KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 07



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827  Ryuusei : 07

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ






เสียงโกโตะดังแว่วออกมาจากห้องอีกแล้ว....

มือเล็กๆของเด็กชายผมดำซึ่งอายุราวๆสี่ห้าขวบเกาะอยู่ที่ขอบประตู นัยน์ตาสีดำลอบมองเข้าไปในห้องเพื่อที่จะได้เห็นเพียงแผ่นหลังบอบบางซึ่งเต็มไปด้วยเส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทราวกับปีกของอีกา

ผู้หญิงคนนั้น...วันๆก็จะอยู่กับเครื่องดนตรี...นิ้วเรียวขาวเอาแต่สัมผัสโกโตะนั่น ทั้งๆที่มันไม่เคยหันมาแตะคนที่ได้ชื่อว่าลูกชายเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ใบหน้าของเด็กชายละออกมาจากแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเหงาหงอย

ถึงจะรู้ว่าไม่ได้เกิดมาจากความรัก...แต่อย่างน้อยก็อยากถูกกอดสักครั้งก็ยังดี....

ต้องทำยังไงกันนะ....ผู้หญิงคนนั้นถึงจะยอมหันมายิ้มให้...


เด็กชายผมดำเดินไปตามระเบียงด้วยใบหน้าครุ่นคิดเท่าที่เด็กๆอย่างเขาจะคิดได้...แต่ก็คิดไม่ออก และไม่รู้เลยว่านอกจากเครื่องดนตรีพวกนั้นแล้ว คนที่ให้กำเนิดเขามาชอบอะไรบ้าง?

เสียงพูดคุยสนุกสนานดังมาจากเรือนชงชา...หญิงสาวในบ้านหลายคนกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างพรางหัวเราะต่อกระซิกกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ถ้าได้เห็นสิ่งนั้นแล้วจะยิ้มออกมาอย่างงั้นหรอ?

ร่างเล็กของเด็กชายผมดำขยับเข้าไปใกล้....ใกล้พอที่จะมองเห็นว่าสิ่งที่พวกนั้นดูกันอยู่ก็คือผืนผ้าสีสันสวยงามหลายต่อหลายพับ

ขาเล็กๆวิ่งออกไปจากเรือนเจ้าเมืองคามาคุระมุ่งหน้าไปยังย่านร้านค้าทันที ถึงจะเป็นเด็กอายุแค่นี้แต่ก็ได้ชื่อว่าว่าที่เจ้าเมือง เพราะฉะนั้นอะไรอยู่ตรงไหนในคามาคุระแห่งนี้จึงต้องรู้ดีไปเสียหมด

เด็กชายผมดำยืนหอบอยู่หน้าร้านขายกิโมโนอันดับหนึ่งของคามาคุระ และเมื่อมือเล็กเลื่อนประตูให้เปิดออก คนที่อยู่ภายในนั้นก็ได้แต่มองออกมาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าขาเล็กๆนั่นจะเดินเข้าไป

“ ข้าอยากได้ผ้าที่สวยที่สุดและมีเพียงแค่ผืนเดียวในโลกเท่านั้น”

นั่นคือคำที่หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กๆ....และอีกหนึ่งเดือนถัดมา...ผ้าที่ถูกปักและถักทอด้วยความวิจิตรบรรจงที่สุดผืนหนึ่งก็ถูกนำมาที่เรือนเจ้าเมือง

และมันคือหนึ่งเดือนที่หัวใจดวงน้อยของเด็กชายเฝ้ารอคอยอย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าแม่

ฝ่าเท้าเล็กเดินไปตามระเบียงทางเดิน และทุกครั้งที่ใบหน้าก้มลงมองผืนผ้าในอ้อมแขน หัวใจก็เต้นระรัวเพราะทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น

กังวลไปหมด...ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ชอบ....กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะปฏิเสธและโยนผ้าผืนนี้ทิ้งไป

ทว่า....

เมื่อดวงตาของผู้เป็นแม่ได้เห็นผืนผ้าที่ลูกชายยื่นไปให้ รอยยิ้มก็ปรากฏออกมาทั้งน้ำตา...

“ เคียวยะ....”

นั่นคือครั้งแรก...ที่ได้ยินเสียงไพเราะนั่นเรียกชื่อของตน....มันมากกว่าที่จิตนาการไว้ มันมากกว่าความดีใจครั้งไหนๆที่เคยรู้จัก

นัยน์ตาสีดำเหลือบลงไปมองปลายนิ้วเรียวซึ่งใฝ่ฝันมานานว่ามันจะสัมผัสตนบ้างและบัดนี้มันก็กำลังแตะอยู่ที่ใบหน้าของตน

ความดีใจทำให้เผลอกระโดดเข้าไปกอดผู้เป็นมารดา

และนั่นคือครั้งแรกที่ได้รับรู้ว่า...ความอบอุ่นของแม่นั้นมันเป็นยังไง ทั้งอ้อมแขนบอบบางที่โอบกอดเอาไว้ ทั้งฝ่ามือนุ่มที่ลูบหัวอย่างแผ่วเบา

มันช่างมีความสุขเหลือเกิน....


ทั้งๆที่คิดว่าคว้าเอามาได้แล้ว...

ทว่า...

