KHR
feat.attack on titan Au S.Fic [8059] DEEP KiSS : Opening
:
KHR feat. Attack on Titan Fanfiction AU
:
8059
:
Romance
:
PG
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
:
ไม่มีตัวละครของ Attack on Titan ปรากฏอยู่ในเรื่องนี้เด้อ
ยืมมาใช้แค่ฉากและบรรยากาศของเรื่องค่ะ มีภาพประกอบอยู่ในช่วง Talk ค่ะแต่อย่าเพิ่งอ่านไอ้ที่เวิ่นไว้ก่อนเด้อ มันสปอยด์ฟิค
: ตัวละครที่ดำเนินเรื่องทั้งหมดคือ Yamamoto Takeshi กับ Gokudera Hayato จาก KHR ค่ะ
:
หนักบรรยายหน่อยนะคะ555 บทอธิบายเกี่ยวกับพื้นเพของเรื่องไททันอาจจะมีมากหน่อย
เผื่อใครที่ยังไม่ได้ดูไททันจะได้เข้าใจค่ะ
:
เป็นเรื่องที่สองของ A Thousand Years Series. ค่ะ แต่ไม่ต้องอ่านเรื่องแรก [ในห้อง...ที่แสงส่องไม่ถึง]
ก็เข้าใจเพราะไม่เกี่ยวกัน
ปี
838...
มนุษยชาติถูกศัตรูที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ทว่าไร้ซึ่งสติปัญญารุกรานจนเกือบจะสูญเสียซึ่งเผ่าพันธุ์
พวกมันถูกเรียกว่า
“ไททัน”
ร่างกายภายนอกที่เหมือนมนุษย์
ทว่า ใหญ่โตกว่าหลายเท่า
มีเพียงสิ่งเดียวที่มันต้องการจากมนุษย์นั่นคือ...จับกินเพื่อความสนุกสนาน...เพราะพวกมันไม่ได้ต้องการอาหาร
มนุษย์กลุ่มสุดท้ายจึงหาทางเอาชีวิตรอดด้วยการสร้างกำแพงที่แข็งแรงและสูงกว่าพวกมันขึ้นมา...แล้วอาศัยอยู่แต่ในนั้น
เป็นเกราะที่คอยป้องกันไททัน
และมันก็ยังเป็นเหมือนกรงที่คอยขังมนุษย์เอาไว้ไม่ให้ออกไปไหน...ถ้ายังคิดที่จะมีชีวิตรอด
ภายนอกกำแพงที่สูงกว่า
50 เมตรยังคงมีไททันเดินอยู่กระจัดกระจาย เจ้ายักษ์ตัวมหึมายังคงพยายามตะกายกำแพงเพราะสัญชาติญาณของพวกมันบ่งบอกว่ามีมนุษย์อยู่ข้างใน
แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้
ไม่อาจจะก้าวข้ามกำแพงที่สูงเกินตัวพวกมันเข้ามาได้
เพราะไททันทั่วไปมีขนาดตั้งแต่
5 เมตรไปจนถึงแค่ 20 เมตร....ยังไม่เคยพบไททันที่สูงไปกว่านั้น
มนุษย์จึงยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรื่อยมาเป็นเวลาร้อยกว่าปี
อยู่ในกำแพงที่เสมือนกับคอกสัตว์นี้
กำแพงวงกลมถูกสร้างกินพื้นที่มหาศาลเพื่อให้เพียงพอต่อมวลมนุษยชาติที่เหลือรอดมาจะอาศัยอยู่ได้
มีพื้นที่ทางการเกษตรเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงทุกๆคนที่อยู่ภายในกำแพง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใช่ว่าทุกคนจะมีความเสมอภาคกัน
กำแพงยังคงถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น...ตามลำดับความสำคัญของผู้อาศัย
ชั้นในสุดซึ่งอยู่ตรงกลางของกำแพงทั้งสามชั้น...เป็นที่ที่ปลอดภัยและมีกำแพงสูงใหญ่กว่าชั้นอื่นๆ...มันถูกเรียกว่า
Wall
Sina...เป็นที่อาศัยขององค์ราชาและชนชั้นสูงรวมถึงพวกมหาเศรษฐีมีอันจะกิน
เป็นที่ที่อำนาจสั่งการทุกอย่างจะส่งผ่านออกมา
ชั้นที่สองของวงกลมที่ขยายใหญ่ออกมาและอยู่โดยรอบกำแพงชั้นใน...มันถูกเรียกว่า
Wall
Rose...เพราะอยู่ตรงกลางจึงมีความปลอดภัยและคนที่อาศัยอยู่ก็เป็นระดับกลางซึ่งจะว่าไปอาจจะไม่ได้ต่างจากกำแพงอีกชั้นนึงเลยก็เป็นได้
กำแพงชั้นนอกสุดคือ
Wall
Maria
มีขนาดใหญ่ที่สุดและใกล้ชิดกับอันตรายมากที่สุด
มนุษย์ที่อยู่ในกำแพงชั้นนี้ที่จริงแล้วก็ต่างคละเคล้ากันไปในหลากหลายอาชีพ
หลากหลายเชื้อชาติ อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นเมืองเมืองหนึ่งเฉกเช่นสามัญชนทั่วไป
นอกจากนี้แล้วกำแพงแต่ละชั้นก็จะมีเขตการปกครองแบ่งออกเป็นอีก
4 เขต อยู่ตามทิศต่างๆทั้ง 4 ทิศ
เขต Hermiha
เมืองกำแพงฝั่งใต้
Wall Sina...
เพราะเป็นเมืองชั้นในสุดที่อยู่ในกำแพงซึ่งปลอดภัยมากว่าร้อยปี
ทำให้มนุษย์ต่างใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย...ทหาร...ที่ประจำการอยู่ในเขตนี้เองก็เช่นกัน
ภารกิจวันๆที่ไม่มีอะไร
นอกจากเดินตรวจตราความเรียบร้อยนั้นเป็นงานที่ง่ายแสนง่าย
ให้ร่างบอบบางที่เดินอยู่หลังสุดของแถวรู้สึกว่ามันช่างไม่คุ้มค่าที่จะให้หัวกะทิของทหารในแต่ละรุ่นมาเสียเวลาอยู่แบบนี้
นัยน์ตาสีมรกตมองรุ่นพี่ที่เดินเอื่อยเฉื่อยอยู่หัวแถวอย่างไม่สบอารมณ์
ใบหน้าสวยที่งอหงิกอยู่เป็นกิจวัตรยิ่งหงิกกว่าเดิมเมื่อจู่ๆเจ้าคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยย่อยของตนก็เลี้ยวเข้าทางลัดกลับมาที่สำนักงานกองสารวัตรทหารเขตเฮอร์มิฮาแทนที่จะไปเดินตรวจความเรียบร้อยให้ครบตามกำหนดเสียแบบนั้น
จะทำตัวขี้เกียจกันไปถึงไหน?!
ในขณะที่ริมฝีปากสีระเรื่อตั้งใจจะอ้าด่าเหมือนทุกๆวัน
มือใหญ่ของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกถนนก็ปิดลงมา
ท่อนแขนแข็งแรงคว้าลำตัวบางก่อนจะอุ้มขึ้นม้าสีดำแล้วบังคับให้มันทยานออกไปในทันที
“
อื้อๆๆๆ!!”
เสียงร้องขัดขืนดังอยู่ในฝ่ามือ แต่แทนที่เพื่อนๆซึ่งหันมาเห็นจะคว้าอาวุธคู่กายออกมาช่วยกลับมีเพียงเสียงตะโกนไล่หลังมาเท่านั้น
“
ไอ้เจ้ายามาโมโตะ!! นี่แกมาลักพาตัวคนของกองสารวัตรทหารอีกแล้วหรอฟ๊ะ?!!” เสียงที่ยินไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมสะทกสะท้าน
มันยังคงแย้มบานก่อนจะก้มลงมายิ้มให้คนที่เงยใบหน้าบูดสนิทขึ้นมามองจากในอ้อมแขน
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปตามถนนปูหินที่ม้าวิ่งมา...ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครในหน่วยมาตามเขากลับ
ที่นี่มันสงบสุขเกินไป...จนทหารจะอู้จะหายไปสักคนสองคนก็ไม่เป็นไรเลยอย่างงั้นหรอ?
ทั้งๆที่ยังมีคนต้องออกไปเสี่ยงตายอยู่นอกกำแพงนั่นแท้ๆ
สัมผัสนิ่มๆของริมฝีปากแนบลงมาที่แก้มขวาจนนัยน์ตาสีมรกตข้างนั้นเผลอปิดลงมาเอง
เสียงจุ๊บเบาๆดังออกมาก่อนที่ใบหน้าคมจะละออกไปให้หน้าเขาแดงเถือก
“
ไอ้เจ้าบ้ายามาโมโตะ!”
ใบหน้าสวยหันไปแยกเขี้ยวใส่ใบหน้าที่ยังยิ้มระรื่น
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงมองทางข้างหน้าพร้อมกับบังคับให้ม้าตัวใหญ่วิ่งไปเรื่อยๆ
“
ก็คนมันคิดถึงนี่นา”
คำพูดสบายๆที่ร่างสูงใหญ่เอ่ยออกมาทำเอาเขานึกอยากจะอ้วกขึ้นมา
ทว่าใบหน้าก็ยังคงร้อนผ่าวไม่เลิก
“
อย่ามาน้ำเน่าแต่เช้านะไอ้บ้า!”
ถึงจะด่าออกไปแต่ร่างกายก็ยอมนั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมแขนของคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า
เขาสองคนเป็นคนรักกัน
คบกันมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทหารฝึกหัดซึ่งก็นับว่าหลายปีดีดักแล้ว...เรื่องนี้คนในหน่วยของเขาก็รู้ดีถึงได้ไม่มีใครคิดจะไล่ตามมา
แน่นอนว่าคนที่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่คนในหน่วยเท่านั้น....
