:
Psycho Pass
Fanfiction
:
Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
:
Bitter Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
มือใหญ่จับกระชับมือที่เย็นเฉียบแน่นราวกับกลัวว่าอีกคนจะหล่นหายไปตามทาง
เพราะมีอยู่หลายครั้งที่กิโนสะหยุดวิ่งเอาเสียดื้อๆ
ใบหน้าเรียวซีดเซียวยังคงเหม่อลอยราวกับว่ายังไม่ค่อยรู้สึกตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
แค่หันไปเห็นก็ปวดไปจนถึงขั้วหัวใจ....กลัว.....กลัวว่ากิโนะจะติดอยู่ในวังวนของความเศร้า....ติดอยู่กับภาพของลุงที่มาตายไปต่อหน้าต่อตา
มือแหวกต้นข้าวสูงท่วมหัวเพื่อพาตัววิ่งฝ่าไป
ในใจตอนนี้ถึงจะห่วงกิโนะมากแค่ไหนมันก็มีแต่จะต้องหักห้ามใจ...ยังไงเสียก็ต้องพาตัวออกไปก่อน
ต้องหนีไปให้ไกลจากที่นี่ก่อน....ก่อนที่คนของกรมความปลอดภัยจะตามมาทัน
ฮึ....น่าขำ...ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนไล่ต้อนอาชญากรพวกนั้นเองแท้ๆ...ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมามีสภาพเดียวกันแบบนี้
จู่ๆมือก็ถูกดึงรั้งโดยคนที่เขาจับเอาไว้ ร่างกายที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าจึงหันกลับไปหา
“
..........พ่อ.......”
แล้วจึงเห็นว่าร่างโปร่งบางกำลังจะหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิม
หัวใจของเขาทั้งปวดหนึบกับภาพตรงหน้า ทั้งตกใจในสติที่เลื่อนลอยของกิโนะ
สองแขนตวัดลำตัวที่ราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที...ให้อุณหภูมิจากแผ่นอกของเขาปะทะเข้ากับแผ่นหลังโปร่งบาง
โอบกอดกิโนสะจากทางด้านหลัง....
กอดให้แน่น....
ให้รอยร้าวมันค่อยๆสมานจนหายไป....
ให้ความอบอุ่นของเขาแทรกซึมเข้าไป....
ให้กิโนสะรู้....ว่ายังมีเขาอยู่...
“
กิโนะ.....”
เสียงทุ้มกระซิบเรียกอยู่ที่ใบหู
รอบข้างที่มีเพียงเสียงยอดข้าวเสียดสีเพราะสายลม
ทำให้เสียงของเขาเข้าไปดังก้องอยู่ในหัวของกิโนสะได้ไม่ยาก
“
กิโนะ....”
แรงจากอ้อมแขนพยายามยื้อยุดลำตัวบางที่พยายามจะวิ่งกลับไป
“
พ่อ.....พ่อน่ะ.....” แขนขวาที่ยังขยับได้อยู่ของกิโนสะไขว่คว้าอากาศ
ไขว่คว้าภาพของอาคารโรงงานที่เห็นอยู่ไกลลิบ
ไขว่คว้าอย่างคนที่พยายามจะกลับไป
“
กิโนะ!” เขายิ่งกอดลำตัวบางแน่นขึ้น
ทั้งเรียกด้วยเสียงดุดัน
“
กิโนะ.....”
และเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา
“
กิโนะ.........” จนคนที่ถูกกอดเอาไว้เริ่มจะนิ่งลง
“
พ่อ....พ่อรออยู่........” ร่างโปร่งบางหยุดตะเกียกตะกายจะกลับไป
แต่ถึงแม้จะยืนนิ่งอยู่ภายในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าเรียวก็ยังคงเหม่อลอย
ริมฝีปากที่เอาแต่เรียกพ่อ
ทำให้เขาน้ำตาแทบจะไหลลงมา....
เป็นคำที่ลุงอยากจะได้ยิน....เป็นคำที่กิโนะอยากจะเรียก....แต่ทว่า....ในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่...คำคำนี้ก็ดูเหมือนจะถูกคำว่าทิฐิกลืนกินไป
“
กิโนะ...” อ้อมแขนกระชับกอดให้แน่นขึ้น
กลิ่นคาวเลือดลอยมากระทบจมูกแต่ดูเหมือนความเจ็บปวดจากร่างกายจะไม่ได้ทำให้กิโนสะรับรู้
ใบหน้าของเขาก้มลงไปซบอยู่ที่หัวไหล่บาง....คงจะปล่อยให้กิโนะอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้...ถึงจะรู้ว่าคำพูดที่จะพูดต่อไปมันโหดร้ายแค่ไหน...แต่เขาก็จะต้องทำ
“
กิโนะ....ลุงน่ะ...ตายแล้วนะ....พ่อของนายไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว...” ใบหน้าเรียวนิ่งค้างไป
นัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้าง ร่างทั้งร่างนิ่งงัน
“
กิโนะ.....”
และเขาก็ยังคงพร่ำเรียกชื่อของอีกฝ่าย....เรียก....ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด
“
กิโนะ....” กลับมาเถอะ....กลับมาหาฉัน......
“
คะ โค...งามิ?” ใบหน้าเรียวเหมือนจะหลุดออกมาจากภวังค์
ถึงแม้ว่าเสียงที่เรียกชื่อของเขาจะแผ่วเบา....แต่มันก็ยังเป็นชื่อของเขา....
ใบหน้าเรียวที่เคยเหม่อลอยค่อยๆก้มลง
ไหล่บางค่อยๆสั่นสะท้านขึ้นเรื่อยๆ
เสียงสะอื้นดังขึ้นมาจากใบหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมแขน หยดน้ำตาร่วงกราวลงมาบนท่อนแขนของเขาที่กอดอีกฝ่ายเอาไว้
“
ฮึก.....”