เช้าวันรุ่งขึ้น....ทุกอย่างกลับพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

เมื่อผู้หญิงคนนั้นหนีออกไปจากคามาคุระ....ทิ้งเด็กชายผมดำเอาไว้อย่างไม่ไยดี


เอาหัวใจดวงน้อยไป เหลือทิ้งไว้แต่ร่างกายที่มันด้านชา....


.
.
.
.
.
.
.
.


“ เคียวยะ?”    เจ้าเมืองคามาคุระหันมามองด้วยความแปลกใจ เมื่อจู่ๆลูกชายคนโตก็เปิดประตูเลื่อนเข้าไปหาพร้อมกับตัวประกันจากอิสุที่ถูกหิ้วติดมือมาด้วย

“ ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่าน....ตอนที่แม่ข้าหนีไป...นางไปคนเดียวหรือเปล่า?แล้วท่านรู้หรือไม่ ว่านางไปอยู่ที่ไหน?”     ใบหน้าของผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามออกมา

“ ทำไมจู่ๆก็อยากจะรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ? เจ้าเกลียดแม่ของเจ้ามากไม่ใช่หรือ?”

“..........”     ใบหน้าคมยังคงนิ่งเฉย ผู้เป็นพ่อจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตอบออกไป

“ แม่ของเจ้าไม่ได้ไปคนเดียวหรอก...น้องสาวของนางหรือก็คือน้าของเจ้าก็ไปด้วยกัน...และข้าไม่รู้หรอกว่าพวกนางไปอยู่ที่ไหน”    และคำตอบของผู้เป็นพ่อก็ทำให้นัยน์ตาของทั้งสองคนเบิกกว้าง เพราะบางทีเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด....

แค่เป็นผู้ชายด้วยกัน....หากไม่ใช่เป็นเพราะอีกฝ่ายคือ ฮิบาริ เคียวยะแล้ว คงไม่มีใครหน้าไหนในบ้านในเมืองนี้ที่จะยอมอยู่นิ่งแล้วปล่อยให้ความสัมพันธ์แบบนั้นมันดำเนินต่อไป

แต่ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนเป็นพี่น้องที่เกิดมาจากแม่คนเดียวกัน...ต่อให้เป็น ฮิบาริ เคียวยะ ก็คงจะต่อต้านความผิดบาปในใจและเสียงจากคนรอบข้างไม่ไหว

“ น้องสาวของนางมีลักษณะเป็นยังไง?”     ร่างสูงยังคงถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป

“ อืม.......”     เจ้าเมืองคามาคุระทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่สายตาคมกล้าจะมองมาที่ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุ

“ ข้าก็เคยเห็นนางไม่กี่ครั้ง ถ้าจะให้เทียบก็คงบอกได้ว่าคล้ายคนที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้านั่นแหละเคียวยะ”      นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างแล้วหันไปมองร่างเล็กบางที่ยืนอยู่ข้างๆ เสียงที่ค่อยๆตามออกมาของผู้เป็นพ่อทำให้ในใจรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก

“ เส้นผมสีน้ำตาล....ดวงตาก็สีน้ำตาลกลมโต...รูปร่างเล็ก....ดูภายนอกแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่น้องกับแม่ของเจ้า เพียงแต่ทั้งสองคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือรักในเสียงดนตรี...”



เสียงพูดของเจ้าเมืองคามาคุระยังคงดังก้องอยู่ในหัว ทั้งๆที่ขณะนี้ร่างเล็กบางออกมาเดินอยู่ที่ระเบียงทางเดินแล้ว...ผู้หญิงที่เจ้าเมืองคามาคุระเอ่ยถึงคือแม่ของเขาไม่ผิดแน่

ท่านแม่คือน้องสาวของท่านหญิงฮิบาริซึ่งเป็นมารดาของ ฮิบาริ เคียวยะ

ถ้าเช่นนั้น ท่านแม่ของเขาก็มาจากสายตระกูลฮิบาริ....และเขาเอง...ครึ่งหนึ่งก็เป็นคนของตระกูลฮิบาริ ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง....

“ แม่ของข้าเป็นนักดนตรีที่หาเลี้ยงชีวิตด้วยเสียงเพลง ข้าไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร จนกระทั่งวันที่แม่ข้าตาย...ช่วงก่อนที่ข้าจะถูกส่งมาอยู่ที่นี่ประมาณปีนึง...ชายคนนั้นจึงเพิ่งปรากฏตัวและรับข้าไปอยู่ด้วย....แต่เพราะว่าเขาคือเจ้าเมืองอิสุ ข้าจึงถูกนำตัวเข้าบ้านใหญ่ในฐานะ...นักดนตรี...ข้าไม่เคยได้เรียกเขาว่าพ่อ....จนเมื่อมีการทำสัญญาแลกเปลี่ยนตัวประกัน...เมื่อนั้นแหละข้าจึงถูกยอมรับว่าเป็น “ลูกชายคนหนึ่ง” แล้วถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่”

เสียงแผ่วเบาดังลอดออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อ....ไม่รู้ทำไมถึงยอมเอ่ยปากเล่าให้คนที่เดินนำหน้าฟัง....ทั้งๆที่เขาไม่ควรจะโล่งใจเพราะความสัมพันธ์แบบนี้มันก็จะยังดำเนินต่อไปหากเขาไม่ใช่น้องชายแท้ๆของคนตรงหน้า