ม้าสีดำวิ่งลอดผ่านประตูของ
Wall
Sina ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเข้าสู่พื้นที่ของ Wall Rose
ในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในเมือง
ก็จะเป็นพื้นที่การเกษตร
รวมไปถึงทุ่งกว้างที่ไม่ได้ใช้งานอะไร...มีเพียงดอกไม้ต้นเล็กต้นน้อยที่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด
ร่างสูงหยุดม้าเอาไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกระโดดลงไปพร้อมรับตัวอีกคนลงไปยืนเคียงข้างกัน
ดูจากร่างกายภายนอกแล้วคงต้องบอกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมากทีเดียว
คนนึงก็สูงใหญ่และยังมีใบหน้าหล่อเหลาที่ได้เค้ามาจากคนเอเชียซึ่งนับว่าหายากมากในสมัยนี้
ส่วนอีกคนก็บอบบางสูงเคลียไหล่ของอีกฝ่าย
ใบหน้าใสนั้นละม้ายคล้ายไปทางแม่จึงแลดูเป็นผู้ชายที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆ
ถ้าแค่เรื่องรูปร่างหน้าตา
เขาสองคนถือว่าเหมาะสมกัน....แต่หากเป็นเรื่องของฐานะและชาติตระกูล.........คงต้องนับว่าตรงข้าม
มือใหญ่กดไหล่บอบบางให้นั่งลงไปบนผืนหญ้าหนานุ่ม
แสงแดดรำไรลอดผ่านใบไม้ลงมาสาดกระทบใบหน้า
เงาของมันวูบไหวไปตามสายลมอ่อนๆที่พัดมาแผ่วเบา
บรรยากาศสบายๆชวนให้ร่างสูงล้มตัวลงนอนก่อนจะหนุนหัวลงไปบนตักของร่างบอบบาง
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นทหาร....
ถึงแม้ว่าภายในกำแพงจะสงบสุขแค่ไหน
ถึงแม้ว่ากองสารวัตรทหารจะทำงานกันแบบเช้าชามเย็นชาม...ทว่า...พวกเขาก็ใช่จะมีเวลาอยู่ด้วยกันในวันสบายๆแบบนี้บ่อยๆเสียเมื่อไหร่
ในเมื่อ
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ได้เป็นทหารของกองสารวัตรทหาร...
แต่เป็นระดับหัวกะทิของกองทหารทีมสำรวจ
นัยน์ตาสีมรกตมองไล่ไปที่ตรารูปปีกซึ่งปักอยู่ที่อกซ้ายของเสื้อตัวนอกของคนที่นอนหนุนอยู่ที่ตัก...มันคือสัญลักษณ์ของทีมสำรวจ
และทุกครั้งที่เขาเฝ้ามองมัน
ข้างในใจก็มักจะเต็มไปด้วยความสับสน...
หนึ่งคือความภาคภูมิใจแต่อีกหนึ่งคือความกังวล...เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่า...กองทหารทีมสำรวจนั้นต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและอายุสั้นกันขนาดไหน
ภายใต้กำแพงทั้งสามชั้น
ทหารที่ถือสัตย์ปฏิญาณว่าจะถวายหัวใจให้กับองค์ราชานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามหน่วย
กองสารวัตรทหาร มีหน้าที่รับใช้องค์ราชาอยู่ภายในกำแพงชั้นในสุดนั่นก็คือ
Wall
Sina และคนที่จะเข้ามาเป็นทหารในหน่วยนี้ได้ก็มีเพียงทหารระดับหัวกะทิในลำดับที่
1-10 ของทหารในแต่ละรุ่นเท่านั้น....เพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยและแสนสบาย
ใครๆจึงต่างก็แย่งชิงกันเพื่อที่จะได้เข้ามาอยู่ในกองทหารนี้
กองทหารรักษาการณ์
มีหน้าที่ดูแลความสงบและซ่อมบำรุงกำแพงอีกสองชั้นที่เหลือ
ทหารส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในกองนี้นี่แหละ
กองทหารทีมสำรวจ มีหน้าที่ออกไปสำรวจนอกกำแพง
เพื่อที่จะได้รู้เรื่องของไททันและชิงผืนดินของมนุษย์คืนมาบ้าง
แต่ก็อย่างที่รู้...ว่าแค่ก้าวขาออกไปนอกกำแพง ไททันจำนวนมหาศาลก็รอจับกินอยู่
เพราะฉะนั้นจึงเป็นกองทหารที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทุกลมหายใจเลยทีเดียว
นอกจากความใจเด็ดแต่ละคนยังมีฝีมือในการต่อสู้ที่ต้องอยู่ในระดับสูง
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเอาชีวิตรอดกลับมาได้...และหากถามว่าแล้วทำไมต้องยังออกไปเสี่ยงตายแบบนั้นกันอีก...คนของหน่วยนี้ก็คงจะตอบกลับมาแทบจะทันที...ว่ามนุษย์ควรจะมีอิสระอยู่ในโลกกว้าง
มิใช่ถูกขังอยู่แต่ในคอกเล็กๆที่ชื่อว่ากำแพง....พวกเขายอมเสี่ยงตายเพื่อให้ลูกหลานได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวของไททันและหาทางกำจัดมันให้ได้
อีกอย่าง....กำแพงที่อยู่มากว่าร้อยปี...ก็ไม่มีอะไรมารับประกัน
ว่าวันพรุ่งนี้มันจะไม่แตก
หากมนุษย์ไม่หาทางหนีทีไล่เอาไว้
ก็คงมีแต่จะสูญสิ้นซึ่งเผ่าพันธุ์ไปอย่างแน่นอน
มันคือความภาคภูมิใจในฐานะมนุษย์ผู้โหยหาอิสระ
และเขาก็ไม่เคยคัดค้านเลยเมื่อ
ยามาโมโตะ บอกกับเขาว่า ตนจะเข้าร่วมกองทหารทีมสำรวจ
ทั้งๆที่ใครๆต่างก็คิดว่าพวกเขาสองคนคงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขภายใต้กำแพงชั้นในสุด....เพราะพวกเขาคือหัวกะทิในลำดับที่หนึ่งและสองของรุ่น
แต่ยามาโมโตะก็เลือกที่จะทำเพื่อมนุษยชาติ....เลือก.....ในทางเลือกที่เขาเองก็อยากจะเลือกบ้าง
แต่เขาก็เลือกไม่ได้....
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เงยมองคนที่นั่งค้ำอยู่บนหัวก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสปอยผมสีเงินก่อนจะค่อยๆเลื่อนมาจับมือบางเอาไว้
ต่อให้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นมันจะน้อยแค่ไหน
แต่เขากลับรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก
โชคดี...ที่ได้
โกคุเดระ ฮายาโตะ มาเป็นของตัวเอง
หากโกคุเดระไม่ดื้อดึงและหนีออกจากบ้านเพื่อที่จะมาเป็นทหาร
พวกเขาก็คงจะไม่ได้เจอกัน
เพราะเส้นทางของพวกเขานั้นมันไม่มีวันที่จะมาบรรจบพบกันได้เลย...
พวกเขาเจอกันในกองทหารฝึกหัด
ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากคู่แข่งค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรัก...
รักโดยที่ไม่รู้เลยว่า...โกคุเดระ...เป็นนามสกุลของมารดา
มิใช่นามที่แท้จริงของ ฮายาโตะ
ร่างบอบบางพยายามอย่างหนักที่จะปกปิดฐานะของตนเองเอาไว้
แต่ก็ใช่ว่าจะหลีกหนีจากชาติกำเนิดของตัวเองได้พ้น
โกคุเดระเป็นหัวกะทิของชั้นปีซึ่งถูกจองตัวเข้ากองสารวัตรทหารตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ...ซึ่งมันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน...ปกติแล้วต่อให้เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งขนาดไหน
เจ้าตัวก็จะมีสิทธิ์เลือก...ว่าจะไปอยู่กองทหารไหน...เลือก...ได้ด้วยตัวเอง
แต่โกคุเดระ
ฮายาโตะ กลับไม่มีสิทธิ์เลือก
ร่างบอบบางต้องเข้ากองสารวัตรทหารทันทีที่เรียนจบ
เพราะแบบนั้น...เรื่องมันเลยแดงขึ้นมา...
ว่าทุกอย่างล้วนถูกบงการจากครอบครัวของโกคุเดระที่ไม่เคยเห็นด้วยเลยที่ร่างบอบบางจะมาเป็นทหาร...แต่ในเมื่อต้านไม่ได้
แล้วโกคุเดระก็ดื้อพอที่จะหนีออกมาทำตามแต่ใจของตัวเอง...อย่างน้อยก็ให้เป็นทหารสมใจเพียงแต่ต้องอยู่ในสายตาที่คนพวกนั้นจะมองเห็น
โกคุเดระ
ฮายาโตะ เป็นเชื้อสายของชนชั้นสูง
“
นี่แก...ถ้าจะนอนละก็
ไปนอนที่บ้านไป...ในสมองกลวงๆนี่ไม่ได้จำเลยใช่ไหมว่าชั้นยังอยู่ในเวลางาน!
มีอะไรจะพูดก็พูดมา!!”
ใบหน้าสวยบูดบึ้งเป็นกิจวัตรก้มลงมองคนที่ยังนอนหนุนอยู่ที่หน้าตัก
ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาขยี้หัวสีดำอย่างหมั่นไส้ที่ใบหน้าคมนั่นไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยที่พาเขาโดดงานไปด้วย
เสียงหัวเราะสบายๆยังคงดังออกมา
พาให้เขาเคลิ้มไปกับบรรยากาศสว่างสดใสที่เปล่งประกายจากตัวของยามาโมโตะ
“
วันมะรืน...ต้องออกไปนอกกำแพงอีกแล้วละ โกคุเดระ”
ก่อนที่ประโยคเพียงประโยคเดียวที่เอ่ยออกมาจะทำเอาใบหน้าเขาชาวาบ
นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกขึ้นมาทันที
เช่นเดียวกับมือที่ขยี้เส้นผมสีดำอยู่ก็นิ่งงันไป
เขารู้...รู้ว่านี่คือสิ่งที่ยามาโมโตะเลือกแล้ว...ว่ามันจะดีต่อมนุษยชาติ
แต่ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้
เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้....ว่ารายต่อไปที่จะไม่ได้กลับเข้ามาในกำแพงอีก...อาจจะเป็นคนที่เขารักคนนี้ก็ได้
อยากจะเอ่ยถ้อยคำเอาแต่ใจ...ว่าไม่อยากให้ไป...แต่เขาก็ทำไม่ได้
ถ้ามันจะทรมานขนาดนี้...ให้เขาร่วมทีมสำรวจไปด้วยยังจะดีเสียกว่า...อย่างน้อยก็ไม่ต้องรอคอยด้วยหัวใจที่ร้อนเป็นไฟอยู่แบบนี้
ร่างสูงใหญ่คงจะรู้ว่าเขากังวล
ยามาโมโตะจึงลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับเขา
มือใหญ่แนบสัมผัสลงมาที่ท้ายทอยก่อนจะรั้งใบหน้าของเขาเข้าไปหา...ให้หน้าผากสัมผัสกันอยู่แบบนั้น
“
โกคุเดระ...ฉันรักนายนะ...” เสียงทุ้มที่ดังออกมามีแต่จะทำให้ดวงตาของเขาสั่นพร่า
เขารู้...ว่านี่คือสิ่งที่ยามาโมโตะเลือกแล้ว....เลือกที่จะทำเพื่อมวลมนุษยชาติ...
