝ่ายได้แบบไม่ต้องเปลืองคำพูด(?)ขอ
    ในใจที่อังกอร์(?)อยู่ตลอดเวลาว่า ขออีก ขออีก ขออีก #มันขออะไรของมัน
    #ก็ก๊กน่ารักอ้าาาาาาาาา อยู่กับใครก็น่ารัก(?)น่าฟัดไปหมดเบยยยย ฮืออออ
    #แต่ก๊กสวยสุดพลังดาเมจทำลายล้างโลกกระชากวิญญาณสุด(?)ก็ต้องอยู่กับยามะนั่นละ * ^ *

    นี่เป็นครั้งแรกที่สองคู่นี้มาเจอกันเนอะ
    และพออ่านสองคู่นี้ในเรื่องเดียวกันแล้ว อยากจิดึงคอเสื้อเฮย์โจว(?)ด้วยความแรงแบบหยุมหยิม(?)
    ว่าให้ไปดูคู่ตาเนียน(?) พ่อคุณเจอภรรยาครั้งแรกก็จัดหอมแก้มแล้ววววววววว
    ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ทนนนน!!!! #ไอ้นี่มันไม่เคยทนอะไรจริงๆ 555555
    จริงๆชอบการเจอกันอีกครั้งของคู่AOTนะคะ
    พรหมลิขิตคู่นี้น่ารักในแบบของคู่นี้จริงจัง
    ไม่ว่ายังไงเฮย์โจวก็แพ้เอเลน แพ้สายตาดื้อดึงดื้อรันของเอเลนนั่นล่ะ
    ลองถ้าได้จ้องดวงตาเอเลนเข้าไปแล้ว (เอเลน)ไม่รอดแน่นอน(?) 55555555
    ถึงแม้จะเป็นการขับรถชมนกชมไม้ที่ไม่เห็นอะไรเลย(?)เพราะความเร็วสูง
    แต่เค้าก็อิอั๊ง(?)น้าาา ปากก็ไล่ๆๆให้กลับไปเล่นของเล่น(?)
    แต่ไอ้การดึงขึ้นรถมานั่งข้างคนขับเนี่ย ยอมรับหน่อยเถอะว่าให้ความพิเศษ(?)กับเด็ก(?)ไปแล้ววว ฮิ้ววววววว #โดยท่อนขาเสย(?)แบบรู้ตัว(?)

    และ ณ จุดนี้ เหนือสิ่งอื่นใด(?)
    พรหมลิขิต...ยามะก๊ก..........อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ลงไปตายแล้วฟื้นขึ้นมาตายใหม่(?)
    การที่จะตัดหน้ารถด้วยการกลิ้งข้ามฝากระโปรงเพื่อมาขึ้นนั่งที่ฝั่งข้างคนขับเนี่ยยยยยย
    จะหล่อไปม้ายยยยยยยยยยยยย ลางสังหรณ์แห่งรัก(?)บอกให้ตัดหน้ารถคันนี้เร๊อะะะะะ
    โอ่ยยยยย ไม่รู้จะบรรยายยังไง 555555 มันลงตัวมากเกินไป~~~~~
    การลองเชิงของเอสคลาสทั้งคู่แบบไม่รู้ตัว มันสื่อถึงใจกันเกินไปมั้ยยย
    อาวุธที่ใช้แค่ดาบก็เท่โฮกกกก พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง(?)เท่ไม่เกรงใจเฮย์โจวมากไปแล้ว
    แล้วไอ้ที่บอกว่าขอเล่นสนุกด้วยการจูบแก้มคนสวยที่เจอครั้งแรกเนี่ยยยยย
    ยอมรับซะเถอะว่าหลงไปแล้วตั้งแต่ที่เห็นน่ะ!!!!!!!
    ไม่ต้องมาปลอบใจตัวเอง(?)กลัวอกหัก(?)ด้วยการบอกว่าตัวเองเล่นสนุกหน่อยเลย #เฮ้ยยย มันอินไปไหนแล้ว 55555
    แล้วแกบาดเจ็บมาไม่ใช่เร๊อะะะะะะะ ยังจะยื่นตัวไปลวนลามคนสวยได้อีกนะ ไอ้เนียนนนนบันซายยยยย #ตกลงมันจะจับผิด หรือมันจะชื่นชมฟ่ะ 5555555555

    กวางซามะ.....ตอนต่อไปน่ะ....ตอนต่อไปน่ะ.....(ส่งสายตาปิ๊งปั๊งๆ(?))
    เค้า-อยาก-อ่าน-มาก-มาก-มาก-เลย-จริง-จริง-นะ-คะ * _ *
    ประโยคข้างบนไม่ได้เป็นการขมขู่(?)แต่อย่างใด 55555 อย่าเข้าใจผิด(?)กันน้า

    เป็นกำลังใจให้กวางซามะเสมอนะคะ
    รักฟิคกวางซามะมากๆๆๆเลยล่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ :)

    ตอบลบ
  8. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 8059 ฟินมากกกก


    รีไวล์์แอบใจอ่อนหล่ะเซ่ 5555+

    ตอบลบ
  9. ปกติทั้งเฮย์โจและก๊กก็คือตัวละครที่มีความเท่อยุ่แล้วนะ(แต่เท่คนละแบบ)
    แล้วยิ่งจับมาขับเฟอรรารี่คือแบบมันสุดอ่ะ
    เอเลนบ้าบินมากเรื่องนี้
    ช่างกล้าบุกเข้าไปตอนเขากำลังประชุมกัน
    รีไวล์ก้อใจร้ายนะ
    เด็กมันไม่เคยอ่ะ ไปทำแบบนั้นถ้าเป็นคนธรรมดาคงหัวใจวายไปแล้ว
    เข้าใจป่ะ//โดนเฟอรรารี่สอย
    แล้วก๊กกับยามะพบกันได้เท่มากกกกกกกกก
    ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่อ่านคู่นี้แบบเป็นจริงเป็นจัง
    เนียนช่างกล้า
    เจอหน้าก๊กครั้งแรกนี่ขโมยหอมแก้มโดยไม่สนสถานการณ์ก่อนเลยจริงๆ
    และความสัมพันธ์ของรีไวล์กับก๊กเป็นอะไรที่น่าพิศวงมากกกกก
    รู้ใจกันเกินไปจนน่ากลัว

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2558 เวลา 06:34

    เฮโจวทำร้ายหนูเลนได้แบบสนุกสนามมากค่ะขับไปได้ไม่รู้กี่ชั่วโมง
    หนูเลนนี่ โอ๊ยยยดื้อน่ารักเหมือนปกติ ฮุฮุ
    น่าเอาอาร์มินมาร่วมสมองกับก๊กน้อย5555

    หัวใจจะวายค่ะ ภาพตามมาเป็นฉากๆเลย ตอนก้กขับรถหนี เนียนก็ช่างคงคอนเซปเดิม
    แต่คือ พี่แกควรพกปืนบ้างไม่ใช้ไม่ว่าหรอกนะ5555

    เป็นสองคู่ที่เพอเฟคค่ะ นี่คือกะจิ้นข้ามเรื่องละค่ะ
    รีไวกับก๊ก โฮกมากก >___<

    ตอบลบ