ทว่า...พอรู้ความจริง หัวใจไม่รักดีดันปลอดโปร่งเสียได้

แต่ครึ่งหนึ่งของความโล่งใจนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาพอจะเข้าใจพ่อของเขาขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้....ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่ยอมรับและปกปิดมาตลอดว่าเขาคือลูกชาย

ท่านพ่อ....เพราะแบบนี้สินะถึงให้ใครในอิสุรู้ไม่ได้ว่าข้าคือลูกชายคนหนึ่งของท่าน เพราะหากรู้ว่าลูกชายคนนี้เกิดจากท่านหญิงของคามาคุระ ข้ากับท่านแม่คงไม่ปลอดภัยและคงจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบมาได้จนโต

“ นี่....แล้วตอนนี้...ผู้หญิงคนนั้น....”      จู่ๆเสียงทุ้มก็ดังมาจากคนที่ยังคงเดินนำอยู่ข้างหน้า ทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้ ฮิบาริ เคียวยะกำลังทำหน้ายังไงอยู่

“ เอ๋?...ผู้หญิงคนนั้น? หมายถึงแม่ของเจ้าน่ะหรอ?”

“..........”      ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา แต่ใบหน้าเล็กก็อมยิ้มเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคงอยากจะถามว่านางเป็นยังไงบ้าง

“ ข้าก็จำไม่ค่อยได้ เพราะตอนนั้นข้ายังเด็ก รู้แต่ว่าแม่ข้าเคยร้องไห้ขนาดหนักเพราะคนสำคัญที่อยู่ด้วยกันมาเสียชีวิตไปด้วยโรคบางอย่าง น่าจะเป็นมานานแล้วเพราะข้าเองก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ทำให้ข้าไม่เคยเห็นหน้าแม่เจ้าเลยสักครั้ง”

“ ป่วยมานานแล้ว?”     เสียงทุ้มเอ่ยราวกับกำลังครุ่นคิดในขณะที่มือเลื่อนเปิดประตูห้องของร่างเล็ก

จะเป็นไปได้หรือไม่...ว่าผู้หญิงคนนั้นป่วยมาตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่คามาคุระ....และที่ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ไม่ยอมให้กอดจะเป็นเพราะกลัวลูกชายจะพลอยติดไปด้วย...

แล้วที่หนีไปนั่นก็เพราะกลัวจะห้ามใจที่จะไม่กอดลูกชายไม่ได้...เหมือนในวันที่เขาเอาผ้าไปให้นั่น....


นัยน์ตาสีดำจ้องมองกิโมโนตัวเล็กที่ถูกเย็บขึ้นมาจากผ้าผืนนั้นด้วยดวงตาเหม่อลอย

ท่านหนีไปพร้อมกับหัวใจของข้า....และบัดนี้ท่านก็กำลังเอามันมาคืนพร้อมกับผ้าผืนนี้....

ท่านตั้งใจ...จะส่งสึนะโยชิมาให้ข้าใช่หรือไม่ ท่านแม่?


.
.
.
.
.
.
.
.


เสียงเคร้งคร้างของโซ่ที่กระทบกันไปมาทำให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง....

นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะแลมองไปที่ข้อมือของตน...โซ่เส้นใหญ่ถูกพันรอบข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนจะล่ามมันเข้าด้วยกัน....เช่นเดียวกับที่ข้อเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันธนาการด้วยโซ่ที่ไม่ได้ต่างกันเลย

มันทำให้หวนนึกถึงเมื่อวานกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น....

ตอนที่เขาถูกพาตัวกลับมาและถูกตัดสินโทษ...

“ ฮายาโตะ...เจ้ารู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป....เรื่องที่เจ้าทำมันร้ายแรงเสียจนข้าไม่น่าจะให้อภัยเลยจริงๆ...”     ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งอย่างที่ดูก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด

“ เจ้าอยู่เคียงข้างยามาโมโตะ ทาเคชิ มาตลอดเจ็ดปี เจ้าก็น่าจะรู้ดีถึงความอันตรายและร้ายกาจของเด็กคนนั้น...เจ้ารู้ตัวบ้างไหมว่าการส่งเด็กนั่นกลับไปคามาคุระก็เท่ากับส่งเสือคืนรัง....และสักวันหนึ่งเสือร้ายตัวนั้นนั่นแหละที่จะกลับมาทำลายอิสุ...ทำลายบ้านของเจ้า ครอบครัวของเจ้าจนพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี!

“ แต่ยามาโมโตะไม่ได้มีความผิด! แล้วทำไมเค้าจะต้องตายด้วย?!      ร่างบอบบางยังคงเป็นคนเดียวที่กล้าเถียงเจ้าเมืองอิสุในขณะที่โกรธจัดอยู่แบบนี้

“ ท่านพ่อ....ทำไมท่านถึงไม่ใช้สันติวิธี...ทำไมท่านไม่เก็บเค้าเอาไว้ในอิสุล่ะ ถ้าท่านกลัวขนาดนั้น...ทั้งๆที่ข้าสามารถทำให้เค้ายอมอยู่นิ่งๆได้....ข้าทำให้เค้ายอมช่วยพวกเราได้!    และคำพูดของลูกชายคนเล็กก็ยิ่งทำให้นึกถึงภาพในโรงฝึกวันนั้นจนผู้เป็นพ่อทนไม่ไหวจนตวาดออกไป

“ โดยการเอาตัวเข้าแลกอย่างนั้นน่ะหรือ?!