ร่างโปร่งบางสั่นระริกจนดูน่าสงสาร
มือขวาที่เหลืออยู่จิกลงมาที่ท่อนแขนของเขาและนั่นยิ่งทำให้เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีก
กอด....
คงไม่มีคำปลอบโยนใดๆที่จะซึมทราบเข้าสู่หัวใจได้เร็วเท่ากับอ้อมกอดนี้อีกแล้ว
กอดเอาไว้....
กิโนสะยังคงร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง
เพราะสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจ
ความโศกเศร้าสะเทือนใจกับการสูญเสียคนที่รักไป...และเขาก็รู้ดีว่าร่างโปร่งบางเสียใจเรื่องอะไรมากที่สุด
คงอยากจะเรียกให้ได้ยินสักครั้ง......คำว่าพ่อ
“
เราต้องไปกันแล้วนะกิโนะ”
เมื่อร่างโปร่งในอ้อมแขนดูเหมือนจะสงบลงได้บ้าง เขาจึงกระซิบบอกอีกฝ่ายเบาๆ
กิโนสะพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
นัยน์ตาที่เคยเลื่อนลอยกลับมามีแววของชีวิตอีกครั้ง
จากใบหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาจนราวกับเป็นตุ๊กตาที่กำลังจะพัง บัดนี้เริ่มกลับมาเป็นดังเช่นปกติ....และนั่นมันก็ทำให้พิษของบาดแผลที่แขนซ้ายกลับมาทันที
เขามองใบหน้าซีดที่เริ่มมีเหงื่อออกอย่างเป็นห่วง
แขนที่ถูกทับจนแหลกเละยังคงมีเลือดไหลลงไปไม่หยุด....ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้....กิโนะอาจจะเสียเลือดมากจนตายไปก่อนที่จะหนีรอดก็เป็นได้
ใบหน้าคมสะบัดไปมองยังจุดหมายปลายทาง....จากตรงนี้เขาจำได้ว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงถนนที่เขาแหกโค้งจนรถมอเตอร์ไซค์นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น....ยังไงก็ต้องไปให้ถึงที่นั่นก่อน
มือเอื้อมไปจับมือที่เย็นเฉียบเอาไว้อีกครั้งก่อนจะก้าวขาออกเดิน
ถึงในใจอยากจะรีบหนีให้ไวขนาดไหน แต่สภาพของกิโนะในเวลานี้ก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
ร่างโปร่งบางเริ่มจะเดินโงนเงนจนเขาต้องหันกลับไปประคองอยู่หลายครั้ง
นัยน์ตาที่เคยเข้มงวดเริ่มจะหรี่ปรืออย่างคนที่พยายามแล้วที่จะรั้งสติเอาไว้
“
กิโนะ”
มือตบเบาๆลงไปที่ใบหน้าเรียวซึ่งบัดนี้มอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา ฝุ่นผง
และเลือด
ใบหน้าที่อ่อนแรงเงยขึ้นมามองเขาอีกครั้งก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดลงไปให้อ้อมแขนรับเอาไว้แทบไม่ทัน
“
กิโนะ!!”
ดูเหมือนเสียงเรียกจะไม่ดังเข้าไปในโสตประสาทของกิโนสะอีกแล้ว....ในใจของเขาจึงมีแต่ความร้อนรน
สองแขนยกร่างโปร่งบางขึ้นพาดบ่าก่อนที่ขาจะวิ่งฝ่าต้นข้าวสูงท่วมหัว
ริมฝีปากได้แต่สบถด่าทุ่งนาที่กว้างใหญ่จนเกินไป...ตอนนี้ไม่ว่าอะไรเขาก็พาลใส่ไปหมด
เพราะเป็นห่วง...
เป็นห่วงคนที่สลบอยู่บนบ่าจนแทบจะเป็นบ้า!
ร่างโปร่งบางถูกวางลงอีกทีที่ข้างรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ล้มอยู่
มือหนึ่งพยายามตบเบาๆเรียกสติที่หายไปของกิโนสะให้กลับคืนมา ทว่า
ร่างโปร่งก็ยังแน่นิ่ง
จำไม่ได้แล้วว่าริมฝีปากสบถด่าอะไรออกไปบ้าง
แต่เพราะเป็นเรื่องของกิโนสะ มันเลยทำให้ความเยือกเย็นที่มีอยู่เสมอหายไปจนหมด
มือดึงเนคไทออกมาก่อนจะมัดมันเอาไว้ที่ต้นแขนบางเพื่อห้ามเลือด...ใบหน้าสะบัดไปมองรถที่ล้มอยู่ก่อนจะลุกไปจับมันตั้งขึ้น
กุญแจรถถูกดึงออกมาไขไปที่ตัวถังใต้เบาะ ช่องสำหรับใส่ของเล็กๆน้อยๆถูกเปิดขึ้นมา
มือจึงรีบคว้าไปที่กล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กที่เคยเตรียมเอาไว้ให้ตัวเอง
เนคไทของกิโนสะถูกดึงลงมาก่อนที่คอเสื้อเชิ้ตจะถูกเปิดไปจนเห็นไหล่ข้างซ้าย
แผลน่ากลัวมองเห็นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับเลือดที่ยังไหลซึมออกมา
เข็มฉีดยาถูกหยิบออกมาจากกล่องพยาบาล....ถ้าเป็นกล่องปกติคงจะไม่มียาแบบนี้แน่....มันเป็นยาของกลางที่ยึดมาจากคดีของ
คาตาซาวะ โยโนะ เมื่อหกปีก่อน....เป็นยาที่เอาไว้ระงับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่โดนโดมิเนเตอร์เล่นงาน....เป็นยาที่กิโนสะแอบเอามาให้เขาตอนที่ขับเจ้ามอเตอร์ไซค์คันนี้ไปส่งที่คอนโดเมื่อตอนที่หนีออกมาใหม่ๆ
และตอนนี้เขาก็กำลังจะฉีดมันให้กับกิโนสะเอง
ยาในเข็มพุ่งออกมาเมื่อเขาบีบไล่อากาศ
ปลายนิ้วไล่หาเส้นเลือดที่บริเวณหัวไหล่ซึ่งบัดนี้เริ่มจะขาวซีด
“
กิโนะ....”
