:
Psycho Pass
Fanfiction
:
Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
:
Bitter Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
....ติ้ด.....
แสกนหน้าห้องส่งเสียงร้องนานแล้ว
แต่ร่างโปร่งบางก็ยังคงยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น
จนกระทั่งได้ยินเสียงตะกายประตูแกรกๆของเจ้าลูกหมาที่อยู่ข้างใน ใบหน้าเรียวถึงได้หลุดออกมาจากภวังค์
มือกุมอยู่ที่ลูกบิดประตูอย่างที่หัวสมองไม่ยอมสั่งการว่าต่อไปจะให้ทำอะไร....เรื่องคราวนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะรับได้แล้ว
มันหนัก.....ยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว
ที่หมอนั่นยอมกลายเป็นอาชญากร....หนักกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า
แกรก.....
“
หงิงๆๆ”
เจ้าโคยะเอาหน้ามาถูไถทันทีที่ร่างโปร่งก้าวขาเข้าไป
รอยยิ้มเลื่อนลอยเผยออกไปราวกับว่ามันไม่ใช่ใบหน้าของตัวเอง
แต่ก่อนที่ขาจะได้ก้าวเข้าไปมากกว่านั้น
กลิ่นที่ไม่ใช่กลิ่นของเขาเองก็ลอยมาแตะจมูก.....กลิ่นบุหรี่?.....กลิ่นของโคงามิ?
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้าง
ขารีบถอดรองเท้าออกก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่น
หวัง.......
ว่าจะได้เห็นแผ่นหลังกว้างยืนอยู่ตรงนั้น.....
แต่แล้วมันกลับมีแต่ความว่างเปล่า....
ใบหน้าเรียวได้แต่หันมองไปรอบห้อง....จมูกของเขาไม่ได้หลอนไปเองแน่ๆ....นี่มันของโคงามิชัดๆ....นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นสะดุดอยู่ที่จานอาหารของเจ้าลูกหมา...มันยังมีเศษอาหารที่ยังสดๆใหม่ๆติดอยู่
โคงามิมาที่นี่จริงๆ
และเมื่อขาก้าวไปด้านหน้าโซฟา....ร่างทั้งร่างก็เดินโซซัดโซเซไปหยุดอยู่ตรงหน้าผ้าผืนหนึ่ง....มือที่สั่นระริกเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา.....มันคือเสื้อโค้ทสีดำที่เขาให้หมอนั่นไม่ผิดแน่
เพราะเมื่อกอดมันเอาไว้แนบอก กลิ่นบุหรี่ก็ยังคงลอยออกมาจากปกเสื้อขนฟูสีขาว
จู่ๆน้ำตาก็ไหลลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว…
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีเลยแม้แต่หยดเดียว
แต่ตอนนี้มันกลับพรั่งพรูออกมาราวกับว่าไม่รู้วิธีที่จะหยุด
ร่างทั้งร่างทรุดลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น สองแขนกอดเสื้อโค้ทสีดำตัวนั้นเอาไว้แน่น
โคงามิ.....
ถ้าแกไม่รักตัวเองขนาดนี้
แล้วจะมาทำให้ชั้นรักแกทำไม?....
เคยรู้บ้างไหมว่าคนที่แกบอกว่าจะปกป้องๆอย่างชั้นไม่ได้รู้สึกดีใจเลย
หากแกต้องเอาชีวิตเข้าไปแลก.....ปล่อยให้ชั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา
ในเมื่อแกเอาหัวใจของชั้นไปหมดแล้ว.....
“
ฮึก....”
ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่
สัมผัสชื้นแฉะที่ท่อนแขนทำให้รู้ว่าเจ้าโคยะกำลังเลียเขาอยู่
มันคงจะสงสัย....ว่าเขาเป็นอะไรไป....ทำไมถึงได้มาร้องไห้คนเดียวอยู่แบบนี้
ยิ่งได้ก้มลงไปเห็นเจ้าลูกหมาตัวน้อยที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาด้วยกันก็มีแต่จะรู้สึกปวดที่หัวใจ
มันเจ็บ....
เจ็บจนแทบทนไม่ไหว.....
ทั้งๆที่โคงามิก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตัวเองหนีออกไปแบบนี้....แต่หมอนั่นก็ยังเลือกที่จะไป
ทั้งๆที่รู้ดีว่าครั้งหน้าที่เจอกัน
เขาจะต้องยิงหมอนั่นทิ้งอย่างไม่มีทางเลือก....ต้องยิงด้วยโดมิเนเตอร์ที่อยู่ในโหมดสังหาร
แต่โคงามิก็ยังไป
เดินจากไป.....ทิ้งทั้งอนาคตของตัวเอง
ทิ้งทั้งตัวเขาเอาไว้ข้างหลัง
ทิ้งเขาไปเป็นครั้งที่สอง.....
ไม่เคยสนใจว่าเขาจะร้องไห้
ไม่เคยสนใจว่าเขาจะอ้อนวอนจนแทบเป็นแทบตายยังไง
พอแล้ว.....
กับคนโหดร้ายแบบนั้น....กับคนที่ไม่สนใจเลยว่าเขาจะเจ็บปวดแทบตายกับการปกป้องที่ไม่ได้ต้องการแบบนี้
พอกันที....
หัวใจของเขามันเจ็บจนรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว.....
จะเลิกให้ได้....
จะตัดให้ขาด....
จะไม่รักใครอีก....โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อ
โคงามิ ชินยะ
มือล้วงเข้าไปที่อกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งออกมา
ในนั้นวาดแผนที่คร่าวๆเอาไว้ คำพูดของผู้เป็นพ่อลอยวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ตอนที่เดินออกมาจากกรม
“
ถ้าหมาหาย ก็ลองไปตามหาแถวๆท่าเรือดูสิ”
มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว....จากนี้ไปหมาของเขาจะมีเพียงเจ้าโคยะตัวเดียวเท่านั้น
แคว่ก!!!
กระดาษถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
ก่อนที่มันจะถูกเผาเป็นจุลอยู่ในเตาไมโครเวฟ
นัยน์ตาที่ปกติจะอยู่ภายใต้กรอบแว่นค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆ
ความเหนื่อยล้าทำให้สมองมึนเบลอไปหมด
ถึงแม้จะได้นอนพักแต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าสดชื่นขึ้นเลย
สัมผัสเปียกแฉะแตะอยู่ที่หลังมือ
เสียงร้องหงิงๆดังออกมาให้ได้ยิน นัยน์ตาเลื่อนลอยจึงเหลือบลงไปมอง
เห็นเจ้าลูกหมาขนฟูสีดำกำลังเลียมือเขาอยู่
“
โคยะ....” เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกเจ้าลูกหมา
มันสั่นหางไปมาพรางเดินระริกระรี้เข้ามาเลียใบหน้าเนียนจนรอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่บนริมฝีปาก....จากนี้ไป....คงจะยากกว่าเดิมหลายเท่าที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีก
ร่างโปร่งค่อยๆยันกายลุกขึ้นช้าๆ
ไหล่ทั้งสองข้างยังรู้สึกหนักอึ้ง....ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขา....
ความจริงช่วงนี้ก็งานยุ่งจนไม่คิดว่าจะหยุด
แต่เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน....ทำให้ตอนนี้เขาไม่มีทั้งแรงกายและสมองที่จะคิดอะไรได้อีก....อยากจะพัก....อยากจะไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องทำงาน
เพราะที่นั่นมีความทรงจำระหว่างเขากับโคงามิฝังอยู่มากกว่าที่ไหนๆ
ไม่อยากเห็น....อยากจะลบมันออกไปจากความทรงจำให้หมด
“
หงิง....”
ใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยขนสีดำยื่นเข้ามาคลอเคลีย
ขาหน้าสีขาวราวกับใส่ถุงเท้ายันอยู่ที่หน้าตักของเขา
ก็ดีที่ยังมีเจ้าลูกหมานี่อยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามีอะไรให้คิดถึงมากกว่าเรื่องของหมอนั่น
“
หิวแล้วละสิ”
เขาค่อยๆลุกขึ้นเดินโซเซไปยังจานอาหารของมัน
ก่อนจะเทอาหารเม็ดลงไปให้เจ้าหมาขนดำก้มลงไปกิน
มือวางลงไปบนขนนิ่มก่อนจะลูบไปมา
ขนสีดำยุ่งเหยิง....ที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงเส้นผมของหมอนั่น.....
