Psycho Pass. OneShot.Fic [Kogami x Ginoza] ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม : หมายเลขยี่สิบแปด



Psycho Pass. OneShot.Fic [Kogami x Ginoza]    ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม : หมายเลขยี่สิบแปด

: Psycho Pass  Fanfiction
: Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
: Bitter Romance
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





ควันไฟยังคงพวยพุ่งออกมาจากทั่วเมืองอย่างไม่ขาดสาย ความวุ่นวายจากเจ้าหมวกเหล็กเฮลเมทยังคงทิ้งร่องรอยสดๆใหม่ๆเอาไว้ทั่วไปหมด เช่นเดียวกับเสียงไซเรนจากรถตำรวจก็ยังคงดังอยู่ทั่วทุกสารทิศ หน่วยสืบสวนที่มีอยู่น้อยนิดต่างต้องระดมกำลังเพื่อทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบให้ได้โดยเร็ว

ในเวลาที่โดมิเนเตอร์ใช้การไม่ได้แบบนี้  คนของหน่วยสืบสวนจึงไม่ต่างไปจากมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่มีเพียงมือเปล่าเอาไว้ต่อสู้....ถ้าไม่ตั้งสมาธิให้ดีๆละก็....ถึงตายได้เหมือนกัน

และเพราะว่าทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่เหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า ฉะนั้นจึงมีเพียง โคงามิ ชินยะ คนเดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการก่อจลาจลในครั้งนี้



รู้ว่าที่ตึกโนนาทาวเวอร์....มาคิชิมะ โชโงะ...กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่นั่น

มีเพียง โคงามิ ชินยะ ที่ไม่เคยมีสายตาเอาไว้มองสิ่งใดนอกจากคนคนนี้เท่านั้น....ที่รู้ตัว



เสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่สายรัดข้อมือทำให้หัวหน้าหน่วยสืบสวนที่หนึ่ง ของกรมความปลอดภัยจำต้องกดรับสายทั้งๆที่การจัดการเรื่องวุ่นวายตรงหน้าก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนโทรมา............ผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริ?

ใบหน้าเล็กที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเอ่ยรายงานสถานการณ์ที่ทำเอาใบหน้าเรียวภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกตากว้าง

“ ไม่ผิดแน่นะ?”       น้ำเสียงเรียบเอ่ยตอบกลับไป  ใบหน้าเล็กของผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริที่ปรากฏอยู่บนจอภาพเสมือนยังคงรายงานสถานการณ์ที่ตึกโนนาทาวเวอร์ต่อ....ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ มาคิชิมะ โชโงะ....อาชญากรที่พวกเขาตามจับกันมานานจะอยู่ที่นั่น

ใบหน้าเรียวเครียดขึ้นมาทันทีจนเผลอกัดฟันกรอดโดยที่ไม่รู้ตัว....ดูจากคดีที่ผ่านมารวมทั้งเหตุการณ์จลาจลตรงหน้า มีหรือเขาจะไม่รู้.....ว่ามาคิชิมะ โชโงะ เป็นตัวอันตรายขนาดไหน

จะบอกว่าเป็นห่วงทั้งสามคนที่อยู่ที่ตึกนั่นก็คงไม่ผิด....โดยเฉพาะ.....เจ้าหมาล่าเนื้อสีดำนั่น

โคงามิ ชินยะ คงจะตั้งหน้าตั้งตาไล่ล่ามาคิชิมะไปโดยไม่ลังเลเลย และคงต้องหาทางจัดการกับผู้ชายคนนั้นอย่างไม่สนใจด้วยว่าชีวิตของตัวเองจะเสี่ยงอันตรายขนาดไหน

“ ฟังนะ....ถ้ามาคิชิมะ โชโงะ อยู่ที่นั่นจริงๆละก็.....”        ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างไม่อยากจะสั่งออกไป  เพราะเขาคือหัวหน้าของหน่วยที่หนึ่ง ต่อให้อยากจะวิ่งหนีสักแค่ไหนก็คงทำไม่ได้ ริมฝีปากจึงทำได้แค่เอ่ยคำสั่งทั้งๆที่ใจไม่ได้อยากจะทำ

ใบหน้าของหัวหน้ากรมความปลอดภัย คาเซย์ โจชู ลอยขึ้นมาในหัว....เมื่อครั้งที่ถูกเรียกเข้าไปพบเมื่อไม่นานมานี้ คำสั่งที่มีให้เขาสำหรับกรณีของ มาคิชิมะ โชโงะ มีแต่จะทำให้เผลอกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ

ทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตรายกว่าการฆ่าทิ้งเป็นไหนๆ....แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง....

ต่อให้ไม่อยากจะทำตามแค่ไหน แต่เขาก็ยังทิ้งหน้าที่ไปไม่ได้....

ริมฝีปากจึงทำได้แค่กัดฟันก่อนจะจำต้องสั่งออกไป


“ จับกุมตัวซะ!”       






เสียงเบรกดังลั่นไม่แพ้เสียงไซเรน....นี่มันกี่จุดกันแล้วนะที่ต้องตามเก็บกวาดสิ่งที่ มาคิชิมะ โชโงะ สร้างเอาไว้....บาดแผลที่เกิดขึ้นลุกลามไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็วราวกับถูกผู้ชายคนนั้นบงการมันด้วยมือที่มองไม่เห็น...บ้านเมืองที่ถูกทำลายพังพินาศเพียงชั่วพริบตากับมนุษย์ที่ออกมาเข่นฆ่ากันเองมีแต่จะทำให้ฝ่ามือเรียวเผลอกำพวงมาลัยรถแน่นอย่างลืมตัว ตอนนี้ในใจของกิโนสะ โนบุจิกะกำลังว้าวุ่นและร้อนรน.....เปล่า....เขาไม่ได้กลัวต่อเรื่องเลวร้ายและความวุ่นวายตรงหน้าเพราะมันก็เป็นอะไรที่เขาพบเห็นมาตลอดเวลาที่ทำงาน

แต่สิ่งที่กำลังทำให้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้น.....มันคือกลุ่มคนที่อยู่ในโนนาทาวเวอร์ต่างหาก


เป็นห่วง....


เป็นห่วงมาก.....


ใบหน้าเรียวได้แต่สะบัดไปด้านข้าง....ไม่ได้...พวกนั้นกำลังพยายามกันแทบเป็นแทบตาย เขาจะมามัวอ่อนแอไม่ได้  มือเตรียมที่จะเปิดประตูรถออกไปแต่กลับมีเสียงที่คุ้นเคยเรียกเอาไว้เสียก่อน

“ นั่งอยู่นี่แหละ โนบุจิกะ...แกในตอนนี้อย่าเพิ่งออกไป”        นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างกับเสียงของ มาซาโอกะ โทโมมิ  ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังก้าวลงไปจากรถด้วยสายตาสั่นระริก....

ทั้งๆที่ปกติแล้วการจัดรูปแบบในการปฏิบัติการณ์จะไม่ใช่อย่างนี้ แต่ครั้งนี้มาซาโอกะ โทโมมิ กลับร้องขอออกมาด้วยตัวเอง...ว่าจะขอเปลี่ยนตัวกับคางาริ

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองผ่านกระจกหน้ารถไปที่ชายสูงวัยก่อนจะทิ้งตัวลงกับเบาะ

บางที...ผู้ชายคนนั้นอาจจะได้กลิ่นอะไรที่ไม่ชอบมาพากล...เลยตั้งใจจะประกบติดเขาเอาไว้

ไม่ใช่ตามหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการณ์....เพราะชื่อที่เรียกเขาออกมาเมื่อกี้มันไม่ใช่  “ผู้สังเกตการณ์”  แต่เป็น  “โนบุจิกะ”

“ หึ....คิดจะมาเป็นพ่อคนเอาตอนนี้งั้นหรอ....”        ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ความว้าวุ่นในใจดูเหมือนจะเบาบางลงไปได้อย่างน่าประหลาด

อย่างน้อยๆสำหรับตอนนี้....เขาก็มีแรงพอที่จะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้แล้วละนะ






ภาพแผนที่ของเมืองฉายชัดอยู่บนหน้าจอเสมือนที่ข้อมือของกิโนสะ โนบุจิกะ....จุดกระพริบที่บ่งบอกว่าที่นั่นยังมีการก่อจลาจลอยู่ดูเหมือนจุดสุดท้ายจะเพิ่งดับลงไป พร้อมๆกับเสียงเรียกเข้าจากใครสักคนที่ดังขึ้นมา.....ผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริ?

จู่ๆ หัวใจที่สงบลงไปได้บ้างก็เต้นแรงขึ้นมาด้วยความกังวล ปลายนิ้วกดรับสายด้วยกล้าๆกลัวๆ

“ จับกุมตัว.......มาคิชิมะ โชโงะ ได้เรียบร้อยแล้วค่ะ!”        ผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริรายงานมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ก็ฟังดูขึ้นจมูกนิดๆราวกับว่ากำลังร้องไห้? ทำเอาความคิดในแง่ร้ายพุ่งเข้ามาเกาะกุมหัวใจทันที

“ ตอนนี้ยังหาตัวคางาริคุงไม่พบ เพราะแยกลงไปชั้นใต้ดินคนเดียวแล้วขาดการติดต่อไปค่ะ”       ที่อกข้างซ้ายหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาให้ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กปากมากนั่นกัน? ถึงจะดูไม่ได้เรื่องได้ราวแต่คางาริก็แข็งแกร่งพอที่จะไม่เสียท่าใครง่ายๆแน่ เขาเชื่อมั่นแบบนั้น....แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

เรื่องการหายตัวไปของผู้ใต้บังคับบัญชาทำเอาร่างกายรู้สึกหนักขึ้นมา เสียงขึ้นจมูกที่กำลังจะรายงานเรื่องต่อไปนั่นทำเอาเขาแทบไม่อยากจะฟัง


เพราะมันต้องเป็นเรื่องของโคงามิ ชินยะ แน่ๆ.....เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย


นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นปิดลงแน่น หัวใจเต้นระรัวจนน่ากลัว.....ถ้าเกิดมันเป็นข่าวร้ายขึ้นมาล่ะ?.....เขาจะทำยังไง...จะยืนต่อไปไหวไหม....