“ เอ๊ะ?!     ใบหน้าสวยได้แต่ผงะเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นพ่อจะล่วงรู้เรื่องนี้เข้า...อีกอย่างเขาก็ไม่ได้คิดจะเอาตัวเข้าแลกอย่างที่ว่า เพียงแต่เรื่องของหัวใจมันไม่อาจห้ามกันได้ต่างหาก

“ มีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันแบบนั้น...นอนกับผู้ชายด้วยกันแบบนั้น...เจ้ายังเป็นลูกชายของข้าอยู่อีกหรือเปล่าฮายาโตะ?!!

“ มะ...ไม่ใช่นะ....ข้าไม่ได้.....”   

“ จริงอยู่....ข้าเคยคิดจะทำอย่างที่เจ้าพูด...เคยคิดจะเลี้ยง ยามาโมโตะ ทาเคชิ เอาไว้เพื่อให้กลับไปเล่นงานคามาคุระ....แต่แล้วข้าก็เปลี่ยนใจ...”

“ ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า...ฮายาโตะ....ที่ข้าตัดสินใจสั่งประหาร ยามาโมโตะ ทาเคชิ...ก็เพราะว่าข้าต้องการแยกเด็กคนนั้นกับเจ้าออกจากกันโดยเด็ดขาดยังไงล่ะ”       ร่างบอบบางแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากของผู้เป็นพ่อ....ทุกๆอย่างมันเป็นเพราะเขาเองอย่างนั้นหรือ?

ก็แค่ “รัก” เท่านั้นเอง...แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องเลวร้ายขนาดนี้....

“ ข้าควรจะสั่งประหารเจ้าไปด้วยอีกคนนะ ฮายาโตะ....ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ของเจ้าขอเอาไว้ละก็....”     ใบหน้าสวยก้มลงมองพื้นดิน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจะโต้เถียงอีกต่อไป ได้แต่ยอมจำนนต่อโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ

“ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าออกไปทำเรื่องเสื่อมเสียต่อตระกูลโกคุเดระอีก...ข้าจะลงโทษเจ้า....โดยการกักบริเวณ ให้อยู่แต่ในเรือนของเจ้าเท่านั้นไปตลอดชีวิต...ห้ามย่างเท้าก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว!

...ตั้งใจจะขังไว้ ไม่ให้ไปไหนได้อีกเลยแบบนั้นสินะ...

และเพราะว่าถูกขังเอาไว้ในเรือนไม่ใช่ในคุกของเนินล้างโลหิต...จึงจำเป็นต้องล่ามโซ่เอาไว้แบบนี้...

ร่างบอบบางลุกขึ้นมาก่อนจะเหม่อมองไปในท้องฟ้ากว้างไกล

เจ้าจะเป็นยังไงบ้างนะยามาโมโตะ....หากอิสระของข้าแลกกับชีวิตของเจ้าได้ข้าก็ยินดี

เพราะข้ารู้ดีว่าต่อให้หนียังไง...ก็ไม่มีวันหนีพ้น...ต่อสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาและหน้าที่...

ฟ้าคงไม่ได้กำหนดมาเล่นๆให้เจ้าคือลูกชายของตระกูลยามาโมโตะและข้าคือลูกชายของตระกูลโกคุเดระ....ต่อให้เป็นความรักก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้

น้ำใสๆหยดลงไปบนโซ่โดยที่ไม่รู้ตัว มือรีบปาดมันออกจากใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงประตูเลื่อนถูกเปิดออก

“ ฮายาโตะ”       ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงตรงหน้า

“ ท่านแม่....”      ถึงจะถูกล่ามโซ่เอาไว้แต่มือทั้งสองข้างก็ยังกอดเอวผู้เป็นแม่ได้เหมือนเดิม

“ เจ้าอายุเท่าไหร่กันแล้ว? ยังจะอ้อนแม่อยู่อีก”     ใบหน้าสวยยิ้มเศร้าๆเมื่อมองเห็นโซ่บนข้อมือของลูกชาย ท่านหญิงยื่นดาบเล่มหนึ่งไปให้ คนตรงหน้าลุกขึ้นมาก่อนจะมองมันด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

“ ดาบนั่น?!

“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ให้เจ้าไว้อย่างนั้นใช่ไหม?”     เพราะพี่ชายคนโตเก็บมันเอาไว้โดยไม่ได้บอกผู้เป็นพ่อ มันถึงได้ถูกส่งกลับมาหาร่างบอบบางอย่างปลอดภัย

“ ใช่...ยามาโมโตะบอกว่านั่นคือดาบของแม่เค้า”

“ เช่นนั้นเจ้ายิ่งต้องเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี...”    มือบางรับมันมาก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างเศร้าสร้อย

“ ท่าน...ไม่โกรธข้าหรอ...ที่ข้าช่วยให้ยามาโมโตะหนีไป...ไม่รังเกียจข้าหรอ...ที่ลูกชายของท่านดันไปรักผู้ชายด้วยกัน...”     ใบหน้าสวยก้มลงมองพื้นอย่างไม่กล้าจะมองหน้าผู้ที่ให้กำเนิดตนมา...เพราะไม่อยากเห็นนัยน์ตาที่ผิดหวังคู่นั้น

“ ข้ากลับคิดว่าเจ้าช่างน่าอิจฉา...ที่กล้ามีความรัก...น้อยคนนักนะฮายาโตะสำหรับชนชั้นนักรบอย่างเราที่จะรู้จักคำว่ารักและเลือกที่จะรักเองได้แบบเจ้ากับเด็กคนนั้น”    แต่สิ่งที่ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพบกับสายตาอ่อนโยนที่มองตอบกลับมา

และนั่นมันทำให้เขาอยากจะเชื่อในความรัก...เชื่อว่ามันจะยังมั่นคงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...