แม้แต่ชื่อของมัน....ก็ยังเป็นชื่อที่ย่อมาจากชื่อของผู้ชายคนนั้นเลย....
นัยน์ตาสั่นพร่าพยายามปรับกลับมาให้เรียบเฉยตามเดิม....เขาก็ไม่คิดว่ามันจะใช้เวลาสั้นๆที่จะลืมว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยรักใครสักคนมากจนแทบจะแลกด้วยชีวิตได้...แต่เขาต้องลืมให้ได้
ต้องตัดให้ขาด....เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บเจียนตายแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สาม
ร่างโปร่งเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำแต่จอเสมือนที่ผนังก็ร้องเตือนเสียก่อน....ภาพปฏิทินถูกฉายขึ้นมาและบนวันที่ของวันนี้ก็มีวงกลมสีแดงวงอยู่
วันนี้ต้องพาเจ้าโคยะไปตรวจสุขภาพตามที่สัตวแพทย์นัดเอาไว้สินะ.....
ดีเหมือนกัน....อย่างน้อยก็มีอะไรทำ
ไม่ต้องมานั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวในห้อง
นิ้วเรียวจิ้มลงไปที่จอเสมือนเพื่อหาตำแหน่งโรงพยาบาลสัตว์ที่ไม่ได้ถูกทำลายไปเพราะการจลาจลที่เกิดขึ้น
ไฟกระพริบติดขึ้นตามจุดต่างๆ
แต่สายตาไม่รักดีก็ดันไปหยุดอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์สาขาหนึ่ง....ที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือ.....
ใบหน้าเรียวผงะไป
ก่อนจะสะบัดไปมาอีกหลายครั้ง
ไม่....เขาจะไม่ไปที่นั่น.....ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่ไปเด็ดขาด!!!
แกรกๆๆๆๆ
เสียงลูกตะกั่วร่วงกราวลงมาที่พื้น
กระสุนปืนแบบโบราณถูกทิ้งออกมาจากลูกโม่ของปืนพกที่เป็นของหายากในสมัยนี้ แต่มันก็เป็นเพียงอาวุธเดียวที่จะสามารถใช้จัดการกับมาคิชิมะ
โชโงะได้ ร่างสูงใหญ่กำลังซ้อมยิงเพื่อให้ใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว
ปลายนิ้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบกระสุนออกมาอีก 6 นัดแล้วยัดลงไปในลูกโม่
สายตากะเวลาคร่าวๆ คิดว่าทำได้ดีพอใช้ เสียดายที่ลูกปืนมีจำกัด
ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงได้ลองยิงมันจริงๆสักนัดสองนัด
เสียงปืนทำให้เขารู้สึกดี....โดยเฉพาะในเวลาที่หัวใจกำลังว้าวุ่นแบบนี้....
ร่างที่โชกชุ่มไปด้วยเหงื่อทิ้งตัวนั่งลงไปบนโซฟา
ท้ายทอยหงายพิงพนักเอาไว้อย่างหมดแรง มือถอดสูทสีดำโยนไปลวกๆก่อนจะปลดเนคไทลงอีกเพื่อช่วยระบายความร้อน
นัยน์ตาสีดำเหม่อมองไปบนฝ้าเพดาน.....ป่านนี้กิโนะจะเป็นยังไงบ้างนะ....
คงกำลังสาบานกับตัวเองอย่างหนักหน่วงอยู่แน่ๆ.....ว่าจะเลิกกับเขา
มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
บุหรี่มวนหนึ่งถูกยัดเข้าไปในปากก่อนที่ไลท์เตอร์จะถูกจุดขึ้น
ควันลอยคลุ้งอยู่ภายในห้องที่มีแสงลอดเข้ามาสลัวๆ ลำตัวหนายังคงนิ่งเฉย....ทั้งๆที่เวลาแบบนี้เขาควรจะใช้มันคิดแต่เรื่องจะจัดการมาคิชิมะ
โชโงะ ยังไง จะไปตามหามันที่ไหน....
แต่ในหัวดันมีแต่เรื่องของ
กิโนสะ โนบุจิกะ....
ขี้บุหรี่ร่วงลงไปจากปลายมวนทั้งๆที่มันยังคาอยู่ในปาก
หัวที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำยุ่งเหยิงผงกขึ้นมาเมื่อรู้สึกตัวว่าปล่อยให้ตัวเองเหม่อลอยเกินไปแล้ว
ไม่ได้เรื่องแน่.....เขาจะไม่มีทางจัดการเจ้ามาคิชิมะได้แน่.....ถ้ายังไม่ได้เคลียร์เรื่องของตัวเอง
เพราะรู้ดีว่าในใจนั้นยังคงต้องการกิโนะมากมายขนาดไหน....
ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้เลย
ไม่อยากเลิกกัน...
ยังไงเขาก็รักกิโนะ....รักมาก.....ที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนคนนี้เอาไว้
แต่จะปกป้องไว้
ให้ต้องอยู่อย่างเดียวดายอย่างงั้นน่ะหรอ?
อยากอยู่ด้วยกัน....อยากอยู่ข้างๆ....ไม่อยากเลิก....และไม่อยากตาย.....
นัยน์ตาสีดำเหลือบไปมองภายในตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ข้างๆ
ขวดเหล้าตั้งเรียงรายอยู่ในนั้น
และข้างหน้าตุ๊กตาไม้หน้าตาแปลกๆที่ลุงมาซาโอกะเจ้าของเซฟเฮ้าส์นี่เก็บสะสมเอาไว้
มันมีกรอบรูปอันหนึ่งตั้งอยู่
มือใหญ่เลื่อนเปิดกระจกตู้ก่อนจะหยิบรูปนั้นออกมาดู
มันเป็นภาพที่ลุงกำลังอุ้มกิโนะในวัยเด็กอยู่ ใบหน้าเล็กๆนั่นช่างดูสดใส
รอยยิ้มของโนบุจิกะตัวน้อยทำเอาเขาเผลอยิ้มตาม
อยากเห็น.....
อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้อีก......
อยากขอโทษ.....
ปลายนิ้วเกลี่ยลงไปบนใบหน้าใสของเด็กชายผมดำในรูป....รอบกายของเขาในตอนนี้มันมีแต่กลิ่นไอของกิโนะที่ผ่านมาทางลุงมาซาโอกะ
เพราะแบบนี้เองสินะ....ลุงถึงได้ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเขา....ยอมให้กุญแจเซฟเฮ้าส์นี่แก่เขา
เพราะรู้ดีว่าที่นี่จะทำให้เขานึกถึงแต่กิโนะ....คนเพียงคนเดียวที่จะหยุดโทษตายให้แก่เขาได้
“
ร้ายจังนะลุง....” มือวางกรอบรูปลงไปที่เดิม
ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยสายตามุ่งมั่น
มืออีกข้างที่คีบบุหรี่อยู่กำมันจนกลายเป็นผุยผง
ก่อนที่จะจัดการกับมาคิชิมะ
โชโงะ.....เขาจะต้องจัดการเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจของตัวเองนี่ก่อน
ต้องกำจัดความกังวลที่เป็นจุดอ่อนนี่ก่อน
หากปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ไม่ใช่แค่ว่าทุกอย่างมันจะพังทลายลงไปโดยไม่อาจจะเรียกคืนกลับมาได้อีกเพียงอย่างเดียว...แต่เขาเองก็จะไม่มีทั้งเรี่ยวแรงและสมาธิในการจัดการเรื่องใหญ่อย่างการตามล่าอาชญากรตัวร้ายอย่างมาคิชิมะ
โชโงะ ได้อีกต่างหาก
ขาก้าวลงบันไดเหล็กช้าๆเพราะสมองกำลังประมวลผลว่าวันนี้คนที่เขากำลังคิดถึงอยู่จะทำอะไรอยู่ที่ไหน
วันนี้เป็นวันหยุดของกิโนะ.....