“ โฮ่ย กิโนะ? ได้ยินไหมกิโนะ?”        แต่แล้วเสียงแหบแห้งก็ทำให้นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกกว้าง พยายามมองหาต้นเสียงภายในจอภาพเสมือนนั้น แล้วก็ต้องเผลอยกมือขึ้นปิดปากเมื่อมองเห็นสภาพของโคงามิ....เลือดที่ไหลลงมาอาบใบหน้ามีแต่จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบ อีกทั้งรอยเลือดมากมายที่อยู่ตามเนื้อตามตัวนั่นก็อีก.....ทำไมถึงไม่รักตัวเองได้ขนาดนี้กันนะหมอนี่

แล้วแบบนี้ยังมีหน้ามาขอให้เขารักอีก!

รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าภายใต้กรอบแว่นอย่างหาดูได้ยาก นัยน์ตาสั่นไหวไปกับภาพตรงหน้า.....อย่างน้อย....หมอนั่นก็ยังมีชีวิตอยู่




แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงโปร่งต้องไปเยี่ยมคนที่เป็นห่วงจนแทบบ้าในเวลาที่คนทั่วไปคงจะนอนหลับกันหมดแล้ว

ประตูห้องพักของหมาล่าเนื้อเปิดออกทันทีที่สายรัดข้อมือของผู้บังคับบัญชาแตะลงไปที่สแกน  กว่าจะได้ปลีกตัวออกมาจากการเก็บกวาดผู้คนเอาไปบำบัด กว่าจะจัดการเรื่องควบคุมตัวมาคิชิมะเรียบร้อยก็ทำเอาไม่ได้พักมาข้ามวันข้ามคืน

แต่ถึงจะเหนื่อยขนาดไหน ร่างกายกลับไม่ยอมเดินกลับไปยังคอนโดของตน

คราวนี้โคงามิใช้การรักษาแบบใหม่จึงไม่จำเป็นจะต้องนอนที่ห้องพยาบาล แต่ดูจากสภาพแล้วก็คงจะขยับร่างกายรุนแรงไม่ได้ไปหลายวัน แล้วก็แทนที่จะนอนพัก นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นกลับมองเห็นแสงไฟสลัวๆออกมาจากห้องทำงานของหมอนั่น

ใบหน้าเรียวเผลอถอนหายใจออกมา....ก็รู้อยู่หรอกว่าโคงามิตั้งใจที่จะจับมาคิชิมะให้ได้ขนาดไหน....แต่ยังไงก็ช่วยดูแลตัวเองบ้างเถอะ....

ช่วยเห็นใจคนที่ต้องเป็นห่วงอย่างเขาบ้าง

“ กิโนะ?”       ใบหน้าคมที่ซีดกว่าปกติเล็กน้อยหันมามองด้วยแววตาสงสัยก่อนจะอมยิ้มตามออกมาในที่สุด

“ มาหาฉันหรอ? เป็นห่วงฉันล่ะสิ?”        ใบหน้าเรียวชักสีหน้าดุทันที....ถึงจะอยากบอกว่าห่วงก็เถอะ แต่ไอ้ใบหน้าระรื่นแบบนั้นมันก็ทำให้ไม่อยากจะพูดให้ได้ใจ

“ ชั้นก็แค่ง่วง แล้วก็มาหาที่นอนเพราะไม่อยากกลับคอนโด”        ไม่ว่าเปล่าร่างโปร่งยังเดินตรงไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่ด้านในสุด ถึงแม้ว่าปกติที่ที่เขามักจะล้มตัวลงนอนในเวลาที่ง่วงจัดจนกลับคอนโดไม่ไหวคือโซฟาที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวนั้น แต่คราวนี้.....ก็แค่อยากล่อลวงให้เจ้าคนไม่รักตัวเองนั่นไปนอนก็เท่านั้นแหละ

และมันก็ได้ผลซะด้วย....

มือเรียววางสูทลงที่ข้างเตียงก่อนจะปลดเนคไทออกหลวมๆพร้อมกับกระดุมเม็ดบน นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นหันไปจิกกัดเจ้าหมาล่าเนื้อที่ตามมายืนยิ้มกริ่มอยู่ที่หน้าประตูห้องเพราะรู้ดีว่านัยน์ตาสีดำคู่นั้นกำลังมองอะไร มือที่ตั้งใจจะปลดกระดุมเม็ดถัดไปจึงนิ่งค้างเอาไว้

ร่างโปร่งสะบัดตัวไปยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิดมันออกมาโดยไม่สนใจสายตาโลมเลียของเจ้าของห้องที่จ้องมองมาจากทางด้านหลังเลยแม้แต่น้อย มือบางหยิบชุดนอนออกมาราวกับว่านี่เป็นตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

ก็นะ....ถึงแม้ว่าตู้จะไม่ใช่ของเขา แต่ชุดนอนนี่เป็นของเขาไม่ผิดแน่



เสียงของสายน้ำหยุดลงเมื่อร่างกายโปร่งบางถูกชำระล้างจนสะอาด ความจริงเขาเหนื่อยมากพอที่จะหลับลงได้ทันทีที่หัวถึงหมอนโดยไม่ต้องอาบน้ำด้วยซ้ำ แต่ทว่าก็ทำใจให้นอนลงไปทั้งๆที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดติดตัวอยู่แบบนี้ไม่ได้

เหตุการณ์เลวร้ายที่เจอมาตลอดทั้งวันนี้ มันจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเกิดขึ้นมาได้จริงๆ

ร่างโปร่งหยุดยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างหน้าก่อนสายตาจะเลื่อนไปมองแก้วเปล่าที่มีแปรงสีฟันสองอันใส่อยู่ด้วยกัน นัยน์ตาที่บัดนี้ไม่มีกรอบแว่นบดบังทอดมองมันพรางคิดอะไรหลายๆอย่าง ร่างกายเดินออกไปจากห้องน้ำทั้งๆที่หัวยังคงเปียกโชกอย่างที่นานๆทีคนอย่างกิโนสะ โนบุจิกะ จะยอมหลุดสภาพแบบนี้ให้ใครได้เห็น

นัยน์ตาสีดำของคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเหลือบขึ้นมามอง มือใหญ่เอื้อมมาจับมือของร่างโปร่งซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงให้นั่งลงไปจนที่นอนยุบยวบ ผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่ลำคอระหงถูกมือของอาชญากรจับขึ้นมาซับหยดน้ำจากเส้นผมเปียกชุ่มนั้นให้อย่างเบามือ

“ เป็นอะไรไปกิโนะ?”        เสียงทุ้มเอ่ยถามมาจากคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ ทำไมแกถึงยังไม่นอนอีก ทั้งๆที่จับตัวมาคิชิมะ โชโงะได้แล้ว ยังมีอะไรจะต้องทำอีกหรือไง?”        แต่คำถามก็ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงน้ำเสียงอ่อนแรงเปล่งออกมาจากคนที่นั่งก้มหน้ายอมให้เช็ดหัวให้แต่โดยดี

“ ฉันกำลังศึกษาระบบการตัดสินโทษแบบเก่าอยู่น่ะ....นายก็รู้ว่าโดมิเนเตอร์ใช้กับหมอนั่นไม่ได้”       และเพราะทุกลมหายใจเข้าออกก็มีเพียงเรื่องของผู้ชายคนนั้นจนบางครั้งมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้

“ ทำไม....ถึงต้องยึดติดกับคดีของมาคิชิมะ โชโงะขนาดนั้น....เพราะมันทำให้แกต้องเป็นอาชญากร?...เพราะซาซายามะ?”        มือใหญ่ยังคงเช็ดเส้นผมสีดำขลับต่อไปโดยไม่มีชะงัก นัยน์ตาสีดำทอดมองต้นคอระหงของคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง.....ใช่.....เขาก็ยอมรับว่าแค้นเจ้ามาคิชิมะนั่น เพราะมันมีส่วนในการฆ่าซาซายามะจนทำให้เขาต้องกลายเป็นอาชญากร....ซึ่งมันริดรอนอิสระที่จะได้อยู่เคียงข้างกิโนะสะ

จะเรียกให้มันหรูหราว่ามันเป็นเพราะศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายก็เรียกได้....เพราะคำว่าลูกผู้ชายสำหรับเขาคือการที่สามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้ก็เท่านั้น

มือที่จับผ้าขนหนูหยุดขยับก่อนที่มันจะย้ายไปจับไหล่บางทั้งสองข้างแล้วกอดกระชับลำตัวโปร่งมาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าคมซุกอยู่ที่ไหล่บางข้างหนึ่ง  มีเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เอ่ยออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ คนที่ตายไปแล้วน่ะ ไม่สำคัญเท่ากับคนที่มีชีวิตอยู่หรอกนะ”      

“ หมายความว่ายังไง?”        ใบหน้าเรียวหันมาหาด้วยแววตาสงสัย

“ ก็.....ตราบใดที่มาคิชิมะ โชโงะ ยังไม่ได้รับโทษตาย ฉันก็ไม่อาจจะวางใจได้น่ะสิ ว่ามันจะไม่ทำให้คนสำคัญของฉันที่ยังมีชีวิตอยู่...จะต้องเป็นเหมือนซาซายามะ”       นัยน์ตาที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กรอบแว่นชะงักค้างน้อยๆก่อนที่ใบหน้าเรียวซึ่งเริ่มขึ้นสีจะก้มลงไปเหมือนเดิม

รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าคม....พอจะรู้แล้วละ ว่ากิโนะเป็นอะไร


“ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะกิโนะ....มันใกล้จะจบแล้วละ....อดทนอีกหน่อยนะ”        ใบหน้าที่ยังก้มอยู่แดงหนักกว่าเก่า

“ คะ ใครเป็นห่วงกัน?! อย่ามาเข้าใจผิดนะเจ้าหมาล่าเนื้อ! รีบๆเช็ดผมให้แห้งซะ ฉันง่วงแล้ว!”        เสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมาตามประสาคนปากไม่ตรงกับใจ แต่มันกลับเรียกรอยยิ้มและความสบายใจให้เกิดขึ้นในหัวใจที่ดำมืดได้


ขอเพียงแค่มีนายอยู่ตรงนี้.....มันก็คือที่ที่ฉันจะกลับมา....ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม








ตอนนั้น....พวกเขาทั้งสองคนไม่มีใครรู้เลย......ว่าเรื่องที่ใกล้จะจบ.......มันจะไม่ใช่คดีของ มาคิชิมะ โชโงะ


แต่เป็นความสัมพันธ์ของพวกเขาเองต่างหาก....