เพราะมนุษยชาติ...มี
โกคุเดระ ฮายาโตะ อยู่
เสียงกุบกับหยุดลงอีกครั้งที่หน้าบ้านหลังใหญ่...ที่โกคุเดระเอาไว้อาศัยนอนเฉพาะตอนปฏิบัติหน้าที่ทหารในเขตเฮอร์มิฮาเท่านั้น
บ้านจริงๆของร่างบอบบางอยู่ที่ใจกลางของ
Wall
Sina…
“
คราวนี้ออกไปจากเขตไหน?”
ใบหน้าสวยถามออกมาอย่างพยายามทำให้ดูเหมือนไม่ใส่ใจ
ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบหน้าคมอมยิ้ม
“
เขตชิกันชินะ...จะไปส่งชั้นหรอ?”
คนปากไม่ตรงกับใจทำหน้างอหงิกทันทีที่ได้ยินคำหยอกเย้าซึ่งเขาก็ชอบดูใบหน้าหลากอารมณ์ของโกคุเดระ
“
ไอ้บ้า! ใครจะเสียเวลาไปส่งแก! อย่างแกน่ะ
ไททันมันคงไม่กล้ากินหรอก หน้าตาดูน่าจะทำให้ท้องเสีย!
ไสหัวไปได้แล้ว!”
คำพูดคำจาไม่ได้น่าฟังแถมยังปากคอเราะร้ายยิ่งกว่าใคร
แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าความหมายของสิ่งที่โกคุเดระพูดออกมาคือ...ขอให้เขาโชคดี
ถึงจะทำหน้าบอกบุญไม่รับแถมปากยังไม่ตรงกับใจ
แต่ร่างบอบบางนั่นก็ยังยืนส่งเขาที่หน้าบ้านจนกว่าจะลับสายตา
เพราะรักขนาดนี้
เขาจึงยินดีที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง...ขอเพียงให้ได้มาซึ่งข้อมูลของไททัน
ขอเพียงมีความหวัง...ถึงแม้จะน้อยนิดแค่ไหนหากมันเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องคนที่เขารักได้...เขาก็จะทำ
จะกำจัดไททันให้หมด....ก่อนที่พวกมันจะทำลายกำแพงซึ่งมีคนที่เขารักอาศัยอยู่
แล้วคนที่พูดว่าจะไม่มีวันไปส่ง...กลับมาขี่ม้าฝ่าสายฝนอยู่ในวันรุ่งขึ้น...
ฝ่าเท้าในบูทสีดำสูงถึงหัวเข่าเตะลงไปที่สีข้างของม้าตัวใหญ่
สายฝนทำให้ร่างกายนั้นเปียกโชก
กางเกงสีขาวเข้ารูปยิ่งแนบไปกับต้นขาที่มีสายหนังรัดพันเอาไว้ตามแบบเครื่องแต่งกายของทหารทั่วไป
ท่อนแขนบางยกขึ้นมาบังใบหน้าจากหยดน้ำที่ยังกระหน่ำลงมา
เพราะว่ากองสารวัตรทหารไม่มีเสื้อคลุมสีเขียวเหมือนทีมสำรวจ เสื้อแจ็กเก็ตตัวสั้นสีน้ำตาลที่ปักสัญลักษณ์หัวยูนิคอร์นเอาไว้ถึงได้เปียกปอน...เปียกลงไปถึงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่ข้างใน
ใบหน้าสวยบ่นขมุบขมิบไปตลอดทางเพราะฝนบ้านี่ดันตกลงมาในวันที่ท้องฟ้าควรจะแจ่มใส
เพราะสภาพอากาศแบบนี้ทำให้ถนนหนทางในเขตทรอสต์
ซึ่งเป็นเมืองกำแพงทางทิศใต้ของ Wall Rose
ซึ่งร่างบอบบางต้องใช้ผ่านไปยัง เขตชิกันชินะ
นั้นไร้ซึ่งเงาของผู้คนเพราะต่างคงหลบฝนอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่น
ม้าสีขาวยังคงวิ่งผ่านบ้านเรือนในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์ที่เรียงรายอันแน่นกันทุกตารางนิ้วตรงไปยังประตูเมืองอีกด้าน
ซึ่งมีทหารของกองรักษาการณ์ยืนหาวหวอดอยู่เพียงคนเดียว
ถึงจะน่ารำคาญแต่เขาก็ต้องหยุดให้นายทหารนั่นตรวจตามกฎการเข้าออกของเขตต่างๆ
ทว่า...
แค่ม้าหยุดลงเพียงแค่นั้น
นายทหารหน้าตาง่วงงุนก็ตื่นขึ้นมาทันที
เพราะผมสีเงินที่เปียกลู่แนบไปกับใบหน้าสวย
เพราะนัยน์ตาสีมรกตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูง
และถึงแม้ว่าร่างบอบบางจะอยู่ในเครื่องแบบของทหาร
แต่ความสง่างามที่อยู่บนหลังม้าสีขาวนั้นมันก็ต่างจากคนธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
นายทหารทำความเคารพด้วยการกำมือขวาแล้วยกมาวางไว้แนบอก
ส่วนมือซ้ายก็ไพล่ไปวางไว้ที่แผ่นหลัง ก่อนจะปล่อยร่างบอบบางผ่านไปโดยไม่ตรวจค้นใดๆทั้งสิ้น
นัยน์ตาสีมรกตเพียงแค่มองตรงไปข้างหน้าก่อนจะควบม้าออกไป
คงต้องบอกว่าเขาชินแล้วกับท่าทางแบบนี้...ตอนที่เป็นทหารฝึกหัดทั้งๆที่ทุกอย่างบนร่างกายของเขาฉายชัดขนาดนี้แต่ก็ยังปิดบังเจ้าพวกเพื่อนๆดิบเถื่อนพวกนั้นได้...แต่ดูเหมือนหลังจากที่เข้ามาอยู่ในกองสารวัตรทหาร...เรื่องของเขาก็แพร่ออกไปมากกว่าเดิม...
ว่ามีชนชั้นสูงสวมเครื่องแบบทหารอยู่คนหนึ่ง
ห้ามใครทำอะไร...
ซึ่งคงจะไม่ใช่ฝีมือใครนอกจากคนในครอบครัวของเขา
ม้าสีขาวยังคงวิ่งไปบนถนนปูหินซึ่งเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบลงมามองห่ออะไรบางอย่างที่ซุกอยู่ในเสื้อเป็นระยะๆ
ในใจนึกกังวลว่ามันจะทนไปจนถึงเขตชิกันชินะได้ไหมนะ
เพราะท้องฟ้าที่มืดมัวทำให้แทบไม่รู้ตัวเลยว่า
เวลาล่วงเลยมาจนเย็นย่ำขนาดนี้แล้ว
ในที่สุดม้าตัวใหญ่ก็วิ่งผ่านประตูเมืองที่อยู่ใต้สุดของกำแพง
Wall
Maria
มาจนได้....
ในที่สุดก็ถึงเขตชิกันชินะ...บ้านเกิดของ
ยามาโมโตะ
เสียงเคาะประตูแทบจะกลืนหายไปกับเสียงของสายฝน
บ้านเรือนที่อยู่ชิดติดกันราวกับเมืองป้อมของยุคกลางนั้นดูสวยงามท่ามกลางหยดน้ำที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
ใบหน้าสวยหันกลับมาหาประตูไม้ที่ฝังอยู่ในผนังหินก่อนจะรัวมือลงไปอีก
ได้ยินเสียงตอบรับแว่วมาจากข้างในก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก
“
โกคุเดระ?”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างเมื่อมองเห็นคนที่ยืนเปียกโชกอยู่หน้าบ้าน
ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางก่อนจะพาตัวเข้าไปหาไออุ่นจากเตาผิงที่อยู่ด้านใน
“
นึกยังไงถึงมาเนี่ย ฮะฮะ” มือใหญ่ดึงร่างบอบบางเข้าไปใกล้ก่อนจะปลดสายหนังและกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกแนบลำตัวอยู่ออกให้...ก็รู้หรอกว่ามาส่ง
แต่คนปากแข็งคงไม่ยอมรับ...แล้วเขาก็ชอบฟังเวลาที่โกคุเดระมักจะหาข้อแก้ตัวแปลกๆมาบอกเขาแทนที่จะพูดออกมาตรงๆ
“
อะ เอาขนมปังมาให้ชิม”
แล้วห่อกระดาษที่ยับเยินเล็กน้อยก็ถูกดึงออกมาจากถุงที่ซุกอยู่ในเสื้อแจ็กเก็ต
ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งจนเขานึกหมั่นเขี้ยว
เขาก้มมองห่อกระดาษขนาดไม่เล็กที่ดูยังไงก็คงไม่เรียกว่าเอามาให้
“ชิม” เท่านั้นหรอก...คงตั้งใจทำมาให้เขาเอาไปกินตอนออกไปนอกกำแพงสินะ
มือรับห่อขนมปังมาก่อนจะปล่อยร่างบอบบางเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อเอง
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก้มมองขนมปังในห่อกระดาษพรางอมยิ้ม...โกคุเดระอบมันขึ้นมาเอง...ถึงหน้าตาจะยังดูไม่ค่อยได้เรื่องแต่รสชาติก็พอจะกินได้อยู่นะ
จากหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็นับว่าฝีมือการทำขนมปังของหัวกะทิแห่งชั้นปีก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“
ทะ ที่หน้าตามันดูแย่ ก็เพราะว่ามันเปียกฝนไง
แล้วอีกอย่างจะได้ไม่มีใครแย่งแกกินด้วย สำนึกในความใส่ใจของชั้นซะล่ะ!” ไอ้คำพูดคำจาอวดดีนี่มันน่าปิดปากซะจริงๆ
เขาได้แต่หัวเราะไปกับความปากร้ายของโกคุเดระ
ห่อขนมปังถูกนำไปวางไว้ข้างๆอุปกรณ์การเคลื่อนย้ายสามมิติก่อนที่เขาจะเดินออกไปตักซุปร้อนๆมาให้คนที่คงจะขี่ม้ามาทั้งวัน...แล้วก็คงจะหนาวสั่นเพราะเปียกโชกมาทั้งวันด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่รัก
ก็คงไม่ทำให้มากขนาดนี้....ถึงได้บอกไงล่ะ ว่าเขาเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก
มือบางจับเสื้อยืดคอกว้างให้เข้าที่เข้าทาง
เพราะเป็นเสื้อของยามาโมโตะมันถึงได้ตัวใหญ่จนคอเสื้อแทบจะตกจากไหล่บอบบางอยู่รอมร่อ
ใบหน้าสวยก้มลงไปดูขากางเกงผ้าที่กองอยู่ที่พื้น....ถึงจะอายุเท่ากันแต่เจ้าบ้านั่นจะตัวสูงใหญ่เกินไปแล้ว!