และในช่วงเวลาที่ว้าวุ่นใจแบบนี้
กิโนะไม่มีทางนอนอยู่บ้านเฉยๆได้แน่ๆ
หมอนั่นคงจะต้องพยายามหาอะไรบางอย่างทำเพื่อให้หายฟุ้งซ่าน....ซึ่งอะไรที่พอจะนึกออกก็น่าจะเป็นเรื่องของเจ้าโคยะ....
ใบหน้าคมลอบยิ้มที่มุมปาก
เพราะหากเป็นที่คอนโดเขาคงบุกไปหาได้ยากแล้วละเวลานี้....แต่ถ้าเป็นที่โรงพยาบาลสัตว์ละก็....คงไม่มีใครตามมาสนใจหรอก
ในหัวเริ่มประมวลผลอีกครั้ง
ภาพของแผนที่ซ้อนทับกันไปมา ความจริงเขาก็ไม่ใช่อัจฉริยะ คงไม่มีทางจำทุกซอกซอยของโตเกียวได้หมดแน่ๆ
แต่ทว่า....ถ้าเป็นโรงพยาบาลสัตว์ละก็....เขาจำได้แม่นเลยล่ะว่ามันมีอยู่ที่ไหนบ้าง
ก็ต้องขอบใจเจ้าลูกหมาขนดำนั่นละนะที่อาหารเป็นพิษอยู่บ่อยๆ
เขาเลยต้องคอยพามันกับแม่ไปส่งโรงพยาบาลให้ จนจำได้ขึ้นใจเลยว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง
ใบหน้าคมก้มลงอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก....ใกล้ๆท่าเรือแห่งนี้เองก็มีโรงพยาบาลสัตว์อยู่ที่หนึ่ง....ลุงเองก็น่าจะบอกกับกิโนะแล้วละว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่
แต่สิ่งที่ไม่มั่นใจเลยคือ....กิโนะจะพาเจ้าโคยะมาที่นี่หรือเปล่า?
คงต้องลองวัดใจกัน.....
ว่าจะมีสักเสี้ยวหนึ่งในใจของนาย
ที่อยากจะกลับมาหาฉันบ้างไหม....
ร่างแข็งแกร่งหลบอยู่หลังซอกตึก
นัยน์ตาวาวราวกับหมาล่าเนื้อจ้องเขม็งอยู่ที่เศษแก้วซึ่งกำลังสะท้อนเงาของประตูทางเข้าออกโรงพยาบาลสัตว์ขนาดเล็กซึ่งนานๆทีจะมีคนเดินเข้าออกสักครั้ง.....ด้วยความหวัง....ว่าจะมีคนที่ตนคิดถึงมาเดินอยู่ตรงนั้นบ้าง
แล้วเงาร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยดีเพราะได้สัมผัสมาแล้วทุกๆที่ในร่างกายก็ก้าวขาลงมาจากรถแท็กซี่พร้อมด้วยเจ้าลูกหมาขนดำในอ้อมแขน
กิโนสะ
โนบุจิกะ มาที่นี่จริงๆด้วย
ไม่ใช่แค่นัยน์ตาสีดำเพียงอย่างเดียวที่เบิกค้าง
ที่หัวใจเองก็กำลังเต้นอย่างรุนแรงจนต้องยกมือขึ้นไปกุม
ใช่....ทั้งหัวใจทั้งชีพจรยังเต้นอยู่แน่ๆ....เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ฝันไป
กิโนะเลือกที่จะมาที่นี่
หมายความว่าในหัวใจที่เกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งดวงนั้น....มันยังมีเขาซุกซ่อนอยู่
ร่างแข็งแกร่งเอนหลังพิงผนังตึกเอาไว้อย่างใจเย็น.....ต้องใจเย็น.....ต้องพยายามระงับความต้องการและความร้อนรุ่มในใจให้ดับลงก่อนที่จะห้ามตัวเองไม่อยู่ จะบุ่มบ่ามเข้าไปตอนนี้ไม่ได้
ต้องรอให้กิโนะจัดการเรื่องเจ้าหมานั่นให้เรียบร้อยก่อน
อย่างน้อยถ้ามีใครสงสัยในภายหลัง
กิโนะก็จะยังพอแก้ตัวได้ว่าที่มาที่นี่ เพราะพาหมามาหาหมอ
ไม่ได้มาตามหาหมาล่าเนื้อที่หายไปและไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยเลย....
ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมา
ใบหน้าคมเงยมองท้องฟ้าก่อนจะก้มลงมามองที่เศษแก้ว
ท่าทางไม่นิ่งแบบนี้เขาเองก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะในใจไม่สงบ.....รอ........ตอนนี้เขาทำได้แค่รอ.....รอให้กิโนะเดินออกมา
จากนั้นก็....
"
อุ๊บ?!!" ท่อนแขนแข็งแรงล็อคเข้าไปที่ลำคอและลำตัวโปร่งบาง
มือใหญ่ตะครุบปิดปากจนนัยน์ตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกกว้าง
ร่างโปร่งบางถูกลากเข้ามาในซอกตึกทันที
"
อื้อๆๆ!!"
คนที่ถูกจับกุมตัวดิ้นต่อต้าน....เจ้าหมาโคยะไม่ได้ออกมาด้วย
แปลว่ายังอยู่กับหมอหรือไม่กิโนะอาจจะตัดสินใจฝากเลี้ยงไว้ที่นี่
“
กิโนะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกไปที่ข้างใบหู เสียงที่คุ้นเคยทำให้ร่างโปร่งชะงักงัน
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นนิ่งค้างก่อนจะค่อยๆหันหน้ามามองเขา และพอได้เห็นหน้ากันชัดๆ
กิโนสะก็ออกแรงผลักไสเขาอย่างบ้าคลั่งทันที
“
อ๊ะ อื้อๆๆ”
ใบหน้าเรียวพยายามสะบัดให้หลุดไปจากมือที่ปิดปากเอาไว้
“
กิโนะ นี่ฉันเอง หยุดดิ้นก่อนสิ”
ท่อนแขนแข็งแรงพยายามรวบตัวคนที่ทั้งดิ้นทั้งสะบัดทั้งทุบตีมาที่เขา
จนเขาจำต้องปล่อยมือออกจากปากเพื่อใช้มันรวบข้อมือของกิโนสะแทน
“
คะ โคงามิ....”
เมื่อมือถูกจับยึดเอาไว้ทั้งสองข้าง
ใบหน้าเรียวก็เงยขึ้นมามองด้วยนัยน์ตาสั่นพรา เขารู้ดีว่าตอนนี้ในหัวของกิโนะคงกำลังตีกันจนยุ่งเหยิงอยู่แน่ๆ
จากท่าทางที่เริ่มจะสงบลงได้บ้างจึงเริ่มจะต่อต้านขึ้นมาอีกครั้ง.....ความรักกับความชิงชังคงกำลังทำให้คนตรงหน้าสับสนจนควบคุมสติและความเยือกเย็นเอาไว้ไม่อยู่
“
เดี๋ยวสิกิโนะ”
มือบางที่ถูกจับเอาไว้ฝืนทุบตีมาที่แผงอกและหัวไหล่ของเขา
ใบหน้าเรียวสะบัดไปมาไม่ยอมฟังอะไรอีก
“
ปล่อยชั้น!! ชั้นจะไม่ฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น มันจบแล้ว....เรื่องระหว่างชั้นกับแก
จบแล้ว....จบไปแล้วได้ยินไหม!!” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นตะโกนออกมา
กิโนสะในสภาวะปกติจะไม่มีทางทำสีหน้าและตะโกนออกมาแบบนี้ได้แน่ๆ.....นี่เขาทำให้กิโนะเจ็บปวดถึงขนาดไหนกันนะ
“
แต่ชั้นไม่จบ” ถึงจะรู้ว่าคนที่ร้ายกาจกับกิโนะที่สุดคือตัวเขาเอง
เขาก็ยอมรับ....ยอมรับว่าเขายังเห็นแก่ตัว...ยังไงก็ไม่อยากจะปล่อยกิโนะไป....ต่อให้ต้องกักขังเอาไว้ให้เจ็บ
ให้ทรมานอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาก็ยังอยากจะทำ
“
ไม่จบ?.....มันก็เรื่องของแก แต่ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับแกอีก ถอยไป!!” มือบางยังคงพยายามผลักไส
“
กิโนะ”
แต่เขาก็ยังยื้อยุดมันเอาไว้.....ไม่ปล่อย.....ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อย....ต่อให้กิโนะจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด
เขาก็จะไม่ปล่อย
“
ปล่อยนะ!