พื้นรองเท้าหนังเสียดสีไปกับทางเดินเงาวับของกรมความปลอดภัย จังหวะการก้าวขาที่ไวกว่าปกติทำให้รู้ว่าขณะนี้ กิโนสะ โนบุจิกะ นั้นกำลังหงุดหงิดใจเต็มที  บทสนทนาระหว่างตัวเขากับหัวหน้ากรมความปลอดภัย คาเซย์ โจชู ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวมีแต่จะทำให้มือทั้งสองข้างกำแน่น

“ การตรวจสอบคดีที่มาคิชิมะ โชโงะ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น....ทางกระทรวงสาธารณะสุขจะจัดทีมพิเศษขึ้นมาสานต่อเรื่องนี้เอง...กรมความปลอดภัยหมดหน้าที่แล้ว”


ไม่เข้าใจ.....

ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องถอดพวกเขาออกจากการสอบสวน ทั้งๆที่มาคิชิมะ โชโงะ คือคนที่หน่วยที่หนึ่งอย่างพวกเขาตามล่าตัวมาตลอด แล้วอยู่ดีๆจะมาบอกว่าให้ยุติง่ายๆทั้งๆที่จับมันมาได้แล้วแบบนี้เนี่ยนะ?

ไม่สบอารมณ์....แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง......เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บเอามาหงุดหงิดใจอยู่แบบนี้

ยิ่งโดนตอกหน้ากลับมาว่าการที่หน่วยปฏิบัติการณ์ภายใต้บังคับบัญชาอย่างเจ้าคางาริหนีหายไประหว่างความวุ่นวายนั้นสุดท้ายแล้วคนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือเขาเองก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มความขุ่นมัวในใจ

รับผิดชอบ?

ไม่ว่าจะเป็นอะไรๆ ทำไมคนที่ต้องรับเอาไว้ถึงได้มีแต่เขากันล่ะ? ต่อให้พยายามทำหน้าเฉยชายังไง แต่ในใจมันใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรสักหน่อย....





“ อย่ามาพูดบ้าๆนะ!! อธิบายมาให้ชัดๆซิ!!!”         เสียงทุบโต๊ะตามมาด้วยเสียงตะคอกจากความโมโหดังลั่นจนคนทั้งหน่วยต่างหันมามอง แน่นอนว่าคนที่จะไม่พอใจกับคำสั่งนี้มากที่สุดก็คือ โคงามิ ชินยะ

“ เป็นหน่วยปฏิบัติการ อย่ามาขึ้นเสียงกับชั้นนะ!”       น้ำเสียงดุดันเอ่ยตอกกลับไปเช่นกัน ใบหน้าเรียวจ้องมองไปที่มอนิเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าโดยพยายามไม่หันไปสบตากับโคงามิ....มันใช่ความผิดของเขาหรือไง? ทำไมต้องมาลงที่เขาด้วย? แล้วจะให้อธิบายอะไรในเมื่อคำสั่งมันออกมาแบบนี้โดยที่เขาเองก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง แล้วก็ใช่ว่าเขาจะไม่คัดค้าน แต่มันทำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก

“ นี่ใช่เวลามาพูดเรื่องตำแหน่งอยู่หรอไง?!! พวกเราเป็นคนจับได้แต่ไม่ให้สอบสวน ดูยังไงก็น่าสงสัยชัดๆ!!        น้ำเสียงทุ้มยังคงเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าเรียวภายใต้กรอบแว่นเองก็งอง้ำเช่นเดียวกับใบหน้าคมที่แสดงออกว่าโกรธจัด

“ ไม่ใช่เรื่องที่ชั้นจะตัดสินใจได้นะ! ถ้ามีอะไรอยากจะบ่นละก็....”

“ ถ้ามีอะไรอยากจะบ่นละก็ ไปพูดกับหัวหน้ากรมตรงๆเลยสิ....จะพูดแบบนี้งั้นหรอ?.........ตัวชั้นที่เป็นหน่วยปฏิบัติการณ์ไม่มีทางพบหัวหน้ากรมตรงๆได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?! ถ้าฉันทำแบบนั้นล่ะก็....คนที่จะต้องรับผิดชอบคือนายไม่ใช่หรือไง? ผู้สังเกตการณ์!”       คำพูดประชดประชันเอ่ยออกมาก่อนที่ร่างแข็งแกร่งจะหันหลังเดินจากไปในทันที

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นสั่นระริกมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ข้างในมันอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว

รับผิดชอบ?

รับผิดชอบอีกแล้วงั้นหรอ....

เขาทำอะไรผิดกันล่ะ ถึงต้องรับผิดชอบ....ถึงต้องมาทะเลาะกับโคงามิแบบนี้






เวลาแห่งความทรมานมันช่างยาวนานจริงๆ กว่าจะหมดวันนี้ไปได้ ร่างโปร่งบางก็แทบจะล้มประดาตาย

กิโนสะ โนบุจิกะ เดินสโลสเล ออกมาจากห้องทำงาน จิตใจที่เหนื่อยล้าพาเอาร่างกายแทบจะไร้เรี่ยวแรงไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นท้องมันก็ยังร้องประท้วงขึ้นมา ว่าวันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้กินอะไรนอกจากกาแฟเพียงแก้วเดียว

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเหม่อมองคนที่เดินสวนไปมาด้วยความเร่งรีบอย่างเลื่อนลอย จากเหตุจลาจลยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปตามเก็บกวาดสินะ...ผู้ชายคนนั้น....มิคิชิมะ โชโงะ....ช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ขนาดถูกจับเอาไว้ได้แล้วแต่ก็ยังคงครอบงำเมืองทั้งเมืองได้....ขนาดถูกจับเอาไว้แบบนี้ ก็ยังทำให้เขาทะเลาะกับโคงามิได้

ไม่ต้องพูดถึงตอนที่ยังไม่ถูกจับ....เพราะคนคนนี้ก็เคยทำให้เขากับโคงามิต้องเลิกกันมาแล้ว


ขาเรียวเดินมาถึงห้องอาหารของกรมความปลอดภัยโดยที่ไม่รู้ตัว ถาดอาหารมาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็แทบไม่ได้สนใจ แต่ในขณะที่กำลังมองหาที่นั่งเงาร่างที่คุ้นตาก็ทำให้เผลอชะงัก

โคงามิ นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง  มือใหญ่ยกขึ้นมาเท้าคางในขณะที่สายตาเยี่ยงหมาล่าเนื้อนั้นเหม่อมองออกไปไกล

ร่างโปร่งบางยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะเดินเข้าไปแต่อีกใจก็ร้องห้าม  ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงดีจู่ๆนัยน์ตาสีดำคู่นั้นก็เบือนออกมาจากกระจก  ทำเอาเขาสะดุ้งน้อยๆเพราะโคงามิคงจะรู้ตัวแล้วแน่ๆว่าถูกเขายืนมองอยู่

ทั้งๆที่คิดว่าอย่างหมอนั่นก็คงจะระริกระรี้เข้ามาหาเขาเหมือนทุกที.....แต่คราวนี้ร่างแข็งแกร่งนั่นกลับนั่งเฉยพรางหันหน้ากลับไปหากระจกตามเดิม

ใบหน้าเรียวชาวาบกับการกระทำอันไร้เยื้อไยนั่น.....เขากำลังถูกโกรธ?....กำลังถูกเมินอยู่งั้นหรอ?

ริมฝีปากขบเม้มกันแน่นเช่นเดียวกับหัวใจที่เจ็บจนไม่รู้ว่ามันเจ็บมาจากส่วนไหน ซีกซ้าย? ซีกขวา? ห้องบน? ห้องล่าง? หรือว่าตรงไหนกัน?

มือที่ถือถาดอาหารสั่นระริกและกว่าจะบังคับตัวเองให้ไปนั่งลงที่อีกฝั่งของห้องอาหารแทนที่จะวิ่งหนีไปได้ก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ถ้วยซุปถูกเปิดออกทำให้เขามองเห็นใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนมาจากซุปใส

ทำไมถึงได้ทำหน้าราวกับจะร้องไห้แบบนั้นล่ะโนบุจิกะ?

มันเป็นความผิดของนายหรือไง? ทำไมใครๆก็ต้องมาลงที่นายด้วย?

หรือจะคิดว่าคนที่ทำตัวเย็นชาอย่างเขาจะไม่มีความรู้สึก?

พอกันที

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่ มือกำตะเกียบจนแทบจะหักคามือ อาหารของวันนี้รสชาติเป็นยังไงลิ้นก็ไม่ได้รับรู้เลย ใบหน้านิ่วกินอาหารเข้าไปโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น....รีบๆกินซะ...จะได้ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีก






ภาพของคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตายฉายชัดอยู่ในกระจก นัยน์ตาสีดำจ้องมองภาพนั้นด้วยแววตาเหม่อลอย....เขาก็รู้....ว่ามันไม่ได้เป็นความผิดของกิโนะ....แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ที่รู้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดกำลังจะหลุดมือไป

เลยได้แต่พาลเอาไปลงกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างกิโนสะ

ริมฝีปากสีระเรื่อที่เม้มแน่นกับใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของคนที่เพิ่งจะกินข้าวเสร็จทำให้เขาถอนหายใจออกไป สองมือวางทาบลงไปบนโต๊ะก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น

ยังไงก็คงต้องไปง้อ ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ไปกว่านี้.....อย่าปล่อยให้ มาคิชิมะ โชโงะ ทำให้เขาต้องเลิกกับกิโนะอีกเป็นครั้งที่สอง....




นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองขึ้นไปเมื่อเห็นเงาที่คุ้นเคยทาบทับอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าเฉยชาของโคงามิก้มมองลงมาโดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม

มือใหญ่จับลงมาที่ข้อมือบาง แต่คนที่กำลังน้อยใจก็สะบัดมันออกไปอย่างไม่ใยดี ร่างโปร่งลุกขึ้นก่อนจะเดินหนี

“ กิโนะ”         เสียงทุ้มที่เรียกชื่อมีแต่จะทำให้มือบางกำแน่น....พอกันที....วันนี้เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว

“ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้นอีก จะไปไหนก็ไป!!”        เสียงตะโกนดังออกมาจากใบหน้าที่เจ็บปวด ก่อนที่ร่างโปร่งจะก้าวเร็วๆจากไป ทิ้งให้มือที่กำลังจะเอื้อมคว้าต้องชะงักค้างอยู่แบบนั้น

นัยน์ตาสีดำมองแผ่นหลังของกิโนสะที่ค่อยๆหายไปด้วยแววตาเหม่อลอย รู้ว่าตามไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์

เพราะฉะนั้นร่างกายที่บอบช้ำจากการต่อสู้จึงพาหัวใจที่เหนื่อยล้ากลับมานอนลงที่โซฟาในห้องของตัวเอง มือถูกยกขึ้นก่ายหน้าผาก....ต่อให้ยากที่จะทำใจแค่ไหน เขาก็ต้องทำใจให้ได้ ก่อนที่มันจะทำลายความสัมพันธ์ของเขากับกิโนสะลงไป

อย่าให้เรื่องนี้....ต้องทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นมาอีก....ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมาก็เพื่อกิโนะไม่ใช่หรือไงกัน

พรุ่งนี้...จะต้องไปง้อ......

เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปิดลง




จนกระทั่ง.....เสียงเรียกเข้าจากสายที่ไม่ระบุที่มาดังขึ้น.....และพอรับสายถึงได้รู้ว่าคนที่โทรมา....คือ มาคิชิมะ โชโงะ








เครื่องบินสำหรับขนนักโทษตกลงมา....และมาคิชิมะ โชโงะ ก็หนีไปได้.....


ด้วยสาเหตุนี้เลยทำให้หน่วยที่หนึ่งจำเป็นต้องหันมาจับคดีตามล่าตัวผู้ชายคนนี้อีกครั้ง และคำสั่งจากหัวหน้ากรมฯที่ทำเอาหัวหน้าหน่วยอย่างกิโนสะ โนบุจิกะถึงกับชาวาบก็คือ


ให้ถอด โคงามิ ชินยะ ออกจากภารกิจในครั้งนี้และให้กักตัวอยู่แต่ในกรมเท่านั้น




ถึงแม้ว่าใบหน้าตอนที่ถ่ายทอดคำสั่งนี้ออกไปให้ทุกคนในหน่วยฟังจะยังคงเรียบเฉยแต่ในใจของร่างโปร่งกลับมีแต่คำถามและความสับสน

แต่คราวนี้โคงามิ ไม่ได้โวยวายเหมือนครั้งที่แล้ว ร่างสูงใหญ่ได้แต่ทิ้งตัวลงไปพิงกับโต๊ะของตัวเองก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยท่าทางนิ่งเฉยถึงแม้ว่าการแสดงออกจะทำเหมือนยอมรับในคำสั่งที่ได้รับ แต่สิ่งที่เอ่ยออกมากลับตรงข้าม

“ นี่.....ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั่งของหัวหน้ากรมก็เถอะ แต่ไม่คิดบ้างหรอว่าว่าการสั่งกักตัวชั้นแบบนี้มันแปลกๆ ทั้งๆที่ขาดแคลนกำลังคนอยู่แล้วยังจะมาทำให้มันลดลงไปอีก?”       โคงามิกำลังสงสัยพวกเบื้องบน กำลังสงสัยในระบบ Sybil System

“ ความปลอดภัยของมาคิชิมะ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดและการป้องกันไม่ให้มันก่ออาชญากรรมเป็นผลพลอยได้? แบบนี้มันไม่เรียกว่าการจับกุมแล้วละ แต่มันเรียกว่าเป็นคนคอยคุ้มกันให้มันมากกว่า”         ควันบุหรี่พวยพุ่งออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้าเฉยเมยมองตรงมาด้วยสายตาเย็นชา

“ พวกเบื้องบนไม่ได้จะต้องการฆ่าหรือลงโทษมาคิชิมะ แต่ต้องการจะใช้มันในการทำอะไรบางอย่าง”

“ แทนที่จะใช้รถขนนักโทษกลับใช้เครื่องบิน แถมบนนั้นยังมีแต่โดรน รวมทั้งศพคนที่ถูกฆ่านั่นเป็นใครกันล่ะ? มีแต่เรื่องน่าสงสัย ถึงแม้ในบันทึกจะถูกลบออกไปหมดแต่เราก็เห็นมากับตาว่ามันมี”      ใบหน้าคมยังคงมองตรงมาถึงแม้จะไม่ได้จงใจคาดคั้นแต่ก็ให้ความรู้สึกว่าถูกนัยน์ตาสีดำคู่นั้นคุกคามและกดดันอยู่

ใบหน้าเรียวภายใต้กรอบแว่นดูกระอักกระอ่วนราวกับไม่รู้ว่าจะตอบคำถามทั้งหมดนี้อย่างไร ไม่รู้ว่าจะถอยหนีจากคนตรงหน้าที่กดดันเข้ามาเรื่อยๆนั่นอย่างไร

ครั้งที่แล้วก็ยังไม่ทันจะได้พูดกันดีๆด้วยซ้ำ คำสั่งคราวนี้มีแต่จะยิ่งทำให้เขากับโคงามิมองหน้ากันไม่ติดมากกว่าเดิม

จะต้องให้เขาทำยังไง? เดินเข้าไปปฏิเสธทุกอย่างที่หัวหน้ากรมสั่งมาอย่างงั้นหรอ?

“ มันก็ต้องเป็นใครสักคนที่จะให้เรารู้ไม่ได้นั่นแหละ โค...”        แต่แล้วท่ามกลางเขาวงกตของอารมณ์ที่หาทางออกไม่เจอ เสียงของพ่อ...ไม่สิ...เสียงของมาซาโอกะ โทโมมิก็เข้ามาช่วยเอาไว้

“ เป็นข้อมูลลับสุดยอดที่แม้แต่ผู้สังเกตการณ์ก็ยังไม่มีสิทธิ์จะรู้....แกเลือกคนที่จะเห่าใส่ผิดแล้วละ”       นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นแอบเหลือบมองชายสูงวัยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเอง....เป็นอีกครั้งที่เขาอยากจะขอบคุณ

ถึงแม้จะพยายามปฏิเสธตลอดมาแต่เขาก็รู้ว่าพ่อยังคงปกป้องเขาในแบบของตัวเองอยู่เสมอ

“ อ่า....นั่นสินะ”        และเหมือนโคงามิก็จะเริ่มรู้สึกตัวว่ามากดดันเขาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ร่างแข็งแกร่งจึงก้าวขาเดินออกจากห้องไป



ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ?.....




ขณะนี้ภายในห้องของหน่วยสืบสวนที่หนึ่งเหลืออยู่แค่เขากับมาซาโอกะ โทโมมิเพียงเท่านั้น....ไม่ได้อยากจะแสดงความอ่อนแอให้เห็นแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที....ร่างโปร่งเดินไปหยุดลงที่หน้าโต๊ะของโคงามิก่อนจะดึงเก้าอี้ที่หมอนั่นนั่งเป็นประจำออกมาแล้วค่อยๆหย่อนตัวลงไปอย่างหมดแรง มือถอดแว่นออกมาเช็ดก่อนจะก้มหน้าลงไปมอง

“ นี่...ต้องทำยังไงถึงจะดีล่ะ? ทำยังไงถึงจะเหมาะสมล่ะ?”        นี่คงเป็นครั้งแรก ที่เขาเอ่ยปากราวกับกำลังขอคำปรึกษากับคนที่ได้ชื่อว่าพ่อ

“ ไม่มีอะไรเหมาะสม...อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดแค่นั้นแหละ”        แผ่นหลังที่ดูเดียวดายของผู้เป็นลูกชายในเวลานี้มีแต่จะทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกเป็นห่วง นัยน์ตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเหลือบไปมองใบหน้าเรียวที่ราวกับถอดแบบภรรยาของเขาออกมาซึ่งยังคงนั่งก้มหน้ามองแว่นตาที่อยู่ในมือ

เด็กคนนั้นเหมือนแม่....เพราะงั้นเขาจึงยิ่งห่วง

ความคิดที่ซื่อตรงและเชื่อมั่นในระบบมีแต่จะทำให้ตามพวกอาชญากรไม่ทันและหลายครั้งมันก็อันตรายมาก อันตรายจนเขาเองชักจะสำนึกผิดขึ้นมาที่ไม่ยอมคัดค้านตอนที่ลูกชายเลือกที่จะเป็นตำรวจเหมือนตัวเอง....เพราะตอนนั้นมัวแต่หลงดีใจ ที่อย่างน้อยก็จะได้อยู่ใกล้ลูกชายที่ไม่คิดว่าจะคว้ากลับมาอยู่ในมือได้อีก

“ นี่....โนบุจิกะ....”        ถึงแม้ว่าพ่ออย่างเขาจะถูกตราหน้าจากลูกชายมาตลอดว่าเป็นคนที่ทิ้งตนกับแม่ไป แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะละสายตาไปจากเด็กคนนี้ได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้ดี....ว่าตอนนี้ผู้เป็นลูกชายกำลังคิดอะไรอยู่

โนบุจิกะ รัก โคงามิ....และเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้คัดค้านมาตั้งแต่แรก....เพราะคิดว่าการปล่อยเด็กคนนั้นเอาไว้ตามลำพังในที่ที่อันตรายแบบนี้มันจะมีแต่ความเสี่ยง เขาเองก็ไม่สามารถจะดูแลลูกชายได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้นหากมีโคอยู่ข้างๆ เขาก็อาจจะพอวางใจได้บ้าง

แต่ตอนนี้....เพราะว่าโนบุจิกะรักโคนั่นแหละ....มันเลยยิ่งอันตราย....เพราะเขารู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยโคแน่ๆ

“ อะไรล่ะ?”        ใบหน้าของลูกชายเงยขึ้นมามอง

“ ป้องกันตัวเองซะ”         นั่นคือเรื่องเดียวที่เขาจะเตือนลูกชายได้ ใบหน้าเรียวได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ

“ นี่มันเป็นการเล่นโยนบอลระหว่างหมากับเจ้านาย...ถ้าแกขัดขืนละก็ มีแต่จะเจ็บตัว....เปลี่ยนจุดยืนซะ เปลี่ยนไปเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ทั้งหมาและเจ้านายซะ”

“ ......บุคคลที่สาม?”