กระซิบเรียกอย่างเป็นห่วงก่อนจะกดเข็มฉีดยาลงไป
ยาค่อยๆไหลออกไปจากเข็มจนหมด
ขอให้ปลอดภัยที.....
เราจะต้องหนีไปด้วยกันนะกิโนะ....
เขานั่งลงที่ข้างๆร่างที่ยังสลบไสลแล้วดึงเอาลำตัวโปร่งบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
มือยกขึ้นเกลี่ยใบหน้าขาวซีดที่มีเหงื่อผุดพราย
ดูเหมือนยาจะค่อยๆออกฤทธิ์ คิ้วเรียวถึงได้เริ่มกลับมาขมวดมุ่นเข้าหากัน
“
กิโนะ....”
และเขาก็ยังกระซิบเรียกอีกฝ่ายอยู่ที่ข้างๆหู
ใบหน้าเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มจะอ่อนแสงลง
ในหัวกำลังคิดอย่างหนักว่าต่อไปจะทำยังไงดี....
การหนีมันไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ....
เขารู้....เขารู้ดี.....
แต่หากมันจะเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะยังมีชีวิตรอด....เป็นทางเดียวที่จะได้อยู่ด้วยกัน....
ต่อให้อันตรายขนาดไหนก็พร้อมที่จะเสี่ยง....
ต่อให้เป็นหลุมที่มองไม่เห็นก้นยังไงก็พร้อมที่จะกระโดดลงไปด้วยกัน....
“
กิโนะ.....”
เสียงกระหึ่มของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ดังไปตามถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนหรือรถสักคันที่จะวิ่งสวนมา
แสงไฟจากหน้ารถส่องไปตามทางที่คดเคี้ยว
สายลมปะทะใบหน้าช่วยพาให้ความเครียดความกดดันเบาบางลงไปได้บ้าง
มือต้องละจากแฮนด์มาจับมือบางที่โอบอยู่รอบเอวของเขาเป็นระยะๆ เพราะกลัวว่าคนที่ซบอยู่ที่แผ่นหลังจะพลัดตกลงไปเพราะยังไม่ค่อยจะได้สติดี
กิโนสะลืมตาขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจพาซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกมาจากที่นั่น
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนมีค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมเกินกว่าคนปกติอย่างแน่นอน...อีกทั้งยังเป็นอาชญากรที่กำลังหลบหนี....เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ง่ายเลยที่จะพากิโนสะไปหาหมอที่ไหน
แต่แขนแบบนั้นก็จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้...มันไม่ใช่แผลเล็กๆที่จะหายไปเอง
ในหัวสมองกำลังนึกถึงเส้นทางที่จะมีกล้องตรวจจับค่าไซโครพาสอยู่น้อยที่สุด....ก็ยังดีที่พวกเขาเป็นตำรวจของกรมความปลอดภัย....เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะเลี่ยงกล้องได้จึงค่อนข้างจะรู้ดี
ทิวทัศน์ของสองข้างทางเริ่มจะกลับมาคุ้นตาอีกครั้ง
รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งแทรกไปตามรถยนต์ที่วิ่งกันเต็มถนน
โชคดีที่มันเป็นเวลากลางคืน
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นสภาพของกิโนสะ.....แต่ถึงจะเห็น....ไอ้มนุษย์ที่อยู่ในเมืองนี้มันจะรู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือเปล่า....เขาก็ตอบไม่ได้
ตอนที่เขายังเป็นผู้สังเกตการณ์
ทางกรมความปลอดภัยจะจัดหมอมาคอยตรวจร่างกายและค่าไซโครพาสให้เป็นประจำและถึงแม้ว่าเขาจะถูกลดขั้นลงไปแล้ว
แต่กิโนะเองก็ยังตรวจกับหมอคนนั้นอยู่
และตอนนี้เสียงกระหึ่มของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็หยุดลงตรงหน้าบ้านของหมอคนนั้น
ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว....
คงต้องวัดใจกัน....ว่าแปดปีที่คอยดูแลกิโนะมา...คุณหมอจะรักษาให้หรือจะจับพวกเขาส่งกรมความปลอดภัย
“
ครับ...”
เสียงตอบรับดังขึ้นเมื่อเขากดออดหน้าบ้าน
ใบหน้าของเจ้าของบ้านปรากฏอยู่ในมอนิเตอร์ของอินเตอร์โฟนทันที
“
เธอ.........โคงามิซัง?”