ร่างบางนั่งลงไปที่โซฟาก่อนที่ใบหน้ากระฟัดกระเฟียดจะก้มลงไปพับขากางเกงด้วยความหงุดหงิด
แสงไฟและไออุ่นจากเตาผิงทำให้ร่างกายที่ด้านชารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที
หัวสีเงินหันไปหันมาก่อนจะคว้าผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวเอาไว้
สองขายกขึ้นมาชันเข่าอยู่ในผ้าห่มก่อนจะถูมือไปมา
พอร่างกายเริ่มคลายความหนาวเย็น
นัยน์ตาสีมรกตจึงค่อยๆกวาดมองไปรอบห้องว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม
จากที่เขามาเมื่อครั้งหลังสุด
บ้านหลังนี้ก็ยังคงเป็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆเหมือนเดิม ชั้นล่างก่อด้วยหินก้อนใหญ่
ส่วนชั้นบนเป็นโครงไม้ตามสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์ที่เห็นได้ทั่วไป...ยังคงเป็นบ้าน...ของลูกชายร้านขายอาหารธรรมดาๆเหมือนเดิม
สำหรับเขาแล้วฐานะชาติตระกูลจะต่างกันแค่ไหนเขาก็ไม่สน
จะเป็นเพศเดียวกันยังไงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ....
แต่ดูเหมือนคนในครอบครัวของเขาคงจะคิดต่างกันออกไป
แค่เขาหนีมาเป็นทหาร
คนในบ้านของเขาก็แทบจะเต้นเป็นไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก
ยิ่งได้รู้ว่าเขาดันมารักกับผู้ชายด้วยกันแถมยังต่างชั้นกว่ามากแบบนี้...พวกนั้นคงไม่อยู่เฉยแน่
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาหนักใจพอๆกับการที่ยามาโมโตะต้องออกไปเสี่ยงตายอยู่นอกกำแพงนั่นเลย
นัยน์ตาสีมรกตมองเรื่อยไปจนถึงโต๊ะที่มีสายหนังและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติที่ถูกทำความสะอาดวางเอาไว้…มันเป็นอาวุธคู่กายของทหารที่จะใช้ในการกำจัดไททัน...กล่องอลูมิเนียมยาวบรรจุใบมีดใหม่ๆเอาไว้เต็ม...มันคือใบมีดสำหรับตัดต้นคอซึ่งเป็นจุดอ่อนเดียวของไททัน...ร่างกายใหญ่ยักษ์นั่นต่อให้โดนปืนใหญ่ยิงใส่มันก็ไม่เป็นไร...เพราะอวัยวะทุกส่วนของไททันนั้นงอกขึ้นมาใหม่ได้
จะมีก็แต่ชิ้นเนื้อบริเวณหลังคอเท่านั้นที่หากถูกเฉือนด้วยใบมีดคู่นี้แล้วพวกมันก็จะสลายหายไปกับอากาศในทันที
เป็นเพราะต้องเข้าไปให้ถึงต้นคอของร่างใหญ่ยักษ์ที่คาดเดาพฤติกรรมอะไรไม่ได้เลยแบบนั้นเพราะพวกมันไม่มีสติปัญญา
ทำให้ทหารของทีมสำรวจจะต้องมีความสามารถเฉพาะตัวมากกว่าใครๆ
ไม่เช่นนั้นคงถูกไททันจับกินตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้ต้นคอเลยด้วยซ้ำ
เงาวูบไหวทำให้รู้ว่าร่างสูงใหญ่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้อง
ถ้วยซุปร้อนๆถูกยื่นมาให้สองมือของเขารับเอาไว้
ไออุ่นที่ลอยกรุ่นทำให้ร่างกายรู้สึกดีเมื่อได้กินมันเข้าไป
ยามาโมโตะนั่งลงข้างกายด้วยท่าทางสบายๆราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะต้องออกไปเสี่ยงอันตราย
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองลงไปในถ้วยซุป
ก่อนที่ริมฝีปากจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“
ไม่มีอะไรที่ชั้นช่วยได้เลยหรือยังไง....”
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะนั่งรออยู่แบบนี้เลย
เสียงสวบสาบขยับเข้ามาใกล้
ทำให้เขาหันไปมอง ใบหน้าของเราทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจ
มือใหญ่แตะสัมผัสลงมาที่แก้มก่อนจะยกขึ้นไปเกลี่ยเส้นผมสีเงินของเขาอย่างแผ่วเบา
“
แค่นายอยู่อย่างปลอดภัยในกำแพงนี้ก็พอ โกคุเดระ” เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้เขาอยากจะร้องไห้...มันทั้งอุ่นและทั้งหน่วงอยู่ในหัวใจ
ถ้วยซุปถูกมือใหญ่ดึงออกไปวางไว้ที่พื้น
ก่อนที่ใบหน้าคมจะยื่นเข้ามาหา ริมฝีปากแนบสัมผัสลงมาให้จูบนั้นตราตรึงอยู่ในทุกอณูของร่างกาย
แผ่นหลังบางค่อยๆถูกดันให้เอนราบลงกับพื้นโซฟา
ก่อนที่ใบหน้าคมจะละออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“
คืนนี้นอนที่นี่นะ...” ใบหน้าสวยถึงกับแดงเถือกด้วยความอายเพราะรู้ดีถึงความหมายของมัน
แต่คนปากแข็งมีหรือจะไม่บ่ายเบี่ยง
“
ฝนมันตกหนักแบบนี้แล้วแกจะให้ชั้นไปนอนที่ไหนเล่า ไอ้บ้า...” ใบหน้าได้แต่เสมองไปที่อื่น
ปล่อยให้ฝ่ามือที่สอดเข้ามาในเสื้อยืดตัวใหญ่นั้นทำตามแต่ใจ
แล้วแสงตะเกียงก็วูบไหวสาดกระทบผนังเป็นเงาร่างของคนสองคน
ที่ต่างกอดรัดซึ่งกันและกันจนเงานั้นแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว...
เช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยอยากจะให้มาถึงนั้นมาเยือนไวกว่าที่คิด
ถึงแม้ว่าจะอยากอ้อยอิ่งแนบอิงอีกฝ่ายเอาไว้ให้นานแค่ไหนมันก็คงจะถ่วงเวลาที่เดินไปเรื่อยๆนั้นไม่ได้
ร่างบอบบางจึงจำต้องละออกมาจากร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงนั่นช้าๆ
ใบหน้ายามหลับของยามาโมโตะช่างดูสงบจนเขาไม่อยากจะให้จากไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ใบหน้าสวยสะบัดหน้ากลับมาหาเสื้อผ้าที่น่าจะแห้งแล้วของตัวเอง
ก่อนจะพยายามละจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนั้นไปให้ได้
ชุดที่ถอดตากเอาไว้ค่อยๆถูกสวมกลับมายังร่างกายดังเดิม
ที่นอกหน้าต่างสายฝนยังคงโปรยปรายลงมา...วันนี้ช่างไม่เหมาะที่จะเคลื่อนทัพเลยจริงๆ...ขนาดท้องฟ้ายังหลั่งน้ำตาลงมาเลย
เรียวขาที่ตั้งใจจะเดินออกไปโดยไม่ปลุกอีกฝ่ายกลับชะงักลงเมื่อจู่ๆเสื้อคลุมสีเขียวก็ถูกคลุมลงมาที่ไหล่
“
ฝนยังตกอยู่นะ สวมมันไปสิ โกคุเดระ”
นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างเมื่อมองเห็นตราสัญลักษณ์รูปปีกแห่งอิสรภาพบนแผ่นหลังซึ่งสะท้อนอยู่ในกระจกเงา
ก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าของยามาโมโตะจะสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง
ใบหน้าคมที่ก้มลงซบอยู่ที่หัวไหล่ทำเอานัยน์ตาถึงกับสั่นพร่า....
ไม่อยากให้ไป.....ไม่อยากให้ไปเลย....
เขารั้งไว้ไม่ได้เลยหรอ....เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยหรอ.....
สองแขนได้แต่วางลงไปบนอ้อมแขนที่กอดอยู่รอบเอวก่อนจะกระชับมันให้แน่นกว่าเดิม...ทั้งๆที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
แต่น้ำตาก็ยังคงไหลลงมาเหมือนเดิม....
“
ฉันสัญญาว่าจะกลับมา....สัญญา....”
มีเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาคำนี้เท่านั้น
ที่ทำให้เขายังคงรอคอยได้...ด้วยความหวัง
ยามาโมโตะออกมายืนส่งเขาที่หน้าบ้านด้วยชุดทหารเต็มยศ...พอเขากลับไป
ร่างสูงใหญ่นั่นก็คงจะตรงดิ่งไปที่กองบัญชาการทหารของทีมสำรวจ...เพื่อเตรียมตัวออกไปนอกกำแพง
ใบหน้าคมยังคงส่งเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงจะรู้ว่ายามาโมโตะเก่งกาจขนาดไหน
แต่กับไททันพวกนั้นมันก็ไม่มีอะไรจะมารับประกันได้ว่าจะไม่พลาดท่าให้พวกมัน
ที่เขาจะห่วง
ที่เขาจะกังวล...มันก็สมควรแล้ว
ร่างบอบบางกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาว
แต่ก่อนที่จะบังคับให้มันวิ่งทะยานออกไป เสียงทุ้มก็เรียกเขาเอาไว้
“
โกคุเดระ!” และเมื่อหันไป
นัยน์ตาสีมรกตก็ถึงกับเบิกกว้าง
มือใหญ่กำเอาไว้ก่อนจะยกข้างขวามาวางไว้บนตรารูปปีกบนอกซ้าย
ส่วนมือซ้ายก็ย้ายไปวางไพล่หลังเอาไว้....มันคือท่าทำความเคารพของทหาร....
“
ฉันคือทหารที่สาบานเอาไว้ ว่าจะถวายหัวใจดวงนี้ให้แก่องค์ราชา”
“
และตอนนี้ ราชาของฉัน ก็มายืนอยู่ตรงหน้า...”
มันคือท่าถวายหัวใจที่จงรักและภักดี
ใบหน้าสวยได้แต่พยายามห้ามรอยยิ้ม
ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ
เพราะหัวใจทั้งสองดวงต่างตรงกัน
เขาสามารถที่จะหันหลังกลับและเฝ้ารอคอยอีกฝ่ายได้...ด้วยหัวใจที่จงรักและภักดี...
เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวใจดวงนี้ก็จะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน
ร่างบอบบางกลับมาถึงบ้านในเขตเฮอร์มิฮาด้วยท่าทางสโลสเลโซเซ
ไอร้อนที่แผ่ออกจากร่างกายทำให้รู้ว่าเขาคงจะเป็นไข้เพราะตากฝนมาถึงสองวันติดแน่ๆ
ร่างทั้งร่างทิ้งตัวลงไปบนที่นอนก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
เหมือนจะได้ยินเสียงพ่อบ้านแว่วเข้ามาในหูจากที่ไกลๆ
แต่เปลือกตาก็หนักเกินกว่าจะเปิดขึ้นมาได้
เขาได้แต่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่แบบนั้น
จนกระทั่งมือเย็นๆของใครบางคนสัมผัสมาที่ข้อพับแขน
ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงปลายเข็มที่ทิ่มลงมา...และไม่นาน...เปลือกตาก็เบาโหวงจนสามารถเปิดขึ้นไปมองได้ว่าใครบางคนนั้นก็คือ...คุณหมอชื่อดังแห่งเขตชิกันชินะ
“
คุณหมอ...เยเกอร์....”
เสียงแหบพร่าดังออกไปจากริมฝีปากที่ร้อนผ่าว ใบหน้าใจดีภายใต้กรอบแว่นส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“
เป็นยังไงบ้าง โกคุเดระคุง...” มือที่แลดูอบอุ่นทว่ากลับเย็นสบายนั้นค้นหาขวดยาที่อยู่ในกระเป๋าก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาออกมาอีกเล่มหนึ่ง...นี่พ่อบ้านของเขาถึงขนาดไปตามหมอเยเกอร์มาจากชิกันชินะเลยหรอเนี่ย....อาการของเขามันหนักมากหรือว่ากังวลกันไปเองกันแน่นะ
“
เดี๋ยวฉีดยาอีกเข็มแล้วก็นอนพักฟื้นพร้อมกับกินยาตามที่หมอให้ไว้...เท่านี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วละ”
แล้วเข็มฉีดยาก็ทิ่มลงมาที่ข้อพับแขนของเขาอีกครั้ง
“
หมอจะอยู่ที่นี่อีกวันสองวัน แล้วจะแวะมาดูอาการนะ” เขาทำได้แค่พยักหน้าขอบคุณก่อนที่ความง่วงงุนจะครอบงำให้สติหายไปอีกครั้ง
ดูเหมือนยาที่คุณหมอเยเกอร์ฉีดให้มานั้นมันจะรักษาพิษไข้ได้ดีทีเดียว
เพราะหลังจากที่หลับเป็นตายไปทั้งคืน
ตอนเช้าเขาก็ตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่รู้สึกเบาโหวง
เหงื่อที่ออกทั่วร่างทำให้ถูกพ่อบ้านจับเช็ดตัวอย่างช่วยไม่ได้
แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าป่านนี้พ่อบ้านขี้กังวลคงจะไปลางานให้เขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ร่างบอบบางย้ายตัวเองจากบนเตียงมานั่งลงที่ข้างๆหน้าต่าง
บัวรดน้ำเล็กๆถูกจรดลงไปที่กระถางดอกไม้ที่กำลังออกดอกสีแดงสด
ใบหน้าเผลออมยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมาจนไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
“
อ๊ะ! คุณหมอเยเกอร์?!”
เขาวางบัวรดน้ำลงก่อนจะหันไปโค้งให้ชายวัยกลางคนที่เดินยิ้มแย้มเข้ามา
นัยน์ตาที่อ่อนโยนคู่นั้นหันไปมองกระถางดอกไม้ของเขาแว่บหนึ่งก่อนจะนั่งลงมาที่ฝั่งตรงข้าม
“
อาการเป็นยังไงบ้าง?” มือวางลงไปบนโต๊ะเพื่อให้คุณหมอจับชีพจร
“
แทบจะหายเป็นปกติแล้วครับ ยังมีมึนๆอยู่บ้างนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
คุณหมอตรวจร่างกายของเขาอีกนิดหน่อยก็พยักหน้าอย่างคลายกังวล
ดูเหมือนอาการของเขาจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก
แล้วในขณะที่มือใหญ่ๆคู่นั้นกำลังเก็บอุปกรณ์การแพทย์ลงกระเป๋า
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นก็หันไปมองกระถางต้นไม้ของเขาพรางถามขึ้นมา
“
มีคนสำคัญให้มาหรอโกคุเดระคุง ดูเหมือนมันจะถูกดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี”
เส้นผมสีดำยาวที่ล้อมกรอบใบหน้าของคุณหมอทำให้รู้สึกว่าเป็นคนใจดี
และเมื่อคนใจดีถามจี้ใจดำออกมาแบบนี้เขาก็ถึงกับหน้าแดงเถือก
“
กะ ก็....ครับ...”
คนที่ให้มันมา...ก็เจ้าบ้ายามาโมโตะที่คุณหมอน่าจะรู้จักอยู่บ้างเพราะยังไงเสียก็อยู่ในเมืองเดียวกันนั่นแหละ
ใบหน้าของเขาอมยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ร่างสูงยื่นกระถางต้นไม้ต้นนี้มาให้
ตอนนั้นมันยังต้นเล็กจิ๋วอยู่เลย
แล้วยิ่งนึกถึงใบหน้าคมนั่นมากเท่าไหร่....
ความกังวลใจก็ยิ่งคืบคลานเข้ามาจนใบหน้าที่อมยิ้มน้อยๆของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
แล้วคุณหมอก็คงจะรู้สึกได้....
“
เป็นห่วงยามาโมโตะอย่างงั้นหรอ?”
คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงนุ่มนวลทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งเฮือก....
คุณหมอรู้....
มือที่เก็บกระเป๋าอยู่ละออกมา
ก่อนที่ร่างสูงยาวจะหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
จู่ๆคำถามที่ทำเอาเขามึนงงก็เอ่ยออกมาจากริมฝีปากของคุณหมอ
“
เธอ....อยากจะช่วยยามาโมโตะไหม?...ถ้าเป็นเธอที่มีดวงตาสีมรกตแบบนี้ละก็...ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามีแต่จะทำให้ใบหน้าของเขาสงสัยและประหลาดใจ
ยิ่งคำถามต่อไปก็มีแต่จะยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม
“
อยากช่วยยามาโมโตะ...ด้วยการแปลงเป็นไททันที่มีสติปัญญาแล้วคอยสนับสนุนกองทัพกับทีมสำรวจของยามาโมโตะไหม...โกคุเดระคุง?”
คุณหมอขอตัวกลับไปแล้ว...ทิ้งคำถามที่ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ในหัวของเขาเอาไว้
แปลงเป็นไททันคืออะไร?
แล้วมันจะทำได้ยังไง?
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
เพราะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเขาจึงไม่ได้ตอบอะไรออกไป
และดูเหมือนคุณหมอก็ไม่ได้เซ้าซี้ก่อนจะลากลับไปปล่อยให้ความสงสัยมันคาใจเขาอยู่แบบนี้
ราวกับรู้ดีว่า....สักวัน...เขาจะเลือกมันเอง...
ถ้าแปลงเป็นไททันที่มีสติปัญญาได้...มนุษย์ก็จะสามารถต่อสู้กับไททันตัวมหึมาที่อยู่นอกกำแพงนั่นได้อย่างสูสี...เป็นอาวุธที่ใช้ต่อกรกับศัตรูที่ไม่อาจจะสู้ได้มาเป็นร้อยๆปี
แล้วถ้าอย่างงั้น...ถ้าคุณหมอรู้ถึงวิธีที่จะทำให้มนุษย์แปลงเป็นไททันได้....แล้วทำไมถึงไม่ทำมาตั้งนานแล้วล่ะ?
ทำไมถึงเก็บเงียบเอาไว้?
หรือว่า...
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำได้?
“
ถ้าเป็นเธอที่มีดวงตาสีมรกตแบบนี้ละก็....”
คำพูดของคุณหมอยังคงวนเวียนอยู่ในหัว....หรือว่ามันอาจจะเป็นที่สายเลือดหรือพันธุกรรมอะไรสักอย่าง
ใช่...ถ้าเป็นดวงตาสีมรกตแบบนี้ละก็...ไม่ใช่ว่าใครจะมีกันได้ง่ายๆ
เพราะมันคือสีตาของคนที่รับนามแห่งราชวงศ์เอาไว้เท่านั้น
จากวันที่พวกกองทหารทีมสำรวจออกไปนอกกำแพงก็ผ่านมาแค่สามวัน
แต่สำหรับคนที่เฝ้ารอคอยด้วยความกังวลแล้วมันราวกับผ่านไปสามปี
ตอนนี้พิษไข้ของเขาทุเลาลงจนหายเป็นปกติแล้ว
ร่างบอบบางที่โดดงานไปหลายวันจึงกลับไปทำงานที่สำนักงานกองสารวัตรทหารของเขตเฮอร์มิฮาตามปกติอีกครั้ง
และแค่ขาเหยียบเข้าไปในตัวอาคาร
คนเดินข่าวที่กำลังวิ่งวุ่นก็ถูกเขาดักจับเอาไว้ทันที
“
เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“
ผมกำลังจะเข้าไปแจ้งข่าวแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดน่ะครับ...เพิ่งได้รับข่าวส่งต่อมาจากเขตทรอสต์....ว่ากองทหารทีมสำรวจกลับมาแล้ว...ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลายอย่าง
ทำให้ทหารบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง เลยต้องถอนทัพกลับมาไวขนาดนี้”
ข่าวที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้ามีแต่จะทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง....มันเร็วเกินไปอย่างที่อีกฝ่ายว่าไว้จริงๆ
เพราะปกติแล้วทีมสำรวจจะออกไปอย่างน้อยๆก็อาทิตย์หนึ่ง...แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปสามวัน...
ถึงแม้เขาจะเฝ้าภาวนาให้พวกนั้นกลับมากันไวๆ...แต่ถ้าจะไวขนาดนี้มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไหร่
ยิ่งคนเดินข่าวบอกเอาไว้ว่า...บาดเจ็บกันเกินกว่าครึ่ง....
ใจที่ห่วงกังวลทำให้ร่างบอบบางหันหลังออกไปจากสำนักงานกองสารวัตรทหารทันที
ก่อนจะตรงรี่เข้าไปหาเจ้าม้าสีขาว
มันพุ่งทยานออกไปอีกครั้ง....ไปยังเขตชิกันชินะ
ยามาโมโตะ...ขอให้นายยังคงปลอดภัยที.....