“ ลูกบอลไงล่ะ...ก็แค่กลิ้งไปตามแรงของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นเอง....อาจจะดูเหมือนเจ็บปวดมากที่สุด แต่ที่จริงแล้วมันเป็นวิธีที่เจ็บปวดน้อยที่สุดและฉลาดที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ยังไงล่ะ”         ผู้เป็นลูกชายจะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะบอกบ้างไหม....ว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยให้เจ้าโคงามิได้ทำตามใจ นั่นมันคือการขัดขืนต่อ Sybil System และคนที่ไม่เชื่อในระบบ...มันก็จะต้องจบลงแบบเขา

หึ....จะบอกว่าเขาเป็นพ่อที่เห็นแก่ตัวก็ช่าง....ทีเจ้าโคจะทำเพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เขาไม่เคยคัดค้าน.....แต่พอเป็นโนบุจิกะเขากลับให้คำแนะนำแบบนี้ออกไป...

เพราะเขารู้ว่าเจ้าโคงามิแข็งแกร่งพอที่จะเอาตัวรอดได้...แต่ลูกชายของเขาไม่ใช่....

หัวใจของโนบุจิกะยังอ่อนโยนเกินไป....

“ ขอพูดตรงๆนะ ว่าคดีนี้มันใหญ่เกินกว่าที่แกจะรับมือไหวแล้วล่ะ แทนที่จะเคลื่อนไหวงี่เง่าแล้วโดนบังคับให้ลาออก สู้แกทำเป็นไร้น้ำยาแล้วปล่อยตัวไปตามกระแสจะดีกว่า”      เขาก็แค่อยากจะเห็นลูกชายมีชีวิตอยู่จนกว่าเขาจะตายไปก่อนก็เท่านั้นแหละ

“ ช่างเป็นคำแนะนำที่โหดร้ายจังนะ”        เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากใบหน้าเรียวที่ยิ้มบางๆ แว่นตาที่ถูกเช็ดจนใสสะอาดถูกสวมลงบนใบหน้าเช่นเดิม.....เขาเข้าใจดี ถึงความหมายที่ผู้เป็นพ่อต้องการจะสื่อออกมา....เข้าใจดีว่าสายตาที่มองมานั้นมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงขนาดไหน.....แต่ทว่า เขาคงไม่สามารถจะทำตามคำแนะนำได้

เพราะไม่ว่าจะด้วยหน้าที่หรือเรื่องส่วนตัว....เขาก็ยังเชื่อว่าหมาล่าเนื้อที่จะดมกลิ่นมาคิชิมะได้ดีที่สุดคงไม่พ้น โคงามิ

และหน้าที่ของเขาก็มีแค่ทำยังไงก็ได้ให้หมามันสามารถออกไปล่าเนื้อได้ก็เท่านั้น







เสียงประตูห้องพักของ โคงามิ ชินยะ เลื่อนเปิดออก ทำให้เจ้าของห้องที่นั่งแผ่อยู่บนโซฟาอย่างเหนื่อยล้าผงกหัวขึ้นมาดู และคนที่ก้าวขาเข้ามาทำให้รู้สึกผิดคาดนิดหน่อย

“ กิโนะ?”

“ มะ มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”       ร่างโปร่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยับแว่นซึ่งมันปฏิกิริยาที่เจ้าตัวมักจะทำเมื่อเครียดจัดหรือไม่ก็กำลังตื่นเต้น 

“ ถ้างั้นก็มานี่สิ”       เขาเอ่ยเรียกออกไป เจ้าของใบหน้างอหงิกจึงยอมเดินลงบันไดเข้ามาหา  นัยน์ตาสีดำที่อ่อนแรงจ้องมองทุกย่างก้าวของกิโนสะ...ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะเข้ามาหาเขาก่อนแบบนี้ ทั้งๆที่ปกติแล้วต่อให้ตัวเองเป็นคนผิดแต่เจ้าคนตรงหน้าก็จะปากแข็งจนวินาทีสุดท้าย

แล้วเรื่องคราวนี้กิโนะก็ไม่ได้ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว....กลับเป็นเขาเองที่ควบคุมตัวเองจากความผิดหวังไม่ได้....แล้วพาลเอาไปลงกับเจ้าคนที่น่าสงสารตรงหน้า

ทั้งๆที่เขาก็รู้ดี....ว่าคนที่ต้องอยู่ในสถานะอย่างกิโนะจะต้องเจอแรงกดดันขนาดไหน ต้องรับฟังคำสั่งที่ไม่ได้อยากจะทำโดยโต้เถียงอะไรไม่ได้ ซ้ำยังต้องมาฟังลูกน้องโวยวายอีก

ไหล่บางๆนั่นต้องแบกรับสิ่งที่เรียกว่า “ความรับผิดชอบ” มากมายขนาดไหน เขารู้ดี

มือใหญ่เอื้อมคว้าไปที่มือบางแล้วดึงตัวคนที่เพิ่งจะเดินมาถึงให้ถลาลงมานั่งอยู่บนหน้าตัก

“ เฮ้ย! จะทำอะไรน่ะโคงามิ! นี่มันยังอยู่ในเวลางานนะ!!”        ร่างโปร่งพยายามจะดันตัวเองออกไป แต่เขาก็กอดรัดเอวบางเอาไว้แน่น

“ ขอโทษนะกิโนะ....”         คนที่พยายามต่อต้านนิ่งงันไปทันทีที่ได้ฟังประโยคนี้ เขาจับกิโนสะให้นั่งลงไปข้างๆเพราะอยากมองเห็นปฏิกิริยาบนใบหน้าเรียวนั่น สองมือประคองใบหน้าภายใต้กรอบแว่นที่กำลังก้มลง นัยน์ตาที่เข้มงวดและจิกกัดอยู่ตลอดเต็มไปด้วยความสั่นพร่า ริมฝีปากที่คอยพูดจาร้ายๆเม้มแน่นอย่างพยายามกักเก็บความรู้สึกข้างในเอาไว้ ใบหน้าราวกับจะร้องไห้ทำให้เขาดึงหัวสีดำนั่นเข้ามาซบอยู่ที่หัวไหล่

“ ขอโทษ....”        เขาเอ่ยกระซิบอีกครั้งที่ใบหู มือบางกำอยู่ที่ชายเสื้อของเขาแน่น ไหล่ของกิโนสะสั่นน้อยๆ ที่ไหล่ของเขาก็รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะจากหยดน้ำที่ซึมผ่านเสื้อเข้ามา เขาได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องไห้เพื่อระบายความอึดอัดในใจ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงมือเท่านั้นที่ลูบหัวปลอบโยนอย่างแผ่วเบา

น่าแปลก....ทั้งๆที่เฝ้าคิดมามากมาย ว่าจะจัดการกับเรื่องตรงหน้ายังไง จะทำยังไงให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจนี่มันหายไป แต่ไม่ว่าจะคิดแค่ไหนมันก็ไม่เคยได้คำตอบ

ทว่า....พอได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้....ทั้งๆที่ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ....แต่ความมืดมัวในหัวใจกลับถูกเป่าหายไปในพริบตา...เรี่ยวแรงและสมองที่อ่อนล้าจู่ๆก็มีกำลังวังชาขึ้นมาเสียแบบนั้น

เขาก้มลงไปจูบที่ขมับของคนที่ยังใช้ไหล่ของเขาซับน้ำตาอยู่เบาๆ  ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มควบคุมตัวเองได้บ้างแล้ว ร่างโปร่งจึงดันตัวเองออกไปก่อนจะก้มหน้างุดพรางควักผ้าเช็ดแว่นออกมาก้มหน้าก้มตาเช็ดแว่นด้วยใบหน้าแดงเถือก

น่ารัก.....

เขาอมยิ้มน้อยๆก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป

“ แล้ว...เรื่องที่ว่าจะคุยด้วยล่ะ? หรือว่าจะแค่แวะมาหาฉัน?”       รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งไปให้ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายยังไงแต่ปฏิกิริยาซึนเดเระของกิโนสะก็ยังเป็นอะไรที่น่าดูอยู่เสมอ

“ ไอ้บ้า! ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแกต่างหาก!”       ใบหน้าแดงระเรื่อกลับมาเข้มงวดเหมือนเดิม แว่นตาถูกสวมเข้าที่พร้อมกับสายตาจิกกัดที่ส่งกลับมาจนเขาเผลอยิ้ม

“ หุบยิ้มเดี๋ยวนี้!

“ ครับๆ....แล้ว...มีอะไร?”       