ใบหน้าของคุณหมอฉายแววตกใจ เพราะคงรู้เรื่องที่เขาหนีออกไปจากกรมความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
“
มีคนเจ็บมาให้ช่วยหน่อยน่ะครับ”
และเมื่อเขาเอียงตัวให้ใบหน้าสลบไสลของคนที่ถูกแบกขึ้นหลังหันไปที่มอนิเตอร์
ใบหน้าของคุณหมอก็มีแววตกใจยิ่งกว่า
“
กิโนสะซัง?!!” หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้
ต่อจากนี้ไปไม่รู้ว่าเลยว่าจะได้รับคำเชื้อเชิญหรือขับไล่ไสส่ง
“
เข้ามาก่อนสิครับ”
เลยเมื่อคำคำนั้นถูกเอ่ยออกมา ใบหน้าคมก็ถึงกับถอนหายใจ
ร่างโปร่งบางที่ยังไม่ได้สติถูกวางลงไปบนเตียงคนไข้
ใบหน้าเรียวดูจะซีดเซียวกว่าเดิมจนเขานึกเป็นห่วง....ยังไงยานั่นมันก็เป็นแค่ยาระงับความเจ็บปวด
แต่ไม่ได้ช่วยห้ามเลือด
“
โดนมาหนักเลยนะครับเนี่ย”
ใบหน้าของคุณหมอเองก็เต็มไปด้วยความกังวล
ในขณะที่มือก็เลื่อนเครื่องสแกนผ่านร่างโปร่งที่ยังนอนนิ่ง
“
หมอจะไม่ถามหน่อยหรอครับ ว่าพวกเราไปโดนอะไรมา” นัยน์ตาของเขาได้แต่ทอดมองคุณหมอที่ยังสาละวนกับการตรวจแผลให้กิโนสะ....จะหาว่าเขาหวาดระแวงก็ได้
เพราะยังไงนั่นมันก็นิสัยของตำรวจ....ต้องถามให้แน่ใจ....เพื่อที่เขาจะได้คิดหาทางหนีที่ไล่เอาไว้ก่อน....ยังไงก็ไม่ยอมถูกส่งตัวไปกรมความปลอดภัยแน่
“
หมอมีหน้าที่รักษาคนไข้....ไม่ได้มีหน้าที่ไต่สวนนะโคงามิซัง” แล้วใบหน้าใจดีนั่นก็หันมายิ้มให้
ทำให้ความกังวลในใจผ่อนคลายออกไป
“
ขอโทษนะครับ”
คุณหมอได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา และตอนนั้นเองที่ใบหน้าเรียวของกิโนสะเริ่มขยับไปมา
นัยน์ตาที่ปิดมาตลอดพยายามที่จะเปิดขึ้น
“
กิโนะ!” เขาตรงเข้าไปหาก่อนจะลูบใบหน้าเรียวด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายเริ่มจะมีสติ
“
...........อือ.....”
เสียงครางเบาๆหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากสีซีด
แค่เห็นว่ากิโนะลืมตาขึ้นมาเขาก็ดีใจจนห้ามตัวเองไม่อยู่
ใบหน้าขยับเอาหน้าผากแนบลงไปบนหน้าผากมน พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมารดแก้มใสที่บัดนี้ยังคงมอมแมม
“
พวกคุณยังคบกันอยู่จริงๆสินะครับเนี่ย....ยังคิดอยู่ว่าที่กิโนสะซังบอกว่าไม่มีแฟนนี่ไม่น่าจะเป็นไปได้” คุณหมอพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
แต่แล้วบรรยากาศที่ดูจะสงบลงก็ต้องกลับมาเครียดขมึงอีกครั้ง
เมื่อคุณหมอเอ่ยผลการวิเคราะห์ร่างกายของกิโนสะออกมา
“
จำเป็นต้องตัดแขนนะครับ....เพราะกระดูกแหลกไปหมด”
ใบหน้าของเขาชาวาบก่อนที่มันจะค่อยๆหันไปมองหน้าของกิโนะที่ดูจะตะลึงจนนิ่งค้างไป....ในใจของเขาปวดหนึบ...สงสารกิโนะจับใจ....นอกจากต้องเสียพ่อไปแล้ว
นี่ยังจะแขนซ้ายอีก
มือใหญ่จึงได้แต่เอื้อมไปจับมือขวาที่ยังคงอยู่เอาไว้ก่อนจะบีบมันเบาๆ
“
มันก็มีอยู่นะครับ วิธีรักษาโดยไม่ต้องตัดแขน...แต่ต้องใช้เวลานานเป็นปี
อีกทั้งยังต้องไปที่กรมสาธารณะสุข......”
หางเสียงของคุณหมอหายไปกับอากาศเพราะรู้ดีว่าพวกเขาหนีมา
“
ตัดเลยครับหมอ” แล้วน้ำเสียงนิ่งของกิโนะก็ทำให้เขาถึงกับสะบัดหน้าไปมอง
แต่นัยน์ตาที่แน่วแน่นั้นมันก็บ่งบอกเป็นอย่างดีว่านี่คือการตัดสินใจของตน
เขาได้แต่สบถอยู่ในใจ
มือใหญ่ได้แต่บีบมือบางแน่น....ถ้าเขาฆ่าเจ้ามาคิชิมะนั่นได้ไวกว่านี้
กิโนะก็คงจะไม่ต้องสูญเสียทั้งแขนทั้งพ่อไป
“
โคงามิ....”
แรงบีบน้อยๆสวนกลับมาจากมือที่เย็นเฉียบ
ใบหน้าอ่อนแรงมองมาที่เขาด้วยแววตาอ่อนโยนราวกับจะบอกว่าอย่าได้โทษตัวเอง...
“
ช่วยอยู่...ข้างๆฉันด้วย....”
หัวสีดำผงกรับคำทันที หัวใจทั้งอุ่นวาบและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน
สองมือประคองมือบางขึ้นมาแนบไว้ที่แก้มก่อนจะกดจูบลงไป....แทนคำสาบาน...ว่าจะอยู่ข้างๆกันไปจนวันตาย....มิใช่แค่ตอนผ่าตัดเท่านั้น
ทั้งเตียง
ทั้งเครื่องมือผ่าตัดถูกเตรียมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จะบอกว่าออกจะตามมีตามเกิดก็ว่าได้....เพราะที่นี่ก็เป็นแค่บ้านของหมอ
ไม่ใช่สถานพยาบาล
“
โคงามิซัง คอยช่วยผมกดตัวกิโนสะซังเอาไว้นะครับ”
เพราะยาสลบชนิดแรงพอนั้นต้องขออนุญาตในการใช้
แต่การผ่าตัดครั้งนี้เรียกได้เลยว่ามันคือการผ่าตัดเถื่อน...เพราะฉะนั้นจึงมีแค่ยาชา
“
คาบเอาไว้นะครับ ถ้าเจ็บก็กัดได้เลย”
ผ้าม้วนแน่นถูกใส่เข้าไปในปากของกิโนสะ ใบหน้าเรียวหลับตาลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เขาได้แต่มองกิโนะอย่างรู้สึกทั้งสงสารทั้งกังวลว่าจะสู้พิษบาดแผลไม่ไหว
ถึงแม้ว่าแต่ไหนแต่ไรมากิโนะจะได้แผลบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นต้องผ่าตัดแบบนี้เลย ร่างกายโปร่งบางนั้นไม่ได้ทนทรหดแบบเขาที่ผ่านมันมาหมดแล้วทั้งมีดทั้งกระสุน
คมมีดแวววาวอยูในมือของหมอ
จนเขาเผลอเบี่ยงสายตาหลบ และเมื่อมันกดลงไปที่หัวไหล่บาง
ร่างของกิโนสะก็กระตุกเฮือกขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าตัวกิโนะเองจะพยายามทน แต่ความเจ็บปวดมันก็มีมากเกินกว่าจะห้ามปฏิกิริยาโต้ตอบของร่างกายได้
ลำตัวโปร่งจึงขยับต้านไปมา
“
อื้อ!!!!”
นัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นปิดลงแน่น
เสียงอู้อี้ดังออกมาจากริมฝีปากที่กัดผ้าจนแทบขาด
ลำตัวบางยังคงกระตุกพรางสะบัดไปมาเพราะปฏิกิริยาต่อต้าน
“
กิโนะ”
สองมือใหญ่กดไหล่และลำตัวบางเอาไว้กับเตียง แรงที่สวนขึ้นมามีแต่จะต้องใช้ทั้งตัวช่วยกันกด
ริมฝีปากพร่ำเรียกชื่อของอีกฝ่ายแต่ใบหน้าเรียวทำได้แค่เพียงกรีดร้องอยู่ในลำคอ
หยาดน้ำใสๆไหลลงมาจากหางตาที่ปิดสนิท
คงจะทนต่อความเจ็บไม่ไหวจนห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้
เหงื่อเริ่มจะเกาะพราวไปทั่วใบหน้าเรียว
เช่นเดียวกับเสียงอื้อๆ ที่ยังดังอยู่ตลอดทั้งการผ่าตัด
เขาได้แต่เอาใจช่วยคุณหมอให้จัดการกับแขนของกิโนะให้ไวเท่าที่จะทำได้
ความเจ็บปวดทรมานที่กิโนสะได้รับจะได้จบลงไปเสียที
เข็มที่อยู่ที่ปลายคีมถูกวางลงในถาดสแตนเลส
คุณหมอถอยออกไปถอนหายใจพร้อมกับหยิบผ้าซับเหงื่อบนใบหน้าตัวเอง
“
เดี๋ยวผมจะต่อแขนใหม่ให้เลย....อาจจะเป็นแขนที่ยังไม่สมบูรณ์แบบนักเพราะจริงๆมันคือแขนเทียมที่ผมกำลังทดลองอยู่
แต่ตอนนี้คงหาได้เท่านี้”
เขาพยักหน้ารับเบาๆ
แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณคุณหมอยังไงแล้ว....นัยน์ตาเหลือบลงไปมองกิโนะที่หอบหายใจถี่
เหงื่อที่เกาะพราวบนใบหน้าถูกผ้าในมือของเขาเช็ดให้เบาๆ
ขั้นตอนในการเชื่อมเส้นประสาทนั้นละเอียดอ่อนและกินเวลานานพอดู....นานจนคนที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวถึงกับสลบไปเอง
จากท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆเปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้ม....เช้าวันใหม่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า....และพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่ากรมความปลอดภัยจะนึกถึงที่นี่ได้เมื่อไหร่
“
เรียบร้อยแล้วครับ”
คุณหมอที่มีใบหน้าอ่อนระโหยโรยแรงจากการผ่าตัดอันยาวนานเอ่ยออกมาเบาๆในขณะที่มือวางแขนเทียมลงข้างๆลำตัวของกิโนสะ
“
ขอบคุณมากครับหมอ....เดี๋ยวพอกิโนะฟื้นเราคงต้องออกไปกันเลย....บุญคุณในครั้งนี้เราจะหาทางชดใช้ให้แน่” คุณหมอเพียงแค่ยกมือโบกน้อยๆ
“
ผมดูแลเค้ามาตั้งแปดปีแล้วนะครับ
พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้เขากลายเป็นแบบคุณ....แต่ในเมื่อตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ไปแล้ว...อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ก็พอ...อยากจะบอกให้พักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยอยู่หรอกนะครับ
แต่ก็พอจะรู้ว่าพวกคุณต้องรีบ”
“
ถือว่าเป็นคำขอร้องจากผมนะครับโคงามิซัง....พาเขาหนีไปให้รอด...อย่างน้อยคนที่ผมดูแลมาก็จะได้ไม่ต้องไปจบชีวิตลงในสถานกักกัน”
นั่นคือคำพูดที่จะฝังอยู่ในใจของเขาเสมอ....
คุณหมอส่งเราสองคนด้วยรอยยิ้มและไม่ถามเลยสักคำถึงเรื่องที่เราหนีมา...
บางทีมันก็ทำให้เขาคิดว่า....ถึงแม้พวกเราจะถูกตัดขาดจากสังคม....แต่พวกเราก็ไม่ได้โดดเดี่ยว....
ยังมีใครอีกหลายคนที่ยังคงช่วยเหลือและเฝ้ามองดูพวกเราอยู่....ด้วยสายตา...ด้วยฝ่ามือที่มองไม่เห็น....
เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ยังคงดังก้องไปทั่วถนนยามราตรีที่หวนกลับมาอีกครั้ง
คนที่ซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาหลังจากตะวันลับขอบฟ้าไปอีกรอบ
สายลมที่ปะทะเข้ามาพัดเอาเส้นผมปลิวกระจาย
แต่มันกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ยังคงวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย....เช่นเดียวกับทางหนีของพวกเขาที่ยังดูมืดมน
ไม่รู้เลยว่าจะหนีรอดไปได้กี่วัน....