“ ท่านแม่...แล้วท่านไม่กลัวหรอ...ว่ายามาโมโตะจะกลับมาทำลายอิสุจริงๆอย่างที่ท่านพ่อว่า...”     ใบหน้างดงามส่ายไปมาน้อยๆ

“ สงครามมันเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว...และมันจะไม่หยุดลงจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลาย...และถ้าหากว่าพวกเราเป็นฝ่ายโชคร้ายที่โดนทำลาย...อย่างน้อยข้าก็ยังวางใจได้เรื่องหนึ่ง....ว่าเจ้าจะปลอดภัยแน่นอน ฮายาโตะ”


.
.
.
.
.
.
.


เรือนรับรองส่วนหน้าของคฤหาสน์เจ้าเมืองคามาคุระบัดนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน นานแล้วที่ไม่ได้มีการประชุมใหญ่ให้ได้เห็นแบบนี้

นั่นแสดงว่า....คามาคุระพร้อมแล้วที่จะเปิดศึกกับเมืองคู่รักคู่แค้นอย่างอิสุ

นายทหารระดับสูงและแม่ทัพต่างนั่งเรียงลำดับชั้นยศลงไปจนเต็มห้องโถง ที่ด้านขวามือของเจ้าเมืองคามาคุระมีลูกชายทั้งสองคนนั่งอยู่ ส่วนที่ด้านซ้ายเป็นน้องชายของท่านเจ้าเมืองเอง

" ครั้งนี้เราจะบุกโจมตีเมืองที่สนับสนุนอิสุอยู่”      เสียงดังก้องกังวานไปทั่วห้องนั้นออกมาจากใบหน้าเคร่งขรึมของเจ้าเมืองคามาคุระ น้ำเสียงหนักแน่นนั้นทำให้เหล่าชายชาตินักรบต่างฮึกเหิ้มและพร้อมที่จะทำศึกได้ทุกนาที

“ เพื่อตัดกำลังไม่ให้พวกมันส่งคนไปช่วยอิสุได้ในวันที่เราโจมตีอิสุ...โดยจะแบ่งทัพหน้าออกเป็นสองทัพ....เคียวยะให้ตีเมืองทางขวา ส่วนทางซ้ายเจ้าก็รับไป"      เจ้าเมืองคามาคุระหันไปพูดกับน้องชายของตนก่อนจะหันกลับมาหาลูกลายคนรองที่นั่งอยู่ไม่ไกล

" ทาเคชิ....เจ้าพร้อมที่จะออกไปรบกับอาเจ้าหรือไม่"     และนั่นก็เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานายทหารที่นั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยไม่คิดว่าเด็กที่ถูกส่งไปเป็นตัวประกันแล้วหนีรอดกลับมาได้นั้นจะได้รับความไว้วางใจให้ออกศึกแทบจะทันทีที่มาถึง

ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างที่ไปอยู่ในอิสุ เด็กคนนี้ยังได้จับดาบพัฒนาฝีมือตนเองหรือไม่ การออกไปสู้ในสนามจริงแบบนี้อาจจะเป็นการส่งไปตายเปล่า...แต่เพราะเป็นคำสั่งของท่านเจ้าเมืองจึงไม่มีใครกล้าทัดทาน

“ ข้าพร้อม...ท่านพ่อ”     น้ำเสียงเย็นเหยียบเอ่ยออกมาพร้อมกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้นิ่งสนิท บรรยากาศรอบตัวของเด็กคนนั้นยังคงดำมืดไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนก่อนจะไปอิสุเลยสักนิด

สองพี่น้อง...ช่างน่ากลัวไม่ได้ต่างกันเลย...

“ ถ้าเช่นนั้นแยกย้ายกันไปจัดการทหารในหน่วยของพวกเจ้า เช้าวันมะรืนทั้งสองทัพจะออกจากคามาคุระพร้อมกัน!!




ร่างสูงใหญ่เดินเคียงข้างไปกับร่างท้วมของผู้เป็นอา พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากการจัดและนัดแนะกับกองทัพของตน นัยน์ตาสีเปลือกไม้แลมองไปรอบๆระเบียงทางเดิน...ทั้งๆที่เป็นบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด แต่กลับไม่ได้รู้สึกผูกพันกับมันเลยสักนิด

" ข้าดีใจนะที่เจ้ากลับมา....มิซึโกะเองก็รอเจ้าอยู่เช่นกัน..."     เสียงดังมาจากคนที่เดินอยู่ข้างๆทำให้ใบหน้าคมหันกลับไปมอง ก่อนที่ผู้เป็นอาจะยื่นมือมาบีบไหล่เขาด้วยรอยยิ้ม...

มิซึโกะ?