“ ฉันกำลังคิดว่า....จะให้แกเปลี่ยนตัวกับหน่วยปฏิบัติการของหน่วยที่สองซึ่งกำลังทำคดีของคางาริอยู่....อย่างน้อยแกก็จะได้ออกไปนอกกรม....ใช้โอกาสนั้นแอบตามสืบเรื่องของมาคิชิมะซะ”         สิ่งที่กิโนสะพูดออกมาทำให้เขานัยน์ตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เจ้าคนที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเป๊ะแบบนี้น่ะหรอจะคิดแผนลักหลั่นแถมยอมให้เขาทำตามแผนนั้นด้วย.....ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

“ นาย....คิดดีแล้วหรอกิโนะ?”        แน่นอนว่าถ้าแผนเกิดผิดพลาดขึ้นมา กิโนะสะก็จะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ  ถึงเขาจะดีใจที่อีกฝ่ายยอมทำเพื่อให้เขาได้กลับมาสืบคดีนี้อีกครั้งอย่างลับๆก็ตาม แต่หากถ้ามันจะทำให้กิโนสะต้องเดือดร้อนเขาก็ไม่อาจจะยอมรับได้

“ เอาเถอะน่า....แล้วชั้นจะไปหว่านล้อมพวกหน่วยที่สองเอง”      นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววจริงจัง

“ แกเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน แล้วก็อย่าไปทำอะไรที่จะทำให้คนของหน่วยสองเดือดร้อนล่ะ”        ร่างโปร่งเตรียมจะลุกออกไป เขาดึงมือบางเอาไว้ก่อนจะยิ้มให้น้อยๆ

“ ขอบใจนะกิโนะ”

“ อะ อื้อ...ชั้น....ก็ไม่ได้ทำเพื่อแกซักหน่อย ก็แค่คนมันไม่พอจริงๆนี่”       ใบหน้าแดงระเรื่อเสมองไปที่อื่น

“ ฉันสัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พวกหน่วยที่สอง จะไม่นอกใจนายด้วย สัญญาเลย”       แค่นั้นแหละใบหน้าดุๆก็หันมาแยกเขี้ยวใส่

“ อะ ไอ้บ้า!”      แล้วร่างโปร่งบางก็สะบัดตัวเดินออกไปทันที






แผนการที่วางเอาไว้กำลังดำเนินต่อไปอย่างแยบยล

ทว่า....



ร่างสูงโปร่งของกิโนสะ โนบุจิกะ แทบจะแข็งเป็นหินเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้า

ทั้งๆที่คิดว่าคิดมาอย่างดีที่สุดแล้วกับแผนขอแลกตัวโคงามิกับหน่วยปฏิบัติการของหน่วยที่สอง เพื่อให้โคงามิไปร่วมมือกับหน่วยที่สองในการตามหาตัวคางาริ....ที่นอกกรมความปลอดภัย....ทั้งๆที่คิดว่าขอแค่พาโคงามิออกไปได้ หมอนั่นก็จะสามารถตามกลิ่นของมาคิชิมะได้ไม่ยาก

แต่เขาก็คิดผิด....

เขาควรจะเชื่อประสบการณ์อันโชกโชนของผู้เป็นพ่อ....เขาควรจะฟังคำเตือนนั้น....

และตอนนี้จะมาคิดเสียใจก็คงจะไม่ทันแล้ว


โคงามิ ถูกหัวหน้ากรมฯ คาเซย์ โจชู จับได้ว่าจะออกไปนอกกรมทั้งๆที่ยังอยู่ในคำสั่งกักตัว

ทั้งๆที่อีกเพียงไม่กี่ก้าว ร่างแข็งแกร่งก็กำลังจะขึ้นไปนั่งบนรถขนนักโทษและออกไปปฏิบัติการนอกกรมตามแผนของเขาได้สำเร็จอยู่แล้ว....อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น.....แต่มันก็ไม่ทันการตรวจจับที่ราวกับมีตาสับปะรดของหัวหน้ากรมฯได้

จนบางครั้งเขาก็ชักจะสับสน....ว่าทำไม่ต้องกีดกันโคงามิในการทำภารกิจครั้งนี้ขนาดนั้น

กลัวว่าโคงามิจะเผลอไปฆ่าอาชญากรที่ก็สมควรตายนั่นหรือยังไง?

เหงื่อเกาะพราวอยู่บนใบหน้าเรียวเมื่อต้องมายืนเผชิญหน้าอยู่กับ คาเซย์ โจชู หัวหน้ากรมความปลอดภัย ในยามปกติเขาคงจะรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ แต่ในยามนี้เขาเองก็เท่ากับว่ามีความผิดในข้อหาสมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจได้เลย

“ ให้ผมอธิบายก่อนเถอะครับหัวหน้ากรมฯ...นี่น่ะเป็น....”

“ ไม่หรอก...ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น...”        หญิงสาวรุ่นราวคราวป้าเอ่ยตัดบทในขณะที่มองตรงมาด้วยสายตาเข้มงวด และนั่นมันก็ยิ่งทำให้เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้ามากขึ้นกว่าเดิม  ทั้งสองขาดูเหมือนจะหมดแรงเอาซะดื้อๆ

ตอนนี้ในหัวสมองได้แต่นึกถึงคำพูดของผู้เป็นพ่อ.....

จะทำยังไงดี.....ถ้าเขาเชื่อคำพูดนั้นทุกอย่างก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้...

ถ้าเขาไม่ช่วยคิดแผนลักหลั่นเพื่อที่จะช่วยให้โคงามิได้ออกมาตามล่ามาคิชิมะต่อ....ถ้าเขาไม่ช่วย....ถ้าเขาไม่ยอมตามใจ....อย่างน้อยโคงามิก็ยังได้เดินลอยชายอยู่ในกรมความปลอดภัย ไม่ต้องมาถูกจับกุมในฐานะนักโทษแบบนี้

สองมือได้แต่กำแน่นอย่างกดดัน....คิ้วเหนือกรอบแว่นขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์

“ กิโนสะคุง....ในสถานการณ์นี้ แทนที่จะใช้คำพูดอธิบาย สู้แสดงออกด้วยการกระทำไม่ดีกว่าหรือ?”        นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกกว้าง....การกระทำงั้นหรอ?....ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีสัญชาติญาณของนักสืบอย่างพ่อหรือโคงามิ แต่ถ้าเป็นเรื่องการตีความความหมายของคำพูด เขาก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครในกรม

จะให้อธิบายด้วยการกระทำ.....

มือทั้งสองข้างถึงกับสั่นระริก....นี่เป็นโทษ...ของการขัดขืนอย่างนั้นหรอ? เป็นโทษของการที่ไม่ยอมเป็นลูกบอลกลิ้งไปกลิ้งมาตามแรงของเจ้านายกับหมาอย่างนั้นหรอ?

“ เอาละผู้สังเกตการณ์กิโนสะ...หากหน่วยปฏิบัติการณ์ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเธอกำลังจะกระทำการที่ขัดต่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอมอบให้...ในสถานการณ์แบบนี้เธอจะทำอย่างไร?”         ใบหน้าเรียวถึงกับชาวาบ.....

จะให้เขาลงโทษโคงามิ....ด้วยมือของเขาเองอย่างงั้นหรอ?

ลมหายใจรู้สึกติดขัด ความกดดันที่ราวกับจะกดทับจนขยับตัวไม่ได้ทำให้เหงื่อกาฬยิ่งไหลลงมามากกว่าเดิม ที่แผ่นอกซีกซ้ายรู้สึกปวดจนแทบจะทนไม่ได้.....แต่ว่า.....เขาต้องทำ

ไม่เช่นนั้นสถานการณ์มันจะยิ่งเลวร้ายลงไปมากกว่านี้

อย่างน้อยในตอนนี้ โคงามิก็แค่โดนโหมดพาราไรเซอร์จนสลบไปแค่นั้น....

มือสั่นน้อยๆจึงล้วงโดมิเนเตอร์ที่เสียบอยู่ที่เอวด้านหลังออกมา ก่อนจะยกมันขึ้นเล็งไปที่โคงามิ

มันไม่สนุกเลยสักนิด....ที่ต้องเอาปืนจ่อหัวคนที่ตัวเองรักแบบนี้....

“ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องกิโนสะคุง....”        เสียงของหัวหน้ากรมดังขึ้นจากทางด้านข้าง....แค่ลั่นไกออกไป ทุกอย่างก็จะจบ....โคงามิจะได้กลับไปนอนนิ่งๆหรืออย่างน้อยก็ถูกขังเอาไว้

“ แต่ว่า....ยังต้องขจัดความใจอ่อนออกไปให้หมดสิ้นเสียด้วย”        แต่แล้วคำพูดเย็นชาก็ถูกเอ่ยตามมา คาเซย์ โจชู เดินมายืนอยู่ข้างๆ มือขาวซีดยกขึ้นมาแตะอยู่ที่มือของเขา

แล้วจู่ๆโดมิเนเตอร์ที่อยู่ในโหมด พาราไรเซอร์ กลับเปลี่ยนไปเป็น โหมดลิทัล เอเลมิเนเตอร์.....ปากกระบอกปืนฝืนอ้าออกราวกับว่าเป็นคำสั่งที่มันไม่ได้อยากจะทำตาม

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

คราวนี้...มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกเมื่อครู่....ทำให้ “สลบ” กับ “กำจัด” ...มันต่างกันราวฟ้ากับหุบเหว


โคงามิกำลังจะถูกฆ่า.....ด้วยปืนในมือของเขา...


ทำไม? เป็นไปได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้น? 

นัยน์ตาเบิกกว้างได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จากที่คิดว่าแค่ยิงให้สลบคงไม่เป็นไรแต่คราวนี้มันไม่ใช่.....มือที่ถือโดมิเนเตอร์อยู่ถึงกับสั่นระริก


กลัว....


เป็นความกลัวที่สุดในชีวิต....กับการที่จะต้องลั่นไกใส่อาชญากร

ทั้งๆที่ทำมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำให้เขากลัวการลั่นไกได้มากเท่ากับครั้งนี้


จะให้เขาฆ่าโคงามิ....

มันช่างเป็นวิธีการลงโทษที่ไม่ต่างอะไรกับการให้เขาลั่นไกปืนใส่ตัวเองเลยสักนิด....


โดมิเนเตอร์ส่ายไปมา เหงื่อไหลเต็มใบหน้าจนรู้สึกได้

โคงามิเองก็คงจะรับรู้ถึงความกลัวของเขาได้....และหมอนั่นก็คงจะโทษตัวเอง....ที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้

เพราะหากเราไม่ได้ทะเลาะกัน....เขาคงไม่ยอมใจอ่อนจนยอมช่วยให้ตนได้กลับมาสืบคดีของมาคิชิมะอย่างลับๆแบบนี้แน่

โคงามิคงกำลังโทษตัวเอง....ที่ทำให้เขาต้องทำหน้าราวกับจะร้องไห้...

หมอนั่นถึงได้ยอมหลับตาลงแต่โดยดี....ยอมจำนนโดยไม่คิดจะต่อต้านหรือคิดจะหนีอีกต่อไป


ไม่นะ....

อย่าทำแบบนั้น....


เพราะฉันเองก็ฆ่านายไม่ได้....



ลั่นไกปืนด้วยนิ้วของตัวเอง....ไม่ได้.......