ไม่รู้เลยว่าจะรอดไปให้ได้อย่างที่ปากว่าจริงๆหรือเปล่า....
ถึงจะรู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้ความเหนื่อยล้ามาทำให้จิตใจท้อแท้....
แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ง่ายเลยที่จะผ่านไป....
แต่พอคิดแบบนั้นแล้ว....
ทุกครั้งที่ก้มลงไปมองสองมือที่กอดอยู่ที่เอว....
กำลังใจที่จะหนีให้รอดก็จะกลับมา....
อยากอยู่ด้วยกัน....
อยากอยู่กับกิโนะ....
“
อึก....” ใบหน้าที่ซบอยู่ที่แผ่นหลังขยับเล็กน้อย
เสียงครางเบาๆลอยมาให้ได้ยิน
“
เจ็บหรอกิโนะ?” ใบหน้าเรียวทำได้แค่ซุกลงมากับแผ่นหลังของเขามากขึ้น....มันก็ต้องยังเจ็บมากอยู่แล้ว....แผลขนาดนี้ไม่ควรจะลุกออกมาจากเตียงด้วยซ้ำ
ในหัวเริ่มครุ่นคิดให้ดีอีกที....ว่าพวกเขาควรจะหยุดพักรักษาตัวกันก่อน....ควรจะหยุดซุกซ่อนร่างกายเอาไว้....เพื่อรอวันที่จะได้หนีออกไป
และเมื่อสายตาเหลือบลงไปเห็นแขนเทียมของกิโนะ...มันก็พลันทำให้นึกถึงลุงขึ้นมา....
ใช่แล้ว....ทำไมเขาถึงไม่คิดถึงมันกันนะ....ที่ซ่อนที่ยังคงต้อนรับพวกเขาอยู่เสมอ
ที่เซฟเฮ้าส์นั่น....
นัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นกระพริบเปิดขึ้นมาช้าๆอย่างเลื่อนลอย
ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับว่าไม่ใช่ของตัวเอง ลูกตาเหลือบมองไปรอบๆก็พบกับภาพที่คุ้นเคย...ชั้นสองของเซฟเฮ้าส์ที่โคงามิเคยไปลักพาตัวเขามาขังเอาไว้เมื่อตอนที่หมอนั่นหนีออกมาจากกรมความปลอดภัย
ร่างโปร่งพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง
แต่ความปวดระบมที่ต้นแขนซ้ายก็ทำเอาน้ำตาแทบไหล
และเมื่อมือขวาจับลงไปเพื่อช่วยพยุงร่างกายตัวเอง
สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยก็ทำเอาหัวใจปวดแปลบ
จากผิวเนื้อที่เคยอ่อนนิ่มกลายเป็นเหล็กกล้า
ความอบอุ่นที่เคยแผ่ออกมาบัดนี้ก็มีแต่ความเย็นเฉียบ
ต่อให้เป็นคนใจแข็งขนาดไหน
ก็ทำใจยอมรับเรื่องที่ต้องเสียแขนไปแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆหรอก...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะก้มมองที่มือซ้ายด้วยแววตารวดร้าว...ข้อนิ้วมือที่ทำจากเหล็กกล้าต่อให้มีรูปทรงเหมือนนิ้วมนุษย์แค่ไหนมันก็ยังไม่ใช่...เมื่อก่อน....เขาเคยกลัวมือซ้ายที่เป็นแบบนี้มาตลอด...กลัว...ว่าผู้ชายคนนั้นจะใช้มือข้างนี้สัมผัสเขา....กลัว....ว่าเขาจะเผลอใจอ่อน...กับมือที่ไม่มีเส้นเลือดข้างนี้
แต่ตอนนี้.....ราวกับโชคชะตาเล่นตลก....ถึงผู้ชายคนนั้นจะสัมผัสเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ก็ยังมอบแขนข้างนี้ต่อมาให้เขา
และมันก็จะอยู่กับเขา....ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ
จะมองเห็นมันไปตลอดชีวิต....จะคอยย้ำเตือนให้เขารู้...ว่าผู้ชายคนนั้นรักเขามากขนาดไหน
นัยน์ตาที่เคยอยู่ภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองไปรอบๆกายอีกครั้ง
ทุกๆอย่างยังเป็นเหมือนเดิม...ไม่ว่าจะตู้หนังสือ ตู้โชว์ ขวดเหล้า
ตุ๊กตาไม้หน้าตาประหลาดๆ หรือแม้แต่กรอบรูปอันนั้น....
ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนโงนเงน
ก่อนจะขยับไปยืนอยู่ตรงหน้ากรอบรูป.....รูป.....ของเขากับพ่อ
แล้วจู่ๆ....น้ำตาก็ไหลลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว....
“
กิโนะ?”
เสียงทุ้มของโคงามิเอ่ยเรียกมาจากหัวบันได นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างเมื่อมองเห็นร่างของคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ที่หน้ากรอบรูป
ไหล่บางสั่นสะท้านจนสองมือใหญ่ยื่นเข้าไปหาโดยไม่ต้องไตร่ตรอง
สองแขนโอบประคองคนที่กำลังร้องไห้เข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“
กิโนะ....”
ใบหน้าคมกระซิบเรียกเบาๆก่อนจะก้มลงไปกดจูบที่กลุ่มผมสีดำลื่น
สองแขนกอดกระชับลำตัวบางให้แน่นขึ้น
จะไม่บอกว่าให้หยุดร้องไห้
แต่จะปล่อยให้ร้องจนกว่าจะพอใจ
จะไม่บอกให้เลิกคิดถึงลุง
แต่จะปล่อยให้จดจำไปจนวันตาย
เขาจะเดินอยู่ข้างๆ
คอยจับมือกิโนะเอาไว้แล้วข้ามผ่านมันไปด้วยกัน....