อ้อ...ลูกสาวของผู้เป็นอา...คู่หมั้นของเขานั่นเอง

ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป และเพราะนั่นมันคือปกติวิสัยของเขา ผู้เป็นอาจึงไม่ถือสาหาความอะไร ทั้งสองคนต่างเดินแยกไปคนละทางเพื่อกลับเรือนของตน

ร่างสูงตัดสินใจจะไปเดินสำรวจรอบๆบ้านของตัวเองหลังจากที่ไม่ได้อยู่มาถึงเจ็ดปี ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่

อย่างน้อยๆเขาก็ติดใจสายตาที่มันเปลี่ยนไปนิดหน่อยของคนที่ได้ชื่อว่าพี่ชาย....อยากจะไปเห็นกับตา...ว่าอะไรกันที่ทำให้นัยน์ตาที่เย็นชาและโหดเหี้ยมของ ฮิบาริ เคียวยะ เปลี่ยนไป




สายลมแห่งฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามาจนผิวกายเย็นเฉียบ เดินจนรอบบ้านแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไป  ร่างสูงใหญ่หยุดยืนอยู่ที่ประตูด้านหลัง เสียงของอะไรบางอย่างดังแว่วมากับสายลม

โกโตะ?

จะเป็นเสียงของอะไรเขาก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจอยู่เพียงอย่างเดียวคือ บทเพลงที่บรรเลงออกมานั้น...มันคือเพลงๆเดียวกับที่ริมฝีปากสีระเรื่อของโกคุเดระเป่ามันออกมาด้วยใบไม้

ขาก้าวตามเสียงนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะไปหยุดยืนอยู่หน้าลานหินกว้างที่บัดนี้ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยต้นโมมิจิที่เหลือแต่กิ่งก้านเพียงอย่างเดียว สายหมอกจางๆช่วยขับให้ร่างเล็กบางที่นั่งเล่นโกโตะอยู่กลางลานนั้นดูงดงามราวกับภาพวาด

ว่าแต่หนาวขนาดนี้ทำไมถึงยังหอบโกโตะนั่นออกมานั่งเล่นอยู่ข้างนอก? แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือคฤหาสน์เจ้าเมืองยอมให้มีใครจับเครื่องดนตรีได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปใกล้ให้คนที่ยังคงเล่นโกโตะอยู่รู้ตัว

“ เอ๊ะ?! เจ้า?!”      ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมาด้วยความตกใจ....เขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน

“ เจ้าเป็นใคร?”      ร่างสูงเอ่ยถามออกไป ยิ่งทำให้ร่างเล็กลนลาน จากท่าทางผ่อนคลายยามที่ได้เล่นโกโตะกลับเกร็งขึ้นมาทันที ลำตัวเล็กบางนั่งตัวตรงก่อนจะเหลือบมองไปรอบๆอย่างเคยชิน

“ แล้วเจ้า?”     นัยน์ตากลมโตหันมาจับจ้องร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อคิดได้ว่ากลางป่าแบบนี้ ฮิบาริ เคียวยะ ไม่น่าจะตามมา

“ ข้าคือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ...”      แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาไหม้กลมโตก็เบิกกว้างเมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร

“ เจ้าคือ...ตัวประกันที่ไปอยู่ที่อิสุ....”

“ ใช่”

“ ข้าเป็นตัวประกันจากอิสุที่ต้องมาอยู่ที่นี่....”    นัยน์ตาทั้งคู่ต่างจ้องมองกันและกันราวกับว่าเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีทั้งๆที่ไม่ต้องพูดอะไร

“ เจ้าเป็นคนสอนโกคุเดระ ฮายาโตะให้เล่นเพลงเมื่อครู่ใช่ไหม?”     ใบหน้าเล็กพยักหน้าอย่างงงๆเพราะไม่คิดว่าร่างสูงจะเปิดประเด็นด้วยเรื่องนี้ ทั้งๆที่มีอีกหลายเรื่องที่น่าจะอยากรู้มากกว่า

“ เขาฝากให้ข้า...คอยดูแลคนที่เล่นโกโตะด้วยเพลงนี้...เจ้าชื่ออะไร?”    คำพูดของร่างสูงทำเอาใบหน้าเล็กร้อนผ่าว นัยน์ตากลมโตเลื่อนลอยเพราะกำลังนึกถึงใบหน้าของใครอีกคนที่อยู่ห่างไกล....เจ้ายังคิดถึงข้าอยู่ตลอดใช่ไหม ฮายาโตะ?

“ อ่ะ เอ่อ...เรียกข้าว่า สึนะโยชิ ก็แล้วกัน”     ใบหน้าเล็กยิ้มให้ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ จู่ๆข้อมือก็ถูกกระชากจนได้แต่หันไปมองอย่างตกใจ

ยิ่งได้เห็นใบหน้าของคนกระทำยิ่งตกใจ เพราะคนที่กำลังลากเขาออกมาจากลานหินนั้นไม่ใช่ ยามาโมโตะ ทาเคชิ แต่เป็น ฮิบาริ เคียวยะ....

“ เจ้า! มาได้ยังไง?! แล้วก็ปล่อยข้านะ!!

ยิ่งข้อมือพยายามสะบัดหนีเท่าไหร่แรงบีบยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าปกติแล้วคนตรงหน้าจะอารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ แต่วันนี้ดูจะยิ่งน่ากลัวกว่าปกติหลายเท่า

เพราะเห็นเขาคุยกับน้องชายของตัวเองงั้นหรอ?