ตู้ม!!!





เสียงยิงของโดมิเนเตอร์ทำให้ร่างกายถึงกับสะดุ้งสุดตัว....ไม่จริง....นิ้วของเขาไม่มีทางกดลงไปบนไกปืนได้แน่ๆ

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นรีบลนลานมองไปยังคนที่ยืนเป็นเป้านิ่งอยู่ตรงหน้า

โคงามิล้มพับลงไป....


แค่สลบไป....


ไม่ใช่ร่างระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ...


เกิดอะไรขึ้น?

และเมื่อมองไปยังร่างเล็กๆของผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริที่ยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาของเขาก็เบิกค้างทันที....คนที่ยิงโคงามิด้วยพาราไรเซอร์คือเธอนั่นเอง

“ สำหรับเป้าหมายที่มีค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมต่ำกว่า 300 นั้น จำเป็นต้องใช้โหมดพาราไรเซอร์จัดการค่ะ...โดมิเนเตอร์กระบอกนั้นมันบกพร่องอยู่นะคะ จำเป็นต้องนำไปรับการซ่อมบำรุงค่ะ”

“ อะ อ่า...”        ขอบคุณ....ตอนนี้จะให้เขาก้มหัวให้เธอสักกี่ครั้งก็ทำได้.....เพราะคำว่าขอบคุณนั้นมันไม่พอเลยจริงๆ สึเนะโมริ







ใบหน้าคมหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องพยาบาล

มือบางยกขึ้นไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ปลายนิ้วที่กำลังจะแตะลงไปบนใบหน้าของโคงามิจู่ๆก็หยุดชะงัก....พอคิดว่ามือข้างนี้แหละที่เกือบจะทำให้โคงามิต้องกลายเป็นศพ....เขาก็ไม่มีหน้าจะใช้มันแตะคนที่ยังหลับเพราะฤทธิ์ยาได้

ได้แต่ยกมันขึ้นมากำเสื้อสูทที่ตำแหน่งเหนือหัวใจด้วยใบหน้าเจ็บปวด

ทรมานจนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี....

จากนี้ไปอนาคตของโคงามิจะเป็นยังไง? เขาควรจะต้องเขียนรายงานแบบไหน ร่างแข็งแกร่งถึงจะหลุดจากข้อหาละเมิดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ จะทำยังไงที่จะทำให้โคงามิไม่ต้องถูกส่งตัวไปอยู่สถานกักกันของอาชญากรได้

ร่างโปร่งได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย จนกระทั่งเสียงประตูเปิดดังให้ได้ยิน

“ อยู่ที่นี่จริงๆด้วยนะคะ กิโนสะซัง”          ผู้สังเกตการณ์ร่างเล็กเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่มันก็ไม่ได้สดใสเหมือนเมื่อตอนที่เข้ามาอยู่ในกรมความปลอดภัยใหม่ๆ

“ ผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริ....ขอบคุณมาก”       ร่างสูงโปร่งก้มหัวให้ทำเอาร่างเล็กถึงกับเลิ่กลั่ก มือไม้โบกเป็นพัลวันว่าไม่เป็นไร

“ คือว่า  หัวหน้ากรมฯตามหาตัวอยู่น่ะค่ะ”        ใบหน้าเรียวพยักให้ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังคนที่ยังไม่ได้สติ

“ ฝากดูหมอนั่นด้วย”        เสียงแผ่วเบาลอยออกมาในขณะที่ขาก้าวออกไปจากห้อง

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววมุ่งมั่น พอดีเลย....เขาเองก็อยากจะเจอหัวหน้ากรมฯอยู่เหมือนกัน











เปลือกตาที่หนักอึ้งอยู่ๆก็ลืมตาโพรงขึ้นมา  ร่างโปร่งที่นั่งหลับอยู่หลังมอนิเตอร์บนโต๊ะทำงานของตนค่อยๆขยับกายก่อนจะยกปลายนิ้วไปนวดที่หัวตา

นี่เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?

คงจะเหนื่อยมากเกินไป...เพราะตั้งแต่ไปสู้รบกับหัวหน้ากรมฯจนทางนั้นยอมผ่อนผันให้คุมตัวโคงามิอยู่ในกรมความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวได้ กลับมาเขาก็ต้องเขียนรายงานไม่ได้หยุด.....

ตอนนี้ค่าไซโครพาสของเขาเองก็คงจะพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย

ใบหน้าเรียวก้มลงมองไปที่มือซึ่งเคยจับโดมิเนเตอร์....ทุกความหวาดกลัวมันยังคงฝังลึกอยู่ในนั้นจนมันเผลอสั่นสะท้านขึ้นมา....ภาพของโคงามิที่โดนพิพากษาโทษตายนั้นมีแต่จะทำให้เขาสงสัย....สงสัยในตัวตนของ Sybil System....ว่าเพราะอะไรระบบจึงคิดว่าคนอย่างโคงามิ สมควรตาย

แล้วจากนี้ไปเขาควรจะทำยังไง  จะเชื่อในระบบต่อไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา จะทำตัวเป็นลูกบอลกลิ้งไปกลิ้งมา หรือว่าควรจะทำตามความเชื่อของตัวเอง....เขาควรจะทำยังไง?....

คำตอบคือ ไม่รู้เลย....

คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

มีแต่เรื่องประดังประเดเข้ามาจนหัวแทบจะรับไม่ไหว

บางทีเรื่องนี้มันอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับเขาแล้วอย่างที่พ่อพูดไว้จริงๆก็ได้....


ได้แต่ถอนหายใจออกไป ก่อนจะหยิบแว่นมาสวมใส่ สายตาที่ได้แต่เหม่อลอยเพราะคิดเรื่องต่างๆค่อยๆปรับโฟกัสมาที่หน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้ง จึงเพิ่งได้เห็นว่ามีสัญญาณกระพริบเตือนสำหรับข่าวเร่งด่วนอยู่

ปลายนิ้วคลิกเข้าไปดู แล้วนัยน์ตาก็ต้องชะงักค้างกับประกาศที่เห็นอยู่ตรงหน้า


ไม่จริง......


เป็นไปไม่ได้............



เพราะประกาศที่เห็นนั่นมันคือ......ประกาศจับผู้สังเกตการณ์ที่หลบหนีออกไปจากกรมความปลอดภัย

และชื่อของหน่วยปฏิบัติการณ์คนนั้นก็คือ.......โคงามิ ชินยะ......




ทั้งใบหน้าทั้งร่างกายชาวาบ

โคงามิหนีออกไป? ตั้งแต่เมื่อไหร่? และทำไมกัน?

ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ต่อสู้กับหัวหน้ากรมฯแทบตายเพื่อให้หมอนั่นไม่โดนโทษจนกลายเป็นแค่อาชญากรที่ไร้ประโยชน์และถูกจับขังไปจนวันตายอยู่ในสถานกักกัน

แล้วทำไม.....ทำไมถึงได้ตัดสินใจหนีไปง่ายๆแบบนี้?!



ร่างโปร่งก้าวขาเร็วๆไปตามทางเดินที่คุ้นเคย ประตูห้องพักของหน่วยปฏิบัติการณ์เรียงรายอยู่ตรงหน้า ขาก้าวต่อไปพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระรัว


ไม่นะ.....


มันไม่จริงใช่ไหม....



แกจะทิ้งชั้นไปอีกแล้วงั้นหรอ?  ทิ้งกันไปง่ายๆเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีกอย่างงั้นหรอ?


ขอบตารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา.....เพราะรู้ว่าหากโคงามิหนีออกไปจริงๆ.....คราวนี้เรื่องคงไม่จบแค่โดนยิงด้วยพาราไรเซอร์แน่ๆ



“ แฮ่ก...แฮ่ก....แฮ่ก........”          ประตูห้องที่คุ้นเคยเปิดออก นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นกวาดมองไปทั่วทันที ทว่า....มันกลับไม่มีแม้แต่เงาของโคงามิ

“ มาจนได้สินะ”       มีเพียง มาซาโอกะ โทโมมิ นั่งอยู่ตามลำพัง....กับแก้วเหล้าสองใบ


ร่างโปร่งบางทรุดลงอยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาและหัวใจที่เหม่อลอยไปไกล


เจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ......



แล้วแกก็ทิ้งฉันไปอีกจนได้สินะ โคงามิ.....












เสียงฝีเท้าก้าวเดินอย่างโดดเดี่ยวดังก้องไปตามทางเดินภายในคอนโด  เพราะที่นี่อยู่ใกล้กรมความปลอดภัยฉะนั้นมันจึงไม่ถูกทำลายจากเหตุการณ์จลาจลที่ผ่านมา แต่กระนั้นมันก็เงียบสนิทราวกับว่าที่นี่ก็ไม่มีคนอยู่

และนั่นมันก็ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่สวมหมวกเหล็กเดินผ่านเข้าไปได้โดยไม่มีสายตาสงสัยของใครจ้องมอง

มือยกขึ้นแตะที่สแกนหน้าห้องก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความใจเย็น


ก็แค่อยากจะเห็นหน้าของกิโนะเป็นครั้งสุดท้าย.....


ทั้งๆที่ควรจะรีบหนีออกไปตอนที่ใครๆต่างก็ยังไม่รู้ตัว....แต่เขาก็ยังเลือกที่จะมาที่นี่ก่อนที่จะจากไป

ภายในห้องเงียบสนิท....แน่ละ วุ่นวายขนาดนี้กิโนสะคงจะไม่ได้กลับมาง่ายๆหรอก ป่านนี้คงกำลังวิ่งวุ่นอยู่ที่กรมความปลอดภัยแน่ๆ


หึ....มีแค่เรื่องของนายเท่านั้นแหละกิโนะ ที่ฉันขี้ขลาด


ถึงจะบอกว่าอยากเห็นหน้า แต่กลับไม่ไปเจอตรงๆ เพราะกลัว....ว่าถ้าเจอกันแล้ว เขาจะตัดใจหนีออกไปไม่ได้


โฮ่งๆๆๆๆ

เสียงเห่าของเจ้าลูกหมาดังขึ้นมา ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์....คงจะเป็นเพราะใส่หมวกนี่อยู่สินะ?