นัยน์ตาบวมช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง....แสงสว่างที่เคยลอดตามมู่ลี่เข้ามาได้หายไปหมดแล้ว
เสียงคลื่นที่สาดซัดกระทบสะพานปลาของท่าเรือบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน
ใบหน้าเรียวขยับเล็กน้อยและนั่นมันก็ทำให้ผืนผ้าที่วางอยู่บนหน้าผากหล่นลงไปที่พื้น
สายตาแลไปเห็นเสื้อสูทของโคงามิที่วางอยู่บนลำตัวของเขาต่างผ้าห่ม
อุ่น.....
มันช่างอบอุ่นไม่ต่างไปจากอ้อมแขนที่โอบกอดเขามาตลอดนั่นเลย....
โอบกอดเขาอยู่เสมอ....ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง...ไม่ว่าเขาจะเจอกับเรื่องอะไรมา....ที่ที่จะปลอบโยนเขาได้ดีกว่าที่ไหนๆ....ก็คือไหล่ของหมอนั่น
ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งช้าๆ
ดูเหมือนอาการระบมที่ต้นแขนซ้ายจะพอทุเลาลงไปได้บ้าง
หรืออย่างน้อยๆตอนนี้สภาพจิตใจของเขามันก็กำลังดีขึ้น
มาคิดอีกที....น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองเลย....ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนจะต้องหยุดยั้งตัวเองได้แน่....กับการที่จะทำอะไรให้ตัวเองต้องเสี่ยงต่อการถูกลดขั้นจากผู้สังเกตการณ์ไปเป็นหน่วยปฏิบัติการ
แต่ตอนนี้...เขาไม่เสียใจเลย...
ไม่เสียใจเลยที่ตัวเองเป็นคนลั่นไกใส่มาคิชิมะ
โชโงะ
ไม่เสียใจเลยที่จะต้องกลายเป็นอาชญากร
ไม่เสียใจเลยที่จะต้องหลบๆซ่อนๆ
ไม่เสียใจเลยที่จะต้องหนีไปตลอดชีวิต
ไม่เสียใจเลยที่ชีวิตของการเป็นตำรวจจะต้องจบลง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมที่สูงขึ้นจนเกินระดับที่จะเยียวยาได้แล้วทำให้ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีแบบที่คนปกติเค้าเป็นกัน
หรือมันเป็นเพราะว่า....จะได้อยู่กับโคงามิ
“
หึ....ยังไงก็กลายเป็นลูกอกตัญญูไปซะแล้วสินะ....พ่อ” ใบหน้าเรียวหันไปมองรูปที่อยู่ในกรอบ
ตอนนี้เขามองมันได้แล้ว....คำพูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆส่งไปให้คนที่อยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล....กลายเป็นลูกอกตัญญู...เพราะพ่อของเขาเฝ้าดูแลและไม่เคยคิดจะให้เขาเดินตามเส้นทางของตัวเอง....แต่ตอนนี้เขากลับเดินตามทางนั้นด้วยความเต็มใจ
เสียงกอกแก่กดังขึ้นมาจากชั้นล่างทำให้ใบหน้าเรียวละจากความคิดของตัวเองแล้วหันไปมอง
โคงามิกำลังทำอะไรอยู่?
โครก.....
ท้องร้องขึ้นมาบ่งบอกว่าเขาควรจะหาอะไรใส่ลงไปบ้าง
เพราะจำได้ว่าตั้งแต่เมื่อวันก่อนยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ร่างโปร่งบางจึงลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะเดินโงนเงนไปที่บันได
“
กิโนะ?!”
โคงามิอุทานขึ้นมาอย่างตกใจที่เห็นเขาเดินลงบันไดมา
“
หิว...”
“
โอเค...นั่งรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันไปอุ่นอาหารให้...ว่าแต่แขนนายเป็นไงบ้าง” เขาส่ายหน้าน้อยๆบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่เป็นไรแล้วก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะไม้
สายตากวาดมองข้าวของที่ระเกะระกะเต็มพื้นที่โกดัง
“
แกกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?” อะไหล่รถยนต์วางเกลื่อนอยู่ที่พื้น
“
ทำให้เจ้านั่นใช้ได้”
ใบหน้าคมหันมาบอกก่อนจะชี้นิ้วโป้งไปที่รถยนต์โบราณสีแดงสด
ร่างสูงใหญ่หันไปอุ่นอาหารแช่แข็งก่อนจะเอามันมาวางลงตรงหน้าเขา
“
นี่กิโนะ....นายคิดว่าเราควรจะทำยังไงต่อไปดี?”
โคงามินั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะถามออกมา....นี่ตั้งใจจะทดสอบค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมของเขาล่ะสิ....เพราะถ้ามันยังเยียวยาได้อยู่....เขาก็จะต้องตอบออกไปว่า....เข้ามอบตัว
“
หนี...ออกนอกประเทศ....ก่อนที่ระบบตรวจจับจะใช้การได้...ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม” และนั่นคือสิ่งที่เขาตอบออกไป...
“
เข้าใจแล้ว...กิโนะ”
สายตาของเราทั้งคู่สบประสานซึ่งกันและกัน
มันจะเป็นการหนีครั้งสุดท้าย....
หากไม่ตายหรือโดนจับได้ไปเสียก่อน.....
เราก็จะได้อยู่ด้วยกัน….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
อุฮิฮิฮิ ก่อนจะพูดถึงฟิคตัวเองขอสครีมก่อน...