ในใจได้แต่ภาวนาคำคำนี้
ก่อนที่ร่างบอบบางจะไปถึงหน้าบ้านในเขตชิกันชินะด้วยเหงื่อโทรมกายเพราะควบม้ามาอย่างที่ไม่ได้หยุดพัก
ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทำให้มือเคาะระรัวลงไปที่ประตูไม้หน้าบ้าน
เคาะอยู่นาน....ก็ยังคงมีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา
“
ยามาโมโตะ!! เปิดประตูสิ!!”
การมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้านคนอื่นในยามค่ำคืนแบบนี้ไม่มีในบทเรียนไหนของเชื้อสายเขาที่สั่งสอนมา
ทว่าความร้อนลนในใจมันก็ทำให้อดทนต่อไปไม่ไหว...
ถ้าหากนายยังปลอดภัย
ยังกลับมาที่บ้านหลังนี้...ก็ออกมาเปิดประตูให้ชั้น...
ค่ำมืดแบบนี้...แล้วยิ่งเป็นวันที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกกำแพง...ยามาโมโตะไม่มีทางไปไหนแน่ๆ
จะต้องอยู่ในบ้านหลังนี้สิ...
จะต้องอยู่....
“
เลิกเคาะเถอะแม่หนู...ในบ้านนั้นไม่มีใครอยู่หรอก...ทั้งคนพ่อคนลูก
ยังไม่มีใครกลับมาซักคน”
แล้วเสียงของป้าแก่ๆที่อยู่ข้างบ้านก็ทำเอาเข่าของเขาแทบทรุดลงไป
ใบหน้ารู้สึกชาวาบไปจนถึงแผ่นหลัง
ไม่มีใครอยู่?....ยังไม่มีใครกลับมา?....หมายความว่ายังไง?
“
ไม่จริง....ไม่จริงหรอก....ก็นายสัญญากับชั้นเอาไว้...ว่าจะกลับมา....” ใบหน้าที่นิ่งค้างพูดออกมาราวกับคนบ้า
นัยน์ตาที่พร่ามัวทำเอาทรงตัวแทบไม่อยู่
หัวใจทั้งเต้นแรงทั้งเจ็บแปลบ
มีแต่คำว่าไม่จริงๆๆๆ
ลอยซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
ร่างบอบบางตวัดตัวขึ้นม้าสีขาวอีกครั้ง
ก่อนจะบังคับให้มันวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไปยังกองบัญชาการทหารของทีมสำรวจ
ดึกป่านนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่อีกหรือเปล่า....แต่เขาก็อยากจะถามจากปากของใครสักคน
ว่า
ยามาโมโตะ ทาเคชิ....กลับมาหรือเปล่า.....
แล้วในที่สุด
ม้าสีขาวก็มาหยุดลงที่หน้าอาคารกองบัญชาการทหารทีมสำรวจของเขตชิกันชินะ
แสงไฟสลัวๆที่ลอดออกมาจากระเบียงทางเดินทำให้อกซ้ายที่เต้นระรัวอยู่แล้วเริ่มใจเสีย
อาคารทั้งอาคารมืดสนิทบ่งบอกว่าที่นี่คงจะไม่มีใครอยู่
แต่ถึงกระนั้นร่างบอบบางก็ยังกระโดดลงไปจากหลังม้า
สองขาวิ่งตรงดิ่งเข้าไปอย่างไม่สนลมหายใจของตัวเองที่หอบฮั่ก เหงื่อก็แตกพลั่กเต็มใบหน้า
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วทางเดินซึ่งเป็นที่เดียวที่พอจะมีแสงจากคบไฟติดอยู่
ยิ่งไม่มีวี่แววของใครเลยแบบนี้ก็มีแต่จะทำให้เคว้งคว้าง
ร่างบอบบางยืนหันไปหันมาอย่างหาที่พึ่ง
ตั้งแต่เกิดมาก็มีครั้งนี้นี่แหละ...ที่คิดว่าฐานันดรของตนนั้นมันช่างไร้ค่าเพราะว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เลย
อยากจะเอ่ยปากสั่งใครสักคน...ใครก็ได้ให้บอกเขาที...ว่ายามาโมโตะปลอดภัยดีหรือเปล่า...
แต่ก็ไม่มีใคร.....ไม่มีใครเลย....
ในขณะที่ริมฝีปากสีระเรื่อกำลังเม้มแน่นอย่างพยายามห้ามน้ำตาที่จะไหลลงมาเพราะอับจนหนทาง...ก็ราวกับมีแสงสว่างประทานใครสักคนนั้นมาให้...เมื่อเสียงฝีเท้าหนึ่งค่อยๆก้าวเข้ามาหา
และเมื่อใบหน้าสวยหันไป
นัยน์ตาสีมรกตก็สั่นระริกด้วยความรู้สึกขอบคุณ...คนที่ก้าวขาเข้ามาคือคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เพราะเป็นทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่ที่มาจากรุ่นที่ห่างกันแค่รุ่นเดียว
“
เอลวิน!!” สองขาแทบจะกระโจนเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่มีเส้นผมสีทอง
นัยน์ตาที่อ่อนโยนคู่นั้นให้ความรู้สึกราวกับอีกฝ่ายเป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้
“
ยามาโมโตะล่ะ?! หมอนั่นอยู่ที่ไหน?!!” สองมือบางจับไปที่สาบเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะเขย่าไปมาด้วยความร้อนลน
“
โกคุเดระ...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากใบหน้าที่ก้มลงมายิ้มให้ ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นมาวางไว้บนหัวสีเงินอย่างเอ็นดู
“
วางใจเถอะ...ยามาโมโตะปลอดภัยดี เพียงแต่บาดเจ็บสาหัสจากการเข้าไปช่วยลูกน้องเอาไว้
เลยต้องพักฟื้นอยู่ที่สถานพยาบาล จะไปด้วยกันไหมล่ะ? ฉันกำลังจะไปพอดี”
ร่างบอบบางถึงกับเซถอยหลังด้วยความโล่งอกจนร่างสูงใหญ่ต้องยกมือมาจับแขนเอาไว้ด้วยความตกใจ
ริมฝีปากสีระเรื่อยิ้มออกมาพร้อมๆกับหอบหายใจ....
คนตรงหน้าจะรู้บ้างไหมว่าคำพูดของตนมันทำให้เขาหายใจออก....
ขาเรียวก้าวตามร่างสูงใหญ่ไปที่อาคารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองแผ่นหลังของเอลวินที่เดินนำอยู่ข้างหน้า....
ปีกแห่งอิสรภาพ
ยังคงกระพือขึ้นลงอยู่กลางแผ่นหลังที่กว้างใหญ่นั่น
ทั้งเอลวิน
ทั้งยามาโมโตะ คือความหวังของมวลมนุษยชาติ ใครต่อใครก็ต่างเชื่อมั่นกันว่า
หากยังมีสองคนนี้อยู่ในทีมสำรวจ...สักวัน...ปีกคู่นั้นมันจะโบยบินแล้วพาพวกเราทั้งหมดก้าวข้ามกรงที่ชื่อว่า
กำแพง แห่งนี้ออกไปได้
นัยน์ตาสีมรกตลดลงมามองเงาของตัวเองที่ทาบทับลงไปบนพื้น....
แล้วตัวเขาล่ะ?
ทั้งๆที่ตัวเขาคือคนที่เป็นท็อปของชั้นปี
ทั้งๆที่เขาควรจะไปยืนอยู่เคียงข้างสองคนนี้....
ทั้งๆที่มีความสามารถ...แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย....
ร่างสูงใหญ่พาร่างบอบบางเดินขึ้นไปบนชั้นสองของอาคารสถานพยาบาลซึ่งสว่างไสวต่างจากที่ที่เพิ่งเดินจากมา
ก่อนที่ขาทั้งสองคู่จะมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง
“
ยามาโมโตะอยู่ในนี้แหละ...เชิญตามสบายนะ
เดี๋ยวฉันขอไปดูอาการลูกน้องคนอื่นๆก่อน”
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้ผมสีทองพยักไปที่ห้องที่อยู่เยื้องเข้าไป
ก่อนที่มือใหญ่ทั้งสองข้างจะย้ายลงมาวางที่ไหล่ของเขา แล้วนัยน์ตาสีฟ้าก็มองเข้ามาในดวงตาสีมรกตด้วยความจริงจัง
“
ไม่ต้องตกใจนะโกคุเดระ...ยามาโมโตะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
แล้วแผ่นหลังที่แบกรับปีกแห่งอิสระเอาไว้ก็เดินจากไป....
ถ้าเอลวินพูดให้เขาทำใจขนาดนี้...อาการของยามาโมโตะมันจะหนักหนาขนาดไหนกัน...
หัวใจที่นิ่งสงบลงได้กลับเริ่มเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว...
สองขาพยายามอย่างหนักที่จะก้าวเข้าไปรับรู้ความเป็นจริง
แอ้ด...
บานประตูค่อยๆถูกแง้มออกให้แสงจากภายนอกสาดส่องเข้าไปให้เห็นเตียงเดี่ยวที่ตั้งอยู่กลางห้อง
ภาพของคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นทำเอานัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
มือบางยกขึ้นมาปิดปาก ที่หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบราวกับว่าบาดแผลพวกนั้นมันเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
ทั้งแขนทั้งขาทั้งลำตัวถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลที่ยังมีเลือดไหลซิบ
ที่ใบหน้าคมก็มีผ้าปิดตาพาดอยู่ข้างหนึ่ง ที่หัวก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้
สายเลือดและสายน้ำเกลือยังคงห้อยระโยงรยางค์ลงมาจากขวดที่ห้อยอยู่บนราวแขวนข้างๆ
ยามาโมโตะยังไม่ได้สติ....
ทั้งๆที่เขาเดินโซเซเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลย
ร่างทั้งร่างได้แต่ทรุดลงไปที่ข้างเตียง
หัวเข่าชันพื้นเอาไว้ให้ใบหน้าอยู่เสมอขอบเตียง
“
ยามาโมโตะ....”
เสียงพร่ำกระซิบเรียกชื่อของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด.....ถ้าต้องมาเห็นคนที่ตนรักอยู่ในสภาพปางตายแบบนี้
จะมีใครกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้บ้าง
“
ยามาโมโตะ....”
มือเอื้อมไปวางไว้บนฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล
ก่อนที่ใบหน้าจะซบลงไปที่หัวไหล่แข็งแรงที่บัดนี้มีแต่กลิ่นเลือดลอยคลุ้ง
น้ำตาร่วงกราวลงไปโดยไม่รู้ตัว
“
เจ็บมากไหม...ยามาโมโตะ.....”
“
ยามาโมโตะ.....”
แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้อง...