บางทีเขาก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ยอมให้เขาพูดคุยกับใคร ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เขาแม้แต่นิดเดียว

ประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างรุนแรงก่อนที่ร่างเล็กบางจะถูกเหวี่ยงเข้าไปจนเซถลาล้มกองอยู่ที่พื้นเสื่อทาทามิ ร่างสูงตามมาคร่อมเอาไว้ก่อนที่มือใหญ่จะกระชากโอบิจนกิโมโนตัวเล็กหลุดลุ่ย

“ หยุดนะ!!”    ร่างเล็กบางได้แต่ร้องห้ามอย่างทุกที ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถหยุดคนตรงหน้าได้

“ อึ๊ก!”     ข้อมือบางถูกกดลงกับพื้นเสื่อก่อนที่ใบหน้าคมจะฝังลงมาที่ซอกคอพร้อมกับริมฝีปากขบกัดผิวอ่อนๆจนขึ้นสีแดงระเรื่อ ปกติก็ไม่ได้อ่อนโยนด้วยอยู่แล้วแต่วันนี้ดูจะรุนแรงกว่าทุกที...

“ อื้อ!”     ริมฝีปากประกบจูบลงมาที่ริมฝีปากแดงก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานตามแต่ใจ มือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่ก็กระชากกิโมโนออกจากร่างขาวผ่องให้พ้นทาง

“ อ๊ะ!”    เสียงครางลอดออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำอย่างน่าเจ็บใจเมื่อเรียวลิ้นที่ละออกมาจากปากลากไล้จากปลายคางเป็นทางลงไปตามซอกคอ ลาดไหล่ ไปจนถึงแผ่นอกบาง ลากลงไปเรื่อยๆราวกับจะกลืนกินให้หมดทั้งตัว

“ อื้อ! ยะ อย่า!”     เรียวขาถูกแยกออกจากกันก่อนที่ความเป็นชายของร่างสูงจะสอดแทรกเข้ามา ถึงจะบอกว่าเล้าโลมแล้วแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้คนถูกกระทำเลยสักนิด ใบหน้าน่ารักบิดเบี้ยวเพราะความจุกแน่นก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายสอดใส่เข้ามารวดเดียว

“ อึก! เจ็บ!”     เล็บจิกลงไปที่ท่อนแขนแข็งแรงเพื่อระบายความเจ็บที่เบื้องล่าง พักหลังๆมานี้ก็เริ่มจะชินบ้างแล้ว แต่เพราะวันนี้ร่างสูงอารมณ์ไม่ดีหรือยังไงไม่รู้ ทุกการขยับมันถึงได้ทำให้เจ็บขนาดนี้

กำลังลงโทษเขาอยู่ใช่ไหม?

“ ฮ๊ะอ้า...”     เสียงครางดังออกมาเมื่อแกนกายที่รู้จักภายในร่างกายเล็กเป็นอย่างดีจงใจเสียดสีเข้าไปที่จุดไวสัมผัส น้ำตาหยดน้อยปริ่มอยู่ที่ดวงตาคู่โต ไม่รู้ว่ามันไหลออกมาเพราะว่าเจ็บหรือเพราะรู้สึกดีกันแน่

รู้แต่ว่าตอนนี้เขากำลังถูกความรุนแรงนั้นค่อยๆครอบงำจนเผลอขยับตาม...อารมณ์ร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามแรงกระแทกที่ทั้งรวดเร็วทั้งรุนแรงจนสะโพกแทบจะรับไม่ไหวถ้าไม่ติดที่มือใหญ่รั้งมันเอาไว้ จนกระทั้งความหนักหน่วงครั้งสุดท้ายถูกกระแทกเข้ามาพร้อมๆกับความอุ่นวาบที่ฉีดอาบอยู่ภายใน

ร่างกายของร่างสูงยังไม่ยอมถอนออกไป ส่วนร่างเล็กที่ไม่สนใจอะไรอีกได้แต่นอนหอบอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

จู่ๆอ้อมแขนแข็งแรงที่ทำร้ายกันมาไม่รู้เท่าไหร่ก็คว้าไหล่เล็กเข้าหาตัวก่อนที่จะกอดรัดร่างเล็กๆนั้นเอาไว้ ให้นัยน์ตากลมโตได้แต่เบิกกว้าง ใบหน้าคมซุกลงมาที่ซอกคอก่อนจะกระซิบเป็นคำพูดออกมาแผ่วเบา

“ ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้อย่าง...ว่าจงอยู่ห่างๆยามาโมโตะ ทาเคชิ เอาไว้...”    ก็พอจะรู้มาอยู่บ้างว่าสองพี่น้องนี่ไม่ค่อยลงรอยกัน

“ ก่อนหน้านี้นัยน์ตาของเจ้านั่นเหมือนดวงตาของคนตายที่ไม่อยากได้อะไร ไม่ยึดติดกับอะไร....แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่กลับมาจากอิสุ....ข้าถึงได้มองเห็นความหิวกระหายอะไรบางอย่างในดวงตาของเจ้านั่น....และมันจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะได้สิ่งนั้นมาครอบครอง”     คำพูดที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้ใบหน้าเล็กครุ่นคิดตาม...เพราะสายตาของยามาโมโตะยามที่พูดถึงฮายาโตะนั้นมันมีแววที่ต่างออกไปจากนัยน์ตาที่มืดมนยามปกติ......เป็นไปได้หรือไม่ว่า.......