ฉันเกลียดแก! เกลียดแก!! เกลียดแก!! ไปให้พ้นนะ! ไปสิ
ไป!!!”
คำว่าเกลียดทำเอาหัวชาไปข้าง คนตรงหน้ายังคงต่อต้านราวกับกำลังบ้าคลั่ง
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นก้มลงก่อนจะสะบัดไปมาด้วยแววเจ็บปวด เขาใช้สองแขนรวบลำตัวบางเขามาแล้วดันแผ่นหลังโปร่งไปติดกำแพง....จำกัดพื้นที่ให้ดิ้นหนีได้ลำบากขึ้น
“
ถ้าเกลียดฉันแล้วทำไมถึงมาที่นี่?!” กดข้อมือบางทั้งสองข้างไว้กับผนัง
บังคับให้ใบหน้าเรียวนั่นต้องเงยขึ้นมาสบตากัน
“
ฉันแค่พาโคยะมาหาหมอ ไม่ได้มาหาแก!”
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นแข็งกร้าวแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยแววรวดร้าวจนเขารู้สึกได้
“
โรงพยาบาลที่อื่นก็มี ทำไมไม่ไป? ฉันรู้นะว่า นายรู้....ว่าฉันอยู่แถวนี้”
เขาจ้องตาสวนไปด้วยแววกดดัน....เปล่า....ไม่ได้คิดจะคาดคั้นให้คนตรงหน้ายอมรับความจริงในใจของตัวเอง....เพราะเขารู้ดีว่ากิโนะเป็นคนยังไง
“
ไม่รู้! ชั้นไม่รู้อะไรทั้งนั้น!! ปล่อยชั้น! จากนี้ไปไม่ต้องมายุ่งกับชั้นอีก!
จะไปตายที่ไหนก็ไป ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแกแล้ว!!
คนที่ชื่อโคงามิ ชินยะ สำหรับชั้นมันตายไปแล้ว!!”
ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ก้มลงไปก่อนจะตะโกนออกมาอีกเป็นชุด
มือที่ถูกกดเอาไว้รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักดันต่อต้านขึ้นมาอีก
จนเขาที่เผลอผ่อนแรงเกือบจะจับไม่อยู่
“
กิโนะ....อุ!” เล็บคมข่วนมาที่ใบหน้าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความเจ็บแสบที่แล่นลิ่วเข้ามาทำให้รู้ว่ามันคงจะเป็นแผลที่มีเลือดออก
“
........” ร่างโปร่งบางชะงักไปเล็กน้อย
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองมาที่แผลบนใบหน้าเขาด้วยดวงตาสั่นพร่า
ก่อนจะกลับมาผลักไสเขาต่อ เขายังคงพยายามรวบข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้
“
ปล่อยชั้น! บอกให้ปล่อยไง!!”
“
อย่าดังไปสิกิโนะ”
“
ดี! คนจะได้รู้กันให้หมดว่าแกอยู่ที่นี่
แล้วทีนี้จะได้เข้าใจซักทีว่าที่แกหนีออกมาแบบนี้นอกจากทำให้ชั้นเจ็บแล้วมันไม่มีค่าอะไรอีกเลย!”
ใบหน้าคมได้แต่กัดฟันกรอด
กิโนสะดูคลุ้มคลั่งมากกว่าที่คิด
ทั้งๆที่ตอนพาเจ้าโคยะเข้าไปในโรงพยาบาลก็ยังปกติดีอยู่แท้ๆ
หรือว่าจะเป็นเพราะเห็นหน้าเขา
ทำนบที่พยายามปิดกั้นหัวใจตัวเองเอาไว้เลยพังทลายลงมา
คงจะพูดกันสั้นๆง่ายๆที่นี่ไม่ได้เสียแล้ว
มือใหญ่ตัดสินใจลากร่างโปร่งให้เดินตามมา
แต่เพราะกิโนะเองก็เป็นตำรวจแรงต่อต้านจึงไม่ใช่อะไรที่เขาจะลากให้ตามมาได้ง่ายๆเลย
สองขาที่ไม่ยอมก้าวเดินจึงถูกฉุดกระชากลากถู
มีหลายต่อหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น
แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังคิดแต่จะสะบัดออกให้ได้
“
ปล่อยชั้นนะ! ชั้นจะไม่ฟังอะไรแกทั้งนั้น เราเลิกกันแล้วแกได้ยินไหม!! เลิกกัน แล้วชั้นก็จะไม่ให้อภัยแกอีก
ไม่มีวัน!!”
ปากร้ายยังคงตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่ง
เส้นผมสีดำที่เคยเรียบลื่นกลับดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยตามการฉุดกระชาก
“
กิโนะ!!” กิโนสะในเวลานี้คงจะไม่ฟังอะไรเขาอีก
ใบหน้าเรียวถึงแม้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่กลับไม่คิดจะยอมรับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
และนั่นมันก็ทำให้เขาเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา
ครืดดดด....
ประตูม้วนเหล็กถูกเลื่อนขึ้นไปก่อนที่เขาจะเหวี่ยงร่างที่ยังคงต่อต้านสุดฤทธิ์เข้าไปกองอยู่แถวปลายบันได
มือดึงประตูลงจนกลับมาปิดสนิทให้ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด
กริ๊ก!
“
โคงามิ? แกทำอะไรชั้น? ปล่อยนะ!!
บอกให้ปล่อยไง!! เอามันออกไปนะ!!”
เสียงล็อคเบาๆกับสัมผัสเย็นๆที่ข้อมือคงจะทำให้คนที่คุ้นเคยกับอาวุธชนิดนี้ของตำรวจแบบร่างโปร่งรู้ได้ในทันทีว่ามันคืออะไรและกำลังจะถูกทำอะไร
และเมื่อไฟค่อยๆสว่างขึ้นมา
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นก็มองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ข้อมือข้างหนึ่งของตัวเองถูกกุญแจมือล็อคเอาไว้กับลูกกรงเหล็กราวบันได
“
อย่ามาทำบ้าๆกับชั้นนะ! เอากุญแจมาเดี๋ยวนี้!
ถ้าไม่อย่างงั้นแกจะไม่มีวันได้เห็นหน้าชั้นอีก!!” ใบหน้าเรียวโกรธจัด
ข้อมือบางพยายามดึงตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุม
“
ถ้าชั้นเอาออกให้จะยอมนั่งฟังดีๆไหม?”
“
ไม่ฟัง!! ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น! ชั้นจะกลับแล้ว!!”