มือถอดหมวกเหล็กออกจากหัว และเมื่อเจ้าโคยะเห็นว่าเป็นเขาเอง มันจึงเงียบเสียงลง

ร่างแข็งแกร่งเดินไปนั่งลงตรงหน้าเจ้าลูกหมาตัวสีดำ มือเทอาหารให้มันด้วยความเคยชิน ลิ้นเล็กๆเลียอาหารในจานพรางสะบัดหางอย่างระริกระรี้

นัยน์ตาสีดำได้แต่เหม่อมองภาพตรงหน้า กลิ่นไอของความสุขทำให้ไม่อยากจะจากไปเลยจริงๆ เขาจะทนได้แค่ไหนกันนะ จะทนต่อความคิดถึง จะทนต่อความเจ็บปวดที่กิโนะต้องเผชิญ จะทนต่อเรื่องเลวร้ายที่เขาสร้างไว้ให้กับกิโนะได้แค่ไหนกัน

รอยแผลครั้งนี้คงจะกลายเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันลบหายไปจากหัวใจของหมอนั่นได้อีกแน่ๆ

ทั้งๆที่คิดมาตลอด....ว่าจะไม่ยอมให้เรื่องของมาคิชิมะ โชโงะ ต้องมาทำให้เขากับกิโนะต้องเลิกกันอีกเป็นครั้งที่สอง....แต่คราวนี้เขาคงต้องขอผิดคำพูดของตัวเอง

ภาพที่กิโนะถูกบังคับให้ถือโดมิเนเตอร์เล็งมาที่เขาด้วยใบหน้าราวกับจะขาดใจทำให้เขารับไม่ได้ และนั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เบื้องบนนั้นรู้เห็นเป็นใจกับการมีอยู่ของมาคิชิมะ และจำเป็นต้องกำจัดคนที่คิดจะฆ่าหมอนั่นอย่างเขา

ในเมื่อเจตนาของเบื้องบนเป็นแบบนั้น หากเขายังอยู่ในกรมความปลอดภัย ยังอยู่ภายใต้กฎหมาย...เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรผู้ชายคนนั้นได้

เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินออกมา.....ออกมาเป็นคนนอกกฎหมาย เพื่อที่จะฆ่าผู้ชายคนนั้นแล้วจบเรื่องก่อนที่จะมีใครต้องตายอีก


“ แกนี่ก็กัดฉันได้ตลอดเลยนะ....หวงเจ้านายล่ะสิ?”      ฟันซี่เล็กๆของเจ้าลูกหมานั่นงับมาที่นิ้วของเขาทุกครั้งที่ยื่นมือเข้าไปจับมัน กับเขาละก็ นอกจากเวลาให้อาหารมันไม่เคยอยากจะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ แต่กับกิโนะละอ้อนเอาๆ

คงจะเป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับเขาสินะ?

ริมฝีปากรสบุหรี่ยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะพยายามจับตัวเจ้าลูกหมาเอาไว้แล้วลูบหัวมันเป็นครั้งสุดท้าย

“ ในตอนที่ฉันไม่อยู่....ฝากดูแลเจ้านายของแกด้วยนะ....อย่าให้ใคร....มาทำอะไรได้....”       นัยน์ตาสีดำทอดมองไปที่พื้นด้วยสายตาว่างเปล่า


ถ้าเป็นไปได้....เขาก็อยากจะเป็นเพียงแค่หมาบ้านที่จะอยู่เคียงข้างเจ้านายตลอดไปแบบนี้เหมือนกัน....

แต่หากเขาไม่จัดการกับ มาคิชิมะ โชโงะ ในตอนนี้เสีย...นอกจากที่ตัวเองจะต้องมาเสียใจในภายหลังแล้ว....มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้....ว่ามาคิชิมะ โชโงะ....จะไม่คิดเล่นงานใครอีก

ไม่มีอะไรรับประกันได้....ว่าเหยื่อรายต่อไปจะไม่ใช่ กิโนสะ โนบุจิกะ


เพราะฉะนั้นตราบใดที่มันยังมีลมหายใจ เขาก็ไม่อาจจะวางใจได้


ถึงจะรู้ว่ากิโนะคงจะโกรธจนไม่ให้อภัยเขาอีก....แต่เขาก็ต้องทำ


มือใหญ่ปล่อยเจ้าลูกหมาที่ดิ้นหนีให้เป็นอิสระ เสื้อคลุมสีดำคอปกตั้งมีขนฟูๆสีขาวที่กิโนะซื้อให้ถูกพาดเอาไว้ที่โซฟา

ขาก้าวเดินไปที่หน้าประตูห้องก่อนจะยกหมวกเหล็กขึ้นมาสวมด้วยสายตาที่กลับมาแข็งกร้าวราวกับหมาล่าเนื้ออีกครั้ง




เพราะต้องการปกป้องใครสักคน....ถึงได้มาเป็นตำรวจ

เพราะต้องการปกป้องนาย ฉันถึงได้ทิ้งชีวิตของตัวเองอย่างไม่ลังเล



ยกโทษให้ฉันได้ไหม....กิโนะ



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





TTTT[ ]TTTT

แต่งไปตับทลายไป ฮือออออออออออออ คุณโคอ่ะ *ตีๆๆๆๆ* เล่นเอาวิญญาณหลุดไปเป็นอาทิตย์เลยนะคะคุณโค โฮวววววววววววว

บากะๆๆๆๆ !!!


เอ่อ....อ่านมาจนถึงนี่ สำหรับคนที่ไม่เคยดูเรื่องนี้จะเข้าใจไหมนะ? ตอนนี้นี่เขียนตามอนิเมะเป๊ะ(เร๊อะ!) เลยค่ะ *w* จริงๆกะว่าจะลงพร้อมหมายเลขที่ยี่สิบเก้า แต่อันนั้นก็คงจะอีกยาว...งื้อ....แต่ยังไงก็ต้องรีบปั่นก่อนอนิเมะตอนที่ 20 จะฉาย เพราะไม่รู้ตับจะถูกทำลายจนวิญญาณหลุดอีกเมื่อไหร่ แง๊~~

คือจริงๆต้องบอกว่าไอ้ตอนที่19 เรื่องที่ทำให้กลับมาวิ้งๆเหมือนเดิมนี่ก็เพราะช่วงเปิดตอนน่ะค่ะ ที่คุณโคซ้อมยิงปืนอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของลุงอ่ะ แล้วในตู้โชว์มันมีรูปถ่ายของลุงกับกิโนะตอนเด็กๆอยู่ด้วย โฮกกกกกกกกกกกกกกก พอคิดว่าคุณโคเป็นคนได้เห็นภาพนั้นแล้วมันกิ๊วก๊าวใจยังไงไม่รู้ >/////<

แล้วก็นะ....หลายคนที่ดูอาจจะสงสัยว่าในอนิเมะแม่งเครียดจะตายแถมไม่มีอะไรให้จิ้นแม้แต่นิดดดดดเดียว แล้วมันจิ้นมาได้ยังไง....คืออยากจะบอกว่า ถึงอนิเมะจะไม่มีอะไรให้จิ้น แต่เรดิโอดราม่ามันฟินมากกกกกกกกกกกก เลยค่ะ ใครยังไม่เคยฟังแนะนำให้ฟังเลยนะคะ แล้วคุณจะรักคุณโคกิโนะหัวปักหัวปำ ฮ่าๆๆๆๆ มันเป็นบทพากย์ตอนที่สองคนนี้มักจะไปทำภารกิจด้วยกันน่ะค่ะ คือทั้งรั่วทั้งฮา คือเรียกว่าพอฟังปุ๊บนี่เอามาจิ้นต่อได้ยาวเป็นหางว่าวมากอ่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโดจินคู่นี้ถึงเยอะซะ ^ ^

สำหรับฟิค....จริงๆแอบไปแฮปรูปปลากรอบจากใครบางคน(ชื่อพี่จอม)มาด้วยล่ะ แต่ว่ามันเป็นของ หมายเลขยี่สิบเก้า อิอิ ไว้ลงคราวหน้าแล้วกัล ฮิ้วววว

แล้วก็ๆๆๆ กำลังแอบ(?)ทำไอ้นี่อยู่ค่ะ *w*





มันไม่ใช่กระดาษแต่เป็นผ้าสักหลาดนะเว้ยเฮ้ย! แล้วก็นั่นไม่ใช่คุณฮิแต่เป็นคุณโค!!!

มันเป็นหมอน(?)ค่ะ ฮ่าๆๆๆ คืออย่างน้อยความตั้งใจแรกก็อยากให้มันเป็นหมอนแหละ ฮือออออ แต่เย็บได้ชั่วร้ายมากเลยอ่ะ แถมตอนนี้ยังมีแต่ด้านหน้าอยู่เบย อะไรจะใช้เวลานานปานนั้น แง๊~~~ เป็นรุ่นทดลองค่ะ กะว่าถ้าอันนี้สำเร็จจะทำอันหญ่ายๆเลย = =+ จริงๆตาคุณโคต้องเป็นสีเทาเนอะ แต่ว่าแถวบ้านไม่มีผ้าสีเทาขาย เลยเอาดำไปละกัน =[ ]= แล้ววันนี้ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่า แถวบ้านไม่มีใยโพลิเอสเตอร์ขายเช่นกัน....สรุปว่ายังไงกรุก็ต้องถ่อไปพาหุรัดสินะ...สินะ...สินะ.....T[ ]T...


ละ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^//


ปล.ลืมบอกไปว่า หมายเลขยี่สิบเจ็ดยังไม่ได้ลงค่ะ ไม่ต้องหา 5555 



3 ความคิดเห็น:

  1. T^T คงเม้นท์ได้เท่านี้
    ตับทลายไปแล้วอีกคนนึง
    TT

    ตอบลบ
  2. ตับทลาย สลายเป็นขี้เถ้าเลอออออ ;w;

    ตอบลบ
  3. แง่งงง ตับพังทลาย(T T)
    ลึกซึ้งมากฮะ ตอนดูเมะไม่เท่าไหร่แต่พอมาอ่านฟิคนี้นี่แบบ ฮืออออ ตับสลาย

    ตอบลบ