“ และในฐานะที่ข้ากับเจ้านั่นเป็นทั้งพี่น้องเป็นทั้งคู่แข่งกันมาตั้งแต่เกิด....ข้ากล้าบอกเลยว่า....ยามาโมโตะ ทาเคชิ สามารถทำลายทุกอย่างที่กีดขวางเส้นทางซึ่งนำไปสู่สิ่งที่มันต้องการ”      จู่ๆอ้อมแขนก็กระชับร่างกายของเขาเข้าไปหาอีกจนแทบจะไม่มีที่ว่าง น้ำเสียงที่เอ่ยแต่ละประโยคออกมามันช่างฟังดูราวกับว่ากำลังเป็นห่วง

“ อย่าให้มันหลอกใช้ อย่าตกไปเป็นเครื่องมือของมัน....และ...อย่าทรยศข้า”    

นัยน์ตากลมโตเบิกขึ้นก่อนจะหรี่ลงด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าน่ารักแนบไปกับแผงอกแข็งแกร่ง

ข้าจะคิดว่านั่นคือคำสารภาพรักจากเจ้าได้หรือไม่...ฮิบาริ เคียวยะ....





ร่างสูงใหญ่เดินไปตามระเบียงทางเดิน ในอ้อมแขนแข็งแรงหอบโกโตะสีดำที่ถูกวางทิ้งไว้บนลานหินกลับมาให้ด้วย นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปข้างหน้าพรางครุ่นคิด

น่าสนใจจริงๆ...กับปฏิกิริยาของผู้เป็นพี่ชายเมื่อครู่นี้....ปกติ ฮิบาริ เคียวยะ เคยสนใจใครที่ไหน...นี่ถึงขั้น.....

“ เอ่อ...นายน้อย....”      ในขณะที่ขาก้าวเดินไปยังเรือนของตัวประกันจากอิสุ ข้ารับใช้คนหนึ่งก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน ใบหน้าคมจึงมองกลับไปด้วยสายตาสงสัย

“ ข้าว่า....ท่านอย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้เลยจะดีกว่า....”      นางหันไปมองประตูห้องที่อยู่ไม่ไกลอย่างหวาดๆ เสียงร้องห้ามทั้งเสียงครางที่ดังลอดออกมาทำให้ใบหน้าคมถึงกับนิ่งงัน

ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก.....แบบนี้นี่เอง....

“ ถ้าเช่นนั้น ข้าวานเจ้าเอาโกโตะนี่ไปคืนสึนะโยชิด้วยก็แล้วกัน”

แล้วโกโตะในอ้อมแขนก็ถูกส่งต่อให้ข้ารับใช้ ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากตรงนั้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ....ในที่สุดข้าก็หาพบจนได้....

จุดอ่อนของเจ้า...ฮิบาริ เคียวยะ





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




= =” ชักจะดูไม่ออกบอกไม่ถูกว่าเมะของเคะคนไหนจะร้ายกว่ากัน = =?

ว่าจะเม้าท์อะไรน้า....ลืม....ไว้นึกออกค่อยมาใหม่ 555....ช่วงนี้อาจหายหน้าหายตาไปบ้าง แบบว่านรกกำลังกลับมาเยือนที่ออฟฟิศแล้วค่ะ *พรากๆ* แต่ยังไงจะพยายามอัพดาวตกอย่างต่อเนื่องเน้ อยากให้จบก่อนที่โกดังนี้จะปิดจริงๆ ฮึบๆ

ตอนนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างย้ายโกดังค่ะ อะไรของตรูเยอะนักหนาฟ๊ะเนี่ย =[ ]=

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า(อยู่ในโหมดใกล้จะสิ้นใจ ตารางส่งงานบ้าระห่ำมากช่วงนี้ T^Tอาคารหลังนึงมันไม่ใช่จะเขียนแบบเสร็จในวันเดียวนะเฮ้ย! *แยกเขี้ยว*)


3 ความคิดเห็น:

  1. นี่มัน ปีศาจกะซาตานมาอยู่บ้านเดียวกันซะแล้วสินะเนี่ยย

    สงสารก๊กจังเลย โดนจับล่ามโซ่ ทำให้เราคิดถึงละครเรื่องจำเลยรักเลย อา.....แค่คิดก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงเพลงแว่วมา ...เชิญคุณลงทัญฑ์บัญชา...จมสมอุราจนสาแก่จายยยยยยย ฮิ้ววววววววว

    มีแววว่าก๊กจะแหกคุกแล้วหนีไปอ๊ะป่าว แต่ที่แน่ๆยามะ แกอย่ามืดมากได้ป่าว เดียวจะแต่งฟิกให้ก๊กเกลียดแกซะเลยนี่ ฮึ่มๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. ค่อยยังชั่ว นึกว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ ซะอีก
    สงสารก๊ก ดูเหมือนว่าคู่รองจะลงเอยกันได้ก่อนคู่หลัก(?)
    ปล. ชอบจริงๆ ยามะดาร์ก หึหึหึ
    สู้ๆ นะคะพี่กวาง

    ตอบลบ
  3. ยามะเริ่มร้ายแล้วววววววววว
    ฮินี่เพิ่งรู้ว่าขี้หึวขี้หวง ก๊ากกกกกกกกกกกกกก
    ดีใจน้าที่ไม่ได้เปนพี่น้องกันง่า5555555555
    ตอนนี้ก๊กน่าสงสาร

    ตอบลบ