“
ไม่ให้กลับ” นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นตวัดขึ้นมามองด้วยแววตาดื้อดึง
ริมฝีปากที่ด่าเขาปาวๆมาตลอดทางถึงกับเม้มแน่น
ใบหน้าเรียวสะบัดไปอย่างไม่คิดจะเอ่ยคำสั่งหรือคำขอร้องอ้อนวอนอะไรอีก
แต่กลับพยายามดึงข้อมือของตัวเองออกมาจากกุญแจมือด้วยตัวเองทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ข้อมือขาวโดนบาด....แผลแล้วแผลเล่าจนเลือดซิบ
แต่เจ้าของมันก็ยังคงไม่สนใจ ร่างโปร่งยังคงดื้อดึงที่จะกระชากมันให้หลุด
และยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ แผลก็ยิ่งบาดลึกมากขึ้นเท่านั้น
จากเลือดที่แค่เอ่อซิบอยู่ที่ปากแผลกลับรวมกันเป็นหยดก่อนจะไหลย้อยลงมาตามแขน
“
โธ่โว้ย...” ร่างแข็งแกร่งที่ยืนมองอยู่ถึงกับสบถออกมาในความดื้อของอีกฝ่าย....เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็ง
เมื่อไหร่จะเลิกปากไม่ตรงกับใจกับเขาเสียที....เขาเองก็รู้ตัวว่าผิด....ก็คิดที่จะขอโทษอยู่นี่ไงเล่า
กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งจนร่างแข็งแกร่งหมดความอดทน
มือใหญ่ตรงเข้าไปกระชากข้อมือบางข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการ.....กระชากลำตัวบางให้หันหน้ามา
ก่อนที่จะบดเบียดริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อนั่น
"
อื้อ!!!" ริมฝีปากของกิโนสะพยายามเม้มแน่นเพื่อไม่ให้ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้าไป
และนั่นมันก็ยิ่งทำให้ริมฝีปากรสบุหรี่บดเบียดลงไปมากยิ่งขึ้น มือใหญ่บีบปลายคางมนจนคนที่ต่อต้านจำต้องอ้าปากออก ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปจนได้
แต่มันก็ควานหาความหวานอยู่ได้ไม่นาน
ก็ต้องถอนออกมาเพราะคนไม่ยอมกัดจนริมฝีปากรสบุหรี่ถึงกับมีเลือดซิบ
มือใหญ่ปาดเลือดที่มุมปากตัวเองก่อนจะใช้สายตาดำมืดจ้องมองคนที่ได้แต่ลงไปกองหอบหายใจอยู่ที่พื้น
แผ่นหลังบางเอนพิงอยู่กับราวบันไดซี่กรงเหล็ก
มือใหญ่กระชากคนที่ยังหายใจไม่ปกติให้หันหลัง
ก่อนจะดึงรั้งสะโพกมนขึ้นมาจนอยู่ในท่าคุกเข่า
กางเกงถูกรูดลงไปตามเรียวขาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนจะตวัดใบหน้าหันมามองอย่างหวาดๆ
“
จะทำอะไรน่ะ อย่านะโคงามิ!!”
สวบ....
“
อึก....” เรียวขาสั่นสะท้านในทันทีที่แกนกายใหญ่สอดแทรกเข้ามาโดยไม่มีการเล้าโลม
ร่างทั้งร่างสั่นระริกเมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายของอีกฝ่ายที่บดเบียดเสียดสีอยู่ภายในช่องทางคับแน่นที่เวลานี้มันทั้งฝืดทั้งบีบรัด
ยิ่งแกนกายใหญ่นั่นฝืนใส่เข้ามามากเท่าไหร่ก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มความเจ็บแสบให้กับคนถูกกระทำ
"
อะ เอาออกไปนะ อึก..."
ร่างกระตุกเป็นพักๆ
มือบางข้างหนึ่งยันไว้ที่พื้นไม่ให้ร่างที่โซเซไปมาเพราะว่าหัวเข่าและเรียวขายันพื้นต่อไปไม่ไหว
ไม่ให้ล้มลงไป มืออีกข้างที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาเอื้อมไปจับลูกกรงเหล็กที่กุญแจมือคล้องอยู่ก่อนจะกำมันจนแน่นเพื่อระบายความเจ็บจากเบื้องล่าง
"
ฮึก......."
ใบหน้าเรียวก้มลงไปก่อนที่น้ำตาจะหยดแหมะลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
"
เจ็บนะ โคงามิ...."
เสียงห้ามราวกับกำลังจะหมดแรง
มือใหญ่จึงสอดเข้ามาในเสื้อตัวบางก่อนจะลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนเรียบ ลมหายใจเป่ารดใบหูแดงมืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อของกิโนสะออกสองสามเม็ดก่อนจะดึงรั้งคอเสื้อลงมาเผยให้เห็นแผ่นหลังขาว
"
โนบุจิกะ..." ริมฝีปากรสบุหรี่กดจูบลงไปทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่แผ่นหลังบาง
ร่างกายซึ่งเชื่อมต่อกันนั้นยังไม่ได้ขยับเพราะยังมีความปราณีอยู่บ้าง
มือใหญ่ลากไล้ไปจับแกนกายของร่างโปร่ง
ทว่า....
"
อย่ามาจับ!" คนดื้อก็ยังคงดึงดัน
มือบางปัดมือของอีกฝ่ายออกทั้งๆที่ร่างกายก็แทบไม่มีแรงจะต้านได้อีก
ทั้งตัวมีเพียงความสั่นระริกเท่านั้นที่ครอบงำอยู่
"
............."
ใบหน้าคมได้แต่มองความดื้อดึงอย่างนึกหงุดหงิด
จากที่คิดจะอ่อนโยนด้วยเลยหมดความอดทนกันแค่นั้น
"
อ๊ะ?!"
ร่างโปร่งอุทานออกมาอย่างตกใจ
เมื่อจู่ๆแกนกายใหญ่ที่คาอยู่ในตัวก็ขยับแทรกเข้ามาอีก
ขยับเข้ามาทั้งๆที่มันยังคงคับแน่น
"
โอ๊ย!
โคงามิ!!"
เจ็บจนแทบจุก แต่คนที่กระแทกกายอยู่ด้านหลังก็ไม่คิดจะหยุดอีก
ในเมื่อไม่ว่าจะอ่อนโยนหรือจะปรนเปรอให้แค่ไหนก็ไม่คิดที่จะรับฟัง.....ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากจะให้เห็นด้านดิบๆของเขาแบบนี้สักเท่าไหร่
แต่เพราะความดื้อและปากไม่ตรงกับใจของกิโนะนั่นแหละที่ทำให้เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ
เป็นคนที่ดึงเอาสัญชาติญาณดิบของเขาออกมาได้ดีกว่าใครอยู่เสมอ
"
อึก....อ่ะ....อื้อ!" ริมฝีปากสีระเรื่อพยายามเม้มแน่นไม่ให้เปล่งเสียงออกมา
มือบางยังคงกำลูกกรงเหล็กแน่น นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นปิดลงจนคิ้วแทบจะผูกกันเปนโบว์
แรงกระแทกจากทางด้านหลังทำเอาขาทั้งสองข้างสั่นระริกจนแทบจะล้มลงไปให้ได้
ดีที่มือใหญ่รั้งเอวบางเอาไว้
แผ่นหลังขาวรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายแข็งแกร่ง
กล้ามเนื้อของแผงอกกว้างแนบทับสัมผัสกันอยู่
"
ฮ้า....อ่ะ"
ถึงจะบอกว่าไม่ได้เล้าโลม แต่ร่างกายที่คุ้นเคยกันดี
ทำให้ไม่นานความต้องการก็ก่อเกิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าเรียวเริ่มจะแดงระเรื่อเช่นเดียวกับเสียงครางอย่างลืมตัวที่เริ่มจะหลุดออกมาให้ได้ยิน
ร่างแข็งแกร่งยังคงขยับกายเข้าออก
ทั้งหนักหน่วงรุนแรงและแฝงเอาไว้ด้วยความปรารถนามากมายที่เติมเต็มยังไงก็ไม่เต็ม
ยิ่งได้กอดก็มีแต่จะยิ่งต้องการ
"
โนบุจิกะ...."
เสียงแหบพร่ากระซิบเรียกชื่อ
ริมฝีปากก้มลงไปจูบที่แผ่นหลังอีกนับครั้งไม่ถ้วน
"
อ้า....ฮ่ะ!" แรงขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ จนในที่สุดทุกอย่างก็จบลง
เมื่อน้ำอุ่นร้อนมากมายฉีดพุ่งเข้าไปในร่างกายโปร่งบาง
"
แฮ่ก....แฮ่ก.....แฮ่ก......"