ง๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้วว้อยค่า....เรดิโอดราม่าตอนที่ 12
นี่มีเพื่อให้มันฟินนนนนไปเลยใช่ไหมค้า~~~~
คือมีคน(ชื่อพี่จอม)เล่าให้ฟังว่า
เนื้อความมันประมาณว่า...คุณโคกับกิโนะเนี่ย รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน กรี๊ดดดดดด
อยู่ด้วยกันมามากกว่าแปดปีอีกว้อยค่า~~~
คุณโคเข้าไปช่วยกิโนะที่กำลังโดนหาเรื่องเพราะว่ามีพ่อเป็นอาชญากร...จากนั้นทั้งสองคนก็มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ
จิ้นกระฉูดเค่อะ อย่างคุณโคเนี่ยก็น่าจะเพื่อนเยอะอยู่นะ
แล้วทำม๊ายทำไมถึงได้ไปเกาะติดกิโนะ ซึ่งตอนนั้นน่าจะอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวอะไรงี้
โอ๊ยยยพล็อตการ์ตูนตาหวานลอยมาเลยค่ะ ที่แบบว่าพระเอกสุดฮ็อตไปปิ๊งนางเอกจอมมืดมนที่ไม่มีเพื่อนคบอะไรประมาณนี้....อยู่มาวันนึงคุณโคถามกิโนะว่า
ในอนาคตกิโนะอยากจะเป็นอะไร จะถามไปทำไมเนี่ย?! จะตามสโตรกหรือไง
คืออารมณ์มันเหมือนแฟนกันเลยอ่ะอยากจะรู้ว่าเธอจะเป็นอะไรชั้นจะได้เป็นมั่ง
จะเรียนต่อที่ไหนชั้นจะได้ตามไปเรียนด้วยอะไรงี้
กิโนะเลยบอกคุณโคไปว่าอยากเป็นผู้สังเกตการณ์ คุณโคก็เลยจะเป็นด้วย อ๊ากกกกกกกกกกกก
ผิดจากที่ตรูจิ้นซะที่หน๊ายยยย
แล้วตกลงที่คุณโคมาเป็นตำรวจเนี่ยเพราะกิโนะงั้นหรอ? ตามกิโนะมางั้นหรอ? โฮกกกกกก กิโนะก็ดูจะไม่เห็นด้วยที่จะมาเลือกอนาคตตามตัวเอง
คุณโคเลยหยอกปนหยาม(?)กลับไปว่า “มีอะไรที่นายทำได้แล้วฉันทำไม่ได้ด้วยหรอกิโนะ”
5555 น่าร้ากกกกก
เหมือนคุณโคจะเป็นพวกนักเรียนดีเด่นอ่ะนะ
เพราะงั้นอะไรก็ทำได้ อะไรก็เป็นได้ แล้วทำม๊าย ทำไมถึงได้มาตามกิโนะแบบนี้
มันช่างน่าคิด *q* แต่กิโนะวัยละอ่อนแม่งก็น่ารักโคตรอ่ะ ยิ่งซึนๆแบบนี้นะ
แล้วคุณโคแม่งก็ดูเป็นพวกชอบแกล้งอ่ะ เจอคนน่าแกล้งอย่างกิโนะคงติดใจ อร๊ายยยยย
เลยเกาะติดไม่ไปไหนเลยสินะคะ *q*
ตอนท้ายกิโนะยังว่าคุณโคด้วยว่า
“อารมณ์ขันเป็นศูนย์...” อ๊ากกกก
กิโนะน่ารักอ่า~~~
>3<
โอยยยยย
ในอนิเมะแม่งไม่มีไรให้จิ้นได้เลยก็จริง แต่เรดิโอดราม่านี่โคตรฟินเลยค่ะ
อ๊ากกกกกกก
นึกถึงที่คุณโคแกเคยบอกว่าที่มาเป็นนักสืบเนี่ยเพราะต้องการจะปกป้องใครสักคน....*q*....ขอตรูจิ้นต่อเองได้ไหมว่าใครสักคนน่ะมัน......ก็นะ...ทั้งๆที่ตามเค้ามาแท้ๆ
แล้วอุดมการณ์นั่นมันมาตอนไหนค้า~~~ >/////<
โอยยยยย
ทำเอาอยากแต่งฟิคชีวิตรักวัยเรียน(?)ขึ้นมาเบย...
อ่า...มาพูดถึงฟิคตัวเองบ้าง....คิดว่าตอนหน้าก็น่าจะจบแล้วแหละน้า
สำหรับ ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม [สัญญาที่เขียนบนน้ำ] นี่น่ะ ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่ารีบๆจบไปซักที!!จะได้ไปต่อดาวตกได้แล้ว!!ก็ตาม กร๊ากกก
เอาน่า....หนีกันอีกเฮือก...แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเก๊าจะทิ้งโคยะน้อยเอาไว้โดดเดี่ยวเดียวดาย
ยังไงซะเจ้านายเค้าก็ต้องไปรับเอาไปด้วยอ่ะแหละ (จะไม่รอดก็อีกตรงนี้แหละ!!)
แล้วเจอกันตอนหน้านะค้า
>3<
ฟิคสนุกมากเลยคุณ waketsu
ตอบลบสครีม radio drama 12 ไปด้วย
ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อั้ยยะ!! พี่กวางขาา ชอบอ๊ะ
ตอบลบสงสารกิโนะ ถึงพ่อจะไม่อยู่แต่ก็มีแขนไว้ดูต่างหน้า
แอบปลื้มคุณหมอ ถึงในเรื่องจะไม่มีบทบาทอะไรมาก นั่งหล่ออย่างเดียว
แต่ในเรื่องนี้อ่านแล้วอยากเข้าไปลากหนีมาด้วยกันซะจริงเชียว
จะได้ดูแลรักษาได้ตลอด 24 ชม. เป็นหมอประจำตัว (โน 3p นะ)
คุณโคดูอบอุ่น มั่นคง อั้ยยย >_<
ขอให้หนีออกไปได้พร้อมโคน้อยนะจ้ะ
สู้ ๆ นะคะพี่กวาง ฮี่ๆ