มือบางลูบเสี้ยวใบหน้าคมที่ยังคงไม่ได้สติ...เขาเฝ้าเรียกชื่อของยามาโมโตะอยู่ทั้งคืน...แต่เรียกเท่าไหร่ร่างสูงใหญ่นั่นก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“
ไม่ต้องห่วงนะครับ...ร่างกายเขาต้องการพักฟื้น เลยหลับยาวแบบนี้”
คุณหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามาตรวจก่อนจะเอ่ยให้กำลังใจเขา
ใบหน้าได้แต่พยักรับด้วยสายตาเลื่อนลอยเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ร่างบอบบางขยับเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียง
ก่อนจะจับมือใหญ่นั้นเอาไว้หลวมๆ
นัยน์ตาทอดมองใบหน้าสงบของยามาโมโตะ....จะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกกี่ครั้ง...
เขาจะต้องทนเห็นร่างสูงบาดเจ็บกลับมาแบบนี้อีกกี่หน...
ถึงจะรู้ว่ามันยังดีกว่าไม่กลับมาเลยก็เถอะ
เขา....ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรอ?
ยศถาบรรดาศักดิ์ที่เขามี...ช่วยอะไรคนที่เขารักคนนี้ไม่ได้เลยหรอ?
“
ถ้าเป็นเธอที่มีดวงตาสีมรกตแบบนี้ละก็....”
แล้วจู่ๆคำพูดคำนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว
พร้อมกับหัวใจที่เต้นกระตุกไป
มีสิ...เรื่องที่เขาจะทำได้...
ต่อให้ยศถาบรรดาศักดิ์ที่เขามีจะช่วยอะไรไม่ได้.....แต่สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนี้ก็ดูเหมือนจะยังมีประโยชน์
“
ยามาโมโตะ...เดี๋ยวชั้นมานะ...แกอย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมาจนกว่าชั้นจะกลับมาเข้าใจไหม...เพราะคนแรกที่แกจะมองเห็นต้องเป็นชั้นเท่านั้น”
เขาทิ้งคำพูดเอาแต่ใจเอาไว้ก่อนจะวางมือใหญ่ลงบนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าสวยก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากซีดเซียวก่อนจะละใบหน้าออกมา....ด้วยนัยน์ตาสีมรกตที่ฉายแววแน่วแน่
ร่างบอบบางเดินไปขึ้นม้าสีขาวที่ผูกเอาไว้ก่อนจะทยานออกไป...ถึงจะไม่ได้คุ้นเคยกับเขตชิกันชินะมากนัก
แต่บ้านของหมอคนสำคัญทำไมเขาจะไม่รู้จัก
แล้วเรียวขาที่อยู่ในบูทสูงสีดำสนิทก็ค่อยๆเดินขึ้นบันไดบ้านไม้หลังไม่ใหญ่ไม่เล็กๆที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า
...บ้านเยเกอร์...
ประตูถูกเปิดเข้าไป
แผ่นหลังที่คุ้นตาของคุณหมอหันมายิ้มรับราวกับว่ากำลังรอเขาอยู่
แล้วริมฝีปากก็พูดออกไปอย่างไม่มีลังเลอีก
“
คุณหมอ...ช่วยทำให้ผมกลายเป็นไททันที”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แปะภาพปลากรอบจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น
กำแพงทั้งสามชั้นหน้าตาเป็นอย่างงี้ค่ะ
ในส่วนที่อยู่อาศัยจะอยู่ในกระเปาะยื่นออกมาจากวงกลมของกำแพงแต่ละชั้นนั่นแหละ ส่วนพื้นที่อื่นๆในวงกลมก็จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ก็พื้นที่การเกษตรค่ะ
หน้าตาจะคล้ายๆเมืองป้อมของยุคกลางเลยค่ะ
อาคารในเมืองจะหน้าตาประมาณนี้ (ไอ้ตัวที่หันหลังอยู่นั่นคือไททันค่ะ)
ส่วนอันนี้บ้านเยเกอร์ค่ะ หลังที่มีบันไดนั่นแหละ
อันนี้สัญลักษณ์ของสามเหล่าทัพ
ตรงกลางก็สัญลักษณ์ของกองสารวัตรทหาร ส่วนขวาสุดคือปีกแห่งอิสรภาพของกองทหารทีมสำรวจ
เครื่องแบบทหารและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ แต่เสื้อตัวในนี่แล้วแต่ใครจะใส่ยังไงก็ได้ค่ะ ของก๊กในฟิคเรื่องนี้จะเป็นเชิ้ตขาวเข้ารูป.....ส่วนรูปนี้แสดงแบบโดยนางเอก(?)ของเรื่อง เอเลน เยเกอร์ >////< ท่าแม่งได้ใจมี๊มากเบยค่ะ
สงสัยจะหลับกันไปหลายรอบกว่าจะอ่านมาถึงตรงนี้
กร๊ากกกกกก เฉื่อยได้ใจมากเรื่องนี้ แหะแหะ แต่เก๊าชอบแต่งฟิคแบบนี้ที่ซู้ดดดดดดด >////< โลกนี้มีแต่สองเรา ผางงงงง
ละ
แล้วก็...สาเหตุที่แต่งฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา นอกจาก "เรน บริค" แล้ว
มันเป็นเพราะอยากจะทำอะไรให้น้องสาวผู้น่ารักทั้งสองคนค่ะ
แหะแหะ...ขออนุญาติแฮปคู่นะๆ
ก็อย่างที่รู้ว่ายัยมี๊มันแต่งฟิคช้าขนาดไหน โฮววววว
(โดนกะทะเทปล่อนสกรีนลายก๊กสองใบเขวี้ยงมา)
สำหรับครึ่งแรก แอบแฮปให้คนที่มีวันคล้ายวันเกิดก่อน คือวันนี้ 9 สิงหา
สุขสันต์วันเกิดนะคะ
น้องขวัญ >w<
มีความสุขมากๆๆๆน้า
ขอให้เป็นปีที่ดีๆนะคะ ได้พบได้เจอแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่สมปรารถนา
พลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ ก๊กรักยามะหลงนะคะ ฮี่ๆๆ
ที่ผ่านมาก็ต้องขอขอบคุณกำลังใจและคอมเม้นต์น่ารักๆที่มีให้กันมาตลอด
เวลาอ่านแล้วก็จะยิ้มแล้วก็รู้สึกว่า ทำไมคนคนนี้น่ารักจังเนี่ย >w<
ส่วนของขวัญ
ยังเหลือตอนหน้าอีกตอน เหะเหะ ขออนุญาติแฮปพร้อมกับน้องสาวเก๊าอีกคนนะก๊ะ เพราะว่าคุณกวางมันทำไม่ทัน(โดนโบก)
ก็...ไม่รู้จะถูกใจไหมอ่ะนะ มันอาจจะเรื่อยเฉื่อยไปหน่อย
แต่เก๊าก็ตั้งใจแต่งเต็มที่เลยนะ *v* เพราะอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สวยงามพวกบทบรยายก็เลยจะเยอะนิดดดดนึงอ่ะนะ
ยะ ยังไงก็อย่าเพิ่งหลับไปก่อนน้า *เขย่า*
ส่วนท่อนจบของเรื่อง
ที่จริงตั้งใจจะลงวันที่ 11 สิงหา ทว่า...ข้าพเจ้าไม่อยู่ =[ ]=!!
เข้าป่าแล้วเนตมันชั่วร้ายมาก เพราะงั้นน่าจะมาอีกทีหลังวันแม่อ่ะนะ แหะแหะ
คือจะลงต่อไปเลยมันก็ยังไม่เสร็จไง โฮวววววว
ว่าแต่....ก๊กเป็นไททัน....ก๊กเป็นไททัน...นั่นคือไม่ได้ใส่เสื้อผ้าวิ่งไปวิ่งมา.....*q*....(ผลั๊วะ!!!) เอ่อ...กราบขอประทานอภัยมา ณ.
ที่นี้ด้วยค่ะ หลังจากที่ท่านเคยเห็นซอมบี้เซะซี่ไปแล้ว
คราวนี้ก็ลองมาดูไททันเซะซี่กันบ้าง อร๊างงง >////< (ผิดทั้งหมด!!)
อ๊ะ
สำหรับฟิคเรื่องนี้มีทิลเลอร์ โปรโมทด้วยค่ะ ที่นี่เบย >> KHR feat.attack on titan Au S.Fic [8059] DEEP KiSS : Trailer เพลงแรงบันดาลใจเพราะมากกกกเลยค่ะ
อยากให้ลองไปฟัง *w*
และหลายๆท่านอาจจะสงสัยว่า
"เรน บริค" คืออะไร.....เค้าคือคนคนนี้ค่ะ
เป็นหนึ่งในตัวละครของมังงะเรื่อง
elDLive
มังงะเรื่องใหม่ของ อ.อามาโนะขราของพวกเรานี่เอง โฮกกกกกกกกก
ดูหน้าเค้าสิคะ...ถอดแบบมาจากยามะเป๊ะอ่ะ
แล้วก็ดูสีผมเค้าสิคะ....นี่มันสีผมก๊กชัดๆอ่ะ....บอกมี๊มานะว่าพ่อแม่เอ็งชื่อยามะก๊กใช่ไหม!!!