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงไปกองกับพื้นทันทีเพราะขาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยันตัวเองเอาไว้ได้อีก
ใบหน้าเรียวขบเม้มริมฝีปากอย่างเจ็บใจ นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมีแต่ความเจ็บปวด
ก็ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองเอาไว้
ว่าจะเลิกให้ได้.....แล้วทำไมถึงได้คล้อยตามอีกฝ่ายไปง่ายดายขนาดนี้
"
เกลียดแก....."
เกลียดที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้
ร่างโปร่งบางถูกกระชากจากหันหลังให้หันหน้ามาหา
ริมฝีปากรสบุหรี่ก้มตามลงมาบดเบียดที่ริมฝีปากทันที
"
อื้อ!!" ข้อมือยังคงถูกพันธนาการอยู่ที่ลูกกรงเหล็ก
เพราะงั้นมือที่จะใช้ต่อต้านอีกฝ่ายจึงเหลือเพียงข้างเดียว
"
จะทำอะไรอีก แค่นี้ยังไม่พออีกหรือไง ถอยไปนะ!" หลังจากริมฝีปากเป็นอิสระ
กิโนสะก็ด่าตามมาทันที
"
ไม่พอ"
แล้วริมฝีปากรสบุหรี่ก็จูบซ้ำอีก....
จูบซ้ำไปซ้ำมา....
เช่นเดียวกับเซ็กซ์ที่ทำซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าร่างโปร่งบางจะทนไม่ไหว
แล้วสลบไปในที่สุด....
นัยน์ตาอ่อนล้าค่อยๆเปิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนาฬิกาโบราณตีบอกเวลาเที่ยงคืน
ไม่มีกรอบแว่นมาบดบังสายตาจึงได้แต่เหลือบมองหาอยู่ในความสลัว....แว่นเขา...ไปไหนนะ?
แต่ก่อนที่จะไปกังวลถึงเรื่องนั้น
มันยังมีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าไม่ใช่หรือไง?
ร่างกายขยับเล็กน้อย
แต่แค่เล็กน้อยก็รู้สึกร้าวไปทั้งตัว ช่วงล่างเจ็บจนต้องนิ่วหน้า
แก้มที่หนุนอะไรบางอย่างอยู่จึงซุกลงไปอีกตามร่างกายที่งอเข้าหากัน
และเมื่อสายตามองมันให้ดีจึงได้เห็นว่ามันคือกางเกงสแล็คสีดำของโคงามิ
เปล่า....หมอนั่นไม่ได้ถอดกางเกงแล้วเอามาให้เขาหนุน
แต่สิ่งที่เขากำลังหนุนอยู่คือตักของหมอนั่นต่างหาก
ใบหน้าเรียวสะบัดก่อนจะพยายามตวัดตัวลุกขึ้น
สติที่หายไปนานกลับมาอีกครั้งรวมทั้งความทรงจำล่าสุดว่าตนเองถูกโคงามิทำอะไรไว้บ้าง
"
อุก...." และยังไม่ทันจะลุกได้แค่ไหน
ความเจ็บอย่างร้ายกาจที่พุ่งขึ้นมาจากช่วงล่างก็ทำเอาต้องเกร็งตัวนิ่ง
"
นอนลงไปเถอะน่า"
มือใหญ่กดหัวเขาให้นอนลงไปที่ตักของตนเช่นเดิม
นัยน์ตาดุๆจึงตวัดมองหน้าอีกฝ่ายที่ก้มมองลงมา ใบหน้าคมยิ้มบางๆทั้งๆที่มีบุหรี่คาบอยู่ในปาก
โคงามิไม่ได้ใส่เสื้อ
แผ่นอกกว้างยังคงเปลือยเปล่า
มีเพียงกางเกงที่ถูกสวมใส่อยู่แค่ตัวเดียว....และเมื่อก้มลงมามองตัวเองก็ให้ใบหน้าร้อนผ่าว
เพราะว่าเขาเองกลับไม่ได้ใส่กางเกง
มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่ถูกสวมอยู่เท่านั้น
"
เจ็บหรือเปล่า?"
มือใหญ่ๆลูบลงมาที่หัวอย่างอ่อนโยน และมันทำให้นัยน์ตาดื้อดึงอ่อนแรงลง
จากที่ตั้งใจจะต่อต้าน
จากที่ตั้งใจจะไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นกลับถูกมือคู่นี้กำเอาไว้ในฝ่ามืออีกจนได้
"
เจ็บสิไอ้บ้า.....นี่มันอาชญากรรมนะ"
ไม่ได้ตั้งใจจะใช้น้ำเสียงเง้างอดแต่มันกลับเป็นไปเอง อยากจะลุกขึ้นมาผลักไสอีกฝ่ายแต่อีกใจกลับใช้ข้ออ้างที่ว่า...ก็มันลุกไม่ไหวนี่....จึงจำต้องนอนหนุนตักหมอนั่นอยู่แบบนี้
"
หึหึ...ถ้านายยังไม่ยอมฟังชั้นดีๆ...ชั้นจะข่มขืนนายอีก เอางั้นไหม?"
น้ำเสียงกวนประสาทเอ่ยออกมาโดยไม่ได้สะทกสะท้านต่อการกระทำของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
"
แกนี่มัน......." น่ายิงด้วยโดมิเนเตอร์ให้ตายจริงๆนั่นแหละ!
"
ขอโทษนะ กิโนะ...." แล้วจู่ๆน้ำเสียงน่าโมโหนั่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
คำพูดที่จู่ๆก็ได้ยินทำให้ร่างโปร่งบางนิ่งค้าง
ราวกับว่าความอุ่นวาบจะซึมซาบผ่านทั่วร่างไป
"
อ่ะ..." ริมฝีปากได้แต่อ้าออกมาโดยไม่มีคำพูด
“
ขอโทษ....ที่ทำให้เป็นห่วงนะกิโนะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนมีแต่จะทำให้เขื่อนที่กั้นหัวใจของเขาเอาไว้พังทลาย
มือเลื่อนไปกำกางเกงของคนที่ตนนอนหนุนตักอยู่
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างพยายามสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้....แต่จนแล้วจนรอดมันก็กักเก็บเอาไว้ไม่ไหว
“
ถ้าจะมาขอโทษทีหลังก็อย่าทำมันตั้งแต่แรกสิ
กี่ครั้งแล้วที่แกทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้?”
ในใจทั้งเจ็บปวดเมื่อนึกถึงการกระทำของโคงามิที่ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี
ทั้งเอ่อล้นจากความอบอุ่นของมือที่ยื่นเข้ามาขอโทษ ความรู้สึกขัดแย้งทำให้ริมฝีปากระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกไปได้อย่างง่ายดาย....ง่ายจนไม่คิดว่าคนที่ปากแข็งอย่างเขาจะพูดสิ่งเหล่านั้นออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน
“
ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายงั้นหรอ? ปากก็บอกว่าจะปกป้องฉันงั้นหรอ?....จะบอกอะไรให้นะ
ว่าคนที่ทำร้ายฉันมากที่สุดก็คือแก....โคงามิ”
มือที่กำอยู่ที่หน้าตักของโคงามิยิ่งกำแน่นจนผ้าสีดำของกางเกงสแล็คแทบจะขาดออกจากกัน
“
มาคิชิมะ โชโงะ อาจจะสั่นคลอนสังคมได้
แต่มันไม่เคยสั่นคลอนหัวใจของชั้นได้.....มาคิชิมะ โชโงะ อาจจะฆ่าชั้นได้
แต่มันก็ไม่เคยทำให้ชั้นต้องตายทั้งเป็นแบบแก”
น้ำใสๆไหลลงไปตามแก้มก่อนจะหยดลงที่เนื้อผ้าสีดำ
มือใหญ่ก็ยังคงลูบหัวอย่างปลอบโยน
มันอ่อนโยนจนทำให้เขารู้ตัว...รู้ว่าขาดมันไปไม่ได้....ต่อให้เกลียด
ต่อให้ชิงชัง ต่อให้ไม่รัก ต่อให้ทรมานเพราะมือคู่นั้นแค่ไหน....เขาก็ขาดมันไม่ได้
“
ทั้งๆที่แกร้ายกาจขนาดนี้......แล้วทำไม
ทำไมชั้นถึงเลิกรักแกไม่ได้...บอกชั้นหน่อยสิ โคงามิ....”