เท่านั้นยังไม่พอ...ชื่อ...ยังบ่งบอกอีกต่างหาก....พ่อหนุ่มคนนี้ชื่อ
"เรน บริค" ค่ะ....เรน...นี่มันเกี่ยวอะไรกับ Rain ที่แปลว่า ฝน หรือเปล่าค้าาาาาาา (ลากไปได้ กร๊ากกกกก)
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
*w*
พี่กวางงง ขอบคุณมากเลยค่า ลืมไปเลยว่าวันเกิดขวัญ ดีนะเปิดๆแล้วเลื่อนมาอ่านtalkก่อน ง๊ากกกกกกกกกกกก ดีใจอะ!!ยิ้มไม่หุบเลยอะ!! >////< รู้ว่าพี่กวางงานยุ่งอุส่ามาทำของขวัญให้ขวัญในวันเกิดของขวัญ(???) ขอบคุณมากเลยคะ!!//โค้ง
ตอบลบ#ขอวิ่งขึ้นไปอ่านก่อนน้าเดี๋ยวมาสครีมอีกรอบคะ!!>/////<♥
ไวมากเบย 555 กะลังแทคไปที่เฟสอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะเข้ามารอ(เพราะกิตติศัพท์ความเลทของคุณกวางมันน้อยซะที่ไหน กร๊ากกก) >////<
ลบแอร๊ยยยย แค่รู้ว่าคนรับยิ้มก็ดีใจแบ้วค่ะ >////< สุขสันต์วันเกิดอีกรอบนะค้า
คุณกวางคะ... เผลอจิ้นยามะถือดาบฟันไททั่นด้วยวิชาดาบประจำตระกูลไปเฉยเลยอ่ะ =__=^
ตอบลบ#นี่สังเกตอะไร
กดไลค์รัวๆๆ ฮ่าๆๆ
ลบอ้าาาาา ก้คิดๆอยู่ว่าอย่างตัวเนียนมันคงไม่ยอมให้ก๊กออกไปผจญไททันแน่นอน เเพราะงั้นหมอนี่ต้องเป็นทีมสำรวจ!!! ส่วนก๊กก้สวยสูงศักดิ์ต่อไป (/////) พี่กวางบรรยายเก่งมากเลยคะ ตัวฉากนี่เห็นฉากเป็นฉากๆ(<///^///< ขอบคุณพี่กวางอีกครั้งนะคะ!♡
ตอบลบหนูก๊กต้องเป็นไททันที่หุ้นอรชรอ้อนแอ้นที่สุดในประวัติศาสตร์ไททันแน่ ๆ เบย อ้า..จิ้นรอค่ะ >////<
ตอบลบBarrinny ^^
กวางซาม๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา~~~
ตอบลบโฮกฮากกกก โฮกฮากกกกก ดีใจอ่ะ ดีใจ ได้อ่านคู่นี้แล้วดีใจ T ___ T
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกก
บอกตรงๆว่าในช่วงที่คลั่งไคล้ไปกับเรียวขา(?)ของเฮย์โจว(?) #ช่ะ เดี๋ยว!?
คลั่งไคล้ไปกับเรื่อง ในห้องที่แสงส่องไม่ถึง #มันควร(?)จะต้องบอกแบบนี้(?) 5555
เคยแอบคิด(?)ว่าถ้าเป็นยามะกับก๊กต้องมาหน่วง(?)กันเป็นพันปี
เราคงจะปวดร้าว(?)น่าดู แต่ในความปวดร้าวนั้นก็กลับอยากรู้สึก(?)
คิดเล่นๆว่าถ้าเป็นคู่นี้จะเป็นยังไงนะ ถ้าคนนึงต้องเป็นไททันจะเป็นยังไงนะ
ถ้ายามะจะโดนก๊กเตะ(?)จะเป็นยังไงนะ #มันใช่มั้ยเนี่ยยย 5555555
แล้วถ้ายามะจะลองพิรุนกระหน่ำแทง(?)ใส่ไททันจะเวิร์ค(?)มั้ยนะ #55555555 อาการหนัก
แล้วความคิดนั้นก็บังเกิด(?)ให้อ่านอยู่ตรงนี้แล้ว
โฮกกกกกกก กวางซามะเจ๋งสะบัดที่สุดในสามโลกกก
ตอนนี้อยากติดตามมากกกกก มันจะยังไง
คุณหมออออออ มันจะยังไง จะไททันยังไงค๊าาาา #อาการบ้ากำเริบ(?)
พิรุนจะได้กระหน่ำแทงงงงง(?)แล้ววว #อันนี้กบว.(?)จะมาลบคอมเม้นท์มั้ย = =
เราชอบอ่ะ ชอบการบรรยายแบบนี้ > <
ชอบการบรรยายของกวางซามะ
มันเหมาะกับคนที่ไม่ได้อ่านเรื่องไททันจริงจัง
ถ้าให้เทียบกับตอนที่เราอ่านห้องที่แสงส่องไม่ถึงแล้ว
โว้ววว(?) ณ ตอนนี้เราได้หลุดพ้น(?)จากการที่หัวติดอยู่ในกำแพง(?)แล้ว #55555 เอาเข้าไป
จริงๆมันเรียกว่าดื่มด่ำ!!!(?)นะคะกวางซามะ
ไม่เฉื่อยๆ ไม่หลับ เราตาตื่น(?)เลยค่ะ ชอบมากๆ > <
อาจจะด้วยความที่พอเป็นยามะกับก๊ก(?)แล้วจะต้องค่อยๆลอยละล่อง(?)
ดื่มด่ำไปกับสองเรา(?)แบบนี้มันถึงจะอิน(?)
ด้วยความที่ก๊กปากไม่ตรงกับใจ ก็ต้องบรรยายการกระทำเอานี่นะ
และเพราะอย่างนั้นนี่แหละ คือเสน่ห์ของหนูก๊กที่มัดใจยามะแบบเงื่อนตาย #มันจะเสี่ยวได้โล่ไปไหน
อ่านแล้วหรือรู้สึกดีใจจริงๆนะ ดีใจจริงๆ
มันคิดถึงคู่นี้จริงๆ T __ T จบจากดาวตกแล้วถึงจะมีใจ(?)ให้กิโนะจัง
กับท่อนขา(?)เฮย์โจวและโดนเอเลนดาเมจเข้าไป
แต่ก็ยังคิดถึง 8059 ตลอด
ที่ผ่านมาถ้าไม่ได้เปิดคอมเพื่ออ่านดาวตกนิดๆหน่อยๆ
ก็จะหยิบรัตติกาลไม่หวนกลับหมายเลขหนึ่งมาเปิดอ่านแทนอยู่บ่อยๆ
วางไว้หัวเตียงเลยล่ะค่ะ อารมณ์ก่อนจะหลับตาก็ขอเติมพลัง(?)สักบท
เปิดอ่านจนหน้าปกจะลอก(?) T _ T
#มันอ่านหรือมันจิก(?) #เศร้าจริงจังต้องรีบซ่อมแซ่ม 5555
เอาล่ะ ขอกรี๊ดก๊กในเรื่องนี้หน่อย #นี่แกยังไม่ได้เข้าเรื่องหรอกเหรอ!!!!
คือแบบว่า T _ T ก๊กสวยมาก สวยจริงจัง ฮือออ
เสื้อเชิ้ตน่ะเสื้อเชิ้ตตต กางเกงขาว มีสายหนังรัด(?)
ไหนจะฉากโดนอุ้ม(?) ไหนจะฉากนอนตัก
แล้วยังมีฉากเปียกฝน!!!! มายก๊อดดดดดดดดดด
สวยงามมมมมมม สวยงามจริงจังงงง T ___ T
ถึงจะรู้ว่ามันเป็นฟิคหน่วง(?) มีอุปสรรคขวางกั้นไม่ได้ต่างจากดาวตก(?)
เพราะอย่างนั้นก็ยิ่งอยากอ่านต่อมากๆเลย ว่าทั้งคู่จะผ่านไปครองรักกันได้แบบไหน
#หล่อนๆตื่นๆ(?)เขาเพิ่งจะopeningนะ ล่อซะอย่างกับตอนหน้าคือending = _ =
ยามะอบอุ่นมากๆๆ ตอนที่บรรยายว่ายามะยิ้มแล้วรู้สึกอบอุ่นจริงๆน้า
คู่นี้เขารักกัน ฮือออออออออ #ฉันเป็นคนบ้า 55555
แล้วก็เรนบริค!!!!!!!!!!!!!!! อันนี้อยากกรี๊ดในเฟสหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีโอกาส(?)
มันใช่เลยค่ะกวางซามะ นี่มันผลิตผล(?)จากยามะก๊ก นอนแน่!!!(?)
หน้าตาถอดแบบจากพ่อ(?) ผมสีเดียวกับแม่(?)
จบค่ะจบ จบเลย นอนตายสมบูรณ์ ฟินาเล่ 555555
และแน่นอนว่า มันจะต้องมีประเด็นแย่งแม่(?)กันอย่างแน่นอน #อาร๊ายยยย
#ยามะไม่ต้องเขวี้ยงลูกเบสบอลมาค่ะ เรายังไม่มีงบ(?)ซื้อ(?)ไม้เบสบอลไว้หวดกลับ = _ =
เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้นะคะกวางซามะ
จะติดตามไททันแสนสวย(?)รวยเสน่ห์(?)อย่างเหนียวหนึบเลย > o <
รัก 8059 รักกวางซามะ ////////////
อ๊า สนุกมากค่ะ นึกว่า khr จบไปแล้ว
ตอบลบจะไม่มีใครแต่งคู่นี้ออกมาอีกซะแล้วอีก :)
อรั้ย ในที่สุดเรื่องนี้ก์มาจนได้
ตอบลบแอบคิดเอาไว้เหมือนกันว่าถ้าสองคนนีไปอยู่ในเรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไง // นึกภาพแมดที่พี่กวางทำไว้เป็นภาพประกอบ
แต่หนูคิดตามรูปนั้นเลยว่าถ้ายามะเกิดแปลงเป็นไททันแล้วหนูก๊กไล่ตามโดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือพ่อเนียนแล้วจะเป็นยังไง
จากที่อ่าน ๆ มา พี่กวางแต่งดีขึ้นมากเลยน้า ภาษาจากที่ดีมากอยูแล้วยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
ชอบทุกสิ่งอย่าง การบรรยายในบางฉากทำเอาขนลุกเลยทีเดียว //ขนลุกเพราะแอบจิ้นไปไกล 555
ตอนที่หนูก๊กขี่ม้าตากฝนนี่เป็นอะไรที่อยากเห็นมากกก มันคงจะเซกซี่น่าดู // กำไรตายามะคนเดียว ชิ
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง อิอิ
*ฆ่าตัวตายใต้ร่มมุลี
ตอบลบ*หนูดองงานมาอ่าน เเละยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้อ่าน
เจ้กวางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงTT[]TT !!! โฮร่วววว อย่าด่าหนูเลยนะคะ เเต่เเบบว่า
หนูกะไว้ตั้งเเต่เเรกเเล้วว่า มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล !!! ว่าเเล้ว เปิดมาหวานๆ(?)เเบบนี้ เเล้วมันก็
เป็นเเบบที่หนูคิดจริงๆด้วยอะ...//น้ำตานองหน้า
หนูก๊กลูกกกกกกกกกกกกกก TT[]TT เอาจริงเหรอลูก นังริยาคนนี้พอจะเห็นอะไรบางอย่างเลือนลางที่ชวนให้ปวดตับสุดๆเลยเชียวล่ะ เอาจริงเร้อ !!! //เป็นลม
เอาล่ะ เข้าเรื่องๆ
ภาษาสวยโฮรกค่ะเรื่องนี้ !! >[]< ไอย้า อ่านเเล้วมันมโนภาพออกมาเป็นฉากๆเลยอะ สุดยอดด
*ชาบูว์*
ปล....
เราจะได้เห็นไททันโมเอะเเละซึนชนิดที่ฆ่าไม่ลงก็งานนี้ล่ะ ! *หล่อนมโนอะไรของหล่อน*