“
ฉันน่ะ..........ไม่อยากจะเจ็บแบบนี้อีกต่อไปแล้ว......”
“
ฮึก........”
มือใหญ่ที่ได้แต่ลูบหัวเบาๆ
ใบหน้าคมนิ่งฟังอยู่เงียบๆ และปล่อยให้เขาร้องไห้ออกมาจนกว่าสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจจะถูกระบายจนหมด
“
กิโนะ...” โคงามิก้มลงมาหา
ก่อนจะค่อยๆพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
ปลายนิ้วไล้เกลี่ยคราบน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนก่อนที่ใบหน้าคมจะละออกมาจ้องมองใบหน้าของเขาตรงๆ
นัยน์ตาสีดำของหมาล่าเนื้อจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเขาด้วยแววเว้าวอน คำพูดจริงจังถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากรสบุหรี่
“
กิโนะ.....ฉันให้สัญญากับนายไม่ได้ ว่าฉันจะไม่ทำให้นายต้องเจ็บอีก....แต่เรื่องเดียวที่ฉันสาบานได้”
“
คือฉันรักนาย”
นัยน์ตาที่ปกติจะอยู่ภายใต้กรอบแว่นนิ่งค้าง
ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินคำคำนี้มาหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งที่ได้ฟังมันก็ยิ่งผูกมัดเขาจนดิ้นไม่หลุด
ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน....
สองแขนแข็งแรงรวบตัวเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน
ใบหน้าคมกดจูบลงมาที่ขมับก่อนจะซุกมันเอาไว้ที่กลุ่มผมยุ่งเหยิงน้อยๆของเขา
"
รักนาย....แล้วก็จะไม่มีวันปล่อยนายไป....ต่อให้นายต้องเจ็บปวด
ต้องทรมานอยู่ในอ้อมแขนของฉัน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยนาย"
น่าแปลก...ที่ถ้อยคำผูกมัดอย่างเอาแต่ใจนั่นกลับไม่ทำให้เขาคิดจะต่อต้านอย่างที่ตั้งใจไว้
ทั้งๆที่บอกว่าจะเลิกให้ได้ แต่กลับแพ้ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนี้
"
ไอ้คนซาดิส...."
เสียงงึมงำดังลอดออกมาจากแผงอกกว้าง ตอนนี้คงมีแต่ต้องยอมรับ
ว่าเจ้านายอย่างเขาคงจะขาดหมาล่าเนื้อตัวนี้ไม่ได้
ฝ่ามือจึงได้แต่เลื่อนไปที่แผ่นหลังของหมอนั่นก่อนจะกอดกระชับมันเอาไว้
นานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่เราต่างก็จมอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน....
"
ยังมืดอยู่เลย นอนต่ออีกหน่อยเถอะ"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเมื่อยอมละจากอ้อมกอดออกมามองหน้าเขา
มือใหญ่พยุงร่างของเขาให้ล้มตัวลงนอนบนโซฟา
ก่อนจะขยับร่างกายบึกบึนของตัวเองนอนตามลงมา
"
แคบชะมัด" เขาบ่นออกไปเพราะแผ่นหลังชิดพนักพิง
ส่วนใบหน้าก็ติดอยู่กับแผงอกกว้าง ท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งสอดใต้คอมาให้เขาหนุนส่วนอีกข้างกอดยึดเอวของเขาไว้
สภาพของผู้ชายตัวโตสองคนที่นอนกอดกันอยู่บนโซฟาคงไม่น่าดูเลยสักนิด
"
โทษที...ที่นี่มีแค่โซฟานี่ตัวเดียวน่ะ
พ่อนายคงไม่ได้กะว่าจะมีใครมานอนที่นี่ละมั้ง"
“
อื้อ” ถึงปากจะบ่นไป
แต่ยามที่จมหายอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ราวกับมีมนต์บางๆครอบคลุมทั่วร่างเอาไว้
นัยน์ตาค่อยๆหรี่ปรือจนปิดสนิทลงไปอย่างที่ไม่ได้หลับแบบนี้มานาน
เสียงคลื่นสาดกระทบท่าเรือเก่าๆกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดตามมู่ลี่เข้ามาทำให้นัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นเปิดขึ้นช้าๆ สองแขนยันตัวเองลุกขึ้นก่อนจะมองหาคนที่นอนกอดเขาเอาไว้ทั้งคืนแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
มีเพียงสูทสีดำของหมอนั่นที่พาดทับลำตัวของเขาอยู่
ไปไหนกันนะ?
ขาลองแหย่ลงไปที่พื้นก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืน ดูเหมือนความเจ็บที่ช่วงล่างจะทุเลาลงบ้าง
อย่างน้อยๆตอนนี้เขาก็พอจะเดินได้ในท่าทางแบบปกติ
นัยน์ตาเหลือบมองเห็นแว่นตาที่วางอยู่บนชั้นในตู้โชว์
มือจึงยื่นเข้าไปหมายจะหยิบแต่แล้วก็ต้องมองเห็นกรอบรูปที่ตั้งอยู่ไม่ไกล....รูปนี้มัน....เขากับพ่อ....
“
อ่ะ....”
จู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่คิดว่าโคงามิคงจะเห็นรูปนี้แล้วแน่ๆ
มือบางหยิบแว่นออกมาก่อนจะหลับหูหลับตาใส่โดยพยายามไม่สนใจรูปนั่นอีก...น่าอายชะมัด...ให้มาเห็นรูปแบบนี้ซะได้...เจ้าพ่อนั่นก็อีก
จะเอามาตั้งไว้ทำไมเนี่ย?!
นัยน์ตาหันกลับมามองหาเสื้อผ้าของเขา...เจ้าโคงามิเอาไปไว้ที่ไหนนะ?
จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ
จึงจำต้องเดินลงบันไดมาด้วยเสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียว
ขาก้าวลงมาเกือบจะถึงปลายบันไดชั้นล่างอยู่แล้วแต่สายตาก็ดันหันไปเห็นกุญแจมือที่ปลายข้างหนึ่งยังถูกล็อคอยู่ที่ลูกกรงราวบันไดอยู่เลย
ใบหน้าจึงยิ่งร้อนหนัก
ยังดีที่หมอนั่นยังจัดการเก็บกวาดรอยอะไรต่อมิอะไรออกไปหมดแล้ว
ข้อมือข้างที่ถูกใส่กุญแจมือเมื่อวานนี้ยกขึ้นมาที่หน้าอก
ก่อนที่มืออีกข้างจะสัมผัสมันเบาๆ
ผ้าพันแผลถูกพันเอาไว้อย่างเรียบร้อย....โคงามิมักจะสติแตกแบบนี้ทุกทีตอนที่เห็นเขาได้แผลกลับมา....ใบหน้าเผลอยิ้มออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ขาก้าวลงมาถึงชั้นล่างได้ในที่สุด
เพิ่งได้มองสภาพของมันเต็มๆ ถ้าจะบอกว่าเป็นโกดังซ่อมรถธรรมดาๆก็คงจะเชื่อได้โดยไม่ยาก
บรรยากาศของที่นี่ทำให้เขาหวนนึกถึงวัยเด็ก...ตอนที่พ่อยังอยู่เคียงข้างเขา
ปลายนิ้วแตะลงไปที่อะไหล่รถที่วางอยู่บนชั้น
กลิ่นน้ำมันเครื่องยังคงลอยหึ่งออกมา
แต่ก่อนที่จะได้มองดูอะไรต่อ
เสียงประตูม้วนเหล็กที่ดึงไว้ต่ำๆก็ถูกเลื่อนขึ้นไป
“
ตื่นแล้วหรอกิโนะ?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกให้ร่างโปร่งบางหันกลับไป
“
อุ....หึ หึ”
ใบหน้าเรียวหลุดขำทันทีที่เห็นหน้าของอีกคน
“
หน้านั่นมันอะไรน่ะ?”
เสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มสดใสของกิโนสะทำให้ใบหน้าคมถึงกับชะงักค้าง
จนลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบไหน เพราะหัวใจมันอบอุ่นจนรู้สึกได้
“
ก็ต้องปลอมตัวออกไปน่ะสิ....ดีที่แถวนี้ไม่ค่อยมีสแกนเช็ค
มีก็แค่กล้องธรรมดาๆเลยไม่จำเป็นต้องสวมหมวกเหล็กนั่นออกไป....ยังไงก็ต้องหาอะไรกินใช่ไหมล่ะ?” ร่างสูงใหญ่วางถุงกระดาษลงบนโต๊ะ
ผมสีดำที่เคยยุ่งเหยิงกลับถูกหวีจนเรียบแปล้ ใบหน้าแปะซิลิโคนเอาไว้จนอวบอูม
แว่นอันใหญ่ถูกสวมทับลงไปอีกที
“
ฮ่าๆๆ บอกตามตรงนะ
ถ้าแกปล่อยให้ตัวเองมีหน้าตาแบบนี้เมื่อไหร่ล่ะก็....เลิกกันเลยละ” ริมฝีปากที่ยังแดงช้ำเพราะโดนจูบหนักหน่วงเมื่อคืนเอ่ยออกมา
ร่างโปร่งนั่งกุมท้องขำไม่หยุด ทำเอาคนที่กำลังแกะซิลิโคนพร้อมกับขยี้หัวตัวเองให้กลับมายุ่งเหยิงแบบเดิมถึงกับรู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาตะหงิดๆ
“
โอเค...ที่ยังยอมคบกับฉันอยู่เพราะว่าตอนนี้ยังหล่อถูกสเปคนายอยู่ใช่ไหมล่ะกิโนะ?
งั้นรับรองเลยว่านายจะต้องคบกับฉันไปจนวันตายนั่นแหละ
เพราะฉันจะหล่ออมตะอยู่แบบนี้ คอยดู!” ใบหน้าคมยียวนน้อยๆยื่นเข้าไปใกล้
จนใบหน้าเรียวหยุดหัวเราะก่อนจะมองสวนกลับมาอย่างหมั่นไส้
“
กินข้าวเถอะ....วันนี้ต้องไปทำงานแล้วใช่ไหมล่ะ? เดี๋ยวจะขับเจ้านั่นไปส่ง”
นิ้วโป้งบนมือของโคงามิชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล เขารู้ว่ากิโนะไม่ได้เอารถมา ส่วนเจ้าหมาโคยะก็ฝากเลี้ยงไว้ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ
“
แล้วนายล่ะ....จะทำยังไงต่อไป?”
ร่างโปร่งลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
ที่โต๊ะซึ่งต่อขึ้นมาด้วยไม้ง่ายๆนั้นมีอาหารเช้าวางอยู่
“
จะไปหาไซงะเซ็นเซย์....คิดว่าบางทีคนคนนั้นน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในขณะที่ก้มหน้าจิบกาแฟกระป๋อง
มือบางจับขนมปังใส่ปาก
นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองไปที่ใบหน้าคม.....ถึงแม้จะสบายใจขึ้นแล้ว
แต่ก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้ ริมฝีปากจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“
โคงามิ...สัญญากับชั้นนะว่าแกจะไม่ตาย”
ใบหน้าคมชะงักค้างก่อนจะค่อยๆยิ้มน้อยๆออกมา มือใหญ่ยกขึ้นมาแตะที่ใบหน้าเรียว
นัยน์ตาสีดำที่อ่อนโยนของหมาล่าเนื้อจ้องมองลงมาราวกับกำลังให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าผู้เป็นเจ้านาย
“
สัญญา”
“
เรื่องในกรมฯแกไม่ต้องห่วง....ฉันจะหาทางช่วยแกให้ถึงที่สุด...จะยื้อคดีของแกและเจ้ามาคิชิมะเอาไว้ในมือหน่วยที่หนึ่งให้นานที่สุด....เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปขัดขวางแกได้”
และเพื่อที่จะยับยั้งแก
ไม่ให้ต้องจบชีวิตลงด้วยโหมดสังหารของโดมิเนเตอร์
จากนี้ไป....จะไม่ปล่อยให้แกต้องคอยปกป้องฉันอยู่แค่ฝ่ายเดียว....ฉันก็จะปกป้องแกบ้าง
ด้วยวิธีการของฉัน....
เสียงกระหึ่มของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ดังแหวกอากาศทุกที่ที่มันวิ่งผ่าน ร่างแข็งแกร่งโน้มไปตามตัวถัง
ถุงมือหนังทำให้สามารถบิดคันเร่งได้ดั่งใจ
ใบหน้าของคนที่นั่งซ้อนซบแนบไปกับแผ่นหลังกว้าง สองแขนบางโอบไปที่รอบเอว
ทั้งสายลม
ทั้งเสียงทุ้มของเครื่องยนต์ ทั้งความอบอุ่นที่ส่งผ่านแผ่นหลังและสองมือมาทำให้รู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน
แค่มีเราสองคน.....
แค่นี้......
ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นฉันก็พร้อมที่จะพุ่งชนมันจนกว่าเราจะเป็นผู้ชนะ.....
เพราะฉะนั้น.....
ได้โปรดอยู่เคียงข้างฉัน.....
อย่าปล่อยให้ฉันต้องอยู่คนเดียว.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก.....เย้~~~~ กระโดดโล้ดเต้น ในที่สุดก็ทัน ยะฮิ้ววววว
คือสำหรับตอนนี้ตั้งใจว่าจะปั่นให้เสร็จก่อนอนิเมะตอนที่ยี่สิบจะฉายน่ะค่ะ
เพราะไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ตับสลาย(?)อะไรรออยู่อีก T^T เดี๋ยวจะวิญญาณหลุดไปอีกเหมือนตอนที่ดูตอนสิบแปดจบ โฮวววววว คุณโควววววว
เอาละ....แว่บไปปั่นหมายเลขยี่สิบเจ็ดต่อ
(ฟิคบ้าไรของม๊าน ลงไม่เคยเรียงตอนได้อ่ะ =[ ]=)
ก่อนไป คือแอบไปแฮปรูปของพี่จอม (Iarladiel Wanko)
กิโนะตอนยืนกอดเสื้อคุณโค แง~~~~ เจ็บปวดจนอยากจะกระชากตัวมากอดเบยอ่ะ
คุณโคตอนดูรูปกิโนะ >////< น่ารักอ่ะ ฟินไงไม่รู้ค่ะช็อตนี้ วั๊ยยย
ก่อนไป คือแอบไปแฮปรูปของพี่จอม (Iarladiel Wanko)
มาปลากรอบฟิคตัวเองอย่างแนบเนียน ฮ่าๆๆ แปะซะเลย นี่แน่ะ |
กิโนะตอนยืนกอดเสื้อคุณโค แง~~~~ เจ็บปวดจนอยากจะกระชากตัวมากอดเบยอ่ะ
คุณโคตอนดูรูปกิโนะ >////< น่ารักอ่ะ ฟินไงไม่รู้ค่ะช็อตนี้ วั๊ยยย
อ่า...จริง...แอบแปะรูปสถานที่เกิดเหตุ(?)กันไว้หน่อยเผื่อใครนึกภาพไม่ออก
อิอิ เหตุ(?) เกิดที่ปลายบันไดนั้นแล *w* ที่นี่คือเซฟเฮ้าส์ของลุงมาซาโอกะที่ปรากฏใน Psycho Pass ตอนที่ 18-19 ค่ะ
ปล.ด้วยความขี้เกียจ เลยไม่ถมขาวแม่งละตอนนี้ เยาวชนก็อ่านข้ามๆเอานะ (<<ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี)
อั้ยยะ!!! เหตุการณ์ที่เกิดที่บันไดมันช่าง ....
ตอบลบโฮ้ว เกินคำบรรยายจริง ๆ เลยค่ะ
(แอบสงสารกิโนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ อยากดื้อเอง คึคึ)
มันเริ่มหวานขึ้นมาบ้างแล้ว อ้ากกก!!!
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ^_^